'ทิพยอำนาจ' แห่งพระอริยเถระ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 10 พฤษภาคม 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่กล่าวขานเลื่องลือกันมานาน แม้หลวงพ่อท่านจะมรณภาพไปเกือบห้าสิบปีแล้ว (มรณภาพในวันมาฆบูชา ปี พ.ศ. 2508) แต่ความเลื่อมใสศรัทธาก็มิได้ลดน้อยถอยลง ปัจจุบัน ผู้คนยังพากันไปกราบสักการะรูปเหมือนของท่านอยู่เนือง ๆ อธิษฐานขอพรให้ท่านช่วยคุ้มครองป้องกันภัย ให้ประสบความสำเร็จในสิ่งอันปรารถนาต่าง ๆ นา ๆ

    

    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรื่องราวความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อจงที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไปนี้ บันทึกโดยพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ความว่า...

    เมื่อหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคได้มรณภาพไปแล้ว หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็แวะมาวัดของหลวงพ่อจงบ่อยขึ้น วันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังนั่งคุยอยู่กับหลวงพ่อจง ก็พอดีภรรยาของกำนันมากได้มากราบหลวงพ่อจงเพื่อถามถึงสามีของเธอที่ไปธุระทางเมืองเหนือ แล้วก็เงียบหายไปทั้ง ๆ ที่ควรจะกลับถึงบ้านหลายวันแล้ว เธอเกรงว่าอาจจะเกิดอันตราย


    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>พระอธิการจง พุทฺธสโร
    วัดหน้าต่างนอก จ. พระนครศรีอยุธยา</TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลวงพ่อจงฟังแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบหนังสือตำราพรหมชาติขึ้นมา เปิดปุ๊บก็อ่านปั๊บ ท่านอ่านว่า สิทธิการิยะ เวลานี้ชาวบ้านเขามาขอดูกำนันมาก ว่าเดินทางไปทำไมจึงยังไม่กลับ แต่วันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นมหาฤกษ์ ตามตำราท่านทายว่า เวลานี้กำนันมากเอาเรือมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว แล้วท่านก็วางหนังสือลง บอกว่า นี่ ตำราเขาบอกว่ากำนันมากน่ะ เอาเรือมาจอดอยู่ที่บ้านแล้วนะ ลองไปดูสิว่าตำราเขาพูดไว้ถูกหรือผิดประการใด

    เมื่อภรรยาของกำนันมากลาไปแล้ว หลวงพ่อฤาษีลิงดำก็หยิบหนังสือขึ้นมาดู เพราะแปลกใจว่าตำราที่ไหนจะรู้มากขนาดบอกได้ว่ากำนันมากเอาเรือมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว ปรากฏว่าไม่มีในตำรา จึงกราบเรียนถามหลวงพ่อจงว่า ตำราเขาไม่ได้เขียนไว้อย่างนั้นนี่นา มันเป็นเรื่องอื่น หลวงพ่อจงท่านก็บอกว่าฉันเป็นคนแก่ สายตาไม่ค่อยดี ตามันเห็นอย่างไรก็อ่านไปอย่างนั้น

    คุยกับท่านอยู่สักพักใหญ่ ลูกชายกำนันมากก็เข้ามากราบหลวงพ่อจง บอกว่าคุณพ่อกลับมาแล้วขอรับหลังจากคุณแม่มาหาหลวงพ่อประเดี๋ยวเดียวยังไม่ทันจะกลับ !!

    เมื่อเล่าเรื่องหลวงพ่อจงแล้ว ก็อดที่จะเล่าเรื่องหลวงพ่อปานด้วยไม่ได้ เพราะหลวงพ่อจงกับหลวงพ่อปานนั้น ท่านผูกพันกันใกล้ชิด ท่านทั้งสองมีอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน คือหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ หลวงพ่อจงเป็นศิษย์ผู้พี่ ส่วนหลวงพ่อปานเป็นศิษย์ผู้น้อง


    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ จ. พระนครศรีอยุธยา
    พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค</TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไว้มากมาย ขอนำมาเล่าสู่กันฟังต่ออีกสักเล็กน้อยดังนี้


    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน โสนันโท)
    วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ครั้งหนึ่ง พระลูกวัดบางนมโคมีหน้าที่ต้องช่วยกันดัดเหล็กให้ได้รูปเพื่อจะนำไปใช้ทำเสาและคานโบสถ์ เหล็กที่ใช้เป็นเหล็กขนาดแปดหุน มีขนาดใหญ่ หลวงพ่อปานท่านเลือกเองเพื่อความคงทนแข็งแรง บังเอิญกุญแจที่ใช้ดัดเหล็กไม่อยู่เพราะวัดอื่นยืมไปใช้และยังไม่ได้ส่งคืน จะไปทวงคืนระยะทางก็ไกล เดินทางทั้งไปทั้งกลับก็จะเสียเวลามาก แต่ถ้าไม่มีกุญแจดัดเหล็กก็ทำงานต่อไม่ได้

    ขณะที่กำลังเอะอะโวยวายกันอยู่นั้น หลวงพ่อปานท่านเดินมาพอดี ท่านก็ถามว่าเกิดเรื่องอะไร เมื่อพระลูกวัดกราบเรียนท่านว่ากุญแจดัดเหล็กไม่มี วัดสุธาโภชน์ยืมไปใช้ ยังไม่ได้เอากลับคืนมา จึงไม่สามารถดัดเหล็กเสาโบสถ์ได้ หลวงพ่อปานท่านก็เลยว่า ไม่มีกุญแจก็ใช้มือดัดแล้วกัน ว่าแล้วท่านก็ให้เอาเหล็กขึ้นพาดบนที่ดัดและให้พระลูกวัดใช้มือง้าง ปรากฏว่าวันนั้นเหล็กขนาดใหญ่กลายเป็นเหล็กอ่อน ง้างได้สบาย ๆ จะดึงให้ตรงก็ตรง จะดัดให้คดให้งอไปทางไหน ก็เป็นไปดังที่ต้องการทุกอย่าง คล้าย ๆ กับกำลังดัดเทียนอ่อน ๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

    พระลูกวัดทั้งหมดประมาณสี่สิบรูปก้มลงกราบหลวงพ่อปานพร้อมกัน เรียนถามท่านว่าทำได้อย่างไร ท่านก็บอกว่าพลังอะไรจะสูงไปกว่าพลังจิตน่ะไม่มี พลังจิตนี้มีกำลังมาก ฉะนั้น หากได้ฝึกฝนจิตไว้ดีแล้ว จะนำไปใช้อย่างไรก็ได้ พระลูกวัดก็เลยกราบเรียนถามท่านต่อว่านี่เป็นอำนาจของอภิญญาใช่หรือไม่ ท่านบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตอบ
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    เรื่องถัดมา คัดลอกมาจากข้อเขียนของคุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต เกี่ยวกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งท่านอาจารย์องค์หนึ่ง ใช้ชื่อย่อว่า ท่านอาจารย์ "ย" เป็นผู้ประสบด้วยตนเองและนำมาเล่าสู่กันฟัง ความว่า..
    

    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย</TD></TR></TBODY></TABLE>

    สมัยที่หลวงปู่ชอบ พำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดผาแด่น อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพระเณรที่ตามขึ้นไปอยู่ทำความเพียรบนยอดเขา วันหนึ่งเป็นวันพระ ท่านกับพระเณรต้องลงจากเขาเพื่อไปร่วมลงอุโบสถที่วัด หลวงปู่ท่านก็นำพระเดินลงจากผาแด่น ถึงลำธารแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าน้ำกำลังไหลเชี่ยวมาก ด้วยคืนที่ผ่านมาฝนตกลงมาอย่างหนักและตกติดต่อกันเป็นเวลานาน

    พูดถึงฝนที่ตกตามป่าเขา เป็นที่ทราบกันดีว่า พอฝนหายจะมีน้ำป่าไหลบ่าอย่างรุนแรง บางทีธารน้ำเล็ก ๆ ก็อาจกลายเป็นแม่น้ำขนาดย่อมได้

    คราวนี้ก็เช่นกัน จากยอดเขาผ่านลำธารเพื่อไปยังวัดที่จะไปร่วมลงอุโบสถนั้น ทางเดินได้ถูกตัดขาดไปเสียแล้ว ด้วยลำธารนั้นถูกกระแสน้ำไหลบ่าท่วมล้นตลิ่งจนกลายเป็นแม่น้ำขนาดย่อม ไม่มีใครกล้าเดินข้าม เพราะน้ำลึกและไหลเชี่ยว ถึงจะลอยคอข้าม ก็ไม่แน่ว่าจะสู้กระแสน้ำได้ อาจถูกพัดพาไปกระทบโขดหินเกาะแก่งข้างล่างได้

    หลวงปู่ชอบไปยืนพิจารณาอยู่เพียงอึดใจเดียว กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก จนท่านอาจารย์ "ย" เล่าว่า ไหลเสียงดังซู่ ๆ ก็กลับหยุดกึกลงทันที

    พระเณรที่ร่วมคณะต่างตกตะลึงกันหมด คิดกันว่า เคยได้ยินเรื่องอัศจรรย์ของหลวงปู่ชอบมาก็มากแล้ว แต่เพิ่งจะได้เห็นประจักษ์กับตาตนเองก็คราวนี้

    หลวงปู่ชอบก้าวข้ามลำธารไปก่อน เห็นศิษย์แต่ละคนยังไม่แสดงอาการคลายจากความงวยงง ท่านก็เร่งให้ตามไป

    ท่านอาจารย์ "ย" เล่าว่า ท่านเองขณะที่ก้าวข้ามลำธารนั้น ยังอยู่ในอาการกึ่งกลัวกึ่งกล้าอยู่ กึ่งกลัวคือกลัวว่าภาพที่มองเห็นน้ำหยุดไหลและแห้งผากนั้นจะเป็นภาพลวงตา กึ่งกล้าคือคิดว่า เราเองก็ศิษย์มีอาจารย์ เรามากับท่านอาจารย์ พระคุณท่านคงคุ้มกันเราได้แน่นอน

    มัวนึกกันอยู่ว่า น้ำที่หยุดไหลกึกนี้ หากเรากำลังเดินข้ามอยู่ จู่ ๆ มันพรวดพุ่งมาประดุจเทออกจากกระบอก ร่างกายเราจะไม่แหลกไปหรือ กว่าพระจะได้สติกัน ก็ข้ามลำธารกันมาได้หมดทุกองค์ และเมื่อเดินพ้นมาเพียงอึดใจเดียว กระแสน้ำก็ไหลบ่าเชี่ยวกรากต่อไปดังเดิม

    ท่านอาจารย์ "ย" เล่าว่า ท่านเองอดใจไว้ไม่ได้ ต่อมาเมื่อมีโอกาส จึงได้กราบเรียนถามหลวงปู่ชอบว่า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทำอย่างไรน้ำจึงหยุดได้ หลวงปู่ตอบด้วยอารมณ์ดีว่า "มีบทบริกรรมนะซิ" เมื่อถามหลวงปู่ว่า "บทบริกรรมมีว่าอย่างไรขอรับ" ท่านก็ตอบว่า "ภาวนาไปก็รู้เอง"


    [​IMG]
    
    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    เสด็จมากราบนมัสการหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ในวาระที่หลวงปู่มาเยือนวัดบวรนิเวศวิหาร
    เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2536</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร บันทึกโดยหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นเรื่องหนึ่งที่กล่าวขวัญกันมากในบรรดาศิษย์ของท่าน เรื่องมีอยู่ว่า...

    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร</TD></TR></TBODY></TABLE>ในระหว่างที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร พำนักอยู่ในถ้ำพระบนภูวัว ครั้งนั้น ท่านได้ประสบอุบัติเหตุที่นับว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิตของท่าน กล่าวคือ วันหนึ่ง ได้มีญาติโยมบ้านดอนเสียดและบ้านโสกก่ามพากันขึ้นไปนมัสการ หลวงปู่จึงได้ขอให้ญาติโยมพาชมภูมิประเทศบนภูวัวและเพื่อจะแสวงหาสมุนไพรบางชนิดด้วย

    เมื่อฉันจังหันเสร็จก็ออกเดินทาง มีโยมสองคนเดินนำหน้า หลวงปู่ฝั้นและพระภิกษุเดินตามหลัง ส่วนสามเณรนั้นท่านให้เฝ้าอยู่ที่พัก

    ทั้งหมดเดินขึ้นไปตามลำห้วยบางบาด พอถึงลานหินที่ลาดชันขึ้นไปข้างบน ระยะทางยาวประมาณสิบกว่าวา บนลานมีน้ำไหลรินและมีตะไคร่หินขึ้นอยู่ตามทางชันนั้นโดยตลอด โยมสองคนเดินนำหน้าไปก่อน หลวงปู่ท่านเดินตามขึ้นไปและตามด้วยพระภิกษุเดินรั้งท้าย โยมทั้งสองไต่ผ่านลานหินอันชันลื่นขึ้นไปได้แล้ว ส่วนหลวงปู่ก็ไต่จวนจะถึงข้างบนอยู่แล้ว กะว่าเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะพ้นไปได้

    พอท่านก้าวข้ามร่องน้ำ พลัน ท่านก็ลื่นล้มทั้งยืน ศีรษะฟาดกับลานหินดังสนั่น เสียงเหมือนมะพร้าวถูกทุบ จากนั้นก็ลื่นไถลลงมาตามลานหิน เอาศีรษะลงมาก่อน

    พระลูกศิษย์ที่เดินรั้งท้ายตกใจตัวสั่น ยืนนิ่งอยู่กับที่ จะเข้าไปช่วยอะไรก็ไม่ได้ เพราะท่านเองก็ประคองตัวแทบไม่อยู่เหมือนกัน ได้แต่ยืนตัวสั่น มองดูพระอาจารย์ไถลผ่านหน้าไปด้วยความตกตะลึง

    ร่างของหลวงปู่ลื่นไถลไปได้ประมาณหกวา ก็ไปตกหลุมหินซึ่งเป็นแอ่งแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความลื่นของตะไคร่ ท่านจึงไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น กลับหมุนตัวในลักษณะเอาศีรษะขึ้นแล้วลื่นไถลลงต่อไปอีก

    ข้างล่างมีช่องหินใหญ่ ครือ ๆ กับตัวคน น้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาไปรวมหล่นอยู่ในช่องนั้น กลายเป็นหลุมน้ำวน หากท่านไถลไปถึงช่องนั้น แล้วไหลพรวดลงในช่องหิน คงถึงแก่มรณภาพโดยมิต้องสงสัย

    เหลือเชื่อ.. คงเป็นด้วยอำนาจบุญ ก่อนร่างท่านจะถึงช่องหิน หลวงปู่กลับตั้งหลักลุกขึ้นได้

    แล้วท่านก็เดินขึ้นไปตามทางเดิมที่ร่างท่านร่วงหล่นลงมาด้วยท่าทางปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระลูกศิษย์ร้องขอให้ท่านอ้อมไปขึ้นทางอื่น แต่ท่านไม่ยอมและบอกว่า เมื่อมันตกมาตรงนี้ ก็ต้องขึ้นไปตรงนี้ให้ได้

    หลวงปู่ฝั้นเดินขึ้นไปตามทางเดิมด้วยความง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ น่าอัศจรรย์ก็ตรงที่ว่า ร่างกายของหลวงปู่มิได้ปรากฏบาดแผลให้เห็นแม้แต่เล็กน้อย ถึงจะมีรอยถลอกบนข้อศอกก็เพียงรอยเท่าหัวไม้ขีดไฟ ไม่น่าจะเรียกว่าบาดแผล

    ตกเย็น เมื่อกลับมาถึงที่พัก หลังจากสรงน้ำเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็ออกเดินจงกรมตามปรกติ ตกค่ำ พระภิกษุได้เข้าไปถวายการปฏิบัติ แล้วถามอาการของท่านว่า ขณะที่ศีรษะท่านกระแทกหินดังสนั่นนั้น ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง

    หลวงปู่ตอบว่า"อาการก็เหมือนสำลีตกลงบนหินนั่นแหละ"


    <TABLE style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" class=tr-caption-container cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center">[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" class=tr-caption>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
    เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์
    ทรงสนทนาธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร
    เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515</TD></TR></TBODY></TABLE>พระภิกษุรูปนั้น ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ มีความเห็นว่า ในขณะที่ท่านกำลังลื่นล้ม ก่อนศีรษะฟาดลาดหินนั้น ท่านสามารถกำหนดจิตได้ในชั่วพริบตา ทำให้ตัวท่านเบาได้ดังสำลีโดยฉับพลัน


    [​IMG]

    เพราะท่านเคยเทศน์สั่งสอนเสมอว่า จิตของผู้ที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมีสติพร้อมอยู่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ถึงแม้จะหลับอยู่ ก็หลับด้วยการพักผ่อนในสมาธิ


    http://thaprajan.blogspot.com/2011/03/blog-post_18.html
     
  4. j.chaisat

    j.chaisat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +842
    สาธุครับ ผมศรัทธาจริงๆ ครับ
    ได้ยินได้ฟังแล้วสุขใจจริงๆ ครับ
     
  5. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    กราบหลวงปู่ทุกองค์ครับ .
     
  6. mahamate

    mahamate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +1,807
    สาธุ สาธุ สาธุ ลูกขอกราบกรานพระอริยสงฆ์เหล่านี้เทอญ ^__^
     
  7. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุ สาธุ สาธุ กราบแทบบาท พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆรูปด้วยเศรียนเกล้า
     
  8. viphard

    viphard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,877
  9. CHOLPRATAN319

    CHOLPRATAN319 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +2,552
    สาธุ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในพระคุณของพระอริยสงฆ์ทุกๆองค์<!-- google_ad_section_end --> เป็นอย่างสูง <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  10. พนาวรรณ

    พนาวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,096
    ค่าพลัง:
    +767
    กราบแทบบาท พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆรูปด้วยเศรียนเกล้า สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    พระภิกษุรูปนั้น ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ มีความเห็นว่า ในขณะที่ท่านกำลังลื่นล้ม ก่อนศีรษะฟาดลาดหินนั้น ท่านสามารถกำหนดจิตได้ในชั่วพริบตา ทำให้ตัวท่านเบาได้ดังสำลีโดยฉับพลัน

    เพราะท่านเคยเทศน์สั่งสอนเสมอว่า จิตของผู้ที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมีสติพร้อมอยู่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ถึงแม้จะหลับอยู่ ก็หลับด้วยการพักผ่อนในสมาธิ
     
  12. Fluffy (New)

    Fluffy (New) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +1,228
    ขอนอบน้อมกราบนมัสการหลวงปู่ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกๆองค์เจ้าค่ะ สาธุ
     
  13. สุขและทุกข์

    สุขและทุกข์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +55
    ล้วนเป็นอริยะสงฆ์ทุกพระองค์ กราบนมัสการด้วยเศียรเกล้า
     
  14. Unlimited Indy

    Unlimited Indy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,228
    ค่าพลัง:
    +803
    น้อมกราบนมัสการพ่อแม่ครูบาอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง สาธุ
     
  15. yongyong

    yongyong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +123
    อนุโมทนาสาธุ ในการให้ความรู้ ทิพยอำนาจแห่งพระอริยเถระค่ะ หนูศรัทธาและนับถือมากๆค่ะ
     
  16. niwat9090

    niwat9090 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +75
    สาธุ สาธุ สาธุ ขอกราบนมัสการในพระคุณของพระอริยสงฆ์เจ้าทุกๆองค์<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1166.jpg
      1166.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.5 KB
      เปิดดู:
      53
  17. ทางสวรรค์

    ทางสวรรค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +347
    น้อมกราบนมัสการพระอริยเถระทุกท่านครับ
     
  18. pontook

    pontook เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +976
    ขอนอบน้อมกราบพระอริยสงฆ์เจ้าทุกพระองค์ด้วยเจ้าค่ะ กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
    ขออนุโมทนากับคุณvanco ด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับธรรมทานในครั้งนี้ด้วย
     
  19. (JD)

    (JD) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +270
    เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มาก ๆ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...