ถามครับถ้าช่วยตัวเองแล้วหลังจากเสร็จฝึกกรรมฐานไปด้วยจะได้ผลไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 18 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมมีโลกีย์ฌาณ เสื่อมง่าย ผมจ้า ปราถนาพุทธภูมิ เลยอยากถามว่า ถ้าช่วยตัวเองแล้วฝึกกรรมฐาน หลังจากเสร็จกิจนั่นแล้ว มันจะดีขึ้นไหมครับ

    ตัวผมรู้สึกว่าก็ไม่ไปไหน

    แต่พอผม อยากจะเอาช่วยตัวเอง แล้วในขณะฝึกกรรมฐามันรู้สึกฝุ้งซ่าน ราคะเกิดแล้ว ผมควรจะสนองมันแล้วค่อยฝึกแล้วผมทําแบบนี้บ่อย

    พอเข้าใจไหมครับ คือ ตอนที่กําลังฝึกกรรมฐาน แล้วอารมณ์อยากช่วยตัวเองก็มาแล้วผมก็สนองตัวเองไป อ่าครับ แล้ว็ค่อยฝึกใหม่อ่าครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เคยมีรุ่นพี่ผมก็เคยพูดกัน...ถ้ามันอยากมากก็ไปเอาออกซะ...เสียเวลาคุมอารมณ์...แล้วค่อยปฏิบัติ.....

    จริงๆมันไม่ผิดศีล ๕ แต่ถ้าทำบ่อยๆจะนั่งไม่ติดพื้น...

    คำถามถามได้ตรงมาก แต่ก็ดีครับ....ผมก็ขอตอบตรงๆแล้วกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2012
  3. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เเยกจากกันก่อน ซิโว้ยยยยยยยยย เอาไปรวมกันทําไม

    จะปฎิบัติ ก็ ทําไป จะช้วยตัวเองก็ ทําไป จะเอามันไปรวมร่างกันทําพระเเสงของ้าววววว อะไร
     
  4. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    กราบเรียน ลุงโดด

    กราบเรียน ลุงโดดเป็นชายเเล้ว ครับ เมื่อกี้เอง
     
  5. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ยาก เพราะมันจะทำให้จิตฟุ้งซ่าน
    -------------------------------------
    ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยิ่งตรึก ยิ่งตรองถึงวิตกใดๆ มาก เธอก็มีใจน้อมไปข้างวิตก
    นั้นๆ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คือ ถ้าภิกษุยิ่งตรึก ยิ่งตรองถึงกามวิตกมาก เธอก็ละทิ้งเนกขัมมวิตกเสีย มากระทำอยู่แต่กามวิตกให้มาก จิตของเธอนั้นก็น้อมไปเพื่อกามวิตก


    ดูกรภิกษุทั้งหลายถ้าภิกษุยิ่งตรึก ยิ่งตรองถึงพยาบาทวิตก(ความโกรธ, ผูกโกรธ)มาก เธอก็ละทิ้งอัพยาบาทวิตกเสีย มากระทำอยู่แต่พยาบาทวิตกให้มาก จิตของเธอนั้นก็น้อมไปเพื่อพยาบาทวิตก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุยิ่งตรึกยิ่งตรองถึงวิหิงสาวิตก(ความคิดเบียดเบียน)มาก เธอก็ละทิ้งอวิหิงสาวิตกเสีย มากระทำอยู่แต่วิหิงสาวิตกให้มาก จิตของเธอนั้นก็น้อมไปเพื่อวิหิงสาวิตก...

    ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุยิ่งตรึกยิ่งตรองถึงวิตกใดๆ มาก เธอก็มีใจน้อมไปข้างวิตกนั้นๆ
    มาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย คือ ถ้าภิกษุยิ่งตรึก ยิ่งตรองถึงเนกขัมมวิตก(โทษของกาม, อสุภสัญญา , ความสงบ ,สมาธิ,)มาก เธอก็จะละกามวิตกเสียได้ ทำเนกขัมมวิตกอย่างเดียวให้มาก จิตของเธอก็จะน้อมไปเพื่อเนกขัมมวิตก


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุยิ่งตรึกยิ่งตรองถึงอัพยาบาทวิตก(ความไม่โกรธ, เมตตา)มาก เธอก็จะละพยาบาทวิตกเสียได้ ทำอัพยาบาทวิตกอย่างเดียวให้มาก จิตของเธอก็จะน้อมไปเพื่ออัพยาบาทวิตก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุยิ่งตรึกยิ่งตรองถึงอวิหิงสาวิตก(ความคิดไม่เบียดเบียน, กรุณา) มาก เธอก็จะละวิหิงสาวิตกเสียได้ ทำอวิหิงสาวิตกอย่างเดียวให้มากจิตของเธอก็น้อมไปเพื่ออวิหิงสาวิตก...


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    การลงไปข่ม นั้น หาใช้ทางที่ควรไม่
    เพราะเวลาที่ มันข่มลงไปเเล้ว มันดับลงด้วยกําลัง ที่ข่ม มันไม่ได้ดับลงด้วยกําลังของ ปัญญา

    ท่าจะให้ดี ก็ ต้องใช้ปัญญา มองเข้าไปถึงเหตุ เเละผล ในการเกิดดับของอารมณ์ นั้นๆ หาเหตุปัจจัย ว่าที่ทําลงไปเพื่ออะไร เเล้วได้อะไร กลับมาบ้าง

    เมื่อเห็นในเหตุ ในผล ของมันอย่างถูกต้องเเล้ว มันก็จะถูกดับลงไป ด้วยปัญญา

    ทีนี้ก็ต้องมาเรื่อง ของ ธรรมชาติ ของกาย ว่ามันมีเหตุเช่นนี้ มันก็เลยเป็นไปเช่นนั้น

    ลองทําความเข้าใจ ดู ทีละตัว ทีละอัน อย่าเอาไปรวมกัน
     
  7. มนุสสเทโว

    มนุสสเทโว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +30
    แค่จดจ่อกับลมหายใจเข้าออก ไม่ถึง นาที เรื่องอารมณ์พวกนี้มันก็หายไปแล้วนะ ต้องทำได้สิ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถามครับถ้าช่วยตัวเองแล้วหลังจากเสร็จฝึกกรรมฐานไปด้วยจะได้ผลไหมครับ



    ฌาน เสื่อมครับ

    แถม ทำให้ เข้า สมาธิ หรือ ฌาน ยากกว่าเดิมด้วยครับ


    ยิ่งฟุ้งซ่าน ราคะเกิด ทำบ่อยๆ ยิ่งห่าง ยิ่งไกล จาก ฌาน สมาฺธิ หนักไปอีก

    จะจัดการ ระงับ กาม ต้อง ใช้ สติ ครับ

    ใช้ กำลัง ของ สมาธิ เป็นเบื่องต้น กดเอาไว้ ใช้กำลัง ฌาณ กด กิเลส เอาไว้ครับ

    จะตัด กาม ได้ ต้องเป็น พระอรหันต์ เท่านั้นครับ ถึงจะ ตัด กาม ได้เท่านั้น

    เป็นคนธรรมดา ก็ต้องใช้ สมาธิ กับ ฌาน กด กาม เอาไว้ เหมือน หินทับหญ้า เท่านั้นครับ

    นิวรณ์ ๕

    อกุศลธรรมที่คอยทำลายล้างความดีที่เป็นกุศล คือ ฌาน ท่านเรียกว่า นิวรณ์ มี ๕ อย่าง คือ
    ๑. กามฉันทะ ความพอใจใน รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
    ๒. พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    ๓. ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิดใจ
    ๕.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่
    เพียงใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2012
  9. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    ราคะคือมารตัวพ่อเลยนะครับ

    การจะเอาชนะมันนั้นเป็นเรื่องยาก

    ถ้าให้ดีก็บริโภคความกำหนัดอย่างรู้เท่าทันจะดีกว่าไปกดมันนะครับ

    การช่วยตัวเองเพื่อลดความกำหนัดก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่ถ้าใช้บ่อยๆ

    มันก็เป็นการส่งเสริมราคะในตัวเอง หมั่นเจริญสติให้มากๆ

    เมื่อสติรู้เท่าทัน กำหนัดมาเมื่อไรเราก็เอาสติจับจับลมหายใจแทน

    สู้กันแบบนี้ สู้บ่อยๆ สักวันคงจะได้ชนะบ้างไม่มากก็น้อยครับ

    ทุกวันนี้ผมเองก็โดนราคะมันลากถูลู่ถูกัง ถลอกปลอกเปิดไปทั้งตัวอยู่เหมือนกันครับ55+
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fail20.jpg
      fail20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      44
  10. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637


    ตอบครับ

    เจ้าของกระทู้ จะเอาสมาธิขั้นไหนล่ะครับ

    ถ้าเอาแบบธรรมดาค่อยเป็นค่อยไปแล้วละก็

    ทำได้ครับ เพราะตัวเองก็อยู่ศีลอยู่นะ ไม่ได้ผิดศีลอะไร

    แต่ถ้าเป็นนักปฎิบัติสมาธิจริงๆจะรู้เลยว่าจิตมันตกนะ

    อย่างเราสัมผัสความเป็นทิพย์ได้ พอไปทำเข้า

    จิตจะมัว ภาพที่เราสัมผัสจะมัว และถึงกับไม่เห็นเลยก็มีนะ


    ถ้าสนใจในกสิณ อภิญญาสมาบัติแล้วละก็

    ไห้นึกเสมอไว้เลยนะครับ กำลังใจ ใครก็ตามที่ต้องการ

    ทรงอภิญญา หรือเข้าถึงอภิญญาไห้ได้จริงๆ

    กำลังใจจะต้อง ขอไช้คำว่า เหยียบหัวกิเลส จนโงหัวไม่ขึ้น

    เหยียบด้วยกำลังของฌาณนะ ไม่ไช่กำลังของวิปัสสนา

    แต่ต้องไช้กำลังวิปัสสนาช่วยไห้ สมาธิทรงตัว

    กิเลส อกุสลกรรม(กิเลสกามคุณ) เป็นตัวทำลายกำลังจิต

    ทำไห้จิตอ่อนแอ จิตตรานุภาพ จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย

    กำลังใจเราแกร่งในด้านสามธิ แต่ในขณะเดียวกัน

    กิเลส เขาก็มีความแกร่งขึ้นมาเทียบเคียงกับกำลังจิตของเราเช่นกัน

    ที่เราปราถนา ที่ไป ที่จะเป็นในด้านดี

    มันเหลื่อมกันนิดๆ พอเราพลาด ว่าไม่เป็นไร เราไม่ได้ทำผิดอะไรนี่

    แค่ทำร้ายตัวเอง ไม่ผิดศีลอะไรเลย ตรงนี้ ก็คือ เราแพ้ เราพ่าย

    หรือเราแพ้ ไห้กับกิเลสกาม

    ถ้าหวังอภิญญา นิวรณ์ธรรมห้าประการ

    ทุกขณะจิต เราจะตกเป็นทาส กิเลสห้าประการมี้ไม่ได้

    หนึ่งในห้านั้น ก็มี กามคุณปรนอยู่ด้วย

    ถ้ามีความปราถนาว่า พอก้าวเท้าแรกเหยียบอยู่บนผืนแผ่นดินไทย

    พอเก้าที่สอง ไปโผล่ที่พม่า

    หรือากาศร้อนๆ เรียกฝนมาตก ไห้อากาศร้อนคลายตัว

    แต่ทำได้เฉพาะตัวเราเองนะ ทำไห้คนอื่นผลเกิดยาก (เท่ากับว่าไปฝืนกฏของกรรม

    หรือฝืนกฏธรรมชาติ คนอื่นเขาต้องได้รับสภวะแบบนั้น ก็เค้าทำของเขาไว้ ส่วนเรา

    ได้เลยกฏตรงนั้นมาแล้ว ทำได้เฉพาะตัวครับ)

    กิเลสกามคุณ ต้องเหยียบหัวมันไว้เลย อย่าไห้โผล่มาแม้แต่

    เสี้ยววินาที!!

    ท่านเจ้าของกระทู้ มีความหวังจะทรงคุณธรรมอะไร?

    จะเอาดีในด้านไหน?

    อนุโมทนาธรรมกับทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กุมภาพันธ์ 2012
  11. ปภาโส

    ปภาโส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +5
    ไอ้หย่ะว่าวก่อนนั่ง
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    .. นี่คือ ตัวอย่างของการปฏิบัติข้ามขั้นตอนครับ..:cool::mad:
    .. คุณต้องเริ่มต้นจากการทำลายตัวตน นั่นคือต้นเหตุของอารมณ์..กามราคะ..ต้องเดินกายไปก่อนเรื่อยๆ ขณะนั่งสมาธิหรือ ก่อนนั่งสมาธิ เดินกายให้จิตเข้าใจ หรือจำ จนอ่อนล้าแล้วพักจิตไปด้วยในกาย..
    ..อารมณ์กาม ราคะ ที่คุณว่าจะไม่เกิดขึ้นเลยครับ.. ความฟุ้งซ่านใดๆก็ไม่เกิด ลองดูซีครับ
    ลัทธิ ตันตระ คือเสพกามก่อนฝึกสมาธิ จะเหมือนกับคุณกินยาบ้า ก่อนทำงาน.. วันไหนคุณไม่เสพยาบ้า คุณจะทำงานไม่ได้..หลักศาสนาเราให้ทิ้งสิ่งเสพติด คืออุปทาน..แต่ว่า
    เออ.ถามจริงๆ ตอนสำเร็จความใคร่..นึกถึงรูปใคร บอกมั่งดี่.:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...