***กสินใน 1 วัน / อรูปฌาน4 ใน 1 วัน***

อนุโมทนาบุญคุณGluayNewman ด้วยนะคะ

 

อิทธิบาท 4 เพื่อดำรงขันธ์

ในตำรากล่าวถึงการเจริญอิทธิบาท 4 ของพระอริยเจ้า เพื่อจะดำรงขันธ์ไว้ให้นานที่สุด
เพราะท่านต้องการช่วยคนให้มากที่สุดนั่นเอง
ตำราเรียกว่า เจริญอิทธิบาท 4 ในสมาธิแบบ "อนิมิตเจโตสมาธิ"
อธิบายได้ว่า : " สมาธิที่เกิดขึ้นพร้อมกับวิปัสสนาญาณ เป็น อนิมิตสมาธิ
เพราะ พิจารณาเห็นอยู่แต่ความแตกดับไปของสังขารขันธ์
และละวิปลาสธรรม คือ ฆนนิมิต(เห็นผิดว่ามีรูปร่างสัณฐาน) และ นิจจนิมิต(เห็นผิดว่าเทียง) ได้ "

สมาธิของปุถุชนกับพระอริยะต่างกันตรงที่ จิตของพระอริยะมีนิพพานเป็น Base
(ขอโทษนะครับที่ใช้ภาษาอังกฤษ เพราะไม่ทราบจะใชัภาษาไทยคำไหนถึงจะตรง)
นิพพพานเป็น Base เพราะตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป เมื่อจิตเริ่มทิ้งความยึดถือในตัวตน
สลัดคืนสู่ธรรมชาติ จิตจะออกจากความยึดในขันธ์ทั้ง 5 ไปรวมเป็นหนึ่งกับนิพพาน
ที่เราเรียกกันว่า บรรลุ หรือ ตกกระแสครับ...เป็นแค่คำพูดนะครับ
จิตพระอริยะ อยู่เหนือจินตนาการแล้ว อธิบายอย่างไรก็ไม่ถูก ว่ามีกระบวนการยังไง

เมื่อจิตเป็นหนึ่ง จิตจึงพ้นซึ่งความเกิดดับ เป็นอยู่เอง ไม่มีความเปลี่ยนแปลง
เมื่อนั้นเรียกว่ามีนิพพานเป็น Base
ตรงนี้กระมังครับ ที่เรียกว่า "อนิมิตเจโตสมาธิ"
ถ้าจะจัดเป็นระดับของสมาธิ คือ ปฐมฌาน เป็นฌานของพระอริยะ ที่ไม่มีการเข้า การออก
เป็นอยู่เอง จากสภาพที่ไม่เกิดดับ และทรงตัวอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
นี่คือสติที่ก่อตัวเป็นมหาสติ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ขาดตอน

หากท่านต้องการเจริญอิทธิบาท 4 ก็โดยการต่อยอดจากปฐมฌานนี้
(พระอนาคามี มีฌานในระดับ ฌาน 4 ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีสมาธิสมบูรณ์ หรือถึงซึ่ง มหาสติ)
อิทธิบาท เริ่มจากมีฉันทะ คือความพึงใจจากการที่ต้องการรักษาขันธ์เพื่อช่วยสรรพสัตว์
วิริยะ พากเพียรในการรักษา ทั้งร่างกายและจิตใจ
จิตตะ หมั่นระวัง ดูแล อย่าให้อะไรมาเบียดเบียน ร่างกาย และจิตใจได้
วิมังสา ก็คอยพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ในการที่จะรักษาขันธ์ไว้
พระอริยเจ้า ไม่ได้เข้าสมาธิ อย่างที่เราเข้าใจกัน แต่จิตท่านดำรงความเป็นสมาธิอยู่เอง
การกระทำทุกอย่างจึงอยู่บนพื้นฐานจิตที่เป็นสมาธิ อนิมิตเจโตสมาธิ สมาธิที่มีนิพพานเป็น Base
ยกเว้นอาจะ เพิ่มกำลัง ของสมาธิเข้าไปในกรณี จะใช้อภิญญา

หลวงพ่อสมบูรณ์ ประกาศว่าต้องการอยู่อีก 10 ปี เพื่อเผยแพร่
ผมพอจะทราบว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่
จิตของพระอริยเจ้า มีอะไรๆ มากกว่าที่ตำรากล่าว มากกว่าที่เราจะคาดคะเน หรือไปวิเคราะห์
ถ้าไปถามว่า ท่านทำอย่างไร ท่านก็จะตอบเป็นภาษาที่ง่ายๆ ที่สุด เหมือนไม่มีอะไรเลย
เช่น ก็คอยระวังซิ คอยดูแลไว้ ...อะไรแบบนี้ครับ

เมื่อถึงวันนั้น ถ้าเราไปถึง เราจะรู้เองครับ ว่าทำยังไง เป็นสิ่งที่เหนือการคะเนของปุถุชน
การอธิบายด้วยตำรา เป็นเพียงความเข้าใจส่วนเล็กๆ ส่วนเดียว
ไม่สามารถบอกได้จริงๆ ครับ

แล้วจริงๆ ไม่ใช่ท่านบอกไม่ได้ หรือไม่ต้องการบอก
แต่เราต่างหาก ไม่มีทางเข้าใจ

 

การที่เราเจริญสติจนสามารถเห็นความคิด(ก่อนคิด)แล้วหยุดความคิดไว้ ความว่างเข้ามาแทนที่ รู้สึกอิ่มเอม สดใส ขนผอง แม้ออกจากวิปัสนาก็ยังมีอาการปิติเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลานาน แต่ยังไม่สามารถให้มันดำรงอยู่กับเราตลอดเวลา(ทำกิจกรรม)เราควรแก้ไขตรงไหนครับ?

 

คุณChangnoy ถือว่ามีพื้นฐานมาพอสมควรแล้วครับ ที่เห็นจิตก่อนคิดได้

การที่มีความว่างมาแทนที่เมื่อความคิดดับ เป็นไปได้ 2 กรณีครับ

1 จิตว่างจากการปรุงแต่ง ความปรุงแต่งคือความคิดดับ จิตจึงว่าง เป็นจิตเดิมๆ ที่ไม่มีอะไร
2 จิตไม่คิด แต่ไปจับเอาความว่าง คืออรูป (อากาสานัญจายตนะ) เข้ามาแทน อันนี้ไม่ใช่หยุดปรุง แต่ไปปรุงความว่าง
เรียกกันงงๆ ว่า จิตไม่ว่างจากความว่าง ครับ

ความว่างเป็นอารมณ์ละเอียด สังเกตุยาก.... แต่ตามที่คุณ Changnoy เล่ามา เป็นประเด็นที่ 2 ครับ
คือจิตยังปรุงอรูปอยู่ ไม่ได้ว่าง เป็นจิตเดิมจริงๆ มีอารมณ์ของอรูปอยู่ จึงมีปีติ เกิดขึ้น เป็นผลจากองค์ฌาน
ที่ผมกล่าวเช่นนั้น เพราะว่าคุณ Changnoy มีการ "ออก" จากวิปัสสนา
จิตว่างไม่มีการเข้า การออกครับ เป็นธรรมชาติเดิมๆ ไม่มีการปรุง จึงไม่มีการเข้าหรือออก ...ว่างจากการเข้าและออก
ถ้ารู้จักจิตเดิมแล้ว ฌานแม้จะวิเศษเพียงไร ...มันจะหมดความหมายไปเลยครับ

ตรงนี้ ถ้าสนใจจะเข้าถึงจิตเดิมจริงๆ ผมชี้แนะให้ได้ แต่ถ้าแค่เขียนบอก ....พูดตรงๆ ไม่มีทางครับ
ต้องมาชี้แนะกัน พูดคุยกัน สะดวกมาที่เสวนาวันอาทิตย์นี้ ไม๊ครับ ตาม Link ที่ผมโพสไปแล้ว

หรือจะโทรคุยกัน หรือนัดเจอเลยก็ได้นะครับ ช่วงนี้ ผมทำงานชี้แนะตรงนี้โดยตรงเลย ไม่ได้ทำอย่างอื่นแล้ว
แนะไปหลายคนแล้วครับ ได้ผลทุกคน อย่างน้อยๆ ก็เข้าใจเส้นทางการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์จริงๆ มากขึ้น

คุณ Changnoy มีพื้นฐานแบบนี้แล้ว ไม่ยากครับ ....ตามรายละเอียดนี้เลย
เข้าสู่ระบบ | Facebook

 

ขอบคุณครับ ท่านGluaynewman
นั่นแหละปัญหาที่ผมเจอ ผมมั่นใจว่าผมเคยพบแล้ว แต่ไม่สามารถดำรงไว้ได้คือมันตันไม่ก้าวหน้าท่านพอจะบอกแนวทางคร่าวๆก่อนได้ไหม?

 

สิ่งที่คุณ Changnoy พบ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆ คงต้องสอบอารมณ์กันก่อนน่ะครับ โพสบอกตรงนี้คงจะตรงได้ยาก เรื่องอรูป ไม่ใช่เรื่องที่จะมาสื่อผ่านการเขียนได้ง่ายๆ ไม่ใช่กั๊กนะครับ แต่ต้องสอบถามกันก่อนจริงๆ เดี๋ยวแนะผิดไปแล้วจะไม่ได้ผล หรืออาจชี้ทางไปผิดๆ ก็ได้

ลองโทรมาคุยกันก่อนก็ได้ครับ ผมสอบอารมณ์และชี้แนะทางโทรศัพท์ได้ครับ...
ผมแนะมาเยอะแล้วครับ ผู้มีฌานลึกกว่านี้ก็มี ขนาดทรงฌาน 3 ได้เกือบทั้งวันเลยก็ยังเคยเจอ ทรงทั้งๆ ลืมตานี่แหละครับ
ผมมีประสบการณ์เยอะจริงๆ เจอมาทุกรูปแบบ ชี้แนะแล้ว ส่วนมากได้ผล แต่พูดมากไปก็เหมือนการโอ้อวดน่ะครับ
ยินดีแนะนำ สำหรับผู้ไฝ่ธรรมทุกท่านครับ ท่านใดก็ได้นะครับ โทรมาเลย ทุกวันนี้ก็ทำตรงนี้อยู่แล้ว เรียกว่าเป็นอาชีพเลยก็ได้

ถ้าแนะแล้วไม่ดี ไม่ใช่ ก็เลิกกันไปครับ ไม่มีการผูกมัดอะไรกัน ....แบบสบายๆ

 

ขออนุโมทนากับ ท่าน Gluaynewman ที่เสียสละตนเองทำการเพื่อส่วนร่วมเพื่อพระพุทธศาสนา

กระทู้ที่ท่านอธิบายธรรมนี้เป็นกระทู้ที่ง่ายต่อความเข้าใจ ง่ายต่อผู้ปฏิบัติธรรม

 

สวัสดีครับ คุณ Ononon ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง ทางออนไลน์
ขอเชิญแบ่งปันธรรมะที่กระทู้ผมได้เลยนะครับ

 

โอวาทปาฏิโมกข์

เนื่องในวันมาฆบูชา พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
.......ทำดี ละชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์............

ถ้าเราพูดถึงภาษาจิต ภาษาปฏิบัติ...
ทำดี = ทำจิตให้ดีๆ คือทำให้ผ่อนคลาย สบายๆ ตามธรรมชาติ
ละชั่ว = ปล่อยให้อะไรๆ ที่คั่งค้างในจิตให้ผ่านไป ทิ้งออกไป
ทำใจให้บริสุทธิ์ = เมื่อทำดี และละชั่วแล้ว จิตก็จะบริสุทธิ์ ว่าง

ผมเชื่อว่าธรรมะพระพุทธเจ้ามีหลายระดับ
แต่พระประสงค์ของท่านคือให้เราพ้นทุกข์
ขอให้ถือประโยชน์จากพุทธวจนะอย่างสูงสุดครับ

 

ความกลัวตาย

เป็นพื้นฐานของจิตใจของคนทุกคนใ<wbr>นส่วนลึกที่สุดเลย
ทุกชีวิตมีความกลัวตายเป็นสัญชา<wbr>ติญาณ
จริงๆ มันก็คือกลัวความทุกข์ที่เกิดจา<wbr>กการพลัดพราก สูญเสีย นั่นแหละ
แม้แต่สัตว์ (หรือพืช?) ก็มีสัญชาตญาณนี้

บางคนกล่าวว่าไม่กลัวตาย แต่เชื่อเถิดครับ
เวลาเจอเหตุการณ์เฉียดตายจริงๆ บางทีใจสั่น ตัวชา ตั้งสติไม่อยู่เลยก็มี
แม้จะไม่กลัวตายเพียงไร ก็มีความกลัวในภพชาติอยู่
ลึกๆ แอบตั้งความหวัง หรืออธิษฐานให้ชาติหน้าไปเกิดดี<wbr>ๆ
ไปเกิดในสวรรค์ ไปเป็นคนรวย อย่าจน อย่าทุกข์ยาก
ให้เกิดมาสบายๆ อย่าต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบชาตินี้
หรืออย่างน้อยก็ขอให้ได้ปฏิบัติ<wbr>ธรรมต่อ....
อย่าไปเกิดเป็นสัตว์ เป็นเปรต อสุรกาย หรือตกนรกเลย

ทั้งหมดนี้ก็คือความรู้สึกที่ออ<wbr>กมาจากสัญชาตญาณกลัวตายนี้เอง
มันสามารถกลัวเลยไปถึงชาติหน้าไ<wbr>ด้เลยนะครับ

จิตผู้ข้ามพ้นปุถุชนเข้าสู่อริย<wbr>ภูมิแล้ว
จะข้ามพ้นความกลัวนี้ไปได้ แม้ภูมิอริยชนชั้นต้นก็ตาม
หมดสิ้นความหมายของความกลัวในภพ<wbr>ภูมิ
พ้นสัญชาตญาณนี้ไปถึงชาติหน้า ชาติไหนๆ หากต้องมาเกิดอีก
เข้าถึงซึ่งความไม่เกิดไม่ดับ..<wbr>.. ชัดแจ้งได้ตามลำดับของภูมิธรรม
และความกลัวทุกอย่างจะขาดหมดสิ้<wbr>นจริงๆ เมื่อลุถึงพระอนาคามี
ครูบาอาจารย์ที่ถึงธรรมแล้วจึงไ<wbr>ม่มีความกลัวอะไรเลยครับ

เหตุนี้คือข้อหนึ่งที่พระพุทธเจ<wbr>้าสรรเสริญพระอริยบุคคลว่าประเส<wbr>ริฐกว่าปุถุชน
ชีวิตมีความรู้สึกปลอดภัย และมั่นคงสูงสุด
อริยบุคคลเป็นผู้ที่มีจิตข้ามพ้<wbr>นความรู้สึกในระดับสัญชาตญาณได้
ไม่ใช่แค่การคิดนึกเอา หากเป็นการเข้าถึง หรืออาการที่เรียกว่า...บรรลุ

ข้ามพ้นความกลัวให้ได้ในชาตินี้นะครับ ขอเป็นกำลังใจให้

 

วันนี้ขอนำ คำชี้แนะของศิษย์พี่ของผม เป็นความบังเอิญที่ชื่อ กล้วย เหมือนกันเลย
เลยมี กล้วยB1 และกล้วยB2

คุณกล้วย (B2) มีกฏสั้นๆ ง่ายๆ กับการปฏิบัติดังนี้
1 ต้องรู้จักความรู้สึกตัวบริสุทธ<wbr>์ตามธรรมชาติ (สติ+) ให้เป็นก่อน โดยผ่านกระบวนการ
รับรู้ภายใต้ความรู้สึกที่กายก่<wbr>อน (รูป) ไม่ใช่รู้นามก่อน (เวทนา จิต ธรรม) โดยอาศัย


กฏ ๓ ข้อที่ผมวางไว้ให้เทียบเคียง
๑ ระลึกรู้ รับรู้ ความรู้สึกทั้งกาย รู้หลวมๆ ไม่เจาะจงรู้อวัยวะเพียงบางส่วน
(ผู้มาใหม่อาจจะยากต้องหัดเคลื่<wbr>อนไหวไม่นั่งนิ่ง หรือ เดินจงกลม สร้างจังหวะ
เหมือน ลพ. เทียน จึงจะรับรู้ได้)
๒ รับรู้โดยไม่ตีความหมาย ไม่เทียบเคียง ไม่ให้ความหมาย (พูดหรือแสดงข้างใน)
ต่อความรู้สึกตัวบริสุทธ์...นี้<wbr>ทั้งสิ้น เช่น อันนี้คือ จิตปภัสสร อันนี้คือจิตเดิมแท้
๓ รับรู้โดยไม่พูดกำกับอิริยาบททั<wbr>้งในใจและออกเสียงทั้งสิ้น
(เช่น ก้าวซ้าย ก้าวขวา) และทุกๆ กรณี

2 เมื่อเข้าใจสติบริสุทธ์นี้แล้วใ<wbr>ห้ปลุกเขาบ่อยโดยนำไปผูกกับอริย<wbr>าบททั้ง 4 ในชีวิตประจำวัน คือ เมื่อเดินก็รับรู้ ความรู้สึกตัวบริสุทธ์.. เคลื่อนไหวใดๆ ก็ให้รับรู้ความรู้สึกตัว...
ในมือใหม่อาจต้องปลุกหรือกระตุ้<wbr>นการรับรู้หน่อยเพราะเขายังไม่ม<wbr>ีกำลังทำงานเองได้
ให้ฝึกในภาวะปกติ ไม่ใช่มีอารมณ์+ - (บวกหรือลบ) ขึ้นมาแล้วค่อยฝึก ให้อยู่ในชีวิตประจำวันให้ได้มา<wbr>กๆ
เวลาที่่ใช้ในการติดตั้งระบบสติ<wbr>บริสุทธ์..นี้ ประมาณ 1 - 3 เดือน
(step 1 และ 2 นี้ สำหรับผู้เริ่มต้น)
ครั้งต่อไปผมจะพูด 2 step หลังอีกที



เรื่องราวของเค้า คือความอัศจรรย์ในการเข้าถึงธรรมได้ ในเวลาเพียง 2 อาทิตย์ ในกระทู้นี้เลยครับ
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99-2-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88.313363/

 

ขออนุญาตขยายความเรื่อง รู้เฉยๆของท่าน GluayNewman นะครับ

รู้เฉยๆ คือ รู้ที่ปราศจากซึ่ง ความนึก คิดทั้งปวง เป็นรู้บริสุทธิ์ เป็นสติบริสุทธิ์ และก็เป็น วิมุตติ

วิมุตติ จึงประกอบไปด้วย อุเบกขา (สงบ จากความนึกคิด ทั้งปวง) และสติบริสุทธิ์ จิตผมก็เป็นแบบนี้ล่ะ

ตรงกับธรรมขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่

บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่

มีอุเบกขามีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌานที่พระอริยะสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข

บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และ
ดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
​

ผู้เข้าถึงธรรมย่อมรู้เห็นธรรมตรงกัน ผมกับ ท่าน GluayNewman ไม่รู้จักกัน และอธิบายธรรม ตรงกับธรรมขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน

รวมถึงไม่เคยรู้จักพระอาจารย์หลวงพ่อสมบูรณ์มาก่อน แต่รู้สึกเหมือนว่าเคยเห็น ท่านไปโปรดสัตว์นรก เมื่อนานมาแล้ว ไปเห็นในนรกนะครับ ท่านยังมามองหน้าผมใกล้เลย

พระที่เห็นคล้ายกับหลวงพ่อสมบูรณ์มาก โปรดสัตว์ในวันพระใหญ่ นะครับ

ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับคุณ ononon

 

วันนี้เอาเรื่องเบาๆ ก็แล้วกันครับ
ใครพอจะจำหนังเรื่อง The Matrix ได้บ้าง มันมีนัยะสำคัญอยู่หลายเรื่อง
ผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif][if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]The matrix (1)[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]The Matrix เป็นหนังที่มีความซับซ้อนและลึกซึ้ง เรื่องหนึ่ง ที่น่าจะมาวิเคราะห์[/FONT]
[FONT=&quot]ผู้กำกับสองพี่น้องวาชอสกี้ (เรื่องนี้ผู้กำกับสองคน) เป็นคนที่สนใจหลายเรื่อง[/FONT]
[FONT=&quot]เรื่องศาสนา ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น ชอบดูหนังกังฟูและไซไฟ และก็ชอบเล่นคอมพิวเตอร์[/FONT]
[FONT=&quot]พวกเค้าเลยผนวกทั้งหมดลงมาในหนังงที่พวกเขาเขียนบท และกำกับเอง[/FONT]
[FONT=&quot]ผมขอวิเคราะห์แต่ในเชิงศาสนานะครับ ท่านผู้อ่านเองก็ขอให้อ่านอย่างมีสติ[/FONT]
[FONT=&quot]รู้สึกตัว อย่าเพลินไปกับการอ่านอย่างเดียวนะครับ[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ผมขอกล่าวถึงเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้ก่อน เป็นเรื่องที่สนุก แต่ดูไม่ค่อยรู้เรื่องใช่ไม๊ครับ[/FONT]
[FONT=&quot]เรื่องมีอยู่ว่า มนุษย์ในอนาคต ได้สร้างหุ่นยนต์มาใช้งาน มาเป็นข้ารับใช้มนุษย์[/FONT]
[FONT=&quot]ก็โดนมนุษย์ใช้งานแบบคนรับใช้ แบบทาสน่ะครับ แต่มนุษย์พลาดไปหน่อยตรงที่[/FONT]
[FONT=&quot]ประดิษฐ์สมอง หรือที่เรียกว่าปัญญาสังเคราะห์ ([/FONT][FONT=&quot]AI=Aritificial Intellectgent)[/FONT]
[FONT=&quot]ถ้าแปลผิดท้วงด้วยนะครับ หุ่นยนต์จึงคิดเองได้ และเริ่มมีความรู้สึกด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]ทีนี้เมื่อโดนมนุษย์ใช้งานแบบข่มเหงมากๆ จริงเกิดเหตุว่ามีหุ่นตัวหนึ่งทนไม่ไหว[/FONT]
[FONT=&quot]มันฆ่าเจ้าของตายอย่างน่าอนาจ โอ... เกิดเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาทันที[/FONT]
[FONT=&quot]ส่วนกลางเรียกหุ่นรุ่นนี้มาทำลายจนหมด แต่เรื่องก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้[/FONT]
[FONT=&quot]คนที่โกรธแค้นก็ออกมาทำลายหุ่นตามท้องถนน เหมือนเป็นจลาจลทีเดียว[/FONT]
[FONT=&quot]พวกหุ่นเริ่มมีความรู้สึก เริ่มรู้สึกว่ามีตัวตน ก็พากันอพยพหนีคนไปตั้งเมืองอยู่กันเอง[/FONT]
[FONT=&quot]ในที่ห่างไกลออกไป เมืองหุ่นยนต์ที่ชื่ว่า [/FONT][FONT=&quot]01 ค่อยๆ เริ่มกลายเป็นเมืองใหญ่ยิ่งขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot]หุ่นยนต์สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาเอง และก็ผลิตสินค้ามาขายมนุษย์ด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]สินค้าที่สำคัญที่สุดคือ พลังไฟฟ้าขับเคลื่อน มาติดในยวดยานต่างๆ[/FONT]
[FONT=&quot]ทำให้ยานขับเคลื่อนโดนการลอยตัวบนอากาศ ไม่ต้องใช้น้ำมัน[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]มาถึงนี่แล้วย้อนกลับมาดูความรู้สึกทีนึงนะครับ จะได้ไม่เพลิน[/FONT]
[FONT=&quot]ต่อๆ... พวกหุ่นรู้สึกว่า พวกตนเป็นสมาชิกบนโลกนี้ เป็นเผ่าพันธ์หนึ่ง[/FONT]
[FONT=&quot]ดังนั้นจึงส่งทูตมาเจรจากับมนุษย์ เพื่อให้พวกตนมีสิทธิและเสรีภาพ เทียบเท่ากับมนุษย์[/FONT]
[FONT=&quot]ปรากฎว่าคำตอบของมนูษย์คือ ฆ่าทูตทิ้ง[/FONT][FONT=&quot]!! นั่นเป็นชนวนให้เกิดสงครามขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot]ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ ซึ่งเราก็พอจะเดาออกว่าใครจะได้เปรียบ[/FONT]
[FONT=&quot]ไม่เจ็บ ไม่หิว ไม่ต้องนอน ไม่เหนื่อยล้า หุ่นยนต์ไล่บี้ มนุษย์เริ่มล้มตายลงเรื่อยๆ[/FONT]
[FONT=&quot]สถานะการณ์เริ่มคับขัน มนุษย์ได้ประชุมกัน และคิดว่าควรตัดต้นตอพลังงานของหุ่น[/FONT]
[FONT=&quot]นั่นคือแสงอาทิตย์ หุ่นทั้งหมดใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มนุษย์เริ่มปฏิบัติการที่โง่ที่สุด[/FONT]
[FONT=&quot]เอาเครื่องบินไปโปรยระเบิดควันบนท้องฟ้า เพื่อบดบังแสงอาทิตย์[/FONT][FONT=&quot]!! โลกมืดลง[/FONT]
[FONT=&quot]ได้ผล หุ่นเริ่มระส่ำ พลังงานเริ่มถดถอย คนเริ่มจะได้เปรียบ แต่ก็ชั่วเวลาแป้ปเดียว[/FONT]
[FONT=&quot]เพราะหุ่นพบแหล่งพลังงานใหม่ พลังงานที่สามารถขับเคลื่อนหุ่นได้ทั้งเมือง[/FONT]
[FONT=&quot]พลังงานที่ว่าคือ มนุษย์[/FONT][FONT=&quot]!!! หุ่นพบว่ามนุษย์มีพลังงานไฟฟ้า [/FONT]
[FONT=&quot]สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากร่างกายได้ มันจึงเริ่มจับมนุษย์มาทำ ถ่านไฟฉาย[/FONT][FONT=&quot]!!! [/FONT]
[FONT=&quot]สติหลุดหรือยังครับ กลับมารู้ตัวเร็ววว[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ทีนี้มนุษย์ต้องหนีลูกเดียวแล้วครับ หุ่นจ้องจะจับตัวมาทำแหล่งพลังงาน[/FONT]
[FONT=&quot]คนรอดตายหนีไปทำที่อยู่ใต้ดิน ลึกไป [/FONT][FONT=&quot]4 กม. ชื่อเมืองไซออน เหลือรอดไม่มาก [/FONT]
[FONT=&quot]หุ่นเองก็ทำการศึกษามนุษย์ และก็เพาะพันธุ์มนุษย์เพิ่มขึ้น โดยเลี้ยงไว้ในหลอด[/FONT]
[FONT=&quot]หลอดตามในหนังนะครับ เรียกไม่ถูก แต่ปัญหาคือหุ่นพบว่ามนุษย์เริ่มตาย[/FONT]
[FONT=&quot]เพราะจิตใจทนอยู่กับการโดนขังนานๆ ไม่ไหว หุ่นมันฉลาดจริงๆ ครับ[/FONT]
[FONT=&quot]มันรู้แบบนี้ มันเลยสร้างโปรแกรมขึ้นโปรแกรมหนึ่ง ชื่อว่า [/FONT][FONT=&quot]Matrix [/FONT]
[FONT=&quot]เป็นโปรแกรมสร้างจินตนาการเสมือนจริงของโลกมนุษย์ก่อนสงคราม[/FONT]
[FONT=&quot]แล้วเชื่อมต่อจิตใจมนุษย์ที่เลี้ยงไว้ในหลอดทดลองนั่นกับโปรแกรมนี้[/FONT]
[FONT=&quot]มนุษย์จึงรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ในโลกปกติ มีการเจริญเติบโต[/FONT]
[FONT=&quot]เรียนหนังสือ ทำงาน มีครอบครัว ทำให้มนุษย์รู้สึกว่ายังอยู่บนโลก[/FONT]
[FONT=&quot]ไม่ได้อยู่ในหลอด จิตใจอยู่ใน[/FONT][FONT=&quot] Matrix ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้ในหลอด[/FONT]
[FONT=&quot]นี่คือที่มาของชื่อเรื่อง [/FONT][FONT=&quot]The Matrix ครับ หนุกไม๊ครับ แล้วสติหลุดไปกี่ที[/FONT]
[FONT=&quot]ค่อยเล่าต่อนะครับ[/FONT]

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif][if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]The Matrix (2)[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อมีปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า [/FONT][FONT=&quot]AI หุ่นยนต์คิดเองได้ มันจึงเริ่มมีความรู้สึก[/FONT]
[FONT=&quot]และมีอัตตาตัวตนในที่สุด มันจึงเกิดอารมณ์ต่างๆ รัก โกรธ เกลียด กลัว ฯลฯ[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา เหมือนปัญหาของมนุษย์ อัตตากะอัตตา ก็ย่อมเกิดขัดแย้งกัน[/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อเกิดสงคราม แน่นอน ผู้แข็งแรงกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ หุ่นยนต์ยึดครองโลก [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]อันนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นจริงในอนาคต ถ้ายังไม่เลิกค้นคว้า [/FONT][FONT=&quot]AI วันหนึ่งเราอาจมีรถยนต์ที่ขับเองได้[/FONT]
[FONT=&quot]แต่ถ้าเราไม่ล้างรถ ไม่ค่อยดูแลให้ดี วันนึงมันอาจสตาร์ทไม่ติดดื้อๆ หรือไม่ก็ขับหายออกจากบ้านไปเลย[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]แม้หุ่นยนต์จะกำชัยชนะยึดครองโลกมืดๆ นี้ไว้ แต่มนุษย์ยังมีความหวังในการกลับมาบ้านเดิมของตนอีกครั้ง[/FONT]
[FONT=&quot]ก็ยังทำสงครามในรูปแบบกองโจร เข้ามายึด "แบตเตอรี่" คือตัดแหล่งพลังงานของหุ่นยนต์ [/FONT]
[FONT=&quot]แต่ทั้งนี้เพราะความจำเป็นที่ต้องทำ เพราะต้องการช่วยเพื่อนมนุษย์ออกจากการถูกคุมขัง ถูกใช้เป็นแบตเตอรี่[/FONT]
[FONT=&quot]และที่เหนืออื่นใด มนูษยืซึ่งอยู่ใต้ดิน มีความหวังว่า วันหนึ่งจะมี [/FONT][FONT=&quot]The One หรือ ผู้ปลดปล่อย มาปลอดปล่อยมนุษย์[/FONT]
[FONT=&quot]มาหยุดสงครามตรงนี้ และอาจเป็นผู้นำชัยชนะมาสู่มนุษย์ มนุษย์สามารถกลับมามีชีวตปกติบนโลกอีกครั้ง[/FONT]
[FONT=&quot]ศาสนาหลายๆ ศาสนาเกิดมาจากความหวังที่จะมีชีวิตที่สูงขึ้น เช่นดั่งเหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้เช่นกันครับ[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]นีโอ เป็นคนหนึ่งที่ถูกเทพพยากรณ์ ทำนายไว้ว่าเป็น [/FONT][FONT=&quot]The One คนนั้น ซึ่งยังคงอยู่ในหลอดเลี้ยงของหุ่นยนต์[/FONT]
[FONT=&quot]และจิตก็ยังติดอยู่ใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix เป็นเรื่องแปลกที่เทพพยากรณ์ไม่ใช่มนุษย์ กลับเป็นโปรแกรมหนึ่งใน Matrix เท่านั้น[/FONT]
[FONT=&quot]แต่มนุษย์ก็เชื่อ เชื่อในคำทำนายนั้น ได้ส่งคนแฮ็คเข้ามาใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix เพื่อตามหานีโอ[/FONT]
[FONT=&quot]มนุษย์อยู่ใต้ดินใช้โปรแกรมแฮ็คเข้าไปใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix โดยการ "เสียบ" สายเชื่อมต่อเข้าไปที่ท้ายทอย เพื่อเชื่อมสมองกับโปรแกรม[/FONT]
[FONT=&quot]มนุษย์ก็มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่ในโลก [/FONT][FONT=&quot]Matrix ตรงนี้ Matrix เองก็มีโปรแกรมป้องกันและกำจัดคนที่แฮ็คเข้าไป[/FONT]
[FONT=&quot]ที่มีชื่อว่าโปรแกรมนักสืบ ([/FONT][FONT=&quot]Agent) โปรแกรมนี้มีความสามารถพิเศษ คือสามารถแทรกไปแทนที่โปรแกรมอื่นๆ ใน Matrix [/FONT]
[FONT=&quot]หมายความว่า เมื่อคุณอยู่ใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix คุณอาจจะโดนนักสืบยึดเอาร่างคุณ[/FONT]
[FONT=&quot]ยึดไปใช้ โดยแปลงร่างคุณเป็นนักสืบ แล้วคุณก็หายไป มันทำได้เพราะมันมีอำนาจใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix[/FONT]
[FONT=&quot]แถมยังเก่งด้วย มีพละกำลังและความเร็วมากผิดมนุษย์ เร็วขนาดหลบกระสุนปืนได้[/FONT]
[FONT=&quot]หัวหน้านักสืบผู้ที่มีบทบาทสำคัญในอนาคตคือ สมิธ คนนี้แหละที่จะเขย่าโลก[/FONT][FONT=&quot] Matrix และโลกหุ่นยนต์ในอนาคต[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]กล่าวถึงในส่วนนีโอเองก็ดูเหมือนว่ามีความรู้สึกว่าตนเองไม่ได้อยู่ในโลกของความจริง เหมือนอยู่ในความฝัน[/FONT]
[FONT=&quot]เขาได้รับการติดต่อจาก มอเฟียสและทรีนิตี้ (ชื่อทุกคนในเรื่อง มีความหมายทุกคน เช่น ทรีนิตี้ หมายถึง[/FONT]
[FONT=&quot]พระบิดา พระบุตร พระจิต) แม้จะโดนขัดขวางจากเหล่านักสืบ แต่ทั้งสองก็พบกันจนได้[/FONT]
[FONT=&quot]มอเฟียส พานีโอไปสู่โลกแห่งความจริง เขา "ตื่น" ขึ้นมาพบตัวเองนอนจมของเหลวอยู่ในหลอดเลี้ยง[/FONT]
[FONT=&quot]มีสายระโยงระยางเชื่อมตัวเองกับเครื่องจักรที่เรียงตัวกันราวกับตึกสูง ยากอธิบาย[/FONT]
[FONT=&quot]มองไปรอบๆ ก็พบคนอื่นๆที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตน นี่คือความจริง[/FONT][FONT=&quot]!!! ไม่ใช่อยู่บนโลก ตามที่ Martrix สร้างภาพขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อมีใคร "ตื่น" ขึ้นมาแบบนี้ หุ่นยนต์จะทำการ "ชักโครก" ทิ้ง ปล่อยให้ตาย เพราะหมดประโยชน์ [/FONT]
[FONT=&quot]มอเฟียสก็ได้นำยานไปรับตัว(จริง) ของนีโอ และก็บอกความจริงทั้งหมด พร้อมทั้งฝึกสอนนีโอในการต่อสู้[/FONT]
[FONT=&quot]เพื่อจะนำนีโอแฮ็คเข้าไปใน[/FONT][FONT=&quot] Matrix ด้วยมีความเชื่อว่า เค้าจะเป็นผู้ปลดปล่อยตามที่เทพพยากรณ์ทำนาย[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]นีโอได้พบกับเทพพยากรณ์ด้วยความงง เธอเป็นป้าที่ดูธรรมดาๆ และรู้สึกว่ามีคำถามมากมายเกี่ยวกับเธอ[/FONT]
[FONT=&quot]เธอจะเชื่อได้หรือ เธอคือโปรแกรมหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนด้วยซ้ำ ทำไมมอเฟียสถึงเชื่อเธออย่างหัวปักหัวปลำ[/FONT]
[FONT=&quot]และที่สำคัญที่สุด เราคือผู้ปลดปล่อย ผู้ที่จะมาหยุดสงครามจริงหรือ "เธอดูดีนะ แต่ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]เธอไม่ใช่ผู้นั้น" นั่นคือคำตอบของเทพพยากรณ์ นีโอเองก็เกือบเชื่อมอเฟียสจริงๆ ใช่เค้ารู้อยู่แก่ใจ เค้าเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง[/FONT]
[FONT=&quot]"อาจเป็นได้ ไม่รู้ซิ ชาติหน้ามั้ง" เทพพยากรณ์ ย้ำมาอีกที นีโอไม่ต้องการทำให้มอเฟียสผิดหวัง เขาเก็บคำพยากรณ์นี้ไว้[/FONT]
[FONT=&quot]ขาที่กำลังจะออกจาก [/FONT][FONT=&quot]Matrix ทีมของมอเฟียส (แฮ็คเข้ามาหลายคน) เกิดปะทะกับนักสืบพร้อมกองกำลัง[/FONT]
[FONT=&quot]เพราะในทีมของมอเฟียสมี(มนุษย์)คนหนึ่งหักหลัง เค้าทนไม่ได้กับการใช้ชีวิตบนโลกใต้ดินที่ลำบาก[/FONT]
[FONT=&quot]เขาขอกลับใช้ชีวิตหลอกๆ ในโลก [/FONT][FONT=&quot]Matrix ที่มีความรู้สึกว่าสุขสบายดีกว่า เขาได้แอบติดต่อกับสมิธ สมิธก็ขอแลกกับตัวของมอเฟียส[/FONT]
[FONT=&quot]ถ้าสมิธได้ตัวมอเฟีสไป เค้าก็จะสามารถได้โค้ท ที่จะแฮ็คเข้าไปสู่โลกใต้ดิน (ไซออน) ได้ เป็นความคิดของสมิธคนเดียว[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ถึงตรงนี้ เมื่อเปรียบเทียบโลก [/FONT][FONT=&quot]Matrix ซึ่งเป็นโลกแห่งความฝัน กับ ไซออน โลกแห่งความจริง โอ ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง[/FONT]
[FONT=&quot]มนุษย์ซึ่งอยู่ในภาวะสงครามย่อมมีความเป็นอยู่อย่างลำบาก เนื่อตัวสกปรก กินอยู่อย่างอัตคัต แต่พอแฮ็คเข้าไปใน[/FONT][FONT=&quot] Matrix[/FONT]
[FONT=&quot]แต่งตัวราวกับกระโดดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น พละกำลังแช็งแรง สภาพแวดล้อมสดใส บ้านเมืองสวยงาม [/FONT]
[FONT=&quot]น่าคิดว่า เรากำลังหลงโลกใบนี้เหมือนมนุษย์ใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix หรือเปล่า ความจริงก็คือ ส้พเพ สังขารา ทุกขาติ life is suffering[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นข้อคิดที่น่าสนใจสำหรับหนังเรื่องนี้ และก็เชื่อว่าคนส่วนมากก็ยังมองโลกนี้เป็นโลก [/FONT][FONT=&quot]Matrix กันอยู่ ไม่ใช่ ไซออน[/FONT]

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif][if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]The Matrix (3)[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ในที่สุดมอเฟียสโดนจับตัว ทีมของเขาถูกฆ่าตายเกือบหมด คนที่ถูกฆ่าใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix ก็จะตายจริงๆ ที่โลกไซออน จิตตาย กายก็ตาย[/FONT]
[FONT=&quot]นีโอ และทรีนิตี้ รอดตาย คนที่เหลือ(อยู่ในยาน)ตกอยู่ในความเครียด ไม่มีใครกล้าไปช่วยมอเฟียส เพราะรู้ถึงอำนาจของพวกนักสืบดี[/FONT]
[FONT=&quot] ทุกคนลงความเห็นให้ถอดสายเชื่อมต่อของมอเฟียส มอเฟียสต้องตายเพื่อรักษาคนส่วนใหญ่ในไซออนไว้[/FONT]
[FONT=&quot]พลันนีโอรู้สึกบางอย่างขึ้น เป็นความรู้สึกพิเศษ รู้สึกว่าตนสามารถช่วยมอเฟียสได้ แล้วนีโอก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน[/FONT]
[FONT=&quot]เค้าบุกกองบัญชาการของนักสืบ(หัวหน้าที่เก่งสุดมี [/FONT][FONT=&quot]3 คน) ช่วยเหลือมอเฟียสออกมาได้ โดยต่อสู้อย่างดุเดือด [/FONT]
[FONT=&quot]นีโอทำในสิ่งมหัศจรรย์โดยการหลบกระสุนได้ มีความเร็วใกล้เคียงกับหัวหน้าของนักสืบ[/FONT]
[FONT=&quot]มอเฟียสกับทรีนิตี้กลับมาที่ยานได้ แต่นีโอยังติดอยู่ใน[/FONT][FONT=&quot] Matrix และเผชิญหน้ากลับสมิธ [/FONT]
[FONT=&quot]โดยปกติ ใครก็ตามที่ตกอยู่ในสถานะการณืแบบนี้ จะต้องหนีๆๆ แต่นีโอตัดสินใจที่จะสู้ เขาสู้ได้สูสีกับสมิธ[/FONT]
[FONT=&quot]สุดท้ายแม้ว่าเขาจะสร้างปาฎิหารย์เอาชนะสมิธได้ แต่โปรแกรมนักสืบก็ไปแทรกเกิดใหม่กับโปรแกรมอื่นได้ สมิธกลับมาอีกที[/FONT]
[FONT=&quot]สมิธ ยิงนีโอตาย[/FONT][FONT=&quot]!! ทุกคนอึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มอเฟียส ผู้มีความเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า เขาคือผู้ปลดปล่อย[/FONT]
[FONT=&quot]มันเป็นไปไม่ได้[/FONT][FONT=&quot]!! ส่วนทรีนิตี้ ผู้ได้รับคำพยากรณ์ว่าจะตกหลุมรักผู้ปลดปล่อย "ฉันเชื่อแล้ว" เธอค้นพบใจตัวเอง[/FONT]
[FONT=&quot]หลังจากนีโอตาย เธอรู้แลวว่าเธอรักเขา จะด้วยปาฏิหารย์ของความรัก หรือ คำพยากรณ์ที่ดูเหมือนคำพูดลอยๆ [/FONT]
[FONT=&quot]"อาจเป็นได้ ไม่รู้ซิ ชาติหน้ามั้ง" นีโอฟื้นขึ้นมา มันคือ [/FONT][FONT=&quot]reincanation ชาติหน้าของเค้า คือ The One ผู้ปลดปล่อย[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ภาพที่เค้ามองใน [/FONT][FONT=&quot]Matrix เปลี่ยนไป เขามองเห็นความจริงว่ามันเป็นแค่ระหัสโปรแกรม
[/FONT]
[FONT=&quot]โลกเรา แท้จริงคือ ความเป็นไปของกฏแห่งไตรลักษณ์ นี่เอง....
[/FONT]

 

ขอตอบก่อนจะเล่าเรื่อง The Matrix ต่อนะครับ

การเข้าใจถึงความไม่มีเรา เกิดจาการ "เห็นสภาวะที่ไม่มีเรา" ครับ
ไม่ใช่การทำความเข้าใจด้วยการตริ ตรึก วิเคราะห์ หรือพยายามทำจิตให้ไปตามความรู้ที่ได้เรียนมา

การเห็นสภาวะที่ไม่มีเรา คือเห็นจิตที่หยุดการปรุงแต่ง เมื่อใดจิตหยุดปรุงแต่ง ไม่มีความโลภ โกรธ หลง ในจิตเลย ภาวะนั้น ไม่มีเรา ครับ
เป็นเรื่องน่าขัน อย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านกล่าวเอาไว้ ว่าภาวะแบบนี้ เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราบ่อยๆ จิตของคนเราไม่ได้มีกิเลสอยู่ตลอดเวลา กิเลสมันเกิดๆ ดับๆ
แต่เวลาที่กิเลสมันดับ ช่วงที่จิตปลอดกิเลส ไม่ได้ปรุงแต่งอะไร ว่างๆ อยู่ เรากลับไม่เห็น
เราจะไปรู้ ไปเห็นตอนที่มีความโกรธก็ดี ความอยากได้นู้นนี่ก็ดี แต่ตอนที่ไ่ม่สิ่งเหล่านี้...ไม่เห็นครับ

เพราะฉะน้นการเจริญสติ คือหมั่นรู้สึกตัวบ่อยๆ รู้สึกตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปทำอะไรมัน
แล้วจิตจะเห็นจังหวะที่ว่าง ไม่ได้ปรุงอะไรเอง ปราศจากการกระทำใดๆ รู้เองตามธรรมชาติ
แล้วก็จะ อ๋อ ว่าสภาวะที่ ไม่มีเรา เป็นอย่างไร ...เป็นสิ่งที่ต้องเห็นจากวิธีนี้
ไม่ใช่การไปคิดวิเคราะห์ ไปข่ม หรือไปทำจิตให้ว่างๆ เหมืิอนกับความรู้ที่เรียนมา
อันนั้นเป็นการปรุงแต่งทั้งนั้น ไม่ได้หยุดปรุงเลย
เลยไม่เห็นภาวะนี้จริงๆ

หรือบางทีอาจเข้าใจผิด เอาความว่าที่เกิดจากการปรุง โดยการทำฌาน มาเข้าใจว่าเป็นภาวะไม่มีเรา ...อันนั้นมี "เราเป็นผู้เข้าฌาน" อยู่ แต่อาจไม่รู้

ขออธิบายไว้แบบนี้นะครับ
ส่วนใครสนใจจะลองปฏิบัติเพื่อเห็นภาวะนี้ ผมยินดีให้คำแนะนำครับ โทรหาผมได้เลย แนะทางโทรศัพท์ก็ได้ แนะไปน่าจะเกือบร้อยคนแล้วนะครับ หรือมาเจอกันที่งานเสวนาก็ได้
เบอร์โทรและรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผม ตาม Link นี้ครับ
เข้าสู่ระบบ | Facebook

 

ความไม่มีเรา หรือการละซึ่งความเห็นผิดว่ามีเรา (อาจแม้ชั่วขณะ) เกิดกับจิต คือมโนกรรมครับ เป็นการละทิฏฐิ (คือความเห็น)
ไม่เกิดทางกายกรรม และวจีกรรม เพราะทิฏฐิ ไม่ได้เกิดที่ 2 อย่างนี้ ....ทั้ง 2 ก็ยังดำเนินไปตามธรรมชาติปกติ


ผมตอบอย่างนี้นะครับ เพราะจริงๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจคำถามที่ว่า ความไม่มีเราจะเกิดที่กายกรรม หรือ วจีกรรม ได้อย่างไร
กายกรรม วจีกรรม --ที่ไม่มีเรา หมายถึงตายหรือเปล่าครับ

 

ต้องขอโทษจริงๆ ผมยังไม่เข้าใจคำถามอยู่ดีครับ
เลยไม่ทราบจะตอบอย่างไร

ความไม่มีเราใน กายกรรม และวจีกรรม คืออะไรครับ

 

ขอบคุณครับที่แนะนำ

เมื่ออ่านแล้วก็ทราบว่าคุณอิ่มสบายน่าจะดำเนินตามทางเดียวกันอยู่ ซึ่งจริงๆ เป็นสิ่งที่ผมปฏิบัติแบบนี้อยู่แล้ว
เพียงแต่ไม่เข้าใจคำถามของคุณอิ่มสบายเท่านั้นเอง
ขออนุโมทนาด้วยครับ

ผมขออนุญาตถามคุณอิ่มสบายหน่อยนะครับ
คุณอิ่มสบายฝึกมากี่ปีแล้ว การมีสติของคุณอิ่มสบายเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนครับ เกิดลักษณะใด นานๆ เกิดครั้งหนึ่ง หรือ สั้นๆ ถี่ๆ
เกิดครั้งหนึ่งสติดำรงค์อยู่นานสักเท่าไร เป็นวินาที นาที หรือ ชม. ก่อนที่จะเผลอไปอีกครั้งครับ

แล้วการเกิดแต่ละครั้ง เห็นสภาวะที่ไม่มีเราทุกครั้งหรือเปล่า

ถามเยอะนิดนึงนะครับ รบกวนให้ความกระจ่างกับผมด้วย