นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ต้องถามเพิ่ม ไม่งั้นตอบถูกหลายท่าน ต้องตอบถูกทั้งสองข้อแล้วกันครับ

    (ถามไปแล้วหนึ่งข้อ)

    คุณรั้งเป็นอะไรกับ ท่านพิมพาวงศ์

    1.พระชายา

    2.สนมเอก

    3.พระสนม

    4.อื่นๆ

    ต้องถามยากๆไว้ก่อนครับ รู้สึกว่ามีแต่ท่านเดาแม่นๆเหลือเกินครับ
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นิทานวันนี้ ขอเสนอเรื่อง "สัจจะ" (ท่านหนอฯ อยากบำเพ็ญแบบเอกอุ ลองอ่านดูนะ)

    "สัจจะ" แปลว่า ความสัตย์ ความซื่อ ถ้าขยายความตามศัพท์แยกได้ 3 ลักษณะคือ มีความจริง ความตรง และความแท้ จริง คือ ไม่เล่น ตรง คือ ความประพฤติทางกาย วาจา ตรงไม่บิดพลิ้ว ไม่บ่ายเบี่ยง แท้ คือ ไม่เหลวไหล ตรงข้ามกับคำว่า อสัจ ซึ่งแปลว่า ไม่จริง บิดพลิ้ว แต่ถ้าในทางปฏิบัติสัจจะ คือ ความรับผิดชอบ หมายความว่า ถ้าจะทำอะไรแล้ว ต้องตั้งใจทำจริง ทำอย่างสุดความสามารถให้เป็นผลสำเร็จ การที่ใครจะสามารถสร้างตัวขึ้นมาได้นั้น ต้องมีสัจจะเป็นพื้นฐาน เพราะคนที่มีสัจจะ เป็นพื้นฐานจะมีความรับผิดชอบต่องานที่ทำทุกอย่าง ไม่ปล่อยผ่านกับสิ่งที่ได้รับมา จะทำทุกสิ่ง ที่มาถึงมืออย่างสุดกำลัง และเต็มความสามารถ

    ลักษณะของสัจจะ มีด้วยกัน 5 ประการ คือ

    ประการที่ 1 สัจจะต่อความดี

    ก็คือ การประพฤติตนเป็นคนเที่ยงแท้ มั่นคงต่อความดีไม่หันเหไปในทางชั่ว ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ในทางปฏิบัติ การจะมีสัจจะต่อความดีได้นั้น ต้องคิดให้เห็นถึงคุณความดีได้อย่างแจ่มแจ้ง และเห็นโทษของความชั่วได้ชัดเจน พยายามรักษาความดีในตนไว้ ถ้าเป็นฆราวาสก็ต้องละ กรรมกิเลส 4, อคติ 4, อบายมุข 6 และต้องปรับความเห็นของตนให้ถูก ให้เป็นสัมมาทิฏฐิให้ได้ หากเป็นพระก็ต้องรักษาสิกขาวินัย สืบทอดพระพุทธศาสนา หากเป็นฆราวาส ก็ต้องทำมาหากินตั้งตนให้ได้ สร้างหลักฐานให้กับวงศ์ตระกูล ใครจะอยู่ในหน้าที่อะไรก็ต้องพยายามหาดีของตนให้ได้ หากหาดีนอกทางเสียแล้วก็จะเสียความจริงต่อความดี

    ประการที่ 2 สัจจะต่อหน้าที่

    คือ การที่ใครก็ตามที่เกิดมาย่อมมีหน้าที่ติดตัวมาด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น จึงควรมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน ใครเป็นสามีก็รับผิดชอบต่อหน้าที่สามี เลี้ยงครอบครัวให้ดี ไม่ปันใจให้หญิงอื่น จริงใจกับภรรยา ใครเป็นภรรยาก็จริงใจต่อหน้าที่ของภรรยา ดูแลการงานในบ้านให้เรียบร้อย ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เล่นการพนันเผาผลาญทรัพย์ เป็นลูกก็ต้องมีความรับผิดชอบว่า เราเป็นลูกมีหน้าที่รักษาวงศ์ตระกูลให้ดี ถ้าพ่อแม่แก่เฒ่า ก็ต้องเลี้ยงดูท่าน ทหารก็จริงใจลงไปในหน้าที่ทหาร เป็นตำรวจก็รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตำรวจ ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร ก็ทุ่มไปกับหน้าที่ของตัวให้เต็มที่ หากทำเช่นนี้ได้จึงเรียกว่า มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

    ประการที่ 3 สัจจะต่อการงาน

    สัจจะต่อการงาน ก็คือการตั้งสัจจะลงไปในงาน หมายถึงการทำงานนั้นต้องทำจริง ไม่ทำเหยาะๆ แหยะๆ หรือทำเล่นๆ ดังนั้น เมื่อมีหน้าที่แล้วก็ย่อมมีงานตามมา สามีก็มีงานของสามี คืองานหาเลี้ยงครอบครัว เป็นภรรยาก็มีงานของภรรยา เป็นลูกก็มีงานของลูก เป็นพระก็มีงานของพระ จะเป็นอะไรก็มี หน้าที่และมีงานตามมา ยิ่งอายุมาก หน้าที่ก็ยิ่งมากเป็นเงาตามตัว เมื่อหน้าที่มาก งานก็มากด้วยเช่นกัน คนที่ไม่จริงต่อการงาน มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ
    พวก "ทุจฺจริตํ" คือ พวกที่ทำงานเสีย
    พวก "สิถิลํ" คือ พวกที่ทำงานเหลาะแหละ
    พวก "อากุลํ" คือ พวกที่ทำงานคั่งค้าง
    หากทำอย่างนี้จะเสียสัจจะต่อการงาน วิธีแก้ก็คือ ทำให้ดี ทำให้เคร่งครัด ทำให้เสร็จสิ้น หากทำได้ก็จะกลายเป็นสัจจะต่อการงานอีกประการหนึ่ง เรามักได้ยินคำพังเพยว่า "เรือล่มเมื่อจอด" คำนี้ใช้กับผู้ที่เคยทำดีมาแล้ว แต่ประมาทเมื่อปลายมือ เพราะไม่ตั้งใจทำให้ดีที่สุดหรือทำสักแต่ว่าทำ เพราะฉะนั้น เมื่อทำความดีแล้ว ต้องทำให้ดีพร้อม จนใครๆ ก็ทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว คือ ต้องทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จให้ได้และให้ดีที่สุด นี่คือความรับผิดชอบของคนที่มีสัจจะต่อการงาน

    ประการที่ 4 สัจจะต่อวาจา

    สัจจะต่อวาจา คือ จริงต่อวาจา นั่นก็คือคำพูดของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการพูดด้วยปาก หรือการเขียน ตลอดจนการแสดงอาการที่เป็นการปฏิญาณต่อผู้อื่นก็ตาม จัดอยู่ในเรื่องของวาจาได้ สัจจะต่อวาจามีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
    พูดอย่างไรทำอย่างนั้น คือ เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องพยายามทำให้ได้จริงตามที่พูด
    ทำอย่างไรพูดอย่างนั้น คือ การพูดคำจริง เมื่อเราทำอะไรลงไปก็พูดไปตามนั้น การกระทำต้องตรงกับคำพูดของตัวเองเสมอ

    ประการที่ 5 สัจจะต่อบุคคล

    สัจจะต่อบุคคล คือ ต้องจริงต่อบุคคล ในที่นี้คือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวเราจริงต่อบุคคลนั้น หมายถึง การเป็นผู้ที่ประพฤติต่อคนอื่นอย่างสม่ำเสมอ ไม่กลับกลอก และความจริงต่อบุคคลจะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องอาศัยความจริงใจต่อกัน ถ้าเราอยากให้คนอื่นเขาจริงใจต่อเรา เราก็ต้องให้ความจริงกับเขาด้วย คนเรามักชอบบ่นว่า "ผมน่ะไม่มีเพื่อนจริงสักคน" ความจริงแล้ว ตัวเองต่างหากที่ไม่จริงกับเขาก่อน แล้วเขาจะมาจริงใจกับเราได้อย่างไร เวลาคบกับใครก็บอกเขาว่า "มีธุระเดือดร้อนอะไรละก็ บอกนะ จะช่วยเต็มที่" แต่พอเขาจะมาพึ่งพาให้ช่วยเหลือ กลับบิดพลิ้ว สารพัดจะหาเหตุผลมาอ้าง มาแก้ตัว อย่างนี้ก็ไม่มีใครเขาจริงใจด้วย ขอฝากเป็นข้อคิดไว้ คือ ถ้ารักจะคบเป็นเพื่อนกันตลอดไป อย่าเล่นแชร์เล่นไพ่กับเพื่อน เพราะสองอย่างนี้พอเล่นจะเอาผลประโยชน์กัน แล้วจะมีความจริงใจต่อกันได้อย่างไร เพื่อนกัน มีอะไรต้องช่วยเหลือจุนเจือกัน เพื่อนติดขัดเรื่องเงินเรื่องทอง ก็ตัดเงินส่วนที่ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนให้ไปเลย ไม่ต้องไปคิดเรื่องดอกเบี้ย จะคิดถูกคิดแพงก็ถือว่าไม่จริงใจต่อกันทั้งนั้นหรือเป็นตำรวจ จับผู้ต้องหาได้ด้วยความเหนื่อยยาก ก็อย่าไปแก้แค้นด้วยการซ้อมคนไม่มีทางสู้ มีหน้าที่สอบสวน เจอผู้ร้ายปากแข็งชักช้าอย่างไรก็ต้องทน ต้องพยายามใช้ปัญญา อย่าใช้วิธีทารุณบีบคั้นให้เขารับสารภาพ ต้องนึกถึงคุณธรรมความดีให้มาก

    สรุปความได้ว่า คนที่มีสัจจะคือคนที่ทำอะไรทุ่มสุดตัว จะทำงานชิ้นใดก็ทุ่มทำให้ดีที่สุด คบใครก็คบกันจริงๆ ไม่ใช่ต่อหน้าสรรเสริญ ลับหลังนินทา ถ้าจะคบก็คือคบ ถ้าไม่คบก็ตัดบัญชี กันไปเลย ฝึกทุ่มหมดตัวอย่างนี้ ไม่ช้าก็จะได้เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ พอนั่งสมาธิคู้บัลลังก์แล้ว ก็ทรงตั้งสัจจะอธิษฐานทุ่มชีวิตเลยว่า แม้เลือดเนื้อในร่างกายจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่หนัง เอ็นกระดูก ก็ตามที หากยังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เราจะไม่ยอมลุกขึ้นเป็นอันขาด พระบรมศาสดาของเรา ทุ่มสุดตัวอย่างนี้ เราเป็นลูกศิษย์ท่านต้องทำตาม

    ที่มา : สัจจะ - วิกิพีเดีย
     
  3. Tatojang

    Tatojang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2012
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +1,401
    ขอบคุณคุณคุรุวาโรค่ะที่กรุณาตอบให้ ดิฉันศรัทธาองค์ท่านจริงๆค่ะ
    และชอบอ่านนิทานพญานาคมากๆด้วยและก็เชื่อว่าท่านมีอยู่จริงค่ะ
    ขอตอบข้อ.1พระชายาค่ะ
     
  4. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    เสน่ห์นาคา นาคี ใครๆ ก็ลืมไม่ลงค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    ทวงบ้างครับ

    รูปถ่ายเล็กๆถ้ำสอยดาว ที่จัน และประวัติคร่าวๆหน่อยครับ ท่านสมุนาเทวี

    ตอนนี้ เมืองบาดาลที่ไหนรู้จักหรือมีสมาชิกเคยอยู่เราก็ถือโอกาสไปเยือนซะเลย(จะได้มีข้ออ้างการผ่านเข้าไปครับ)
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เดา 2 ข้อ ได้มั้ยคะ (ได้) ข้อ 1. กับ ข้อ 4. เป็นพระญาติ ค่ะ
     
  6. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    ขอยกมือด้วยอีกคนอ่ะ...
     
  7. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    โมทนาบุญด้วยค่ะคุณมิก ดีที่ไม่อยู่ภาคใต้(แอบเป็นห่วง)
     
  8. Postman

    Postman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +54
    ....ขออนุโมทนากับทั้งสองท่านด้วยครับ...

    ถาม...คุณรั้งเป็นอะไรกับ ท่านพิมพาวงศ์

    ตอบข้อ1.พระชายา ครับ
     
  9. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    **ท่านประทานค่ะ ขอประท้วงค่ะถ้าข้อแรกไม่ได้ตอบหรือตอบผิด ความหวังก็ดับวูบอ่ะดิ ว่าแต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับนาคอย่างเราเข้ามามัยเนี้ยะทุกวันเลย** แต่ก็ขอตอบข้อ1 เหมือนกัน
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จัดไปค่ะ แต่ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ว่าจะใช่ถ้ำสอยดาวหรือไม่ แต่น้ำตกน่ะใช่แน่ๆ ค่ะ เดาว่าทางเข้าถ้ำน่าจะอยู่หลังม่านน้ำตกนะคะ

    หาประวัติไม่ได้ค่ะ แต่รู้สึกว่าถ้ำนี้มีความสำคัญในสมัยพระเจ้าตากสินกอบกู้แผ่นดินนะคะ ใครหาประวัติได้ช่วยทีนะคะ แถมพระพุทธบาทเขาพริกค่ะ
    (ภาพสุดท้ายค่ะ)
    พระพุทธบาทเขาพริก ( พระบาทเกือกแก้ว )
    บ้านเขาพริก ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี
    ประวัติพระพุทธบาทเขาพริก อยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งขาน บ้านเขาพริก มีรอยพระพุทธบาททั้งหมด 2 รอย อยู่บนยอดเขา 1 รอย ลักษณะรอยกว้าง 50 ซม. ยาว 1 เมตร ลึกประมาณ 50 ซม.เป็นพระบาทเกือกแก้ว อยู่บนยอดเขาพริก เป็นลานหินสีดำ บริเวณด้านหน้ารอยพระบาทเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถชมทิวทัศน์ บริเวณโดยรอบของ ต.ทุ่งขนาน จ.จันทบุรี ได้สวยงามมากและยังมีถ้ำซึ่งอยู่ห่างจากรอยพระพุทธบาทประมาณ 500 เมตร มีภาชนะดินเผาโบราณยังขาดการตรวจสอบอายุเครื่องปั้นดินเผาจากหน่วยงานราชการ อยู่ในบริเวณถ้ำ มีช่องสุริยัน-จันทา ( พระอาทิตย์-พระจันทร์ )ตามคติความเชื่อทางศาสนา พราหมณ์ ทางขึ้น-ทางลง บริเวณ ถ้ำกับรอย พระพุทธบาท ยังไม่มีการพัฒนาปรับปรุง ซึ่งการค้นพบรอยพระพุทธบาท โดยชาวบ้านขึ้นไปล่าสัตว์ และเห็นดวงไฟลอยขึ้นจึงตามไปดู จึงพบเห็นรอยพระพุทธบาท ช่วงปี 2540 ส่วนรอยพระบาทด้านล่าง ตีนเขาห่างจาก วิหารหลวงพ่อขาว ประมาณ 200 เมตร ไปทางทิศเหนือค้นพบโดย ครูบาสันยาสี ทางนิมิตร ภาวนาจากการเจริญ กรรมฐาน จึงได้ทำการตรวจสอบ และค้นพบในปีพ.ศ.2552 เดือนเมษายน เป็นลักษณะรอยพระบาทเกือกแก้ว กว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 2 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร สภาพสมบูรณ์มาก ท่านใดสนใจต้องการสักการะ เป็นพุทธานุสติ ระลึกถึงพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าเยี่ยมชม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหล่านี้ได้ที่ วัดเขาพริกวนาราม บ้านเขาพริก ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว.จันทบุรี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2012
  11. huten

    huten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,808
    ค่าพลัง:
    +15,229
    ขอตอบ ข้อ 1 ค่ะ ท่าน คุรุวาโร ว่าแต่ ทำไมถึงรู้ชื่อเล่นล่ะ...
     
  12. PapAEz

    PapAEz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +53
    ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันที่ทําให้ผมติดตาม นิทานเรื่องนี้มาอย่างเหนียวแน่น ต้องขอขอบคุณ คุณคุรุวาโรที่ตอบคําถามคาใจหลายๆอย่างของผมและของท่านอื่นด้วยนะครับ :)

    ข้าพเจ้าขอตอบ ข้อที่ 1.พระชายา ครับ
     
  13. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ท่านสมุนาเทวีครับ ประวัติสักเล้กน้อย เรื่องเล่าขานก็ได้ครับ

    สัมผัสได้ว่ามียักษ์ อยู่แถวนั้น ด้วย ท่าทางจะ....น่าดูนะครับ
     
  14. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    คิดเหมือนกันเลยค่ะ..ตอนแรกก็ไม่แน่ใจแต่คิดว่าใช่..
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มียักษ์แน่นอนค่ะ เพราะที่นั่นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย มีทั้งเหล่าเทพเทวา พรหมสถิตย์ พญาครุฑ พญานาค เรียกว่าทั้งสามโลกอยู่ค่ะ เพราะเป็นรอยต่อระหว่างแดนมนุษย์กับแดนสวรรค์ พ้นจากยอดเขาคิชกูฏก็เป็นแดนหิมพานต์ไปจนถึงสวรรค์ชั้นต่างๆ เลยค่ะ เดี๋ยวขอเวลาค้นก่อนนะคะ
     
  16. บัวมรกต

    บัวมรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    812
    ค่าพลัง:
    +1,071
    เป็นคนรับใช้ใกล้ชิด สนิทเสน่หา ค่ะ
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในระหว่างรอ อ่านประวัติจันทบุรีไปก่อนนะคะ

    จังหวัดจันทบุรี เป็นจังหวัดทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย ทิศเหนือติดกับจังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว และปราจีนบุรี ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดตราดและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดกับอ่าวไทย และทิศตะวันตกติดกับจังหวัดระยองและชลบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 245 กิโลเมตร สภาพพื้นที่มีทั้งป่าไม้ ภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่มน้ำ และที่ราบชายฝั่งทะเล

    ตำนานและความเป็นมา

    จันทบุรีเป็นเมืองเก่าจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เชื่อกันว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นโดยชนชาติ ชอง บางตำนานก็ว่าสร้างโดยชนชาติ ขอม หัวเมืองเดิมตามศิลาจารึกเรียกว่า "ควนคราบุรี" ชาวพื้นเมืองเรียกว่า "เมืองกาไว" ตามชื่อผู้ปกครอง เมืองจันทบุรีเดิมตั้งอยู่บริเวณหน้าเขาสระบาป มีชนพื้นเมืองเดิมอาศัยอยู่เรียกว่า ชาวชอง มีภาษาพูดเป็นภาษาของตนเองแตกต่างจากภาษาไทยและภาษาเขมร ผู้ครองเมืองที่ยิ่งใหญ่ในตำนานคือ พระเจ้าพรหมทัต (พ.ศ. 1349 - พ.ศ. 1399) ครั้นถึงปี พ.ศ. 1800 ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านหัววัง ตำบลพุงทลาย ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจันทบุรีในปัจจุบัน

    ต่อมาปี พ.ศ. 2200 ได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านลุ่ม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ในปี พ.ศ. 2310 หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียกรุงให้แก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีเพื่อใช้เป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหารและรวบรวมกำลังพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่า ในคราวนั้นเจ้าเมืองจันทบูรณ์ นามเจ้าขรัวหลาน (ยศเจ้าเมืองจันทบุรีเดิม) ชึ่งราษฎรเลือกขึ้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา โดยหวังว่า พระยาจันทบูรณ์ จะช่วยปกป้อง รักษาเมืองจันทบูรณ์ ให้อยู่รอดสืบต่อไป ได้ต่อต้านกองทัพของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดย พระยาจันทบูรณ์ ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เมืองจันทบุรีอยู่รอดเป็นอิสระ รักษาแผ่นดินไว้ให้ชนชาติบูรพา แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยพ่ายแพ้แก่กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยพระองค์ทรงใช้พญาช้างศึกบุกชนกำแพงเมืองจนสามารถเข้าตีเมืองเอาไว้ได้สำเร็จ เจ้าเมืองจันทบูรณ์ได้หลบภัยไปอยู่อาณาจักรกัมพูชาจนถึงแก่อสัญกรรม เมืองจันทบุรีจึงตกเป็นของสยามนับแต่นั้นเป็นต้นมา

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีไว้นานถึง 11 ปี[2] จนไทยต้องยกดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง (ลาว) ให้กับฝรั่งเศสเพื่อแลกเมืองจันทบุรีกลับคืนมา ต่อมามีการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล จัดตั้งมณฑลจันทบุรี โดยมีเมืองจันทบุรี ระยอง และตราดอยู่ในเขตการปกครองจนถึงปี พ.ศ. 2476 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย จึงยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลและได้จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินใหม่ โดยแบ่งออกเป็นจังหวัดและอำเภอ ดังนั้นเมืองจันทบุรีจึงมีฐานะเป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบันนี้
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถ้ำเขาแก้ว - จุดชมวิวสองแผ่นดิน

    อยู่ที่ตำบลหนองตาคง อำเภอโป่งน้ำร้อน มีลักษณะเป็นถ้ำหินปูนความลึกประมาณ 50 เมตร ประกอบด้วยหินงอก หินย้อย ลวดลายธรรมชาติสวยงามยิ่งนัก อาจเป็นที่อยู่อาศัยหรือประกอบกิจกรรมของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 1,000-6,000 ปีมาแล้ว และอาจจะมีพัฒนาการต่อเนื่อง หรือทิ้งร้างไปแล้วกลับมาใช้ใหม่อีกในช่วงเวลาที่ทำเครื่องมือหินขัดขึ้นใช้ เมื่อประมาณ 4,000-2,000 ปีมาแล้ว


    มีอยู่ทั้งหมด 9 ถ้ำ ได้แก่ ถ้ำเทวาภิทักษ์ เป็นถ้ำที่ค้นพบขวานโบราณ สันนิฐานโดยกรมศิลปากรว่าน่าจะมีอายุประมาณ 4,000-10,000 ปี, ถ้ำคชสาร เป็นถ้ำที่มีลักษณะน้ำย้อยเหมือนรูปหัวช้าง, ถ้ำวิมุติ เป็นถ้ำที่โอ่โถง สามารถลอดช่องเล็ก ๆ ไปยังอีกถ้ำหนึ่งได้, ถ้ำแก้ว เป็นถ้ำที่สวยงามมีหินประกายแก้วเยอะมาก อีกทั้งเป็นอีกถ้ำหนึ่งที่ขุดพบขวานโบราณเป็นจำนวนมาก, ถ้ำนาคราช คือมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปทรงคล้าย ๆ กับพญานาคราช และถ้ำอุตระ ซึ่งเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและพบหินงอกหินย้อยที่มีความสวยงามมากกว่าทุกถ้ำ เป็นต้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. Postman

    Postman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +54
    ...ไม่เกี่ยวข้อง..แต่..เกี่ยวดองหนองยุ่ง...เหมือนยุงตีกัน...;hi2

    ...ติดตามอ่านอยู่ครับ คุณnouk ..:cool::cool::cool:
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในประวัติของขุนเจืองธรรมิกราชกล่าวว่า เมื่อเข้าไปขอของวิเศษกับปู่ย่าตายายในถ้ำ ก็เห็นงูหลวงตัวใหญ่มีเกล็ดอันเลื่อมเหลืองดังทอง ก็ขอเอาของวิเศษนั้นมา แสดงว่าปู่ย่าตายายเป็นงูใหญ่ ในหนังสืออุรังคธาตุกล่าวว่า ชื่อเมือง ศรีสัตตนาค ก็มาจากนาคตัวหนึ่งมี 7 หัว และว่าเมืองจันทบุรีศรีสัตตนาคเป็นเมืองพญานาค

    ตำบลสีพยา เดิมมีเรื่องเล่ามาว่า ในเขตพื้นที่ของตำบลสีพยา มีถ้ำอยู่ใกล้กับน้ำตกสีพยา ภายในถ้ำมีงูขนาดใหญ่อาศัยอยู่ และงูที่อยู่ในถ้ำนั้นมีลักษณะเหมือนหงอนอยู่บนหัว ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพญานาคจำนวน 4 ตัว ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า "สี่พญา" ต่อมาจึงเพี้ยนกลายเป็น "สีพยา"



    ใน หนังสือดังกล่าวได้เล่าถึงพญานาคต่าง ๆ ล้วนแต่มีอิทธิฤทธิ์ ถึงกับเคยสำแดงฤทธิ์กับพระพุทธเจ้า และได้พ่ายแพ้แก่พระองค์ พากันตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์ นาค 7 หัวที่ชื่อ
    ศรีสัตตนาคได้ทูลขอ ให้พระศาสดาทรงเหยียบรอยพระบาทไว้ที่ดอยนันทกังรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...