ชี้แนะแนวทางฝึกกสิณ 10 ...จากประสบการณ์ตรง

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย นายกสิณ, 2 เมษายน 2012.

  1. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    การที่คุณเกิดแบบนั้นเกิดจากคุณมอง โดยใช้ตาซึ่งกึ่งกลางตาทั้งสองก็คือหน้าผากหรือหว่างคิ้ว แล้วพลังที่เกิดนั้นมันเป็นอย่างไร มากน้อยแค่ไหน เกิดขึ้นตลอดเวลาหรือเปล่า(แม้ไม่นั่งสมาธิ) อยากให้เกิดแบบที่ผมบอกก่อนแล้วจะแนะนำให้รู้จักการกำหนด(การใช้พลังนั้น) แล้วค่อยเริ่มฝึกกสิณที่คุณชอบ
     
  2. icecool_poplove

    icecool_poplove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +4
    อยากลองฝึกกสินบ้างค่ะ รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ
    จะต้องฝึกอย่างได้จึงจะตรงกับจริต ขอบคุณมากๆๆค่ะ ^___^
     
  3. ยี่แปะกง

    ยี่แปะกง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +272
    รอคอยคำแนะนำอยู่นะครับ ใครไม่เรียนผมเรียนครับ ประสพการณ์ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
    คุยกันยังไงก็ไม่จบ ผมไม่สรุปว่าใครผิดใครถูก ( ผมมันความรู้น้อยไม่เข้าใจบาลี อ่านคัมภีร์ไม่แตกฉาน )

    นายกสิน อยู่สอนผมด้วยครับ
     
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    ผมทราบครับ ว่าผมยังเข้าใจเรื่องฤทธิ์ไม่ดีพอ ดังนั้นผมจึงไม่พูดเรื่องฤทธิ์ เพราะผมรู้ว่าตัวเองไม่มีความรู้ด้านนั้น...

    กสิณ และโลกียฤทธิ์ ที่พี่ฝึก ทำให้แตกฉานเรื่องธรรมะ จนสามารถแย้งพุทธพจน์ได้เชียวหรือครับ?
     
  5. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    จริตกสิณตรงกับใครผมไม่รู้ รู้แค่ว่าคุณอยากฝึกกสิณอะไรก็ฝึกกสิณนั้นเท่านั้นเองครับไม่มีอะไรพิเศษ อย่าไปยึดติดว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ใจเราคือของเราเป็นพอ ส่วนต้องฝึกแบบไหนลองหาอ่านดู ในกระทู้นี้แหละครับ เมื่อได้แบบนั้นแล้วผมค่อยแนะนำการฝึกกสิณต่อไป ว่าจะต้องกำหนดกสิณที่คุณจะฝึกในรูปแบบไหน
     
  6. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ผมบอกแล้วไงว่า ผมไม่ยึดติดกับธรรมะ หรือพุทธพจน์ที่คุณว่า(เพราะไม่เข้าใจความหมาย ขี้เกียจแปล) รู้แค่ว่าเราจะปฎิบัติอย่างไรให้เกิดเป็นบุญ-บารมี และปฎิบัติได้ถูกทางเท่านั้นเอง เรื่องธรรมะผมก็ไม่ได้ศึกษา เพราะเวลาส่วนมาก
    ถ้าว่างผมก็จะปฎิบัติ
     
  7. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    หากพี่ศรัทธาในบุญบารมี เชื่อว่าบุญ บารมี มีจริง
    แต่พี่ได้กล่าวคำแย้งเสียแล้ว ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูด ไม่เป็นความจริง
    การกระทำนี้จะไม่ส่งผลอะไรกับพี่หรือครับ?
     
  8. pailinc

    pailinc สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +18
    ติดตามไปเรื่อยๆไม่ดีกว่าเหรอ หากจะแย้ง เพียงแค่ติดใจในบางอย่าง จะไม่จบนะ ไม่มีใครรู้จริง ถ้าไม่ได้ลงมือปฏิบัติ (อย่างจริงจัง)
    ใครสนใจก็ลองปฏิบัติกันดีกว่า ... สำหรับคนที่อยากฝึก (อย่างเรา) เดี๋ยวก็คงมีบทสรุปให้ตัวเอง จริตใครจริตมัน จะดีกว่ามั๊ย
    วิทยาทานนี้ก็ถือเป็นธรรมทานอย่างหนึ่งสำหรับเรา ขออนุโมทนากับผู้มีเจตนาดีทุกท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  9. อตฺตา

    อตฺตา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +5
    ผิดถูกอยู่ที่ใด ผิดหรือถูกจะรู้ได้อย่างไร

    หลักความเชื่อ ๑๐

    หลักนี้มีที่มาใน กาลามสูตร และสูตรอื่นๆ ที่ตรัสไว้สำหรับให้ทุกคน มีความเชื่อ
    ในเหตุผลของตนเอง ในเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นว่า สิ่งที่มีผู้นำมากล่าวหรือสั่งสอนนั้น
    ตนควรจะเชื่อถือเพียงไรหรือไม่ มีผู้ไปทูลถามว่า เขาได้รับความลำบากใจ ในการ
    ที่สมณะพราหมณ์พวกหนึ่ง ก็สอนไปอย่างหนึ่ง สมณะพราหมณ์พวกอื่นก็สอนไป
    อย่างอื่น หลายพวกหลายอย่างด้วยกัน จนไม่รู้ว่า จะเชื่อใครดี ในที่สุด พระองค์
    ตรัสหลักสำหรับ ทำความเชื่อแก่คนพวกนั้น มีใจความว่า

    ๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
    ๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
    ๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
    ๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
    ๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
    ๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
    ๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
    ๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
    ๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
    ๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

    แต่ให้เชื่อ การพิจารณาของตนเอง ว่า คำสอนเหล่านั้น เมื่อประพฤติ กระทำตามไปแล้ว จะมีผลเกิดขึ้นอย่างไร ถ้ามีผลเกิดขึ้น เป็นการทำตนเองและผู้อื่น ให้เป็นทุกข์ เดือดร้อน ก็เป็นคำสอน ที่ไม่ควรปฏิบัติตาม ถ้าไม่เป็นไปเพื่อทำตนเอง และ ผู้อื่นให้เดือดร้อน แต่เป็นไปเพื่อ ความสุข ความเจริญ ย่อมเป็นคำสอน ที่ควรทำตาม

    : คำสอนของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริง
    ก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเอง...ให้ขุ่นมัวไปด้วย

    ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น...จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น
    นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม...ไม่มีดีเลย
    จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา...มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน

    การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง
    เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
    จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน
    งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย

    ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว
    แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง

    สาธุ สาธุ สาธุ
    แล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2012
  10. นวสูตร

    นวสูตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +22
    ถ้าคนเราปฏิบัติแล้วไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครก็ไม่ผิด ผมก็เห็นว่าสมควรแบ่งปัน เพราะการฝึกไม่ควรยึดติดตำราเกินไป ตำราคือแนวทางเบื้องต้น เมื่อเราปฏิบัติแล้วก็จะเกิดนิมิตหรือประสบการณ์ต่างๆกันไป เพราะคนเราบุญบารมีไม่เท่ากัน ที่คุณ นายกสิณ มาบอกประสบการณ์ในการฝึกมานั้นเป็นเรื่องที่ดี ให้อ่านเป็นกรณีศึกษา บางตำราว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราอ่านพอทำไม่ได้อย่างที่อ่านก็ท้อหรือเลิกไปก็มาก พอคนอื่นมาบอกว่าฝึกแล้วเป็นอย่างนี้ๆก็ไปแย้งกัน ว่าไม่ตรงตามตำรานั้นตำรานี้หรือคนนั้นบอกอย่างนั้ันอย่างนี้ ขอให้ทุกคนเปิดกว้าง ใครมาแชร์ประสบการณ์ก็ควรเคารพกัน ปฏิบัติกันให้ถึงที่สุดตามแนวทางของตนเอง แล้วก็จะได้คำตอบเอง ใช้วิปัสนาไม่ควรใช้วิปัสนึก ทำให้มากๆ ตลอดเวลาทั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน ในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งหมด รู้ตัวตนตลอดเวลา ธรรม คือ ธรรมชาติ (ชีวิตประจำวันที่เราต้องเจอต้องสัมผัสตลอดเวลา) ขอบคุณครับ
    "ถ้าข้อความนี้ไม่ถูกต้องไม่สุภาพประการใดก็ขออภัยนะครับ"
     
  11. happyokay

    happyokay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +447
    เวลาผมนั่งสมาธิ ถ้ากำหนดจิตไปที่จุดตรงกลางระหว่างคิ้วจะรู้สึกมีก้อนกลมๆ หนักมากอะครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ตั้งสติอยู่กับพุธ โธ อะครับ ผมควรทำไงต่อครับเพราะถ้าแค่กำหนดจิตไปตรงนั้นผมก็รู้สึกได้เลยครับ
     
  12. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    อยากถามเกี่ยวกับ กสินไฟ-การฝึกจากกองไฟคงไม่สะดวกแล้วในสมัยนี้ ดังนั้นการปฏิบัติจึงเปลี่ยนมาเพ่งเปลวเทียนแทน ขอถามข้อข้องใจดังต่อไปนี้ เพราะกลัวว่าปฏิบัติไม่ถูกต้อง

    1.การเพ่งเปลวเทียวไม่ใช่การจำรูปลักษณ์ของเปลวไฟที่พลิ้วไหว แต่เป็นการจำสีของไฟที่อยู่ในเปลวเทียน ใช่หรือไม่คะ?
    2.เมื่อจำสีของไฟ ซึ่งจะเป็นสีเหลืองๆทองๆ แล้วกำหนดให้มันเป็นวงกลม แบบนี้ถูกหรือเปล่าคะ?
    3.ทำไปได้สักพัก จะเกิดภาพของลูกไฟขึ้น ลุกโชนอยู่ในมโนจิต ควรจะสนใจมัน หรือว่าปล่อยมันไป เกิดคำถามว่านี้คือ กสินโทษหรือเปล่าคะ?
    ผลการฝึกก็เป็นแบบนี้ล่ะคะ พอเจอลูกไฟ ก็ไม่แน่ใจว่า เราปฏิบัติมาถูกทางหรือไม่ ก็เลยไม่ค่อยได้ฝึกต่อ ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ
     
  13. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ผมบอกแล้วว่าเมื่อเกิดก้อนพลังหรือมีอาการตื้อที่หัวแล้ว ให้คอยสังเกตุว่าเมื่อเราไม่ได้นั่งสมาธิยังเกิดอาการดังกล่าวอีกหรือไม่ ถ้ายังเกิดแม้ไม่ได้นั่งสมาธิคุณค่อยเลือกเองว่าจะฝึกกสิณอะไร แล้วผมค่อยแนะนำขั้นตอนการฝึกกสิณนั้น
     
  14. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ตอบ 1.การเพ่งเทียน ผมอยากให้คุณมองดูเค้า(แสงไฟจากเทียน)ก่อน ว่าเค้ามีลักษณะ -สี-รูปลักษณ์-ความร้อน โดยมองดูเค้าหลายๆมุม
    ตอบ 2.ผมอยากให้คุณมองไปเรื่อยๆ มองที่จุดๆเดียว (ส่วนตัวมองแสงที่บรรจบกับสีฟ้า เลยตรงที่บรรจบกันประมาณ 5-8มิล)
    ตอบ 3.อย่าหลับตาให้คุณมองไปเรื่อยๆ เพราะการหลับเราจะต้องกำหนดแสงเทียนขึ้นมา นั้นทำให้จิตเรามั่วแต่พะวงกับการกำหนดแสงเทียน แล้วจิตเราจะไม่ปล่อยไปกับเค้า และการที่คุณเห็นในจิตแบบนั้น(ที่คุณเห็น)เป็นการคิดขึ้นมาเองของสมองคุณว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อคุณมองแสงเทียนคุณจะสามารถเห็นเป็นอย่างอื่นได้ไง ถ้าคุณไม่คิดเอง ส่วนกสิณโทษที่คุณว่านี้ ไม่มีหรอกครับมนุษย์ชอบคิดไปเอง ว่ากสิณแบบนี้เป็นกสิณโทษผมบอกคุณตรงนี้เลยนะครับ ไม่มีกสิณโทษ ผมเคยบอกแล้วว่ากสิณคือธรรมชาติซึ่งมนุษย์เราไม่สามารถเรียนรู้ได้หมดสิ้น นอกจากจะเข้าใจกสิณหรือธรรมชาติได้มากแค่ไหน...........รายละเอียนการฝึกกสิณมีข้อปลีกย่อยอีกมาก การเขียนในกระทู้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น เพราะการฝึกกสิณนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเมื่อเราฝึกกสิณ ซึ่งยังมีการเปลี่ยนญาณและญาณนี้ยังมีผลกับร่างกายเราอีกด้วย............ขอบคุณที่ให้ความสนใจ
     
  15. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    คุณนายกสิณ เห็นคุณบอกว่าแรง ลองยิงใส่ผมหน่อยได้ไหม ขอเต็มแรงเกิดเลย
     
  16. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ถ้ามาหาเรื่อง หรือคุณเป็นคนบ้า
    กรุณาไปที่กระทู้อื่น อย่าทำเหมือนคนปัญญาอ่อน
     
  17. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    แนวสายการควบคุมพลังของกสิณ อย่างนี้ใช่เลย

    พอดีเพิ่งมาเห็นกระทู้ของคุณนายกสิณ เพราะปกติจะไม่ค่อยได้เข้ามาในบอร์ด เนื่องจากผมว่าการใช้เวลาในบอร์ดมากๆ ค่อนข้างจะเสียเวลาสำหรับการฝึกปฏิบัติของผม จึงเพิ่งจะมาพบกระทู้ของคุณนายกสิณ นี่ก็เลยวันที่ 5 เมษายน 2555 มาแล้ว ช้าไปมาก ต้องขออภัยคุณนายกสิณด้วย ที่เพิ่งเข้ามาคุยวันนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุมพลังของกสิณ โดยเฉพาะวิธีการในแนวสายฤาษี ที่ผมไม่มีความรู้ในด้านนี้

    (เรียนท่านสมาชิกทุกท่าน เรื่องที่ผมจะคุยกับคุณนายกสิณนี้ ไม่ใช่เรื่องของการบรรลุ มรรค ผล นิพพาน แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการฝึกปฏิบัติ ในส่วนปลีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ ของผมเท่านั้น ดังนั้น หากท่านสมาชิกท่านใด เห็นว่าไม่เป็นสาระ ก็ขอให้ข้ามไป ไม่ต้องเสียเวลาอ่านนะครับ แต่หากท่านสมาชิกท่านใด เห็นว่าตรงกับความสนใจของท่านบ้าง ถ้าประสงค์จะร่วมเสวนา ก็ขอเชิญได้ครับ แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของภารกิจหลัก ในการจบสิ้นชาติภพในปัจจุบัน การมุ่งมั่น แสวงหา "อาสวักขยญาณ" อันเป็นจุดมุ่งหมายในการเสร็จกิจในทางพระพุทธศาสนา อันเป็นแนวทางของผู้ฝึกในหลักสูตรฉฬภิญโญ ผมก็ยังจะดำเนินการตามความตั้งใจต่อไปอย่างแน่นอน)

    เรื่องที่อยากจะขอคำแนะนำจากคุณนายกสิณคือ การควบคุมพลังของกสิณ ในแนวทางการฝึกแบบฤาษี อย่างที่คุณนายกสิณมีความคุ้นเคยและฝึกมาก่อนหน้านี้ ออกตัวก่อนว่า ผมพอจะมีพื้นฐานของกสิณอยู่บ้างแค่เล็กๆน้อยๆ นะครับ เรื่องของเรื่อง คือ ผมมีดาบอยู่เล่มหนึ่ง ตั้งใจจะฝึกการบรรจุพลังงานความร้อนเข้าไปไว้ที่ตัวเนื้อเหล็กของใบดาบ โดยใช้กสิณไฟ ในการนี้ ระยะเริ่มแรกจะทำได้ ไม่ได้ จะทำให้เนื้อเหล็กของใบดาบร้อนขึ้นมาได้หรือไม่ได้ ก็ช่าง แต่ตั้งใจไว้ว่า จะฝึกไปเรื่อยๆ ทำไปทุกวัน หากสามารถบังคับให้เนื้อเหล็กของใบดาบ มีความร้อน จนกระทั่งลุกโชนเป็นสีแดง เหมือนกับเหล็กที่อยู่ในเตาเผาได้เมื่อใด ก็จะเป็นที่พอใจสำหรับการฝึกในเรื่องนี้

    การฝึก ไม่ว่าจะจับดาบอยู่ ไม่ได้จับดาบ หรือดาบยังอยู่ในฝักดาบที่อยู่ในมือ หรือดาบยังอยู่ในฝักดาบที่อยู่ห่างจากมือ จะทำการบรรจุพลังงานความร้อนให้กับดาบในทุกท่า ในเรื่องความร้อนของใบดาบ อาจมีผลต่อตัวด้ามดาบและฝักดาบที่เป็นไม้ ก็ไม่เป็นไร เพราะใช้การไล่กสิณน้ำ ไว้คอยหล่อเย็นในส่วนของด้ามดาบและฝักดาบไว้แล้ว นั่นคือ การฝึกไล่กสิณไฟและกสิณน้ำ ที่เป็นธาตุตรงข้ามกันในคราวเดียวกัน สำหรับเรื่องสมดุลของกสิณไฟและกสิณน้ำ สำหรับผม ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

    ปัญหาของผม อาจจะเป็นเรื่องหญ้าปากคอกหรือเส้นผมบังภูเขาก็ได้ คือในการฝึกบรรจุพลังงานความร้อนเข้าไปไว้ในตัวเนื้อเหล็กที่เป็นใบดาบ ผมยังหาวิธีที่จะควบคุมระดับความร้อนที่จะเกิดขึ้นกับเนื้อเหล็กที่เป็นใบดาบไม่ได้ ว่าจะใช้วิธีควบคุมอย่างไร ให้เนื้อเหล็กที่เป็นใบดาบมีความร้อนมากหรือมีความร้อนน้อย เป็นไปตามที่ใจต้องการ จะต้องทำอย่างไร?

    คำถามมีอยู่เพียงว่า การฝึกควบคุมระดับความร้อนของเนื้อเหล็กที่เป็นใบดาบ จะต้องทำอย่างไรครับ ใช้การควบคุมในส่วนของมโนภาพ หรือจากสัญญา ในการลดทอนหรือเพิ่มกำลังของกสิณที่จะใช้ในการควบคุมธาตุไฟ ที่จะถ่ายทอดเข้าไปในวัตถุโลหะในสภาพปกติ ?

    ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเป็นการล่วงหน้า

    ปล. ปู่ซึ่งเป็นอาจารย์ของคุณนายกสิณ ท่านได้สอนจนคุณนายกสิณมีความรู้มาถึงขั้นนี้ แม้จะเป็นแนวสายฤาษี ที่ไม่ใช่แนวสายพระพุทธศาสนา ที่ผมได้ศึกษาอยู่ก็ตาม แต่ก็ขอใช้กระทู้ตรงนี้เพื่อแสดงความชื่นชมและขอคารวะต่ออาจารย์ของคุณนายกสิณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

     
  18. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    รายละเอียดแบบนี้ ผมขออนุญาตทิ้งเบอร์โทรให้ละกันนะครับ
     
  19. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    ขอบคุณครับ

    ขอขอบคุณที่กรุณาให้หมายเลขโทรศัพท์ไว้นะครับ เอาเป็นว่าผมจะใช้แนวถนัดของผม คือการพยายามลองผิด ลองถูกดูเอาเองก่อน ถ้าได้ผลดีก็คงไม่ต้องรบกวน แต่ถ้ามีอะไรติดขัด สงสัยประการใด ก็จะขอความอนุเคราะห์ต่อไปในโอกาสหน้านะครับ

    สำหรับตอนนี้ ขอตัวไปฝึกปฏิบัติต่อไป เพื่อความบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ได้ตั้งใจไว้ครับ
     
  20. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ว่างแล้ว......ต่อไปนี้ผมจะเขียนเรื่องพลังของกสิณ พลังในกสิณนี้ผมขอยกตัวอย่างกสิณไฟ พลังนี้เมื่อถูกกำหนดให้ถ่ายเทไปยังวัตถุ วัตถุนั้นจะมีความร้อน ร้อนถึงขั้นใดแล้วแต่ผู้ปฎิบัติรวมถึงระยะเวลากำหนดผ่านวัตถุด้วย แต่การที่เราจะรู้ว่าพลังนั้นมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องมีคนทดสอบโดยเป็นบุคลอื่นซึ่งมีความสามารถทางด้านนี้ ไม่ว่าพลังนั้นจะมากน้อยแค่ไหนยังคงมีระยะเวลาของมัน น่าจะไม่เกิน 3 วัน จากที่ทดสอบดู ยกตัวอย่างเรื่องผ้าหรือสายสินญ์หลังจากที่อัดพลังใส่ไป เมื่อก่อนเวลาผมอัดพลังใส่วัตถุจะมีความรู้สึกถึงพลังที่ไหลลงไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ก็ได้แต่นั่งสมาธิกำหนดหรือลืมตากำหนด สิ่งนั้นก็จะเกิดเอง หรือไม่ก็ใช้ปากพูดให้วัตถุนี้เกิด แล้วแต่เราจะให้เป็นอย่างไร การใช้ปากพูดพลังของบุญ-บารมี-ฤทธิ์แห่งกสิณ ยังคงอยู่ไม่มีเสื่อม ดังเช่นการเขียนด้วยอักขระบนผืนผ้า แผ่นเงิน-ทอง-ตะกั่ว สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่แน่นอนและยังมีญาณต่างๆอยู่ด้วย ที่เสียดายคือผมไม่สามารถนำผ้าอักขระ แผ่นอักขระ ที่ปู่ผมเขียนนี้มาให้ชมได้ เนื่องจากผมลงรูปไม่เป็น.....จบข่าว
     

แชร์หน้านี้

Loading...