จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผมแอบฟังห้องจิตเกาะพระมา ก็เลยเอามาฝากกัน
    ขอนำมาเพื่อเป็นธรรมาทานกับท่านอื่นๆที่กำลังซุ่มปฎิบัติกันณ.เวลาอยู่นี้ฯ
    (ห้องจิตเกาะพระเฉพาะสมาชิก ไม่ใช่ห้องที่เวปพลังจิตนี้นะ)
    ผมเห็นเขาถาม-ตอบ ในเมล์ยาวเหยียดเป็นหางว่าวเลย
    แต่ก็ดีนะผมว่าน่ะ เพราะปัญหาผู้ปฎิบัติท่านอื่น อาจจะเป็นปัญหาเหมือนกับเราก็ได้
    และมีประโยชน์มากสำหรับผู้ปฎิบัติโดยตรง เพราะช่วยกันตอบ ช่วยกันยก ดูๆไปก็น่ารักดีนะ เหมือนพี่น้องคุยกัน แบ่งปันสิ่งที่ดีๆให้กันและกัน ใครอยากถามก็ถามกันไป ใครอยากตอบก็ตอบไป หรือไม่อยากถามไม่อยากตอบ อ่านลูกเดียวก็ได้ความรู้เหมือนกัน ดีนะผมว่า ดีกว่าปฎิบัติเดี่ยว เพราะมันก็อยู่ในเมล์ เราว่าง เราสะดวกตอนไหนก็เปิดอ่านกันได้เลย
    และไม่ต้องอายกันเพราะ เราไม่ได้เห็นหน้ากัน ชื่อก็ใช้ชื่อแฝง



    เมื่อ 17 เมษายน 2555, 20:05, เขียนว่า:
    (ถาม)
    วันนี้รู้สึกเห็นภาพพระชัดขึ้นค่ะ. เหมือนในรูปเลยค่ะ รู้สึกอยากจับภาพพระตลอดเวลาค่ะ. ใจสบายมากๆเลยค่ะเบาไปหมด ทำอะไรก็เบา มีความสุขมากค่ะ. น้องยังไม่มีอะไรก้าวหน้าเหมือนท่านอื่นๆแต่ก็อยากส่งการบ้านทุกวัน. และจะพยายามทุกๆวันด้วยค่ะ.

    (ตอบ)
    ทำได้ดีแล้วค่ะ ถูกตรงวิธีปฏิบัติจิตเกาะพระแล้ว จิตเกาะพระเน้นใจสบายค่ะ ถ้าใจสบายแสดงว่าทำถูกแล้ว จิตละเอียดขึ้นจะเห็นภาพชัดเจนแจ่มใสขึ้นตามลำดับ

    ที่คุณแป้งบอกว่าอยากจับภาพพระตลอดเวลา เป็นเพราะจิตเกาะพระติดขึ้นแล้ว ถ้าจิตเกาะพระได้แนบแน่นกว่านี้ ต่อไปเราไม่ต้องนึกมาก พอจะลืม ๆ เดี๋ยวพระท่านมาหาเราเอง สบายกว่าช่วงแรกที่ฝึกเกาะใหม่ ๆ

    ถ้าส่งการบ้านได้ทุกวันยิ่งดีค่ะ อย่าเกรงใจพี่เพ็ญ เพราะเราไม่ได้มานั่งเรียนอยู่ในชั้นเรียน เราเรียนผ่านอีเมลกัน ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง การส่งการบ้านทุกวันจะทำให้พี่เพ็ญติดตามความก้าวหน้าของจิตคุณแป้งได้

    เอาจิตเกาะพระ เอาใจเกาะครูเพ็ญ เอาขันธ์ห้าไปทำงานทางโลก เอาสติไปคอยกำกับขันธ์ห้าไม่ให้ทำ พูด คิดในเรื่องอกุศล จิตเกาะพระทำแค่นี้เองค่ะ

    คุณแป้งบันทึกบทสนทนาธรรมไว้ด้วยนะคะ เผื่อมีประโยชน์กับรุ่นน้องในวันหน้า ตอนนี้พี่เพ็ญตามเก็บไม่ทันค่ะ

    พี่เพ็ญ

     
  2. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ขอลงอีกสักชุดสองชุด เผื่อท่านใดยังเลือกภาพไม่ได้ (สักภาพเลย)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2012
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ยินต้อนรับชาวภูเก็ตอีกท่านนึง (ดูตามprofile)
    พยายามทำไปเรื่อยๆก่อนนะ เพราะจิตเขายังไม่ชิน
    แต่ผู้ปฎิบัติใหม่ๆมักจะเป็นแแบนี้แหล่ะ จิตจะจำกันทีเดียวไม่ได้หรอก
    ตอนทำใหม่ๆ ขอให้เรากำหนดช่วยจิตระลึกถึง หรือช่วยจิตเกาะพระไปเรื่อยๆก่อน จนกว่าจิตเขาจะทำของเขาเอา

    ที่เรากำลังส่งจิตไปเกาะพระกันอยู่นี้ ก็เหมือนเรากำลังฝึกทำสมาธิ นั่นเอง
    แต่ถ้าสติเกิดบ่อยๆ จิตก็นิ่ง และจิตจะจำพระได้แม่นยำ
    เพียงแต่คอยให้มีสติ หรือความรู้สึกตัวบ่อยๆ
    ต่อไปเมื่อจิตเป็นสมาธิ จิตละเอียด ภาพพระที่เราเห็นในใจนั้นก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นตามไปด้วย

    จิตฟุ้งซ่านก็ไม่เป็นไร
    วันไหนจับภาพพระได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ไม่เป็นไร
    แต่ขอให้ทำบ่อยๆ แต่ขอให้จิตสบายก่อนนะ จึงทำใหม่
     
  5. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775

    ขอขอบคุณทั้ง3ท่านจริงๆค่ะ ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะค่ะ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2012
  6. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG] [​IMG] พระศรี[​IMG]


    ภายใต้วงล้อมของดอกไม้อันสวยงาม มีปริศนาธรรมะซ่อนอยู่ ใช้ปัญญาเป็นตัวพิจารณา ใช้จิตเป็นตัวเลือก
     
  7. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    กิ๊ว กิ๊ว เรามาต่อรอบตีสองครึ่งตั้งแต่เช้าแล้วเดินจงกรมเจ้าเก่า ออกตีห้าครึ่งไม่เข้าไปบอกเพราะรู้ว่าพี่ภูเข้าไปแร๊ว อิอิ เห็นพี่ภูอยู่หน้าคอมพ์นั่นแหละที่เก่า อิอิ เข้ามาต่อรอบเช้าอีกทีนีนะ ปล่อยให้สาวคิมไปเรียนก่อน
     
  8. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    55555 เอาให้สบายๆนะคะ อย่าไปซีเรียตมาก มาเป็นกำลังใจให้อีกคน ธรรมชาติของจิตเราก้อเงี๊ยค่ะ ชอบไหลลื่นไป เคยดูการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ แห๊ม..คนไหนๆก้อสวยยกตำแหน่งให้ทุกคนเลย ประมาณนั้น นี่ก้อสงสารกรรมการเหมือนกัน ไม่รู้จะเลือกใคร เอาเป็นว่า ดูๆไปแล้วตัดใจซ๊าาาาาาาาาาาก ครั้ง หุหุ เอาหนึ่งภาพค่ะ ตกลงปลงใจไปเลย หากเห็นภาพไหนเข้ามาก้อสลัดหัวเอาภาพที่เราเลือกเข้ามาใหม่ ทำบ่อยๆเดี๋ยวจะเก็ตเองค่ะ แต่จริงๆแล้วเหมือนดังพี่ภูกล่าวไว้ คุณLinda2009 ดีใจได้แล้วนาว่าจิตคุณได้รับเอาพระท่านมาครองใจแล้วในระดับหนึ่ง ทำต่อไปไม่ช้าก้อได้เองค่ะ จำตอนเรียนได้มั้ยคะว่าครูชอบพูดว่า...คนเก่งแพ้คนขยัน...
    ความเพียรค่ะ ความเพียร ขอเป็นกำลังใจค่ะ
    ขอพระคุ้มครองคุณ Linda2009
     
  9. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    มาเข้ามาแชร์กันค่ะคุณทิวลิปขาว รอฟังคุณอยู่นะคะ จิตเกาะพระได้แล้วใช่มั้ยคะ หากทำสายอื่นอยู่ก้อไม่เป็นไรเอาจิตไปจับพระตอนนั่งรถหรือทำงานบ้านก้อได้ค่ะ เราไม่ได้ทิ้งสายเดิมของเราหรอกค่ะ
    ขอพระคุ้มครองคุณทิวลิปขาวค่ะ
     
  10. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    มาคุยด้วยอีกคน ปล่อยให้สองท่านไปพักตามอัธยาศัย เริ่มแรกที่ท่านมีจิตที่จะเกาะพระนี่ก้อบุญหลายเด้อท่าน เหมือนท่านพยายามเก็บเงินฝาก คราวนี้ฝาก 1 บาท คราวต่อไปฝากอีก ฝากอีก ฝากอีก
    ฝากเยอะๆ เงินในธนาคารได้เยอะสะสมเข้าไป...จับภาพได้เยอะเก็บบารมีไปเก็บบุญไป เกาะได้มากเท่าไหร่ดีเท่านั้น พอเกาะพระจนอยู่ตัวจิตจะนิ่งเองค่ะ จะไม่ฟุ้ง งานนี้ขอคุณ สู่วันใหม่ เอาความเพียรเป็นที่ตั้ง ไม่จำเป็นต้องจับภาพพระเฉพาะตอนก่อนนอน ทำได้ทุกเวลาค่ะ หากไม่เห็นภาพพระก้อให้เอาใจไปนึกถึงพระก่อนตลอดวันยิ่งดี ต่อเมื่อใดเรามีเวลานั่งได้เต็มที่ก้อเอาให้เห็นภาพพระได้ค่ะ
    เป็นกำลังใจค่ะและโมทนาสาธุกับใจไฝ่ในพระค่ะ
    ขอพระคุ้มครองท่านสู่วันใหม่
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมะใกล้ตัว​


    (ขอแสดงธรรม ตามความเข้าใจ ตามที่ปฎิบัติได้มาให้รับทราบกันนะ)

    สำหรับผู้ที่ชอบรู้สึกเป็นทุกข์ทางใจก็มีเหตุเพียงเท่านี้เอง
    และลองใช้สติปัญญาพิจารณาตามกันไปด้วย
    สาเหตุหลักใหญ่ใจความมันอยู่กันตรงนี้ฯ
    คือ....
    จิตไม่นิ่ง จิตไม่เป็นสมาธิ
    และพอมีสิ่งมากกระทบจิตกันเท่านั้นเอง จิตก็จะไหลไปตามสิ่งที่มากกระทบจิตนั้น ทันที
    เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า เรามิได้ฝึกฝนจิตกันให้ดี ให้ถูกต้องกันเสียก่อน
    พอมีสิ่งที่มากกระทบจิต เท่านั้นเอง ก็ทำให้จิตใจของเราเป็นทุกข์ทันที
    เพราะจิตเราไม่มีกำบัง ไม่มีเกาะป้องกัน ไม่มีภูมิคุ้มกัน
    เพราะจิตไม่รู้ จิตไม่เข้าใจ และจิตไม่ปล่อยวางนี้เอง
    ก็ด้วยเหตุนี้เอง เหตุที่จิตไม่มีสิ่งเหล่านี้ จิตถึงได้ไหล จิตถึงได้ตกเป็นเหยื่อของกระแสสังคม กระแสโลกไป
    และท้ายที่สุดแล้ว เราเท่านั้นก็จะเป็นทุกข์ทางใจ
    และท่าทางจะไม่ไม่วันจะลเลือน หรือทำใจกันได้เลย
    คือไม่มีทางที่จะแก้ไข หรือดับทุกข์ได้ด้วยตนเอง
    เพราะเราไม่เปิดใจกว้างรับธรรม ไม่สนใจจิตของตน
    เพราะคนเราทุกวันนี้สนใจแต่สิ่งภายนอก หรือสิ่งไร้สาระ ที่เรามักเรียกกันว่า สิ่งสมมุติ
    แต่คนส่วนมากไม่ได้รู้ความจริง หรือไม่รู้ ไม่เข้าใจในธรรมที่เราเีรียกกันว่า อริยสัจจ์ หรือพระไตรลักษณ์กันจริงๆ
    เพราะเราไม่สนใจสิ่งภายใน ที่เรียกกันว่า จิต ดวงจิต หรือจิตวิญญาณของตน
    ทั้งๆที่สิ่งภายในนั้นสำคัญกว่า มีสาระมากกว่า มีแก่นสารมากกว่าสิ่งภายนอกกันเสียอีก
    เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายที่มักเป็นทุกข์ทางใจกันมากมายก็ด้วยเหตุนี้เอง
    ก็เลยเป็นที่มาของคนส่วนใหญ่ก็คือ วิ่งหนีทุกข์ วิ่งหาสุข

    แต่อันนั้นหาความจริงเป็นเช่นนั้นไม่
    เพราะทุกข์นั้น เราหนีกันไม่ได้ หนีไม่พ้น เพราะตราบใดที่พวกเรายังมีขันธ์5 กันอยู่
    เพราะขันธ์5(ร่างกายนี้ก็คือ ตัวทุกข์ของเราดีๆนี่เอง)
    สรุปแล้วเราก็หนีทุกข์ไม่พ้น แต่เรากำลังบอกว่าให้เราอยู่กับทุกข์ได้โดยที่ไม่มีผลต่อจิตใจของตน
    วิธีแก้ไขก็คือ เราจะต้องมาเรียนรู้เรื่องขันธ์5(ร่างกาย) หรือตัวทุกข์ของเรากันให้ได้
    หรือเราต้องเข้าไปเรียนรู้เรื่องความจริงกันให้ได้ ให้รู้ ให้เข้าใจ
    และสิ่งนั้นก็คือ ตัวทุกข์(เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย) อริยสัจจ์(ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค) อริยมรรค
    และกฎไตรลักษณ์(อนิจจัง-ทุกข์-อนัตตา)
    (มรรค = อริยมรรค = มัชฌิมาปฏิปทา = มรรคแปด = ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ = ทางสายกลาง)

    ที่พูดมานี้ทั้งหมด ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดี
    ในเมื่อทราบดีกันอยู่แล้ว แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ยังเป็นทุกข์ใจกันอยู่เล่า???
    ก็เพราะพวกเรามิได้เปิดใจให้กว้างมาเรียนรู้ธรรมะกัน
    แต่จะต้องเริ่มต้นที่มาศึกษา หรือเรียนรู้จิตของตนก่อนนะ (ดูจิต สนใจจิต)
    แต่ประการแรก ก่อนที่เราจะมาดูจิตกัน เราจะต้องสร้างสติกันบ่อย (ความรู้สึกตัว)
    และเราก็ใช้สติของเรานี่แหล่ะ! เข้าไปเรียนรู้จิตของตนเองกันได้
    โดยการนำสติเข้าไปตามดู ตามรู้จิตของตนเอง และด้วยใจเป็นกลาง
    (ใจเป็นกลางหมายถึง วางใจ วางเฉย ต่อสิ่งที่ได้ไปรับรู้มา เหมือนเป็นคนดู-คนฟังที่ดี โดยไม่ต้องแสดงออกใดๆทั้งสิ้น)
    หรือจิตใจของตนไม่เอนเอียงไปข้างใดบ้างหนึ่ง และต้องไม่หย่อน(ไม่เผลอสติ) หรือตึงจนเกินไป(คือตั้งใจปฎิบัติเกินไป)

    เมื่อมีสติตามดู ตามรู้บ่อยๆเข้า ในที่สุดเราก็พบจิตของตนเองก็ต่อเมื่อ สติ+จิต(สติรวมกับจิตเป็นหนึ่งเดียวกัน)
    สติ+จิต=สมาธิ (จิตของเราเริ่มเป็นสมาธิแล้วนะ หรือจิตจะเข้าสู่ความนิ่งกันแล้วนะ)
    แต่ถ้าจิตเป็นสมาธิมากเท่าไหร่ นานเท่าไหร่ หรือจิตนิ่งสงบมากเท่าไหร่
    ต่อไปจิตจะเกิดปัญญาตามาทีหลัง
    สติ+จิต+สมาธิ=ปัญญา

    และจิตที่เป็นปัญญา หรือเรียกว่าจิตพร้อมใช้งาน หมายถึงนำจิตไปพิจารณาธรรมต่างๆกันได้
    หรือมักเรียกว่า จิตวิปัสสนา
    เมื่อจิตวิปัสสนากันบ่อยๆ จนจิตสามารถเข้าไปถึงสภาวะธรรมที่ว่านั้นกันนั้นได้(คือการเข้าถึงแห่งธรรมชาติ)
    จิตก็จะกลายเป็นปัญญาญาณ(วิปัสสนาญาณ) หรือเรียกสั้นๆว่า ญาณ(ยาน) หรือการหยั่งรู้
    การหยั่งรู้ การเข้าถึงหลักธรรมชาติ หรือการเข้าไปรู้ถึงความจริงของธรรมนั้นๆ
    หรือบางทีเขาก็เรียกกันว่า จิตพุทธะ
    จิตพุทธะ แปลว่า จิตที่พบสภาะธรรมเป็นที่สุด(สิ้นความสงสัยของตนเอง) จิตเข้าไปรู้ธรรมะขั้นสูงสุด
    หรือจิตเข้าไปถึงธรรมชาติแห่งจิตเดิมแท้ของตน จิตเข้าไปถึงธรรมชาติแห่งจักรวาล
    และจิตก็เข้าไปถึงธรรมชาติ จิตเข้าไปถึงธรรมะตัวเดียวกับพระพุทธเจ้า นั่นเอง
    เพราะต่างมาต่างไป ต่างปฎิบัติ ต่างจิตต่างใจ ต่างสถานที่ ต่างทิศทาง
    และท้ายที่สุดก็ต้องมาบรรจบกับธรรมตัวเดียวกันทั้งหมด
    จึงเปรียบเสมือนสายน้ำปิง วัง ยม น่าน และไหลลงมารวมกัน หรือบรรจบกันที่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปากน้ำโพธิ์
    น้ำย่อมเป็นน้ำวันยังค่ำ เพราะฉะนั้นธรรมะก็เป็นธรรมะวันยังค่ำ คือไม่สามารถแยกแยะ หรือมีความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้เลย
    นี่จึงเป็นที่มาของจิตธรรม จิตพุทธะ จิตญาณ หรือจิตหยั่งรู้

    แต่ถ้าดวงใจใครฝึกฝนกันมาได้กันตรงนี้แล้ว ระวังทางแยกให้ดี เพราะมีคนหลงทาง คือเปลี่ยนใจไปเป็นพรหมลูกฟักแทนที่จะไปพระนิพพาน
    หมายถึงเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ปฎิบัติธรรม หรือบำเพ็ญเพียรจนได้ฌาน และญาณกันแล้ว แต่ถ้าไปหลงทาง และหลงตนเอง คือตนเองดีกว่า วิเศษกว่าคนอื่น เพราะคนอื่นทำไม่ได้แบบเรา
    (อันนี้เรียกว่ากู่ไม่กลับ อันนี้เป็นบ้า เป็นบอกันมามากแล้ว คือจะหลงฌาน หลงนิมิต แทนที่จะปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นกัน แต่กลับไปสร้างอัตตาขึ้นมาใหม่) แต่เมื่อตายไปแล้ว ที่ไปของจิต(จุติ)ก็คือ พรหมลูกฟัก

    เพราะวัตถุประสงค์สูงสุดของผู้ปฎิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาของพวกเราก็คือ
    เพื่อหลุดพ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวง หรือหลุดพ้นจากภัยวัฎฎสงสาร

    ขอวกกลับมาที่เดิม...
    มีกระบวนการอะไรบ้างที่มาเกี่ยวข้อง กระทบจิต
    อายตนะ(เชื่อม สื่อ ต่อแล้วทำให้รู้สึกขึ้นมา) มีทั้งภายนอกและภายใน
    อายตนะภายใน(อินทรีย์ 6) ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (ทั้งหมดนี้เป็นที่เชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก)
    อายตนะภายนอก(อารมณ์ 6) ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
    (ทั้งหมดนี้เป็นคู่กับอายตนภายใน เช่น รูปคู่กับตา หูคู่กับเสียง เป็นต้น)

    อายตนะภายนอกนี้ เรียกว่า อารมณ์
    เมื่อตาเห็นรูป เรียกว่า สัมผัส
    รู้ว่ามีการเห็น เรียกว่า วิญญาณ
    เกิดความรู้สึกขึ้น ขณะตาเห็นรูป เรียกว่า เวทนา



    คำถาม???
    ถ้ามีสิ่งมากระทบจิตตนเอง เช่น ตาเห็นสิ่งไม่ดีไม่งาม ไม่เจริญหูเจริญตา ได้ยินข่าวร้าย
    หรือที่พวกเรากำลังไปรับรู้ข่าวสารกันมากทุกวันนี้
    พวกเราไม่ต้องหยุดการรับรู้ข่าวสารภายนอกกัน
    แต่ขอเพียงอย่างเดียว จะได้ไหม๊???
    คือเมื่อไปรับรู้ข่าวสารกันไปแล้ว โปรดอย่าเก็บไปไว้ข้างใน(ใจ) แค่เมื่อเห็น เมื่อได้ยินอะไรมากันก็ตาม
    ให้วางไว้ตรงข้างนอกนั้น อย่านำเข้ามาภายในจิตใจของตน

    ที่ถามไปน่ะ! ตอบกันได้ รู้กันหมด
    แต่มักทำใจกันไม่ได้หรอก ก็เพราะว่าเราไม่เคยสนใจเข้าไปเรียนรู้จิตของตนเอง
    แต่เมื่อนำจิตไปเรียนรู้กันแล้ว จะต้องทำให้จิตตนเองเข้าใจด้วย
    แต่ถ้าจิตเรียนรู้เพียงอย่างเดียว แต่จิตไม่เข้าใจ
    จิตตนเองจึงมีแต่ความสงสัย หรือจิตจึงไม่ยอมปล่อย-วาง(สิ่งสมมุติ) กันสักที
    เพราะฉะนั้นแล้ว เราจึงต้องเป็นทุกข์ใจกันอย่างนี้ตลอดไป

    และขอให้รู้กันไว้ว่า ที่จิตเรารับรู้มาไม่ว่าจะเป็นทั้งสุข หรือทุกข์นั้น มันก็แค่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเท่านั้นเอง
    สำหรับผู้ปฎิบัติกันได้แล้ว ท่านจะมองเห็นแค่ ธรรมดา เพราะจิตรู้ จิตเข้าใจ(สิ่งที่มากระทบจิต จิตรู้และเข้าว่า ทุกธรรมนั้นเกิดขึ้นแล้ว เด๊่ยวมันก็ดับไป) และจิตวาง(เมื่อจิตไปรู้ความจริงทั้งหมด หรือจิตรู้และเข้าใจพระไตรลักษณ์หมดแล้ว)

    เพราะฉะนั้น จิตผู้ปฎิบัติธรรม(ที่ถึงแล้ว) หรือจิตของอริยบุคคล เป็นจิตที่ถูกฝึกมาดีแล้ว นิ่งสงบพอดีแล้ว
    ก็มักไม่มีความทุกข์ร้อนภายในจิตใจกัน (ความนิ่ง สยบความเคลื่อนไหว)
    ก็เพราะด้วยเหตุฉะนี้แลฯ


    ปล. การแสดงธรรมของข้าพเจ้าก็ต้องจบสิ้นลง แต่เพียงเท่านี้
    แต่ถ้าผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าพร้อม และขอน้อมยอมรับผิดทุกประการ
    และได้โปรดชี้แนะแก่ธรรมกับข้าพเจ้าให้ถูกต้องด้วย(อย่าให้ข้าพเจ้าโง่แต่เพียงผู้เดียว)

    จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,183
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    กราบท่านภูค่ะcatt1
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ท่านกล่าวถูกต้องแล้วครับ
    คนที่ชอบดอกไม้นั้นก็คือ กายหยาบของข้าพเจ้า
    แต่จิตทราบดีว่า กายชอบ กายไม่ชอบอะไร
    และตราบใดเรายังมีกายหยาบนี้ ก็ยังล้วนเต็มไปด้วยกิเลส (อันนี้จะต้องยอมรับกัน ตามแห่งความเป็นจริง)
    แต่จิตอันละเอียดลึกๆอยู่ภายในนั้น คือจิตสามารถแยกแยะและรู้ว่า
    นี้กาย...นี้จิต...
    และจิตคงไม่เข้าไปยึดเกาะ หรือเกี่ยวข้องกับกายหยาบ หรือกิเลสนั้นอย่างแน่นอน
    เพราะว่าถ้าเอาของละเอียดไปยึดเกาะกับของหยาบแล้ว
    ก็จะมีแต่ทำให้เกิดทุกข์กัน เท่านั้นเอง

    เพราะฉะนั้นแล้ว จึงมีแต่เพียงจิตตนเท่านั้น ที่ปฎิเสธกายหยาบนี้ และโลกนี้
    โดยสิ้นเชิงฯ


    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างที่มาช่วยกันชี้แนะแนวทาง ชี้ทางธรรม
    และโพสรูปพระมาฝากกันในกระทู้นี้ฯ
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับ
    ขอกราบท่านกลับคืนไปสามครั้งนะครับ _/l\_/l\_/l\_
    เป็นอย่างไรบ้าง สุขกาย สบายใจกันดีทุกคนไหม๊?

    ที่ Illinois,USA ???
    ทางโน้นไหวๆ กันบ้างไหม๊?
    แผ่นดินนะ มิใช่จิตของท่านนะ
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ไปแอบได้ยินห้อง " จิตเกาะพระ " มา ก็เลยนำมาฝากกัน
    ขอขโมยซีนนิดนึงนะ...
    ในระหว่างรอเปลี่ยนผลัดเวรธรรมะกัน



    เมื่อ 18 เมษายน 2555, 1:59, เขียนว่า:

    อารมณ์ของพระโสดาบันที่ว่านี่เป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ สมมุติคุณฟูจิกำลังกังวลเครียดเรื่องภัยพิบัติ แต่จู่ๆ ก็คิดได้ว่าเป็นเรื่องของสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครก่อกรรมใดก็รับกรรมนั้น ฯลฯ คิดได้ดังนั้นทำให้เราโล่งใจ เบากาย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
    ผู้รู้ตอบด่วนนนนนนค่ะ


    (ตอบ)
    ที่คุณศรีถามมานี้ เป็นอารมณ์ของผู้ที่เจริญพรหมวิหารสี่ เมื่อกำหนดรู้และยอมรับในกฎแห่งกรรมและให้อภัยกับทุกสิ่งได้ ก็เกิดโล่งใจ เบากาย ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน วางใจเป็นอุเบกขารมณ์

    อารมณ์ของพระโสดาบันท่านยอมรับว่าร่างกายนี้มันต้องตายแน่ ๆ ยังไงมันก็ต้องตายแน่ ๆ ตายเมื่อไรนั้นไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องตายแน่ ๆ ไม่ว่าเรา ไม่ว่าเขา เกิดมาเท่าไรต้องตายหมด เกิดแสนตายแสน เกิดล้านตายล้าน เกิดเจ็ดพันล้านต้องตายหมดเจ็ดพันล้าน ไม่มีใครจะสามารถล่วงพ้นความตายไปได้

    พระโสดาบันท่านเห็นว่าความตายเป็นของเที่ยง เป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก ท่านไม่ห่วงร่างกาย ไม่ว่ากายเขากายเรา ท่านก็ไม่ห่วง ท่านไม่ต้องกำหนดรู้ แต่จิตท่านยอมรับกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมดับไปเป็นธรรมดา เห็นทุกสิ่งว่าธรรมดาเป็นอย่างนั้นเอง

    ท่านทรงอารมณ์ใจเป็นสุขอยู่เนืองนิจ แม้จะต้องตาย ณ เวลานั้นใจท่านก็ไม่โกรธแค้นขุ่นเคือง เพราะท่านยอมรับว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา

    พี่เพ็ญ
     
  16. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ พอดีได้ตอบคำถามให้พี่เพ็ญในข้อที่ว่าถ้าร่างกายของคนที่เรารักต้องตาย ทำให้นึกถึงเมื่อวานนี้ตอนนั่งอยู่หน้าคอมฯ อยู่ๆๆเห็นภาพพี่สาว(ที่ตอนนี้ป่วย และเป็นอัมพาตซีกขวา เดินยังไม่ได้)นั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน และมีน้ำท่วมเต็มห้อง ตอนนั้นคิดว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่าหนอ เลยปล่อยวาง บ่ายนี้คุยกับลูกสาวว่าเห็นห้องป้าน้ำท่วม ป้านั่งอยู่ที่เตียง ลูกสาวก็พูดขึ้นมาว่า หนูก็เห็นเหมือนกันเมื่อคืนนี้ภาพนี้แว๊บมาก่อนที่หนูจะนอน แต่ไม่กล้าเล่า พอแม่พุดขึ้นมามันตรงกัน วันเดียวกันแต่ต่างที่เวลา แปลกดีค่ะ
     
  17. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    มองได้อีกแง่คือ แว๊ปหนึ่งของจิตที่นิ่งบางครั้งก้อสามารถรับรู้ รับทราบ เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่คาดคิดเลย เอาเป็นว่า วางภาพนั้นไปก่อนนะคะ ภาพหาย จบที่จิต กลับมานิ่งใหม่ ที่ครูเพ็ญพูดก้อถูกอีกนั่นแหละค่ะ
     
  18. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    สวัสดีค่ะ พี่ภู พี่เพ็ญ คุณKim Uoonso

    วันนี้แวะมาส่งการบ้านก่อนไปทำงานที่คณะนะค่ะ

    ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนที่จะนอนวันนี้ ตอนที่เข้าห้องน้ำอยู่ก็ลองนึกถึงภาพพระดูค่ะ และปล่อยตัวตามสบาย พยายามไม่ให้ความสงสัยเข้ามาทำลายค่ะ จากภาพพระพุทธชินราชก็กลายเป็นภาพพระองค์ใหม่ เป็นพระสีเขียวมรกต สวมเครื่องทรงสีทองค่ะ เห็นภาพท่านไม่ชัดอีกเช่นเคย+ความสงสัยเข้ามาแทรกด้วย ก็เลยตัดสินใจเปิดคอมอีกครั้งแล้วหารูปท่านดู ปรากฏว่าคล้ายรูป ท่านพระแก้วมรกต มากๆเลยค่ะ (แอบบตกใจเล็กน้อยตอนที่เจอภาพท่านแวบแรก อะไรจะแปะขนาดนั้น ฮ่าๆ)



    ตอนนี้ก็ลองมองรูปท่านดูแล้วก็นอนค่ะ พอตื่นมาตอนบ่ายก็เปิดคอมมาดูรูปท่านอีก เมื่อลองนึกภาพท่านในใจแล้วก็ปล่อยจิตตามสบาย ก็เริ่มเห็นภาพท่านชัดขึ้นิดๆค่ะ แล้วก็กลายเป็นท่านหันข้างอีกแล้ว แล้วท่านก็กลายเป็นพระใสๆเหมือนแก้ว ใสมากๆจนเห็นรายละเอียดไม่ชัดเลยค่ะ เส้นมันซ้อนกันไปหมด แล้วภาพที่เห็นเปลี่ยนไปเร็วมากมองตามแทบไม่ทันเลยค่ะ

    เป็นแบบนี้ประมาณสามรอบของการฝึกจิตค่ะ บางครั้งก็เริ่มใหม่ที่พระพุทธชินราชก็กลับกลาบเป็นว่า เห็นท่านแบบใสด้านข้างเหมือนกับพระแก้วมรกตเลยล่ะค่ะ

    ตอนนั้นก็สับสนเรื่องรูปพระในหัวมากๆ แต่ก็พยายามปล่อยฟันที่กัดเพราะความสงสัยออก ต่อมาก็เห็นว่าภาพพระหายไป ตาปิดสนิทขึ้น ตัวเบาขึ้น ภาพที่เห็นเป็นสีดำแล้วมีแสงสีเหลืองแวบขึ้นมาเหมือนเวลาที่เราหยดสีลงไปในน้ำเปล่านึ่งล่ะค่ะ

    เมื่อสีเหลืองกระจายออก ก็เห็นภาพเหมือนคลื่นกระทบฝั่งแถวชายหาดค่ะ เห็นหลายที่มากๆ แต่ไม่มีคนเลยนะค่ะเห็นแต่คลื่นน้ำแล้วก็หาด ที่ไหนมีภูเขาขนาบก็เห็นภูเขา ที่ไหนมีสะพานท่าเรื่อก็เห็นเป็นสะพานท่าเรือ แต่เราไม่รู้เลยว่ามันคือที่ไหน คิดไปเองรึเปล่า เพราะเราไม่รู้จักที่นั้นๆเลย เห็นภาพเหมือนคลืนสูงเขามาที่ชายหาดหัวหินที่เคยไปด้วยค่ะ แต่มันผ่านตัวเราไปเห็นแค่คลื่นเข้ามาแต่ไม่เห็นว่ารีสอร์ทข้างหลังเราเกิดอะไรบ้าง ไม่เห็นคนนะค่ะ เห็นแต่คลื่น

    แล้วก็เห็นภาพน้ำท่วมที่ไหนไม่ทราบแต่มิดหัวตัวเองเลยค่ะ เหมือนเราจมลงไปในสระแบบนั้นเลย และภาพทุกภาพที่เห็นจะลางๆ ค่อยๆผุดขึ้นมาเหมือนสีที่หยดลงไปในน้ำไม่หยุด ซ้อนทับกันไปมา

    ตอนนี้รู้สึกงงมากจริงๆนะค่ะ
    [​IMG]



    ข้อความพี่ภูจากหน้าที่ 8 ค่ะ
    เพิ่งเห็นว่าพี่ภูเอามาโพสไว้ที่นี่ด้วย ฮ่าๆ อ่านข้ามไปได้ไง ฮ่าๆ ขอบคุณมากนะค่ะ ได้ข้อคิดเพิ่มด้วย เหมือนมองย้อนตัวเองเมื่อห้าหกวันก่อนเลยค่ะ(ตรงที่พี่เน้นนี่สุดเลยค่ะ) ฮ่าๆ รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะมากๆเลยทีเดียว:cool: มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย^^

    ตอนนี้ก็ฝึกมองรูปพระต่อไปดีกว่า
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 201012101593455815.jpg
      201012101593455815.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.1 KB
      เปิดดู:
      125
    • put018.jpg
      put018.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.2 KB
      เปิดดู:
      108
    • untitled.png
      untitled.png
      ขนาดไฟล์:
      376.3 KB
      เปิดดู:
      149
  19. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    เมื่อวานเขียนถึงเรื่องความศรัทธาฆ่าความสงสัย คือ ใช้ภาษาชาวบ้านนะเข้าใจง่ายดี เมื่อใดที่เรามีความศรัทธา อาการสงสัยต่างๆจะคลายลง พูดได้ว่าแทบจะไม่สงสัยใดๆเลย ว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะเป็นแบบไหน อะไรประมาณนี้ ความศรัทธาไม่ใช่ความงมงาย สังเกตุให้ดีนะคะ ทีนี่เราลองมาดูความศรัทธาที่มีต่อตัวเอง อยากจะบอกว่า บางท่านปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแต่ไม่ค่อยจะมีความเชื่อความศรัทธาในตัวเอง คือไม่เชื่อมั่นในตัวเองนะนี่ ลองสร้างความศรัทธาความเชื่อในตัวเองขึ้นมาแล้วเรื่องบางเรื่องอาจจะได้รับคำตอบคำเฉลยก้อได้ค่ะ
    (หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ บอกได้นะคะ จะได้ขอความกรุณาครูเพ็ญมาแปลเพราะ ดชน แปลภาษาจิตไม่เก่งอยู่ฝ่ายปฎิบัติค่ะ)
     
  20. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขอบคุณค่ะ คุณดัชนี และทุกท่าน ให้กำลังใจกันใหญ่เลย อิอิ นารักจริงๆ ไหนๆก็มีโอกาสมาตั้งหลักใหม่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว โอกาสดีโอกาสทอง
    ใช่จะมีกันง่ายๆ เป็นจุดเริ่มอีกทีว่าจะพาดวงจิตนี้ไปตกระกำลำบากหรือจะพาเค้าไปสู่ที่ที่ดีกว่า สู้ๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...