จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=KepXdleYGrY&feature=related]แผ่เมตตา...สัพเพสัพตา- YouTube[/ame]​

    ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาให้แก่เจ้ากร­รมนายเวรและสัตว์สรรพสิ่งทั้งหล­าย จงเป็นสุขเป็นสุขเทอญ สาธุ

    แผ่เข้าไป แผ่เท่านั้น ให้เขาไป ให้ให้หมด ให้ลูกเดียว
    ให้เท่านั้น ที่จะโลก ฮ่าๆ
    ลองฟังดูนะ ชื่นใจดี ใครใจไม่ดี ขอให้แผ่เมตตาเยอะๆ
    แล้วท่านจะสบยใจไปเอง ลองทำกันดูดิ่ แค่ฟังก็ชื่นแล้ว
    ยิ่งแผ่บุญกุศลให้แก่พวกเขาไป เราก็ยิ่งมีแต่ความสุขใจมากยิ่งไปอีก

    เอ๊าไปฟัง ไปแผ่กันเองนะะะ ลูกหลานเอ๊ย!


    ***ลืมอะไรก็ลืมได้ ลืมกาย ลืมกระเป๋าสะตางค์ก็ลืมไป
    แต่พวกเราอย่าลืม สติ

    สตินะะะ สติ
    สติครับบบ สติ


    ใครไม่ลืมสติิิ ขอให้คนนั้น ร่ำรวยทั้งทางโลกและทางธรรม

    (น้องกิ๊บบก๊าบบท่องใหญ่เลย ฮ่าๆ กัวจนหรอไง๊?)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กรกฎาคม 2012
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความจริงไม่มีใครทุกข์
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=XRJZx7EOJa0&feature=related]ความจริงไม่มีใครทุกข์ - YouTube[/ame]
    พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว
    วัดพระธาตุผาแก้ว

    *ใครบอกว่า ไม่มีใครทุกข์ ก็พวกที่แบกทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้ไง๊
    ฮ่าๆ สำหรับคนที่ไม่รู้จักทุกข์ คนที่ไม่เรียนรู้ คำว่า ทุกข์นั้น คืออะไร
    เรื่องของเรื่อง ปัญหาต้นเหตุแห่งทุกข์นั้น ก็คือ พวกเราไม่สนใจจิต
    คือไม่สนใจดูจิต ไม่ให้ความสำคัญกับจิตตนเอง

    แต่ถ้าหากใครมาเรียนรู้เรื่องจิตตนเองแล้ว ก็จะทราบกันดีว่า...

    ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น(ไตรลักษณ์)
    ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่
    ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป(นิพพาน)

    ญาณทัสสนวิสุทธิ์ หมายความอะไร???
    (ใครอยากรู้ ดูให้จบ)
     
  3. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    กระทู้ไปหน้า150แล้ว แต่ผมเข้าได้แค่148 ไม่ยอมให้ไปต่ออ่ะ ทำยังไงดีครับ
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ญาณ แปลว่า???

    (สำหรับ(จิต)ผู้ไปไกล หรือผู้สนใจ)

    ญาณ แปลว่า ความรู้ คือ ปรีชาหยั่งรู้ ปรีชากำหนดรู้ หรือ กำหนดรู้ได้ด้วยอำนาจการบำเพ็ญวิปัสสนา เรียกว่า วิชชา บ้าง
    ญาณ เป็นไวพจน์คำหนึ่งของปัญญา แต่มักใช้ในความหมายที่จำเพาะกว่า คือเป็นปัญญาที่ทำงานออกผลมาเป็นเรื่องๆ กล่าวได้ว่า ญาณ คือ ความรู้บริสุทธิ์ที่ผุดโพลงสว่างแจ้งขึ้น มองเห็นตามสภาวะของสิ่งนั้นๆ หรือเรื่องนั้นๆ บางครั้งญาณเกิดขึ้นโดยอาศัยความคิดเหตุผล แต่ญาณนั้นเป็นอิสระจากความคิดเหตุผล คือไม่ต้องขึ้นต่อความคิดเหตุผล แต่ออกไปสัมพันธ์กับตัวสภาวะที่เป็นอยู่จริง
    มีการกล่าวถึงญาณในหลายลักษณะ หรืออาจจัดแบ่งญาณได้เป็น ญาณ3 (3หมวด) และ ญาณ16 (ในวิปัสสนาญาณ) ดังนี้

    ญาณ3 ได้แก่ วิชชา3
    คำว่า ญาณ ในความหมายเฉพาะ หมายถึง พระปรีชาหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้า ความรู้แจ้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เรียกเต็มว่า โพธิญาณ หรือ สัมมาสัมโพธิญาณ มี 3 อย่าง หรือที่เรียกว่าวิชชา3 คือ
    • บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกถึงขันธ์ที่เกิดในอดีตได้ คือ ระลึกชาติได้
    • จุตูปปาญาณ ความรู้ในจุติและอุบัติของสัตว์โลกได้ เรียกว่า ทิพพจักขุญาณ หรือ ทิพยจักษุญาณ บ้าง
    • อาสวักขยญาณ ความรู้ในการกำจัดอาสวกิเลสให้สิ้นไป
    ญาณ3 ในส่วนอดีต-อนาคต-ปัจจุบัน
    ญาณ3 อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่
    • อตีตังสญาณ หมายถึง ญาณในส่วนอดีต
    • อนาคตังสญาณ หมายถึง ญาณในส่วนอนาคต
    • ปัจจุปปันญาณ หมายถึง ญาณในส่วนปัจจุบัน
    ญาณ3 ในการหยั่งรู้อริยสัจจ์
    ญาณ3 อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่
    • สัจจญาณ หมายถึง ญาณในการหยั่งรู้อริยสัจจ์แต่ละอย่าง
    • กิจจญาณ หมายถึง ญาณในการหยั่งรู้กิจในอริยสัจจ์
    • กตญาณ หมายถึง ญาณในการหยั่งรู้กิจอันได้ทำแล้วในอริยสัจจ์
    ญาณ16 และ วิปัสสนาญาณ 9
    ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค และคัมภีร์วิสุทธิมรรค มีการบรรยายขั้นต่างของการวิปัสสนา เป็น 16 ขั้น หรือเรียกว่า ญาณ16 (โสฬสญาณ) เป็นญาณที่เกิดแก่ผู้บำเพ็ญวิปัสสนา โดยลำดับตั้งแต่ต้น จนถึงจุดหมายคือมรรคผลนิพพาน คือ
    • นามรูปปริจเฉทญาณ หมายถึง ญาณกำหนดแยกนามรูป
    • นามรูปปัจจัยปริคคหญาณ หมายถึง ญาณจับปัจจัยแห่งนามรูป
    • สัมมสนญาณ หมายถึง ญาณพิจารณานามรูปโดยไตรลักษณ์
    • อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณตามเห็นความเกิดและความดับแห่งนามรูป วิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้(ระหว่างเกิดถึงดับ เห็นเป็นดุจกระแสน้ำที่ไหล)
    • ภังคานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณตามเห็นจำเพาะความดับเด่นขึ้นมา(ระหว่างดับถึงเกิด)
    • ภยตูปัฏฐานญาณ หมายถึง ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว ไม่แน่นอน ดุจกลัวต่อมรณะที่จะเกิด
    • อาทีนวานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณคำนึงเห็นโทษภัยของสิ่งทั้งปวง ผันผวนแปรปรวน พึ่งพิงมิได้
    • นิพพิทานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณคำนึงเห็นด้วยความเบื่อหน่าย
    • มุจจิตุกัมยตาญาณ หมายถึง ญาณหยั่งรู้อันใคร่จะพ้นไปเสีย
    • ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณอันพิจารณาทบทวนเพื่อจะหาทางหนี
    • สังขารุเบกขาญาณ หมายถึง ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางวางเฉยต่อสังขาร
    • สัจจานุโลมิกญาณ หมายถึง ญาณเป็นไปโดยควรแก่การหยั่งรู้อริยสัจจ์(พิจารณาวิปัสสนาญาณทั้ง๘ที่ผ่านมา ว่าเป็นทุกข์ เมื่อเห็นทุกข์ก็เห็น สมุทัย นิโรธ มรรค โดยแต่ละญาณเป็นเหตุเกิดมรรค ทั้ง๘ ตามลำดับ )
    • โคตรภูญาณ หมายถึง ญาณครอบโคตร คือ หัวต่อที่ข้ามพ้นภาวะปุถุชน (ถ้าเป็นอริยบุคคลแล้ว จะเรียกว่าวิทานะญาณ)เห็นความทุกข์จนไม่กลัวต่อความว่าง ดุจบุคคลกล้าโดดจากหน้าผาสู่ความว่างเพราะรังเกียจในหน้าผานั้นอย่างสุดจิตสุดใจ
    • มัคคญาณ หมายถึง ญาณในอริยมรรค
    • ผลญาณ หมายถึง ญาณอริยผล
    • ปัจจเวกขณญาณ หมายถึง ญาณที่พิจารณาทบทวน

    แต่เมื่อกล่าวถึงวิปัสสนาญาณโดยเฉพาะ อันหมายถึงญาณที่นับเข้าในวิปัสสนา หรือญาณที่จัดเป็นวิปัสสนา จะมีเพียง 9 ขั้น คือ
    ตั้งแต่ อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ถึง สัจจานุโลมิกญาณ
    (ตามปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ (ขั้นหนึ่งใน วิสุทธิ7) ที่บรรยายในคัมภีร์วิสุทธิมรรค แต่ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ นับรวม สัมมสนญาณ ด้วยเป็น10ขั้น)
    • วิปัสสนาญาณคืออุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ภังคานุปัสสนาญาณ นั้นเห็นอนิจจัง
    • วิปัสสนาญาณคือภยตูปัฏฐานญาณ อาทีนวานุปัสสนาญาณ นิพพิทานุปัสสนาญาณ นั้นเห็นทุกขัง
    • วิปัสสนาญาณคือมุจจิตุกัมยตาญาณ ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ สังขารุเบกขาญาณ นั้นเห็นอนัตตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กรกฎาคม 2012
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความหมายของ
    คำว่า

    ญาณทัสสนวิสุทธิ
    วิสุทธิ

    วิสุทธิ หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความหมดจด
    ในทางพระพุทธศาสนา มีการกล่าวถึง วิสุทธิ 7 ซึ่งหมายถึง ความบริสุทธิ์ที่สูงขึ้นไปตามลำดับ เป็นการทำให้บริสุทธิ์ ด้วยการฝึกฝนตนเองที่เรียกว่าไตรสิกขา ไปโดยลำดับ จนบรรลุจุดมุ่งหมายคือนิพพาน มี 7 ขั้น คือ
    • ศีลวิสุทธิ หรือ ความหมดจดแห่งศีล คือ การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตั้งใจรักษา ทำให้สามารถปฏิบัติ สมาธิกับวิปัสสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • จิตตวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งจิต คือ การฝึกอบรมจิตจนบังเกิดสมาธิ ให้ได้อุปจาระสมาธิและอัปปนาสมาธิ ได้ฌาน ได้อภิญญาสมาบัติ อันเป็นปทัฏฐานที่สำคัญเพราะจะทำให้เกิดวิปัสสนาขึ้นได้ง่าย ยิ่งสมาธิดีเท่าใดยิ่งบรรลุได้ง่ายเท่านั้น.
    • ทิฏฐิวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งทิฏฐิ คือ ความรู้เข้าใจ มองเห็นนามรูปตามสภาวะที่เป็นจริง เห็นรูปธาตุและนามธาตุเป็นคนละธาตุกันอย่างชัดเจน เป็นเหตุข่มความเข้าใจผิดว่ารูปขันธ์นี้เป็นเราเสียได้ เริ่มดำรงในภูมิแห่งความไม่หลงผิด
    • กังขาวิตรณวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย ความบริสุทธิ์ขั้นที่ทำให้กำจัดความสงสัยได้ คือ กำหนดรู้ปัจจัยแห่งนามรูปได้แล้วจึงสิ้นสงสัย เห็นปฏิจจสมุปบาท
    • มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องรู้เห็นว่าทางหรือมิใช่ทาง จิตรับรู้ถึงกระแสแห่งไตรลักษณ์ได้
    • ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน (วิปัสสนาญาณ 9)รู้ทุกขอริยสัจจ์ทั้ง๘ระดับจึงรู้สมุทัยอริยสัจจ์ทั้ง๘ จึงรู้นิโรธอริยสัจจ์ทั้ง๘ จึงรู้มรรคอริยสัจจ์ทั้ง๘ และพิจารณาทั้งสิ้นพร้อมกัน (สามัคคีธรรม)เมื่อถึงสัจจานุโลมมิกญาณ คือหมุนธรรมจักรทั้ง๘ และพิจารณาดุจผู้พิพากษาพิจารณาเหตุทั้งสิ้น
    • ญาณทัสสนวิสุทธิ หมายถึง ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ คือการปฏิบัติบริบูรณ์จนก้าวผ่านภูมิจิตเดิมคือโคตรภูญาณและวิทานะญาณ ได้ความรู้แจ้งในอริยมรรคหรือมรรคญาณ ความบรรลุเป็นอริยบุคคลหรือผลญาณ พิจารณาธรรมที่ได้บรรลุแล้วคือปัจจเวกขณะญาณ ย่อมเกิดขึ้นในวิสุทธิข้อนี้ เป็นอันบรรลุผลที่หมายสูงสุดแห่งวิสุทธิ หรือไตรสิกขา หรือการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น

    วิสุทธิ 7 กับ วิปัสสนาญาณ
    วิสุทธิ 7 เป็นปัจจัยส่งต่อกันขึ้นไปเพื่อบรรลุนิพพาน อันหมายถึงการปฏิบัติธรรมนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน มิใช่ทำเพื่อบรรลุเป็นอริยบุคคล(ญาณทัสสนวิสุทธิ)คือแม้แต่การเป็นพระอรหันต์ก็ยังมิใช่เป้าหมายสูงสุดแต่เป็นเพียงทางผ่าน ดังบรรยายในรถวินีตสูตร(พระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก)เปรียบวิสุทธิ 7 กับรถเจ็ดผลัด ส่งต่อกันให้บุคคลถึงที่หมาย

    ที่มา:
    วิสุทธิ - วิกิพีเดีย

    ***อ่านเพื่อประดับความรู้
    มิใช่ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอดกันนะ
    ปฎิบัติกันเยอะๆ อ่านกันน้อยๆ(ทางธรรมนะะะ)
    เรียนรู้กันเยอะๆ ปฎิบัติกันน้อยๆ(ทางโลกนะะะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กรกฎาคม 2012
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ๊า! คุณwatjojoj ผู้น่าฉงฉาน
    ทำไม๊ถึงเป็นเช่นนี้ได้หล่ะ คนอื่นก็เข้ากันได้ปกตินะ คุณพี่

    กระทู้กำลังเงียบๆ เดี๋ยวจะเป็นข่าวใหญ่
    เพราะท่านพี่เขาไปเปิดกระทู้ใหม่เพื่อตามหา กระทู้นี้
    ใครมีมอเตอร์ไซด์ไปรับพี่ท่านแกหน่อยดิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กรกฎาคม 2012
  7. ธัมมัง

    ธัมมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +140
    สวัสดีค่ะ ขอรายงานตัวอย่างเป็นทางการค่ะ ซุ่มเงียบมาพักหนึ่งแระอิอิ
    ความจริงแอบอยู่หลังพี่เพ็ญมาพักใหญ่แล้ว (แอบมิดแน่นอนเพราะตัวเล็กกว่า5555)
    สวัสดีค่ะพี่ภู(มั่วเอาเป็นพี่ไว้ก่อน ไม่รู้จะรับหรือเปล่า)
    น้องคนนี้ยังผีเข้าผีออกอยู่ค่ะ คงต้องได้รับการขัดถูอีกเยอะ ตอนนี้อยากขาวแล้วค่ะ
    แค่นี้ก่อนดีกว่าเดี่ยวไม่มีใครอ่าน คริ คริ
    ขวัญ
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ยินดีต้อนเข้าเล้า
    เอ๊ย! ยินดีต้อนรับครับผม
    มาช้าดีกว่าไม่มา

    พี่ขวัญตามหาน้องเรียมมาตั้งนานแร๊ะ
    อ๊าว! ตกลงใครเป็นขวัญ ใครเป็นเรียม พี่ภูชักจะเริ่มงงละ

    จะเรียกพี่ภู น้องภู หรือว่าลุงภูก็ได้นะ(ประชด) อันนามสมมุตินั้น ข้าพเจ้าเข้าใจดีครับ
    เอาแล้วๆมาเรียกครูเพ็ญอ้วน ฮ่าๆ มีหวังเธอจะโดนมิใช่น้อย

    ตกลงเราพร้อมรึยัง เอาแปลงลวดหรือว่าแปลงขนสัตว์ดีนะ
    ตกลงเธอมีค่ายรึยัง? ที่นี่เขามีค่ายกันหมดแล้วนะ

    เอ๊าให้เธอไปเลือกภาพพระที่เธอรัก เคารพและบูชาที่สุด มาหนึ่งภาพ
    และพร้อมฝึกทำจิตเกาะ/จำ/จับ/นึก/ระลึกถึงพระไปพลางๆก่อน
    ในระหว่างรอครูเพ็ญคนเก่ง
    แต่ถ้าเธอดูภาพพระพอจะจำได้แล้ว ต่อไปก็ให้เธอลองกำหนดถึงภาพพระกันดูไปเรื่อยๆนะ
    แต่เธอไม่ต้องไปกังวลว่า เมื่อไหร่ภาพพระจะชัด หรือภาพพระจะใส
    เพราะผู้มาใหม่ หรือผู้ฝึกใหม่ ไม่มีใครเขาทำได้เลยหรอกนะ
    ที่ให้เธอกำหนด หรือระลึกถึงภาพพระนั้นกัน เพื่อจุดประสงค์ก็คือ การสร้างสติของเธอให้เกิดบ่อยๆก่อน
    แต่เมื่อไหร่สติเธอเกิดขึ้นบ่อยแล้ว จิตก็จะนิ่งมากไปตามลำดับความขยัน หมั่นเพียรของผู้ปฎิบัติเองเป็นหลัก
    แต่เมื่อไหร่จิตจะเข้าสู่ความนิ่งสงบแล้ว ภาพพระก็จะเริ่มชัดขึ้น
    และชัดมากยิ่งขึ้นไปจนภาพพระนั้นใสเป็นแก้ว หรือเป็นสีประกายพรึก คือแสงพระอาทิตย์สะท้อนบนผิวน้ำ หรือแสงระยิบระยับดุจแห่งดาวบนท้องฟ้า
    นั่นก็หมายถึง จิตเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว หรือจิตเริ่มจะทรงฌานได้แล้ว

    แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เธอจะดู เธอจะรู้ว่าอาการ หรืออารมณ์ของจิตตนเองเป็นเช่น หรือตอนนี้จิตของเราอยู่ที่ไหน ทำอะไร เป็นต้น
    แต่เธอกว่าเธอจะตามอาการ หรืออารมณ์ของจิตตนเองได้
    ก็ต้องบอกว่า เธอสร้างสติตนเอง หรือระลึก นึกถึงภาพพระได้บ่อย
    และนานไหม๊?
    แต่ถ้าเธอขยันทำ สติก็เยอะและต่อเนื่องด้วยนะ และอีกไม่นานจิตเธอจะนิ่งไว และภาพพระที่ปรากฎภายในจิตก็จะยิ่งใสไวตามไปด้วย

    แค่นี้ก่อน ปฎิบัติทีละขั้น
    ก่อนอื่นขอให้เธอไปเลือกภาพพระก่อน แล้วเธอค่อยไปเลือกครูเอง
    (ขอกระซิบว่า เข้าหาครูเพ็ญก่อน เอากายท่านบังก่อน เพราะเธอบอกว่า เธอตัวเล็กกว่า)

    งานนี้พี่ภูไม่เกี่ยวนะะะ ฮ่าๆ


    ปล. ฟ้องครูเพ็ญอีกคนดีก่า ครูเพ็ญๆลูกหว้า ไหนบอกว่าจะขอลาตาย
    เอ๊ย! ลากาย พักกาย บอกว่าไม่เข้าไปในเวปพลังจิต ฝากพี่นกชายชาตรีกับคุณหญิงจารุณี ดูแลเวปบอร์ดแทน
    ที่ไหนได้ผมไปสังเกตการณ์มานะ เห็นเธอเกาะเวปทุกวันเลย
    พี่ภู..ตอนขี้ฟ้อง ฮ่าๆ
     
  9. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    จิตยอมแล้ว

    การพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงนั้น.. ด้วยอุบายปัญญา
    ควรพิจารณาทีละส่วนๆ.. เป็นชั้นๆลึกเข้าไป.. เป็นลำดับไป
    หากเผลอสติไม่ได้ จิตยังคงวิ่งออกไปหาสู่อารมณ์ภายนอก..
    ทำความเพียรอยู่อย่างนี้จิตมันก็ไม่ยอม 
    มันคงไปตามเรื่องตามราวของมันเช่นเคย
    พิจารณาอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืนทุกอริยาบท 

    การพิจารณานั้นจะละเอียดอย่างไร..
    ขึ้นอยู่กับอุบายความแยบคายของปัญญาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น..

    การพิจารณาด้วยอุบายปัญญานั้นจะสิ้นสุดลง
    จนกว่าจิตพลันก็ยอมรับตามความจริง ตามเหตุผลของปัญญา 
    ยอมตัวอย่างนักโทษผู้สำนึกผิด ยอมสารภาพถึงการทำตนแต่โดยดี

    ฉะนั้น นับแต่วินาทีการพิจารณาได้ยุติลง จิตยอมรับเหตุผลของปัญญาแล้ว 
    เพื่อเป็นการทดสอบว่า “จิตยอมแล้ว” 
    จะต้องทดสอบโดยการส่งจิตออกไปหาอารมณ์ภายนอกหลายๆครั้ง
    จิตยังคงสงบตัวไม่ยอมออกไป 
    ตามความกำเริบความทรนงตัว ความโลดโผนของจิต 
    จึงถึงความสงบลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่กำเริบอีกต่อไป 
    จิตคงทรงเห็นตามสภาพความเป็นจริงของธรรมอยู่ทุกเมื่อ..

    โอวาทธรรมของพ่อแม่ครูจารย์หลวงปู่แหวน
     
  10. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เมิลเอาบทความวิปัสนญานตอนป่วยของคุณวิทย์ไปแปะไว้ในเฟสจิตเกาะพระแล้วนะคะ
    ใครมีเฟสก็อย่าลืมเข้าไปคลิ๊ก like กลุ่มจิตเกาะพระด้วยนะคะ หรือว่า share ให้เพื่อนดูด้วยนะคะ เรียกลูกค้า (ศิษย์) ให้ครูทุก ๆ คน
     
  11. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เข้ามาได้ซะที ปรกติใช้firefox เลยเปลี่ยนมาใช้exploerเออ เข้าได้แฮะ (นึกว่าโดนถีบออกจากบอร์ดซะแล้ว ฮิๆๆ)
     
  12. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ♥ คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    จงอย่าทำตนเป็นคนรั้น เอาแต่ชนะผู้อื่นเป็นของไม่ดี ทำตนเป็นผู้แพ้ดีกว่า มุ่งเอาแต่ชนะจิตของตนเองดีกว่า<WBR> หลีกเลี่ยงการปะทะคารมกับคนได้เ<WBR>ป็นของดี และจงอย่าทำตนเป็นคนอวดรู้เป็นอ<WBR>ันขาด

    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน

    ที่มา : FB ศูนย์พุทธศรัทธา
     
  13. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    หลายต่อหลายคนที่เป็นนักปฏิบัติ<WBR>ธรรม รู้อยู่ว่าการมีครอบครัวมีแต่คว<WBR>ามทุกข์แต่ก็ยังมี เป็นเพราะสาเหตุอะไร ? รุ่นน้องอาตมาที่กำลังจะแต่งงาน<WBR> เขาบอกว่าห้ามใจตัวเองไม่ได้ พยายามตัดใจแล้วตัดไม่ได้ ตัวนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด<WBR>เลย ก็คือไม่สามารถที่จะสู้กิเลสไหว

    ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าข้างหน้าอาจจะเป็นนรก แต่ก็กระโดดลงไปแต่โดยดี ช่างมีความกล้าหาญเหลือเกิน เอาความกล้ามาเปลี่ยนเป็นการปฏิ<WBR>บัติธรรมหน่อยเดียว จะได้ดีเยอะเลย เยื่อใยความผูกพันนั้นมีทั้งกรร<WBR>มเก่าที่มาด้วย และการที่กำลังใจเราไม่เข้มแข็ง<WBR>พอ ยอมอ่อนให้กิเลส ในเมื่อสองอย่างรวมกันขึ้นมา ถ้ากำลังเขาสูงกว่าก็เสร็จกิเลส

    พระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
     
  14. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    อะจ้ากกก น้องฟูจิ นี่ของข้างบน เดี๋ยวก้อต้องส่งกลับไปไว้กับท่านพ่อครับผ้มมมมม
    5555555
     
  15. ธัมมัง

    ธัมมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +140
    ขอบคุณค่ะพี่ภู แอบบอกนิ้ดนึงว่าตอนนี้พี่เพ็ญกำลังหวด เอ้ย กวดขันอยู่ค่ะ แหะ แหะ ต้องฉ่งการบ้านบ่อยๆด้วย สู้ สู้ เพื่อพระนิพพานชาตินี้ตามที่ขอไว้ค่ะ:)
     
  16. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สังขาร.. ไม่เที่ยง

    ขอโมทนาสาธุ สาธุกับครูวิทย์ด้วยสักล้านๆครั้งครับ..
    ในขณะที่ท่านเสวยทุกขเวทนา.. ได้ทำการวิปัสสนากายสังขารตนเอง
    ยังอุตส่ามีเมตตาจิต.. เขียนบทความอันเป็นธรรมทานให้แก่ผู้อ่านได้รับธรรมะอีก..
    สาธุๆ.. จิตนี้ช่างยิ่งใหญ่เสียกระไรนี่..

    ดูแลรักษาธาตุขันธ์ด้วยเด้อ.. ถึงจิตไม่เอากับมันแล้ว..
    แต่ว่ายังต้องใช้งานมันต่อไป.. เพื่อทำภาระกิจที่ยิ่งใหญ่นะครับ..



    สัพเพ สังขารา อนิจจาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
    เมื่อใดพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่ยั่งยืน
    สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
    เมื่อใดพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้
    สัพเพ ธัมมา อนัตตาต ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
    เมื่อใดบุคคลพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน, บังคับบัญชาไม่ได้, ไม่เป็นอย่างใจปรารถนา
    อะถะ นิพพิบทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
    นั้นแล เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์จากความทุกข์ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  17. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ต้องดูแลครับ

    ผมบอกทุกคนแล้ว ว่า เรือลำนี้จะไม่จม

    จะนำพาทุกคนไปส่งครับ

    ... และที่สำคัญ ผม กับ น้องหนู ยังเฝ้ารอเจ้าพ่อติงลี่จากแดนใต้ มาเลี้ยง ข้าวเหนียว ส้มตำ น้ำตก คอหมุย่าง ...... 555555555555555

    จิงป่ะน้องหนู อิอิอิ
     
  18. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    จนได้ จนได้ โดนจนได้หนอเรา!!!
    ฮ่าๆๆ ธรรมะนี้จัดหนักสำหรับพี่เพ็ญโดยเฉพาะเลย
    พักนี้โดนตาหลอด ไม่เป็นไรเพื่องานของท่านพ่อ
    ลูกยอมให้ขันธ์ห้าเป็นคนเลวแต่จิตลูกไม่เอากะเลวนะเจ้าคะ
    กราบขอขมาขอประทานอภัยจากท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ
    แฮ่ วันนี้กำหนดจิตกราบขอขมาท่านพ่อในการกระทำเลว ๆ ของขันธ์ห้า
    โดนตบหัวหนัก ๆ ไปสองที โอ่ย ลูกมึน อ่านไรไม่รู้เรื่องเลยเจ้าค่ะ --'
     
  19. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ไยวันนี้เงียบเหงาจังครับ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ***เห็นคนแถวนี้บ่นว่า เงียบเหงาจัง
    ที่บอกว่าเงียบเหงาน่ะ ใจเราหรือเปล่า
    ตามให้ทันจิตกำลังคิดอะไร ขอให้มีสติรู้อีก รู้บ่อยๆ
    สติเกิดระลึกรู้สึกตัวอยู่บ่อยๆ จิตเราจึงจะเริ่มนิ่ง
    เหมือนคนชอบโกหก พอมีคนจับได้จึงอาย นั่น!เหมือนจิตตนเองเลย


    พวกเราพอจะรู้ตัวกันบ้างหรือยังว่า เราเป็นบัวจำพวกแบบใด

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือจิตใจ เมื่อจิตใจดีทุกสิ่งก็จะดี"

    เรียนรู้การฝึกจิต ให้รู้เท่าทันจิต ทำให้ชีวิตเบา เบาจากปัญหา และมีความสุขมากขึ้น

    เราสามารถแบ่งต้นเหตุสิ่งที่ทำให้เกิดสุข ทุกข์ได้ 3 อย่าง คือ ความคิด สติ และจิต อยากให้คุณได้ลองพิจารณาตาม ให้คุณเอาความคิดวางไว้ที่หน้าผาก เอาสติวางไว้ที่คาง เอาจิตวางไว้ที่ใจ คนเราจะมีความสุขได้ต้องมีสติระลึกอยู่ตลอดเวลา สติต้องจับจิตให้ทัน ต้องรู้ให้ทันจิต และอย่าให้จิตกับความคิดไหลมารวมกัน เมื่อจิตเกิดให้เอาสติตบจิตให้ต่ำลง เบาลง เพราะหากสติควบคุมจิตไม่ได้ จิตจะไหลขึ้นไปรวม ฟุ้งขึ้นไปถึงสมอง ที่นี้เกิดปัญหาใหญ่ เราเริ่มทำอะไรตามอารมณ์ ตามจิต จิตกับความคิดจับมือกัน สติควบคุมไม่ได้ ชีวิตก็พาลแต่จะเป็นทุกข์


    ปล. คุณwatjojoj ผมมีอะไรให้คุณเล่น
    ก่อนลืมตาเช้าวันใหม่ จิตผมไปวิปัสสนาอะไรไม่รู้จำไม่ค่อยได้
    ขอเวลาเดี๋ยว รวบรวบสติก่อน จะขวักออกมาให้ได้
    คืออย่างนี้นะ เดี๋ยวเรามาฝึกทำกราฟสติ กราฟจิตของตนเองกันดีกว่า
    สมมุติว่า เราให้ค่า 1-10 คะแนน ดูสิว่าวันนี้เรามีสติมากน้อยเพียงใด
    ใหม่ๆเริ่มต้นที่สติก่อน เพราะบางคนยังตามจิตไม่ทัน เพราะสติเกิดน้อยไป

    แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนี้กันนะ ก็เหมือนเราไม่รู้ว่า ตอนนี้ ขณะนี้เราหายใจเข้า หรือหายใจออก
    แต่ถ้าผมไม่ถามกัน พวกเราก็ไม่รู้จริงมั๊ย
    ลองดูนะ ก็เราอยากเหงาดีนัก
    ใครอยู่ใกล้ๆผมนะ รับรองไม่มีเห่า ฮ่าๆ มีแต่ขำกับขำกลิ้ง ยิ่งใครเป็นลูกหมูนะ ยิ่งกลิ้งไว
    หรือไวกิ้ง
    ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...