***อย่าคิดว่า..แค่มโนกรรม และทำกับสัตว์เล็กๆไม่มีผล***

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 3 พฤษภาคม 2012.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066
    ..........................................
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066
    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/BMB12eozG3w?version=3&autoplay=1&hl=th_TH&rel=0 allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always">





    ..................................................................................




    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/EfAws43ngA0?version=3&hl=th_TH&rel=0 allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always">
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2012
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066
    ...การมีสติสัมปชัญญะ ระวัง ยับยั้ง ให้เกิดน้อยที่สุด

    คือการรักตนเอง..........
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066
    .............แล้วมโนกรรม วจีกรรม


    จนถึงขั้นรุนแรงเป็นกายกรรม ที่ทำต่อผู้มีคุณ , ผู้ไม่เบียดเบียน



    จะรุนแรงแค่ไหน


    ............กว่าจะรู้ .........บางชีวิตอาจต้องรับผลนั้น นานแสนนาน

    กว่าจะรู้ตัว และ หันกลับมาสู่เส้นทางไม่เบียดเบียน <!-- google_ad_section_end -->
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อนุโมทนาค่ะ ความผิดแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรทำ
    เพราะทำให้จิตเราเศร้าหมองได้ค่ะ
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066
    ...........กรรม ที่ทำไว้กับจิ้งจก.........T-T

    วันนี้จะเล่าเรื่องกรรมของน้องลิงที่ทำไว้กะสัตว์ ตามที่สัญญาไว้แล้ว พอเอมทำกรรมฐานไปแล้ว นอกจากการระลึกกรรมได้ในกรรมฐานแล้ว ก็จะระลึกกรรมอื่นๆได้ด้วยสติ ซึ่งตามที่หลวงพ่อจรัญสอนว่า "ทำกรรมฐานได้ มันจะอ่านตัวออก บอกตัวได้ ทำอะไรไว้จะระลึกได้หมด"




    ตอนเอม เรียนชั้นประถม เธอจะมีโลกส่วนตัวสูง อะไรที่เอมเล่น หลายอย่างมันรอดสายตาเราไป เยอะเลย ด้วยความเป็นเด็ก เอมก็ซอกแซกไปเจอไข่จิ้งจก เอมเริ่มสงสัยว่าข้างในมีอะไรหนอ ด้วยความสนุกและแสนจะจินตนาการ เอมก็ค่อยๆเอาอะไรมากะเทาะเปลือกเบาๆ ค่อยๆบรรจงแงะเปลือกไข่จิ้งจกออก แต่เนื้อเยื่อหุ้มไข่ยังอยู่ ก็จะมองเห็นตัวลูกจิ้งจกข้างใน แต่คิดหรือว่า จะทำได้โดยง่ายไม่ให้เนื้อเยื่อหุ้มไข้จิ้งจกขาด น้อยอันที่จะสำเร็จ ส่วนมากแกะแล้วเนื้อเยื่อไข่ก็ฉีกขาดออกมากะเปลือกไข่ด้วย เอมก็ปาทิ้ง "แปะ" เสียง embryo จิ้งจก กระแทกลงพื้น ฟองแล้วฟองเล่า


    เอมบอกว่าความรู้สึกตอนเด็กน่ะ รู้สึก สนุกมาก มันท้าทายดี ว่าเราจะแกะเปลือกไข่ออกมาจากเนื้อเยื่อหุ้มไข่จิ้งจก ได้ทั่วทั้งฟองไหม ถ้าไม่ได้ ปาทิ้งเลย สะใจดี เล่นแบบนี้อย่างสนุกสนาน วันนึงเกิดเบื่อล่ะ หมดความสนุก

    เอมเริ่มมองหาจิ้งจก ชีวิตนี้ไม่เคยกลัวสัตว์อะไรเลย กล้าจับ เอมไล่ตะครุบจิ้งจกเล่น เป้าหมายคือ หาตัวที่ท้องอยู่ มีไข่ในท้อง พอจับได้พลิกดูท้องก่อนเลยว่ามี ไข่ในท้องไหม?

    ถ้าใครชอบเล่นจิ้งจกแบบเอม ก็จะรู้ว่าผิวที่ท้องของจิ้งจกจะบางมาก สามารถมองเห็นไข่ในท้องได้เลย

    จิ้งจกที่จับได้ ถ้าไม่มีไข่ก็ปล่อยไป (โชคดีค่อดๆ) ถ้าพลิกท้องแล้วเห็นว่ามีไข่ในท้อง ก็จะเริ่มขบวนการ จินตนาการแสนสนุก จิ้งจกบางตัว ก็มีไข่ ๑ ฟอง ๒ ฟอง ในท้อง แล้วแต่จะเจอ เอมเอามือน้อยๆ บีบที่ท้องมันทันที ขี้จิ้งจกไหลออกมา พวกไส้ เครื่องในก็ไหลออกมาด้วย เอมก็ออกแรงบีบ รีดท้องจิ้งจกที่โชคร้ายแรงขึ้น ในหัวก็คิด "ออกมาซิ ออกมา! ไข่ออกมาซักทีซิ " แล้วไข่จิ้งจกในท้องก็หลุดออกมาจากท้องแม่จิ้งจก แม่จิ้งจกก็ค่อยตายอย่างทรมาน
    ถ้ามี ๒ ฟองก็ยิ่งบีบแล้วบีบอีกให้ไข่หลุดออกมาให้ได้ ทุกครั้งที่คุยกันเรื่องนี้ เราจะมีอาการแปลกๆทุกที อาการหดหู่ รู้สึกมีก้อนอะไรจุกที่คอ ชอบคิดถึงใจจิ้งจกตอนโดนถูกรีดไข่ออกจากท้อง ว่าเค้าทรมานเจ็บปวดแค่ไหน แล้วน้องเราจะต้องรับกรรมหนักแค่ไหน

    ไข่จิ้งจกที่ผ่านการถูกบีบรีดออกมา เปลือกจะนุ่มๆ นิ่มๆ บางๆ เอมมองเห็นเป็น embryo อยู่ภายใน เพิ่มความภูมิใจในความสามารถของตนเอง และมีความสุข สนุกในสิ่งที่ได้เล่น เอมยังทำพฤติกรรมแบบนี้กะจิ้งจกที่กำลังท้องไปพักใหญ่ จนกว่าความสนุกจะเจือจางลง แล้วความเบื่อเข้าครอบงำ แล้วหาวิธีเล่นกับสัตว์อื่นๆต่อไป
    ในที่สุด กรรมก็ส่งผล ในช่วงที่เอมเรียน ธรรมศาสตร์ ปี ๑ หรือ ๒ ราวๆนี้ จำได้ว่าเป็นช่วงปิดเทอม เอมได้กลับมาบ้าน เริ่มมีอาการ อ้วก อาเจียน ท้องเสีย มีไข้ กินยาอยู่ ๒ วันก็ไม่หาย อาการทรุดลง เพราะร่างกายไม่ยอมรับอาหาร และน้ำเลย พอแม่ป้อนข้าวก็อ้วกหมด กินน้ำ ก็อ้วกน้ำออกมา ร่างกายยังไม่ทันดูดซึมอะไรได้เลย น้ำหนักจาก ๔๐ กก. ลง มา ๓๗ กก. แม่กะพ่อ พาไปโรงพยาบาล หมอดูอาการแล้ว ก็ให้นอนที่โรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ หมอวินิจฉัยว่า ติดเชื้อในลำไส้
    นับตั้งแต่กรรมส่งผล เอมไม่สามารถกินอาหารที่รสจัดได้เลย แม้แต่อาหารที่ใส่พริกเกิน ๒ เม็ด ก็จะมีอาการเผ็ดค่อดๆ ดูเหมือน มันดัดจริตนะ แต่จริงๆ คือร่างกายรับอาหารรสจัดไม่ได้จริงๆ ผลตอบกลับก็คือ มีอาการท้องเสียทันที ช่วงแรกๆ เราต้องลางานมา กทม. บ่อยๆ เพื่อพาน้องไปโรงพยาบาล เพราะน้องมีอาการ อ้วก อาเจียน ท้องเสีย เป็นๆ หายๆ ประจำ หมอก็จะบอกเหมือนๆเดิมว่า ลำไส้ติดเชื้อ เป็นแบบนี้มาถึงวันนี้
    ด้วยบุญยังมี เอมได้ทำกรรมฐานตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จากอาการอ้วก อาเจียน ท้องเสีย ก็จะเหลือเพียงท้องเสียเล็กน้อยเวลาทานอาหารรสจัด (พริกมากกว่า ๒ เม็ด เหอะๆ)
    ทำกรรมฐานแล้ว ก็ระลึกกรรมได้ว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะ กรรมที่ทำกะ จิ้งจกที่ไปบีบรีดไข่จิ้งจกออกมา จนไส้จิ้งจกทะลักออกมาตาย แต่ที่ยังกังวลใจคือ สติเตือนว่า ถ้ามีลูกจะต้องแท้ง (ตอนนี้มันยังหาแฟนไม่ได้)
    เอมบอกว่าก็ทำใจแล้วนะ ยอมรับผลของกรรมตามที่หลวงพ่อสอน ขอชดใช้ให้เค้าไม่มีข้อแม้ใดๆ แต่เจ้ากรรมน่ะ ไม่ได้มีแค่ จิ้งจกอย่างเดียว นอกจากวิญญานในชาติก่อน ก็ยังมี สารพัดสัตว์ ที่เอมก่อกรรมไว้เยอะเลย เฮ้อ............... เดี๋ยวจะเล่าเรื่องสัตว์ชนิดต่อไป ที่เอมไปก่อเวรก่อกรรมในคราวหน้านะค่ะ
    อ้อ... ลืมบอกอะค่ะ ตอนเด็ก ถ้าเจอไข่จิ้งจก อรจะเก็บขึ้นมาเล่น ด้วยการปาลงพื้นแรงๆให้ไข่มันแตก เฮ้อ... กรรม



    **************************************************

    เครดิต ...https://www.unblockworld.com/index...._interstitial=3d1=26u=3d=252Fjournal=252Fitem
     
  7. บัวมรกต

    บัวมรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    812
    ค่าพลัง:
    +1,071
    กรรมที่เกี่ยวกับสัตว์ตัวเล็กๆ

    ตอนเด็กๆ

    1. เคยปิดประตูไม่ระมัดระวัง ไม่เห็นว่ามีจิ้งจกอยู่ตรงซอกประตู

    ปิดประตูแรงมาก จิ้งจกตัวนั้นคอหักตาย

    2. ในคืนเดือนมืดวันที่ฝนตก เหยียบคางคกตายโดยที่ไม่เห็นว่า มีคางคกตัวใหญ่อยู่ใต้ฝ่าเท้า

    3. เคยบี้มดเล่น เวลาที่มันเดินผ่านต้นไม้ไป ต่อมาสำนึกได้ก็เลิกบี้มดไม่ชอบเวลาที่มดมาขึ้นข้าวของเครื่องใช้ ในครัว จึงฆ่าอย่างทารุณด้วยการฉีดน้ำยาล้างทำความสะอาดห้องครัว

    4. เคยลวกหอยแครง เอามากิน

    5. ตบยุงด้วยความตั้งใจ

    6. เคยฉีดน้ำร้อนใส่คางคก ที่ค้างอยู่ในท่อระบายน้ำ เพราะไม่อยากให้มันขึ้นมาจากท่อได้ เพราะเรากลัวคางคก

    7. เคยทดลองสับหางจิ้งจก เพราะมีคนบอกว่าหางมันงอกใหม่ได้เอง

    8. ฆ่าเห็บที่อยู่บนตัวสุนัข

    9. ทำเป็นเมินเฉย ไม่ช่วยเหลือหนูที่จมน้ำ เพราะว่ากลัวหนู

    ตอนโต

    เวลาเจอมดมาไต่ตามตัว หรืออยู่ในที่อันตราย จะช่วยให้ปลอดภัย

    ไม่ตบยุง ไม่ฆ่าสัตว์โดยเจตนา

    กรรมที่ให้ผลในชาตินี้

    แพ้ยุง แพ้หมัดสุนัข บาดเจ็บที่มือ แขน ขา จากอุบัติเหตุลิฟท์หนีบตัวเอง

    ประตูทับนิ้ว เหมือนที่จิ้งจกโดน โดนไฟลวกมือเป็นแผลพุพอง

    ไทรอยด์เป็นพิษ เจ็บที่คอ เหมือนที่ทำให้จิ้งจกคอขาด

    แต่นี่เป็นเพียงเศษกรรรมจากที่ เคยเกิดเป็นผู้คุมนักโทษ ทรมานผู้ที่หาความผิดไม่ได้

    .......................................................................................
     
  8. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    บาปแม้เล็กน้อยก็อย่าทำดีกว่า ไม่ว่ามดปลวกหากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้ก็อย่ารอช้าๆ..
     
  9. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    เคยถูกบงการให้จับหนูที่ถูกจับได้ในกรงดักโดยแม่เป็นคนวางเอาไว้ไปถ่วงน้ำให้ตาย ตอนทำเศร้าใจมากๆเลย พอสมใจ(คือมันตายไปแล้ว)เลยประกาศว่าต่อไปถ้าแม่จะมาให้ทำแบบนี้อีกละก้อให้ทำเองแล้วกัน ตัวเองไม่อยากมีส่วนร่วมทำบาปไปด้วย แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องรับผลนั้นๆไม่ว่าจะออกมาในรูปใด
     
  10. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240
    รู้่ตัวว่าทำกรรมแล้วมีโอกาศแก้ไขยังถือว่าไม่สาย
    สำนึกผิด อย่างจริงใจ ครั้งเดียวพอ เพื่อจะได้ไม่กลับไปทำอีก
    และไม่ต้องหวลไประลึกนึกถึงบาปบ่อยๆใจจะเศร้าหมอง
    ให้หมั่นปฏิบัติกรรมฐาน และอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้เขา

    ผมเองก็กรรมหนักเหมือนกันครับ

    เวลาที่เหลืออยู่เราต้องปฏิบัติให้ดีที่สุด ไม่แน่อีก3วัน7วันเราอาจจะตาย ไม่มีโอกาศได้ทำความดี ทำบุญ ภาวนา สมถะ และวิปัสสนากรรมฐาน

    บางทีพิมพ์ๆอยู่ๆนี่อาจจะหัวใจวายตาย
    ความตายมาเยือนเราทุกลมหายใจเข้าออก

    จงอย่าประมาท
     
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066
    ตัวอย่าง..ผลจากมโนกรรม...ในสมัยพุทธกาล

    <CENTER><BIG>อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท จิตตวรรคที่ ๓</BIG> <CENTER class=D></CENTER></CENTER>
    หน้าต่างที่ ๙ / ๙.

    <CENTER>๙. เรื่องพระโสไรยเถระ [๓๒]

    ข้อความเบื้องต้น </CENTER>พระศาสดายังพระธรรมเทศนานี้ว่า “น ตํ มาตา ปิตา กยิรา” เป็นต้น ซึ่งตั้งขึ้นใน<WBR>โสไรย<WBR>นคร ให้จบลงในพระนครสาวัตถี. <CENTER>
    เศรษฐีบุตรกลับเพศเป็นหญิงแล้วหลบหนี </CENTER>เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี, ลูกชายของ<WBR>โส<WBR>ไรย<WBR>เศรษฐี ในโสไรยนคร นั่งบนยานน้อยอันมีความสุขกับสหายผู้หนึ่งออกไปจากนคร เพื่อประโยชน์จะอาบน้ำด้วยบริวารเป็นอันมาก.
    ขณะนั้น พระมหากัจจายนเถระมีความประสงค์จะเข้าไปสู่<WBR>โส<WBR>ไรย<WBR>นคร เพื่อบิณฑบาต ห่มผ้าสังฆาฏิภายนอกพระนคร. ก็สรีระของพระเถระมีสีเหมือนทองคำ ลูกชายของโสไรยเศรษฐีเห็นท่านแล้ว จึงคิดว่า “สวยจริงหนอ พระเถระรูปนี้ควรเป็นภริยาของเรา, หรือสีแห่งสรีระของภริยาของเรา พึงเป็นเหมือนสีแห่งสรีระของพระเถระนั้น.”

    ในขณะสักว่าเขาคิดแล้วเท่านั้น เพศชายของเศรษฐีบุตรนั้น ก็หายไป, เพศหญิงได้ปรากฏแล้ว. เขาละอายจึงลงจากยานน้อยหนีไป. ชนใกล้เคียงจำลูกชายเศรษฐีนั้นไม่ได้ จึงกล่าวว่า “อะไรนั่นๆ ?” แม้นางก็เดินไปสู่หนทางอันไปยังเมืองตักกสิลา. <CENTER>

    พวกเพื่อนและพ่อแม่ออกติดตามแต่ไม่พบ </CENTER>ฝ่ายสหายของนาง แม้เที่ยวค้นหาข้างโน้นและข้างนี้ ก็ไม่ได้พบ. ชนทั้งปวงอาบเสร็จแล้วได้กลับไปสู่เรือน, เมื่อชนทั้งหลายกล่าวกันว่า “เศรษฐีบุตรไปไหน?” ชนที่ไปด้วยจึงตอบว่า “พวกผมเข้าใจว่า เขาจักอาบน้ำกลับมาแล้ว.” ขณะนั้น มารดาและบิดาของเขาค้นดูในที่นั้นๆ เมื่อไม่เห็น จึงร้องไห้ รำพัน ได้ถวายภัตเพื่อผู้ตาย ด้วยความสำคัญว่า “ลูกชายของเรา จักตายแล้ว.” <CENTER>

    นางเดินตามพวกเกวียนไปเมืองตักกสิลา </CENTER>นางเห็นพวกเกวียนไปสู่เมืองตักกสิลาหมู่หนึ่ง จึงเดินติดตามยานน้อยไปข้างหลังๆ ขณะนั้น พวกมนุษย์เห็นนางแล้ว กล่าวว่า “หล่อนเดินตามข้างหลังๆ แห่งยานน้อยของพวกเรา (ทำไม?) พวกเราไม่รู้จักหล่อนว่า ‘นางนี่เป็นลูกสาวของใคร?’ นางกล่าวว่า “นาย พวกท่านจงขับยานน้อยของตนไปเถิด. ดิฉันจักเดินไป”, เมื่อเดินไปๆ (เมื่อยเข้า) ได้ถอดแหวนสำหรับสวมนิ้วมือให้แล้ว ให้ทำโอกาสในยานน้อยแห่งหนึ่ง (เพื่อตน). <CENTER>

    ได้เป็นภริยาของลูกชายเศรษฐีในเมืองนั้น </CENTER>พวกมนุษย์คิดว่า “ภริยาของลูกชายเศรษฐีของพวกเรา ในกรุงตักกสิลา ยังไม่มี, เราทั้งหลายจักบอกแก่ท่าน, บรรณาการใหญ่ (รางวัลใหญ่) จักมีแก่พวกเรา.” พวกเขาไปแล้ว เรียนว่า “นายแก้วคือหญิง พวกผมได้นำมาแล้วเพื่อท่าน.” ลูกชายเศรษฐีนั้นได้ฟังแล้ว ให้เรียกนางมา เห็นนางเหมาะกับวัยของตน มีรูปงามน่าพึงใจ มีความรักเกิดขึ้น จึงได้กระทำไว้ (ให้เป็นภริยา) ในเรือนของตน. <CENTER>
    ชายอาจกลับเป็นหญิงและหญิงอาจกลับเป็นชายได้ </CENTER>จริงอยู่ พวกผู้ชาย ชื่อว่าไม่เคยกลับเป็นผู้หญิง หรือพวกผู้หญิงไม่เคยกลับเป็นผู้ชาย ย่อมไม่มี. เพราะว่า พวกผู้ชายประพฤติล่วงในภริยาทั้งหลายของชนอื่น ทำกาละแล้ว ไหม้ในนรกสิ้นแสนปีเป็นอันมาก เมื่อกลับมาสู่ชาติมนุษย์ ย่อมถึงภาวะเป็นหญิง สิ้น ๑๐๐ อัตภาพ
    ถึงพระอานนทเถระ ผู้เป็นอริยสาวก มีบารมีบำเพ็ญมาแล้วตั้งแสนกัลป์ ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ในอัตภาพหนึ่งได้บังเกิดในตระกูลช่างทอง ทำปรทารกรรม ไหม้ในนรกแล้ว, ด้วยผลกรรมที่ยังเหลือ ได้กลับมาเป็นหญิงบำเรอเท้าแห่งชายใน ๑๔ อัตภาพ, ถึงการถอนพืช (เป็นหมัน) ใน ๗ อัตภาพ.

    ส่วนหญิงทั้งหลายทำบุญทั้งหลายมีทานเป็นต้น คลายความพอใจในความเป็นหญิง ก็ตั้งจิตว่า “บุญของข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ ขอจงเป็นไปเพื่อกลับได้อัตภาพเป็นชาย” ทำกาละแล้ว ย่อมกลับได้อัตภาพเป็นชาย. พวกหญิงที่มีผัวดังเทวดา ย่อมกลับได้อัตภาพเป็นชาย แม้ด้วยอำนาจแห่งการปรนนิบัติดีในสามีเหมือนกัน. ส่วนลูกชายเศรษฐีนี้ยังจิตให้เกิดขึ้นในพระเถระโดยไม่แยบคาย จึงกลับได้ภาวะเป็นหญิงในอัตภาพนี้ทันที. <CENTER>
    นางคลอดบุตร </CENTER>ก็ครรภ์ได้ตั้งในท้องของนาง เพราะอาศัยการอยู่ร่วมกับลูกชายเศรษฐีในตักกสิลา. โดยกาลล่วงไป ๑๐ เดือน นางได้บุตร ในเวลาที่บุตรของนางเดินได้ ก็ได้บุตรแม้อีกคนหนึ่ง.

    โดยอาการอย่างนี้ บุตรของนางจึงมี ๔ คน, คือบุตรผู้อยู่ในท้อง ๒ คน, บุตรผู้เกิดเพราะอาศัยเธอ (ครั้งเป็นชายอยู่) ในโสไรยนคร ๒ คน. <CENTER>
    นางได้พบกับเพื่อนเก่าแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง </CENTER>ในกาลนั้น ลูกชายเศรษฐีผู้เป็นสหายของนาง (ออก) จากโสไรยนคร ไปสู่กรุงตักกสิลาด้วยเกวียน ๕๐๐ เล่ม นั่งบนยานน้อยอันมีความสุขเข้าไปสู่พระนคร. ขณะนั้น นางเปิดหน้าต่างบนพื้นปราสาทชั้นบน ยืนดูระหว่างถนนอยู่ เห็นสหายนั้น จำเขาได้แม่นยำ จึงส่งสาวใช้ให้ไปเชิญเขามาแล้ว ให้นั่งบนพื้นมีค่ามาก ได้ทำสักการะและสัมมานะอย่างใหญ่โต.
    ขณะนั้น สหายนั้นกล่าวกะนางว่า “แม่มหาจำเริญ ในกาลก่อนแต่นี้ ฉันไม่เคยเห็นนาง, ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนนางจึงทำสักการะแก่ฉันใหญ่โต, นางรู้จักฉันหรือ?”
    นาง. จ้ะ นาย ฉันรู้จัก, ท่านเป็นชาวโสไรยนคร มิใช่หรือ?
    สหาย. ถูกละ แม่มหาจำเริญ.
    นางได้ถามถึงความสุขสบายของมารดาบิดา ของภริยา ทั้งของลูกชายทั้งสอง สหายนอกนี้ตอบว่า “จ้ะ แม่มหาจำเริญ ชนเหล่านั้นสบายดี” แล้วถามว่า “แม่มหาจำเริญ นางรู้จักชนเหล่านั้นหรือ?”
    นาง. จ้ะ นาย ฉันรู้จัก, ลูกชายของท่านเหล่านั้นมีคนหนึ่ง, เขาไปไหนเล่า?
    สหาย. แม่มหาจำเริญ อย่าได้พูดถึงเขาเลย, ฉันกับเขา วันหนึ่งได้นั่งในยานน้อยอันมีความสุขออกไปเพื่ออาบน้ำ ไม่ทราบที่ไปของเขาเลย. เที่ยวค้นดูข้างโน้นและข้างนี้ (ก็) ไม่พบเขา จึงได้บอกแก่มารดาและบิดา (ของเขา), แม้มารดาและบิดาทั้งสองนั้นของเขา ได้ร้องไห้ คร่ำครวญ ทำกิจอันควรทำแก่คนผู้ล่วงลับไปแล้ว.
    นาง. ฉัน คือเขานะ นาย.
    สหาย. แม่มหาจำเริญ จงหลีกไป, นางพูดอะไร? สหายของฉันย่อมงามเหมือนลูกเทวดา, (ทั้ง) เขาเป็นผู้ชาย (ด้วย).
    นาง. ช่างเถอะ นาย ฉัน คือเขา.
    ขณะนั้น สหายจึงถามนางว่า “อันเรื่องนี้เป็นอย่างไร?”
    นาง. วันนั้น เธอเห็นพระมหากัจจายนเถระผู้เป็นเจ้าไหม?
    สหาย. เห็นจ้ะ.
    นาง. ฉันเห็นพระมหากัจจายนะผู้เป็นเจ้าแล้ว ได้คิดว่า ‘สวยจริงหนอ พระเถระรูปนี้ควรเป็นภริยาของเรา, หรือว่าสีแห่งสรีระของภริยาของเราพึงเป็นเหมือนสีแห่งสรีระของพระเถระนั่น’, ในขณะที่ฉันคิดแล้วนั่นเอง เพศชายได้หายไป, เพศหญิงปรากฏขึ้น, เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันไม่อาจบอกแก่ใครได้ ด้วยความละอาย จึงหนีไปจากที่นั้นมา ณ ที่นี้ นาย.
    สหาย. ตายจริง เธอทำกรรมหนักแล้ว, เหตุไร เธอจึงไม่บอกแก่ฉันเล่า? เออ ก็เธอให้พระเถระอดโทษแล้วหรือ?
    นาง. ยังไม่ให้ท่านอดโทษเลย นาย, ก็เธอรู้หรือ? พระเถระอยู่ ณ ที่ไหน?
    สหาย. ท่านอาศัยนครนี้แหละอยู่.
    นาง. หากว่า ท่านเที่ยวบิณฑบาต พึงมาในที่นี้ไซร้, ฉันพึงถวายภิกษาหารแก่พระผู้เป็นเจ้าของฉัน.

    สหาย. ถ้ากระนั้น ขอเธอจงรีบทำสักการะไว้, ฉันจักยังพระผู้เป็นเจ้าของเราให้อดโทษ. <CENTER>
    นางขอขมาพระมหากัจจายนเถระ </CENTER>เธอไปสู่ที่อยู่ของพระเถระ ไหว้แล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่งแล้ว เรียนว่า “ท่านขอรับ พรุ่งนี้ นิมนต์ท่านรับภิกษาของกระผม.”
    พระเถระ. เศรษฐีบุตร ท่านเป็นแขกมิใช่หรือ?
    เศรษฐีบุตร. ท่านขอรับ ขอท่านอย่าได้ถามความที่กระผมเป็นแขกเลย, พรุ่งนี้ ขอนิมนต์ท่านรับภิกษาของกระผมเถิด.
    พระเถระรับนิมนต์แล้ว. สักการะเป็นอันมาก เขาได้ตระเตรียมไว้แม้ในเรือนเพื่อพระเถระ.
    วันรุ่งขึ้น พระเถระได้ไปสู่ประตูเรือน. ขณะนั้น เศรษฐีบุตรนิมนต์ท่านให้นั่งแล้ว อังคาส (เลี้ยงดู) ด้วยอาหารประณีต พาหญิงนั้นมาแล้ว ให้หมอบลงที่ใกล้เท้าของพระเถระ เรียนว่า “ท่านขอรับ ขอท่านจงอดโทษแก่หญิงผู้สหายของกระผม (ด้วย).”
    พระเถระ. อะไรกันนี่?
    เศรษฐีบุตร. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ในกาลก่อน คนผู้นี้ได้เป็นสหายที่<WBR>รัก<WBR>ของ<WBR>กระ<WBR>ผม พบ<WBR>ท่าน<WBR>แล้ว ได้คิดชื่ออย่างนั้น; เมื่อเป็นเช่นนั้น เพศชายของเขาได้หายไป, เพศหญิงได้ปรากฏแล้ว, ขอท่านจงอดโทษเถิด ท่านผู้เจริญ.

    พระเถระ. ถ้ากระนั้น เธอจงลุกขึ้น, ฉันอดโทษให้แก่เธอ. <CENTER>
    เขากลับเพศเป็นชายแล้วบวชได้บรรลุอรหัตผล </CENTER>พอพระเถระเอ่ยปากว่า “ฉันอดโทษให้” เท่านั้น เพศหญิงได้หายไป, เพศชายได้ปรากฏ<WBR>แล้ว. เมื่อเพศชาย พอกลับปรากฏขึ้นเท่านั้น. เศรษฐีบุตรในกรุงตักกสิลาได้กล่าวกะเธอว่า “สหายผู้ร่วมทุกข์ เด็กชาย ๒ คนนี้เป็นลูกของเรา แม้ทั้งสองแท้ เพราะเป็นผู้อยู่ในท้องของเธอ (และ) เพราะเป็นผู้อาศัย ฉันเกิด, เราทั้งสองจักอยู่ในนครนี้แหละ, เธออย่าวุ่นวายไปเลย.”
    โสไรยเศรษฐีบุตรพูดว่า “ผู้ร่วมทุกข์ ฉันถึงอาการอันแปลก คือเดิม<WBR>เป็น<WBR>ผู้<WBR>ชาย แล้วถึงความเป็นผู้หญิงอีก แล้วยังกลับเป็นผู้ชายได้อีก โดยอัตภาพเดียว (เท่านั้น); ครั้งก่อน บุตร ๒ คนอาศัยฉันเกิดขึ้น, เดี๋ยวนี้ บุตร ๒ คนคลอดจากท้องฉัน; เธออย่าทำความสำคัญว่า ‘ฉันนั้นถึงอาการอันแปลกโดยอัตภาพเดียว จักอยู่ในเรือนต่อไปอีก, ฉันจักบวชในสำนักแห่งพระผู้เป็นเจ้าของเรา เด็ก ๒ คนนี้จงเป็นภาระ<WBR>ของ<WBR>เธอ, เธออย่าเลินเล่อในเด็ก ๒ คนนี้” ดังนี้แล้ว จูบบุตรทั้ง ๒ ลูบ (หลัง) แล้ว มอบให้แก่บิดา ออกไปบวชในสำนักพระเถระ,
    ฝ่ายพระเถระให้เธอบรรพชาอุปสมบทเสร็จแล้ว พาเที่ยวจาริกไป ได้ไปถึงเมืองสาวัตถีโดยลำดับ. นามของท่านได้มีว่า “โสไรยเถระ.”
    ชาวชนบทรู้เรื่องนั้นแล้ว พากันแตกตื่นอลหม่านเข้าไปถามว่า “ได้ยินว่า เรื่องเป็นจริงอย่างนั้นหรือ? พระผู้เป็นเจ้า.”
    พระโสไรยะ. เป็นจริง ผู้มีอายุ.
    ชาวชนบท. ท่านผู้เจริญ ชื่อว่าเหตุแม้เช่นนี้มีได้ (เทียวหรือ?); เขาลือกันว่า “บุตร ๒ คนเกิดในท้องของท่าน, บุตร ๒ คนอาศัยท่านเกิด” บรรดาบุตร ๒ จำพวกนั้น ท่านมีความสิเนหามากในจำพวกไหน?
    พระโสไรยะ. ในจำพวกบุตรผู้อยู่ในท้อง ผู้มีอายุ.
    ชนผู้มาแล้วๆ ก็ถามอยู่อย่างนั้นนั่นแหละเสมอไป. พระเถระบอกแล้วบอกเล่าว่า “มีความสิเนหาในจำพวกบุตรผู้อยู่ในท้องนั้นแหละมาก.” เมื่อรำคาญใจจึงนั่งแต่คนเดียว ยืนแต่คนเดียว. ท่านเข้าถึงความเป็นคนเดียวอย่างนี้ เริ่มตั้งความสิ้นและความเสื่อมในอัตภาพ บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว.
    ต่อมา พวกชนผู้มาแล้วๆ ถามท่านว่า “ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า เหตุชื่ออย่างนี้ได้มีแล้ว จริงหรือ?”
    พระโสไรยะ. จริง ผู้มีอายุ.
    พวกชน. ท่านมีความสิเนหามากในบุตรจำพวกไหน?
    พระโสไรยะ. ขึ้นชื่อว่าความสิเนหาในบุตรคนไหนๆ ของเรา ย่อมไม่มี.

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลพระศาสดาว่า “ภิกษุรูปนี้พูดไม่จริง ในวันก่อนๆ พูดว่า ‘มีความสิเนหาในบุตรผู้อยู่ในท้องมาก’ เดี่ยวนี้พูดว่า ‘ความสิเนหาในบุตรคนไหนๆ ของเราไม่มี,’ ย่อมพยากรณ์พระอรหัตผล พระเจ้าข้า.” <CENTER>
    จิตที่ตั้งไว้ชอบดียิ่งกว่าเหตุใดๆ </CENTER>พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราพยากรณ์อรหัตผลหามิได้, (เพราะว่า) ตั้งแต่เวลาที่บุตรของเรา เห็นมรรคทัสนะ<SUP>๑-</SUP> ด้วยจิตที่ตั้งไว้ชอบแล้ว ความสิเนหาในบุตรไหนๆ ไม่เกิดเลย, จิตเท่านั้น ซึ่งเป็นไปในภายในของสัตว์เหล่านี้ ย่อมให้สมบัติที่มารดาบิดาไม่อาจทำให้ได้” ดังนี้แล้ว
    จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
    <TABLE class=D border=0 cellSpacing=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>๙. <TD>น ตํ มาตา ปิตา กริยา <TD>อญฺเญ วาปิ จ ญาตกา <TR vAlign=top><TD><TD>สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ <TD>เสยฺยโส นํ ตโต กเร. <TR vAlign=top><TD><TD colSpan=2>มารดาบิดา ก็หรือว่าญาติเหล่าอื่น ไม่พึงทำเหตุนั้น (ให้ได้), <TR vAlign=top><TD><TD colSpan=2>(แต่) จิตอันตั้งไว้ชอบแล้ว พึงทำเขาให้ประเสริฐกว่าเหตุนั้น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,469
    อนุโมทนา สาธุๆ ครับ
    ตอนเด็กๆผม ฆ่าสัตว์เยอะมาก
    ตั้งแต่หันมาศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม ก็ไม่ได้ฆ่าสัตว์อีกเลย
    แต่โรคภัยก็ยังเบียดเบียนไม่หายซักที
    สงสัยกรรมจากการฆ่าสัตว์คงตามตอบสนองแล้ว
     
  13. amarpinky

    amarpinky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +522
    anumothana sathu sathu sathu kha
     
  14. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    **********************************

    ถ้าลด ละ เลิกบริโภคเนื้อสัตว์ ได้ จะยังผลให้ ภาวะการเจ็บป่วยทุเลาเบาบางลง
    หรือ อาจหายจาก โรคต่าง ๆ ได้ อย่าพึ่งเชื่อ แต่อยากให้ได้ลองดู 3-6 เดือน

    คงเคยได้ยิน เรื่อง หายป่วยจากโรคมะเร็ง หลังได้อธิฐานจิต เลิกบริโภคเนื้อสัตว์ ควบคู่กับการปฎิบัติกรรมฐาน อย่างจริงจัง ละจากบาปทั้งปวง ถวายสังฆทานอยู่เนืองนิตย์ สามารถมีชีวิตอยู่ได้นับสิบ ๆ ปี ทั้งที่ หมอได้ลงความเห็น ว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 9 เดือน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

    หาอ่านได้ จาก วารสาร ธรรมลีลา หรือ หนังสือของ หลวงพ่อ จรัล
     
  15. manasnun

    manasnun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +7
    ถ้าไม่อยากฆ่าเห็บหมัดบนตัวสุนัข ต้องทำยังไงอะคะ เราเคยเอาออกแล้วไปปล่อยที่อื่น มันก็กลับมาอยู่ดี พ่อบอกว่ามันตามกลิ่นหมามา ควรจะทำยังไงคะ หมัดถึงจะไม่ขึ้นสุนัขเราโดยที่เราไม่ต้องฆ่า
     
  16. sriprae somsri

    sriprae somsri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +853
    ใชยากำจัดเห็บหมัด เพราะยาที่กินจะทำให้เลือดสุนัขเป็นพิษสำหรับเห็บหมัด แล้วมันจะค่อยๆ หลุดไปเอง เหมือนว่าเลือดที่มันกำลังดูดคงไม่อร่อย ลองดูนะคะดิฉันก็ถือศึลข้อหนึ่งอย่างเคร่งครัดคะ ขนาดเห็นแมลงสาบอยู่ในซิงค์ ยังไม่กล้าเปิดน้ำไล่เพราะกลัวมันจมน้ำตายคะ
     
  17. sriprae somsri

    sriprae somsri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +853
    ให้สุนัขกินเดือนละครั้งตามน้ำหนักตัวคะ ไม่ใช้ยาฆ่าเห็บหมัดแบบโรยเป็นแป้งเพราะมันจะสำลักตายแน่นอนคะ
     
  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066

    ขอบคุณสำหรับความรู้นี้ครับ

    หลายท่าน เลี้ยงน้องหมา น้องแมว และถือศีลด้วย จะได้สบายใจขึ้น
     
  19. uptoyou

    uptoyou สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +10
    แล้วแมลงสาบ ล่ะครับ เขาเข้าบ้านมารบกวน บ้านผมมีเด็กเล็ก เกรงว่าจะได้รับเชื้อโรคจากเขา ไม่ทำก้อไม่ได้ จะทำอย่างไรครับ เพราะ ไล่เขาเขาก้อวิ่งไปทั่วบ้านเลย
     
  20. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,446
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,023
    ค่าพลัง:
    +70,066


    ผมใช้วิธีปรับนิสัยเจ้าของบ้าน


    ไม่ให้มีเศษอาหารอะไรเรี่ยราดในบ้าน แม้แต่ห้องครัว ต้องเก็บในที่มิดชิด
    ไม่ปล่อยกลิ่น ถังขยะปิดดี ตรวจดูรอยรั่ว ช่องตามจุดต่างๆ ที่แมลสาบจะเข้า ตรงจุดที่เจอบ่อยๆ ผมใช้การบูรไปวางไว้ ทั้งมด แมลงต่างๆก็หายไป

    ถ้าใช้ลูกเหม็นจะเสี่ยงต่อมะเร็งปอด และภูมิแพ้ระบบหายใจ


    บางที่เจอ ...ผมก็จับออกไปปล่อยเฉยๆเลย บ่อยไป



    บางท่านเห็นโฆษณาเครื่องไล่หนูและแมลงสาบ ที่เสียบปลั๊กแล่้วปล่อยคลืนไล่แมลงแลัว ไม่ได้ผล ก็หลายราย


    ลองมาแชร์กันดู เรื่องพวกนี้เป็นปัญหาทั่วโลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...