การเตรียมตัว เตรียมใจ ไปสู่ยุคภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 12 มีนาคม 2012.

  1. buddhpunjat

    buddhpunjat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    1,114
    ค่าพลัง:
    +4,188
    ต.แม่ปั๋งค่ะ...ถ้าอยากดูแบบเข้าไปดูที่
    Thai Nano House.com : บ้านจิ๋ว คุณภาพแจ๋ว :: บ้านประหยัดพลังงาน ต้านทานพายุ แผ่นดินไหว สึนามิ เพลิงไหม้ ก่อสร้างรวดเร็ว ประหยัด
    ได้เลยค่ะ

    หรือจะสร้างสไตล์อื่นก็รีบตัดสินใจเลยค่ะ
    เพราะถ้าไม่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าจะช้าไปนะคะ
    ของเรายังช้าไปเลย ทำให้ต้องไปเช่าบ้านอยู่ก่อนอ่ะ
    จะทำอะไรก็รีบเลยเถอะค่ะ...อย่าช้า...ขอบอก :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2012
  2. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณเกษม :- ภาพรวมของภัยพิบัติทั้งหมด ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกว่าก็จะเกิดขึ้น เป็นไปตามเดิมที่เคยบอกไว้แล้ว ในโลกของท่านเวลาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที่ แต่เวลาในโลกมนุษย์นั้นจะเป็นเดือนๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านเมตตาให้คนที่เขากำลังเร่งปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ที่มีบุญบารมีปริ่มๆที่อยู่ใกล้เส้นคั่นระหว่างจะได้อยู่หรือจะต้องล้มหายตายจากไป เขาได้มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีให้ผ่านจุดนั้นไป ส่วนผู้ที่กำลังเตรียมการหาที่หลบภัยก็สามารถมีเวลาเตรียมการได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยนึง และผลกระทบของภัยพิบัติที่จะมีผลกับประเทศไทยนั้นท่านบอกว่า ก็เป็นแบบเดิมตามที่บอกไว้แล้ว ส่วนในระดับโลกก็มีผลกระทบตามที่เคยบอกไว้ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่บุญบารมีของบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆครับ

    ส่วนเรื่องพระจักรพรรดิ์นั้น การทำงานของท่านเหล่านั้นค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยเปิดเผยยกเว้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนและกาลนึงท่านก็จะบอกเรื่องนึง กาลต่อมาก็จะบอกเรื่องต่อๆมา แต่การปรากฏตัวของพระจักรพรรดิ์นั้นท่านกล่าวเพียงกว้างๆว่า หลังจากภัยพิบัติไปแล้ว จะได้พบกับท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกว่าหลังจากภัยพิบัติไปแล้วยาวนานเท่าใดท่านจึงจะปรากฏตัว แต่ก็มีคนเราพวกนึงที่จะมีหน้าที่รองรับบารมีพระจักรพรรดิ์แต่จะเป็นใครบ้างผมไม่ทราบ ในช่วงระยะนี้ผู้ที่เขาทราบและเข้าถึงพระจักรพรรดิ์จะเป็นการรู้เฉพาะตนและมักจะไม่เปิดเผยตัว เท่าที่ผมทราบส่วนใหญ่เป็นสายพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีมาแก่กล้าแต่ยังปกปิดตนเองอยู่เพื่อรอกาลเวลาทำหน้าที่ของตนเองครับ

    สำหรับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้นผมเองก็มีความเชื่อว่ามีและหลายปีก่อนก็เคยสัมผัสในสมาธิ บังเอิญว่าปฏิบัติแล้วจิตหลุดเข้าไปในมิติของเขา ก็เห็นเขาทำสงครามกัน พวกเขามาหลบภัยในที่ที่เราไปหลบภัยก็เลยเจอกัน เขาบอกว่าอย่าออกไปจากที่หลบภัยเพราะอันตราย เท่าที่เห็นเขาแต่งตัวแปลกๆดูน่าเกรงกลัวและไปเห็นเขาใช้อาวุธปืนที่ยิงออกมาเป็นแสงเหมือนแสงเลเซอร์ ครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้คงไม่ได้มาทำอันตรายอะไรโลกมนุษย์ โลกนี้มนุษย์ทำลายเองโดยอาศัย โลภ โกรธ หลงของตนเองป็นที่ตั้ง เพราะเท่าที่ทราบจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จักรวาลแต่ละจักรวาลนี้จะมีผู้ทำหน้าที่ดูแลอยู่ แม้จะมีพวกเกเรนอกจักรวาลมาเกเรในโลกมนุษย์บ้างก็ไม่สามารถสู้ความบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ผู้เป็นต้นธาตุต้นธรรมในจักรวาลได้ ส่วนที่คนเขาเห็นกันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวในรูปของยานต่างๆ ผมเข้าใจว่าเป็นกลุ่มต่างๆของพวกบังบดที่มีมิติซ้อนกันกับโลกมนุษย์ซะมากกว่า หลายครั้งหลายคราเท่าที่ผมติดตามดูจะเป็นพวกนี้ซึ่งมีอยู่หลายพวกและบังบดพวกนี้แหละที่จะคอยช่วยมนุษย์เราเพราะเทคโนโลยีเขาดีกว่ามนุษย์เรามาก การแปรเปลี่ยนของธาตุบนโลกจะมีผลกระทบกับทั้งมนุษย์และภพภูมิบังบดพวกนี้ด้วย เราจึงเห็นเขาขับยานเข้าๆออกจากมิติภพภูมิ ระดับจิตเขาสูงกว่ามนุษย์เราเขามาหาเราได้แต่เราไปหาเขาไม่ได้ยกเว้นไปทางจิตครับ ที่ด้านหลังพุทธสถานฯห้าพระองค์ก็เป็นบังบดพวกนึงที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยมาบำเพ็ญบารมีเพื่อขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ทางเข้า-ออกเขาเป็นเนิน จอมปลวกขนาดใหญ่สูงๆ ครับ มีตอนที่จะไถเนินนี้ทิ้ง ก็ลองเดินไปส่องดูปรากฏว่าเห็นคนถืออาวุธยืนล้อมรอบเนินนั้นเต็มไปหมด เขาบอกว่าตรงนี้ขอไว้ ผมก็เลยให้รถไถเขาเว้นเอาไว้จนถึงปัจจุบัน ใครอยากรู้เห็นก็ลองไปสื่อสารดูครับ ผมชอบไปคุยกับเขาเวลาดึกๆเพราะเงียบดีและช่วงเวลานั้นญาณรู้เห็นแจ่มใสดี พวกช่างก่อสร้างมักเจอกันบ่อยครับ เขามาบอกว่าผีหลอกที่ตรงเนินนั้น มีเสียงตะโกนออกมาบ้าง เห็นเป็นคนเดินมาบ้าง ที่จริงไม่ใช่ผีหรอกครับแต่เป็นพวกบังบดพวกนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์เขาดูล้ำสมัยมาก เห็นแล้วก็น่ากลัวครับ แต่ว่าเขาก็ไม่ทำร้ายใครหากไม่ไปทำผิดอะไรต่อเขาในที่นั้น

    ส่วนในเรื่องกาลเวลาของภัยพิบัตินั้น ให้แต่ละท่านที่จะใช้ข้อมูลต่างๆในการตัดสินใจ ใช้วิจารณญาณและดุลยพินิจ ของตนเองให้ดี ไม่ต้องมาเชื่อข้อมูลจากผมเป็นหลัก แต่ให้ใช้ข้อมูลจากผมเป็นเพียงข้อมูลประกอบในการตัดสินใจของท่าน เท่านั้น
     
  3. wawa99

    wawa99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +645

    คุณbuddhpunjat ขายบ้านได้ยังค่ะ
    ที่บ้านมีคนมาดูแต่เค้าต่อเยอะ เลยยังไม่ขายค่ะ
     
  4. ญา-ติ-กา

    ญา-ติ-กา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +228
    พี่อัญญาสิทธิ์ ไม่ต้องงงนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ดีใจที่พี่มาตอบคำถามเหมือนเดิม มาเฝ้าดูทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมา อย่างน้อยการได้อ่านการเตือนของพี่ ทำให้ตอนนี้ หนูต้องตื่นตักบาตรทุกวัน(กัวตายแล้วไม่มีไรทาน..อิอิ) และ ใช้เวลาที่มีอยู่ สะสมบุญไปเรื่อยๆ มากบ้างน้อยบ้างตามโอกาส ขอบคุณพี่มากค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนที่มีส่วนในการให้ข้อมูล
     
  5. buddhpunjat

    buddhpunjat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    1,114
    ค่าพลัง:
    +4,188
    ยังเหมือนกันค่ะ...แต่ก็หวังว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือนค่ะ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขอขอบคุณ คุณอัญญาสิทธิ์มากครับ ที่เสียสละเวลามาตอบคำถามให้ผมครับ
    และเพื่อให้เพื่อนๆสมาชิก ได้เข้าใจว่าเรื่องภัยพิบัติ ที่ว่าเป็นไปตามเดิมที่คุณอัญญาสิทธิ์ได้เคยบอกผมไว้แล้วนั้นเป็นอย่างไร ผมก็ขออนุญาตนำบทความเก่าๆของคุณอัญญาสิทธิ์ มาลงให้เพื่อนๆสมาชิกได้ทราบดังนี้ครับ

    ********************************************************

    ถึงคุณ เกษม เรื่อง "สามร่มโพธิ์ศรี" นั้นที่จริงคือเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ที่พระศรีฯ จะลงมายกยอพระศาสนา ที่พระศรีฯท่านมาเป็นพระยาธรรมิกราช ปกครองโลก พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่เป็นคล้ายพระสังฆราชของโลก และพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่คล้ายนายกของโลก โดยมีเหล่า อัญญาสิทธิ์ และ อัญญาธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติรอพระจักรพรรดิ์ กันทั้งนั้นและมักอยู่ในที่ลี้ลับ แต่ถ้าปฏิบัติจิตถึงก็สื่อกันได้

    รายละเอียดเรื่องสามร่มโพธิ์ศรี ผมกำลังรวบรวมจากคนในคณะหลายๆคน เพราะฟังมา ต่างวาระกัน แล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังทีหลังครับ ที่สำคัญก็คือกาลของยุคพระจักรพรรดิ์ ใกล้เข้ามามากแล้ว ครูบาอาจารย์ ท่านมาบอกบ่อยๆให้เร่งปฏิบัติกัน พระศรีฯใกล้จะลงมาทำหน้าที่พระจักรพรรดิ์ แล้ว คำว่า "ใกล้" นี้ ในโลกภายในนั้นหากเป็น 5-10 ปีมนุษย์นั้น ถือว่าน้อยมาก

    ที่ผมกำลังกังวลก็คือ กาลของพระจักรพรรดิ์ จะมาเร็วกว่าที่คิดมาก ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมยังทำไม่เสร็จอีกมาก ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อกาลของพระจักรพรรดิ์ใกล้เข้ามา หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เทวดาเขาจะทำฤทธิ์ โลกจะปั่นป่วนเท่าที่จำได้ ท่านบอกว่า "ประเทศอเมริกาจะเป็นเกาะเป็นแก่ง" ยุโรปต่อไปก็จะหายนะอยู่ไม่ได้ ต้องมาพึ่งแผ่นดินไทย (ต่อไป ไทยกับลาวจะกลับมารวมกัน) ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น หายไป ฯลฯ และ ประเทศไทยจะดีได้ ก็ต่อเมื่อ "เกิดเหตุใหญ่" เสียก่อน การเมืองไทยคนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ แต่ที่เป็นอยู่ทางภาคใต้ตอนนี้คิดว่ายังไม่ใช่เหตุการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ เคยถามท่านว่า "ไม่ให้เกิดไม่ได้หรือ" ท่านว่า "ปู่ยีเว่าไว้แล้ว ปานพระเจ้าเว่า เปลี่ยนแปลงไม่ได้"

    หากใครสังเกตดีๆ ลมพายุนั้นคล้ายจักรหมุน หากใครเคยขี่จักรภายในจะเข้าใจว่าเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้คือภายใน ปราบภายใน ก็ล้นออกมาภายนอก ใครมีกรรม เป็นเชื้อสายของพวกที่เขาปราบภายในก็จะได้รับผลกระทบ ถ้าจะไล่ลำดับ ก็ต้องไปตั้งต้นศึกษาระบบจิตวิญญาณที่หมุนเวียนอยู่บนโลกตั้งแต่ยุครามเกียรติ์แหละ

    เอาเป็นว่าพวกอิสลามคือเชื้อยักษ์พวกนึง ฝรั่งก็เชื้อยักษ์อีกพวกนึง ทางเอเชียก็เป็นพวกเทวดา นาค ฯลฯ รวมทั้งลูกผสมเชื้อยักษ์ก็มีเช่นกัน ศาสตร์วิชาการที่มนุษย์ใช้อยู่บนโลกปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นวิชาของพวกเชื้อยักษ์เป็นคนคิด (ยิวกับยักษ์ เป็นภาษาลัญญลักษณ์) สุดท้ายศาสตร์วิชาการที่มนุษย์เอามาใช้ก็จะทำลายเบียดเบียนมนุษย์กันเอง

    ********************************************************

    ส่วนเรื่องพวกบังบดนั้น คุณชยุตเคยนำมาโพสต์ ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต แล้ว ว่าพวกเขาอยู่ใต้ดินของโลกเรานี้แหละ และอยู่มานานหลายแสนปีแล้ว มีวิทยาการและเทคโนโลยี่ ที่ล้ำหน้ากว่ามนุษย์เรา ที่อยู่บนพื้นโลกนี้หลายเท่านัก มียานอวกาศที่ใช้เดินทางไปดวงดาวต่างๆ ได้ จะเรียกพวกเขาว่าเป็นมนุษย์โลกอีกจำพวกหนึ่งก็ได้ครับ ท่านที่สนใจก็ลองไปหาบทความเก่าๆ ที่คุณชยุตได้แปลเอาไว้ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิตดูได้ครับ

    ส่วนเรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้น ตามความเห็นส่วนตัวของผม คิดว่าเป็นพวกเดียวกับที่เคยมาโลกมนุษย์เมื่อหลายพันปีก่อนคริสตกาล มาเผยแพร่ความเชื่อเรื่องของ"พระเจ้า"ให้กับมนุษย์ในยุคนั้น และเป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์และอิสลาม ที่คนในปัจจุบันนี้ยังนับถือกันอยู่นี้ด้วย จะเห็นได้จากคำทำนายในศาสนาคริสต์ ได้ระบุเอาไว้ว่า พระคริสต์จะเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์นี้อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่มีการชำระโลก ตามพันธะสัญญาเดิมที่เคยให้ไว้กับมนุษย์โลกนี้เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องของดาวเนบิรุ ที่กำลังจะมาเยือนโลกในไม่ช้านี้ ลองอ่านบทความข้างล่างนี้ดูนะครับ ผมคิดว่ามันมีเงื่อนงำที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

    ตำนานเรื่องดาวเนบิรุของชาวสุเมเรียน

    เมื่อกาลครั้งหนึ่งในอดีตประมาณ 500,000 ปีล่วงมาแล้ว โลกของเราหรืออีกนามหนึ่งเทียมัตเป็นสถานที่ที่ต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ชื่อเทียมัตนี้เป็นชื่อดั้งเดิม ส่วนคำว่าโลกหรือไกอาเป็นชื่อที่เพิ่งใช้เมื่อเร็วๆ นี้

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนเทียมัตไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันนี้ วงโคจรของมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์คือ ณ ตำแหน่งระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ส่วนดาวอังคารนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้กว่าปัจจุบันนี้ซึ่งทำให้ดาวอังคารเหมาะที่จะใช้อยู่อาศัยได้เพราะมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีน้ำในรูปของของเหลว ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากทางนาซาและนักวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องวงโคจรที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปไม่ยอมรับเรื่องการวิวัฒนาการโดยสิ่งกระตุ้น

    ในช่วงนั้นเทียมัตอยู่ใกล้กับดาวซิริอุส (หรือโซทิสตามที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกขาน) ระบบสุริยะและระบบดาวซิริอุสนั้นมีความเกี่ยวโยงกันทางด้านแรงโน้มถ่วงซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้เริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ ระบบซิริแอนนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์อคลีออนในกระจุกดาวลูกไก่ (พีลอาดีส) หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้จะโคจรรอบศูนย์กลางกาแลกซี่ในทิศทางของกลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) ในรอบระยะประมาณ 200 ล้านปี และรอบการโคจรของระบบซิริแอนและเขตพีลอาดีสจะมาบรจจบอยู่ในแนวเดียวกับศูนย์กลางกาแลกซี่ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ.2012) โปรดเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหนือความคาดหมาย!!!

    วกกลับมาคุยถึงเรื่องประวัติของนิบิรุ และ เทียมัต โลกของเราในช่วงนั้นมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปัจจุบันมาก ประชากรมนุษย์ในยุคนั้นตามที่นักโบราณคดีเรียกคือมนุษย์นีแอนเดอทัลจะมีขนดกหนาและสันทัด ล่ำสันกว่าพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเพื่ออาศัยประโยชน์จากความอบอุ่นจากพื้นพิภพ เหล่าชาวพิภพแห่งเทียมัตนี้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีสซึ่งข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อน

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนระบบสุริยะนั้นมีเสถียรภาพแต่เนื่องด้วยเหตุเหนือความคาดหมาย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระบบดาวซิริแอนได้เกิดพลัดออกนอกแนวทางโคจรและมุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะ ซึ่งดาวเคราะห์นี้ได้ถูกจับไว้เป็นบริวารของระบบสุริยะโดยที่มีวงโคจรที่รีคล้ายวงโคจรของดาวหางซึ่งมีคาบการโคจรหนึ่งรอบในเวลา 3,600 ปี และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในบริเวณกลุ่มเฆมออร์ด โดยที่คาดกันว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดาวเนปจูน ประชากรบนดาวนี้จะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่ปกครองโดยชนชั้นปกครองที่เรียกว่า “เนฟิลิม” (ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากพระคริสต์ธรรมคำภีร์) ประชาชนทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันในนาม “อนูนากิ” (Anunaki ตามที่เรียกขานโดยชาวสุเมเรียน) หรือ”อนาคิม” (ในพระคัมภีร์เก่า) ในช่วงนั้นผู้ปกครองสูงสุดคือจักรพรรดิ์ อลาลู และจักรพรรดินี ลิลิตู

    ภายหลังที่ถูกจับเป็นบริวารโดยดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์นิบิรุได้เริ่มประสบกับภาวะสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาผู้ปกครองทั้งสิบสองนำโดยจักรพรรดิ์อลาลูได้มีการประชุมฉุกเฉินและได้สรุปถึงวิธีป้องกันเพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์โดยการสร้างโล่ห์ความร้อนที่ทำขึ้นมาจากทองเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศจากการสูญเสียความร้อนซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องขึ้นกับแหล่งความร้อนภายนอกเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย พวกเขาได้เริ่มทำการสำรวจระบบสุริยะใหม่นี้ทันที กองยานอวกาศได้ถูกส่งไปยังดาวเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งเทียมัตเพื่อค้นหาทอง

    ผู้บังคับการมกุฏราชกุมาร อนู พร้อมทั้งราชโอรสทั้งสอง เอนกิ และ เอนลิล และราชธิดา นินคูซัคได้ร่อนลงในบริเวณที่ปัจจุบันคืออ่าวเปอร์เซียและย่างเท้าบนฝั่งในดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศคูเวต ในที่สุดก็ได้ก่อตั้งท่าจอดยานอวกาศในบริเวณเมโสโปเตเมียในตำแหน่งที่มีตำนานว่าเป็นสวนอีเดน โดยความช่วยเหลือชาวพื้นเมืองเทียมัตพวกเขาได้พบกับขุมทองบนเทียมัตและสามารถนำทองนี้เป็นสร้างเป็นโลห์กักความร้อนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีโลห์นี้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ นี้จึงเป็นเหตุที่ต้องมีชาวอนูนากิประจำอยู่บนเทียมัตเพื่อทำหน้าที่ขุดทองและส่งทองกลับไปยังนิบิรุอย่างสม่ำเสมอ

    ครั้งนึงอันแสนเนิ่นนานมาแล้วในช่วงที่นิบิรุโคจรรอบบดวงอาทิตย์มีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณราวๆ 26,000 ปีของเทียมัตนิบิรุได้โคจรเฉียดเข้าใกล้เทียมัตมากจนก่ออันตรายร้ายแรง หนึ่งในดวงจันทร์บริวารได้พุ่งชนเข้ากับเทียมัตทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค และได้ทำให้ทวีปเลอมูเกิดการเปลี่ยนแปลง


    ลักษณะของประชากรนิริบุจะมีความสูงในราว 10 – 20 ฟุต (3 – 6 เมตร) มีผมดกหลายสี แต่ขนตามตัวจะมีน้อยมากเพศผู้จะมีหนวดเคราบ้าง และส่วนมากจะมีเขาคล้ายเขาแพะบนศีรษะ ส่วนเพศหญิงส่วนมากจะมีปีก พวกเขาจะไม่มีเหงื่อและไม่มีกลิ่นตัวซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ให้ชาวพื้นเมืองเทียมัตทำหน้าที่ขุดทองหรืออยู่ใกล้กับพวกเขาเพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกชนพื้นเมืองนี้มีกลิ่นตัวแรง ชาวนิริบุมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละเจ็ดนิ้ว อาหารของพวกเขามักจะเป็นอาหารเหลว และนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่ทำมาจากแผ่นทอง เมื่อเวลาผ่านไปคนงานชาวเหมืองเริ่มกระด้างกระเดื่องจนในที่สุดได้นำไปสู่การปฏิวัติและปฏิเสธการทำเหมือง องค์จักรพรรดิ์อนู จึงได้ปรึกษากับราชินีนันคูซัคซึ่งราชินีนี้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์และพันธุศาสตร์ จักรพรรดิ์ได้ขอร้องให้ราชินีสร้างสิ่งมีมีชีวิตลูกผสมระหว่างชาวนิริบุกับชาวเทียมัตเพื่อทำหน้าที่เป็นแรงงานในเหมืองทอง องค์ราชินีได้ทรงรับหน้าที่ด้วยความรู้สึกท้าท้ายและในที่สุดก็ได้เป็นสิ่งมีชีวิตลูกผสมเพศชายจากไข่ของหญิงเทียมัติกับเชื้ออสุจิของเจ้าชายเอนกิ ราชินีเรียกลูกผสมนี้ว่า “อดามู/ อดัม” ในเบื้องต้นลูกผสมนี้มีแต่เพศชายทั้งสิ้น โดยที่ชาวนิริบุเพศหญิงจำนวนหนึ่งทำหน้าที่อุ้มท้อง และเป็นที่เรียกขานผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ว่า “เทพีแห่งการเกิด”

    และทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี นิริบุมีทอง ชาวอนูนากิเป็นอิสระจากการทำเหมือง ส่วนลูกผสมจำลองก็ได้รับการผลิตเพื่อให้เป็นแรงงานเหมืองที่ดีเลิศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เคยเกิดในอดีต บรรดาเทพีแห่งการเกิดเริ่มรู้สึกเหลือทนกับการต้องมาอุ้มท้องพวกอดามู ดังนั้นชาวนิบิรุจึงได้ประท้วงและปฏิเสธที่จะอุ้มท้องอีกต่อไป ครั้งนี้จักรพรรดิ์อนูรับสั่งให้ราชินีเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าให้สร้างลูกผสมที่เป็นเพศหญิง (อีวา/อีฟ) เพื่อให้ทั้งสองเพศได้ผสมพันธุ์กันเองในธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย

    แต่ปรากฏว่าเพศทั้งสองนั้นเป็นหมันเนื่องจากว่าทั้งสองเพศเป็นลูกผสม ดังนั้นจักรพรรดิ์จึงได้มีกระแสรับสั่งให้เลิกกระบวนการที่ทำให้สิ่งมีชีวิตนี้เป็นลูกผสม ครั้งนี้ราชนีนินคูซัคได้ขอให้เจ้าชายเอนกิดำเนินการแทน เจ้าชายจึงให้ทั้งอดัมและอีฟกินสารบางอย่างเพื่อกลับกระบวนการที่ทำกับสิ่งมีชีวิต โดยหวังให้สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะลูกผสมน้อยลง สิ่งมีชีวิตทั้งคู่ได้ลอกคราบผิวหนังชั้นนอกที่มีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานและเริ่มต้นจับคู่ผสมพันธุ์ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงทราบว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงเพราะกระบวนการนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ จักรพรรดิ์อนูจึงได้สั่งห้ามอดัมและอีฟเข้าไปในสวนอีเดนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ด้วยเหตุนี้มนุษย์โครมันยองได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้ค่อยๆ ล้มตายลงไปโดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นเนื่องจากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และในที่สุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้สูญพันธุ์จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงมนุษย์โคมันยองที่ครอบครองเทียมัต

    ในหนังสือเรื่องแผนร้ายสายรุ้ง (The Rainbow Conspiracy) แบรด สไตเกอร์ได้เขียนถึงโครงการทดลองฟิลาเดเฟียที่ซึ่งประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดีลาโน รูสเวลล์ ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ในปีช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 – พ.ศ. 2483 พวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมีผิวกายสีเขียว และเพื่อที่จะให้ไม่เป็นที่สังเกตพวกเขาใช้สารฟอกสีเพื่อทำให้สีกายของพวกเขามีสีอ่อนลง อย่างไรก็ดีดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกันของรูปวาดเก่าแก่ถึงพระเจ้าในอินเดียที่พระเจ้าที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ มีผิวกายในสีโทนน้ำเงิน ซึ่งหากสังเกตให้ดีพวกกิ่งก่า ตะกวด และจิ้งเหลนจะมีสีผิวในทำนองนี้ ที่มีผิวอ่อนนุ่ม ละเอียดเหมือนไหม นอกจากนี้ข่าวที่มีการรายงานทางโทรทัศน์ยังชี้ว่าคณะแพทย์ที่พยายามจะรักษาผู้ป่วยโดยการหาทางรักษาบาดแผลทางผิวหนังของผู้ป่วยพบว่าผิวหนังของงูนี้คล้ายคลึงกับของมนุษย์มาก ที่จริงแล้วผิวหนังที่ใช้ในการรักษาบาดแผลวิธีนี้เป็นหนังงูเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลาน และกระบวนการย้อนกลับของการทำพันธุวิศวกรรมมนุษย์ ซึ่งกระบวนการย้อนกลับของอดัมและอีฟทำให้สิ่งที่สละทิ้งกลับรวมเป็นรูปใหม่กลายเป็นงู และอาจจะอนุมานได้ว่าชาวนิริบุก็อาจจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โปรดศึกษางานเขียนของ อาร์ เอ บัวเลย์ (R.A. Boulay) ในหนังสือเรื่องเล่าของงูและมังกรบิน (Flying Serpents and Dragons)

    เรื่องที่ต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ของเราเอง คือครั้งหนึ่งนิริบุได้เฉียดเข้าใกล้เทียมัตและทำให้เกิดภัยภิบัติทั้งน้ำท่วมและแผ่นดินไหวไปทั่วโลก ซึ่งในครั้งนี้สวนอีเดนและท่าจอดยานอวกาศได้จมไปในน้ำและถูกทำลายไปจนสิ้น เจ้าชายอูตูแห่งเนฟิลิมจึงได้รับบัญชาให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่ในบริเวณแหลมไซนาย และวิถีชีวิตบนเทียมัตก็ดำเนินไปตามปกติอีกครั้ง แต่ในไม่นานก็ได้เกิดสงครามปิรามิดขึ้น

    พระราชกุมารีเจ้าฟ้าหญิงอินันนาซึ่งเป็นหนึ่งในที่รักยิ่งของจักรพรรดิ์อนูได้รับพระบัญชาให้เป็นผู้ปกครองดูแลบริเวณที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน พระองค์มีพระนามอีกพระนามคือพระลักษมี ซึ่งเป็นพระนามที่ได้รับการสักการะนับถืออยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่พระสวามีคือดยุคดูมูซิ (พระวิษณุหรือเปล่า)ได้มีเรื่องทะเลาะกับบารอนมาดุคจนในที่สุดได้นำไปสู่สงครามปิรามิด ในสงครามชิงอำนาจระหว่างพระราชกุมารีอินันนาและดยุคดูมูซิกับบารอนมาดุคและบารอนเนสศาพานิต ดยุคดูมูซิได้ถูกสังหาร ทำให้เจ้าชายอูตู และพระราชกุมารีอินันนาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่บังควรโดยการทำลายท่าเทียบยานอวกาศที่แหลมไซนายพร้อมทั้งศูนย์วิจัยและผักผ่อนคือเมืองบริวารโซดอมและโกโมราซด้วย (The satellite R&R cities ไม่ทราบว่า R&R แทนอะไรอาจจะเป็น Research and Development หรือ Research and Recreation) ทำให้เหมืองทองในเขตแอฟาริกาใต้เข้าสู่ความวุ่นวายด้วยเมื่อดยุคเนกอลและดัสเชสอีเรสกิกอลเข้าเป็นพันธมิตรกับบารอนมาดุค และทำให้เกิดความวุ่นวายในคณะผู้ปกครองแห่งเนฟิลิม

    จักรพรรดิ์อนูจึงจำต้องโปรดให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่โดยครั้งนี้พระองค์มีพระบัญชาให้เจ้าชายเอนกิและเจ้าหญิงนินกิเป็นผู้ดูแล ทั้งสองพระองค์จึงได้ย้ายสถานที่ไปเป็นบริเวณทะเลสาบติติคาคา (Titicaca Lake) ในเปรู และที่ตรงนี้ก็คือบริเวณที่ราบนาซคาซึ่งมีทองคำจำนวนมหาศาลอยู่ในเทือกเขาแอนดีส ดังนั้นศูนย์การผลิตทองที่แอฟริกาใต้จึงถูกย้ายไปที่ทะเลสาบติติคาคาด้วย

    และนี่ก็เป็นเรื่องในอดีตหลายพันหลายหมื่นปีก่อน ซึ่งก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมชาวนิริบุจึงดูเหมือนจะทิ้งเทียมัตไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าโลห์กักความร้อนนั้นสามารถคงรูปได้อย่างถาวรแล้วทำให้พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทองจากเทียมัตอีกต่อไป ครั้งสุดท้ายที่ดาวเคราะห์พวกเขาเฉียดใกล้เทียมัตคือในปี 687 ก่อนคริสต์กาล แต่แน่นนอนถึงแม้ดาวเคราะห์ของพวกเขาจะมุ่งหน้าไปสู่การหลับไหลที่ยาวนานในกลุ่มเฆมออร์ดพวกเขาจะยังคงการติดต่อกับเทียมัตไว้บ้างบางส่วน อาทิเช่นสิ่งก่อสร้างใต้ดินในเทือกเขาแกรนด์เททอน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ภิภพที่อเมริกาใต้ ในห้องเปล่าที่ซาอุดิอาระเบีย ในภูเขาหิมาลัย หรือแม้แต่ห้องโถงใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิดแห่งอียิปต์ที่ชาวเนฟีลิมสร้างไว้เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศที่แหลมไซนาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาให้ถกเถียงกันว่ามีไว้เพื่อให้มนุษย์ต่างดาวได้ใช้หรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าคำตอบสำหรับทุกปริศนาจะได้รับการเฉลยในอนาคตอันใกล้นี้

    ในขณะนี้คงจะมีคนจำนวนมากถามว่าแล้วดาวเคราะห์นิริบุอยู่ที่ใด แน่นอนมันต้องอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในระบบสุริยะเป็นแน่ บางครั้งนักดาราศาสตร์จะบังเอิญไปพบมันแต่อาจะไม่รู้และเรียกมันว่าวัตถุลึกลับ อย่างเช่นกาแลกซี่ขนาดเล็ก บางทีรัฐบาลเองก็สงสัยว่าเจ้าสิ่งนั้นคือนิริบุเองแต่มีความเห็นว่าจำเป็นต้องปิดบังข้อมูลนี้จากการรับรู้ของสาธารณชน ผู้ที่เฝ้าสังเกตท้องฟ้าในสมัยโบราณทั้งในตะวันออกกลาง หรือชาวมายาในเมกซิโกต่างก็ได้พูดถึงการมาของนิริบุในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งมันจะมาปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ โดยที่ดูเหมือนว่ามันจะจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งจะมีสีทองเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดจิ๋ว มีหางยาวคล้ายดาวหาง และมีบริวารโคจรอยู่รอบๆ และจะลอยให้เห็นดังอัญมณีที่ขั้วโลกเหนือของเทียมัตคล้ายกับการมาถึงของยุคแห่งพระเจ้า

    ------------------------------------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2012
  7. PARISCIN

    PARISCIN สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +11
    ดิฉันได้โอนเงินเพื่อร่วมทำบุญจำนวน 555 บาท หมายเลขอ้างอิง bayi42714962 ขอผลบุญนำส่งให้ลูกและครอบครัวได้มีโอกาสอยู่ในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย ด้วยเทอญ
     
  8. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ PARISCIN :อนุโมทนาในกุศลจิตครับ

    คุณเกษม : ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เท่าที่ผมทราบปัจจุบันนี้ มีหลายจักรวาลที่กำลังอยู่ในช่วงของยุคของพระจักรพรรดิ์ครับ และประธานสูงสุดขององค์พระบรมจักรพรรดิ์จากนานาจักรวาลก็ได้มารับบัญชาจากองค์อชิตะสัมมาพระพุทธเจ้า ให้องค์พระจักรพรรดิ์ทำหน้าที่ปรับสมดุลธาตุของโลกมนุษย์ ที่มีแม่ธรณี แม่คงคา พระเพลิง พระพาย จะเป็นผู้รับบัญชาจากองค์พระบรมจักรพรรดิ์ ในการปรับสมดุลธาตุต่างๆ ในการสถาปนาพระจักรพรรดิ์นั้นองค์พระบรมจักรพรรดิ์ผู้เป็นประธาน จะเป็นผู้กล่าวโองการต่อหน้าพระพุทธองค์ ว่าจะให้ใครบนโลกมนุษย์รองรับบารมีและสามารถใช้อำนาจขององค์พระบรมจักรพรรดิ์ได้ หรือเป็นผู้รองรับบารมีของพระจักรพรรดิ์นั้นเอง

    ดูๆไปก็คล้ายกับว่า ถ้าเป็นเรื่องของธรรมะหรือเรื่องของพระธรรมคำสอนต่างๆหรือเรื่องศาสนา จะเป็นหน้าที่ของพระพุทธองค์ที่จะสงเคราะห์หรือชี้ทาง แต่ถ้าเป็นเรื่องของวิสัยโลกเรื่องต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของพระบรมจักรพรรดิ์ ครับ

    คุณ Tan_Kun :- แต่ละที่ น้ำจะท่วมสูงแตกต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นๆ เพราะหากเกิดภัยพิบัติ พื้นที่บางแห่งแผ่นดินจะทรุดลง แต่บางที่แผ่นดินจะโก่งตัวขึ้นครับ หากเป็นชายทะเล ในช่วงภัยพิบัติ คลื่นทะเลจะสูงหลายสิบเมตรและน้ำจะเข้าท่วมจังหวัดชายทะเลแทบทั้งหมดและน้ำท่วมลึกเข้าไปบนผืนดินหลายสิบกิโลเมตรด้วยครับ
     
  9. Alphaneomatrix

    Alphaneomatrix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +77
    ครั้งสุดท้ายที่ดาวเคราะห์พวกเขาเฉียดใกล้เทียมัตคือในปี 687 ก่อนคริสต์กาล

    ถ้าอย่างนั้น การมาครั้งต่อไปของ nibiru ก็อีกประมาณ 900 ปีซิครับ
    เพราะว่ารอบวงโคจรแต่ละรอบเท่ากับ 3600 ปีมิใช่หรือ
    ว่าแต่ตัวเลข 687 นี้ มีแหล่งที่มาจากไหนกันครับ
     
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    มาตอบคำถามกันต่อครับ

    น้อง Sonk :- อันนี้เป็นข้อมูลเชิงวิชาการล่ะ หลังจากวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมาก่อนสิ้นเดือน พ.ค.มีญาติธรรมคนนึง โทรมาบอกว่า เขาได้ดูข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศผ่านดาวเทียม ในข่าวได้นำข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์มาวิเคราะห์เรื่องของผลกระทบจากพายุสุริยะ เข้าใจว่าข้อมูลอ้างอิงจากองค์การนาซ่า ที่บอกตอนประมาณเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า พายุสุริยะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกหรือส่งผลน้อยมาก

    แต่ว่าเนื้อหาในข่าวเมื่อปลายเดือน พ.ค.บอกว่า ประมาณปลายปีนี้โลกเราจะได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เตรียมอาหารแห้งและสิ่งของต่างๆในการดำรงชีพไว้ เพราะผลจากพายุสุริยะที่มากระทบต่อโลกนั้นจะทำให้โลกถูกปกคลุมด้วยความมืดอยู่ประมาณ 50 วัน (ถ้าเทียบกับข้อมูลที่ปู่อชิตะที่บอกว่าฟ้าจะมืด 7 ราตรี (คือ 49 วัน) ก็จะใกล้เคียงกันมาก)และผลจากพายุสุริยะนั้นจะทำให้แมกม่าและลาวา เสียสมดุล จะส่งผลให้เกิดภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง รวมทั้งเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในแนวระนาบและแนวตั้งพร้อมๆกัน พี่ได้ขอให้แหล่งข่าวเขาติดตามหาคลิปข่าวให้อยู่ครับ

    ที่นี้มาพิจารณาในมุมมองของวิทยาศาสตร์ทางจิตบ้าง(อาจเรียกว่าเป็นวิชาเกิน) สิ่งหนึ่งที่เคยพบมาด้วยตนเองก็คือว่าในขณะที่ธาตุทั้งสี่กำลังมีความแปรปรวนก่อนที่จะกลับเข้าสู่จุดสมดุลนั้นนั้น ฟ้าจะมืดมาก จะมีฝนตกหนัก ฟ้าแลบ ฟ้าร้องและฟ้าผ่าอย่างสนั่นหวั่นไหว ที่พบเจอมานั้นเป็นเหตุการณ์ความแปรปรวนของธาตุในพื้นที่เล็กๆ ในรัศมีไม่กี่กิโลเมตร ตอนนั้นเป็นการทดสอบศาสน์วิชาเดิมๆในการแปรธาตุสี่เพื่อให้สิ่งของบางอย่างในมิติเร้นลับ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นได้ด้วยตาเนื้อ เพื่อนำเอาทรัพยากรบางอย่างข้ามมิติภพภูมิ แต่ทำไม่สำเร็จ ท่านบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเอาของนั้นขึ้นมา ต้องให้เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ท่านอนุมัติให้ก่อนจึงจะสามารถนำสิ่งที่เราต้องการออกมาได้ ทั้งๆที่สิ่งของนั้นก็เป็นสมบัติของเราในอดีต และในยุคนั้นได้ใช้รหัสของธาตุสี่ทำเป็นกลไกไว้ หรือทำกุญแจด้วยรหัสธาตุต่างๆ พอมาไขกุญแจธาตุสี่ในชาติปัจจุบันศาสน์วิชานั้นก็เลือนหายไปกับกาลเวลา ต้องมารื้อฟื้นกันใหม่โดยมีครูบาอาจารย์บางพระองค์ท่านคอยชี้แนะให้ครับ การที่จะทำดั่งนี้ได้สำเร็จต้องใช้กำลังสมาธิและความบริสุทธิ์แห่งจิตสูงมาก ส่วนการแปรธาตุให้สิ่งของที่อยู่ในโลกเร้นลับเคลื่อนจากที่นึงไปอยู่อีกที่นึงนั้นทำได้ไม่ยากนักครับ หากไปพบเจอของเก่าที่เคยเป็นสมบัติของตนเองที่ไหนก็จะเคลื่อนมาทางทิพย์(เน้นว่าต้องเป็นสมบัติของเรามาก่อนถ้าเป็นของคนอื่นล่ะผู้รักษาเขาจะเล่นงานเราอย่างหนัก) บางครั้งแม้ว่าของนั้นเคยเป็นของเราให้เขาเฝ้านานๆ จิตเขาก็ยึดติดในของนั้นไม่ยอมนำมาให้เราก็มีครับ บางวาระก็มีกิจที่จะต้องไปทำพวกนี้บ้างเหมือนกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะคอยชี้แนะให้ทำเพราะผู้ที่เฝ้ารักษาสิ่งของนั้นให้เรา เขาก็อยากไปจุติแล้วเช่นกันเบื่อที่จะเฝ้าให้แล้ว เดือนหน้าไปนครวัด จะลองไปส่องดูว่ามีอะไรที่เคยเป็นของเราบ้าง หากมีก็จะเคลื่อนติดไม้ติดมือกลับมา อันนี้เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตแบบนึง ถ้าเทพเจ้าเขาให้สิทธิ์ก็ทำได้สารพัดอย่างครับ

    ทีนี้ลองมาพิจารณาดูว่าหากการแปรปรวน ปรับสมดุลของธาตุสี่ทั้งโลกนั้นความแปรปรวนจะรุนแรงขนาดไหน ไม่อยากคิดเลยครับ แต่ผลดีของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นนี้ก็คือ ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรต่างๆจะปรากฏขึ้นมาให้เราสามารถนำมาใช้สอยได้โดยง่าย แต่นั่นล่ะ สมบัตินั้นของใครของมันครับ เมื่อถึงเวลานั้นคนที่เหลืออยู่ไม่มีใครอยากได้ของคนอื่นหรอกครับ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผมคัดลอกบทความนี้มาเพียงบางส่วน ถ้าคุณ Alphaneomatrix สนใจรายละเอียดทั้งหมด ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ

    ว่าด้วย " ทฤษฎีผู้มาเยือน " (จากฟากฟ้า) - เสรีไทยเว็บบอร์ด
     
  12. พุชญา

    พุชญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +188
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณอัญสิทธิ์และทุกท่านด้วยค่ะ
    ดิฉันเองได้ติดตามข่าวสารเกียวกับภัยพิบัตมานานแล้วค่ะ และจะเลือกสนใจแต่ข้อมูลดีๆมีประโยชน์กับเราและครอบครัวต่อไปในภายภาคหน้า และดิฉันเองก็เชื่อว่าภัยพิบัติต้องเกิดขึ้นแน่นอน ตอนนี้ก็เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลกแล้ว ล้วนแต่จะหนักขึ้นทุกวัน เมืองไทยถือว่าโชคดีที่มี พระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว พระอริยสงฆ์และสิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองอยู่ทุกที่ ทุกวันนี้ดิฉันเองพยายามรักษาศีลห้าให้ได้ จากเคยทำผิดศีลมาทุกข้อ ได้ทานมังสวิรัติมาได้หนึ่งปีแล้ว เรื่องตายดิฉันไม่กลัวค่ะ แต่กลัวที่ว่าตายแล้วกลัวไปไม่ถูกทาง และเมื่อยังไม่ถึงเวลาก็ยังไม่อยากตายเหมือนกันขออยู่สร้างบุญบารมีก่อนก็แล้วกัน เมื่อมีหนทางไหนที่จะรอดปลอดภัยก็ต้องสนใจไว้ก่อน ดีกว่ารอให้มันเกิดแล้วก็เป็นกระต่ายตื่นตูม เหมือนกับปีที่แล้วที่นํ้าท่วม ดิํฉันเองคิดได้เสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่นรถติดมากๆๆๆ สิ้นค้าบริโภคอุปโภคขาดแคลน ประชาชนเดือดร้อนกันมาก แต่ดูๆแล้วหลายคนก็ยังประมาทกันอยู่ เช่นคนใกล้ตัวเป็นต้น ลูกชายคนโตเชื่อแต่คนที่สองพูดว่า "โถ่แม่"คนจะตายอยู่ที่ไหนก็ตายไม่ต้องหนีไปไหนหรอก" ดิฉันก็เลยต้องเงียบไว้ก่อน กลัวเขาจะบาปเนื่องจากเถียงแม่ นี่แหละหนา"ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งนํ้าตา' กรรมใครกรรมมัน ส่วนสถานที่จัดสร้างพระพุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ดิฉันเชื่อและศรัทธาค่ะเคยโอนเงินนิดหน่อยร่วมทำบุญ ดีใจค่ะที่มีส่วนร่วมบุญในครั้งนี้ ถ้ามีบุญพอคงได้ไปร่วมบุญร่วมแรง ณ. สถานที่จริงค่ะ
    ด้วยความเคารพทุกท่าน
     
  13. Sonk

    Sonk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +197
    ขอบคุณมากในความรู้ คำแนะนำ ครับพี่อัญญาสิทธิ์

    เท่าที่ผมทราบ จากเริ่มต้นเหตุพายุสุริยะที่ผิวดวงอาทิตย์ รวมถึงอาจมีการเรียงตัวของดวงดาวต่างๆ มีผลให้โลกที่อยู่ในระบอบสุริยจักรวาลก็จะููถูกผลของจักรวาล อื่นๆสองจักรวาล บีบ อัดพลังงาน แรงปะทะ โลกค่อยปรับสมดุลในการพลิกขั้ว โลกเราก็จะถูกปกคลุมด้วยความมืดดับบางทีอาจไม่ใช่เริ่มจากวันที่ 21 ธค ปีนี้แต่น่าจะเป็นวันอื่นๆใกล้ปลายปีหรือเลยไปถึงต้นเืดือนมกราคม ไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปี 2556 (ประมาณ 49 วันหรือมากกว่า)ที่น่าเป็นห่วงคือ ความหนาวเย็นจัด ในโลกที่ไม่ได้รับแสงอาิทิตย์ชั่วคราว แผ่นดินไหวหนักๆ ภาวะก้อนน้ำแข็งตกจากฟ้า มหาสมุทรและน้ำต่างๆก็ต้องไหล โดยแรงดันยกตัวไปตามสถาพโลกปรับขั้วเข้าหาสมดุล รวมถึงการเคลื่อนที่ไปมาระหว่างพลังงานไฟฟ้า ประจุบวกลบต่างๆชนกันเป็นฟ้าผ่าคงนับครั้งไม่ถ้วน ค่อนข้างต้องรีบเตรียมตัวอย่างหนักและน่าเป็นห่วงในสถานการณ์ปลายปีนี้ครับ แต่อย่างไรคงยอมรับและเตรียมตัวได้แค่ไหน ก็แค่นั้นครับ คงต้องอาศัยที่พี่อัญญาสิทธิ์ให้สติว่า คุณธรรมที่มี บุญกุศลที่ได้ทำ เป็นเกราะเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยเบื้องต้นก่อน ผมคงได้แต่ นั่งสมาธิเสริมบุญเท่าที่ทำได้ และอธิษฐานจิตบูชาพระรัตนตรัย องค์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง ใ้ห้เราสมหวังในสิ่งที่เฝ้าหวังน่ะครับ
     
  14. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    ขอบคุณคุณอัญญาสิทธิ์ และคุณเกษมค่ะ ที่ทบทวนความรู้ต่างๆให้อ่าน

    รู้สึกเหมือนกบในกะลาก็มิปานนะตัวเองเนี่ย...555
     
  15. เทวาธิราช

    เทวาธิราช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +321
    คุณอัญญาสิทย์ครับ ในช่วงที่ฟ้ามืด พระสงฆ์ท่านจะอยูได้แบบไหนครับ ท่านจะฉันอาหารได้ตามปกติ หรือต้องรอเห็นแสงของวันใหม่ก่อน ผมอาจจะต้องเตรียมพร้อมเผื่อเรื่องนี้ เพราะอาจจะไปหลบภัยที่วัด แต่ไม่รู้จะเตรียมพร้อมเกี่ยวกับพระท่านอย่างไร
     
  16. nataporn33

    nataporn33 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +154
    ขอบคุณพี่อัญญาสิทธิ์ค่ะในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้ได้รับทราบกัน
     
  17. อภิเดช

    อภิเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +910
    เมื่อถึงช่วงนั้นคือเป็นช่วงที่โลกขาดแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
    สิ่งสำคัญรองลงมาจากอาหารก็ควรจะมีการเตรียมเครื่องนุ่งห่มที่สามารถกันความหนาวเย็น และเชื้อเพลิงสำรองในการสร้างความอบอุ่น และให้แสงสว่าง
    ไม่ว่าจะเป็น ถ่าน ฟืน แก๊ส น้ำมัน แบตเตอรี่ หรืออย่างอื่นที่พอจะหาได้ในตอนนี้
    การคาดเดาในตอนนี้เป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่เราพอจะจินตนาการได้บางส่วน
    แต่อีกบางส่วนอาจจะเกินความคาดหมายของหลายๆท่านแน่นอนครับ แต่อย่างน้อยก็ขอให้เราได้พยายามหรือเตรียมการไว้บ้างก็น่าจะไม่เสียหายนะครับ

    ยังไงก็เก็บเกี่ยวตักตวงความรู้ทางด้านการเตรียมการเกี่ยวกับภัยพิบัติให้มากเข้าไว้นะครับ เหลือเวลาน้อยมากแล้ว อ่านตามก็ใช้ปัญญาพิจารณาตามไป หากเกินวิสัยก็ค่อยถามผู้รู้ผู้ที่เคยศึกษา หรือผู้มีประสบการณ์ ซึ่งในบอร์ดนี้มีอยู่เยอะมากครับ หลายสายด้วย ขอยืนยัน
    อย่างน้อยถ้าเราเชื่อคนดีมีศีลธรรม คำแนะนำของท่านเหล่านั้นก็ต้องเกิดประโยชน์แก่เราแน่นอน ตรงกันข้ามหากเชื่อคนอันธพาล ย่อมพาเราไปหาผิดพาเราไปพบกับความประมาทตามวิถีทางของคนเหล่านั้น
     
  18. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ เทวาธิราช : ในช่วงที่ฟ้ามืด พระสงฆ์ท่านจะอยู่ได้แบบปกติ โดยสามารถฉันอาหารได้ตามเวลาก่อนเที่ยงตามนาฬิกา ส่วนท่านที่อยู่ตามป่าตามเขา ก็ต้องใช้วิธีกะเวลาเอาครับเนื่องจากไม่สามารถใช้แสงตะวันเป็นตัวกำหนดเวลาได้ หากจะเตรียมการสำหรับพระสงฆ์ ก็จัดเตรียม สิ่งที่จำเป็นสำหรับพระสงฆ์ไว้ครับ

    ที่พุทธสถานฯก็มีพระสงฆ์ เช่นเดียวกัน หากเราเตรียมอะไร ก็เตรียมสิ่งเหล่านั้นเผื่อพระสงฆ์ท่านด้วยเมื่อพิจารณาว่าสิ่งนั้นเหมาะสมและจำเป็นแก่สมณเพศ ครับ

    ส่วนเครื่องกันหนาว ตามที่คุณอภิเดชแนะนำก็จำเป็นเช่นกันครับ ผมเตรียมเครื่องกันหนาวไว้ ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว เช่นเสื้อจั๊มเปอร์ขนแกะ เสื้อโคทขนเป็ด ผ้าห่ม เป็นต้น

    นอกจากนั้นถุงมือหนัง รองเท้าสำหรับอากาศหนาว เช่น รองเท้าขนแกะ หมวกที่มีฮูดคลุมหัว หากมีโอกาสก็น่าจะเตรียมไว้บ้างครับ โดยเฉพาะคนที่ตัดสินใจไปอยู่อาศัยตามภูเขาสูง หากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่เคยชินกับอากาศหนาวมากๆ มีโอกาสที่จะเป็นโรค Hypothermia สูงครับ ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลาก็มีโอกาสเสียชีวิตครับ
     
  19. Sonk

    Sonk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +197
    ผมขออนุญาติทุกท่าน ณ ที่นี้ เปิดมุมมอง ขอรับทราบจากพี่อัญญาสิทธิ์ ช่วยกรุณาเล่ารายละเอียด เสนอความคิดเห็น
    อธิบาย บรรยายเหตุและผลของเหตุการณ์ต่างๆรอบทุกวันนี้ นำมาซึ่งคาดการณ์ เหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ ให้รู้ถึงการเตรียมตัว เตรียมใจในส่วนภัยทางการเมือง ที่ผมคิดว่าต้องเกิดขึ้นค่อนข้างแน่ในปีนี้ (อ้างอิงจากการที่มหาพายุถูกเลื่อนออกไปโดยผู้มีบารมีและจักสลับแทนที่ด้วยภัยการเมือง ผมคิดว่าภัยพิบัติจากเรื่องนี้ก็เสียหายมากเช่นกันแหละครับ) อีกทั้งเรื่องที่สหรัฐพยายามขอใช้พื้นที่อากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาไว้ตั้งการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติระดับภูมิภาค (Humanitarian Assistance and Disaster Relief – HADR)
    ทั้งนี้ทั้งนั้น จากนี้ไปอาจถือว่าเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล มิได้มีเจตนากระทำการโดยมิชอบใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเพียงสื่อกลางนำเสนอ แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ความมั่นคงในชาติ ซึ่งกันและกันอย่างสุภาพ ตรงไปตรงมา และไม่ควรนำเสนอกระทบกับบุคคลใด บุคคลผู้ทำหน้าที่ตั้งแต่หนึ่งคนขึ้่นไป จนถึงกลุ่มบุคคลใดๆก็ตามเช่นกัน และสอดคล้องกับสิทธิที่ประชากรพึงคิดและวิเคราะห์รับฟังข้อมูล เช่นกันครับ ขออนุญาติสื่อสารกันเท่าที่พอจะไปด้วยกันได้ และคิดไปในแนวทางด้วยกันได้ อย่างไม่กระทบรุนแรงมากนัก
    ภัยที่กล่าวข้างต้น อาจมีภัยธรรมชาติมาแทรกแซงระหว่างช่วงเวลานั้นได้ และจะเป็นข้อมูลการเตรียมตัวในเหตุการณ์นี้ได้ดีครับ ผมขอพี่อัญญาสิทธิ์รบกวนชี้แนะทั้งหมดทั้งปวงนี้ด้วยครับ ขอบพระคุณยิ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2012
  20. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    บทความ มารู้จักกับความลับของPlanetX กัน (ดาวปริศนาNibiru)และมันเกี่ยวอะไรกับปี2012
    บทความ มารู้จักกับความลับของPlanetX กัน (ดาวปริศนาNibiru)และมันเกี่ยวอะไรกับปี2012...

    จับผิดทีละบรรทัด กับ ดาวนิบิรู **พอดีได้รับฟอเวิดเมล์มา
    จับผิดทีละบรรทัด กับ ดาวนิบิรู **พอดีได้รับฟอเวิดเมล์มา

    ใครสนใจก้อลองศึกษาดูนะครับ

    โปรดใช้วิจารณญาณ ก่อนที่จะเชื่อ ( กาลามสูตร 10 ข้อ )
     

แชร์หน้านี้

Loading...