รูปหล่อรูปปั้นไม่ใช่พระพุทธรูป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 16 กุมภาพันธ์ 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๑๒๔/๔๐๘
    ครั้งนั้น พระพิชิตมารทรงทราบว่า เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น กายมีโทษไม่สิ้นสุด เปรียบเสมอด้วย
    ต้นไม้มีพิษ เป็นที่อยู่ของโรคทุกอย่าง ล้วนเป็นที่ประชุมของทุกข์
    เพราะฉะนั้น ท่านจงเบื่อหน่ายในรูป พิจารณาเห็นความเกิดขึ้น
    และความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย จักถึงที่สุดแห่งสรรพกิเลสได้
    โดยง่าย

    ----
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "พระพุทธรูปเป็นรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น" ชาวพุทธกราบไหว้ยึดถือในรูปที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นรูปที่น่าเกลียด มีโทษไม่สิ้นสุด เป็นที่อยู่ของโรค เป็นที่ประชุมของทุกข์ ท่านบอกว่านับถือศาสนาพุทธ ท่านเป็นสาวกประเภทไหนกันละทิ้งคำสอนของพระพุทธเจ้า

    ผมไม่ได้เป็นศิษย์วัดสามแยก ผมเชื่อหลักฐานจากพระไตรปิฏก พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจริงตลอดกาล ใครมีหลักฐานบอกว่ารูปหล่อรูปปั้นเป็นพระพุทธรูปเอามายืนยัน รูปหล่อรูปปั้นที่พวกท่านกราบไหว้ผมก็ไม่เห็นคนปั้นจะสลักชื่อว่าพระพุทธรูปสักรูปหนึ่ง เห็นมีแต่หลวงพ่อนั้น หลวงพ่อนี้ ไม่เห็นมีพระพุทธรูปสักองค์
     
  2. tyoukerd@hotmail.com

    tyoukerd@hotmail.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +293
    รูปหล่อรูปปั้นที่บรรพชนไล่มาจนถึงพวกเรากราบไหว้กันนี้ เรากราบไหว้เพื่อเป็นเครื่องระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อกราบไหว้แล้วจิตจะเป็นกุศล เย็นตาเย็นใจ บางท่านระลึกเป็นพุทธานุสสติเพื่อต่อยอดเป็นสมถกรรมฐานต่อไปครับ แม้แต่ผู้ที่จิตใกล้จะดับขันธ์ (กรณีที่ยังไม่บรรลุแม้โสดาบันบุคคล) ยังต้องน้อมระลึกนึกถึงกุศลคุณงามความดีที่เคยสร้างเอาไว้ บางคนระลึกนึกถึงพระพุทธรูปที่เป็นสิ่งสมมุติเพื่อระลึกนึกถึงคุณงามความดีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอารมณ์ เพื่อให้จิตที่สุคติภพเป็นที่ไปครับ
     
  3. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    กราบพระพุทธรูปมาตั้งแต่เด็ก จนแก่

    หากพ่อแม่ไม่แนะนำให้กราบพระพุทธรูป แต่บอกว่า กราบ 3 หน

    แล้วกราบครั้งแรก นึกถึงอะไร กราบครั้งที่ 2 กราบ รูปใบลานมัดไว้ แทนพระธรรม

    กราบครั้งที่ 3 กราบรูปภาพ รูปปั้นหลวงพ่อที่วัดข้างบ้าน

    ก็เด็กออกจะเดียงสาปานนั้น เรามีวิธีที่จะบอกเขาว่า กราบพระพุทธเจ้า หน้าตาอย่างนั้น

    อย่างนี้ ....มันจะนึกออกไหม ??? แล้วท่านสอนลูกท่านให้กราบพระพุทธอย่างไร ????
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมให้ลูกผมรักษาศีลห้า นั่งสมาธิ ผมพาลูกไปวัด ผมพาไปกราบเจดีย์ สถูป กราบพระสงฆ์
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เมื่อสองปีก่อนผมก็กราบไหว้รูปหล่อรูปปั้น และคิดว่าได้กราบพระพุทธเจ้า แต่ผมไม่เคยเข้าถึงพระพุทธเจ้า เมื่อผมมีทุกข์รูปหล่อรูปปั้นช่วยผมไม่ได้ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เท่านั้นเป็นที่พึงของผม และสุดท้ายเมื่อเตียงที่ ๕ มาถึงตนนั่นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
     
  6. Sonaz

    Sonaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    762
    ค่าพลัง:
    +348
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต

    ผมคิดว่า ที่เรากราบกันทุกวันนี้ น้อยคนที่จะเข้าใจแก่นแท้จริงๆ ว่าเรากราบเพื่ออะไร และจุดมุ่งหมายเราคืออะไร เพราะหลายต่อคนเลย กราบเพราะ อยากได้ในลาภยศ เงินทอง แต่ไม่ทำความดีอะไร ไม่ได้ตั้งตนในทางที่พระพุทธองค์ชี้แนะเอาไว้ แค่มากราบพระพุทธรูป มาขอหวยยังงี้ ผมว่าถ้ากราบด้วย จิตที่ศรัทธาเป็นพุทธานุสติ ก็โอเคอยู่นะครับ
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    อนุโมทนาครับ
     
  8. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234

    กั๊กๆๆๆๆๆ ถูกต้องค่ะ อย่าว่าแต่กราบรูปหล่อรูปปั้น หรือจะปรุงแต่งให้มันไพเราะว่าพระพุทธรูปอะไรๆก็เถอะ กราบไปสิไม่ช่วยไรหรอกรูปปั้น อย่าว่าแต่รูปปั้นเลย ต่อให้นั่งตักพระตถาคตเลยด้วยเอ้า ถ้าไม่เห็นธรรมซะแล้วก็ไม่ชื่อว่าเห็นตถาคต นะจ้ะ กั๊กๆๆๆ ตื่นเถิดชาวพุทธ^-^
     
  9. darkkiller66

    darkkiller66 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +6
    ถูกต้องครับ!อ่านจากตำราเรียน มีการสร้างพระพุทธรูปหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 200ปี จุดประสงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าต่อมาก็เริ่มเพี้ยนขึ้นเรื่อยๆ มีการปลุกเสก โดยหลวงพ่อนี้พระอาจารย์โน้นซื่งจริง ๆแล้วมันไม่ใช่พุทธ มันเป็นพรามณ์อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศาสนาพุทธเพี้ยนและทำให้คนทำมาหากินกับศาสนา
     
  10. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +369
    ก็ยังเข้าใจผิดกันเรื่องพระพุทธรูปเช่นเคย เดี๋ยวก็กระทุ้ร้อนอีก

    มองอะไรมองให้ถึงแก่น อย่ามองเพียงเปลือกนอก

    การที่บอกว่าเป็นแค่ปูนปั้นนั่นหมายถึงคุณมองที่เปลือกนอก ขาดการมองอย่างเข้าใจ
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    รูปหล่อรูปปั้นประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ (ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม) ช่างปั้นทำเป็นรูปขึ้นมา ทำพิธีโดยพระสงฆ์ทุศีล(พระพุทธเจ้าห้ามพระสงฆ์ทำพิธีเสกเป่า รดน้ำมนต์ พ่นน้ำมนต์ เป็นหมอทรงเจ้า บวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่)

    พระพุทธรูปเป็นรูปกายประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ (ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม) เกิดแต่ครรภ์มารดา มีวิญญาณเข้าไปตั้งอาศัย เจริญเติบโตในครรภ์ ๘ เดือนบ้าง ๙ เดือนบ้าง ๑๐ เดือนบ้าง รูปเกิดขึ้นเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะเพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะโสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

    พระพุทธรูปหรือรูปเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา เสียง กลิ่นรส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นท่านทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา

    พระพุทธรูปหรือรูปเป็นอนัตตา เป็นที่รวมของกองทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้เบื่อหน่ายในรูป พิจารณาให้เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแห่งขันธ์ทั้งหลาย(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ถ้าท่านพอใจที่จะกราบไหว้พระพุทธรูปหรือรูปก็กราบไหว้เถิด ผมเองก็กราบไหว้บรรพบุรุษรูป มารดารูป บิดารูป ครูบาอาจารย์รูป ญาติรูป ผมกราบไหว้ทั้งรูปที่มีวิญญาณตั้งอยู่และรูปที่ไม่มีวิญญาณตั้งอยู่ และถ้าจะกราบไหว้รูปหล่อรูปปั้นที่ช่างปั้นทำเป็นรูปขึ้นมาก็ไม่ได้ผิดอะไร

    พระธรรมเท่านั้นที่จะทำให้ท่านพ้นทุกข์ทำให้ท่านได้เห็นพระพุทธเจ้า
    พระพุทธรูปหรือรูปกาย รูปหล่อ รูปปั้น ท่านกราบไปจนวิญญาณท่านดับ
    ท่านก็ไม่มีวันได้เห็นธรรมไม่มีวันได้เห็นพระพุทธเจ้า "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นคถาคต"
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xRseEAFwpmQ&feature=player_embedded]Sunti Pichetchaiyakul Sculpts the Buddha - YouTube[/ame]
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=__GGqudmpnE&feature=player_embedded]Sunti World Art - YouTube[/ame]
     
  14. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,666
    ค่าพลัง:
    +3,459
    รูปหล่อปั้นเป็นพระพุทธรูปแน่ๆครัีบ
    เป็นพุทธานุสติให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
     
  15. Tiger Dear's

    Tiger Dear's MY HOMEWORK

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +301
    ไร้สาระอะไรจะปานนี้ ใครชอบอย่างไรก็ว่าไปตามนั้นดีกว่าไหม
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านพระพุทธทาส

    [​IMG]
     
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๑๘๕/๒๘๘

    [๒๔๕] วิญญาณฐิติ ๔ อย่าง
    ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งรูปเมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่วิญญาณนั้นมี
    รูปเป็นอารมณ์ มีรูปเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอกงาม
    ไพบูลย์ ฯ
    ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งเวทนา เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ วิญญาณ
    นั้นมีเวทนาเป็นอารมณ์ มีเวทนาเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอก
    งามไพบูลย์ ฯ
    ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งสัญญา เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ วิญญาณ
    นั้นมีสัญญาเป็นอารมณ์ มีสัญญาเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอก
    งาม ไพบูลย์ ฯ
    ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งสังขาร เมื่อตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ วิญญาณ
    นั้นมีสังขารเป็นอารมณ์ มีสังขารเป็นที่พำนัก เข้าไปเสพซึ่งความยินดี ย่อมถึงความเจริญ งอก
    งาม ไพบูลย์ ฯ

    ----
    วิญญาณย่อมเวียนอยู่กับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร
    ทุกอาการของจิตเกิดขึ้นเพราะมีวิญญาณกับนามรูป
    วิญญาณตั้งอยู่โดยไม่มีนามรูปเป็นสถานะที่เป็นไปไม่ได้
    พระสาลีบุตรเปรียบวิญญาณกับนามรูปเหมือนไม้สองท่อนพิงกัน
    ถ้าไม่มีท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ท่อนไม้อีกท่อนหนึ่งก็ตั้งอยู่ไม่ได้
    โลกธาตุนี้จะบัญญัติอะไรไม่ได้เลย ถ้าปราศจากวิญญาณและนามรูป
     
  18. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,489
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๖ หน้าที่ ๑๘๓/๒๘๘

    [๔๓๘] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
    เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็น
    ที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ฯลฯ
    [๔๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่อนไม้ที่บุคคลโยนขึ้นบนอากาศ บางคราวก็ตกลงทางโคน
    บางคราวก็ตกลงทางขวาง บางคราวก็ตกลงทางปลาย แม้ฉันใดสัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นที่
    กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ก็ฉันนั้นแล บางคราวก็จากโลกนี้
    ไปสู่ปรโลก บางคราวก็จากปรโลกมาสู่โลกนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนด
    ที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ

    ----
    พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจริงตลอดกาล หาได้ไร้สาระไม่ มนุษย์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบต่างหากที่ไร้สาระหาแก่นสารไม่ได้
     
  19. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,318
    สาธุ กับคุณ อุรุเวลาครับ บุญที่ท่านได้เผยแพร่ ครั้งนี้ คงได้มิน้อยเลย
    จงยืนยัด ในความถูกต้องนะครับ สาธุ
     
  20. changnoy

    changnoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +3
    ถ้าไม่มีพระพุทธรูปอยู่กลางโบสถ์แล้วจะใช้อะไรแทน?
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...