จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    รับรู้ได้ถึงดวงจิตบริสุทธิ์ของทุกๆท่านครับ
    ยินดีที่ได้มาเจอกัน
    จิตเกาะพระนั้น ยากก้อไม่ยาก ง่ายก้อไม่ง่าย
    ขอเพียงท่านทำจริง เพียรจริง ตั้งสัจจะกับตัวเองจริงๆ ไม่ห่างครู อย่าสงสัย เชื่อมั่นในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดินสายกลาง วางกำลังใจดีๆ ตั้งมั่นในศีล และกฎไตรลักษณ์

    ผมมั่นใจ นิพพานนั้นไม่ไกล

    อยากอยู่เหนือกิเลสไหม อยากอยู่เหนือสภาวะต่างๆไหม ดวงจิตอยากหลุดพ้นจากวงเวียนแห่งการ เวียน ว่าย ตาย เกิดไหม

    สิ่งที่กล่าวไป คุณก้อทำได้ ผมมั่นใจ

    ก่อนที่จะละขันธ์นี้ไป ขอเชิญท่านทำในสิ่งที่คนอีกหลายพันล้านคนยังไม่ทำ ยังไม่แจ้ง

    เมื่อท่านแจ้งแล้ว ยังเห็นยคนอีกหลายพันล้านคนนั่นไหม

    เค้าก้อรอคนชี้ทางแจ้ง

    ทำไปนะทุกท่าน

    แล้วท่านจะเข้าใจกับคำว่า ให้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีประมาณ

    สาธุ
     
  2. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    น้องนกชาย

    อัตตา ที่จริง ก้อคือ อัดตานะ ....
    งงละสิ

    ก้อคือ มีอะไรอัดตา ทำให้มองไม่เห็นไง ก้อเลยไม่แจ้ง

    อิอิอิ จิงป่ะครับ
     
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    หญิงเล็กอยากกลับบ้านแล้วๆ...
    ใครอยากไปนิพพาน หรือไม่อยากไป น้องไม่รู้ด้วย
    รู้แต่ว่าน้องจะกลับนิพพานชาตินี้ล่ะ
    ใครรู้ตัวว่าช้า ขาดความเพียร
    ระวังคุณครู และชาวจิตบุญหนีกลับนิพพานกันหมดก่อนนะคะ
    อย่าชะล่าใจนะ.. เวลามีแต่จะเดินไปข้างหน้า
    ไม่ได้รอให้ใครนั่งทำใจว่าจะไปหรือไม่ไปนิพพานดีนะ
    ถ้าช้า และขาดความเพียรก็ไปหอบเอากำลังใจได้ที่
    jitkohphra.com นะ
    (นั่น.. โฆษณาบ้านอีกแล้ว)
    หรือจะมารับกำลังใจที่กระทู้นี้ก็ได้
    พี่ภู พี่เพ็ญ และจิตบุญทุกท่านมีให้เพียบ
    พร้อมเครื่องแรง เครื่องดีส่งท่านถึงนิพพานนะ
    ขอให้เก็บไปคิด พิจารณากันนะคะว่า
    "อยากเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายหรือไม่"
    แต่ถ้าคนกันเอง หว้าให้เวลาคิด ให้เวลาเกิดอีก ๗ ชาติค่อยตอบหว้าก็ได้นะ
    ฮ่าๆ
     
  4. jprabs

    jprabs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +1,229
    เป็นตัวแทน สมาชิกจิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ
    และจิตบุญทั้งหลาย
    กราบไหว้บูชาครู ด้วยบายศรีพานพุ่มดอกเข็ม

    [​IMG]

    ทุกท่านทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยความอิ่มเอมปีติสุข

    ขออนุโมทนากับกุศลความดีที่ครูและสมาชิกทุกท่าน
    ร่วมกันสร้างกับสายบุญ จิตเกาะพระแห่งนี้
     
  5. jprabs

    jprabs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +1,229

    ถูกต้องแล้วคร้าบบบ
    เอาจิตเกาะพระ ระลึกถึงท่านบ่อยๆ
    เดี๋ยวก็ตาสว่าง ถึงบางอ้อ กันได้ง่ายๆ
     
  6. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    เกิดมาแล้วก็แก่ เจ็บ ตาย
    แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มีก็ให้มีเสีย
    ศีลยังไม่เคยรักษาก็ให้รักษาเสีย
    ภาวนายังไม่เคยเจริญก็เจริญเสียให้พอ
    จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ด้วยความไม่ประมาท
    ... นั้นละจึงจะสมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน

    หลวงปู่มั่น ภูริทฺตโต

     
  7. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=J69mo8M5yUk]คนค้นคน เต๋อ เรวัติ พุฒินันท์ - YouTube[/ame]

    ฝากเพลงให้ทุกท่านก่อนนอนครับ

    เดี๋ยวว่าจะไปเยี่ยมที่เวปท่านลูกหว้าสะหน่อยก่อนนอน

    สวัสดีครับ
     
  8. sumitran21

    sumitran21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอขอบคุณที่มีกระทู้นี้ค่ะ ดิฉันมีภาพพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาก ที่ำจำติดตามาตั้งแต่เด็กที่คุณยายพาไปวัดบ่อยๆ จำได้แม่นมาก สวดมนต์ทุกคืนจะเห็นลอยเด่นในมโนภาพ เวลาทั่วไปก็จะเห็นแวบขึ้นมาเป็นระยะ มีความรู้สึกเบื่ออะไรหลายอย่างในทางโลกมานานแล้ว รวมทั้งการกินเนื้อสัตว์ ตัดจากเนื้อ หมู ไก่ ปลา จนเดี๋ยวนี้เป็นมังสวิรัติ และจิตใจเข้าถึงพระธรรมอย่างแท้จริงจะทำได้ง่ายมาก จิตใจเย็นลงและมองสิ่งดีำๆ

    ขอโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  9. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    เราทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน
    มีร่างกายเหมือนกัน มีกิเลสเหมือนกัน
    กิน นอน เที่ยว ถ่าย คิด เหมือนกัน
    แต่ทำไมก็มีอยู่หลายท่านที่ทำจิตให้บริสุทธิ์ได้
    ทั้งที่คนๆ นั้นก็มีสองขา สองแขน และเคยมีกิเลสเหมือนเรา?


    ในอดีตชาติ ในอดีตของชาตินี้เราต่างเคยทำความชั่ว
    เคยทำตัวแย่มาก่อน แต่นั่นก็เป็นแค่อดีต
    ขอให้เราทุกคนจงปล่อยวางกับทุกอย่างที่ผ่านมา
    ทั้งความสุข ความทุกข์ นั้นก็ไม่ได้อยู่กับเรานิรันดร


    แล้วเราทุกคนก็มีสิทธิ์ไปนิพพานได้ในชาตินี้กันทุกคน ทุกดวงจิต
    เกิดมาแล้วหลายภพชาติ ขอชาตินี้เกิดเป็นชาติสุดท้ายได้หรือยัง?
    หรือยังสนุกกับกิเลส สนุกกับการเกิด-ดับอยู่?


    เราอย่ามัวไปเพ่งโทษมองว่าตนเองบาปหนา
    ทำกรรมชั่ว กรรมเลวมาเยอะ
    คงไปนิพพานไม่ได้ในชาตินี้หรอก...


    ทุกท่านโปรดมองดูเถิดว่า..
    แม้เราทำผิดมาแล้วหลายครั้ง แต่พระท่านก็ยังให้อภัยเราเสมอ...
    แล้วตัวเราเองนี่สิ.. จะกดทับ ปล่อยให้จิตตนตกไปถึงไหนกัน?
    เราเองก็ควรให้อภัยตนเองนะ แล้วหันมาทำความดีให้มากขึ้น
    ไม่มีอะไรสายไปสำหรับการทำความดีเพื่อ มรรค ผล นิพพาน หรอกนะคะ


    เราจึงต้องปล่อยวางทั้งสุข และทุกข์
    ทั้งความดี ความเลว
    ทั้งความถูก และความผิด
    เพราะทุกอย่างเป็นธรรมดาของธรรมชาติ
    เป็นธรรมดาของโลก
    และเป็นธรรมดาของธรรมะ


    วันนี้ ปัจจุบันนี้ ขอให้ตั้งใจระลึกถึงพระัเสมอ
    ไม่ว่าจะทำอะไร ให้คิดถึงพระ ให้มองภาพพระบ่อยๆ...
    ถือศีล ๕ (อันเป็นพื้นฐานของความดีในตัวเรา) เป็นเบื้องต้น
    ส่งจิตไปเกาะพระ กอดพระให้แน่น
    ส่งใจไปเกาะครู ส่งการบ้าน หมั่นเล่าอารมณ์บ่อยๆ...
    แล้วท่านจะถึงนิพพานได้ในชาตินี้เอง


    ไม่ว่าจะช้า หรือเร็ว
    ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระ..
    แต่ขึ้นอยู่กับเรา (จิต) ว่าเกาะพระได้แนบแน่นแค่ไหน
    จิตเราเท่านั้นจะเป็นผู้กำหนดเวลาเอง...


    แม้ใครก็ตามที่มีบุญเก่ามาเยอะ ก็ไม่สามารถไปนิพพานได้หากขาดความเพียร
    ที่เปรียบเสมือน "คนเรียนเก่ง" แต่ "ขี้เกียจ" ผู้นั้นก็ไม่มีทางเจริญได้อยู่ดี
    ฉะนั้นความเพียรของเราจึงสำคัญที่สุด...


    และอย่ารอให้ตนเจอทุกข์หนักแล้วค่อยเข้าหาพระ
    อย่ารอเวลาให้เจอครูดีๆ พระดีๆ มาโปรด มาสอนตนเองเลย
    ตัวเราเองควรจะใส่ใจตนเองให้ดีก่อน
    เปรียบเสมือนสะสมต้นทุนเพื่อหาผู้สนับสนุนจิตเราต่อไป
    เมื่อเรามีศีล มีธรรม มีความดีอยู่ในดวงจิตเราเป็นเบื้องต้นแล้ว
    เราจะพบกับครูที่ดี พบกับธรรมะที่ดีเข้ามาในชีวิตเราเอง...


    และนอกจากเราจะมองภาพพระในจิตแล้วนั้น โปรดอย่าสักแต่ว่ามอง
    เปรียบเสมือนตาเนื้อที่มองเห็นพระพุทธรูป แล้วจิตไม่นิ่ง ไม่บริสุทธิ์
    เราต้องมองพระในจิตด้วยความศรัทธา เลื่อมใส รัก เคารพ..
    ให้สัมผัสได้ถึงความเมตตาของพระ ความบริสุทธิ์ของพระพุทธคุณอันมีมากหาประมานมิได้...


    เราโชคดีเพียงใดแล้วที่ได้เกิดมา
    โชคดีเพียงใดแล้วที่ได้เกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชน
    อย่าปล่อยให้ตนเป็นพุทธศาสนิกชนแต่เพียงในนาม ในทะเบียนบ้านกันเลย
    วันนี้จิตท่านเป็น "พุทธะ" แล้วหรือยัง?
    โปรดถามจิตตนเถิด...


    ****
    ข้าพุทธเจ้าขออาราธนาพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐม และ
    พระบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ และด้วย
    บุญกุศลใดๆ ที่ข้าพุทธเจ้าได้กระทำตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ
    ขอจงสำเร็จทุกท่าน ทุกดวงจิตในกระทู้นี้ ขอให้ท่านทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรม และถึงซึ่งพระนิพพานในชาิตินี้เทอญ... สาธุ
     
  10. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    กายนี้ไม่ใช่ของเรา

    ในบางเวลากายของเรานั้นได้ทำงานโดยอัตโนมัติโดยที่จิตไม่ได้สั่ง
    เช่น เวลาที่กายหยาบเราอาบน้ำ กายก็ทำหน้าที่ถูตัวไป
    แต่จิตเราไม่ได้ถูกายไปด้วย จิตเราจะคิด จะฟุ้งไปอีกอย่างนึงที่ไม่ใช่เรื่องอาบน้ำ
    นี่จึงทำให้เห็นว่า กายกับจิตเป็นคนละคน เป็นคนละส่วนกัน
    แต่ที่เราแยกกาย แยกจิตไม่ได้ก็เพราะคิดว่า
    กายนี้เป็นของเรา (จิต)
    กายอยู่ในเรา (จิต)
    เรา (จิต) อยู่ในกาย
    ทำให้เรา (จิต) ยึดติดในกาย


    เวลาเราอาบน้ำ เรามองดูกายบ้างหรือไม่ว่ากายนี้เต็มไปด้วยขี้ และทุกข์?
    แม้คนที่หน้าตาดี ทำศัลยกรรม หรือสวยหล่อตามธรรมชาตินั้น
    เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเรา คือมีทั้งแขน ขา ทั้งกิน เดิน นอน ถ่าย
    ตั้งแต่หัวจรดเท้านั้นมีแต่ของเน่าเหม็น
    แล้วเช่นนี้เรายังจะยินดีในหน้าตา
    ยินดีในความสวยหล่อ
    ยินดีในการเกิดเป็นมนุษย์อีกหรือ?
    และที่สำคัญ แม้ตายไปแล้ว ความสวย ความหล่อนี้เราก็เอาไปไม่ได้
    แต่ความดีของจิตเราเท่านั้นที่จะส่งให้เราไปอยู่ภพชาติอื่นต่อไป...


    แต่อย่างไรก็ตามท่านก็จะต้องเจอความเกิด - ดับอยู่เช่นนั้นตลอด
    แม้เกิดเป็นชาวสวรรค์ เมื่อหมดบุญท่านก็ต้องลงมาเกิดในวัฎฎะสงสารนี้ต่อไป

    เราอย่ารอให้ตายแล้วไปเกิดเสวยสุขบนสวรรค์
    อย่ารอให้ตายแล้วไปรับใช้กรรมในนรก กันในอนาคตอีกเลย...
    ปัจจุบันวันนี้ ท่านก็ไปนิพพานกันได้...
    ท่านสามารถสัมผัสนิพพานบนดินกันได้


    และเมื่อเราตั้งใจจะไปนิพพานในชาตินี้หลังจากตายไปแล้ว
    ก็ขอให้ตั้งมั่นในความตั้งใจนี้ เก็บเป็นกำลังใจในการปฏิบัติ
    ยึดพระ เกาะพระไว้จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
    ไม่ว่าโลกภายนอกจะเป็นเช่นไร
    หรือไม่ว่าจิตเราอยู่ระดับไหนก็ตาม
    อย่าได้ทิ้งพระเป็นอันขาด

    และบุญภายนอกนั้น เราควรทำในขอบเขตที่เราสามารถทำได้
    แต่ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่ บุญใหญ่เพียงใด
    ก็ไม่เท่ากับทำบุญภายใน ด้วยการยกจิตให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละครั้ง

    ทางสายกลางคือทางตรง ทางสายเอกเดินเข้าสู่พระนิพพาน
    คนที่จะไปได้ต้องหมั่นทำบุญภายในด้วย
    มิใช่พากายหยาบเที่ยวไปทำบุญ ๙ วัด แต่ศีลไม่บริสุทธิ์
    มิใช่พากายหยาบไปสร้างพระ สร้างวัด แต่จิตเต็มไปด้วยกิเลส และอัตตา


    เราต้องเรียนรู้จิตของตนให้มาก
    นำจิตไปเกาะพระให้แน่น
    นำจิตให้อยู่สูง เหนือกระแสโลก และกิเลสทั้งปวง


    และที่สำคัญ เมื่อเราเลือกที่จะไปนิพพานแล้วนั้น
    ก็ไม่ควรที่จะแวะข้างทาง
    แวะชมความสนุก ความสวยงามเหล่านั้น
    เพราะของเหล่านั้นก็เป็นของไม่เที่ยง

    เราควรนำจิตไปฝากพระ ไว้ที่พระนิพพานให้เร็วที่สุด
    และเมื่อเราฝากจิต ยกจิตไปที่นิพพานได้แล้ว
    จะมาเที่ยวชมของเล่น, ดอกไม้ข้างทาง ก็ค่อยว่ากันอีกที


    นะจ้ะ


     
  11. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ฟังเพลงกับพระ​


    บทเพลงเกิดขึ้นจากอารมณ์ของมนุษย์
    การที่เราฟังเพลง แล้วมีความรู้สึกคล้อยตามเพลงนั้น
    ก็เพราะเรามีอารมณ์และความรู้สึกเช่นเดียวกันกับเพลง

    ในบางเวลาที่เราทุกข์ เราฟังเพลงก็ร้องไห้
    คล้อยตามเพลงนั้นเพราะมันตรงจิต
    ตรงใจเราในเวลานั้น

    แต่เมื่อเรามาฝึกจิตเกาะพระ
    เราลองเปลี่ยนจากการฟังเพลงคิดถึงคนรัก มาคิดถึงพระแทนจะเป็นอย่างไร?
    เปรียบเสมือนเราฟังเพลง แล้วส่งต่อความรู้สึกของจิตเราด้วยบทเพลง
    ไปยังจิตพระแทนใจเรายังไงล่ะจ้ะ

    ลองทำกันดูนะคะ
    เป็นอุบาย เป็นการปรับใช้ให้พระอยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้ง่าย
    เราสามารถอยู่กับพระได้ตลอดเวลา
    ไม่ว่าเราจะซักผ้า ดูหนัง ทานอาหาร ออกกำลังกาย ฯลฯ
    เราพยายามนึก พยายามคิดให้เราอยู่ใกล้พระในจิตให้สม่ำเสมอ


    อย่ามัวรอให้กายว่างแล้วค่อยคิดถึงพระ
    อย่ามัวรอให้ทุกข์ก่อนค่อยคิดถึงพระ
    เพราะเราสามารถคิดถึงพระได้ตลอดเวลา
    เหมือนตอนที่เรากับคนรักคบกันใหม่ๆ
    ทำอะไรก็คิดถึงแต่คนๆ นั้น เช่น

    ตอนนี้กายเรากำลังทานข้าว
    แล้วเราก็คิดถึงว่าเขาคนนั้นทานข้าวหรือยังนะ? เขาคนนั้นทำอะไรอยู่นะ?
    ก็เปลี่ยนเป็น ตอนนี้เรากำลังทานข้าว แล้วเราก็คิดถึงพระแทน


    เมื่อเรามีความรู้สึกที่ดีต่อพระ
    ความรู้สึกรัก เคารพ เหล่านั้น
    จะทำให้เราสามารถสัมผัสความเมตตาของพระได้ดีขึ้น
    เพราะจิตเรากับจิตพระเชื่อมต่อกัน
    เพราะเรามีพระในจิตตลอดเวลานั้นยังไงท่านทั้งหลาย


    การดูหนัง ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมอะไรนั้นไม่ได้เป็นการปรามาสพระหรืออย่างไร
    หากไม่สบายใจก็กราบขอขมาพระในจิตก่อนก็ได้
    แต่แท้ที่จริงแล้ว เราควรมีพระในจิตให้มาก เกาะพระให้ได้ตลอดเวลามากที่สุด
    เพราะฉะนั้นเราจึงคิดถึงพระให้ได้มากที่สุดไม่ว่าเวลานั้นกายหยาบจะทำอะไร หรือจิตรู้สึกอะไรอยู่

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ


    ปล. หว้าฟังเพลงบางเพลง ก็นึกถึงพระทันที เช่น เพลง home ที่ฟังทีไรก็ทำให้หว้าอยากกลับบ้าน กลับนิพพานไปอยู่กับพระ
    หรือเพลง I look to you ที่ไม่ว่าเวลาหว้าทุกข์ใจ สุขใจ หว้าจะมองพระในจิตเสมอ ลองดูนะคะ แล้วพระจะอยู่กับเรา เราจะอยู่กับพระได้ทั้งวันและทุกวันเลยจ้า



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pJXFakzZLXk"]Blake Shelton Home lyrics - YouTube[/ame]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=j3Yl9j4EytE"]I Look To You- Selah (with lyrics) - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2012
  12. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สมกับเป็นกระทู้ ๒๔ ชั่วโมงจริงๆ
    ทั้งจิตบุญ ทั้งชาวจิตเกาะพระ ทั้งชาวเกาะ (ขอบกระทู้)
    ไม่หลับไม่นอน ต่างพลัดหมุนเวียนกันเข้ามาในกระทู้...

    เห็นหลายท่านแอบบอกว่าตามอ่านกระทู้นี้ไม่ทัน
    เพราะปั่นกันไวเกิน.. ฮ่าๆ
    ขอส่งกำลังใจช่วยทุกท่านที่มาราธอนอ่านธรรมะดีๆ ในกระทู้นี้นะคะ
    ค่อยๆ อ่านไป ใช้สติ-ปัญญาพิจารณาตามไปด้วย
    จิตเราส่วนนึงจะได้เข้าใจได้ชัดเจน แจ่มแจ้งนะคะ
    แต่อีกส่วนก็เหลือให้นำไปปฏิบัติ จิตถึงจะเข้าใจได้ทั้งหมดนะ


    หญิงเล็กขอตัวไปนอนก่อนละกันนะคะ
    วันนี้มาราธอนบ่นธรรมะที่เว็บ jitkohphra.com มาตั้งแต่บ่ายแล้ว
    ตอนนี้กายหยาบเริ่มจะเมาธรรมะที่ไหลมาไม่มีหมด
    ขอให้ทุกท่านสุขกาย สบายจิตกันนะคะ
    ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2012
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ใจเป็นใหญ่
    ใจเป็นประธาน

    ใจของบุคคลผู้หลุดพ้นเพราะรู้ชอบ ผู้สงบระงับ ผู้คงที่ ย่อมเป็นใจที่สงบ เมื่อใจสงบแล้วกายและวาจาก็สงบด้วย

    ใจมีความสำคัญที่สุด กายและวาจา ย่อมเป็นไปตามใจ เหมือนเงาตามตัว คนที่พูดชั่วทำชั่วเพราะใจคิดชั่วก่อนตรงกันข้าม คนที่พูดดีทำดีเพราะใจคิดดีก่อน

    ในทำนองเดียวกัน คนที่มีกายวาจาสงบเพราะใจ สงบก่อน คนที่มีกายวาจาวุ่นวายเพราะใจวุ่นวายก่อน เปรียบเหมือนใบไม้กับเงาของใบไม้ ใบไม้เป็นรูปใด เงาใบไม้ก็เป็นรูปนั้น การพูดและการทำ จึงเป็นกระจกส่องให้เห็นจิตใจ

    ความวุ่นวายทั้งหลาย ทั้งส่วนบุคคล ส่วนสังคมและส่วนประเทศชาติ ตลอดจนถึงโลก มีมูลเหตุสำคัญอยู่ประการเดียว คือใจวุ่นวาย ถามว่าทำไมใจจึงวุ่นวาย ตอบว่า เพราะใจยังมีโลภ มีโกรธ มีหลง มีความริษยา ความทะยานอยากอันไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยสิ่งเหล่านี้ใจจึงมิอาจสงบลงไปได้

    โลภ โกรธ หลง น้อยลงเพียงใด ใจก็สงบลงเพียงนั้น ใจสงบแล้วกายวาจาก็สงบตาม ไม่มีการประทุษร้ายใด ๆอยู่อีก ความร่มเย็นก็จะเกิดขึ้นทั่วไป

    พระศาสดาตรัส ขณะที่ประทับอยู่ วัดพระเซตวัน ทรงปรารภสามเณรของพระติสสะเถระ

    สามเณรได้บรรลุพระอรหัตตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายในเวลาปลงผมเสร็จนั่นเอง สามเณรได้เข้าเฝ้าพระศาสดาพร้อมพระเถระติสสะ ผู้อาจารย์ ในกลางวันนั้นสามเณรจัดแจงปัดกวาดเสนาสนะให้อุปัชฌาย์จนหมดเวลา ไม่มีเวลาสำหรับเตรียมที่พักของตนเองพระเถระทราบจึงให้ไปพักที่ห้องของท่าน จนครบสามคืน สามเณรคิดว่า ถ้านอน สามคืน พระเถระก็จะต้องอาบัติ ข้อสหไสย (นอน)ร่วมกับ โยม หรือเณร ครบสามคืน ในคืนนั้นเอง สามเณรเมื่อล้มนอนก้หลับ พระเถระจึงเอาพัดใบตาลตีปลุกสามเณรให้ตืนก่อนอรุณเช้า แต่ตีผิดไปทำให้สามเณรตาบอด สามเณรก้ไม่ได้พุดอะไร ก็ออกไปข้างนอก

    ด้วยคิดว่า ตัวเองควรปฏิบัติอย่างนั้น ถือกรรมของตนแต่ก่อน ส่วนพระเถระก็สังเวชใจใจจึงเศร้าหมอง ทุกข์เกิดเพราะ ใจคิดกลัวต้องอาบัติและกายกระทำ แท้ ๆ

    เป็นสิ่งเตือนใจว่า จงมำในสิ่งที่ควรทำ อย่าได้ละสติ สัมปชัญญะเลย โทษภัยจะเกิดขึ้น ทุกอย่างไป เจริญพร

    จากธรรมบทเรื่อง พระติสสะเถระและสามเณรผุ้เป็นศิษย์​
     
  14. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    แค่ตัวเราคิดว่าอยากไปนิพพาน แสดงว่าเรายังห่างไกลเส้นทางสายพระนิพพาน
    แต่ถ้าเราเลิกคิดเลิกอยากไปนิพพาน เราก็จะเข้าใกล้เส้นทางสายพระนิพพาน

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านสอนลูกศิษย์ไว้ว่า นิพพาน มาจากคำว่า นิ + พานะ
    นิ แปลว่า ดับแล้ว สิ้นแล้ว
    พานะ แปลว่า กิเลส ตัณหา ราคะ
    นิพพาน จึงแปลว่า กิเลส ตัณหา ราคะ ดับแล้ว สิ้นแล้ว
    หากเราทำได้ตามที่หลวงพ่อฤๅษีท่านบอกไว้ การเดินทางเข้าสู่เส้นทางสายพระนิพพานก็จะเป็นไปได้มากขึ้น

    ความอยากทุกชนิดเป็นกิเลส ซึ่งก็มีทั้ง กิเลสดี และกิเลสไม่ดี แต่ไม่อาจเดินเข้าสู่เส้นทางสายพระนิพพานได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2012
  15. jprabs

    jprabs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +1,229
    โอ้ย!...หวั่นไหว
    เงินทองของมีค่า อยากได้กันหรือเปล่า

    [​IMG]
    ทองคำนะ ไม่ใช่ช็อคโกแลต

    ในทางธรรม สมบัติเงินทองทั้งหลาย
    มิใช่ว่าจะมีแต่โทษอยู่ถ่ายเดียว

    บุรุษหนึ่งโชคดีได้รับทองดังในรูป
    มาครอบครอง เพราะอานิสงค์แห่งบุญเก่า
    ได้มาแล้วก็ขึ้นอยู่กับบุรุษนั้นว่าจะทำ
    อย่างไรกับทอง อาจจะเก็บงำไว้อย่างดี
    นอนกอดนอนจูบ หรืออาจจะนำไปสร้างโบสถ์
    สร้างวิหาร ทำประโยชน์แก่สาธารณะ

    ทรัพย์สินทั้งหลายเป็นเสมือนเครื่องล่อ
    ล่อให้ไปหลงติดยึด แต่ในขณะเดียวกันก็
    เป็นเครื่องมือให้บุคคลได้ใช้ฝึกฝนจิตใจ
    ขัดเกลาความตะหนี่อันเป็นโลภะกิเกส
    และอัตตาที่ติดฝังอยู่ในสันดาน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้น
    อยู่กับว่าบุคคลจะเลือกปฏิบัติอย่างไร

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วขอให้ท่านพิจารณา
    ให้ลึกซึ้งถึงประโยชน์ที่ยังพอมีอยู่ของ
    โลภะ โทสะ และโมหะ
    ประโยชน์ที่พึงจะฉกฉวยจากกิเลสมารเหล่านี้
    คือให้รู้จักนำมันมาใช้อบรมจิตใจ
    ตามหลักจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานก็ดี
    หรือธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐานก็ได้

    เวลาเกิดความอยากได้อยากมีขึ้นมาในใจ
    ให้ใช้สติตามรู้ดูอารมณ์นั้นว่ากระทบใจ
    เราอย่างไร ใจมีสภาวะทุรนทุรายอย่างไร
    หรือให้พิจารณาเห็นความเกิดดับ
    ของความอยากนั้นว่าเกิดขึ้น
    ตั้งอยู่แล้วดับไปอย่างไรก็ได้
    พิจารณาให้เห็นความเกิด-ดับ
    เช่นที่ว่านี้อยู่เนืองๆ จิตย่อมเบื่อหน่าย
    และทิ้งความอยากนั้นไปเสียในที่สุด
    ก็เอากิเลสนั่นแหล่ะมาเป็นฐานของสติ
    เป็นเครื่องรู้ของสติเพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้ง
    ตามความเป็นจริงของรูปนามทั้งหลาย

    ดั่งนี้แล้วจะเห็นว่า ก็เพราะอาศัยกิเลสในใจนี้
    จึงสามารถละกิเกสได้

    หนามยอกก็เอาหนามบ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2012
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับ
    ขอบคุณมากครับ ที่นำธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาเป็นธรรมาทานแด่พวกเรา
    ตามที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดนั้น ถูกต้องแล้วครับ

    ว่าแต่ว่า ทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า คำว่า นิพพาน อันนามสมมุติแห่งความสุขทั้งหลาย ทั้งปวง หรือ บรมสุขนั้น
    และกับคำว่า กิเลส ตัณหา ราคะ ดับแล้ว สิ้นแล้ว นั้นน่ะ
    ทุกคนก็ทราบกันดี

    แต่คนส่วนใหญ่ก็แค่ว่า รู้เท่าเอง หรือรู่แค่ทฤษฎี แต่ยังทำกันยาก
    เพราะเราจะอาศัยกำลังใจของตนเพียงอย่างเดียวมาดับ/ตัดกิเลส ตัณหา ราคะนั้น มันมีกำลังไม่เพียงพอ
    เพราะฉะนั้นแล้ว จิตปุถุชนจึงมีมากกว่า จิตพระโสดาบัน ไปจนถึงจิตอรหันต์นั้น จึงมีน้อยมาก ก็เพราะเหตุนี้แล

    ตำราอาจเรียนเท่าทันกันได้ แต่จิตไม่ใช่ เพราะจิตใครจิตมันจะต้องเข้าไปดูจิตตนเอง ทำให้กัน ดูให้กันก็ไม่ได้ การเรียนรู้เรื่องจิตนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ ถ้าบุคคลใดไม่สนใจ หรือไม่ทำกันอย่างจริงๆจังๆ ก็ไม่มีทางจะพบมรรค ผล หรือนิพพานกันได้อย่างแน่นอน

    แต่เมื่อทุกท่านก็ทราบกันดีทั้งหมดกันแล้ว แต่ถ้ามว่า ที่ให้พวกเรามาทำจิตเกาะพระกันทำไม
    ก็เพื่อจะหาอุบาย หรือวิธีการสร้างสติกันก่อน ก่อนจะไปพูดเรื่องจิต เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เรื่องฌาน เรื่องญาณกันที่หลัง ตามลำดับขั้นตอนกันไป

    นี่แหล่ะ! ที่พวกเรากำลังทำจิตเกาะพระกันก็เพื่อเหตุผลนี้
    แต่พอเราทำผ่านไปทีละขั้นตามที่กล่าวมาแล้วนั้น จะมีกำลังไปดับ/ตัดกิเลส ตัณหา ราคา ตามที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดกันครับ

    แต่ก็ต้องขอบใจท่านมากๆที่นำธรรมะมาเป็นธรรมาทานกับพวกเราในกระทู้นี้
    ธรรมะนี้ บอกตามตรงว่า สอนกันไม่ได้จริงๆ
    เราอย่างมากก็แค่ แนะนำ นำทางให้ถูกทาง ให้พวกเราเดินทางตรงกันเข้าสู่มรรค ผล นิพพานกันให้ได้
    พูดง่ายๆก็คือ ไม่อยากเห็นพวกเราเดินทางผิด หรือทางอ้อมกัน เท่านั่นเอง

    แต่สำหรับผู้ใดจะเดินทางถึงไหนก็ต้องตอบว่า ก็ขึ้นอยู่ที่ความพร้อม หรือกำลังใจตนเอง หรือความเพียร มานะ ความอดทน เป็นต้น

    เรียกได้ว่าเรารู้แค่ปริยัติ หรือว่าทฤษฎีอย่างเดียวกันไม่พอเสียแล้ว เพราะทุกข์ยังคั่งค้างอยู่ภายในจิตของคนมันยังเยอะอยู่เลย
    เพราะฉะนั้นกันแล้ว พวกเราจะหลุดพ้นกันได้ เราจะต้องนำพาการปฎิบัติเป็นหลัก จึงจะถึงซึ่ง คำว่า พระนิพพานกัน
    แค่รู้อย่างเดียวไม่ได้ คือทำอย่างไร หรือพอจะมีวิธีอย่างไหนที่จะช่วยให้ดับ/ตัดทุกข์ให้ได้ อย่างถาวร

    จบ...ทำจิตเกาะพระกันต่อไป ได้ผลแน่นอน
    ผลงานของพวกเราก็มีให้เห็นกันเรื่อยๆ มิใช่แค่การคุย หรือพูดเพ้อเจ้อไปวันๆ
    อันนี้ผมไม่มัวมานั่งเสียเวลาหรอก ไม่อย่างนั้น ผมปิดกระทู้ไปนานแล้ว
    ไปแอบขำอยู่นอกกระทู้ ชมคนทะเราะไม่ดีกว่าหรอ?
    ด้วยเหตุผลหลักนี้เองที่ผมยอมเหนื่อย ยอมโดนด่าก็ยอม สรุปแล้ว ยอมโดนด่าได้หมด ด่ามาเลย ว่ามาเลย ไม่เคยติดใจอะไร ผมให้อภัยลูกเดียว
    เพราะจิตทราบดีอยู่ว่า จิตปฎิเสธอกุศลทุกอย่าง
    จิตสนใจ จิตเกาะแต่พระ แต่บุญ แต่กุศล โดยเฉพาะเกาะนิพพานเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว เท่านั้น สบายใจดี

    ผมชอบเป็นผู้ให้ มากกว่าผู้รับ
    เพราะรู้สึกว่าเป็นผู้ให้นั้น ให้ไม่มีประมาณ ให้ลูกเดียว ชีวิต อายุขัยผมก็ยังให้คนมาแล้ว ไปสอบถามดูเอากันเอง ว่าผมให้จริงไหม๊
    การให้ทั้งหมดของผมนี้ ส่วนใครจะเห็น หรือไม่ ผมไม่สนใจ เพราะไม่ได้ทำความดี หรือทำบุญไปอวดใคร แต่ข้างบนท่านจะทราบดี
    การให้ทั้งหมดนี้ มันเป็นความสุขมากกว่า เป็นผู้รับครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2012
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ประกาศ!!!​

    ผมเข้าใจถึงธาตุขันธ์ของคนเราดีนะครับ
    แต่ถ้าบุคคลใด อยากจะทำบุญ/ ส่งบุญไปให้กับคุณแม่สุมาลี คือ คุณแม่ของครูเพ็ญ
    ให้ธาตุขันธ์ของคุณแม่ฯ ที่กำลังอ่อนล้าลงนี้
    จึงมาขอแรงบุญจากทุกๆท่าน มาณ.ที่นี้ด้วย
    สาธุๆ
    พวกเรามาให้กำลังใจครูเพ็ญ กับคุณอัญญะมณี ผู้เป็นลูกที่ดีกันนะ
    พวกเรารักกันนะ พวกเรามิได้ทิ้งกันใช่ไหม๊?
    (ตามเมล์ข้างล่าง)

    คุณวิทย์ พี่เห็นจิตคุณวิทย์กำลังแรง
    ขอช่วยแผ่เมตตาและพลังพุทธะ
    ส่งไปให้คุณแม่สุมาลีหน่อยค่ะ
    ขันธ์ห้าท่านกำลังจะหมดบุญ
    เพราะช่วยกัปตันมากจนบุญรักษาขันธ์ห้าเกือบหมด
    น้องหนู คุณดัช ขอแผ่เมตตาช่วยคุณแม่สุมาลีด้วยค่ะ

    โมทนา สาธุ ในบุญญาบารมีของสมเด็จพ่อองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมถึงบุญกุศลของทุกท่าน ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้โมทนาส่งกลับไปรักษาขันธ์ห้าของคุณแม่สุมาลีและชาวจิตบุญทุกท่านให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขกายสบายใจเทอญ

    พี่เพ็ญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2012
  18. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๑๗ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๕<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
    กับจิตบุญดวงที่ ๑๗
    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ



    สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG]

    สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 17 ด้วยค่ะ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.....​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 พฤศจิกายน 2012
  19. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะพี่ภู ครูเพ็ญ ครูดัชนี ครูวิทย์ ครูลูกหว้า ครูนก และทุกท่าน

    ต้องขออภัยนะค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อยู่หน้าจอ มีเวลาสักแป๊บนึงก็จะมาเล่าอะไรให้ทราบค่ะ คือในช่วงที่ทำสมาธิอารมณ์จะอยู่ประมาณว่าปล่อย ละ วาง ไม่ว่าอะไรจะมากระทบกายหยาบให้เรารับรู้ เพราะ 2 ชั่วโมงต่อมามีคนมาเปิดแอร์ให้ ขณะนั้นกายหยาบหลับไปแล้ว แต่จิตยังคงตื่นอยู่ จึงรับรู้ได้ เมื่ออากาศที่เย็นช่ำมากระทบผิวกายให้รู้สึกเย็นสบาย ถามว่ามีความสุขไหม ตอบว่าไม่มี สังขารจะรู้สึกอย่างไรปล่อยเค้า แต่จิตไม่เข้าไปยุ่งเพราะจิตไม่รู้สึกเช่นนั้นขอเกาะพระไว้เรื่อยๆ ได้เห็นรอยยิ้มของสมเด็จพ่อที่ทรงมองและส่งยิ้มมาให้อยู่ตลอดเวลา

    เห็นหลายท่านยังคงมีทุกข์ แสงจันทรอยากจะบอกว่าเมื่อเรารู้สึกว่ามีความทุกข์ เพราะตัวเราเองนั่นแหละไปยึดมาเป็นทุกข์ แสงจันทรเองก็เคยเป็น มีความทุกข์เพราะคนที่เรารักมีความทุกข์จากการเจ็บป่วย เมื่อมันเกิดซ้ำเกิดซ้อน ตัวเราเองยิ่งเครียด เมื่อได้มาทำจิตเกาะพระตามที่พี่ภูแนะนำ ทำให้มองเห็นสัจจะธรรม ทุกชีวิตที่เกิดมาย่อมมีวิบากกรรมเป็นของตนเอง สิ่งที่ทำให้ทุกข์นั้นเกิดแต่จิตของตนเองไปยึดเอามา ถ้าจิตไม่เอาทุกข์มา เราก็จะไม่รู้สึกทุกข์ แสงจันทรเองเคยตั้งใจไว้นานแล้วว่าอยากจะไปนิพพาน เพราะเบื่อ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เมื่อมาเจอกระทู้นี้จึงได้ตั้งใจทำตามที่ทุกท่านชี้แนะ จนทุกวันนี้พบว่าจิตสงบมาก ไม่วุ่นวายเหมือนอดีต ไม่อยากมี ไม่อยากได้ แค่อยากให้ในสิ่งที่ตนเองสามารถให้ได้ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน (ขณะนี้กำลังถักอังสะและหมวก ถวายพระ ชุดที่ 2 )บริจาคทานต่างๆๆตามกำลังที่มี และแผ่เมตตา
    ธรรมะ ก็คือ ธรรมชาติ และธรรมชาติของแต่ละสิ่งไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป ที่เหมือนกัน คือ เกิด แล้วก็ ดับ ขอให้ทำจิตใจให้สบาย ตั้งมั่นในสิ่งที่จะทำ แล้วรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นเองในไม่ช้าค่ะ
     
  20. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ลูกขออำนาจบุญบารมีของสมเด็จพ่อองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ พระธรรม พระสงฆ์ โอนบุญกุศลที่ลูกมีอยู่ณ.ขณะนี้เวลานี้ส่งไปรักษาขันธ์ห้าของคุณแม่สุมาลีและชาวจิตบุญทุกท่าน ให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยใดๆๆ พบแต่ความสุขกายสบายใจ สมดังที่ตั้งใจด้วยเทอญ....สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...