คิดบวก Positive Thinking มองโลกในแง่ดี ดีจริงหรือ???

----------
มองโลกในแง่ดี......มีความสุข

มองโลกตามความเป็นจริง.......พ้นทุกข์
----------

 

ศักยภาพ = อำนาจหรือคุณสมบัติที่มีแฝงอยู่ในบุคคลหรือสิ่งต่างๆ อาจทำให้พัฒนาหรือให้ปรากฏเป็นสิ่งที่เห็นได้มากขึ้น

ความสำเร็จทั้งทางโลก ทางธรรมล้วนต้องอาศัยศักยภาพ

การพัฒนาศักยภาพความสามารถของคนทำได้โดย การพัฒนาเพิ่มความสามารถให้กับอาการเพียง4อย่าง ได้แก่

คิด
ฟัง
พูด
ทำ

แค่4อย่างแต่พูดกันยาว

คิดดี ฟังดี พูดดี ทำดี
คิดถูก ฟังถูก พูดถูก ทำถูก

พระพุทธเจ้าแจงไว้หมดแล้วอยู่ที่ว่าใครจะเอามาปรับใช้กับตัวเองได้มากกว่ากัน คนที่ทำความเข้าใจได้มากย่อมเข้าไกล้ความสำเร็จได้มาก ทั้งทางโลก ทางธรรม

ฝรั่งเอาเรื่องเหล่านี้มาเปิดเป็นการอบรม พัฒนา เพิ่มความสุึข ความสามารถ เพิ่มพลังความสำเร็จทางโลก สอนคนไทยเก็บค่าอบรม กว่าจะจบการอบรมต้องจ่ายเป็นแสน

 

พระพุทธองค์ ตรัสบอกว่า ภิกษุในธรรมวินัยของพระพุทธองค์
สามารถพิจารณาสิ่งไม่งาม ให้ดูว่างามได้ และ สามารถพิจารณา
สิ่งที่งาม ว่าไม่งามได้

แต่ถ้า Postive Thinking แบบทั่วๆไป จะเห็นได้แค่ ด้านเดียว
พอถามว่าเห็นอีกด้านได้ไหม จะนึกไม่ออก หรือ นึกออกก็ไม่พูด
จิตไม่สามารถน้อมไป

เช่น

ครั้งหนึ่ง พระตถาคตไปบิณฑบาตรในเมือง ผ่าน สำนักคำสอนหนึ่งที่
เน้นสอนเรื่องเมตตา(ธรรมชาติที่งาม) อ้างว่าสำนักตน เห็นทุกสิ่งงามไปหมด

แต่พอได้ข้าวพระตถาคตเสด็จผ่านมา ในใจก็ระลึกได้ว่า ขี้ เนี่ยะ ไม่มีใคร
สามารถเห็นว่างามได้ ในใจเขารู้ของเขาอยู่ว่า ขี้เนี่ยะ มองยังไงก็ไม่งาม แต่
ความที่ปิดบังซ่อนเร้นด้วยสภาพสกปรกรุงรังของตน คนจึงไม่ค่อยเอ่ยถาม

ก็เลยกะว่า นี่คงเป็นไม้เด็ด ที่จะเล่นงาน พระถตาคต ก็เลยออกไปนิมนต์มา
รับบิณฑบาตร พอพระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่ห้องโถง ท่ามกลางศิษย์ของสำนัก
นั้น ผู้เป็นหัวหน้าก็ ตักขี้ใส่บาตร

พระพุทธองค์ก็ ฉัน ของที่อยู่ในบาตรนั้นด้วยอาการปรกติ

เจ้าสำนักก็ได้ที แม้ไม่กิน ก็เท่ากับ ยังมีอาสวะเห็นของไม่งามอยู่ ย่อม
ไม่สิ้นกิเลส หรือ แม้กระทั่งกิน ก็เท่ากับไม่รู้เหนือรู้ใต้ ต้องวิกลจริตแน่ๆ
ก็เลยบอกว่าที่ ฉันอยู่หนะ ขี้!! นะ

พระพุทธองค์ก็ตรัสบอกว่า เราตถาคตสามารถเล็งเห็นสิ่งที่ไม่งาม ให้งามได้
และ เล็งเห็นสิ่งที่งาม ให้ไม่งามได้ แต่ท่านไม่สามารถเล็งเห็นได้แค่ด้านเดียว

................เรื่องตรงนี้ไม่แน่ใจ......... น่าจะมีการ ท้าทาย ให้กินขี้ให้ดู
ต่อหน้าศิษย์......แต่โดยปรกติไม่น่าจะต้องทำอย่างนั้น....ลำพังแค่ เจ้าสำนัก
สลดใจ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จิตอ่อนโยน แล้วผลิกมาเห็นคุณค่าของ
บุคคลที่สามารถมองเห็นได้ทั้งสองด้าน ว่านี้คือ ความจริง...แท้กว่า


สรุปคือ

การทำจิตใจให้พ้น(อาสวะ) นั่นคือ สำนวนที่ว่าทำจิตให้ผ่องใส

ส่วนสำนักอื่นๆ ใช้คำว่าทำจิตให้ผ่องใสได้แค่ คิดดีเข้าไว้ เท่านั้น

 

ดิฉันชอบความหมายของการมองโลกในแง่ดีจากสองบทความนี้นะ และส่วนตัวดิฉันก็คิดในทำนองนี้แหละว่า การมองโลกในแง่ดี คือการมองโลกตามความเป็นจริง เห็นสิ่งที่ดีและไม่ดีที่ปนอยู่ร่วมกัน แต่เลือกให้กำลังใจตัวเองและคนอื่นด้วยการคิดในด้านดีไม่จมปลักกับสิ่งที่เป็นลบเพราะมันบั่นทอนตัวเรา
v
v
v
มองโลกในแง่ดี : คนทีความสุขคือคนที่มีความหวังเต็มเปี่ยม

แสดงกระทู้ - มองโลกในแง่ดี ใช่หลอกตัวเองไหม ? (พระไพศาล วิสาโล) • ลานธรรมจักร

 

สั้นๆ ตรงตัว ไม่ต้องตีความ ถูกใจใช่เลย

 

โอ้..ขอบคุณ อนุโมทนาทุกกระทู้ค่ะ...สั้น เข้าใจ มองเห็น และทำได้...

 

คนทั่วไป มองโลกในแง่ดี ก็เพื่อปฏิเสธความทุกข์
คนฉลาด มองโลกในแง่ร้าย เพื่อเสริมสร้างปัญญา
คนมากปัญญา มองโลกตามที่มันเป็น และอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติ
คนเขลา มองโลกสักแต่ว่ามอง