ถามครับกรรมอะไรที่ส่งผลเร็วที่สุดในชาตินี้กุศลนะครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 23 มีนาคม 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    อนันตริยกรรม คือกรรมที่หนักมาก ห้ามมรรคผลนิพพาน ห้ามสวรรค์ พรหม คนทําก็ต้องตกนรก และส่งผลชาตินี้เลยมันน่าจะมี กรรมที่มีกุศลมาก ตรงกันข้ามอ่าครับ ที่ส่งผลให้ชาตินี้เลย เพราะผมปราถนานิพพานชาตินี้ อยากให้กุศลส่งให้เร็วที่สุด
     
  2. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,711
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    วิปัสนากรรมฐานค่ะ
    หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม เคยบอกว่า บุญใดไม่เท่าบุญสมาธิ
     
  3. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เก๊าะ ....สร้างพระภายในใจคุณไง......

    ต่อให้คุณสร้างพระประธานองค์ใหญ่เบ้อเริ่ม สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ 20,000 รูป 30,000 รูป ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ไปนิพพานในชาตินี้ เพราะตราบใดที่ยังไม่สามารถสร้างพระขึ้นภายในใจคุณได้ กุศลผลบุญที่คุณสร้างนั้นก็จะส่งผลให้ไปเกิดในฉมากาพจรภพ (สวรรค์ที่อยู่ในกามภูมิ) สิ้นผลบุญ ก็ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ มาเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสาร ยังไม่ส่งผลให้คุณเป็นวิสุทธิเทพอย่างแท้จริง จนกว่าคุณจะสร้างพระขึ้นภายในใจคุณ เป็นพระที่งามบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นประกายแพรวพราว นั่นแหละถึงมีสิทธิไปนิพพาน

    และจะบอกอะไรให้ว่า ถ้าอยากจะไปนิพพานในชาตินี้ เลิกเล่นเน็ตเหอะ เพราะการเล่นเน็ตก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ถึงจะบอกว่ามาศึกษาธรรมะ แต่ธรรมะที่ครูบาอาจารย์อริยเจ้าทั้งหลายท่านศึกษาท่านปฏิบัตินั้น ท่านไม่ได้ไปศึกษาโดยการคลิ้กเม้าส์ เข้าเวบบอร์ด ตอบกระทู้.....

    คนที่เล่นเนต ก็ยังถือว่ามีกิเลสอยู่เยอะนะ ยังตัดไม่ขาด ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "เล่น" เล่นเนตมันก็ยังวนเวียนอยู่นี่แหละ ยิ่งเล่นยิ่งมัน วันไหนไม่เข้า อาจจะขาดใจตาย นั่นแหละกิเลส ความหลง....

    เพราะฉะนั้น คนที่เล่นเนตเวบธรรมะ เป็นคน 2 ประเภท คือ พวกที่ยังไม่ได้ไปนิพพาน หรืออาจจะ....อาจจะเป็นพวกที่พอจะไปนิพพานได้ แต่ยังไม่ยอมไป.....
     
  4. satory

    satory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +5
    มรรคมีองค์8 ครับ ^^
     
  5. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +12,591
    อยากไปนิพพาน? ก็เดินตามทางที่พระศาสดาสอนไว้สิ ทำให้จริงๆจังๆ พระองค์ผู้เป็นสัพพัญญูเองยังปฏิบัติอย่างอุกฤษณ์ถึง 6 ปี กว่าจะกำจัดอาสวะได้ แล้วนี่เราจะมาทำเหลาะแหละ ได้หรอ อีกอย่างถ้าอยากไปนิพพาน แล้วมัวนั่งๆนอนๆ รอนิพพานตกใส่หัวอยู่ละก็ เลิกมาโพสเหอะ สมเพช วะ
     
  6. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +12,591
    อ่อลืมบอก อนันตริยกรรม ฝ่ายกุศล เช่น การเข้าฌา่นสมาบัติ
     
  7. ตามรู้อยู่เนืองๆ

    ตามรู้อยู่เนืองๆ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +5
    ครุกรรมฝ่ายไม่ดีได้แก่อนันตริยกรรม๕ และมิจฉาทิฏฐิ๓
    ครุกรรมฝ่ายดีได้แก่สมาธิ ๘ระดับ เริ่มตั้งแต่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ...จนถึงเนวสัญญาฯ ให้ผลในปัจจุบันตามลำดับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2012
  8. กุ๊กไก่54

    กุ๊กไก่54 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +14
    คงต้องเลิกอยากทุกชนิดก่อนหรือเปล่าคะ
     
  9. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ตอนนี้น้องยังเรียนอยู่ ผมว่าน้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ให้พ่อแม่ท่านดีใจก่อนดีไหมครับ เป็นลูกที่ดี นะครับ
    ตอนนี้น้องเองไม่รู้หรอกว่าปัญหาชีวิตนะจริงๆๆๆเป็นยังไงนะ รอให้น้องเรียนจบ ทำงาน มีครอบครัวแล้ว วันนั้นนะน้องจะรู้ว่าปัญหาจริงๆๆเป็นอย่างไร !!!!
    ส่วนเรื่องนิพพานในชาตินี้ ถามว่าเป็นไปได้ไหม ก็ต้องบอกว่าเป็นไปได้ แต่...คงยากมากเลยนะครับ
    พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสกับพระเจ้าอชาตศัตรูเรื่องการใช้ชีวิตของฆราวาส ว่า ให้รักษาศีล 5 ถ้าละเอียดหน่อยก็รักษาศีล8(อุโบสถศีล)
     
  10. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    วิปัสนากรรมฐานค่ะ ฟังเสียงธรรมจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เรื่องพุทธวัจนะค่ะ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    โสดาบัน ขึ้นไป ไงครับ
     
  12. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    แผ่เมตตา จัดเป็นคุรุกรร

    มกุศล(กรรมหนักฝ่ายบุญ) หมั่นกระทำย่อมส่งผลเร็วให้ผลก่อน

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    หากปรารถนาสุขให้เข้าฌาณ 4
    ปรารถนาผิวพรรณดีให้รักษาศีล
    ปรารถนาโภคะให้เธอเจริญเมตตา

    [​IMG]

     
  13. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    อานาปานสติ หรือ การปฏิบัติตามสติปัฏฐาน 4 ครับ
    ให้ผลได้ภายใน 7 วัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อานุภาพของศีล

    ๑. หากศีลไม่บริสุทธิ์ ความหวังเรื่องสมาธิ หรือมรรคผล ย่อมไม่เกิด ถือเป็นกฎตายตัว พระองค์สอนหลักการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาไว้ ๓ ประการ คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ซึ่งย่อมาจากอริยมรรค ๘ นั่นเอง
    ๒. “พระอินทร์ท่านว่า กลิ่นของศีลของพระพุทธเจ้านั้นหอมทวนลม หอมมาก จนกลบกลิ่นพระบังคนหนัก (ขี้หรืออุจจาระ) ของพระองค์หมด ท่านจึงไม่รังเกียจที่มาคอยเทพระบังคนหนัง (ขี้) และพระบังคนเบา (เยี่ยว) ให้พระพุทธเจ้า”
    ๓. “บุคคลใดที่มีศีลบริสุทธิ์ จึงเป็นที่รักของสัตว์-คน-เทวดา และพรหม”
    ๔. “ศีลเป็นด่านแรกของการปฏิบัติพระกรรมฐานในพุทธศาสนา”
    ๕. “ศีลเป็นด่านแรกของการป้องกันอบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน”
    ๖. “ศีลจะบริสุทธิ์ได้ ต้องอาศัยมีสมาธิคุม
    สมาธิจะทรงตัวได้ ต้องอาศัยศีลบริสุทธิ์
    คนใดไร้ปัญญา คนนั้นหาศีลไม่ได้
    คนใดไร้ศีล คนนั้นมีสมาธิตั้งมั่นไม่ได้
    คนใดไร้สมาธิ คนนั้นไม่เกิดปัญญา”

    ดังนั้นศีล-สมาธิ-ปัญญา จึงสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แยกจากกันหรือขาดตัวหนึ่งตัวใดไม่ได้ มิจฉาทิฎฐิจะเกิดกับจิตผู้นั้นได้ตลอดเวลา
    ๗. “ผู้ใดจิตทรงศีลเป็นปกติจนเกิดสมาธิเอง ชื่อว่าเป็นสีลานุสสติ เป็นผู้เข้าถึงไตรสรณคมณ์อย่างแท้จริง”
    ๘. ประโยชน์ของศีลหรือผลของศีลที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
    ก) สีเลนะ สุคติง ยันติ ปัจจุบันอยู่ก็เป็นสุข ตายไปก็เป็นสุข เกิดใหม่ก็เป็นสุข
    ข) สีเลนะ โภค สัมปทา ปัจจุบันจะไม่อดตาย, ตายไปก็มีอริยทรัพย์มาก, เกิดใหม่ก็มีทรัพย์
    ค). สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพานได้ง่าย
    พระองค์ทรงรับรองถึงขนาดนี้ ผู้มีปัญญาเท่านั้นจึงจะเข้าถึงพระนิพพานได้
    ๙. ทรงตรัสไว้ว่า “คนที่ควรยกย่อง คือ ภิกษุที่ไม่ถูกตำหนิเรื่องศีล”
    ๑๐. ทรงตรัสว่า “ปัญญาอันศีลชำระให้บริสุทธิ์ ศีลอันปัญญาชำระให้บริสุทธิ์ ศีลมีในบุคคลใด ปัญญาก็มีในบุคคลนั้น ศีลเป็นของบุคคลผู้มีปัญญา, ปัญญาของบุคคลผู้มีศีล, ศีลกับปัญญา เป็นยอดในโลก”
    ๑๑. พระสารีบุตรเทศน์ว่า “คนที่มีศีลแล้วทำบุญ หากตั้งใจจะไปเกิดที่ไหนก็มีผลตามนั้น เหตุเพราะความบริสุทธิ์ของศีล”
    ๑๒ “คุณสมบัติของพระโสดาบันในสังโยชน์ ๓ ข้อแรกนั้น ข้อที่เป็นหลักใหญ่ก็คือ การมีศีลบริสุทธิ์ตลอดเวลา”
    ๑๓. “ผู้ใดมีธรรม ๔ ประการในตน และรักษาไว้ได้ไม่เสื่อม ชื่อว่าประพฤติใกล้พระนิพพานแล้ว ธรรม ๔ ประการนั้นก็คือ ๔ ข้อในจรณะ ๑๕ ” (ศีลสังวร, อินทรีย์สังวร, โภชเนมัตตัญญุตา และชาคริยานุโยค ๒ ข้อแรก สำรวมเรื่องกาม ข้อที่ ๓ สำรวมเรื่องการกิน ข้อที่ ๔ สำรวมเรื่องการนอน)
    ๑๔. “ศีลไม่บริสุทธิ์ สัมมาสมาธิก็ไม่บริบูรณ์ สัมมาญาณก็ไม่เกิด สัมมาวิมุตติก็ไม่มี ดังนั้น ศีลจึงเป็นรากฐานใหญ่ของการปฏิบัติในมรรค ๘ (ศีล-สมาธิ-ปัญญา) มิจฉาทิฎฐิ หรือสัมมาทิฎฐิ จึงมีศีลเป็นเครื่องวัด”
    ๑๕. “พระพุทธองค์ตรัสแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า สมัยที่ท่านเป็นพราหมณ์ได้ทำทานมามาก แต่ผู้รับทานไม่ใช่ทักขิไณยบุคคล หมายถึงบุคคลที่ไม่มีศีล ไม่ใช่พระอริยเจ้า ทำให้อานิสงส์ของทานมีน้อย ถ้าผู้รับบริสุทธิ์มากเท่าใด ผลของทานจะคูณด้วย ๑๐๐ ตามลำดับ” (ต่ำที่สุดจนถึงสูงที่สุดที่ทรงตรัสไว้โดยย่อ ๆ ดังนี้ ทำบุญหรือทำทานกับสัตว์เดียรัจฉาน ๑๐๐ ครั้ง สู้ทำบุญกับคนไม่มีศีลหนึ่งครั้งไม่ได้ ตามลำดับขึ้นไป มีผลคูณด้วย ๑๐๐ เท่าตามลำดับ คือ ทำบุญกับคนมีศีล-กับพระอริยเจ้า ๘ ระดับ คือ พระโสดาปัตติมรรค-พระโสดาปัตติผล จึงถึงพระอรหันตผล ถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า-พระพุทธเจ้า-ถวายสังฆทาน-วิหารทาน-ธรรมทาน และสูงที่สุด คือ อภัยทาน ความจริงแล้วทรงตรัสไว้ละเอียดยิ่งกว่านี้ อีก แต่ขอเขียนไว้แต่พอประมาณเพื่อให้จำง่าย ๆ เท่านั้น ผู้มีปัญญาจึงเลือกทำบุญ เพื่อให้ได้บุญมาก ๆ ไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงมักถวายสังฆทานกันเป็นส่วนใหญ่ สรุปว่า บุคคลในโลกนี้จะหาคนที่มีศีลบริสุทธิ์เท่ากับพระพุทธเจ้านั้นไม่มี)
    ๑๖. “ศีลสร้างคนให้เป็นพระได้ หรือสร้างสมมติสงฆ์ (นักบวช) ให้เป็นพระอริยเจ้าได้ ”
    ๑๗. “ผู้มีศีลบริสุทธิ์ตลอดเวลา จึงเท่ากับพกพระไว้กับตัวตลอดเวลา”(หมายความว่าบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือเด็กตั้งแต่อายุ ๗ ขวบขึ้นไป หากรักษาศีลจนกระทั่งศีลรักษาจิตเขาไม่ให้กระทำผิดศีลอีก บุคคลนั้นไม่มีทางจะตกนรกอีก (อบายภูมิ ๔) ตลอดกาล เพราะจิตดวงนั้นได้เป็นพระเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา คือ พระโสดาบัน จึงเท่ากับพกพระภายในไว้กับจิต เป็นวัตถุมงคลภายใน ในมงคล ๓๘ ซึ่งพระองค์ทรงตรัสสอนไว้อยู่อันดับที่ ๒๙ (การเห็นสมณะหรือพระภายใน จัดเป็นอุดมมงคล หรือเอาจิต เอาปัญญาของเราเห็นพระ ไม่ใช่เอาลูกตาเห็นพระ) ซึ่งไม่มีการเสื่อม หรือสลายตัว หรือถอยหลัง หรืออนัตตาตลอดไป ต่างกับการสร้างพระภายนอก ซึ่งพวกเราซึ่งมีศรัทธาเข้ามาในพุทธศาสนา ต่างก็สร้างพระภายนอกกันมาเป็นอสงไขยชาติ สร้างแล้วสร้างอีก พระภายนอกในที่สุดก็เสื่อม-แตก-พัง-สลายตัว หรืออนัตตาทุกครั้งไป จึงสู้สร้างพระภายในไม่ได้ ผู้มีปัญญาท่านเชื่อพระพุทธเจ้าจริงด้วยการปฏิบัติ โดยการตัดสังโยชน์ ๓ ข้อแรกให้ได้ ซึ่งความสำคัญอยู่ที่ข้อ ๓ คือ รักษาศีลจนศีลรักษาเรา (จิต) ให้เป็นสีลานุสสติเท่านั้นเอง พระภายในก็เกิดขึ้นมั่นคงถาวรตลอดกาล รายละเอียดมีมาก ขอกล่าวไว้เพียงเท่านี้)
    ๑๘. “เมตตาเป็นอาหารของศีล หรือพรหมวิหาร ๔ เป็นอาหารของศีล-สมาธิและปัญญา”
    ๑๙. “ศีลนำไปสู่ความมีหิริ-โอตตัปปะ” (หมายความว่าศีลเปลี่ยนคนซึ่งแปลว่ายุ่ง ชอบสร้างแต่ปัญหา ขยันหาทุกข์ใส่ตัวให้มาเป็นมนุษย์ซึ่งแปลว่าประเสริฐ แต่มนุษย์ยังมีคุณธรรมต่ำกว่าเทวดา ซึ่งมีหิริและโอตตัปปะเป็นคุณธรรม จะเข้าใจดีให้ศึกษาเรื่องอนุปุพกถา ๕ ซึ่งพระองค์ทรงตรัสสอนบุคคลกลุ่มใหญ่บ่อย ๆ ให้มีดวงตาเห็นธรรมกันมากมาย) (อนุปุพกถา ๕ มีทานกถา, ศีลกถา, สักกะกถา, โทษของกาม หรือ กามกถา, และ เนกขัมมกถา หรือ คุณของการออกจากกาม)
    ๒๐. ทรงตรัสกล่าวถึง โทษแห่งศีลวิบัติของคนทุศีลไว้ ๕ อย่าง คือ
    ก) ย่อมเสื่อมโภคทรัพย์เพราะความประมาท
    ข) ย่อมเสียชื่อเสียงไปในทางไม่ดี
    ค) ย่อมเข้ากับใครไม่ได้สนิท
    ง) ย่อมหลงตาย
    จ) ตายแล้วย่อมไปสู่ทุคติ
    ส่วนคุณของศีลก็มี ๕ ข้อ มีผลตรงข้ามกับโทษของศีล
    ๒๑. ทรงตรัสไว้มีใจความว่า “การให้ทาน ๕ อย่าง หรือการให้ศีล ๕ นี้จัดเป็นมหาทาน อันบัณฑิตรู้ว่าเป็นเลิศของทาน ซึ่งมีมานานแล้ว จัดเป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะ”
    ๒๒. เป็นข้อสรุป “อานุภาพของศีล”
    ศีลเป็นกำลังอย่างไม่มีที่เปรียบ, ศีลเป็นอาวุธอันสูงสุด, ศีลเป็นเครื่องประดับอันประเสริฐ, ศีลเป็นเกราะอันอัศจรรย์, ศีลเป็นคุณ รวมกำลังเป็นเลิศ, ศีลเป็นเสบียงเดินทางอย่างสูงสุด, ศีลเป็นผู้นำทางอย่างประเสริฐ, ศีลเป็นเครื่องขจรไปทั่วทุกทิศ, ศีลเท่านั้นที่เป็นเลิศในโลก, ส่วนผู้มีปัญญาย่อมเป็นผู้มีศีล, ศีลเป็นผู้ชนะในหมู่มนุษย์และเทวดา เพราะศีลและปัญญาเป็นธรรมคู่กัน, ศีลเป็นรากฐานของการบำเพ็ญเพียรภาวนา
    - การภาวนาถ้าไม่มีฐาน คือ ไม่มีศีลรองรับ ก็ยากที่จะสำเร็จได้ หรือไม่มีทางสำเร็จ

    - ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย

    - ศีลเป็นประมุขของธรรมทั่วไป จึงควรพากันชำระศีลให้บริสุทธิ์

    - ศีลเปรียบเสมือนรากแก้วของต้นไม้

    - ศีลเป็นคุณสมบัติของพระและฆราวาส คนจะเป็นพระได้อยู่ที่ศีล ฆราวาส ก็เช่น พระโยคาวจรและพระโสดาบัน เป็นต้น

    - ศีลรักษาง่าย ถ้าผู้นั้นเห็นโทษของการทำบาปจริง ๆ (คือเห็นและเข้าใจเรื่องกฎของกรรม)

    - ศีลเป็นเครื่องวัดความดีของหมู่สัตว์

    - ศีลเป็นทรัพย์อันประเสริฐ-ไม่อด-ไม่จน-มีอริยทรัพย์

    - ศีลส่งเสริมความดีให้กับผู้รักษาตั้งแต่ต้นจนอวสาน สร้างคนให้เป็นพระ

    - ศีลสร้างพระธรรมดา ให้เป็นพระอริยเจ้า และพาส่งให้เข้าถึงพระนิพพาน

    - ใครมีศีล เท่ากับพกพระไว้กับตัว ไปไหนก็มีพระไปด้วย มีวัตร (วัด) ไปกับตัว เป็นมงคล เป็นของประเสริฐ

    - เมตตาเป็นอาหารของศีล ผู้ใดเจริญเมตตา ศีลไม่มีขาด

    - ศีลนำไปสู่ความมีหิริ โอตตัปปะ

    ดังนั้นผู้ใดอ่านข้อที่ ๒๒ เพียงข้อเดียว และจำได้ แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดมรรคเกิดผล ก็เท่ากับรู้เรื่องศีลตั้งแต่ข้อที่ ๑-๒๑ ได้ทั้งหมด

    พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า " ดูกรอานนท์ ศีลที่เป็นกุศล ย่อมถึงอรหันต์โดยลำดับด้วยประการดังนี้แล "

    สรุปส่งท้าย ๙ ข้อ

    ๑. การให้ทาน ๕ อย่าง หรือศีล ๕ จัดเป็นมหาทาน

    ๒. ศีลเป็นคุณสมบัติของพระและฆราวาส

    ๓. ศีลเป็นแม่ของพระธรรม

    ๔. ศีลเป็นมารดาของพระพุทธศาสนา

    ๕. ศีลเป็นรากฐานของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา

    ๖. การให้ธรรม (ศีล) เป็นทานชนะทานทั้งปวง

    ๗. การสร้างพระภายในให้เกิดขึ้น ความสำคัญอยู่ที่ศีล

    ๘. แม้ตถาคตเอง เมื่อยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ก็เคารพในศีล (พระธรรม)

    ๙. พระธรรม (ศีล) จึงมีคุณค่าสูงสุดในโลกนี้
     
  15. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    มนัสการ "พระที่ 12"
    ชาร์ทนั้นไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าตรัสนะครับ
     
  16. M_Y

    M_Y เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +220
    สาธุ..ด้วยค่ะ ขอให้สมความปรารถนานะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...