หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869

    โมทนาสาธุครับ
     
  2. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ผมได้โอนเงินค่าบูชาพระหลวงปู่ทวดชุดสองเรียบร้อยแล้ว

    เรียนทุกท่าน เมื่อวาน 15 มีนาคม 2555 เวลา 12.44 น. ผมได้โอนเงินค่าบูชาพระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีดชุดสอง (20 องค์) ซึ่งได้รับบริจาคมาจากท่านพิเชฐ และเงินบางส่วนจากผู้ขอบูชาพระพุทธปฐวีธาตุของผม และบางส่วนเป็นเงินสมทบจากญาติธรรม เพื่อสร้างวัดภูดานไห เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 30,000 บาท เข้าบัญชีคุณแม่ชมเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1. เงินจากการบูชาพระหลวงปู่ทวด 20 องค์ (20 x 1100) เป็นเงิน 23,000 บาท
    2. เงินสมทบจากครอบครัว ดร.นนต์ และญาติธรรมจากการบูชาพระพุทธปฐวีธาตุ เป็นเงิน 7,000 บาท
    รวม 30,000 บาท

    ผมขออนุโมทนาบุญกับท่านพิเชฐ พันธุ์สุข ผู้สละสิ่งมงคลเพื่อเป็นทานบารมี และขออนุโมทนากับผู้มีส่วนร่วมในการทำบุญด้วยการบูชาพระดังรายนามต่อไปนี้

    1. นายจักรพงษ์ ดำรงอาภาติ
    2. นายจักรกฤช ศรีเจริญ
    3. นายธีรภัทร พิสุทธิสกุลชัย
    4. นายรุ่งเรือง สารวิจิตร
    5. นายสุเมธ อุจจ์ศรี
    6. นายถวัลย์ ตันรัตนาวงศ์
    7. นายพุทธบุตรร์ เหลืองสุริยา
    8. นายเฉลิมชัย นุโนชา
    9. นางสุจิตรา โกวิทยากร
    10. นายศักดิ์สิทธิ์ ชนะ
    11. คุณเปียว
    12. พี่น้อย
    13. คุณธีรยุทธ์ สังข์ทอง

    ผมขอถือโอกาสนี้ อวยชัยให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความเจริญ สงบร่มเย็น และสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรม จนกว่าจะเข้าพระนิพพานทุกท่านเทอญ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    16 มีนาคม 2555

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN7303.JPG
      DSCN7303.JPG
      ขนาดไฟล์:
      298.9 KB
      เปิดดู:
      819
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2012
  3. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    อนุโมทนาสาธุ ในทุกประการ
    ขอให้ทุกๆท่านจงมีแต่ความสุข ความเจริญ สว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรม ทุกท่านเทอญ
     
  4. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    ขออนุโมทนาสาธุกับบุญกุศลของคุณอ๊อดด้วยนะครับ ขอให้มีความสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมเหมือนดั่งเช่นไฟฟ้า และขอให้มีความสุขสะดวกสบายเหมือนดังที่ท่านได้ร่วมสร้างถนนหนทางด้วยเทอญ...ขอให้บุญกุศลนี้จงเป็นปัจจัยให้ท่านได้บรรลุถึงมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ...
     
  5. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    โมทนาสาธุบุญด้วยครับ.....ก่อนเคาะระฆังก็ขอให้ตัวเลขประมูลขยับขึ้นไปหลายๆจุด เด้อ...สาธุ:cool:

    ดีหน่อยที่เรือเกลือล่มในทะเล ม่ายงั้น...เค็มแย่เลย หึหึ
     
  6. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
     
  7. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    ขออนุโมทนาสาธุกับทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมกันสร้างถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนา เพราะงานที่พวกเรากำลังทำอยู่นี่เป็นสร้างบารมีโดยการสร้างวัด ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสดังเช่นพวกเรา ซึ่งเริ่มตั้งแต่สร้างกูฏิ ทางเดินจงกรม ห้องน้ำของพ่อแม่ครูอาจารย์ สร้างระบบน้ำประปา สร้างศาลาหอฉัน สร้างกุฏการิก สร้างโรงครัว ปรับปรุงพื้นที่ในวัด และกำลังจะสร้างศาลาปฏิบัติธรรม สร้างระบบไฟฟ้า และสร้างถนนขึ้นวัด ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ทาวัดก็ไม่ได้ทำซองผ้าป่าเพื่อเรี่ยวไร แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นจากดวงจิตจดวงใจอันเป็นบุญเป็นกุศลของพวกเราที่มีต่อองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช โดยใช้เว็บบอร์ดหลวงปู่แหวนมาโปรดเพป็นสื่อกลางในการสร้างบารมี ซึ่งเริ่มโดยคุณสมบัติเจ้าของกระทู้ จากนั้นก็มีผู้แวะเวียนมาร่วมทำบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ขาดสาย และหลายๆ ท่านที่ร่วมทำบุญก็ยังไม่เคยมาที่วัด (ใจริงใจก็อยากให้มาดูความสำเร็จ มากราบพ่อแม่ครูอาจารย์และนำธรรมะของท่านไปปฏิบัติเช่นกัน) บางท่านก็นำวัตถุมงคลของตัวเองออกมาเพื่อช่วยพ่อแม่ครูอาจารย์สร้างวัดในครั้งนี้ ก็ขออนุโมทนาสาธุกับการสร้างบุญกุศล การสร้างบารมีกันในครั้งนี้ ซึ่งปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกท่านได้ร่วมทำบุญมาทางวัดก็ได้นำมาสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ซึ่งก็ได้นำภาพแห่งความสำเร็จให้ชมเป็นระยะ ซึ่งสร้างอย่างประหยัด แต่สวยงามและเข้ากับธรรมชาติ เห็นแล้วน่าปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะสีองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเป็นคนลงมือผสมสีขึ้นมาใหม่ และเป็นคนลงมือทาสีด้วยตัวท่านเอง โดยใช้แปรงทาสีซึ่งต้องใช้ความเพียรอย่างมาก....
    ก็ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลทุกท่านที่ได้ร่วมกันสร้างวัดภูดานไห (วัดเกศแก้วเกษาธรรม) ขอให้บุญกุศลที่พวกเราได้ร่วมกันสร้างครั้งนี้จงส่งให้พวกเรามีความสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมเป็นบรรไดก้าวไปสู่พระนิพพานด้วยเทอญ..สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2012
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    โมทนาสาธุในบุญกุศลกับท่านทั้งหลายด้วยเน๊อ...
    ขอให้มีความสุขความเจริญโดยถ้วนหน้ากันครับ
    IT Man;16/03/55
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ขอบคุณครูชาติที่กรุณาเสริม...

    การสร้างบุญบารมีตามแบบฉบับแห่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชหากพิจาณาดูให้ดีๆแล้ว คุณแม่ชมได้เคยเมตตาถ่ายทอดว่า "ต้องสง่า งดงาม และบริสุทธิ์" จึงไม่เคยมีการทำซองผ้าป่าเรื่ยไร

    บุญ แห่งภูดานไห ต่างมีความงดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ซึ่งจักดำเนินไปเฉกเช่นนี้จนถึงคราวาระกาลสร้างสัญลักษณ์แห่งภูดานไห เช่น พระพุทธรูปปางยืนประทานพร รูปเหมือนของเหล่าพญานาค เป็นต้น

    ในเรื่องรายละเอียดของการทาสีนั้นองค์ท่านบอกว่า หากใช้ลูกกลิ้งก็จักเปลืองสีเป็นอย่างมากแม้จะเสร็จเร็วก็ตาม ทว่าองค์ท่านปรารถนาให้ปัจจัยทุกบาทที่ญาติโยมบริจาคร่วมสร้างวัดมากันนี้มีการใช้จ่ายที่คุ้มค่า (การเลือกซื้อวัสดุก่อสร้าง องค์ท่านเดินทางไปเลือกเองและใช้เวลาเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้คุ้มค่าเช่นกัน)

    ดังนั้นกิจวัตรหนึ่งที่องค์ท่านต้องมาทำทุกวันยันเย็นก็คือการทาสีถาวรวัตถุต่างๆที่สร้างเสร็จแล้ว ให้เกิดมีความงดงามตามที่ทุกท่านได้ประจักษ์กันมา ซึ่งการทาสี...นอกจากจักใช้แปรงทาสีขนาดเล็ก ทาไปเรื่อยๆ หากสูงเกินเอื้อมก็ใช้ไม้ต่อเป็นห้างร้าน หรือใช้ไม้ต่อแปรงทาสีให้ยาว คิดๆดูก็ลำบากองค์ท่านอยู่นะ หรือหากคิดเป็นตัวเงินค่าจ้างช่างทาสีก็คงมูลค่าสูงและไม่สวยงามขนาดนี้

    นอกจากองค์ท่านจักเข้ามาช่วยงานก่อสร้างด้วยแล้ว ญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่ อุบาสก อุบาสิกา ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก นำโดยคุณแม่ชม คุณตู้มน ต่างก็เข้ามาช่วยกันทำงาน ทำความสะอาด จัดสวน ฯลฯ เพื่อเอาบุญ ไม่เอาเงินมาโดยตลอด บุคคลเหล่านี้ต่างมีส่วนช่วยให้งานสร้างวัดและอื่นๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่นตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันครับผม

    IT Man;16/03/'55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2012
  10. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบุญ ถวายปัจจัย อีกทั้งมีส่วนร่วมในการจัดการทุกสิ่งอย่างเพื่อให้ ภูดานไห ได้ก่อเกิดสิ่งอันจำเป็นต่างๆ ซึ่งต่อไปคงได้รองรับศรัทธาท่านทั้งหลายที่มีโอกาสได้ไป(เชื่อว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า)ให้ได้รับความสะดวก
    ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกัน ความงดงามจึงได้ปรากฏให้ภาคภูมิใจ และปิติยินดีในบุญกุศลนี้
    อนุโมทนาบุญครับ
     
  11. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    ขออนุโมทนาสาธุกับทุกๆ ท่านอีกครั้ง เพราะการสร้างบุญบารมีของทุกๆ ท่านเกิดจากดวงจิตดวงใจที่เป็นบุญกุศลจริง ซึ่งเป็นจริตเดิมที่พวกเราเคยสร้างมาแล้วหลายภพหลายชาติ เป็นความงดงามที่อยู่ในใจของทุกท่านให้เกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันทำบุญอย่างถูกที่ ถูกกาล ผมก็ขอให้บุญบารมีที่ทุกๆ ท่านได้ร่วมกันสร้างในครั้งนี้เป็นปัจจัยส่งผลให้ทุกๆ ท่านได้มีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม และจนถึงที่สุดแห่งธรรมด้วยเทอญ...
    ขออนุโมทนาและขอให้เจริญในธรรม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2012
  12. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869


    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. sarutha

    sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +180
    โมทนาบุญทุกประการขอรับ
     
  14. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    เส้นทางบุญจากโคราช หนองคาย สู่ภูเขาควายประเทศลาว (ตอนจบ)



    (บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 10-11 มีนาคม 2555)
    โปรดใช้วิจารณญาณ และวางใจไว้กลางๆในการอ่าน เพราะความจริงแท้นั้น มันเกินวิสัยของผม
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล



    ตอนที่ 5 สร้างพระพุทธรูปหลวงพ่อขาวนาคปรก

    ตื่นเช้าขึ้นมาในวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555 ผมจึงได้มีโอกาสออกสำรวจพื้นที่สำนักสงฆ์แสงจันทร์เนรมิตอีกครั้ง ภายในสำนักสงฆ์มีสิ่งที่แสดงถึงบุญบารมีของหลวงปู่เณรก็คือ ศาลาหลังปัจจุบันที่ใช้เวลาในการสร้างประมาณ 15 วัน ด้วยความร่วมแรงและงบประมาณของชาวบ้าน สร้างเสร็จเร็วเสมือนเป็นการเนรมิต และเป็นสำนักสงฆ์ใหม่แบบสดซิงๆ (ไม่กี่เดือนมานี้) นอกจากนั้น พระเบื้องบนยังกำหนดให้หลวงปู่เณรสร้างพระพุทธรูปนาคปรกจำนวน 9 องค์ 9 แห่ง เพื่อการสร้างบารมีและสืบต่อพระพุทธศาสนา ผมเองได้มีส่วนร่วมในการสร้างพระพุทธรูป(หลวงพ่อขาว) องค์ที่ 6 ที่กำลังปั้นอยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์แห่งนี้ ด้วยการบริจาคลูกแก้วพญานาคที่เสด็จมาทางอากาศจำนวน 2 ลูก เพื่อทำเป็นดวงตาของพญานาค และที่น่าแปลกเสมือนเป็นการบังเอิญก็คือ การปั้นพระพุทธรูปนาคปรกองค์นี้ไม่มีแบบให้ช่างปั้น แต่หลวงปู่เณรให้ช่างใช้สำนึกและพระเบื้องบนดลใจให้ปั้นไปเอง เมื่อผมเห็นผมจึงได้มอบถวายรูปหล่อพญานาคเนื้อสัมฤทธิ์องค์เล็กที่พึ่งได้รับมาจากพระอาจารย์ปรีชา ที่อัญเชิญมาจากบาตรของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ก่อนเดินทางมาที่นี่ 1 วัน เมื่อทุกคนเห็นแล้ว ต่างตกใจ เพราะมันชั่งเหมือนกันกับที่ช่างกำลังปั้นอยู่เลย ผมจึงมอบไว้ให้เพื่อเป็นแบบในการปั้นต่อไป


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พญานาคเนื้อสัมฤทธิ์จากบาตรหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร (ถ้ำเมืองบังบดที่หนองบัวแดง)

    [​IMG]

    ลูกแก้วพญานาคสีแดงที่เสด็จมาทางอากาศ ได้รับบริจาคมาจากอาจารย์นาง(พี่สาวใจบุญ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทางเดินจงกรมของหลวงปู่เณร


    ตอนที่ 6 อภินิหาริย์พระพุทธปฐวีธาตุ

    หลังจากเดินดูบริเวณภายในวัดแล้ว ผมได้รับแจ้งจากคุณนกว่า วันนี้พวกเราต้องเดินทางด่วนข้ามไปที่ประเทศลาว เพื่อไปดูสถานที่สร้างพระพุทธรูปองค์ที่ 9 แบบเร่งด่วนตามความประสงค์ของพระเบื้องบน ความจริงแล้ว ผมทราบจากหลวงปู่เณรตั้งแต่เมื่อวานที่เดินทางมาถึงแล้วว่า พระเบื้องบนปรารถนาให้ท่านและผมเดินทางด่วนข้ามไปที่ประเทศลาว และลัดคิวสร้างองค์ที่ 9 ก่อนองค์ที่ 7 และ 8 ที่ยังไม่ได้สร้าง หลวงปู่บอกผมประมาณว่า เสมือนพระเบื้องบนจะเร่งให้ท่านและผมสร้างบารมีเพื่อการบางอย่าง ต่อยอดต่อบุญบารมีให้เต็มโดยไว "ด็อกเตอร์ไปนำกันเด้อ ขอบารมีด็อกเตอร์ไปช่วยกันเด้อ"

    อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนกลางคืน พวกเราได้ทราบว่าคุณฝนซึ่งเป็นภรรยาของคุณวิสุทธิ์ ซึ่งทั้งคู่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศลาวมานานร่วม 20 ปี ได้แจ้งว่าจะขอเลื่อนเป็นวันที่ 12 มีนาคม พวกเราก็นิ่งและคิดกันว่าคงไม่ได้ไปประเทศลาวแล้ว เพราะผมจะต้องเดินทางกลับวันที่ 11 มีนาคม แต่พอตอนเช้าวันที่ 11 มีนาคม ขณะที่ผมกำลังเดินสำรวจบริเวณวัดอยู่นั้น คุณนกได้รับโทรศัพท์จากคุณวิสุทธิ์ว่า ให้พวกเราเตรียมตัวโดยด่วนเพราะจะข้ามไปภูเขาควายประเทศลาวในวันนี้ หลวงปู่บอกว่า สงสัยพระเบื้องบนต้องการให้ไปจริงๆ แต่มีมารเข้ามาขัดขวางตั้งแต่เมื่อคืน และในตอนเช้าหลวงปู่ก็เกิดอาการท้องเสียแบบฉับพลัน แต่หลวงปู่ไม่ถอยบอกให้ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทางได้

    หลังจากหลวงปู่ฉันภัตตาหาร และพวกเราก็ได้รับประทานอาหารกันแล้ว ก็รีบออกเดินทางเวลาประมาณ 8.30 น. ขณะที่รอการขอใบผ่านแดนที่ด่านฝั่งหนองคาย ผมได้ยื่นสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำและพระพุทธปฐวีธาตุ องค์เอตทัคคะบารมี ให้คุณนกเธอลองสัมผัสขอบารมี เมื่อเธอรับไปแล้วเธอน้อมจิตอธิษฐาน สักครู่ปรากฏว่า เธอรู้สึกสั่นและร้อนไปทั้งตัว มีอาการกระวนกระวาย ร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้ใบผ่านแดนเรียบร้อยแล้วพวกเราได้ขึ้นรถเตรียมข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว ขณะที่รถจอดรอการตรวจของด่านไทย คุณนกเธอทนไม่ได้จึงรีบลงจากรถมาเปิดประตูหลังที่ผมนั่งอยู่ พร้อมกับขอให้ผมช่วยเธอด้วย ผมบอกให้เธอยื่นมือทั้งสองมา แล้วผมยื่นมือของผมไปวางเหนือมือเธอทั้งสองข้าง พร้อมกับบอกกล่าวขอขมาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์และเทวดาผู้ดูแลพระพุทธปฐวีธาตุ พร้อมกับถ่ายเทพลังเย็นไปสู่ภายในของเธอ สักพักอาการของเธอก็เย็นขึ้น รู้สึกสบายตัวเสมือนได้รับพลังใหม่ เป็นอันว่า เธอยิ้มพร้อมกับอาการปีติที่ได้รับรู้พลานุภาพอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งเธอก็บอกว่า นกขอขมาต่อท่านแล้วจึงได้อธิษฐานขอชื่นชม ผมก็บอกเธอด้วยความเมตตาว่า พระท่านสื่อให้ดูเฉยๆ ท่านก็มิได้มีเจตนาให้เราตกใจหรอก อนุโมทนาด้วยนะ มีบุญแล้วหละถึงสามารถสัมผัสท่านได้


    [​IMG]


    สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำและพระพุทธปฐวีธาตุ (องค์เอตทัคคะบารมี) ที่แสดงอภินิหาริย์


    ตอนที่ 7 ข้ามฝั่งสู่เขตภูเขาควาย ประเทศลาว

    เมื่อข้ามสะพานไปถึงฝั่งประเทศลาวแล้ว พวกเราได้รอพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของลาวนานพอสมควร หลังจากนั้น จึงรีบออกเดินทางสู่เมืองหลวงกำแพงเวียงจันทน์ทันที ด้วยรถยนต์โฟวีลของคุณวิสุทธิ์ คณะของพวกเรามีทั้งหมด 8 คน เมื่อถึงกำแพงเวียงจันทน์แล้ว พวกเราได้แวะเพื่อให้คุณฝนไปเอารถยนต์ของพี่สะใภ้อีกคัน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งพวกเราไม่รู้ว่าจะมีเรื่องยุ่งยากอะไรเกิดขึ้นบ้าง หลวงปู่บอกผมว่า "ด็อกเตอร์ช่วยภาวนาให้ผ่านตลอดเด้อ" เมื่อคณะของพวกเราไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำงึมตรงด่านเก็บเงินผ่านทาง พวกเราได้แวะจอดข้างแพริมแม่น้ำงึม เพื่อรอรถที่คุณฝนขับตามมานานเกือบชั่วโมง โทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ คณะพวกเราไม่รู้จะทำอย่างไร หลวงปู่เณรท่านได้จุดธูปบอกกล่าวองค์ปู่พรหมจักรผู้ดูแลดินแดนฝั่งประเทศลาว พร้อมกันนั้นคุณนกเธอได้เดินมาบอกผมว่า "ด็อกเตอร์ช่วยอธิษฐานจิตขอบารมีให้เดินทางโดยสะดวกด้วยนะค่ะ" เมื่อไม่สามารถติดต่อได้ พวกเราลงความเห็นว่าต้องเสี่ยงเดินทางไปก่อนคุณฝน เมื่อรถมาถึงด่านเก็บเงิน ปรากฏว่ารถยนต์ของคุณฝนวิ่งมาต่อท้ายอย่างพอดิบพอดี ชั่งบังเอิญอะไรขนาดนี้ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องสนทนากันเกือบตลอดเส้นทาง ด้วยบารมีของหลวงปู่ใหญ่ และบารมีของครูอาจารย์และพระเบื้องบนที่ได้ประทานลงมา คณะของพวกเราจึงเดินทางไปกลับได้โดยสะดวก



    [​IMG]

    ดร.นนต์ คุณนก คุณณี แวะซื้อข้าวจี่ฝรั่งที่ตลาดกำแพงเวียงจันทน์

    [​IMG]

    คุณหนุ่ม พี่สะไภ้ชาวลาวของคุณวิสุทธิ์ คุณณี


    คณะของพวกเราเดินทางผ่านเส้นทางภูเขาควายอันเลื่องชื่อ ถ้าหากใครได้อ่านประวัติของพระอรหันต์ ตั้งแต่หลวงปู่มั่น พระอาจารย์เสาร์และสานุศิษย์ มักจะพบว่า เป็นดินแดนที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่องจาริกธุดงค์ผ่านเส้นทางอาถรรพ์นี้ทั้งนั้น ผมเองเคยปรารถนาอยากจะเดินทางตามรอยเส้นทางของครูอาจารย์มานานแล้ว วันนี้ก็ได้แต่นึกปลื้มปีติอยู่ในใจ ที่ได้เดินทางมาราวกับปาฏิหาริย์ เพราะไม่เคยนึก ไม่เคยอยู่ในโปรแกรมอะไรทั้งสิ้น พวกเราขับรถแล่นผ่านบริเวณถ้ำแห่งหนึ่งที่หลวงปู่เณรบอกว่า เป็นถ้ำที่หลวงปู่ใหญ่พำนักอยู่ และผมก็เคยอ่านเรื่องราวลูกศิษย์สายหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรว่า หลายๆท่านได้มาเรียนวิชากับคณะของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ณ ถ้ำแห่งนี้ ว่ากันว่า เส้นทางที่จะเข้าถ้ำแห่งนี้ได้ก็คือ 1. ดำน้ำรอดถ้ำเข้าไปไกลมาก 2. เข้าทางด้านบนถ้ำน่าจะลำบากมากที่สุด 3. เข้าไปด้วยอภินิหาริย์ หลวงปู่เณรบอกกับผมว่า ท่านก็อยากจะเข้าไปในถ้ำนี้ แต่คงจะสร้างพระองค์ที่ 9 ที่ภูเขาควายให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถเข้าไปได้ พวกเรามีกำหนดการจะเดินทางไปที่ลาวอีกครั้ง และจะแวะไปชมถ้ำแห่งนี้ในวันที่ 30, 31 มีนาคม และ 1 เมษายน 2555 นี้

    คณะของพวกเราเดินทางมาถึงวัดสันติธรรม พระบาทด่านเพย แขวงเวียงจันทน์ ที่อยู่ห่างจากกำแพงเวียงจันทน์ประมาณ 80 กิโลเมตร วัดแห่งนี้ตั้งอยู่เชิงภูเขาควายด้านทิศเหนือ เมื่อคณะพวกเรามาถึงก็ได้พบกับแม่ชีรูปหนึ่งที่เป็นผู้ดูแลวัดทั้งหมด วัดนี้ไม่มีพระสงฆ์อยู่เลยเนื่องจากสู้ภูมิที่นี่ไม่ได้ หากไม่ใช่พระนักปฏิบัติ แม่ชีท่านออกมารับหลวงปู่และคณะของพวกเรา ท่านได้เชิญไปที่ศาลาหลังใน ก็ได้พบกับครูบาลาวองค์หนึ่งที่มารออยู่แล้ว ครูบาองค์นี้ท่านเคยมาที่สำนักสงฆ์แสงจันทร์เนรมิตเมื่อไม่นาน วันนี้ปรากฏว่า ท่านเกิดอาการกระวนกระวายร้อนรน พอทราบว่าหลวงปู่จะมาที่ลาว ท่านจึงได้มารอพร้อมกับบอกว่า พญานาคตามท่านมาจากหนองคายมาอยู่ด้วย ผมสังเกตดูท่าน เห็นมีอาการแปลกดวงตาแดงกล่ำคล้ายตาพญานาค หลังจากนั้นผมได้เดินไปที่วิหารหลังหนึ่ง ซึ่งภายในมีรอยพระพุทธบาทโบราณตั้งแต่เมื่อครั้งพุทธกาลสวยงามมาก นอกจากนั้น ภายในพระวิหารยังมีพระพุทธรูปเสี่ยงทายอยู่องค์หนึ่ง ผมก็เลยถือโอกาสเสี่ยงทายเรื่องเดียวกันกับเมื่อครั้งอยู่วัดหลวงพ่อพระใสเมื่อวันก่อน ปรากฏว่าผลของการเสี่ยงทายตรงกัน เมื่ออธิษฐานจิตว่า หากสำเร็จ...ในภพในชาตินี้ ขอให้พระมีน้ำหนักมาก ก็ปรากฏพระหนักมาก เมื่ออธิษฐานว่า หากสำเร็จขอให้พระมีน้ำหนักเบา ปรากฏว่า พระมีน้ำหนักเบาหวิวลอยละลิ่วขึ้นเหนือศรีษะจนสุดแขน



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระพุทธรูปเสี่ยงทาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริธาตุที่กำลังก่อสร้าง

    [​IMG]

    มองจากเนินพระเจดีย์เห็นวัดอยู่ด้านล่าง

    [​IMG]

    [​IMG]

    บริเวณที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์ที่ 9 ลานหินติดน้ำเป็นปากถ้ำพญานาค



    ต่อมาคณะของพวกเราได้เดินไปดูบริเวณที่กำลังก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ที่อยู่บนเนินเขาตรงข้ามวิหาร ต้องเดินข้ามสะพานไป และเดินสำรวจดูบริเวณที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์ที่ 9 เพื่อให้เสร็จพิธีฉลองในวันที่ 31 มีนาคม 2555 ที่กำลังจะมาถึงแบบเร่งด่วนมากๆ หลวงปู่เณรและแม่ชีจึงตกลงเลือกเอาบริเวณปากถ้ำพญานาคที่อยู่ต่ำลงมา ในลำธารที่ไหลผ่านตรงกลางวัด แม่ชีรูปนี้ว่ากันว่า ท่านมีดีพอสมควรจึงอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้ ภูมิที่นี่น่าจะเป็นภูมิของพระพุทธเจ้า เพราะมีรอยพระพุทธบาท และกำลังสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งผมเองก็จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปถวายวัดแห่งนี้ในวันที่ 30 มีนาคมนี้เช่นกัน ต่อมาผมได้รับทราบจากชาวลาวที่มาช่วยแม่ชีที่วัดแห่งนี้ว่า ใกล้ๆกับบริเวณที่สร้างเจดีย์นี้ (500 เมตร) ยังมีรอยพระพุทธบาทอีกสี่รอย ผมจึงถือโอกาสขออนุญาตไปดูทันที รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ หากดูผิวเผินจะไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่จากคำบอกเล่าของโยมบอกว่า แม่ชีท่านนิมิตเห็นจึงได้มาพบ แต่ผู้คนทั่วไปยังไม่ทราบ ผมจึงบอกทุกคนว่า หากอยากได้บุญมาก วันที่ 30 มีนาคมที่จะถึงนี้ ให้มาช่วยกันเอาดินออกและทำความสะอาด คงจะเห็นชัดเจนขึ้น ส่วนเวลาหน้าฝนน่าจะมีน้ำไหลท่วมจนมองไม่เห็น



    [​IMG]

    [​IMG]

    รอยพระพุทธบาทสองรอยอยู่ติดกัน สูงขึ้นไปพบในน้ำอีกหนึ่งรอย และรอยใหญ่อยู่ด้านบนอีกหนึ่งรอย

    [​IMG]

    [​IMG]


    เมื่อดูรอยพระพุทธบาทเสร็จแล้ว พวกเราย้อนกลับมาที่วัดเพื่อรับประทานอาหารที่พี่น้องชาวลาวได้เตรียมไว้ให้ หลังจากรับประทานเสร็จแล้ว มีสตรีท่านหนึ่งเป็นโรคมารมีน้ำบวมทั้งตัว ไปหาหมอ หมอไม่สามารถรักษาได้ เธอทรมานมาก แต่เธอก็มาต้อนรับคณะของพวกเรา มีโยมสตรีท่านหนึ่งเดินมาที่ผมแล้วบอกว่า "อาจารย์ซอยเพิ่นแน บ่ฮู้เป็นอีหยัง ซอยเพิ่นแนเด้อ" ตอนแรกผมพิจารณาแล้ว คงเป็นโรคกรรมแน่ๆ แล้วผมจะช่วยเธออย่างไรหนอ ผมไม่อยากยุ่งเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรนี้เลย เธอนั่งมองผมด้วยอาการที่เศร้าและรอความหวังอะไรสักอย่าง ผมพิจารณาเห็นความทุกข์ของเธอชั่งมากมายเหลือเกิน ในจิตตอนแรกบอกว่าจะไม่ยุ่ง แต่ไม่นานจิตที่เมตตาของผมมันกลับบังเกิดขึ้นจากหัวจิตหัวใจอันบริสุทธิ์อย่างฉับพลัน ผมจึงเดินไปที่เธอ แล้วบอกเธอว่า ผมจะช่วยสงเคราะห์เธอนะ ยื่นมือทั้งสองมาซิ แล้วผมจึงยื่นมือทั้งสองของผมวางอยู่เหนือฝ่ามือของเธอเล็กน้อย พร้อมกับอาราธนาพระเบื้องบนตามวิธีของผม ขอเจรจากับเจ้ากรรมนายเวรของเธอว่า สิ่งที่ผ่านมาแล้วล้วนทำให้เกิดความทุกข์ทั้งสองฝ่าย ความอาฆาตแค้นนั้นมันทำให้ทุกข์แสนสาหัส กรรมที่เธอได้กระทำลงไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ก็สมควรได้รับกรรมอยู่ แต่บัดนี้เธอก็กำลังได้รับกรรมแล้ว ขอท่านจงโปรดอโหสิกรรมเถิด ให้น้อมระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์เป็นที่ตั้ง พร้อมกับกล่าวอโหสิกรรมเถิด แล้วท่านจักพ้นทุกข์ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ผมได้แผ่เมตตาพร้อมกับอัญเชิญพลานุภาพทั้งหลายด้วยหัวจิตหัวใจที่บริสุทธิ์ของผม พร้อมกับถ่ายเทพลังเข้าสู่ร่างกายของเธอประมาณ 5 นาที เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากเสร็จสิ้นลงผมถามเธอว่า รู้สึกเช่นไร เธอระล่ำระลักออกมาพร้อมน้ำตาว่า รู้สึกดีมีพลังอันอบอุ่นวิ่งไปทั่วกายของเธอ ผมจึงบอกเธอว่า มาภาวนาและช่วยเหลือทางวัดนะ เอาธรรมภาวนาเป็นโอสถนะ อุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรด้วยการภาวนานะ เพราะผมบอกเจ้ากรรมนายเวรไว้แบบนั้น เธอยกมือไหว้ผมหลายครั้ง (ความจริงผมไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวรหรอก แต่รู้สึกว่ามีคลื่นบางอย่างสื่อกลับมา)

    ท่านทั้งหลาย หัวจิตหัวใจแห่งความเมตตาอันบริสุทธิ์นั้น มันชั่งมีพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ ที่ผมไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาเป็นตัวอักษรได้ แม้จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยการให้กำลังใจคนที่กำลังอยู่ในความทุกข์แสนสาหัสนั้น ก็นับเป็นกุศลที่ประเสริฐแล้ว ผมได้กระทำลงไปแล้ว แม้จะเสี่ยงต่อการถูกอาฆาตของเจ้ากรรมนายเวรของผู้อื่น แต่จิตอันเมตตานั้น มันลืมเรื่องนี้ไปทันที นี่คือประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดในการบำเพ็ญของผม จริตของผมมันก็เป็นอย่างนี้ และตลอดไป

    พวกเราเดินทางกลับถึงหนองคายประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม ผม คุณหนุ่ม และคุณณี ขอแยกกลับโคราชที่ด่านเข้าเมืองหนองคาย กลับถึงโคราชประมาณเกือบตีหนึ่ง ตื่นเช้ามาต่างคนต่างกลับไปทำงานเช่นเคย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านอ่านจบลงแล้ว ท่านคิดอย่างไร หากเกิดประโยชน์อยู่บ้าง ผมก็ขออนุโมทนา แต่หากเป็นเรื่องที่ไร้สาระ ก็ขอให้ท่านวางเฉยเสีย นึกเสียว่าเป็นการอ่านนิยายเรื่องหนึ่งก็พอนะครับ ส่วนผมก็ได้ทำหน้าที่ในเรื่องนี้จบลงอย่างบริบูรณ์แล้ว ก็ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขความเจริญทุกท่านเทอญ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    17 มีนาคม 2555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      494.1 KB
      เปิดดู:
      1,701
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      459.6 KB
      เปิดดู:
      1,920
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      329 KB
      เปิดดู:
      1,855
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      300.8 KB
      เปิดดู:
      1,747
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      495.8 KB
      เปิดดู:
      1,632
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      506.8 KB
      เปิดดู:
      1,677
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      428.1 KB
      เปิดดู:
      1,663
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      639.6 KB
      เปิดดู:
      1,663
    • DSCN6428.jpg
      DSCN6428.jpg
      ขนาดไฟล์:
      466.7 KB
      เปิดดู:
      1,582
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      485 KB
      เปิดดู:
      1,534
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      459.8 KB
      เปิดดู:
      1,631
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      404.4 KB
      เปิดดู:
      1,600
    • 14.jpg
      14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      483.7 KB
      เปิดดู:
      3,082
    • 15.jpg
      15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      467.4 KB
      เปิดดู:
      1,444
    • 17.jpg
      17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      434.6 KB
      เปิดดู:
      1,514
    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      520.1 KB
      เปิดดู:
      1,522
    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      343.9 KB
      เปิดดู:
      1,576
    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      415.3 KB
      เปิดดู:
      1,502
    • 18.jpg
      18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      588.6 KB
      เปิดดู:
      1,512
    • 20.jpg
      20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      606.4 KB
      เปิดดู:
      1,416
    • ลาว1.jpg
      ลาว1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      636 KB
      เปิดดู:
      1,498
    • ลาว2.jpg
      ลาว2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      672.4 KB
      เปิดดู:
      1,476
    • ลาว3.jpg
      ลาว3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      683.1 KB
      เปิดดู:
      1,445
    • 003.jpg
      003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      544.6 KB
      เปิดดู:
      1,480
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2012
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]
    LOGO ท่านภู...ความคิดดี ทรงคุณค่าและบารมี ชอบครับ :)
    [​IMG]
    LOGO ใหม่ครูชาติ งามดีอยู่ แต่ภาพบ่ค่อยชัดปานใด๋เด๊อ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]
    การพนมมือถ่ายภาพกับพระสงฆ์ เป็นเอกลักษณ์อันงดงามดีหลายเนาะ
    โมทนาสาธุกับกุศลจักอัญเชิญพระบรมฯสู่ประเทศเพื่อนบ้านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    เรียนท่านที่ประมูลองค์พระสมเด็จ นำภาพมาฝากเพิ่มเติม(ค่อยดูชุดเต็มวันจันทร์)ครับ
    คาดว่าวันที่จักอัญเชิญไปภูดานไห "รัก" คงร่อนหลุดออกมาทั้งหน้าและหลัง
    เผยให้เห็นมวลสารแตกลายงา...ระยิบระยับ...แปลกดีแต๊!
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1270701.jpg
      P1270701.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.1 KB
      เปิดดู:
      5,644
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  18. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    <CENTER>พระธาตุบังพวน</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER><CENTER>
    [​IMG]</CENTER>


    พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งของจังหวัดหนองคาย และเป็นพระธาตุที่สำคัญองค์หนึ่งของภาคอีสาน ประดิษฐานอยู่ ณ บ้านพระธาตุบังพวน ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
    ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวว่า พระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหาน สกลนคร พระยาคำแดง เจ้าเมืองหนองหารน้อย อุดรธานี พระยาจุลณี พรหมทัต เจ้าเมืองจุลณี (ลาวเหนือ) พระยาอินทปัตนคร เจ้าเมืองอินทปัตนนนคร (เขมร) และพระยานันทเสน เจ้าเมืองศรีโคตรบูรณ์หลวง (ตรงข้ามนครพนม) ได้ร่วมกันอุปถัมภ์ พระมหากัสสเถระ พร้อมด้วยพระอรหันต์ อีก 500 องค์ ทำการก่อสร้างพระธาตุพนม แล้วเสร็จ และได้บรรลุพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด ต่อมาได้เดินทางไปสู่แดนพุทธภูมิ เพื่อไปอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ นำมาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ 4 แห่งคือ บริเวณเมืองหนองคาย และเมืองเวียงจันทน์ หนึ่งในสี่แห่งนั้น คือพระธาตุบังพวน ซึ่งได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาพักที่ร่มไม้ปาแป้ง (ไม้โพธิ) ณ ภูเขาหลวง อันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ พระธาตุบังพวนปัจจุบัน
    จากการสำรวจทางโบราณคดีพบว่า พระธาตุบังพวนได้มีการก่อสร้างสืบเนื่องกันมาสามสมัย คือ ฐานเดิมสร้างด้วยศิลาแลง ชั้นที่สองสร้างด้วยอิฐครอบชั้นแรก และต่อมาได้มีการก่อสร้างให้มีขนาดสูงใหญ่ขึ้น จากจารึกที่ฐานพระพุทธรูปที่ขุดได้ 4 องค์ ในจำนวนทั้งหมด 6 องค์ ระบุศักราชที่สร้างไว้ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2118 พ.ศ. 2150 พ.ศ. 2158 และ พ.ศ. 2167 และข้อความในจารึกเมื่อ พ.ศ. 2167 มีประวัติในการสร้าง โดยได้กล่าวถึงพระเจ้าโพธิสาลราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง มีราชธานีอยู่ที่นครเชียงทอง ซึ่งก็ตรงกับรูปแบบการก่อสร้างโบราณสถานในบริเวณวัดพระธาตุบังพวน ที่แสดงถึงอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง

    พระธาตุบังพวน เป็นพระสถูปเจดีย์ทรงเรือนปราสาทสี่เหลี่ยม เป็นองค์ประธานซึ่งมีชื่ออยู่ในศิลาจารึกว่า พระธาตุบังพวนพระเจดีย์ศรีสัตตมหาทาน ภายในวัดมีกลุ่มพระธาตุขนาดต่าง ๆ อีก 15 องค์ สันนิษฐานว่า คงจะสร้างในสมัยใกล้เคียงกันกับพระธาตุบังพวน มีวิหาร 3 หลัง อุโบสถ 1 หลัง สระน้ำ และบ่อน้ำโบราณ นอกจากนั้นยังมีโบราณสถานอีกกลุ่มหนึ่ง ภายในบริเวณเดียวกัน เรียกว่า สัตตมหาสถาน อันเป็นสถานที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธประวัติ เมื่อครั้งแรกตรัสรู้ พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย สัตตมหาสถานที่สร้างขึ้นมาภายหลัง มีอยู่ 3 แห่งอยู่ ที่ประเทศพม่าหนึ่งแห่ง และที่ประเทศไทยสองแห่ง คือที่วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ และที่วัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคายแห่งนี้

    สัตตสถานที่วัดพระธาตุบังพวนยังมีครบถ้วนทั้งเจ็ดองค์ และมีแผนที่ตั้งเหมือนกันกับที่พุทธคยา ประมวลได้ดังนี้



    <CENTER>
    พระโพธิบัลลังก์

    [​IMG]</CENTER>

    ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง สร้างด้วยศิลาแลงและอิฐ เป็นพระสถูปทรงกลมสูงประมาณ สองเมตรครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ เจ็ดเมตรครึ่ง โพธิบัลลังก์หรือวัชรอาสน์นี้ เป็นอาสน์ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่ง เพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิต จนบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อวันเพ็ญเดือนหก ก่อนพระพุทธศักราช 45 ปี ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎก กล่าวว่า พระพุทธองค์ได้ทรงประทับนั่งอยู่บนโพธิบัลลังก์นี้เป็นเวลา 7 วัน ทรงพิจารณาธรรมที่ตรัสรู้แล้วคือ ปฏิจจสมุปบาท ทั้งสายเกิด และสายดับ กลับไปกลับมา ขณะพิจรณาธรรมทั้งสามในราตรีนั้น แล้วเปล่งพุทธอุทานในแต่ละยามดังนี้


    อุทานในยามต้นว่า <CENTER>เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีพียรเพ่งอยู่
    เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อมสิ้นไป เพราะมารู้แจ้งธรรมว่าเกิดแต่เหตุ</CENTER>


    อุทานในยามเป็นท่ามกลางว่า <CENTER>เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่
    เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้น ย่อมสิ้นไป เพราะได้รู้ความสิ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย</CENTER>


    อุทานในยามที่สุดว่า <CENTER>เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฎแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่
    เมื่อนั้น พราหมณ์นั้นย่อมกำจัดมารและเสนาเสียได้ ดุจพระอาทิตย์อุทัยกำจัดมืด ทำอากาศให้สว่างฉะนั้น

    พระอนิมมิสเจดีย์

    [​IMG]</CENTER>

    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐสอปูน ตามพุทธประวัติจากอรรถกถา กล่าวว่า เมื่อพระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ได้เสด็จมาประทับยืนอยู่ ณ ที่นี้ แล้วทรงทอดพระเนตรดูต้นพระศรีมหาโพธิ ที่ให้ร่มเงาปกคลุมโพธิบัลลังก์ อยู่ 7 วัน


    <CENTER>
    พระรัตนจงกรมเจดีย์</CENTER>
    ที่พุทธคยาจะตั้งอยู่ระหว่างพระโพธิบัลลังก์กับพระอนิมมิสเจดีย์ แต่ที่วัดพระธาตุบังพวนนั้น พระรัตนจงกรมเจดีย์ตั้งอยู่ค่อนไปทางเหนือ เป็นพระเจดีย์ก่อด้วยอิฐสอปูน มีลาดพระบาทก่อด้วยอิฐกว้างประมาณสองเมตรครึ่ง จรดพระอนิมมิสเจดีย์ ตอนกลางมีรอยพระพุทธบาทใหญ่ ตามพุทธประวัติจากอรรถกถา กล่าวว่า เมื่อพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่อนิมมิสเจดีย์ ครบ 7 วัน แล้ว ได้ทรงเดินจงกรม เพื่อพิจารณาบรรดาสัตว์โลกที่จะเสด็จไปโปรด อยู่ 7 วัน



    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>พระรัตนฆรเจดีย์</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ที่พุทธคยา จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระโพธิบัลลังก์ แต่ที่วัดพระธาตุบังพวน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เป็นพระเจดีย์สี่เหลี่ยมย่อมุม ก่อด้วยอิฐสอปูนขนาดใหญ่ ทรงปราสาทเรือนธาตุ มีซุ้มและพระพุทธรูปปางสมาธิ ตามพุทธประวัติจากอรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน ทรงประทับอยู่ที่เรือนแก้วที่เทวดานิรมิตถวาย บังเกิดฉัพพรรณรังษีรอบพระวรกาย


    <CENTER>พระอชปาลนิโครธเจดีย์

    [​IMG]</CENTER>

    ที่พุทธคยาจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ที่วัดพระธาตุบังพวน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นพระสถูปเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม มีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิ ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎก กล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงโต้ตอบกับพราหมณ์ผู้มีทิฐิมานะคนหนึ่ง ที่ชอบว่าคนอื่น ตามอรรถกถากล่าวว่า ทรงมีพุทธฎีกาต่อธิดาพญามาร 3 ตน มีนามว่า ตัณหา ราคา และอรดี ที่รับอาสาพญามารนามว่า วสวัตตี ผู้เป็นพ่อ มายั่วยวนพระพุทธเจ้า แต่ก็พ่ายแพ้อันตรธานไปในที่สุด พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ ที่นี่เป็นเวลา 7 วัน


    <CENTER>
    พระมุจลินทเจดีย์

    [​IMG]</CENTER>

    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อยู่คู่กับสระน้ำ ที่พระธาตุบังพวน ได้สร้างวิหารแบบโปร่งไม่มีผนัง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ที่สระน้ำมีรูปปั้นพระยานาค 7 เศียร อยู่กลางสระ ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎกกล่าวว่า ช่วงนี้อยู่ในสัปดาห์ที่สามหลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับอยู่ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ในช่วงเวลาที่ฝนตกพรำตลอด 7 วัน พญามุจลินทนาคราชได้ขึ้นมาขนดและแผ่พังพาน เพื่อบังลมและฝนให้ เมื่อพายุหายแล้ว ก็คลายขนด จำแลงกายเป็นมาณพน้อย ยืนประคองอัญชลีนมัสการพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเปล่งพุทธอุทานว่า


    <CENTER>ความสงัดของผู้ที่ยินดีในธรรมเป็นสุข การระมัดระวังไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย
    การละกามคุณได้เป็นสุข การละอัสมิมานะ (ความถือตัว) เสียได้เป็นสุขอย่างยิ่ง


    พระราชายตนะเจดีย์

    [​IMG]</CENTER>

    ตั้งอยู่ทางทิศใต้ เป็นพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม และมีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิ เช่นเดียวกับ อชปาลนิโครธเจดีย์ ตามพุทธประวัติจากพระไตรปิฎกกล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ 4 หลังการตรัสรู้ พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปประทับที่ใต้ต้นราชายตนะ (ต้นเกตุ) ณ ที่นี้ได้มีพ่อค้าสองคน มีนามว่า ตปุสสะ กับ ภัลลิกะมาพบ ได้ถวายข้าวสัตตุก้อน และสัตตุผง และได้เปล่งวาจาถึงพระพุทธและพระธรรม เป็นสรณะ เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีพระสงฆ์



    <CENTER>

    [​IMG]</CENTER>


    พระธาตุบังพวน ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้าง และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยต่อมา แต่ไม่ต่อเนื่องนัก ในระยะหลังจึงทรุดโทรมมาก และได้พังทะลายลงมา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2513 กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการบูรณขึ้นใหม่ โดยก่อคอนกรีตเสริมฐานเดิม ซึ่งที่ฐานล่างเป็นศิลาแลง ต่อมาเป็นฐานทักษิณ 3 ชั้น บัวคว่ำ 2 ชั้น ต่อด้วยปรางค์สี่เหลี่ยมบัวปากระฆัง บัวสายรัด 3 ชั้น รับดวงปลีบัวตูม แล้วตั้งฉัตร 5 ชั้น ฐานล่างรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละประมาณสิบเจ็ดเมตร สูงถึงยอดฉัตรประมาณสามสิบสี่เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้ง สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน และร่วมยกฉัตรสู่ยอดพระธาตุบังพวน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521




    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ในวันเพ็ญเดือนสาม ของทุกปี จะมีงานเทศกาลนมัสการ พระธาตุบังพวน เป็นเวลา 5 วัน 5 คืน


    ข้อมูลจาก http://www1.mod.go.th/heritage/religion/pratat/bung.htm
    </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2012
  19. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ขอเชิญบูชาพระเพื่อสร้างวัดภูดานไห (ต่อ)

    ผมได้รับความกรุณาจากท่านเด่น จากจังหวัดสงขลา ส่งพระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีด(วังหน้า) จำนวน 5 องค์ พระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุ 3 องค์ รูปหล่อหลวงปู่ทวด (วังหน้า) เนื้อว่าน จำนวน 6 องค์ รูปหล่อพระปิดตาหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร(วังหน้า) เนื้อว่าน จำนวน 5 องค์ บริจาคมาเพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้เช่าบูชาเพื่อนำเงินปัจจัยทั้งหมด น้อมถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช เพื่อสร้างวัดภูดานไหต่อไป


    โดยมีเงื่อนไขในการบูชาเช่นเดิมคือ บูชาองค์ละ 1,100 บาท รวมค่ากรอบแสตนเลสและค่าส่งไปรษณีภัณฑ์อีก 100 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น องค์ละ 1,200 บาท ผู้ใดสนใจกรุณาแจ้งมาที่ผมตามที่อยู่อีเมลล์นี้

    dr.natdhnond@gmail.com
    dr.natdhnond@hotmail.com

    พร้อมแจ้งที่อยู่เพื่อจัดส่งไปให้ท่าน ส่วนการโอนเงินให้โอนเข้าบัญชีของผม โดยจะแจ้งทางอีเมลล์อีกครั้ง และโปรดแจ้งความประสงค์ว่าต้องการพระอะไรมาด้วยนะครับ

    หมายเหตุ อาจจัดส่งให้ท่านล่าช้า หรืออาจผิดพลาดส่งพระผิดก็อาจเป็นได้ เนื่องจากมีจำนวนมาก และผมอาจไม่มีเวลาในช่วงนี้ จึงต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ ส่วนพระของท่านพิเชฐ เป็นพระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีด(วังหน้า) คงทยอยออกมาในภายหลังนะครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    18 มีนาคม 2555


    [​IMG]

    (1) พระสมเด็จประดับพระบรมสารีริกธาตุ (TOP4)

    [​IMG]

    (2) รูปหล่อหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน (วังหน้า)

    [​IMG]

    (3) พระปิดตาหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรเนื้อว่าน (วังหน้า)

    [​IMG]
    [​IMG]

    (4) พระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีด (วังหน้า)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN7304.JPG
      DSCN7304.JPG
      ขนาดไฟล์:
      688.9 KB
      เปิดดู:
      3,089
    • DSCN7309.JPG
      DSCN7309.JPG
      ขนาดไฟล์:
      360.8 KB
      เปิดดู:
      2,945
    • DSCN7307.JPG
      DSCN7307.JPG
      ขนาดไฟล์:
      375.7 KB
      เปิดดู:
      3,166
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2012
  20. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    ขอบคุณท่าน IT MAN เด้อที่ชม ภาพถ่ายที่ไม่ชัด เนื่องจากการประพฤติปฏิบัติของข่อยยังเป็นไปแบบลุ่มๆ ดอนๆ ภาพที่ออกมาก็เลยไม่ชัด หากอยากเห็นของจริงเอาไว้วันที่ 23 ค่อยมาดูเด้อ ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...