-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย pmorn3339, 29 กันยายน 2011.

  1. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    เอามาลงหน้าใหม่ เพื่อให้ พสมช. ได้เห็น​
     
  2. chanu

    chanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,213
    หลังจากติดตามอ่านมาได้สักพักนึง
    ประเด็นที่ผมสงสัยคือ
    1.พระสมเด็จวังหน้ามีจริงหรือไม่ ถ้ามี เริ่มมี พ.ศ.ไหน
    2.ถ้าไม่มี แต่ทำไหมมีคนแอบอ้าง สร้างประวัติ กุนิทาน แล้วทำออกมาจำหน่าย หาความร่ำรวยให้กลุ่มตัวเอง ไม่กลัวตำรวจ ไม่กลัวนรกจะกินหัว ไม่กลัวหมิ่นเดชานุภาพ

    ตัวผมเองก็เกิดไม่ทันสมัยนั้น ไม่ทราบว่ามีหรือไม่ แต่ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ
    ผมเชื่อว่ามี เพราะว่าควันจะเกิดขึ้นได้ ต้องเคยมีไฟมาก่อน นะครับ

    เดียวผมจะให้ดูรูป 2 รูป ก่อน เพื่อนๆลองแสดงความคิดเห็นดูนะครับ
    พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระเก่า ผมไม่ทราบว่าในเวปจะมีใครเคยได้เห็นบ้าง
    ถ้าเคยเห็นและพอทราบประวัติ ผมใคร่ขอความรู้ด้วยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC07772.JPG
      DSC07772.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.3 MB
      เปิดดู:
      1,760
    • DSC07783.JPG
      DSC07783.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.1 MB
      เปิดดู:
      1,213
  3. มันตรัย

    มันตรัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    8,347
    ค่าพลัง:
    +8,189
    เพื่อนผมเป็นหัวหน้านักเรียนนายร้อยจปร. ปัจจุบันเป็นกัปปิตันการบินไทย สอบถามได้ความว่า ไม่มีแจกพระกุวังหน้าแบบที่ พวกเสี้ยนหนามแผ่นดินบอกเลยครับ
     
  4. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ขอบคุณครับคุณมันตรัยที่ช่วยสืบเสาะความจริง ได้รู้กันซะที เสี้ยนหนามแผ่นดินพวกนี้นับวันจะยิ่งกำเริบเสิบสานแอบอ้างเบื้องสูง คอยดูคงอยู่ได้ไม่นานแล้วครับไอ้พวกนี้
     
  5. chanu

    chanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,213
    ครับ รูปต่อไป ผมต้องรบกวน PMORN3339
    ช่วยดูรูปนี้หน่อย เพราะตัวผมเองไม่เก่งประวัติศาสตร์ ดูแค่รู้ว่าเป็นพระเก่า แต่ไม่ทราบว่าเก่าถึง พ.ศ.ที่บอกใต้ฐานหรือไม่
    แต่ที่อยากให้พี่ๆในเวปดู คือตัวหนังสือใต้ฐานพระ
    ซึ่งอาจจะเป็นที่มา ที่ทำให้เกิด การลอกเลียน ทำเลียนแบบตัวหนังสือลงบนพระเครื่อง ทำเป็นทอดๆ จนข้อความได้เพี้ยนไป
    พี่ๆลองดู และแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC07792.JPG
      DSC07792.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.3 MB
      เปิดดู:
      696
  6. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    แค่รูปหล่อลอยองค์สมเด็จโตที่ติดใต้ฐานพระดูวิธีการหล่อก็ผิดยุคแล้ว
    อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง
     
  7. ToPiCaL

    ToPiCaL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,475
    ค่าพลัง:
    +4,585
    คุณตกม้าตายซะแล้ว แถมมีให้เมล และเบอร์ติดต่อซื้อขายอีก
    นี่หรือพระกรุวังหน้าที่คุณอ้างว่าสมเด็จพระเทพพระราชทาน
    นายร้อยคนไหนได้บ้างนิ บอกผมที นายร้อยที่ผมรุ้จักไม่เห็นได้แบบนี้สักคน
     
  8. มันตรัย

    มันตรัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    8,347
    ค่าพลัง:
    +8,189
    จริงๆแล้วเป็นขบวนการ "จั๊ปโป้ย" ที่ตั้งใจขายพระกุวังหน้า คงจะมีการทำปฏิญญากันไว้ แบบพวกปฏิญญาฟินแลนด์
     
  9. ครูชายแดน

    ครูชายแดน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,053
    ค่าพลัง:
    +2,787
    [​IMG]โอ๊ววววพระบูชาก็มีออกมาหรือนี่ อะไรจะขนาดน้านนนนน
     
  10. supparerk

    supparerk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    526
    ค่าพลัง:
    +388

    มรกตกับพลอยแดงแท้หรือเปล่านะ น่าจะแกะเอาไปขายแค่เม็ดเดียวแพงกว่าองค์พระอีก
     
  11. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    [​IMG]

    ด้านหลังเหรียญ เป็นเหรียญลอกเลียนแบบ เหรียญ 1 บาท หลังตราแผ่นดิน มีใช้ในรัชกาลที่ 5

    ด้านหน้า
    พระบรมรูป ร. 5 ครึ่งพระองค์ ผินพระพักตร์เบื้องซ้าย ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบเต็มยศพลเรือน ริมขอบมีพระปรมาภิไธย "สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"

    ด้านหลัง
    เป็นตราแผ่นดิน ริมขอบซ้ายมีคำว่า "กรุงสยาม" ริมขอบขวา "รัชกาลที่ ๕" ริมขอบล่างมีข้อความบอกราคา และเหรียญที่ผลิตตั้งแต่ปี ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444) จะมีเลขไทยบอกปี ร.ศ. ที่ผลิตอยู่ด้วย
    ขอบ มีเฟือง

    ออกใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2419 (ร.ศ. 95) เหรียญเงินมีส่วนผสม เงิน 90% ทองแดง 10%

    จาก
    h ttp://coins.thport.com/clsr501.php

    จริงๆ แล้ว ร.ศ.95 นี้ไม่มีในระบบนะครับ เพราะรัชกาลที่ 5 ท่านทรงประกาศให้ใช้ ร.ศ.ครั้งแรกคือ ร.ศ.108
    ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2432 เป็นวันที่ 1 เมษายน ร.ศ. 108


    [​IMG]

    ดังนั้น

    พระสมเด็จองค์นี้ สมเด็จโต ไม่ได้ปลุกเสก
    (สมเด็จโตถึงแก่ ชีพิตักสัย พ.ศ. 2415)

    [​IMG]


    หากบอกว่า เป็นพระเครื่องของสมเด็จโต ก็คือ

    ปลอม


     
  12. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    หามาให้ดูเล่น ๆ เผื่ออีกหลาย ๆ คนเห็นแล้วอาจจะเกิดศรัทธาคล้อยตามคณะวังหน้าบ้างก็ได้ แต่ผมเห็นทีจะบอกศาลา เพราะญาณรู้ของเขาอลังการพิสดารเกินไป บุญน้อยอย่างผมคงไม่กล้าเข้าใกล้ หุ ๆ ๆ ขอเชิญท่านทั้งหลายทอดทรรศนาการ อ่านนิทานให้เพลิน ๆ

    120. เบี้ยแก้สมเด็จโตเบี้ยแก้ มี ไว้ป้องกันสรรพอันตรายต่าง ๆ ป้องกันและแก้การกระทำทางคุณไสย ตลอดจน ยาสั่ง และไข้ป่า เป็นอิทธิวัตถุที่มีลักษณะท้าทายอย่างเปิดเผยต่อการ ปล่อยคุณไสย และการกระทำย่ำยีในฝ่ายกาฬไสย

    --- วิธีการสร้างเบี้ยแก้ ที่นิยมแล้วรู้จักกัน คือ การบรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ยจั่น

    --- แต่เบี้ยแก้ ของปู่โต (สมเด็จพุฒจารย์โต วัดระฆัง) มีรุ่นหนึ่งที่พิเศษไม่เหมือนใคร และไม่น่าจะมีใครเหมือน คือ บรรจุเหล็กไหลที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ยจั่น
    --- พุทธคุณและความแรง ปรอทหรือ จะมาเทียบชั้นกับ เหล็กไหล ได้

    [​IMG]
    .
    [​IMG]

    พระพุทธรูปประดับพระบรมสารีริกธาตุและพลอย สร้างถวายโดยกลุ่มวังหน้า สมเด็จโตอธิษฐานจิต

    [​IMG] [​IMG]
    .
    รูปหล่อหลวงปู่โต ประดับด้วยพระบรมสารีริกธาตุและพลอย กลุ่มวังหน้าสร้างถวาย หลวงปู่โตอธิษฐานจิตในวาระปี 2411 ใต้ฐานมีพระบรมสารีริกธาติและลูกแก้วที่เกิดจากน้ำประสานอิทธิฤทธิ์(การแปรธาตุด้วยฤทธิ์) ลองชมดูนะครับ
    [​IMG]

    สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของหลวงปู่โต พรหมรังสี

    สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ที่อัญเชิญเสด็จมาทางอากาศและอธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยได้อัญเชิญจากบริเวณข้างวัดระฆัง ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าใกล้กับท่าน้ำวัดระฆัง (บริเวณใกล้โรงเรียนสตรีวัดระฆัง) การอัญเชิญและการสร้างเกิดขึ้นในวาระแรกปี 2407 ซึ่งทั้งหมดมีสามครั้ง(รุ่น) มีจำนวนไม่มาก ผมบังเอิญมีครบทั้งสามรุ่น ข้อแตกต่างให้สังเกตที่ความเก่าของทองคำและการเคลือบผิว และต้องสอบถามจากพระเบื้องบน จึงจะทราบได้ ผมอธิษฐานจิตทูลถามพระเบื้องบนได้รับรู้ตรงกันกับ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล คือ รุ่น 1 สร้างแค่ 32 เส้น เป็นเส้นเล็กทั้งหมด รุ่น 2 มี 50 เส้น(เล็ก)..... รุ่น 3 มีทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่ มีจำนวน........ และยังมีอีกในปี 2408 จำนวนหนึ่ง และในปี 2409 (ได้นำเหล็กไหลไปทำเป็นลูกกริ่งในองค์พระพิมพ์และพระกริ่งจำนวนหนึ่ง) ใครโชคดีและเชื่อว่าจริงก็ยังพอมีโอกาสจะได้รับ (เหลืออยู่ตามท้องตลาดอีกเล็กน้อย) เพราะเกือบทั้งหมดได้ตกอยู่ในการครอบครองของผู้สร้างในอดีตสองท่าน (จำนวนเท่าๆกัน) และบางส่วนได้แจกจ่ายกระจายไปอยู่กับเหล่านักรบธรรม (ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลวงปู่โต เจ้าคุณกรมท่า และราชนิกุลในอดีต)

    สร้อยประคำที่อยู่ในการครอบครองของทั้งสองท่าน ถูกกำหนดให้นำมาประมูลเพื่อหารายได้สร้างวัดภูดานไห และพระธาตุเกศแก้วเกศาธรรม ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคต ณ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และผู้จะมาอัญเชิญหรือประมูลในอนาคต ส่วนหนึ่งจะมาจากต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นปัตจัตตังสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้ที่ไม่สามารถสัมผัสถึงมิติเหนือโลกได้ ก็ขอให้วางเฉยเสีย เพื่อจะได้ไม่เกิดความทุกข์ตามมานะครับ

    ข้อสังเกต สำหรับผู้ที่สามารถสัมผัสพลังได้ก็คือ เมื่อท่านเห็นสร้อยประคำแล้วให้ลองนำมาสวมคอแล้วโน้มจิตอธิษฐานขอบารมีพระเบื้องบนตั้งแต่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อกันมาทุกๆพระองค์ ได้โปรดสงเคราะห์ให้ข้าพระพุทธเจ้าได้สัมผัสพลังพลานุภาพที่อยู่ในสร้อยประคำเส้นนี้ หากเป็นสร้อยประคำแท้ที่อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าสามารถสัมผัสพลังได้ด้วยเถิด..... หลังจากนั้นให้สังเกตอาการถ้าเป็นของแท้จะมีอาการดังต่อไปนี้

    1. มีพลังหนักหน่วงลงมาทางกระหม่อมด้านบนศรีษะ
    2. หนังตาและผิวหน้าเริ่มตรึง หนังตาถูกดึงให้เข้าสมาธิ
    3. มีพลังหนักหน่วงที่ต้นคอ หัวไหล่ทั้งสองข้าง แน่นหน้าอก
    4. หากผู้ใดสามารถปรับธาตุขันธ์ของตัวเองได้ สุดท้ายพลังจะเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว
    สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ปี 2407 วาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 มีความแตกต่างกันเล็กน้อย วาระ 1 มี 32 เส้น วาระ 2 มีทั้งหมด 50 เส้น วาระ 3 มีจำนวน....เส้น มีทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็ก ลองชมอีกครั้ง

    ปล. ยังพอมีเหลืออยู่ในท้องตลาดอีกเล็กน้อย ขอให้โชคดีนะครับ

    [​IMG]

     
  13. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ------------------------------------------------------------
    [​IMG]


    ทีแรกไม่แน่ใจครับ แต่พอมาดูใต้ฐาน ​

    "ขรัวโตสร้างถวาย ร 5 ปี พ.ศ.2408"

    เลยกลายเป็น พระเก้ พระปลอม ไปเลยครับ​

    เพราะปี พ.ศ.2408 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5) ยังไม่ได้-ขึ้นครองราชย์ครับ (ครองราชย์ พ.ศ.2411) และรัชกาลที่ 4 ก็ไม่กล้าแต่งตั้งพระองค์เป็นรัชทายาท เพราะเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ สวรรคต พระองค์มีพระชนมายุเพียง 12 ชันษาเท่านั้น หากรัชกาลที่ 4 แต่งตั้งพระองค์ขึ้นเป็นรัชทายาท(เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมคล) รัชกาลที่ 4 เกรงว่าจะมีการแก่งแย่งชิงราชสมบัติระหว่างเชื้อพระวงศ์ด้วยกันเอง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ก็จะตกอยู่ในอันตราย รัชกาลที่ 4 จึงไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่ง กรมพระราชวังบวรสถนมงคล(วังหน้า) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นรัชทายาทขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์เลย

    กระทั่งก่อนสวรรค(พ.ศ.2411) รัชกาลที่ 4 ก็ไม่ทรงแต่งตั้งใคร เพียงแต่มีรับสั่งความไว้กับสมเด็จเจ้าพระยามหาสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ว่า ใครจะขึ้นครองราชต่อจากพระองค์ก็ได้ เพียงแต่ ขอให้ไว้ชีวิตพระเจ้าลูกยาเธอและพระเจ้าลูกเธอทุกๆพระองค์ หากผิดก็ให้ลงโทษเพียงแต่เนรเทศ อย่าให้ถึงต้องประหารชีวิต

    ดังนั้น พระบูชาองค์นี้ เป็น

    พระปลอม

    แต่รูปลักษณ์พระพุทธรูปสวยดีนะครับ น่าจะเอาไปให้พระอาจารย์ที่เคารพนับถือทำพิธี "เบิกเนตร" ก็น่าจะนำมาบูชาได้นะครับ เพราะคนอื่นซื้อจากตลาดแล้วเอาไปทำพิธีเบิกเนตร แล้วเอามาบูชาก็มีออกถมไป​

    ขอบคุณที่เข้ามาร่วมกระทู้ครับ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012
  14. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ได้เห็นพระบูชาปลอม(อุปโลกน์-วัดพระแก้ว) แล้วตกใจ

    มันหมายถึง "ขบวนการสร้างพระปลอม" นี้ ยิ่งใหญ่จริงๆ
     
  15. chanu

    chanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,213
    รบกวน PMORN3339 ช่วยดูสัญลักษณ์ ด้านหลังตรงฐานองค์พระหน่อยนะครับ
    ว่าพอจะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ช่วงไหน บ้าง ใคร่ขอความรู้ด้วยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC07813.JPG
      DSC07813.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.2 MB
      เปิดดู:
      342
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012
  16. chanu

    chanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,213
    ขอบคุณ คุณศนิวาร ที่นำรูปพระ ประดับเพชรพลอยมาให้ชมนะครับ ผมเองก็เพิ่งเคยเห็น องค์อื่น ดูงานประดับอัญมณีค่อนข้างที่จะแตกต่าง เดียวผมจะนำรูปใกล้ๆมาให้ดูนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC07786.JPG
      DSC07786.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.2 MB
      เปิดดู:
      678
  17. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    น่าจะเรียกว่าปลอมแบบบูรณาการจริง ๆ ปลอมได้ทุกอย่างทุกรุ่น ทุกเวอร์ชั่น มีพร้อมทุกสรรพสิ่งที่กุนี้แหะ..สุดยอดอลังการงานประดิษฐ์ ศูนย์รวมแห่งมหาจักรวาล..แว่ว....
     
  18. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    ตราอกเลาประตูโบสถ์ เป็นสัญลักษณ์ของวัดพระพุทธชินราชมาตั้งแต่เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแล้วครับ เก่าแก่กว่ากรุงรัตนโกสินทร์และพระ กุ วังหน้า(ด้าน)อะไรนั่นเสียอีก สัญลักษณ์นี้เริ่มแพร่หลายเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อมีการสร้างพระพุทธชินราชอินโดจีน และการสร้างพระพุทธชินราชต่อ ๆ มาจึงมีปรากฎให้เห็นคู่กับพระพุทธชินราชตลอด

    เกี่ยวพันกับรัชกาลที่ ๕ ดังนี้

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พุทธศักราช 2442 โปรดให้ออกแบบพระอุโบสถตกแต่งไว้ด้วยหินอ่อนงดงามวิจิตร จำเป็นต้องแสวงหาพระประธานที่มีความทัดเทียมกัน
    ทรงระลึกได้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2409 ทรงบรรพชาเป็นสามเณรได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่งดงามไม่มีที่เปรียบ แต่การจะอัญเชิญลงมา ย่อมไม่สมควร ด้วยเป็นสิริของชาวพิษณุโลก จึงมีดำริให้หล่อขึ้นใหม่

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้พระประสิทธิปฏิมา (ม.ร.ว.เหมาะ ดวงจักร) จางวางช่างหล่อขวา ซึ่งเป็นช่างหล่อฝีมือดีที่สุด ขึ้นไปปั้นหุ่นถ่ายแบบจากพระพุทธชินราชองค์เดิม ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก

    แล้วเสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อเป็นส่วนๆ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2444 อัญเชิญล่องเรือมาคุมองค์และแต่งที่กรมทหารเรือ โดยพระยาชลยุทธโยธิน (Andre du Plessis de Richelieu) ชาวเดนมาร์ก เข้ามารับราชการเป็นทหารเรือ มียศเป็นพลเรือโท ตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ เป็นผู้ควบคุมการแต่งองค์พระ เสร็จแล้วเชิญลงเรือมณฑปแห่ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2444

    เมื่ออัญเชิญพระพุทธชินราชขึ้นประดิษฐานแล้ว ต่อมาถึงปลายปี พ.ศ. 2452 จึงโปรดเกล้าฯให้จ้าง นายซึรุฮารา (Mr.Tsuruhara) ครูช่างในโรงเรียนวิชาช่างกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาทำการปิดทองจนแล้วเสร็จ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานสมโภช ในวันที่ 5 สิงหาคม 2453
    พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย มีเรือนแก้ว ประทับนั่งเหนือรัตนบัลลังก์หินอ่อน เรือนแก้วนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้ทำถวาย เมื่อ พ.ศ. 2455 แต่ช่างทำไม่งาม รัชกาลที่ 7 จึงโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขใหม่สวยงามตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

    ก็คิดดูก็แล้วกันปี ๒๔๐๙ พระองค์ยังเป็นสามเณรอยู่ และปี ๒๔๑๕ สมเด็จโตมรณภาพ แล้วที่ไหนเลยจะมาทันเสกพระพุทธชินราชองค์จำลององค์ที่ถามมานี้ ใครปลอมประวัติศาสตร์กันแน่ระหว่าง แก๊งค์วังหน้า(ด้าน)กับหอพระสมุดจดหมายเหตุของทางราชการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012
  19. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    บานประตูประดับมุก

    บานประตูประดับมุกด้านหน้าพระพุทธชินราช ได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดี ว่าเป็นบานประตูที่เก่าแก่และงดงามที่สุดในประเทศไทย เกี่ยวกับหลักฐานการสร้างนั้น มีจารึกระบุหลักฐานการสร้างไว้ชัดเจนที่ขอบบานประตูด้านขวา ว่า...

    “ศุภมัสดุ พุทธศักราช ๒๒๙๙ พระวรรษา วันจันทร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน สัพศก พระบาทสมเด็จพระบรมนาถบพิตร พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชกรุณาเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สั่งให้เขียนลายมุกบานประตูพระวิหาร ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมืองพิษณุโลก ช่าง ๑๓๐ คน ถึง ณ วันพฤหัสบดี ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ เดือน ปีกุน สัพศก ลงมือทำมุก ๕ เดือน ๒๐วัน สำเร็จ พระราชทาน ช่างผู้ทำงานมุกทั้งปวง เสื้อผ้า รูปพรรณ ทอง เงิน และเงินตรา เป็นอันมาก เลี้ยงวันละสองเพลา ค่าเลี้ยงมิได้คิดนพระราชทานด้วย คิดแต่บำเหน็จประตูหนึ่งเป็นเงินตรา ๒๖ ชั่ง”

    บานประตูประดับมุกนี้ ปรากฏตามหลักฐานซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า เป็นบานประตูซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งเสวยราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๒๗๕ – ๒๓๐๑ ได้ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างถวายพระพุทธชินราชแทนบานประตูไม้จำหลักของเดิมที่โปรดให้นำไปเป็นบานประตูพระวิหารพระแท่นศิลาอาสน์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์

    ลวดลายมุกที่ประดับบานประตูนี้ประดิษฐ์เป็นลวดลายกนกรูปร่างกลม ล้อมรอบภาพสัตว์ หิมพานต์ อันมี ราชสีห์ คชสีห์ เหมราช กินนรีรำ และอื่นๆ ออกจากช่อกนกซึ่งบรรจุอยู่ในวงกลมหรือลายอีแปะด้านละ ๙ วง มีกระหนกหูช้างประกอบช่องไฟระหว่างวงกลมแต่ละอัน บานประตูประดิษฐ์ลายกรุยเชิงประดับด้านบนขอบประตู มีลายประจำยาวก้ามปูประดับรอบขอบบานประตูทั้งหมด

    ตรงกลางบานประตูที่เรียกว่า “อกเลา” ประดับด้วยลาย พุ่มข้าวบิณฑ์สองข้างมีกนกก้านแบ่งประกอบช่องไฟ นมอกเลากลาง ประดิษฐ์เป็นภาพหนุมานแบกฐานบุษบก และมีตราพระอุณาโลม อันเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าบรรจุอยู่ภายในบุษบกนั้น สองข้างบุษบกมี ชุ่มสายอันเป็นเครื่องสูงสำคัญประดับ และที่อกเลาเชิงล่างประดิษฐ์เป็นรูปกุมภัณฑ์ถือตะบอง ออกท่าสำแดงฤทธิ์อย่างสวยงาม ความละเอียดประณีตของการฝังมุก และการจัดวางลวดลายจัดได้ว่าเป็นเยี่ยมหามี ที่ใดเสมอเหมือน จัดเป็นแม่แบบของงานฝังมุกในสมัยต่อมา

    [​IMG]

    พุทธนุภาพของผ้าประเจียดอกเลานั้น เป็นที่เลื่องลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ทางด้านแคว้นคลาด และอยู่ยังคงกระพัน เมื่อครั้งเกิดกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ พระราชาคณะได้นำผ้าขาวมาพิมพ์ภาพนมอกเลา ให้ราษฎรและทหารพันคอเวลาอกรบ ปรากฏว่าไม่ได้รับอันตรายจาการตะลุมบอนเลย ถึงกับพวกเงี้ยวออกจากปากว่า “อ้ายพวกคอขาวยิงมันไม่ออก”

    ...............................................................................................

    พระเหลือ

    พระมหาธรรมราชาลิไท รับสั่งให้ช่างนำเศษทองที่เหลือจาการหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ นำมารวมกันหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก ขนาดหน้าตักกว้าง ๑ ศอก เศษ เรียกชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระเหลือ” เศษทองยังเหลืออยู่อีกจึงได้หล่อพระสาวกยืนอีก ๒ องค์

    ส่วนอิฐที่ก่อเตาสำหรับหลอมทองในการหล่อพระพุทธรูปนำมารวมกัน ก่อเป็น “ชุกชี” ตรงที่หล่อพระพุทธรูปทั้ง ๔ องค์ ชุกชีนี้สูง ๓ ศอก พร้อมปลูกต้น “มหาโพธิ์” ลงบนชุกชี ๓ เรียกว่า “โพธิ์สามเส้า” อันเป็นการบ่งบอกถึงมหาสถานของพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ระหว่างต้นมหาโพธิ์ได้สร้างวิหารน้อยขึ้นมา ๑ หลัง (ปัจจุบันอยู่หน้าวิหารใหญ่) วิหารหลังนี้เรียกว่า “วิหารพระเหลือ” ส่วนพระพุทธชินราชประดิษฐานในวิหารหลังใหญ่ พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาประดิษฐานอยู่ในที่อันควร พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกหรือพระหมาธรรมราชาลิไทโปรดฯ ให้มีงานฉลองสมโภช ๑๕ วัน ๑๕ คืน

    ปฎิมาฆระประดิษฐานพระเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นพระราชศรัทธาของ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ครั้งยังคงผนวชเป็นสามเณร) เมื่อตามเสด็จพระบรมชนกนาถ ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ปฏิสังขรณ์ใหม่แทนของเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม และตรงหน้าบันด้านหลังของปฎิมาฆระแห่งนี้ ยังมีรูปพระเกี้ยวอยู่เหนือพานเป็นพยานหลักฐานอยู่

    [​IMG]
     
  20. pmorn3339

    pmorn3339 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,342
    ค่าพลัง:
    +2,467
    ท่าน ศนิวาร ตอบไว้สุดยอดแล้วครับ

    ส่วนพระของท่าน ก็เป็น พระปลอม ไปเรียบร้อยแล้วเหมือนกันครับ
    จึงไม่ต้องศึกษาสัญญลักษณ์ใดที่ปรากฏบนองค์พระอีก
    ประโยชน์ที่พอมีก็คือ นำพระพุทธรูปองค์นี้ เพชรพลอยที่ปรากฏบนองค์พระ รูปแบบการประดับพลอย ไปเป็นแม่แบบดูพระปลอมองค์อื่นๆต่อไป

    ขอบคุณที่นำมาให้ พสมช ได้ศึกษากันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...