{{หลวงพ่อคูณ257}}ศึกษาพระสมเด็จ/เบญจภาคีองค์ครู26ขุนแผนพรายกุมาร4ลพ.พรหม68พ่อท่านคลิ้ง105

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Amuletism, 2 มกราคม 2012.

  1. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ขอร่วมด้วยครับ หลวงปู่หิน วัดระฆัง พิมพ์อกครุฑ แช่น้ำมนต์ ปี 2482 ครับผม :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN32911.JPG
      DSCN32911.JPG
      ขนาดไฟล์:
      538.6 KB
      เปิดดู:
      192
    • DSCN32955.JPG
      DSCN32955.JPG
      ขนาดไฟล์:
      535.5 KB
      เปิดดู:
      100
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  2. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น อกวี

    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น อกวี

    [​IMG]
     
  3. ทิพย์มงคล

    ทิพย์มงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    3,892
    ค่าพลัง:
    +8,215
    พระสวยครับพี่หมอ กราบหลวงปู่หินครับ แก้ พ.ศ.ด้วยครับ 555 (kiss)
     
  4. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ขอบคุณครับ สงสัยใบ้หวยงวดหน้า (deejai)
     
  5. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    ต้องขอบคุณ คุณ paper_white อย่างยิ่ง
    ที่กรุณานำภาพพระสมเด็จสวยๆ ของหลวงปู่หินมาให้เราชมกัน
    ผมเองไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องพระของหลวงปู่มากนัก
    ไม่กล้านำภาพพระของท่านมาลง เพราะไม่แน่ใจว่า
    ภาพที่จะนำมาลงจะใช่หรือไม่ ได้แต่ให้ข้อมูลเพราะเชื่อว่่าเป็นพระดีครับ
    ขอบคุณอีกครั้งครับ
     
  6. ae noi

    ae noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ม่รู้ของที่ไหนอะครับหาข้อมูลไม่ได้เลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP2724.JPG
      IMGP2724.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      343
    • IMGP2725.JPG
      IMGP2725.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      103
    • IMGP2729.JPG
      IMGP2729.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      77
    • IMGP2731.JPG
      IMGP2731.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      85
    • IMGP2733.JPG
      IMGP2733.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      78
  7. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    ผมว่าหลายๆคนก็หัวอกเดียวกันครับ ที่ไม่รู้ว่าสมเด็จที่บ้านเป็นของเกจิท่านใด
    พระสมเด็จบนหิ้งที่บ้านผมก็มีหลายองค์ที่หาวัดไม่ไดเหมือนกันครับ
    พูดยากจริงๆ เพราะเป็นพระที่สร้างกันทุกที่ หากตอนรับมาไม่ได้จดเอาไว้
    ต่อไปก็จะเป็นแท้ ไม่ทราบที่ เหมือนกันหมดครับ
     
  8. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    ต้องเรียนตามตรงว่าความรู้เรื่องพระของหลวงปู่หินนั้น
    ผมแทบไม่เคยศึกษา จึงไม่กล้าตอบครับ
    ผมจึงไม่กล้านำภาพมาลงประกอบในกระทู้ครับ
    ที่นำข้อมูลมาลง เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้รักพระสมเด็จอย่างครบถ้วน
    เพราะเห็นว่าเป็นพระสมเด็จที่เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง
    รอผู้รู้อย่าง คุณ paper_white มาตอบดีกว่าครับ
     
  9. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ไม่เป็นไรครับผม ต้องถือว่าโชคดีที่ผมจดไว้ครับ ผมได้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แต่เหมือนผู้ที่ให้ (จำไม่ได้ว่าใครด้วยครับ) บอกว่าพระของใคร และให้จดไว้ครับ เลยได้รู้ข้อมูลครับ ถ้างั้นตีเป็นวัดบางขุนพรหมก็เก๊เลยครับ :cool:
     
  10. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ลองหาข้อมูลดูครับ ดูเหมือนเป็นพิมพ์เจดีย์ครับ (ถ้าด้านหลังเขียนไว้ก็ไม่น่าพลาดนะครับ) แต่พิมพ์กับปีลองศึกษาดูใน google ละกันครับ :cool:
     
  11. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น ไหล่ตรง อกตัน

    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น ไหล่ตรง อกตัน

    [​IMG]
     
  12. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น แขนกาง

    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น แขนกาง

    [​IMG]
     
  13. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    วิธีพิจารณา หลังพระสมเด็จเกศไชโย

    ด้านหลังสมเด็จเกศไชโย

    1. ขอบพระโดยมากจะมน
    2. รอยแตกรายงามักปรากฏที่ขอบพระ
    3. ผิวจะลื่นเนียน คล้ายหินสบู่ไม่สากมือ
    4. มักปรากฏรอยนิ้วมือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2012
  14. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    สมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๕ ชั้น

    [​IMG]
     
  15. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    สมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อน พิมพ์เจ็ดชั้น

    องค์นี้แนะนำสำหรับท่านที่นิยมพระสมเด็จเกศไชโย
    แต่งบประมาณจำกัดครับ พระดี ราคาไม่ทำร้ายกระเป๋ามากนัก

    สมเด็จเกศไชโย รุ่นสร้างเขื่อน พิมพ์เจ็ดชั้น พ.ศ. ๒๔๙๔ เนื้อเหลือง
    เป็นพระสมเด็จรุ่นแรกที่วัดเกศไชโย จ.อ่างทอง สร้างขึ้น
    โดยนำพระสมเด็จเกศไชโย ที่ชำรุด เนื่องจากฐานพระมหาพุทธพิมพ์แตกชำรุด
    ทางวัดจึงนำพระที่ชำรุดมาบด พระรุ่นนี้จึงมีส่วนผสมพระสมเด็จเป็นจำนวนมากครับ

    [​IMG]

    เนื่องจากพระปลอมรุ่นนี้มีจำนวนมาก การเช่าหาจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
    เนื้อพระที่เก่าได้อายุมักจะปรากฏรอยปริแยกครับ
    พระแท้ตอนนี้ราคาประมาณหลักหมื่นต้น (สองถึงสามหมื่นบาท) <!-- google_ad_section_end -->
     
  16. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    หมอชีวกโกมารภัจจ์

    ความหมายของคำว่าชีวก
    ชีวกชื่อหมอใหญ่ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาและมีชื่อเสียงมากในครั้งพุทธกาลเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าพิมพิสารได้ถวายให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้าด้วย,<O:p></O:p>
    เรียกชื่อเต็มว่าชีวกโกมารภัจจ์หมอชีวกเกิดที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธ เป็นบุตรของนางคณิกา (หญิง งามเมือง)ชื่อว่าสาลวดี แต่ไม่รู้จัก มารดาบิดาของตน เพราะเมื่อนางสาลวดีมีครรภ์เกรงค่าตัวจะตกจึงเก็บตัวอยู่ ครั้นคลอดแล้วก็ให้คนรับใช้เอาทารก ไปทิ้งที่กองขยะแต่พอดีเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ เจ้าชายอภัย โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสารจะไปเข้าเฝ้า เสด็จผ่านไป เห็นการุมล้อมทารกอยู่เมื่อทรงทราบว่าเป็นทารกและยังมีชีวิต อยู่จึงได้โปรดให้นำไปให้นางนมเลี้ยงไว้ในวัง ในขณะที่ทรงทราบว่าเป็นทารกเจ้าชายอภัยได้ตรัสถามว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ (หรือยังเป็นอยู่) หรือไม่ และทรงได้รับคำตอบ ว่ายังมีชีวิตอยู่ (ชีวติ =ยังเป็นอยู่ หรือยังมีชีวิตอยู่) ทารกนั้นจึงได้ชื่อว่า ชีวก (ผู้ยังเป็น)และเพราะเหตุที่เป็นผู้อันเจ้าชายเลี้ยงจึงได้มีสร้อยนามว่า โกมารภัจจ์ (ผู้อันพระราชกุมารเลี้ยง)<O:p></O:p>
    ครั้นชีวกเจริญวัยขึ้น พอจะทราบว่าตนเป็นเด็กกำพร้าก็คิดแสวงหาศิลปวิทยาไว้เลี้ยงตัว จึงได้เดินทางไปศึกษาวิชาแพทย์กับอาจารย์แพทย์ทิศาปาโมกข์ ที่เมืองตักสิลา ศึกษาอยู่ ๗ ปีอยากทราบว่าเมื่อใดจะเรียนจบ อาจารย์ให้ ถือเสียมไปตรวจดูทั่วบริเวณ ๑โยชน์รอบเมืองตักสิลา เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา ชีวกหาไม่พบ กลับมาบอกอาจารย์ ๆว่า สำเร็จการศึกษามีวิชาพอเลี้ยงชีพแล้ว และมอบเสบียงเดินทางให้เล็กน้อยชีวกเดินทางกลับยังพระนครราชคฤห์เมื่อ เสบียงหมดในระหว่างทางได้แวะหาเสบียงที่เมือง สาเกต โดยไปอาสารักษาภรรยาเศรษฐีเมืองนั้นซึ่งเป็นโรคปวดศีรษะมา ๗ ปี ไม่มีใครรักษาหาย ภรรยาเศรษฐีหายโรคแล้ว ให้รางวัลมากมายหมอชีวกได้เงินมา ๑๖,๐๐๐ กษาปณ์พร้อมด้วยทาสทาสีและรถม้าเดินทางกลับถึงพระนครราชคฤห์นำเงินและของรางวัลทั้งหมดไปถวายเจ้าชายอภัยเป็น ค่าปฏิการะคุณที่ได้ทรงเลี้ยงตนมาเจ้าชายอภัยโปรดให้หมอชีวกเก็บรางวัลนั้นไว้เป็นของตนเอง ไม่ทรงรับเอา และโปรดให้หมอชีวกสร้างบ้านอยู่ในวังของพระองค์ต่อมาไม่นานเจ้าชายอภัยนำหมอชีวกไปรักษาโรคริดสีดวงงอกแด่ พระเจ้าพิมพิสารจอมชนแห่งมคธทรงหายประชวรแล้ว จะพระราชทานเครื่องประดับของสตรีชาววัง ๕๐๐ นางให้เป็นรางวัล หมอชีวกไม่รับ ขอให้ทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเท่านั้นพระเจ้าพิมพิสารจึงโปรดให้หมอชีวกเป็นแพทย์ ประจำพระองค์ ประจำฝ่ายในทั้งหมดและประจำพระภิกษุสงฆ์อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข หมอชีวกได้รักษาโรคร้ายสำคัญหลายครั้ง เช่น<O:p></O:p>
    ผ่าตัดรักษาโรคในสมองของเศรษฐีเมืองราชคฤห์ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐี เมืองพาราณสีรักษาโรคผอมเหลืองแด่พระเจ้าจัณฑปัชโชตแห่งกรุงอุชเชนีและถวายการรักษาแด่พระพุทธเจ้าใน คราวที่พระบาทห้อพระโลหิตเนื่องจากเศษหินจากก้อนศิลาที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาจากภูเขาเพื่อหมายปลงพระชนม์ชีพหมอชีวกได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน และด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้าปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ ๒-๓ ครั้ง เห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไปจึงสร้างวัดถวายในอัมพวันคือสวนมะม่วงของตนเรียกกันว่า ชีวกัมพวัน (อัมพวัน ของหมอชีวก)เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเริ่มน้อมพระทัยมาทางศาสนาหมอชีวกก็เป็นผู้แนะนำให้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า<O:p></O:p>
    ด้วยเหตุที่หมอชีวกเป็นแพทย์ประจำคณะสงฆ์และเป็นผู้มีศรัทธาเอาใจใส่เกื้อกูลพระสงฆ์มากจึงเป็นเหตุให้ มีคนมาบวชเพื่ออาศัยวัดเป็นที่รักษา ตัวจำนวนมากจนหมอชีวกต้องทูลเสนอพระพุทธเจ้าให้ทรงบัญญัติข้อ ห้ามมิ ให้รับบวชคนเจ็บป่วยด้วยโรคบางชนิด นอกจากนั้นหมอชีวกได้กราบทูลเสนอให้ทรงอนุญาตที่จงกรมและเรือนไฟเพื่อเป็นที่บริหารกายช่วยรักษาสุขภาพของภิกษุทั้งหลาย หมอชีวกได้รับพระดำรัสยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดา อุบาสกผู้เลื่อมใสในบุคคล<O:p></O:p>
    พระบรมครูทางการแพทย์ท่านนี้ข้าพเจ้าได้ค้นหาข้อมูลบทความและเห็นว่าเว็บไซด์นี้ละเอียดพอสมควรและแบ่งเป็นตอนน่าอ่านมากจึงได้รวบรวมมาไว้ให้อ่านครับ หากว่าท่านยังอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือว่าสับสนในพระประวัติขอเชิญร่วมศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่<O:p></O:p>
    เอตทัคคะในฝ่ายผู้เลื่อมใสในบุคคล<O:p></O:p>
    ชีวกโกมารภัจจ์ เป็นลูกของนางสาลวดีซึ่งเป็นหญิงโสเภณีในเมืองราชคฤห์ธรรมดาหญิงโสเภณีจะไม่เลี้ยงลูกชายเพราะช่วยสืบสายอาชีพไม่ได้ ดังนั้นเมื่อนางคลอดลูกออกมาแล้วรู้ว่าเป็นเพศชายจึงให้สาวใช้นำลูกชายใส่กระด้งไปวางไว้ที่กองขยะ

    จากกองขยะมาเป็นลูกเจ้า<O:p></O:p>
    บ่ายวันนั้น อภัยราชกุมารพระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารเสด็จประพาสพระนครผ่านมาทางนั้นเห็นฝูงนกการุมล้อมเด็กทารกอยู่ตรัสสั่งให้นายสารถีไปดูว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าเมื่อนายสารถีกลับมากราบทูลว่ายังมีชีวิตอยู่จึงรับสั่งให้อุ้มมาแล้วนำเข้าไปมอบให้นางนมเลี้ยงดูเป็นอย่างดีภายในประราชนิเวศแล้วตั้งชื่อให้ว่าชีวก ซึ่งมาจากคำว่า ชีวิตคือรอดชีวิตมาได้เมื่อเจริญวัยขึ้นมาได้ประทานนามเพิ่มเติมว่า โกมารภัจจ์ซึ่งหมายถึงเป็นบุตรบุญธรรมของพระราชกุมาร ทรงชุบเลี้ยงดูโอรสแท้ ๆ ของพระองค์แม้พระเจ้าพิมพิสารก็โปรดปรานประดุจหลานของพระองค์และประชาชนทั่วไปก็เข้าใจว่าเป็นโอรสที่แท้จริงของอภัยราชกุมาร


    หนีจากวังหาสำนักศึกษา<O:p></O:p>
    เมื่อชีวกโกมารภัจจ์ เจริญเติบโตเข้าสู่วัยเรียนและทราบว่าตนเป็นเด็กกำพร้าจึงต้องการที่จะศึกษาวิชาความรู้เพื่อประกอบอาชีพในอนาคตอาชีพที่เขาชอบคือหมอรักษาโรคเพื่อช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ ดังนั้นเขาได้หนีออกจากวังเดินทางไปกับกองเกวียนพ่อค้า จนถึงเมืองตักสิลาแล้วให้พ่อค้าที่เขาอาศัยมานั้นช่วยพาไปฝากอาจารย์ทิศาปาโมกข์คือพระฤาษีโรคาพฤกษตริญญา ผู้เป็นเจ้าสำนัก ชีวกได้มอบหมายถวายตัวเป็นศิษย์รับใช้ทำงานทุกอย่างในสำนักอาจารย์เพื่อแลกกับวิชาความรู้เพราะตนไม่มีทรัพย์สินเป็นค่าเรียนเขาศึกษาอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้เรียนได้เร็วกว่าศิษย์คนอื่น ๆและสำเร็จจบหลักสูตรใน ๗ ปี ซึ่งปกติคนอื่น จะเรียนถึง ๑๖ ปี แม้จบหลักสูตรแล้วก็ยังมีความสงสัยในความรู้ของตนเองว่าอาจจะไม่สมบูรณ์ จึงเข้าไปปรึกษาอาจารย์ซึ่งอาจารย์ได้สั่งให้เขาออกไปหาต้นไม้ใบหญ้าหรือพืชชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ที่เห็นว่าใช้ทำยาไม่ได้มาให้อาจารย์ เขาได้ใช้เวลาหลายวันเข้าไปในป่ารอบๆเมืองตักสิลา ค้นหาจนทั่วก็ไม่พบใบหญ้าหรือพืชสักชนิดเดียวที่ใช้ทำยาไม่ได้จึงรู้สึกผิดหวังกลัวอาจารย์จะตำหนิแต่พอแจ้งแก่อาจารย์แล้วอาจารย์กลับยิ้มอย่างพอใจและกล่าวว่า เธอเรียนจบแล้วออกไปประกอบอาชีพรักษาคนไข้ได้แล้ว


    ชีวกโกมารภัยได้เรียนวิชาแพทย์พิเศษ<O:p></O:p>
    ชีวกโกมารภัจจ์ เป็นศิษย์ที่มีอัธยาศัยดีมีความเคารพนับถือเชื่อฟังอยู่ในโอวาทของอาจารย์ มีความกตัญญูกตเวที มีศีลธรรมและอัธยาศัยความสุขุมละเอียดเยือกเย็น สุภาพเรียบร้อยไม่พลาดพลั้งอีกทั้งเชาว์ปัญญาก็ดีเยี่ยมจึงเป็นที่รักของอาจารย์ท่านอาจารย์จึงเมตตาสอนวิชาแพทย์พิเศษให้อีกแขนงหนึ่งซึ่งอาจารย์จะไม่ค่อยสอนให้แก่ใคร ๆ คือ วิชาประสมยา ปรุงยาขนานเอกพร้อมทั้งวิธีการรักษาโรคให้ด้วย ยาขนานนี้พิเศษจริง ๆ สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดและวางยาครั้งเดียวไม่ต้องซ้ำ ยกเว้นโรคที่เกิดจากผลกรรมรักษาไม่ได้เมื่อศึกษาจบครบวิชาการที่อาจารย์ประสิทธิ์ประสาทให้แล้วได้ลาอาจารย์กลับสู่บ้านเมืองของตน


    คนไข้คนแรกของชีวกโกมารภัจจ์<O:p></O:p>
    หมอชีวกโกมารภัจจ์ออกเดินทางจากเมืองตักสิลามุ่งสู่กรุงราชคฤห์พักผ่อนรอนแรมในระหว่างทางเสบียงที่อาจารย์มอบหมายก็ใกล้หมดจึงเที่ยวหารักษาใช้พอดีภริยาเศรษฐีในเมืองสาเกตเป็นโรคปวดศีรษะมาเป็นเวลาประมาณ ๗ปี พยายามรักษาสิ้นทรัพย์จำนวนมากก็ไม่หายหมดอาลัยในชีวิตจึงปล่อยไปตามกรรมเมื่อหมอชีวกโกมารภัจ ทราบจึงเข้าไปอาสารักษาให้ทั้งคนไข้และเศรษฐีเห็นหมอยังหนุ่มอยู่ไม่เชื่อความสามารถ จึงบอกปัดไม่ยอมให้รักษาเพราะเกรงว่าจะเสียค่ารักษาเปล่า ๆไม่ได้ประโยชน์แต่หมอชีวกโกมารภัจจ์บอกจะรักษาให้ก่อน เมื่อหายแล้ว จึงจะรับค่ารักษาดังนั้นเศรษฐีและภริยาจึงตอบตกลงยอมให้รักษา หมอชีวกโกมารภัจจ์จึงประกอบยาให้นัตถุ์เข้าทางจมูก ฤทธิ์ยาทำให้คนไข้อาเจียนออกมาทางปากหลังจากนั้นโรคของนางก็หายเป็นปกติ เขาได้รับค่ารักษาและรางวัลมาถึง ๑๖๐๐๐ กหาปณะแล้วเดินทางต่อไปจนถึงกรุงราชคฤห์เมื่อถึงแล้วหมอชีวกโกมารภัจจ์ได้เข้าเฝ้าพระบิดาอภัยราชกุมาร กราบทูลขออภัยโทษที่หนีไปโดยมิได้ทูลลาทูลเล่าเรื่องการศึกษาวิชาแพทย์ตั้งแต่ต้นจนจบตลอดจนการเดินทางกลับแล้วได้ถวายเงินรางวัลที่ได้รับระหว่างทางแก่พระบิดาพระอภัยราชกุมารทรงปลาบปลื้มพระทัยคืนทรัพย์สินที่ถวายให้กลับคืนเพื่อเป็นทุนใช้สอย


    ประวัติการรักษาโรคครั้งสำคัญ<O:p></O:p>
    เมื่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ เดินทางถึง กรุงราชคฤห์แล้วได้รับรักษาโรคต่าง ๆ จนมีชื่อเสียงปรากฏเลื่องลือทั่วทั้งกรุงราชคฤห์และแคว้นอื่นๆ การรักษาโรครั้งสำคัญของหมอชีวก ก็คือ
    ๑.รักษาโรคริดสีดวงทวารให้พระเจ้าพิมพิสารจนหายสนิททำให้พระองค์สบายพระวรกายขึ้นได้พระราชทานรางวัลเป็นอันมากทั้งทรัพย์สินเงินทองข้าทาสบริวารและที่ดินแต่หมอชีวกขอรับเพียงอย่างเดียวคือสวนมะม่วงจากนั้นพระเจ้าพิมพิสารทรงแต่งตั้งให้เป็นแพทย์หลวงประจำพระองค์
    ๒.ผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะเศรษฐีชาวเมืองราชคฤห์ ซึ่งป่วยปวดศีรษะมานานเกือบ๑๐ ปี
    ๓.ผ่าตัดโรคฝีในลำไส้ให้ลูกชายเศรษฐีในเมืองพาราณสี
    ๔.รักษาอาการประชวรด้วยโรควัณโรคปอด ให้พระเจ้าจัณฑปัชโชตแห่งกรุงอุชเชนีแคว้นอวันตี<O:p></O:p>
    ในการรักษาให้พระเจ้าจัณฑปัชโชตนั้นหมอชีวกเกือบถูกประหารชีวิตเนื่องจากพระองค์ท่านมีพระอัธยาศัยโหดร้ายสั่งประหารคนง่าย ๆ โดยไม่มีเหตุผลและพระองค์เกลียดกลิ่นเนยใสเป็นที่สุดบังเอิญยาที่จะรักษานั้นก็มีส่วนผสมเนยใสอยู่ด้วยทำให้หมอชีวกหนักใจมากจึงวางแผนเตรียมก่อนที่จะถวายการรักษาได้กราบทูลขอพระราชทานช้างชื่อภัททวดี ซึ่งมีฝีเท้าเร็ว และประตูเมืองหนึ่งประตูโดยอ้างว่าเพื่อสะดวกในการออกไปเที่ยวหาตัวยาสมุนไพรซึ่งบางชนิดต้องเก็บในเวลากลางคืนบางชนิดต้องเก็บในเวลากลางวันการรักษาจึงจะได้ผล


    หลอกให้พระเจ้าจุณฑปัชโชต เสวยเนยใส<O:p></O:p>
    หมอชีวกได้ผสมยาโดยเคี่ยวใส่เนยใสบนเตาไฟจนสี รส และ กลิ่นเปลี่ยนไปเสร็จแล้วนำเข้าไปถวายพระราชากราบทูลว่าเป็นโอสถสูตรใหม่มิได้ผสมเนยใสเมื่อพระราชาเสวยแล้วกราบทูลลากลับเพื่อขอไปจัดโอสถมาถวายอีก พอออกมาพ้นพระราชนิเวศน์แล้วรีบตรงไปยังโรงช้างแจ้งแก่พนักงานดูแลช้างว่าขอช้างพังชื่อภัททวดี เพื่อรีบไปเก็บตัวยาเมื่อขึ้นหลังช้างแล้วรีบออกจากกรุงอุชเชนี ทันที<O:p></O:p>
    พระโอสถที่พระจ้าจัณฑปัชโชตเสวยแล้ว ก็ละลายกระจายรสและกลิ่นออกมาทำให้พระเจ้าจัณฑปัชโชต ได้กลิ่นเนยใส จึงกริ้วขึ้นมาทันทีรับสั่งให้ทหารรีบไปจับตัวหมอชีวกมาโดยเร็วเมื่อทรงทราบว่าหนีออกจากเมืองไปแล้วรับสั่งให้ทหารนำพาหนะที่มีฝีม้าเร็วติดตามจับตัวมาให้ได้และทหารผู้นั้นก็ได้ติดตามไปทับ ณ หมู่บ้านตำบลหนึ่งซึ่งเป็นไปตามที่หมอชีวกได้คาการณ์ไว้แล้วจึงเตรียมยาระบายอย่างแรงซ่อนไว้ในเล็บเมื่อนายทหารผู้นั้นจะเข้ามาจับกุมจึงถูกหมอชีวกหลอกให้กินยาระบายจนถ่ายท้องหมดเรี่ยวแรงปล่อยให้หมอชีวกหนีต่อไปได้ฝ่ายพระเจ้าจัณฑปัชโชตเมื่อพระโอสถออกฤทธิ์แล้วพระอาการประชวรก็หายเป็นปกติ พระวรกายโปร่งเบาสบาย รู้สึกขอบใจหมอชีวกแม้ทหารที่ติดตามไปจับตัวหมอชีวกแล้วถูกหลอกให้กินยาระบายจับตัวไม่ได้กลับมารายงานแล้ว พระราชาก็มิได้กริ้วโกรธแต่ประการใดรับสั่งให้จัดส่งของมีค่าหลายประการรวมทั้งผ้าเนื้อดีจากแคว้นการสีอันเป็นที่นิยมกันว่าเป็นผ้าดีฝีมือการเย็บการทอยอดเยี่ยมกว่าผ้าเมืองอื่น ๆให้ทูตนำไปมอบให้แก่หมอชีวกโกมารภัจจ์ ที่กรุงราชคฤห์หมอชีวกรับของรางวัลมาแล้วพิจารณาเห็นว่าเป็นผ้าเนื้อดีไม่สมควรที่ตนจะใช้สอยเป็นของสมควรแก่พระบรมศาสดาหรือพระมหากษัตริย์จึงได้เก็บรักษาไว้เพื่อนำไปถวายพระบรมศาสดาต่อไป


    แพทย์ประจำองค์พระศาสดาและภิกษุสงฆ์<O:p></O:p>
    พระเจ้าพิมพิสารนอกจากจะแต่งตั้งให้หมอชีวกโกมารภัจเป็นแพทย์ประจำพระองค์แล้วยังมอบให้รับหน้าที่เป็นแพทย์ประจำองค์พระศาสดาและภิกษุสงฆ์ทั้งหลายอีกด้วยหมอชีวกโกมารภัจจ์ได้เคยถวายการรักษาให้พระบรมศาสดาครั้งสำคัญ ๒ ครั้ง คือครั้งแรกได้ปรุงยาระบายชนิดพิเศษถวาย เพื่อระบายสิ่งหมักหมมในพระวารกายออกครั้งที่สองในคราวที่พระเทวทัตกลิ้งหินหมายปลงพระชนม์พระศาสดาแต่หินกลิ้งไปผิดทางมีเพียงสะเก็ดหินก้อนเล็ก ๆกระเด็นมากระทบพระบาทจนทำให้พระโลหินห้อขึ้นหมอชีวกได้ปรุงพระโอสถพอกที่แผลแล้วใช้ผ้าพันแผลไว้พอรุ่งขึ้นตอนเช้าแผลก็หายสนิทเป็นปกตินอกจากนี้หมอชีวกยังได้ให้การรักษาพระภิกษุสงฆ์ที่อาพาธด้วยโรคต่างๆ โดยไม่คิดมูลค่า จนไม่ค่อยจะมีเวลารักษาให้คนทั่ว ๆ ไปเพราะท่านหมอมีความห่วงใยพระภิกษุสงฆ์มากกว่าจงเป็นเหตุให้คนบางพวกเมื่อเจ็บป่วยหรือเป็นโรคขึ้นมาก็พากันมาบวชเพื่อสะดวกแก่การให้หมอรักษาพอหายดีแล้วก็ลาสิกขาไป


    กราบทูลขอพรห้ามบวชคนที่มีโรคติดต่อ<O:p></O:p>
    สมัยหนึ่งในพระนครราชคฤห์เกิดโรคสกปรก โรคติดต่อและโรคร้ายแรงระบาดไปทั่วกรุงละจังหวัดใกล้เคียง เช่น<O:p></O:p>
    § กุฏฐัง โรคเรื้อน<O:p></O:p>
    § คัณโฑ โรคฝีดาษ<O:p></O:p>
    § กิลาโส โรคกลาก<O:p></O:p>
    § โสโสโรคไข้มองคร่อ<O:p></O:p>
    § อปมาโรโรคลมบ้าหมู<O:p></O:p>
    ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นกันทั่วไปแก่ประชาชนพลเมืองทั้งภายนอกทั้งภายในราชสำนักตลอดจนพระสงฆ์ในอารามต่าง ๆหมอทั้งหลายต้องทำงานกันอย่างหนัก ส่วนหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็จะให้การรักษาแก่พระภิกษุสงฆ์และบุคคลภายราชสำนักก่อน เนื่องจากหมอชีวกโกมารภัจจ์รักษาแล้วได้ผลหายเร็วค่ารักษาถูกกว่าหมออื่นโดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์แล้วจะรักษาให้โดยไม่คิดค่ายาค่ารักษาแต่ประการใด<O:p></O:p>
    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีคนคิดอาศัยพระศาสนาเพื่อเข้ามารักษาตัวโดยเข้ามาบวชเป็นพระให้หมอรักษาจนหายจากโรคที่เป็นอยู่แล้วก็สึกออกไปและคนพวกนี้ก็เป็นตัวนำเชื้อโรคบางอย่างมาแพร่เชื่อติดต่อให้พระ เช่นโรคเรื้อนและโรคกลากเกลื้อน เป็นต้น จนระยะหลังๆหมอชีวกสังเกตเห็นว่าคนหัวโล้นมีมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่เป็นที่น่ารังเกียจของสังคมเมื่อสอบถามดูจึงได้ทราบความจริงว่าเพิ่งสึกมาจากพระ และที่บวชก็มิได้บวชด้วยศรัทธาแต่บวชเพื่อรักษาตัว เมื่อโรคหายแล้วก็สึกออกมา<O:p></O:p>
    ด้วยเหตุนี้วันหนึ่งหมอชีวกเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคกราบทูลของพรว่าขออย่าได้บวชให้คนที่มีโรคติดต่อทั้ง ๕ชนิดข้างต้นเลยพระพุทธองค์ประทานให้ตามที่กราบทูลขอและได้ประกาศให้ภิกษุสงฆ์ทราบโดยทั่วกัน ตั้งแต่นั้นมา คนที่เป็นโรคทั้ง ๕ชนิดนั้นก็ไม่สามารถบวชในพระพุทธศาสนาได้

    กราบทูบขอพรให้ภิกษุรับคฤหบดีจีวรได้<O:p></O:p>
    หมอชีวกโกมารภัจจ์หลังจากที่รักษาอาการประชวรของพระเจ้าจัณฑปัชโชตจนหายเป็นปกติดีแล้วได้รับพระราชทานรางวัลเป็นผ้าเนื้อดีจากแคว้นกาสี แต่ท่านหมอคิดว่า ผ้าเนื้อดีอย่างนี้ ไม่สมควรที่ตนจะใช้สอยเป็นของสมควรแก่พระบรมศาสดาหรือพระมหากษัตริย์จึงได้น้อมนำผ้านั้นไปถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าก่อนที่จะถวายได้กราบทูลขอพรว่า ขอให้ภิกษุรับคฤหบดีจีวรได้พระพุทธองค์ประทานอนุญาตให้ตามที่ขอ<O:p></O:p>
    การที่หมอชีวกโกมารภัจจ์ กราบทูลขอพรเช่นนั้นก็เพราะแต่ก่อนนั้นภิกษุใช้สอยแต่ผ้าบังสุกุล คือผ้าที่ชาวบ้านทั้งหลายทิ้งตามกองขยะบ้าง กองหยากเยื่อบ้าง ผ้าที่ห่อศพทิ้งในป่าบ้างนำมาทำความสะอาดแล้วเย็บย้อมเป็นผ้าสบงจีวร สำหรับนุ่งห่มจะไม่รับผ้าที่ชาวบ้านถวาย หมอชีวกโกมารภัจจ์เห็นความลำบากของพระภิกษุสงฆ์ในเรื่องนี้ จึงกราบทูลขอพรและได้เป็นผู้ถวายเป็นคนแรกผ้าที่ภิกษุรับอย่างนี้เรียกว่า คฤหบดีจีวร<O:p></O:p>
    แม้พระพุทธองค์จะทรงอนุญาตตามที่หมอชีวกโกมารภัจจ์ กราบทูลขอแต่ก็ยังมีพุทธดำรัสตรัสว่า ถ้าภิกษุปรารถนาจะถือผ้าบังสุกุลก็ให้ถือปรารถนาจะรับคฤหบดีรจีวรก็ให้รับและได้ตรัสสรรเสริญความสันโดษคือความยินดีตามมีตามได้พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอนุโมทนาบุญแก่หมอชีวกผู้ถวายผ้านั้น เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมดำรงอยู่ในอริยภูมิคือพระโสดาบัน

    หมอชีวกโกมารภัจจ์สร้างวัด<O:p></O:p>
    หมอชีวกโกมารภัจจฺ เมื่อยามว่างเว้นจากการรักษาคนไข้ก็หวนคิดถึงตนเองมีความปรารถนาจะเข้าเฝ้าใกล้ชิดพระบรมศาสดาอย่างน้อยวันละ ๒ เวลา เช้า-เย็นเพื่ออบรมจิตใจได้มากขึ้น แต่วัดเวฬุวันก็ตั้งอยู่ห่างไกลจากบ้านอีกทั้งไม่สะดวกในการฟังธรรม และการรักษาพยาบาลภิกษุไข้จึงได้น้อมนำถวายสวนมะม่วงที่พระเจ้าพิมพิสารพระราชทานให้แก่ตนนั้นสร้างวัดถวายในพระพุทธศาสนาสร้างพระคันธกุฏีที่ประทับส่วนพระพุทธองค์พร้อมด้วยกุฏสงฆ์ ศาลาฟังธรรมบ่อน้ำ และกำแพงขอบเขตวัดพร้อมบริบูรณ์ทุกสิ่งแล้วกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์พุทธสาวกเสด็จเข้าประทับยังพระอารามใหม่นั้นถวายอาหารบิณฑบาตเป็นการฉลองพระอารามแล้วหลังน้ำทักษิโณทกให้ตกลงบนฝ่าพระหัตถ์ของพระบรมศาสดากล่าวอุทิศถวายมอบกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารให้เป็นศาสนสถานอยู่จำพรรษาของภิกษุสงฆ์ที่มาจากทิศทั้ง ๔พระอารามใหม่นี้ได้นามตามผู้ถวายว่าชีวกัมพวัน(ชีวก+อัมพวัน)


    พาพระเจ้าอชาตศัตรูเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า<O:p></O:p>
    อชาตศัตรูราชกุมาร มีพระอัธยาศัยคิดทรยศไม่ซื่อตรงขาดความจงรักภักดีต่อพระเจ้าพิมพิสาร ผู้เป็นพระราชบิดาอยู่แล้วต่อมาได้คบหาสมาคมกับพระเทวทัต มีศรัทธาเลื่อมใสได้ให้ความอุปถัมภ์บำรุงด้วยปัจจัย๔ ถูกพระเทวทัตยุยงให้ปลงพระชนม์พระบิดาอีกทั้งให้การสนับสนุนพระเทวทัตกระทำอนัตริยกรรมลอบปลงพระชนม์พระบรมศาสดาและทำสังฆเภททำลายสงฆ์ให้แตกแยกกัน<O:p></O:p>
    ต่อมาพระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบเพราะกระทำกรรมหนักพระเจ้าอชาตศัตรูได้ทราบข่าวก็สะดุ้งพระทัยกลัวภัยจะถึงตัวถึงกับเสวยไม่ได้บรรทมไม่หลับติดต่อกันหลายวัน กลัดกลุ้มพระทัยเป็นที่สุดคืนเพ็ญวันหนึ่งพระองค์ไม่สามารถจะนิทราหลับลงได้จึงเรียกอำมาตย์ทั้งหลายเข้าเฝ้ายามดึกทรงปรึกษาว่าคืนเดือนเพ็ญอย่างนี้จะไปหาสมณพราหมณ์ผู้มีศีลคนดีจึงจะสามารถทำจิตใจให้สงบได้พวกอำมาตย์ล้วนแต่แนะนำเดียรถีย์อาจารย์ของตน ได้แก่ครูทั้ง ๖ ซึ่งพระเจ้าอชาตศรัตรูก็เคยไปฟังคำสอนมาแล้วล้วนแต่ไร้สาระทั้งสิ้นหมอชีวกโกมารภัจอยู่ในที่นั้นด้วย จึงกราบทูลแนะนำให้ไปเฝ้าพระสมณโคดมบรมศาสดาซึ่งขณะนี้พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่ชีวกัมพวันใกล้ ๆบ้านของตนนี่เองพระเจ้าอชาตศรัตรูทรงเห็นด้วย จึงเสด็จไปพร้อมด้วยกองจตุรงคเสนาเมื่อเสด็จไปถึงได้เข้าไปกราบถวายบังคมพระบรมศาสดาพระพุทธองค์ตรัสทักทายปฏิสันถารขึ้นก่อนแล้วตรัสถามถึงราชกิจต่าง ๆทำให้พระเจ้าอชาตศรัตรูไม่เก้อเขิน และทรงดีพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่พระพุทธองค์ไม่ทรงถือโทษในการกระทำของพระองค์ที่ผ่านมาพระพุทธองค์ทรงทราบว่าพระเจ้าอชาตศัตรูมีพระทัยผ่องใสดีแล้ว จึงแสดงพระธรรมเทศนา สมัญผลสูตรให้ทรงสดับ เมื่อจบลงทรงมีพระทัยผ่องใสโสมนัสยิ่งขึ้นเกิดศรัทธาเลื่อมใสถวายตัวเป็นอุบาสก ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งตลอดชีวิต (ถ้าพระองค์ไม่ทำปิตุฆาตคือฆ่าพระบิดาเสียก่อนก็จะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นใดชั้นหนึ่งเป็นแน่)จากนั้นได้กราบขอขมาโทษต่อพระพุทธองค์เสด็จกลับพระราชนิเวศน์<O:p></O:p>
    หมอชีวกโกมารภัจจ์ ทำประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนทั่วไปเป็นอเนกประการ ท่านเป็นอุบาสกผู้เป็นพระอริยชั้นพระโสดาบันพระบรมศาสดา ได้ยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลายในฝ่ายเลื่อมใสในบุคคล<O:p></O:p>
    อ้างอิง มหาเทพ : mahathep
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CaptureWiz930.jpg
      CaptureWiz930.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.8 KB
      เปิดดู:
      79
    • Shewaka.jpg
      Shewaka.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      103
  17. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    บรมครูแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ ที่ระลึกครบ 60 ปีโรงพยาบาลสงฆ์

    รูปหล่อบูชาบรมครูแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ ที่ระลึกครบรอบ 60 ปีโรงพยาบาลสงฆ์ - อัญเชิญมาไว้บนหิ้งพระที่บ้านเรียบร้อยครับ


    เหมาะสำหรับบูชาไว้ เพื่ออธิษฐานให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ เพราะหมอชีวก ฯ ท่านเป็นหมอประจำพระองค์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ท่านได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศในด้านการแพทย์ ซึ่งในยุคสมัยนั้นยังไม่เจริญก้าวหน้า แต่ท่านสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ให้ผู้เจ็บป่วยหายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    นอกจากนี้ท่านยังปฏิบัติธรรมจนได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน


    รายนามพระคณาจารย์นั่งปรกอธิฐานจิต
    พระพรหมเวที วัดไตรมิตร
    เจ้าคุณเที่ยง วัดระฆัง
    หลวงปู่หุน วัดบางผึ้ง
    หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้
    หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
    หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก
    หลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ
    หลวงพ่อไพโรจน์ วัดห้วยมงคล
    หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
    พระอาจารย์ชาญ ชาโน สำนักสงฆ์ป่ากลาง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.6 KB
      เปิดดู:
      104
    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.9 KB
      เปิดดู:
      85
    • 03.jpg
      03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.6 KB
      เปิดดู:
      91
  18. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    คาถาบูชาหมอชีวกโกมารภัจจ์

    พระคาถา อัญเชิญ ดวงจิต วิญญาณ

    ปรมาจารย์ทางการแพทย์ "ชีวกโกมารภัจจ์"


    โอม นะโมชีวะโก สิระสา อะหัง กรุณิโก สัพพะสัทธานัง





    โอสะถะ ทิพพะมันตัง ประภาโสสุริยาจันทัง โกมารภัจจ์โต
    ประภาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมทะโส อะโรคาสุมนาโหม
    ( ว่า ๓ ครั้ง )

    นะอะ นะวะ โรคา พยาธิ วินาสสันติ

    ( ว่า ๓ ครั้ง )




    คาถาป้องกันโรคของพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์

    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


    โอมนะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะ สัตตานัง
    โอสะถะ ทิพพะมันตัง ประภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ
    ปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนาโหมิ (๓ จบ)

    บทอธิษฐาน
    ขอบารมีแห่งบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ จงคุ้มครองให้ข้าพเจ้าฯ (ชื่อ/นามสกุล) พ้นจากโรคร้ายภัยเวร
    โรคเวรโรคกรรม ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน มีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดี ขอให้อานิสงส์แห่งแรงอธิษฐานนี้
    คุ้มครองข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้ ล่วงไปเมื่อหน้าเทอญ

    หมายเหตุ
    หากท่านต้องการบารมีรักษาโรคร้ายภัยเวรต่างๆ ในขณะที่เจ้บไข้ได้ป่วย ให้ท่านหาบาตรหรือขันน้ำมนต์ใส่น้ำดื่ม วางหน้ารูปหล่อบูชา
    ขอบรม ครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ และสวดอธิษฐานขอให้น้ำในบาตรหรือขันนี้ จงเป็นน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ เสร็จแล้วให้ดื่มกิน เพื่อขจัดโรคร้าย
    ภัยเวรต่างๆ ที่ปรากฎและเกิดขึ้น
    ผู้ ใดได้กล่าวสรรเสริญคุณแห่งพระคาถาบทนี้ ผู้ใดได้เจริญภาวนาพระคาถาบทนี้ จะบังเกิดมีอานุภาพป้องกันสรรพโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง
    จะเป็นผู้ไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐหาได้ยากและหากยิ่งได้ เผยแพร่ไป จะมีอานิสงส์ผลบุญ ทำให้ปราศจากโรคร้ายภัยเวรต่างๆ



    จากหนังสือสวดมนต์
    บรมครูแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์

    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_1735.jpg
      DSC_1735.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.2 MB
      เปิดดู:
      313
  19. รักษ์สยาม

    รักษ์สยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,129
    พระสององค์นี้มาจากที่เดียวกันครับ "แต่ไม่รู้ที่ไหน" มีคราบกรุ เป็นเม็ดทรายติดอยู่ พาไปให้เซียนดูบางคนบอกว่าของกรุโพธิ์เกรียบ บางคนก็บอกว่าไม่ทราบที่แต่ห้อยคอได้ มึนเลย ได้มานานแล้วแต่ไม่ทราบที่มาจึงทำให้ข้องใจอยู่ถึงทุกวันนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    ไขข้อสงสัย พระสมเด็จ กรุวัดโพธิ์เกรียบ

    หากกล่าวถึงพระสมเด็จฯ กรุวัดโพธิ์เกรียบ
    คงจะต้องกล่าวให้แน่ชัดว่าหมายความว่าอย่างไร
    เพราะก่อนที่ข้อมูลหลายอย่างจะได้รับการค้นคว้ากัน
    มีความเข้าใจผิดในข้อมูลเป็นอย่างมาก
    ถึงขนาดเข้าใจกันว่าสมเด็จเกศไชโย
    เป็นของที่สร้างโดยวัดโพธิ์เกรียบกันเลยทีเดียว

    พระสมเด็จฯ กรุวัดโพธิ์เกรียบ จึงควรแยกกล่าวเป็น 2 กรณี
    1. สมเด็จวัดเกศไชโย (ซึ่งสมเด็จโตสร้าง) แต่พระครูรอด
    เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เกรียบในยุคนั้น ไปนำมาจากวัดเกศไชโยตอนกรุแตก และนำไปแจกชาวบ้าน จนทำให้หลายคนเข้าใจว่าสมเด็จวัดเกศไชโยไม่มีอยู่จริง
    แต่เป็นของที่วัดโพธิ์เกรียบสร้าง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการพบสมเด็จเกศไชโย
    ที่กรุวัดบางขุนพรหม และมีการไปสอบถามพระที่วัดโพธิ์เกรียบ
    ก็ทำให้ข้อสงสัยต่างๆ คลี่คลายลง

    2. สมเด็จฯ วัดโพธิ์เกรียบ ที่สร้างขึ้นจากส่วนผสมของสมเด็จเกศไชโย
    ที่แตกหัก ซึ่งสร้างขึ้นหลังจากสมเด็จวัดเกศไชโยที่พระครูรอดนำมา
    ได้ถูกแจกไปหมดแล้ว ซึ่งก็เป็นพระที่สร้างไว้นานพอสมควร
    และสร้างล้อพิมพ์สมเด็จเกศไชโย จนมีคนนำไปหลอกขายเป็นสมเด็จวัดเกศไชโย

    ข้อมูลอ้างอิงสมเด็จฯ วัดโพธิ์เกรียบ คนเมืองลิง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.8 KB
      เปิดดู:
      276
    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.5 KB
      เปิดดู:
      478
    • 03.jpg
      03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.8 KB
      เปิดดู:
      433
    • 04.jpg
      04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      303
    • 05.jpg
      05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.4 KB
      เปิดดู:
      310
    • 06.jpg
      06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      296
    • 07.jpg
      07.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.3 KB
      เปิดดู:
      356
    • 08.jpg
      08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.7 KB
      เปิดดู:
      364

แชร์หน้านี้

Loading...