ยกระดับจิตสู่ "ระดับเดียวกับจักรวาล" เพื่อทรงขันธ์แบบฆราวาสใจพิสุทธิ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 18 เมษายน 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ได้มีปัญหาอย่างหนึ่งในบางท่าน เกิดขึ้นแล้ว
    คือ ยังไม่รีบนิพพาน จะช่วยปวงสัตว์ไปก่อน
    ทว่า ใจเขาใสบริสุทธิ์มากไป และต้องทำกิจ
    ในภาคฆราวาสบวชพระไม่ได้ ผลคือ จะทรง
    ขันธ์ลำบาก จะละสังขารง่ายกว่าคนปกติครับ


    ตอนแรกผมก็คิดว่ามันขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้า
    ใสบริสุทธิมากแล้วไม่บวช จะตายเลยหรือ?
    แต่ในที่สุด ก็พบจากประสบการณ์ได้ว่ามีจริง


    ปัญหาคือ หลายท่านยังไม่รีบนิพพาน เมื่อได้
    ธรรมมากตรงนิพพานแล้ว ท่านเลยไปคิดเอา
    ว่า "เดินหน้าได้ ก็ถอยกลับได้" จริงอยู่ มันก็
    ได้ ทว่า มันดำขึ้นครับ แล้วหลงออกนอกทาง
    ไป บางทีกว่าจะกลับมาปกติได้ นานอยู่ จึงไม่
    ใช่ทางที่ดีที่สุด ใช่ไหม?


    งั้นกระทูนี้มาคุยกับท่านที่เข้าข่าย ใสเกินไปและ
    ทรงขันธ์ลำบาก เพื่อหาทางเดินหน้าต่อไปกันครับ
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "ธรรมจักรที่เคลื่อนแล้ว" ไม่อาจย้อนหวนหวนทิศกลับ?


    ท่านที่ฝึกหมุนจักระหรือธรรมจักร คงทราบเรื่องนี้ดี ว่าการหมุน
    ธรรมจักรจะหมุนทางเดียว ทิศเดียว ทีนี้ก็แล้วแต่ว่าสำนักนั้นจะ
    สอนให้ท่านหมุนทางใด (มีแค่สองทาง คือ ทางสว่าง-ทางมืด)
    ปัญหาคือ เมื่อท่านหมุนธรรมจักรถูกทิศแล้ว ท่านจะใสสว่างขึ้น
    มากขึ้นๆ จนทรงขันธ์ในเพศฆราวาสแทบไม่ไหวจะละสังขารได้
    จึงเกิดการ "หมุนย้อนทวนทิศ" ของธรรมจักรขึ้น ซึ่งผมพบบ้าง
    หลายท่าน บางท่านจะย้อนถอยกลับไป ดำขึ้น แล้วหมุนกลับอีก
    ได้ (สว่างขึ้นได้อีก) ทำให้สภาวะธรรมไม่คงที่ ถ่ายทอดธรรมได้
    ไม่ต่อเนื่อง (ช่วงสว่าง ถ่ายทอดธรรมได้ตรง ช่วงมืดต้องกักตน
    ชำระภายใน) ปัญหาจึงเกิดขึ้นกับฆราวาสผู้ทรงธรรม และไม่รีบ
    นิพพาน วิธีการคือ จำต้องเข้าสู่ "กาลจักรตันตระ" คือ ธรรมจักร
    ที่หมุนทางเดียว (ทางสว่าง) จนเลยนิพพานไป ยังระดับเดียวกับ
    "จักรวาล" ก็จะเข้าสู่ "ภาคสว่าง" แต่จะทำหน้าที่ เป็นนักรบแห่ง
    จักรวาล ไม่อาจเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าโดยตรงได้นะครับ
    ทว่า พวกเราจะคอยช่วยเหลือจักรวาล, โลก และพระพุทธศาสนา


    และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเกิดขึ้นแห่ง "นักรบแห่งแสงสว่าง" ครับ
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "พระเจ้า" ศูนย์กลางแห่งภาคสว่าง นั้นมีอยู่หลายระดับครับ


    นิพพาน ไม่ใช่ทั้งมืดและสว่าง ผู้ที่ยังอยู่ในภาคมืดและสว่าง ยังไม่
    นิพพานนะครับ เพียงแต่มีหน้าที่ต่างกันนั่นเอง "พระเจ้า" เป็นศูนย์
    กลางของ "ภาคสว่าง" ครับ โดยมีนักรบแห่งแสงสว่าง ที่รับใช้ท่าน
    อีกมากมาย ลงมายังโลก เพื่อทำกิจต่างๆ ประสานกับท่านครับ ทีนี้
    "พระเจ้า" เองก็มีหลายระดับนะครับ เช่น พระเจ้าของศาสนาหนึ่งใด
    พระเจ้าของโลกนี้, พระเจ้าของจักรวาลนี้ ฯลฯ เยอะแยะนะครับ แต่
    เวลาเรารูจักพระเจ้าผ่านศาสนา, หรือองค์กรอะไรใดๆ แล้วเรารับอยู่
    ภายใต้การดูแลของท่านแล้ว เราควรมี "จิตตรงต่อพระเจ้าองค์เดียว"
    จะได้ไม่สับสนเวลาทำกิจก็ต่างกันครับ (เพราะพระเจ้าแต่ละระดับ จะ
    ดูแลกิจของท่านในระดับที่ต่างกัน) ดังนั้น เลือกองค์ใด, ศาสนาใดก็
    ไม่ผิดครับ ได้ทั้งหมด ดีทั้งหมดครับ เราก็รับธรรมมา แนวทางในการ
    ประพฤติปฏิบัติมา แล้วทำไปให้ดีครับ ทุกอย่างอยู่ที่เราทั้งนั้น ว่าจะมี
    ความสามารถทำได้แค่ไหน? ทีนี้ มันขึ้นอยู๋กับ "สภาวะธรรม" ภายใน
    ของเราด้วยครับ ถ้าเรามีสภาวะธรรมข้างในใสมาก บริสุทธิ์มาก และมี
    พระเจ้าระดับต้นมาโปรดเราแล้ว แต่เราไม่ไหว ทรงขันธ์ไม่ได้ เราต้อง
    "เลื่อนระดับขึ้นไป" ครับ ปรับขึ้นไปเรื่อยๆ จนพอดีกับสภาวะธรรมซึ่ง
    เราปฏิบัติได้ครับ ได้ระดับใด ก็ไม่ผิด ได้ทั้งนั้นครับ ยิ่งเลื่อนไปสูงขึ้นก็
    จะรับกิจที่กว้างขวางขึ้นด้วย อันนี้แต่ละท่าน ก็ลองพิจารณาดีๆ นะครับ


    อนึ่ง "ธรรมของแต่ละระดับ" ก็มีรายละเอียดต่างกันด้วยครับ แต่ก็รู้เรื่อง
    "สัจธรรมพื้นฐานเหมือนกัน" คือ ธรรมแท้ที่ไม่แปรผัน ไม่เกิด ไม่ดับครับ
    (บางท่านเรียกว่า ชีวิตนิรันด์บ้าง, อำมตะธรรมบ้าง, ไกวัลยธรรมบ้าง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 เมษายน 2012
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ผู้ทรงธรรมในจักรวาล มีมากมายหลายระดับ แต่ละระดับมีวาระนิพพานต่างกัน?


    พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ท่านเดียวที่มีธรรมและเข้าถึงนิพพาน ในจักรวาลนี้มีมากมายที่ได้ธรรม
    จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มา แต่ไม่รีบนิพพานเพราะมีกิจอยู่ต่ออีกยาว เพื่อโปรดสัตว์ใน
    แบบต่างๆ ในภาระกิจระดับต่างๆ กันครับ ดังนั้น เราต้องเข้าใจว่าไม่ได้มีเราคนเดียว โลกนี้
    เท่านั้นที่มีผู้รู้ธรรม เพราะพระพุทธเจ้าโปรดได้มากมาย และบางท่านก็มีอายุขัยยืนยาวมาก
    ไม่รีบนิพพานจนล่วงเลยยุคของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาก็มีครับ ดังนี้ผู้มีธรรมในจักรวาล
    จึงมีอยู่มากมาย และมี "วาระนิพพานต่างกัน" บางท่านอยู่ยาวนานมาก จนล่วงเลยผ่านยุค
    ของพระพุทธเจ้ามาหลายต่อหลายพระองค์ แม้มีธรรม แจ้งในนิพพาน แต่ก็ยังไม่หมดอายุ
    ขัยจึงยังไม่นิพพานก็มีครับ ถ้าเราไปต่อสายธรรมท่าน จะรับกิจจากท่านมาได้ด้วย แต่จะได้
    ภาระกิจที่กว้างใหญ่มากมาย จึงทราบว่าทำไมท่านจึงยังไม่นิพพานและอยู่ยาวนานมากครับ


    ดังนั้น "การเลื่อนระดับ" จึงจำเป็นถ้ากรณีท่านทรงสภาวะอยู่ในธรรมใดธรรมหนึ่ง ไม่ไหว มี
    อาการจะละสังขาร ก็ต้องเลื่อนระดับขึ้นไป ต่อตรง อยู่ภายใต้การดูแลของท่านผู้มีธรรมที่มี
    ระดับธรรม ระดับภารกิจที่สูงขึ้นครับ เช่น ท่านเคยบวชพระ ตรงนิพพานมากแล้วแต่ท่านดัน
    มีธรรมขึ้นไปเรื่อยๆ จนเอาไม่อยู่ ก็ต้อง "ย้ายสังกัด" ไปสังกัดกับท่านที่มีบารมีธรรมมีภาระ
    สูงขึ้น มากขึ้นไปตามลำดับครับแต่ถ้าท่านอยู่ตัวดีแล้ว พอดีแล้วในธรรมวินัยนั้นก็อยู่ไปครับ
    แต่เราจะไม่แนะนำให้ "เดินธรรมย้อนถอยหลัง" ครับ เพราะท่านจะหลงทางเข้าทางมืดทันที
    (ธรรมจักรหมุนแล้ว หยุดไม่ได้ พลังตรงข้ามจะแทรก ย้อนถอยหลังก็ไม่ได้ พลังดำจะแทรก)
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ทุกคนจะนิพพานพร้อมกันหมดไม่ได้ ผิดธรรมชาติ จึงต้องมี "พระเจ้า" อยู่ดูแล?


    สัตว์มีความหลากหลาย ดั่งบัวสี่เหล่า จะนิพพานทีเดียวพร้อมกันหมด ไม่ได้ ย่อมีบางส่วน
    ได้นิพพานไปก่อน บางส่วนอยู่ต่อ เพื่อทำกิจที่แตกต่างกัน คนที่อยู่ต่อนี้ จะมี "ผู้ปกครอง"
    ที่ตนจะขึ้นตรงในสังกัดนั้นๆ ครับ เช่น เจ้าสวรรค์ชั้นต่างๆ ทว่า ถ้าบารมีธรรมเราเกินโลกนี้
    (โลกนี้คือ ไตรภพ แต่ยังมีโลกธาตุอื่นๆ อีกมากมาย) เราจะเลื่อนระดับขึ้นไปเองตามธรรม
    ที่ได้ครับ เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น บางท่านได้จิตวิญญาณเป็นโพธิสัตว์ เดิมทีอยู่ชั้นดุสิต
    ได้ ใกล้ปวงสัตว์หน่อย (เวลาอยู่บนโลก คนมากมายเอื้อมถึงได้) แต่พอบารมีธรรมเพิ่ม จะ
    เลื่อนขึ้นไปเองถึงสุขาวดีได้ครับ (ซึ่งจะมีชาวพรหมโลกที่อยู่สูงกว่าโลกนี้คอยทดสอบอยู่)
    แต่ถ้าสุขาวดีเอาไม่อยู่ ไม่ไหว บารมีธรรมไปไกลเกินกว่านั้น ก็จะมีระดับที่สูงขึ้นไปอีก รอ
    อยู่ครับ จนถึงที่สุด ก็ถึงระดับจักรวาลและสากลจักรวาล ถึงจุดนี้ ชีวิตบนโลกของท่าน จะมี
    คนมาเอื้อมถึงน้อยมากๆ วันๆ ได้พบเจอคนน้อยมากนะครับ อย่าเพิ่งคิดว่าไม่ดี หรือปฏิบัติ
    ผิดนะครับ กรรมจะเปื้อนเราน้อย คนจะมาทำกรรมต่อเราก็ได้น้อย เอื้อมไม่ถึงนะครับ ซึ่งจะ
    มีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางท่านจึงยอม "หมุนธรรมจักรย้อนทวนทิศ" ปรับระดับตัวเองลงไป
    ให้สัตว์ทั้งหลายเอื้อมถึง เขาก็อาจจะกลายเป็นพระดัง ที่มีคนแห่ห้อมล้อมมากมายแต่จะดำ
    มืดไป ไม่สว่างดังเก่าก่อนนะครับ (พลังสว่างซ่อนอยู่ภายใน แต่จะใช้โปรดสัตว์ไม่ได้ พลัง
    ดำที่อยู่ภายนอกจะขวางกั้นไว้ครับ) ในที่สุด พลังดำจะนำพามารมาแทรกได้ครับ (ซึ่งก็พบ
    แล้วในปัจจุบัน) ดังนั้น ถ้าท่านจะทำกิจภาคสว่างจริงๆ ท่านก็ต้องไม่ย้อนถอยหลัง นะครับ


    ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมี "ผู้ปกครอง" ที่คอยดูแลจิตวิญญาณที่เวียนว่ายตายเกิดในจักรวาลนี้ใน
    แต่ละระดับ แตกต่างกันออกไปเพื่อจะได้ดูแลกันได้ ปกครองกันได้ ไม่งั้นถ้าใครมีบารมีมาก
    ตายไปแล้วไม่เจอใครเลย ไปสูงมาก จิตวิญญาณจะหลงนะครับ ต้องมี "ใครสักคนที่อยู่บน
    สวรรค์รอรับเรานะครับ" ซึ่งสูงสุดก็คือเจ้าสวรรค์ชั้นนั้นๆ หรือ ถ้าเป็นโลกธาตุนั้นๆ ก็เรียกว่า
    "พระเจ้าแห่งโลกธาตุนั้นๆ" ก็ได้ครับ ง่ายดี (ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีพระเจ้ารอรับผู้ตายนะครับ)
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การเลื่อนระดับสูงขึ้นไม่ใช่เพราะทำบุญมากขึ้น แต่เพราะจิตและบารมีสูงขึ้น


    ท่านไม่อาจเลื่อนระดับสูงขึ้นได้จากการทำบุญให้มาก แม้ทำบุญเป็นล้านๆ ก็ไม่อาจ
    ทำให้ท่านเลื่อนระดับสูงขึ้นได้เลย เมื่อท่านทำบุญมาก ท่านจะได้บุญมาก แต่ไม่ได้
    สูงขึ้นแต่อย่างใด เหมือนคนรวยมากขึ้นแต่อยู่ประเทศเดิม หรือเทวดามีบุญมากขึ้น
    แต่อยู่สวรรค์ชั้นเดิม นี่ไม่เรียกว่า "การเลื่อนระดับ" เลยนะครับ การที่ท่านจะเลื่อนตัว
    ท่านเองขึ้นสูงขึ้นได้ มีสองวิธี 1. จิตวิญญาณท่านพัฒนาสูงขึ้นจริงหรือไม่? เช่น ที่
    เคยเป็นมารอยู่สวรรค์ชั้นหก มันดับสลายแล้วเกิดใหม่ เป็นพรหมได้ไหม? (พรหมจะ
    สูงกว่ามารนะครับ) 2. บารมีธรรมท่านสูงขึ้นหรือไม่? เช่น ท่านมีธรรมระดับอรหันต์
    แล้วแต่ท่านมีบารมีแก่กล้ากว่าจะเป็นสาวกได้ ท่านจึงจะเปลี่ยนแปลง เลื่อนระดับขึ้น
    ได้ด้วยการที่ "จิตวิญญาณอรหันตสาวกดับสลาย แล้วเกิดใหม่เป็นสัตว์ที่สูงชั้นกว่า"
    เช่น พระโพธิสัตว์ ก็ได้ (พระสาวกจะอยู่ระดับ สวรรค์ชั้นที่ 3 พระโพธิสัตว์อยู่ชั้น 4)
    หรือจากเดิมได้จิตวิญญาณโพธิสัตว์ บรรลุอรหันต์แล้ว แต่บารมีแก่กล้าไปอีก จนจิต
    เดิมไม่ทรงสภาพได้ จะดับสลายแล้วเกิดใหม่ จากโพธิเป็นพุทธะ ก็ได้ครับ อนึ่ง เมื่อ
    จิตวิญญาณตายแล้วเกิดใหม่ในสังขารเดิม ธรรมจะเปลี่ยนสาย จากอรหันต์ก็จะไม่ใช่
    เป็นเซียนแทนนะครับ (ธรรมลดจากอรหันต์มาเป็นเซียนแทน) ถ้ากลับไปต่อสายเดิม
    อีก ก็ได้อรหันต์ทันทีได้ง่ายๆ ไม่ต้องฟังธรรมซ้ำครับ แค่ยอมละสักกายทิฐิใหม่ ของ
    จิตวิญญาณที่เกิดเองใหม่ ก็เท่านั้น แต่ถ้าไม่ต่อสายเดิม ก็จะได้เป็นเซียนนะครับ นับ
    เป็นอรหันต์ดังเดิมไม่ได้นะครับ และจะมีสักกายทิฐิใหม่จากจิตวิญญาณที่เกิดใหม่มา
    อีกได้ครับ ดังนั้น พระพุทธศาสนาเราจึงต้องมี "อเสขบุคคล" คือ บรรลุธรรมแล้วเขา
    จะไม่ให้ทำอะไรๆ อีกครับ ทำไปเรื่อยๆ บารมีธรรมจะเพิ่มเรื่อยๆ จนจิตวิญญาณเดิมก็
    ไม่อาจรองรับสภาวะ จะดับสลายแล้วเกิดใหม่ด้วยบารมีธรรมนั้น แล้วธรรมจะเปลี่ยน
    จะลดระดับลง เช่น จากเดิมเป็นเทวดาชั้นสามได้อรหันต์ กลายเป็นเซียนชั้นสี่แทน นี่
    เขาจึงไม่ให้พระอรหันต์ไปทำอะไรอีกแล้วนะครับ และจิตวิญญาณแต่ละชั้นตั้งแต่โลก
    มนุษย์ (มนุษย์แท้ๆ) ไปจนถึงพระโพธิสัตว์ บรรลุอรหันต์ได้เหมือนกันหมด ก็นิพพาน
    ได้เหมือนกันหมด ท่านจึงไม่คิดเปลี่ยนจิตวิญญาณใครให้ได้เลื่อนระดับนะครับ เข้าใจ
    ตรงนี้ไหมครับ? (พระพุทธศาสนาจะไม่มีสอนให้ปรับจิตวิญญาณ เปลี่ยนแปลงถึงขั้น
    เกิดใหม่และไม่มีการเลื่อนระดับ) เพราะหน้าที่ของพระพุทธเจ้าแค่โปรดสัตว์สู่นิพพาน
    ก็ได้แล้ว ไม่มีการสอนให้เลื่อนระดับนะครับ แต่สัตว์บางส่วนก็ต้องมีการเลื่อนระดับ จึง
    ต้องมี "ภาคสว่างส่วนอื่น" มาทำหน้าที่ตรงนี้ เรื่องการเลื่อนระดับนะครับ พอเข้าใจนะ
     
  7. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    พูดนิพพานเป็นต่อยหอยเลย พระเจ้า 瑠璃王 เคยไปมาแล้วสิคะ
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    นิพพานเป็นส่วนหนึ่งของ "สัจธรรม"
    แห่งสากลจักรวาล อย่างหนึ่งเท่านั้น


    วิสุทธิเทพระดับชั้นต่างๆ ก็เข้าใจครับ
     
  9. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    พระเจ้า 瑠璃王 สร้างนิพพานต่างระดับได้ด้วย เว้ยเฮ้ยยย!!!
     
  10. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    นิพพานเหมือนกันหนึ่งเดียว ไม่มีระดับ
    ระดับมีในบารมีครับ คนมีบารมีระดับที่
    ต่างกัน แต่นิพพานได้เหมือนกันหมด


    เทวดาชั้นที่สอง, สาม, สี่ หรือวิสุทธิ
    เทพแห่งจักรวาลที่ระดับสูงกว่านั้น ก็
    นิพพานได้ดุจเดียวกันครับ
     
  11. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    พูดนิพพานเป็นต่อยหอยเลย พระเจ้า 瑠璃王 เคยไปมาแล้วสิคะ
     
  12. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    นิพพาน ไม่มีการมา ไม่มีการไป
    นิพพาน มีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา แล้ว
    จะต้องมาหรือไป ไฉนเล่าครับ?
     
  13. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    พระเจ้า 瑠璃王 สร้างนิพพานแบบ ไม่มีการมา ไม่มีการไป เว้ยเฮ้ยยย!!!
     
  14. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    นิพพานไม่เกิด ไม่ดับ ไฉนไยต้องสร้าง?
    สมมุติต่างหากที่ต้องเกิดจากการสร้าง
    แล้วดับไปด้วยสิ้นเหตุปัจจัยแห่งการสร้างนั้น


    นิพพานยังต้องสร้างอีกหรือ?
    ในเมื่อสมมุติถูกสร้างอยู่แล้ว?
     
  15. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    พระเจ้า 瑠璃王 สร้างสมมุติ เว้ยเฮ้ยยย!!!
     
  16. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    เราทั้งหลายล้วนสร้างสมมุติกันทั้งสิ้น
    เรามิได้สร้างวิมุติ ด้วยวิมุตินั้นมีอยู่แล้ว
    ดังนั้น เราจึงสร้างได้แต่สมมุติอันไม่เที่ยง


    สรรพจิตสร้างสมมุติในระดับที่ต่างกัน
    พระเจ้าสร้างสมมุติในระดับที่ใหญ่ขึ้น
    มนุษย์สร้างสมมุติในระดับที่ละเอียดลง


    แท้แล้ว สรรพสิ่งที่สร้างล้วน "สมมุติ" ทั้งสิ้น
     
  17. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    ครูจะสอนฟังนะพระเจ้า 瑠璃王
    สิ่งสมมุติมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน
    ไม่มีใคร ไม่มีพระเจ้าที่ไหนสร้าง
    ไม่มีต้องมีพระเจ้าดูแล มันเป็นธรรมชาติของมันคะ
     
  18. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    ครูจะสอนฟังนะพระเจ้า 瑠璃王
    สิ่งสมมุติมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน
    ไม่มีใครหรือพระเจ้าที่ไหนสร้าง
     
  19. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    อินเตอร์เน็ตเป็นเวทีสาธารณะ
    ใครอยากจะสอนใคร ก็ทำไป
    ตามสิทธิและเสรีภาพเถอะครับ


    แต้ถ้าจะเอาผมเป็นศิษย์ต้อง
    จ่ายก่อนครับ เพราะผมค่าตัวสูง
     
  20. คนสร้างทาง

    คนสร้างทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +6
    พระเจ้า 瑠璃王 สอนสร้างสิ่งสมมติมันผิดธรรมชาตินะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...