เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ท่านพอใจเช่นนั้นกระนั้นนนรึ?

    ...ฉันก็เห็นสมควรอยู่...จุ๊กกรู๊รรรรรร.!
     
  2. Rasri

    Rasri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +37
    ...hello2 :VO >> chearr
     
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ตอบ รูปฝรั่งรัสเซีย...มีครับ ที่วัดป่านานาชาติ หนองป่าพง จ.อุบลฯ มีแน่นอน

    แฮ่ม...แต่ไม่มีรูป ลิโอ ผู้นี้ เพราะเขาเป็นฆราวาส การนำรูปที่เขายังไม่อนุญาตมาลงคงไม่ค่อยเหมาะ และเขาคงไม่อยากดังแน่เลย!
     
  4. s3515941

    s3515941 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,193
    มาให้กำลังใจครับ ตามอ่านอยู่
     
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ฝรั่งรัสเซียฝึกปฏิบัติธรรมค้นหาโมขธรรมจนมาพบ ณ ถ้ำแห่งนี้ พบหลวงปู่ใหญ่มาสอน คุณธรรมชั้นสูงในสมาธิญาณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ลิโอ ชายหนุ่มผู้นี้ รูปลักษณะสูงโปร่ง จมูกโด่งขาวจั๊วะ ใบหน้าก็ออกจะกระเดียดไปทางแขกขาว หรือลูกผสมระหว่างชาวยุโรปผสมมองโกเลียก็มีส่วนคล้าย
    <O:p</O:p
    การเดินทางมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ของลิโอ จากพัทยา จังหวัดชลบุรี เริ่มขึ้นเมื่อเกือบ4 ปี ที่แล้วมา จาการแนะนำของเพื่อนๆภรรยาคนไทยของลิโอ จากนั้นเขาก็จะเดินทางมาด้วยตนเองโดยรถยนต์ส่วนตัว
    ไม่มีเตรียมอาหารใดๆมาด้วยทั้งนั้น มีเพียงน้ำเปล่า ที่เห็นติดมือก่อนเข้าถ้ำ1ขวด พร้อมสะพายย่าม 1 ใบ และมีถุงร่มกรด สะพานหิ้วอีก1อย่าง จากนั้นก็หายเข้าไปหาทำเลปฏิบัติธรรมในหลืบถ้ำ เป็นเวลา 2-3 วัน ห้องน้ำห้องท่า ก็ไม่เคยว่า จะมีใครเคยเห็นเห็นลิโอจะออกมาทำกิจใดๆนอกถ้ำ ตลอดทั้ง2-3วันนี้ และเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ ปีละ 4-5 ครั้ง มาโดยตลอด


    และโดยเฉพาะวันสำคัญของทางสำนักสงฆ์หรือของพระอาจารย์ ลิโอก็จะเดินทางมาร่วมงานด้วยเสมอ มิเคยขาด แต่...บางทีก็มาก่อนงานบ้างหรือ หลังงานเสร็จไปแล้วบ้าง เพราะไม่รู้กำหนดการที่แน่ชัดของทางวัดชัดเจน และไม่รู้จะไปสอบถามกับใครได้ อาศัยเพียงญาณรู้บางอย่าง หรือความฝันบางอย่างที่ปรากฏ เป็นสื่อนำร่อง คาดการณ์เท่านั้น

    <O:p</O:p
    โดยที่ก่อนที่จะมีงานสำคัญ พระอาจารย์จะเข้าสมาธิญาณแผ่เมตตาออกไป แก่บรรดาลูกศิษย์ ปรากฏเป็นความฝัน หรือว่าเป็นนิมิตหมายแห่งฝันทุกครั้ง ก็ว่ากันไปตามเข้าใจ ที่เกี่ยวกับพระอาจารย์หรือเกี่ยวกับที่ถ้ำแห่งนี้ การสื่อแบบนี้ก็จะเป็นรหัสรู้กันดี ในหมู่บรรดาลูกศิษย์ที่ปฏิบัติธรรมว่าที่สำนักสงฆ์ คงมีงานบุญ ที่ต้องการให้ลูกศิษย์ไปร่วมงานแน่ๆ หากไม่รู้กำหนดการแน่ชัดก็จะสืบหาข่าวกันเอาเองว่าที่วัดมีงานอะไรมั๊ย?
    <O:p</O:p
    จากนั้นก็จะทยอยกันมาตามหมู่มิตรสหาย แล้วแต่จะนัดแนะตามความสะดวก
    <O:p</O:p
    แต่เนื่องจากที่ผ่านมาลิโอ แทบไม่ได้พูดคุยกับใครเลย ไม่ว่าจะก่อนเข้า หรือออกจากการปฏิบัติสมาธิในถ้ำ นอกจากจะพบเจอกับพระอาจารย์ในศาลาธรรม จึงจะเข้าไปกราบ แล้วนั่งยิ้มนิ่งๆในระยะห่างๆ
    <O:p</O:p
    พระอาจารย์ก็จะทักทายแบบภาษาไทยโคราชบ้านเอง สไตล์หลานย่าโม แบบไม่สนใจว่าลิโอจะเข้าใจหรือไม่ เพราะพระอาจารย์ท่านก็ไม่เข้าใจภาษอังกฤษเหมือนกัน เหอะ เหอ!<O:p</O:p
    ท่านเคยพูดแบบติดตลกๆว่า
    <O:p</O:p
    ที่นี่เมืองไทย ฝรั่งหรือใครที่มาเมืองไทย พูดกับคนไทยมันก็ต้องหัดพูดฟังภาษาไทยสิ...ไปง้อมันทำไม โดยเฉพาะคนไทยอย่างข้าซะด้วย ฮ่าๆ<O:p</O:p
    ก็ข้าเรียนทางโลกมาน้อย ตอนเด็กก็มัวแต่เกเร เรื่องเรียนเอาเรื่องอะไรไม่ได้เลย”

    <O:p</O:p
    ฉะนั้นแล้วจะมีก็แต่การสื่อสารในสภาวธรรมแห่งจิตเท่านั้น ที่รับรู้และเข้าใจกันระหว่างพระอาจารย์และลิโอ
    <O:p
    เพราะลิโอ ก็พูดและฟังภาษาไทยได้เพียงไม่กี่คำ ทั้งที่อยู่เมืองไทยมานานนับสิบปี (ไม่รู้อยู่มาแบบไหนกัน)

    <O:p
    “ลิโอ...ทำไมอยู่เมืองไทยมาหลายปีเต็มทีแล้ว พูด ฟังไม่เข้าใจอีกหรือ” พระอาจารย์ถาม
    <O:p</O:p
    “ ผมก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ถึงทำไม่ได้ซักที ทำอย่าไงๆก็ไม่เข้าใจภาษาไทยอยู่ดี เพื่อนๆรัสเซียหลายคนที่อยู่พัทยาด้วยกัน ก็พูด- ฟังได้เข้าใจสื่อสารภาษาไทยได้ดีกว่าผมอีก” ลิโอ พูด (แปลโดยผ่านล่ามกระเหรี่ยงอีสานtoplus99)
    <O:p</O:p
    ลิโอ..เอ๊ย....ยูไม่เก่ง ยูไม่เก่งเอาซะเลย..<O:p</O:p
    (นึกตำหนิ ฝรั่งรัสเซีย โดยหวังข่ม เอาความดีความชอบ ใส่ตนซะเลย ได้อย่างน่าเกลียด...
    เรานะเรา มันน่าคบหาไว้จริงๆ)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ฝรั่งรัสเซียฝึกปฏิบัติธรรมค้นหาโมขธรรม จนมาพบ ณ ถ้ำแห่งนี้ พบหลวงปู่ใหญ่มาสอน คุณธรรมชั้นสูงในสมาธิญาณ
    <O:p</O:p

    ตลอดการสนทนาคืนนั้น ตั้งแต่ 5 ทุ่มเศษ จนเวลาล่วงเลยไปถึงเกือบตีสี่ โดยพระอาจารย์บอกว่า นานๆที ข้าจะว่าง และมีโอกาสได้คุยกับลิโอ ซะที ดึกหน่อยช่างมันเถอะ เอาให้สะใจกันไปเลย
    <O:p
    ใช่..งั้น!ผมไปนอนก่อนนะครับ ง่วงแล้วToplus99 พูดพร้อมขยับตัว
    ทำท่าก้มลงกราบลา เพราะรู้ว่าอยู่ต่อคงงานเข้า เจอภาษาธรรมะแบบโคราช (พระอาจารย์) เรียบเรียงให้เป็นภาษาอังกฤษ(ลิโอ) น่ะปวดหัวสุดๆ
    ( คำศัพท์พระพุทธศาสนา ภาคภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนคุณครูไม่เคยสอน ไม่เคยให้ท่องมาซะด้วย เช่นคำว่า สติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม งี้...<O:p></O:p>
    ขันธ์ห้า อันมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ...งี้ <O:p></O:p>
    อิทธิบาทสี่..งี้ และอื่นๆๆอีกมาก ย้ำว่าอื่นๆอีกมาก <O:p></O:p>

    โอย..นี่ตรูจะไปอิท่าไหนดีกันล่ะเนี่ย<O:p></O:p>
    เฉพาะ ฟังภาษาไทยล้วนๆ ที่จะแปลให้คนทั่วไปให้เข้าใจก็ยากอยู่แล้ว ยังต้องมาแปลอธิบายเป็นอังกฤษให้ลิโอฟังอีก..โอย เวรกรรม จริงๆ<O:p
    ครูภาษาอังกฤษโรงเรียนไหนเก่งก็มาเถอะ ไม่เคยอ่านศึกษาธรรมมะมาดีพอก็ก้อ ลองได้เจอก็เซ่อกินกันมั่งแหละ
    <O:p
    “ อ้าว! นี่ถ้าเอ็งไปนอน ข้าก็จะไปนอนเหมือนกัน แล้วลิโอมันก็คงกลับพัทยามันตอนนี้แหละ อย่ามาทำเล่นตัวเลย ข้ายังไม่นอน เอ็งก็ห้ามนอน..”
    <O:p</O:p
    “โห..ช่างไม่ปราณีกันบ้างเลยนะท่าน ใช้เอา ใช้เอา”<O:p</O:p

    "นี่ ลิโอก็มาปฏิบัติธรรมที่นี่ก็นาน เกือบ4 ปีแล้ว การปฏิบัติ กำลังสมาธิก็ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
    ข้าก็อยากบอกสอนลิโอให้เข้าถูกให้ควรซะ จะได้ไม่เสียเวลาหลงติดในนิมิตสมาธิ"

    แต่แล้วงานนี้ก็มีการปล่อยไก่ตัวโตเบอเริ่ม จากพระอาจารย์ เช่นว่า
    <O:p</O:p
    “ อ้าว พวกฝรั่งมันไม่กินข้าวเจ้าแบบเราเหรอวะ ข้านึกว่าคนบนโลกนี้มันกินข้าวเหมือนเราหมดทั้งโลกซะอีก
    <O:p</O:p
    “ลิโอ ไม่ได้นับถือ คริสต์หรือ ? ข้านึกว่าฝรั่งมันจะนับถือคริสต์เหมือนกันหมดทุกคนซะอีก..”
    <O:p</O:p
    พระอาจารย์เองก็มีเมตตา ใคร่อยากแนะนำสอนธรรมมะให้แก่ลิโอ ที่ได้สภาวะฌานสมาธิเพื่อการพิจารณาธรรม เพื่อประโยชน์แก่คุณธรรมให้ยกระดับสูงยิ่งๆขึ้นไปเหลือกำลัง เพราะท่านก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้อบรมให้ธรรมใดๆแก่ลิโอเลยที่ลิโอมาปฏิบัติธรรมทั้งสี่ปี (มีแต่ลิโอจะรู้และศึกษาปฏิบัติไปเอง ส่วนจะรู้และเข้าใจเพียงใดนี่ ก็เกินจะคาดเดาได้เช่นกัน)
    <O:p</O:p
    ฝ่ายฝรั่ง เจ้าลิโอเอง งานนี้ก็ตั้งอก ตั้งใจฟังหลวงพ่อพูดซะเหลือเกิน <O:p
    ทั้งพระอาจารย์ ผู้มีเมตตา และลูกศิษย์ต่างชาติก็อยากพูดคุยธรรมะกันจัง ในยามดึกดื่นค่อนคืนป่านนี้<O:p
    อยากถามทั้งสองท่าน แล้ว ล่ามกระเหรี่ยงอีสาน Toplus99 นี่ล่ะเคยสงสารกันบ้างม๊ายยย! ?

    โธ่ เอ๋ย!ทั้งง่วงทั้ง งง!<O:p</O:p
    ทำไมไม่รีบเข้าพักหลับนอนกันซะนะ?
    <O:p</O:p
    แต่งานนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ แบบน่าพอใจกัน ทั้ง3 ฝ่าย (เข้าใจไปเองหรือเปล่าไม่แน่ใจ)
    นี่เห็นว่าพอเป็นข้อมูลมาเล่าสู่แฟนชาวเวป บอร์ดพลังจิตนี่นะเนี่ย

    แล้วจะมาเสริมอีกที ละกัน<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  7. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    คั่นเวลา..นิดๆ

    กระทู้นี้ที่จริง ถือเป็นกระทู้ที่ค่อนข้างล่อเป้ามาแต่แรกๆ..พอสมควร


    สัณนิษฐานว่า น่าจะแรงสุดๆ ติดอันดับต้นๆของเวปพลังจิตด้วยซ้ำ
    ในยุคหลังภัยน้ำท่วมภาคกลางและ กรุงเทพนั่นล่ะ!


    แต่อาศัยว่าเรา Toplus99 ลุยไปเรื่อยๆแบบเรือขายโอ่ง กลางน้ำ

    ไม่ขายสินค้า ไม่บ้าขายโลกแตก...


    คนจด คนจ้องจับผิดจับถูก ความเคลื่อนไหวก็มีเยอะ..ว่ามันทำเพื่ออะไร?

    คนดีมีคุณธรรมจะสนุก แต่คนพาลมันจะเหนื่อย
    เพราะฉันก็จะมึนสู้แบบสุดๆเหมือนกัน


    และขอตอบแบบมั่นใจ
    ว่าฉันเพียรอุตสาหะ ..เพื่อพระพุทธศาสนา...

    เพราะฉันเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ถ้ำ
    พระบ้านนอก ที่เพียรสู้...ด้วยหัวใจด้วยจิตวิญญาณ
    ถวายแด่องค์พ่อบรมครู แห่งจิตวิญญาณ
    คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    <O:p</O:p
    ***
    <O:p</O:p

    แวะมาทิ้งโค๊ด...ไว้ก่อน
    แล้วฉันจะมาเล่าต่อกันอีกทีพรุ่งนี้หรือถัดไปในวันหยุด...
    ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ..ฝรั่งรัสเซียฝึกปฏิบัติธรรมค้นหาโมขธรรม จนมาพบ ณ ถ้ำแห่งนี้ พบหลวงปู่ใหญ่มาสอน คุณธรรมชั้นสูงในสมาธิญาณ<O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
    พระอาจารย์ถาม<O:p</O:p
    แต่ก่อนลิโอนับถือศาสนาอะไรรึ..?

    <O:p</O:p
    “ผมเริ่มต้นจาก ศาสนาคริสต์ก่อน ศึกษาและพยายามทำความเข้าใจ จากนั้นก็มาอิสลาม ซิกข์ <O:p</O:p
    พราห์ม ฮินดู ลัทธิบูชา และในหลายๆศาสนาอย่างละเอียดทีเดียว ลัทธิทั้งหลายทางจีน รวมถึง ศาสนาพุทธ หลายๆลัทธิ แม้ในอินเดีย ศรีลังกา ที่สุดกระทั่งออกเดินทาง เพื่อการแสวงหาไปมาแล้วเกือบทั่วทุกที่ ที่เป็นแหล่งสำคัญของศาสนาทั้งหลายทั่วโลก ที่คาดหวังว่าจะให้คำตอบทางจิตวิญญาณได้ดีที่สุด และทดสอบทดลองมาแล้วตามวิธีแนวทางของความเชื่อ ของแทบทุกศาสนาในโลก แบบละทิ้งอคติดังเดิมทุกอย่างของตน <O:p</O:p
    กระนั้นก็ไม่ได้คำตอบว่า...สูงสุดแหล่งการพ้นทุกข์ทั้งปวง คือสิ่งใดกันแน่...”

    <O:p</O:p
    ......สับสนกับการค้นหาว่าสิ่งใด ..วิถีทางสูงสุดของจิตวิญาณของสัตว์โลก อยู่นานมานับสิบๆปี<O:p</O:p
    จนมาการทดสอบค้นคว้าจากศาสนา ที่มีผู้นับถือทั่วโลกไม่มาก และมีในไม่กี่ประเทศในโลก แม้ในประเทศอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดศาสนานี้ กลับหาผู้คนเคารพนับถือได้เพียงน้อยนิดไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หากเทียบศาสนาอื่นๆ

    คือพระพุทธศาสนา อันมีองค์พระสมณโคดม อดีตเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ประกาศกล้าท้าแก่ชาวโลกทั้งหลายว่า
    <O:p</O:p
    “เราค้นพบแล้ว ซึ่งสัจธรรมอันประเสริฐสูงสุดของสัตว์โลกทั้งหลาย....ท่านจงมาดูเถิด จงมาพิสูจน์เถิด...”
    <O:p</O:p

    ...การที่มุงมั่นแสวงหาคำตอบอย่างตั้งใจ ที่มีมานับแต่วัยเด็กของลิโอ ที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่า...ทำไมถึงรู้สึกเบื่อหน่ายต่อวิถีของมวลมนุษย์ชนนัก เมื่อไรหนอๆ จึงจะพบหนทางออกซะทีหนอ...

    <O:p</O:p
    สิ่งเหล่านี้กับเริ่มต้นอย่างจริงจังและเสริมกำลังใจให้สุขยิ่งนัก เมื่อลิโอตัดสินใจขายทรัพย์สมบัติมรดกที่ตนพึงมีอยู่ เพื่อหาลู่ทางออกของชีวิต แสวงหาแหล่งพักพิงใหม่ ออกจากประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจใหญ่ของโลกในอดีตอย่างสหภาพโซเวียต หรือรัสเซีย

    จึงคิดมาเริ่มลงหลักปักฐานที่ประเทศไทย ที่ปกครองโดยระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเทศที่มติกลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ของโลกรวมกัน จัดให้อยู่ในกลุ่ม “ประเทศด้วยพัฒนา” <O:p</O:p
    คือThailand แดนมหัศจรรย์ เรานี่แหละ

    <O:p</O:p
    เริ่มต้นอย่างน้อยก็มีความสงบร่มเย็นกว่าอีกหลายๆประเทศในโลก และมีแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวโลกรู้จัก เป็นอย่างดี มานับแต่ครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อย่าง“พัทยา”
    <O:p</O:p
    จะด้วยความบังเอิญหรือ เป็นบุพเพบุญวาสนาเดิมที่ดี เคยสั่งสมมาได้เวลาจัดสรรให้ของลิโอ
    ให้เขามามีโอกาสสร้างธุรกิจเลี้ยงชีพและครอบครัวได้เป็นอย่างดีที่เมืองไทยเรานี้ และที่ทำให้ลิโอ เชื่อมั่นว่า
    <O:p</O:p
    ประเทศที่ว่าด้อยพัฒนาอย่างไทยเรา กลับเป็นแหล่งค้นคว้าหาคำตอบ ทางจิตวิญญาณสูงสุดได้ดีที่สุด ดีกว่าสถานที่ใดใดในโลก...ด้วยซ้ำ

    และที่สุดลิโอก็ฝึกฝนพัฒนาทางจิต และศึกษาพระธรรมคำสอนในรูปแบบพระพุทธศาสนาแบบหินยาน หรือเถรวาท ตามคำแปลที่ว่า"ตามแนวทางของพระเถระ"
    <O:p</O:p
    อย่างที่พระไทยเรายึดถือเป็นรูปแบบ ปฏิบัติ

    และสิ่งที่ทำให้ลิโอเชื่อมั่น...มาประสบพบ..จ๊ะเอ๋ พร้อมมหัศจรรย์ทางจิต แล้วออกเดินทางเพื่อค้นคำตอบ สิ่งบันดาลใจเขาได้จากอะไร แล้วค่อยมาว่ากันอีกที...นะจ๊ะ


    "อ้อ...ลืมบอกไปลิโอสะสมพระเครื่องไว้มากพอประมาณ ที่สำคัญคือ
    สามารถตรวจสอบพลังพระเครื่องได้ด้วยตนเองซะด้วยนี่สิ?"

    เฮ้..ลิโอ ยูเก่งมาก ..นายแน่มาก นับถือๆ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2012
  10. tossapon15

    tossapon15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +417
    "อ้อ...ลืมบอกไปลิโอสะสมพระเครื่องไว้มากพอประมาณ ที่สำคัญคือ
    สามารถตรวจสอบพลังพระเครื่องได้ด้วยตนเองซะด้วยนี่สิ
    ?" อันนี้ถูกใจที่ซู้ดดด! ท่านแน่มากจิงๆ:cool::cool::cool:ผมชอบ
     
  11. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ชอบใช่มั๊ยครับ....งั้นเรื่องนี้มีอีกยาว

    เพราะเข้าทางพอดี..มีเรื่องจะเล่าเพียบเชียว

    แล้วจะมีเวลาฟังกันมั๊ยยย..เยอะนะ

    เดี๋ยวค่อยลุยกันเรื่อยๆ..ตามมา ประสาคนบ้านๆ
     
  12. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ..............................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1116.jpg
      1116.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.8 KB
      เปิดดู:
      769
  13. tossapon15

    tossapon15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +417
    5555!ไม่ยอมพลาดแน่ครับยังงัยต้องหาเวลามาฟังจนได้(deejai)(deejai)(kiss)
     
  14. tawan13

    tawan13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,263
    ค่าพลัง:
    +4,303
    จัดเต็มที่จัดไปนานๆๆๆๆๆๆเลยครับ
     
  15. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    วาสนาชาวพุทธไทย
    <O:p</O:p
    #ต่อ..ฝรั่งรัสเซียฝึกปฏิบัติธรรมค้นหาโมขธรรม จนมาพบ ณ ถ้ำแห่งนี้ พบหลวงปู่ใหญ่มาสอน คุณธรรมชั้นสูงในสมาธิญาณ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    มาต่อเรื่องของ ลิโอ ฝรั่งชาวรัสเซี่ยน ตาน้ำข้าว ต่ออีกนิดกันดีกว่า เพราะอยากให้เห็นซาบซึ้งแลเล็งเห็นคุณค่าแห่งโอกาสของเราชาวไทย<O:p</O:p
    หลายๆท่านที่ได้มีวาสนาพบพาน พระพุทธศาสนาที่รุ่งเรืองในประเทศเรานี่ลองมาดูบทความนี้ ที่อาจหรือลืมนึก ลืมคิดถึงสิ่งเรานี้ไปจริงๆด้วย <O:p</O:p
    ที่มีโอกาสอันประเสริฐ ที่ได้กำเนิดมาในเวลา ในสถานที่นี้ในโลก คือพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเราในขณะนี้
    <O:p</O:p
    แล้วบางท่านอาจร้องว่า อู้ฮู๊…….เออแฮะ!เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย....
    ..โอ้เรานี้ช่างวาสนาสูงป่านนี้เชียวรึ!!!<O:p</O:p...ท่านจะอดยิ้มภูมิใจ ดีหนักหนา.. วาสนากูแล้ว <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จริง..จริ๊ง เดี๋ยวจะหาว่าฉันโม้
    คนอย่างอย่าง ฉันToplus99 ไม่ได้โม้..(ที่ผ่านมาก็อาจมีมั่ง...ฮิ ฮิ)<O:p</O:p

    แต่ฉันมีเรื่องดีๆจะมาเล่ามาเสริม<O:p</O:p
    อาจแอบนิยม ชอบใจว่าดีนะนี่เราได้มาอ่านซะก่อน หรือ...โชคดีจังที่เรายังไม่ตายซะก่อน<O:p</O:p
    คงต้องขออิงข้อมูลทางวิชาการหน่อยๆ เดี๋ยวไม่เชื่อ..ซะงั้น
    <O:p</O:p
    งั้นลองมาค่อยอ่านไปเรื่อยๆใจเย็นๆก็แล้วกัน อย่ามาทำหน้าเบื่อใส่นะ ฉันไม่ชอบ!<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ลิโอ เกิดมาในประเทศรัสเซีย ที่พื้นเพครอบครัวและญาติๆรอบข้างในนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งมาในประเทศนี้ มาตั้งแต่ใน พ.ศ. 1531 มีการรับศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์
    <O:p</O:p
    คริสตจักรออร์ทอดอกซ์ (The Orthodox Church) หรือคริสตจักรไบแซนไทน์ (The Byzantine Church) เป็นคริสตจักรที่ใหญ่เป็นที่สองของคริสต์ศาสนาในโลก คริสตจักรนี้ปฏิบัติตามหลักการทางเทววิทยาอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยศาสนาคริสต์ยุคแรก คริสตจักรออร์ทอดอกซ์แบ่งเป็นคริสตจักรย่อย ๆ แต่ละคริสตจักรมีอัครบิดรหรือมุขนายกเป็นของตนเอง ผู้มีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ประเพณีของศาสนจักร และสามารถสืบสายกลับไปได้ถึงอัครทูตของพระเยซูโดยเฉพาะนักบุญแอนดรูว์
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วัฒนธรรม<O:p</O:p
    ศาสนา ในรัสเซียส่วนใหญ่นับถือคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์รัสเซีย (ร้อยละ 70) ที่เหลือนับถือศาสนาอิสลาม (ร้อยละ 5.5) คริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก (ร้อยละ 1.8) และพุทธศาสนานิกายมหายาน (ร้อยละ 0.6)


    อาจริยวาท หรือ มหายาน เป็นนิกายหนึ่งในพุทธศาสนาที่นับถือกันอยู่ประเทศแถบตอนเหนือของอินเดียเนปาลจีนญี่ปุ่นเกาหลีเวียดนามมองโกเลีย ไปจนถึงบางส่วนของรัสเซีย จุดเด่นของนิกายนี้อยู่ที่แนวคิดเรื่องการบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตในโลกไปสู่พระนิพพาน ด้วยเหตุที่มีผู้นับถืออยู่มากในประเทศแถบเหนือจึงเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า อุตตรนิกาย ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ของโลกเป็นผู้นับถือนิกายมหายาน


    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ลิโอผู้นี้เขาเกิดมา แล้วมองเห็นความทุกข์ ทนได้ยากทั้งหลาย พร้อมกับการเฝ้าค้นหาวิธีทางออก
    ของจิตวิญาณ เพื่อหาทางพ้นทุกข์ จากหลายๆศาสนา หลายศาสนา หลายๆความเชื่อ

    ต้องเสียเงินเสียทรัพย์ เป็นค่าใช้จ่ายมากมาย ในการเดินทางข้ามนำข้ามทะเล เที่ยวเดินทางเรร่อนไป และค้นคว้าหาตำรามากมาย จนมาเจอพุทธ สายเถรวาท ที่ยึดคำสอนดั้งเดิมจากพระพุทธเจ้ามาสืบทอด กระนั้นเมื่อมีโอกาสจะพูดคุยสนทนาธรรมในข้อสงสัย กับพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ก็ยากลำบากไปอีก ในการสื่อสารต่างชาติ ต่างภาษา

    แต่ลิโอก็มุ่งมั่นแบบสุดหัวใจเลยทีเดียว แบบที่เขาจะไม่ยอมให้ชีวิตที่เกิดมา หลุดพลาดไปจากพระธรรมคำสอนเด็ดขาดอีกต่อไป....!</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ด้วยว่ามีพระสงฆ์ผู้สืบทอด นำเอาพระธรรมคำสอนดั้งเดิมขององค์พระศาสดา จากอินเดียเดินทาง ข้ามป่า ข้ามเขา ข้ามน้ำทะเล มาเผยแผ่พระธรรมอันประเสริฐเลิศในโลกในประเทศไทย
    <O:p</O:p
    มีเหล่าหน่อเนื้อเชื้อสายของผู้พระพุทธเจ้าเกิดขึ้น เหล่าพระสงฆ์ถือการออกบวช เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ มีหลักฐาน อันน่าเชื่อได้แบบง่ายๆว่าท่านสำเร็จบรรลุคุณธรรมทางจิตขั้นสูงในไทยอีกมากมาย (..ที่ใหนใครจะสู้ได้อย่างไทยเรา) อันได้แก่
    <O:p</O:p
    - พระสงฆ์เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว ร่างกายไม่เน่าเปื่อย หรืออาจมีเส้นผมหรือเล็บงอกยาวขึ้นมา ต้องตัดกันอยู่เรื่อยๆในโลงแก้วให้ปรากฏเป็นอัศจรรย์ เป็นอาทิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - เมื่อพระสงฆ์ยามเจ็บป่วยผ่าตัด แม้เกล็ดเลือดที่ผ่านผ้าซับเลือด ยังกลับกลายเป็นเม็ดเกล็ดพระธาตุ หรือฟิล์มเอกซ์เรย์ ที่แสดงให้เห็นว่าโครงกระดูกของท่านเป็นแท่งแก้วใส ทั้งๆที่ท่านยังมีชิวิตอยู่ด้วยซ้ำ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - และที่สำคัญคือ เมื่อทำการฌาปนกิจท่านแล้ว เก็บกระดูกอัฐิธาตุกลับกายเป็นพระธาตุในที่สุด<O:p</O:p
    ง่ายๆแค่นี้อันก็เป็นหลักฐานยืนยันถึง อภินิหารแห่งพระธรรมคำสอนของพระศาสดา
    <O:p</O:p
    ศาสนาใด ลัทธิใดในโลกนี้อีกหรือไม่ ที่กล้าท้าพิสูจน์ในคำสอนสั่ง ในสิ่งที่เมื่อท่านเข้าถึงซึ่งพระธรรมแล้ว ย่อมเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ มีธาตุร่างกายที่แปรเปลี่ยนไปตามความบริสุทธิ์แห่งจิตเช่นนี้ได้<O:p</O:p
    ไม่กลัวและกล้าท้า แม้กระทั่งเครื่องมือทดสอบทางวิทยาสตร์ ที่ทันสมัยทุกชนิดในโลกในยุคปัจจุบัน


    ความเป็นมาของนิกายเถรวาท

    การแพร่กระจายของพุทธศาสนาเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์เข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้<O:p></O:p>
    หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 3 เดือน พระสาวกผู้ได้เคยสดับสั่งสอนของพระองค์จำนวน 500 รูป ก็ประชุมทำสังคายนาครั้งแรก ณ ถ้ำสัตบรรณคูหา ใกล้เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ใช้เวลาสอบทานอยู่ 7 เดือน จึงประมวลคำสอนของพระพุทธเจ้าได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นับเป็นบ่อเกิดของคัมภีร์พระไตรปิฎก คำสอนที่ลงมติกันไว้ในครั้งปฐมสังคายนาและได้นับถือกันสืบมา เรียกว่า เถรวาท แปลว่า คำสอนที่วางไว้เป็นหลักการโดยพระเถระ คำว่า เถระ ในที่นี้ หมายถึงพระเถระผู้ประชุมทำสังคายนาครั้งแรก และพระพุทธศาสนาซึ่งถือตามหลักที่ได้สังคายนาครั้งแรกดังกล่าว เรียกว่า นิกายเถรวาท อันหมายถึง คณะสงฆ์กลุ่มที่ยึดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งถ้อยคำ และเนื้อความที่ท่านสังคายนาไว้โดยเคร่งครัด ตลอดจนรักษาแม้แต่ตัวภาษาดั้งเดิมคือภาษาบาลี<SUP>[3]</SUP><O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    ...เจ๋งมั๊ยล่ะ พุทธสายเถรวาท..บ้านเรา มันน่าภูมิใจดีใจ...ออกนาท่านนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2012
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ..ฝรั่งรัสเซียฝึกปฏิบัติธรรมค้นหาโมขธรรม จนมาพบ ณ ถ้ำแห่งนี้ พบหลวงปู่ใหญ่มาสอน คุณธรรมชั้นสูงในสมาธิญาณ

    ผลสืบเนื่องจากการสนทนาระหว่างพระอาจารย์และลิโอ

    ยังครับ..ยังไม่จบกันง่ายๆ

    "ลิโอ มาปฏิบัติธรรมที่นี่เพราะอะไร เห็นมาบ่อยพอสมควร มาทีก็หลายวัน ข้าวปลาอาหารก็ไม่เห็นว่า จะกินอะไรที่ไหนเลย...ไม่หิวมั่งเหรอ?"

    พระอาจารย์ไถ่ถาม สารทุกข์

    "ไม่หิวครับหลวงพ่อ... สภาวะมันอิ่มอยู่ข้างใน ไม่นึกหิว ดื่มน้ำบ้างนิดหน่อย ที่ถ้ำในสมาธิมีพระอาจารย์รูปร่างสูงใหญ่มาก ท่านมาเมตตาสั่งสอนอบบรมการพิจารณาธรรมอยู่เรื่อยๆ ครับ"
    ลิโอตอบยิ้มๆ

    "จุดมุ่งหมายของลิโอคืออะไรหรือ?"

    " คือผม...ผมไม่อยากต้องมากลับเกิดอีกแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นทุกข์ มันน่าเบื่อเหลือเกิน พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนมา ผมก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ
    พระพุทธเจ้า เก่งที่สุด เวรี่กูด ๆ" ลิโอพูด (เออ..กรูรู้แล้วtoplus99)พร้อมยกมือขึ้นเหนือหัวเลียนตามแบบพระอาจารย์ ที่ท่านจะยกมือพนมเหนือหัวทุกครั้งขึ้นไปที่ทิศในถ้ำ เมื่อท่านกล่าวถึงพระพุทธเจ้าและบรรดาครูบาอาจารย์ทางจิตของท่าน

    "แล้วทำไมชอบมาที่นี่"

    "มี 3 ประการครับ
    หนึ่งคือที่นี่อากาศดี สงบ เย็นสบาย

    สอง คือที่นี่พลังงานดี เข้ามาแล้วจิตใจ สุขสงบร่มเย็น เข้าสมาธิได้ง่าย

    สามคือ หลวงพ่อดี.. เก่งมากๆ ผมชอบ !
    (ชะ..ชะ..ช่า อ้ายหมอนี่มันสำคัญ..มันร้ายเว้ย! มันบังอาจมาทำประจบหลวงพ่อแข่งกับเราซะแล้ว ชิ ชะๆ หรือว่าฝรั่งมันไม่มีนิสัยเสียแบบเรา..ไม่น่านะ..ไม่จริงๆ เอ!...หรือว่าเจ้านี่...มันไปรู้อะไรพิเศษๆมาอีกหว่า)

    จากนั้นลิโอ ก็หยิบมีดหมอหลวงพ่อเดิม ขนาดใหญ่ในซองผ้ากำมะหยี่สีแดง ขึ้นมาอวด แถมบอกด้วยว่าที่รับมีดนี่มาเขานับเป็นทายาทเป็นรุ่นที่3 นับจากหลวงพ่อแช่ม จ.นครปฐม ทำบุญบูชาต่อมาอีกทีจากพระที่เมตตามอบให้ และมีพระรุ่นเก่าๆอีกหลายองค์ เอามาอวด

    รวมทั้งเอาพระเครื่องแลวัตถุมงคลอื่นๆที่ทางสำนักสงฆ์แห่งนี้ ให้ทำบุญบูชาแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่มาแห่งนี้ทำบุญ มาจากตู้ที่ลิโอเพิ่งเช่ามาจากของสำนักแห่งนี้เช่นกันขึ้นมาอวดอีก...ทำนองว่าของที่นี่ลิโอก็มีเก็บไว้มิใช่น้อย...
    โดยก่อนจะเช่าบูชาของในตู้พระแต่ละชิ้น ก็จับตรวจสอบพลังปลุกเสกก่อนทุกครั้ง
    (แต่สุดท้ายก็ล่อไปเกือบทุกชิ้นในตู้ ให้มันรู้ซะมั่ง..ว่าของทีนี่ดีจริง)


    "ลิโอ เดินทางมาหลายๆวัน ทางภรรยาไม่บ่นว่าเอาหรือ?"

    "ไม่ว่า..ไม่มีปัญหา เขามีเงินใช้แล้ว ลูกก็ไม่มี ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร"

    "แล้วไปที่ไหนมามั่งแล้ว เจอพระที่ไหนมาบ้างล่ะ"

    "ไปมาแล้วเกือบทุกที่ในประเทศไทย หลวงพ่อดังๆเช่น หลวงพ่อคูณ หลวงตามหาบัว หลวงพ่อพูล หลวงปู่ชา หลวงพ่อเกจิดังๆ พระปฏิบัติดังๆไกลๆ ไปมาแล้วแทบทุกที่ ผมรู้หมดว่าพลัง..แต่ละท่านเป็นแบบไหน ดีประมาณไหน"

    "เอาเวลาที่ไหนเดินทางไปเยอะแยะ ไม่ห่วงทำมาหากินหรือ?"

    " ภรรยาผมเขาเก่งดูแลธุรกิจแทนได้ ช่วยดูแลพ่อแม่ของผมด้วยดี มีเงินเดือนให้ผมใช้ด้วย เดือนหนึ่งตั้งหลายบาท"
    (โธ่.. ขอเงินเดือนเมียใช้...นี่หว่า แน่จริงมาเป็นคนกินเงินเดือน แบบตรู..ซิวะ! อิจฉาเค๊าจังนิ!)

    "ปีหนึ่งผมจะออกเดินทางไปปฏิบัติธรรม ไปกราบไหว้พระสงฆ์ที่ดีๆ ทุกปี ปีละ 3 เดือน ติดต่อกันมาเป็น 10ปีแล้วครับหลวงพ่อ แต่ผมก็ชอบมาที่นี่ที่สุด มาแล้วสบายใจที่สุด"

    ก่อนกลับเช้าตรู่ ลิโอก็ถวายเงินทำบุญซะ 5000 บาท ทั้งที่ก็ไม่ได้ใช้ข้าวของในสถานที่นี้สิ้นเปลืองให้เป็นหนี้สงฆ์แต่ใดๆ

    "เออ..เป็นพระอย่างข้ามันก็ดีอย่างว่ะ..นั่งคุยด้วยข้าก็ได้เงิน โอที ซะด้วย ฮ่า ฮ่า
    ก็ดีข้าจะเอาไปจ่ายค่าไฟซะเลย เอ็งทำไม่ได้อย่างข้าหรอก..ไอ้ทิด อยากทำได้ก็มาบวช เป็นเพื่อนกันสิ..."


    โห...หลวงพ่อ หยอกฉันแรงนะนี่!








    <O[​IMG]</O[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  17. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    จากเรื่องของ ลิโอ ชาวรัสเซีย ที่อุตส่าห์ดิ้นรน ฝ่าฟันไปทั่วโลก เพื่อหาคำตอบวิถีทางแห่งความพ้นทุกข์ จนมาพบพระพุทธศาสนา ในไทยสมใจปราถนา


    ให้อดสังเวช ใจบางอย่างว่า แล้วคนไทยหลายๆคนที่พร้อมในหลายอย่างล่ะ... มัวทำอะไรกันอยู่
    ว่านี่หนอ...คน และที่ให้นึกถึงเรื่องบางเรื่อง ดังนี้ ลองอ่านดูครับ
    <O:p</O:p
    คำว่า "วิบัติ" มาจากภาษาบาลี หมายถึง พินาศฉิบหาย หรือความเคลื่อนทำให้เสียหาย<SUP>[</SUP><SUP>ต้องการอ้างอิง</SUP><SUP>]</SUP>
    <O:p</O:p

    ===========
    จากหนังสือ มุนีนารถทีปนี การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดย พระพรหมโมลี วิลาศ ญาณวโร


    ปนามพจน์
    นมตฺถุ รตนตฺตยสฺส
    ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการแด่องค์
    สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ พระองค์
    ผู้ทรงมีพระมหากรุณาแผ่ไปในไตรภพ
    และพระนพโลกุตรธรรมอันล้ำเลิศ กับ
    ทั้งพระอริยสงฆ์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
    ด้วยเศียรเกล้าแล้ว จักขออภิวาทนบไหว้
    ซึ่งท่านบุรพาจารย์ทั้งหลาย ผู้ทรงไว้ซึ่ง
    ญาณและพระคุณอันบริสุทธิ์ด้วยคารวะ
    เป็นอย่างยิ่งแล้ว

    จักรจนาเรียบเรียงกถา
    ซึ่งตั้งชื่อว่า “ มุนีนารถทีปนี ” เพื่อแสดงถึง
    เรื่องของพระองค์ผู้ทรงเป็นนาถะที่พึ่ง
    อย่างประเสริฐสุดแห่งประชาสัตว์ในไตรโลก
    กล่าวคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    จอมมุนี โดยประสงค์จะสดุดีสรรเสริญซึ่ง
    พระพุทธคุณเป็นสำคัญ ฉะนั้นขอมวลชน
    คนดีมีปัญญาทั้งหลาย จงตั้งใจสดับกถา
    ของข้าพเจ้า ซึ่งจักกล่าวในโอกาสต่อไป
    นี้ด้วยดีเทอญ.



    บัดนี้ จักขอถือชี้แจงแก่ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งปวงว่า บรรดาเราท่านทั้งหลายที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา พร้อมกับมีศรัทธาเสื่อมใสและมีใจประกอบด้วยสัมมาทิฐิ น้อมนำเอาพระบวรพุทธศาสนามาเป็นศาสนาประจำชีวิตตน เช่นที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น ถ้าจะถือกันว่าเป็นโชค เวลานี้เรากำลังได้ประสบโชคอย่างมหาศาล ซึ่งไม่มีโชคอื่นใดจะเปรียบปาน ถ้าจะถือกันว่าเป็นลาภ เวลานี้เราก็กำลังได้รับลาภอย่างประเสริฐสุดขนาดเป็นบรมลาภทีเดียว ซึ่งจักหาลาภอื่นใดในโลกนี้มาเปรียบเทียบอีกไม่ได้เลย

    ที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่กล่าวไปด้วยอำนาจความคล่องปาก หรือมีใจอยากยกย่องพระพุทธศาสนาจนเกินไป ไม่ใช่อย่างนั้น อันที่จริงการที่สัตว์โลกทั้งหลายซึ่งยังต้องท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร จักได้มีโอกาสเกิดมาพบพระบวรพุทธศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระศาสดาบรมไตรโลกนาถ แต่ละชาติแต่ละหนนั้น อย่าได้สำคัญผิดคิดอย่างผิวเผินเป็นอันขาดว่า เป็นสภาพที่เป็นไปได้อย่างง่ายๆ ความจริงไม่ใช่ เพราะว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากเย็นแสนเข็ญนักหนา ขอให้ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย จงมาพิจารณาใคร่ครวญถึงมหาวิบัติ คือความฉิบหายของสัตว์โลกอย่างใหญ่หลวง ตามที่จะพรรณนาต่อไปนี้เถิด แล้วก็จะแลเห็นเองว่าการที่เราเกิดมาในชาตินี้ได้เป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา จัดว่าได้รับโชคลาภอย่างประเสริฐเพริศพริ้งเพียงไร



    มหาวิบัติ

    ขึ้นชื่อว่าความวิบัติทั้งหลายที่มนุษย์เราต้องประสบกันอยู่เสมอในโลกนี้ ความวิบัติอื่นใดก็จงยกไว้ก่อนเถิด เพราะมิสู้จะสำคัญ แต่ความวิบัติหนึ่งนั้น เป็นความวิบัติอย่างใหญ่หลวงของสามัญสัตว์ ซึ่งจัดว่าเป็นยอดแห่งความวิบัติจริงๆ มีอยู่ ๖ ประการ คือ

    ๑. วิบัติกาล

    วิบัติกาลนี้ ได้แก่วิบัติเพราะกาลว่างจากพระพุทธศาสนา ! หมายความว่าในโลกมนุษย์ที่เราเกิดอยู่นี้ ใช่ว่าจะปรากฏมีพระบวรพุทธศาสนาอยู่เป็นประจำจนชั่วฟ้าดินสลายนั้นหามิได้ โดยที่แท้ บางกาลก็มีพระพุทธศาสนา แต่บางเวลาก็ไม่มี เพราะไม่ใช่คราวที่สมเด็จพระจอมมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลก ก็ในระหว่างกาลที่พระพุทธศาสนากับไม่มีนี้ ปรากฏกาลที่ไม่มีพระพุทธศาสนานั่นแหละ มีปริมาณมากกว่ากาลที่มีพระพุทธศาสนามากมายนัก

    ซึ่งก็หมายความว่า ในโลกนี้ นานๆจึงจะมีพุทธกาลเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง ทีนี้ สมมติว่าตัวเราเกิดมาในเวลาที่มิใช่พุทธกาล เป็นกาลว่างเปล่า ไม่มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลก เราก็หมดโอกาสที่จะรู้จักพระพุทธศาสนา มิได้รับรสพระสัทธรรมเทศนา การเกิดของเราในกาลที่ว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนาก็เท่ากับว่าเกิดมาเปล่าประโยชน์ หาสาระแก่นสารแห่งชีวิตอันแท้จริงมิได้ เกิดมาเปล่าแล้วก็ตายไปเปล่าตามธรรมดาของการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารเท่านั้นเอง สภาพการณ์เช่นว่ามานี้ เรียกว่าวิบัติกาล ประสบความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงแห่งชีวิต เพราะเกิดผิดกาลเวลา นับว่าเป็นมหาวิบัติประการหนึ่ง.

    *** โชคร้าย ที่ดันเกิดมาในช่วงกาลเวลา ที่ว่างจาก ศาสนาของพระพุทธเจ้า เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติโลก…. สรุป ง่ายๆวิบัติข้อแรก


    ๒. วิบัติคติ

    วิบัติคตินี้ ได้แก่วิบัติเพราะไม่ได้คติที่ดี หมายความว่าแม้ว่ากาลเวลาจะถึงพร้อมแล้ว คือมีสมเด็จพระมิ่งมงกุฎสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลก ทรงประกาศพระสัทธรรมเทศนายังประชาสัตว์ให้ได้ดื่มอมตรส ทรงโปรดสัตว์รื้อสัตว์ขนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร ให้ลุล่วงถึงพระนิพพาน ทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้ปรากฏอยู่ในโลก เช่นในปัจจุบันทุกวันนี้ แต่ทีนี้สมมติว่า ตัวเราเป็นคนอาภัพอับโชคมีบุญน้อยด้อยวาสนา ไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อย่างเวลานี้ เพราะค่าที่เป็นผู้มีคติวิบัติ พลัดไปในเกิดในภูมิอื่นโลกอื่นเสียอย่างเพลิดเพลิน

    เช่นกำลังไปเกิดอยู่ในนิรยภูมิถือกำเนิดเป็นสัตว์นรกเสียก็ตาม กำลังไปเกิดอยู่ในเปรตวิสัยภูมิ ถือกำเนิดเป็นเปรตอดอยากอยู่ก็ตาม กำลังไปเกิดอยู่ในอสุรกายภูมิ ถือกำเนิดเป็นอสุรกายมีความหิวกระหายอย่างแสนสาหัสอยู่ก็ตาม หรือกำลังไปเกิดอยู่ในติรัจฉานภูมิ ถือกำเนิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอยู่เสีย ก็เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะมีโอกาสได้มาพบพระบวรพุทธศาสนากระไรได้ เพราะสัตว์ในอบายภูมิทั้งหลายเหล่านั้น ทุกวันเวลามีแต่จะมะงุมมะงาหราเสวยทุกข์โทษจนหน้าดำหน้าแดง มีชีวิตอยู่อย่างหดหู่เหี่ยวแห้งน่าสมเพชเวทนา ก้มหน้าก้มตารับผลกรรมชั่วของตน จนหน้ามืดตามัว ไม่มีเวลาหยุดว่างเว้น สภาพการณ์เช่นว่ามานี้ เรียกชื่อว่า วิบัติคติ ประสบความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงแห่งชีวิต เพราะไปเกิดผิดภูมิผิดโลก จึงโชคร้ายนักหนา นับว่าเป็นมหาวิบัติประการที่สอง

    *** อับวาสนา ที่เกิดมาเจอศาสนาพุทธ แล้วตนเองมัวหลงชั่ว พลัดหลงตกอยู่ในภพภูมิอื่นที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ นี่คือซวยอย่างที่ 2

    ๓. วิบัติประเทศ

    วิบัติประเทศนี้ ได้แก่วิบัติเพราะเป็นประเทศที่ไม่มีพระพุทธศาสนา!

    หมายความว่า ถึงแม้จะพ้นจากวิบัติที่กล่าวมาแล้ว คือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถศาสดาจารย์เจ้า ก็ทรงมาอุบัติตรัสในโลกแล้ว และตัวเราก็พ้นจากคติวิบัติ มาอุบัติเกิดเป็นมนุษย์ในมนุษย์โลกนี้แล้ว ก็แต่ว่าโลกนี้เป็นพื้นแผ่นปฐพีอันกว้างขวางใหญ่โตนักหนา เป็นที่สถิตแห่งนานาประเทศ มีจำนวนมากมายหลายประเทศนัก พระพุทธศาสนาไม่สามารถจักแผ่ไปถึงทั่วประเทศทั้งสิ้นทั้งปวงได้ ประเทศใด พระพุทธศาสนาแผ่ไปไม่ถึง ประเทศนั้น ก็ไม่รู้จักคุณค่าของพระบวรพุทธศาสนา ไม่ทราบเลยว่า ศาสนาคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นนิยานิกธรรม สามารถนำสัตว์โลกออกจากกองทุกข์ได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องสงสัย

    ทีนี้สมมติว่า ตัวเราไปเกิดในประเทศนั้น ก็ไม่มีวันที่จะได้รู้จักพระพุทธศาสนาเลย เมื่อไม่รู้จักก็ย่อมไม่เห็นคุณค่าของพระศาสนาอันมีอยู่โดยวิเศษเป็นธรรมดา เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็จักมีโอกาสเป็นพุทธศาสนิกชนคนนับถือพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ย่อมจะมีชีวิตอยู่ในชาติหนึ่งอย่างไร้แก่นสาร น่าเศร้า เข้าทำนองเกิดมาเปล่าแล้วก็ตายไปเปล่าเท่านั้นเอง สภาพการณ์เช่นว่ามานี้ เรียกชื่อว่าวิบัติประเทศ ประสบความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงแห่งชาติ เพราะไปเกิดผิดประเทศ จึงต้องโชคร้ายนักหนา จัดว่าเป็นมหาวิบัติสำคัญประการที่สาม

    *** โชคร้าย เกิดมามีพุทธศาสนาอุบัติขึ้นก็แล้วมีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์สุดเท่ห์ก็แล้ว แต่ดันได้ไปเกิดในเขตดินแดนที่ศาสนาพุทธเดินทางเข้าไปประกาศไม่ถึงซะอีกอันนี้.. ลิโอก็เจอมาแล้ว<O:p</O:p
    อันนี่ก็ถือว่าซวย ข้อที่ 3
    <O:p</O:p
    ๔. วิบัติตระกูล

    วิบัติตระกูลนี้ ได้แก่วิบัติเพราะตระกูลที่ไม่เป็นสัมมาทิฐิ

    หมายความว่า ถึงแม้จะได้มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาอุบัติตรัสในโลกนี้แล้ว และเราก็ได้มีโอกาสมาเป็นมนุษย์ เป็นคน ในประเทศที่นับถือพระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว ก็แต่ว่าในประเทศนี้ย่อมมีวงศ์ตระกูลของหมูมนุษย์อยู่มากมายหลายตระกูลนัก ตระกูลที่เป็นสัมมาทิฐิ เคารพนับถือพระพุทธศาสนาก็มี ตระกูลที่เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเลื่อมใส ไม่เคารพนับถือในพระพุทธศาสนาก็มี ทีนี้
    สมมติว่าตัวเราบังเอิญไปเกิดในตระกูลที่เป็นมิจฉาทิฐิเสีย บิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งเป็นบรรพชนต้นโคตร ต้นวงศ์ของเรา ท่านไม่รู้จักพระบวรพุทธศาสนา ไม่เห็นคุณค่า ไม่มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสในพระธรรมคำสั่งสอน แห่งองค์สมเด็จพระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาเสียเลย เราก็จะต้องมีความเห็นหรือมีทิฐิไปตามโคตร ตามวงศ์ คือจักไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เห็นคุณค่า อาจมองพระบวรพุทธศาสนาไปในแง่ว่าไม่ถูกต้องก็ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ชีวิตของเราถึงแม้จะได้รับความสมบูรณ์ พูนสุขอย่างไร ก็นับเข้าในจำพวกที่อับโชค เกิดมาในโลกกับเขาครั้งหนึ่ง แต่หาที่พึ่งอันแท้จริงเป็นแก่นสารมิได้ เกิดมาเปล่าแล้วก็ตายเปล่าอีกเหมือนกัน สภาพการณ์เช่นว่ามานี้ เรียกว่าวิบัติตระกูล ประสบความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงแห่งชาติ เพราะไปเกิดผิดตระกูลจึงต้องโชคร้ายหนักหนา จัดว่าเป็นมหาวิบัติสำคัญประการที่สี่

    *** โชคร้าย เกิดมามีพุทธศาสนาอุบัติขึ้นก็แล้วได้เกิดมาเป็นมนุษย์สุดเท่ห์ก็แล้วเกิดในเขตดินแดนที่ศาสนาพุทธเผยแพร่ประกาศก็แล้วแต่โชคไม่นำพา ดันไปเกิดในกลุ่มตระกูลที่ไม่ได้นับถือพุทธ หรือคัดค้านการนับถือศาสนาอันประเสริฐเช่นนี้ซะอีก ..เฮ้อ! (หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จันทบุรี ท่านเองก็เคยเจอปัญหาเช่นนี้มาแล้ว) อันนี่ก็ถือว่าซวย ข้อที่ 4<O:p</O:p


    ๕. วิบัติอุปธิ

    วิบัติอุปธิ นี้ ได้แก่วิบัติอุปธิ คือร่างกาย!

    หมายความว่า ถึงแม้จะได้มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติ และทรงประกาศพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นในโลกอย่างปัจจุบันทุกวันนี้แล้ว และเราก็ได้มีโอกาสเกิดมาในตระกูลที่เป็นสัมมาทิฐิเคารพเลื่อมใสในพระบวรพุทธ ศาสนาอยู่แล้วก็ตามที

    แต่ที่นี้ สมมติว่า ตัวเราเป็นคนอาภัพอับวาสนา องคาพยพไม่สมบูรณ์เป็นคนมีอุปธิวิบัติ คือร่างกายไม่สมประกอบ เหมือนคนธรรมดาสามัญทั้งหลาย กลายเป็นบ้า เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เสียจริต จิตวิปลาสไปเสีย เช่นนี้ก็ไม่สามารถมีปัญญามองเห็นคุณค่าพระบวรพุทธศาสนา ไม่มีโอกาสจะรู้ว่าศาสนธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ว่าทรงไว้ซึ่งความประเสริฐล้ำเลิศเพียงไรอย่างนี้แม้จะได้เกิดมากับเขาชาติ หนึ่ง ก็ถึงการนับได้ว่าเกิดมาเปล่าๆ เป็นชีวิตที่ไร้ค่า เท่ากับว่าไม่ได้เกิดมานี้เอง สภาพการณ์เช่นว่ามานี้เรียกชื่อว่าอุปธิวิบัติ ประสบความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงแห่งชีวิต เพราะความวิปริตของกายตน จึงต้องเป็นคนโชคร้ายนักหนา จัดว่าเป็นมหาวิบัติสำคัญประการที่ห้า

    *** โชคร้าย เกิดมามีพุทธศาสนาอุบัติขึ้นก็แล้วได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็แล้วเกิดในเขตดินแดนศาสนาพุทธก็แล้วเกิดในกลุ่มตระกูลที่นับถือพุทธศาสนานี้ก็แล้ว .แต่ดันเคราะห์กรรมร้าย มีร่างกายพิกล พิการ สื่อสารทำกิจกรรมใดๆก็ยากลำบาก เช่นลุงเอี่ยม ขอทานใจบุญ แห่งวัดไร่ขิง นั่นปะไรอันนี่ก็ถือว่าโชคร้าย วิบัติ ข้อที่5

    ๖. วิบัติทิฐิ

    วิบัติทิฐินี้ ได้แก่วิบัติ เพราะทิฐิแห่งตน!

    หมายความว่าถึงแม้จะได้มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติ และทรงประกาศพระบวรพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นในโลกเช่นปัจจุบันทุกวันนี้แล้ว และตัวเราก็หลบพ้นจากมหาวิบัติต่างๆ ได้มีโอกาสมาเกิดในตระกูลที่เป็นสัมมาทิฐิ มีอุปธิร่างกายเป็นปกติ มิใช่เป็นคนหูหนวก ตาบอด คนบ้า คนใบ้ แต่ประการใดเลย คราวนี้สมมติว่า ตัวเราเองนี่กลายเป็นคนมีทิฐิวิบัติ คือมีความเห็นผิดมักบูชาความคิดความเห็นของตนอันไม่ถูกต้อง จะเป็นเพราะว่าไปซ่องเสพสมาคมกับชนมิจฉาทิฐิเข้า หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุอื่นใดก็ตาม แล้วก็ให้มีอันเป็นเกิดความคิดเห็นวิปริตไปโดยนัย เป็นต้นว่า

    "สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มี! พระธรรมที่พร่ำสอนกัน ก็ไม่เป็นนิยานิกธรรม นำสัตว์ให้พ้นทุกข์ไม่ได้ แม้พระอริยสงฆ์นั้นไซร็ ก็หาได้มีคุณวิเศษยิ่งไปกว่าตัวเรานี่ไม่ มรรค ผล นิพพาน บุญบาป เป็นสภาพที่เพ้อฝันกันไปอย่างนั้นเอง ความจริงหามีไม่ คำสอนในศาสนาไม่มีคุณค่าควรแก่การปฏิบัติตาม"

    เกิดความเห็นไม่เข้าท่าไปทำนองนี้ ก็เลยไม่มีศรัทธาจิตคิดเลื่อมใส ไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติตามกระแสพระพุทธฎีกาอันหาได้ยากในโลก เมื่อไม่ปฏิบัติตาม ก็ย่อมไม่ได้พบความวิเศษสุดของพระบวรพุทธศาสนา เมื่อเป็นอย่างนี้ เกิดมาก็นับว่าเสียชาติเกิดไปเปล่าๆ ได้มาพบศาสนาของสมเด็จพระพุทธเจ้าอันแสนประเสริฐแล้ว แต่จักษุกลับไม่มีแวว เป็นคนตาบอด ตาใส มองเห็นเป็นของต่ำทรามไม่มีค่า ไม่ช้าก็ถึงกาลกิริยาตายไปโดยไม่มีที่พึ่ง เพราะมีทิฐิดึงดันดื้อรั้นยิ่งนัก ไม่รู้จักเชื่อฟังคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าทำนองที่ว่า เกิดมาเปล่าแล้วก็ตายไปเปล่าอีกตามเดิม สภาพการณ์เช่นว่ามานี้เรียกชื่อว่าวิบัติทิฐิ ประสบความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงแห่งชีวิต เพราะความเห็นผิดของคน จึงต้องเป็นคนโชคร้ายนักหนา จัดว่าเป็นมหาวิบัติประการสุดท้าย

    ( **** วิบัติข้อสุดท้าย เมื่อทุกอย่างพร้อมเพรียงหมดแล้ว ทั้งกาลเวลา สิ่งแวดล้อม สังคม ร่างกาย รายล้อมพร้อมสรรพ แต่ดันไม่สนใจในพระธรรมคำสอน เมื่อได้รู้ ได้ยิน ได้อ่านได้รับรู้ กลับนิ่งเฉยเสียด้วยความเห็นดื้อร้น<O:p></O:p>
    ไม่เห็นค่า ไม่เห็นประโยชน์ในสัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบหนทางแห่งกาลพ้นทุกข์ เพราะ หลงมัวเมา อุดมในกิเลส ตัณหา ราคะทั้งปวง <O:p></O:p>
    อันนี้ก็นับเป็นความอับโชค วาสนา ก็ย่อมแสดงว่าตนเลือกเส้นทางวิบากกรรข้างหน้าไว้ให้ตนเองแล้ว เป็นบัวชั้นสุดท้าย ที่ต้องกลายเป็นอาหาร ของเต่าปลาไปนั่นแล....ก็นับว่าหลงผิดประมาท ในวาสนาที่ประเสริฐอย่างน่าเสียดายจริงๆ)


    บัดนี้ ลองหันมาตรวจดูที่ตัวเราท่านทั้งหลายนี้ดูเถิด เราเกิดมาในชาตินี้จะได้รู้เกิดมาก่อนก็หาไม่ แต่ก็ให้บังเอิญเกิดมาพบพระบวรพุทธศาสนา แม้ว่าสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปนานแล้วก็ตาม แต่ศาสนธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ยังปรากฏอยู่ ก็เท่ากับว่าเราเกิดมาทันพุทธกาลเหมือนกัน

    นอกจากนั้นยังได้มีจิตใจเลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา ปฏิญาณตนเป็นพุทธศาสนิกชน น้อมรับเอาพระพุทธศาสนาอันทรงคุณค่าประเสริฐสุดมาเป็นสรณะที่พึ่งของตน ก็เป็นอันว่าพ้นแล้วจากมหาวิบัติความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงทั้ง ๖ ประการ ตามที่พรรณามาแล้วนั้นใช่ไหมเล่า? อย่างนี้แล้ว จะไม่ให้กล่าวว่า เราเกิดมาในชาตินี้ กำลังได้รับโชคลาภอย่างมหาศาลอยู่แล้วได้อย่างไร?

    ในบรรดามหาวิบัติทั้งหลายนั้น หากจะพิจารณากันให้ดีก็จะเห็นได้ว่า มหาวิบัติข้อแรก คือ วิบัติกาล นับว่าสำคัญกว่าข้ออื่น เพราะเกี่ยวกับการอุบัติบังเกิดขึ้นแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง ถ้าลงว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เสด็จมาอุบัติตรัสขึ้นในโลกแล้ว ถึงแม้ว่าเราท่านทั้งหลายจะเพียบพร้อมอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมบัติอื่นใดก็ตาม ก็ถือว่าไม่พ้นจากความวิบัติเหล่านี้ไปได้ฉะนั้น

    การเสด็จอุบัติขึ้นแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นอุบัติกาลที่สัตว์โลกพากันถือว่าสำคัญที่สุด อย่าว่าแต่มนุษย์เรานี่เลย แม้แต่ปวงเทพเจ้าเหล่าอมร อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ผู้ทรงไว้ซึ่งมเหศักดิ์มีปัญญาต่างก็ปรารถนากาลเป็นที่เสด็จอุบัติขึ้นแห่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันทุกถ้วนหน้า<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>

    อ้างอิง จาก http://www.phrasiarn.com/?topic=12349.0;wap2<O:p></O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  18. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    หนึ่งคือที่นี่อากาศดี สงบ เย็นสบาย
    เข้าใจแล้วว่าที่นี่อากาศดีมาก เย็นสบาย เดินในถ้ำ ขึ้นเขา ลงเขา จะรู้สึกเหนื่อยน้อยกว่าเดินขึ้นลงในตึกมากๆ เงียบสงบดีมากๆๆ
     
  19. uit

    uit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +351

    ชอบ ๆ แจกแจง สาธยายได้ดีครับ :cool: อนุโมทนา ครับ
     
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ย้อนอดีตไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา คำนี้ยังก้องอยู่ในหูแฮะ!

    เรียนให้ทราบเพิ่มเติม สำหรับบางท่านที่อาจเป็นลูกศิษย์ลูกหาของพระอาจารย์ท่าน
    ที่แวะเวียนมาอ่านขอแจ้งข่าวคราวเล็กน้อย

    ว่า...ขณะนี้พระอาจารย์ท่านยังอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อโปรดญาติโยมในเขตประเทศโซนยุโรป พร้อมพระลูกศิษย์ติดตามท่านอีก 1 รูปเป็นเวลาทั้งหมด ได้เกือบ 1เดือนแล้ว จะเดินกลับมาก็วันที่ 16 เดือนกรกฏาคมนี้( ตรงวันหวยออกพอดี) และที่สำคัญสำหรับคนแถบๆนั้นก็พูดภาษาอังกฤษบ้าง,ฝรั่งเศษ,ดัชน์ ฯลฯกันทั้งนั้น

    ฉันสัณนิษฐานว่าพระอาจารย์คงจะพูดได้หลายชาติ หลายภาษาแล้วกะมัง ฮะ ฮ่าๆ เพราะคราวนี้ถึงคราวที่ท่านต้อง ไปบ้านเขาเมืองเขาแล้วนี้นะ

    เอ.. หรือว่า ท่านก็ไม่ง้อมันอีกก็ไม่รู้ ท่านยิ่งชอบเอาชนะคนอยู่ด้วย อิ.. อิ


    บทเหตุการณ์สนทนากับพระอาจารย์ก่อนเดินทางไปยุโรป



    " เฮ้ย..นี่ไอ้ทิด อาทิตย์หน้านี้ ข้าก็จะต้องไปเมืองนอก แถบๆอังกฤษ สวีเดน อีกหลายเมือง
    แล้วนะเว้ย..อยู่นานเดือนหนึ่ง"


    "แล้วพระอาจารย์ไปยังไงครับ?"


    "อ้าว!ไอ้นี่มันถามแปลก ข้าก็นั่งเครื่องบินไปซิวะ จะให้ข้าเดินไปรึ
    ข้าไม่ไปหรอกมันไกลเดินเหนื่อย เมื่อยหน่องตายชัก ฮ่าฮ่า"
    (เอ๊า....หัวเราะชอบใจเข้าไปซะให้พอ...นะท่านนะ)


    "พระอาจารย์ตลกดีนะครับ ผมชอบ" อีกคนก็เลยทำเสียงเครียด คอยจ้องดักคอเช่นกัน


    "ผมหมายถึงว่ามีสาเหตุ ที่ไปที่มาอย่างไร ถึงได้เดินทางไปไกลถึงเมืองนอกประเทศแถบนั้นได้"


    "อ้อ! เอ็งก็พูดให้มันชัดๆสิ...
    คือมีบรรดาลูกศิษย์ที่เขาอยู่ที่นั่น เขาจะออกตั๋วค่าเครื่องบินให้ข้ากับลูกศิษย์ติดตามไปด้วย 2 ที่ นิมนต์มาเพื่อให้ไปสอนธรรมะปฏิบัติญาติโยมเขาในแต่ละเมือง เขาพาไปไหน...ข้าก็อยู่ที่นั่นแหละ"


    "...อ๋อ! เข้าใจแล้วครับ เขาออกเฉพาะตั๋วขาไป ส่วนขากลับไม่ได้ออกให้...
    เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว... คราวนี้พระอาจารย์เสร็จแน่ พระอาจารย์จะกลับเองได้หรือเปล่าล่ะ"
    อีกคนก็เลยแกล้งเซ่อเดียงสา...กะย้อนเอาคืนบ้าง (เรื่องเคารพหนะก็เคารพเป็นอย่างสูงดีอยู่หรอกครับ)


    "ข้าชอบคุยกับเอ็ง เพราะเอ็งมันไม่ยอมเออออกับข้าง่ายๆ คนอื่นมันมักจะยอมลงให้ข้า
    เอ็งกับข้ามันทันกันคุยกันแล้วมันสนุกดี ฮ่าๆ...ไม่เจอเอ็งนานๆข้าก็คิดถึง

    นี่ไอ้ทิด!ถ้าเขาไม่ออกตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับให้ เอ็งจะให้ข้าเหาะกลับเองรึไง!
    ข้าเป็นพระ..ไม่ใช่นกจะได้กระพรือปีกบินกลับเองได้...เข้าใจคิดจริงๆไอ้นี่"


    "อ้อ..เหรอครับ ท่านไม่มีแนวคิดว่าจะ ลองเดินทางเท้าธุดงค์กลับเหรอครับ ผมเคยดูในแผนที่ลูกโลกเหมือนมันไม่ค่อยไกลเท่าไร.."
    เอาแล้วไง จะแหย่ให้โดนท่านด่าเอ็ดเอาอีก


    "เออ..เอ็งก็เอาเถอะชาติหน้า มึงคงเดินมาถึงอยู่หรอกนะ" นั่นไงโดนจริงๆด้วย


    "พระอาจารย์ไปนาน..ผมคิดถึงแย่"
    ขออ้อนเอาใจหน่อยดีกว่า เผื่อได้ของฝาก อิ อิ


    "ไม่ต้องมาทำพูดดี แหม!บางทีเอ็งยังหายไปทีตั้ง 7-8 เดือนโผล่มาที
    พอคราวนี้ดันมาทำอ้อน ข้ารู้ว่าเอ็งอยากได้ของฝากแน่ๆ ลองมาลูกนี้ ใช่มั๊ย?"
    อุ๊ยตาย!แล้วท่านหยั่งรู้วาระจิตของเราจริงๆด้วย/อีกนัยหนึ่ง...(กูรู้จักนิสัยมึงดี..ว่างั้น)


    "ทำไมท่านรู้...ขอเป็นของฝากเล็กๆน้อยๆนี่ก็ชื่นใจศิษย์เหลือเกิน"
    ก่อกวน.. อ้อน... วอน..และจบลงที่ขอของฝากในที่สุด


    "ได้ สำหรับเอ็งมีแน่นอน ศิษย์รักอย่างเอ็งข้าไม่ลืม ไปเมืองนอกทั้งที มันก็ต้องมีฝรั่ง..เป็นของฝากใช่มั๊ย...งั้นขากลับข้าจะแวะซื้อฝรั่งที่ตลาดไท ให้เอ็งซักเข่ง เอาเข่งใหญ่เลย ฮ่า ฮ่า"


    " ผมซึ้งน้ำใจของพระอาจารย์เหลือเกินที่มีเมตตาอันยิ่งใหญ่กับศิษย์ เพราะมันใหญ่พอๆกับเข่งที่ใส่ฝรั่งนั่นแหละ" น้ำเสียงเริ่มเครียด สีหน้าชักเริ่มตึงขรึม


    "หึ หึ! 'พระอาจารย์..อย่าลืมแวะซื้อพริก-เกลือให้กระผมจิ้มกินด้วยนะงั้น.."เสียงกึ่งประชด


    "ไม่ต้องซื้อ!ซื้อทำไม๊! มาทำกินเอาเองที่วัด ของวัดเรามีเพียบ"


    "พระอาจารย์..ท่านจะไม่ยอมแพ้ทางใครเลยจริงๆ..ใช่มั๊ย"


    "ใช่..โดยเฉพาะเอ็ง ฮ่าๆ " แล้วท่านก็หัวเราะแบบสะใจอีกแล้ว


    จบ...ขอจบบทสนทนาแบบหงุดหงิดใจ..
    ของคู่สนทนาอีกคนยังไงๆ..ชอบกล
    ===========

    ตอนนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ..มีหมากพลูเคี๊ยวหรือเปล่า?

    ....ป่านนี้จะมีใครหาถวายท่านได้หรือเปล่าก็ไม่รู้? ถ้าไม่มี

    ...ป่านนี้พระอาจารย์ท่านมิพากัน คอแห้ง..คอเหนียว.. น้ำลายเปรี้ยวไปแล้วมั๊ง..
    โทรกลับมาครั้งก่อน.. น้ำเสียงท่านเหมือนเป็นหวัด
    บอกว่าอากาศที่นั่นหนาวมาก

    คิดถึงพระอาจารย์ท่านจังเลย..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...