เราหายป่วยเพราะสวด บทสวดโพชณังคปริตร หรือเราหายป่วยด้วยอะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ต้นปลาย, 8 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    โพชณังคปริตร เป็นบทสวดประเภทสัจกิริยา แปลว่า การตั้งความสัตย์ หรือสัจจาธิษฐาน แปลว่า การอธิษฐานในใจโดยอ้างสัจจะ ดังนั้น การสวดจะมีผลต่อการรักษาโรค หัวใจของบทสวด คือมีศรัทธาเชื่อมั่นว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้โพชฌังคปริตรรักษาพระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสะปะให้หายจากอาพาธ และทรงให้พระจุนทะสวดถวายรักษาอาการประชวรของพระองค์หายได้จริง เมื่อเชื่อมั่นอย่างนี้ ขณะกล่าวคำสวด และใจของผู้สวดตรงกันเป็นความจริงแล้วจึงเกิดปีติความอิ่มเอิบใจ เมื่อมารวมกับอานุภาพของพระรัตนตรัยย่อมเกิดเป็นพระพุทธมนต์อันยิ่งใหญ่รักษาโรคให้หายได้
    โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
    โพชฌงค์ ๗ ประการ คือสติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์

    วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะตะถาปะเร
    วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์

    สะมาธุเปกขะโพชฌังคา สมาธิสัมโพชฌงค์และอุเบกขาสัมโพชฌงค์

    สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา
    ๗ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว

    ภาวิตา พะหุลีกะตา อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว

    สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะโพธิยา
    ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้และเพื่อนิพพาน

    เอเตนะสัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

    เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะกัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา
    ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้าทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ได้รับความลำบาก

    โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ
    จึงทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง

    เต จะ ตัง อะภินันทิตวา ท่านทั้งสองนั้นชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม

    โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ ก็หายโรคได้ในบัดดล

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

    เอกะทา ธัมมะราชาปิเคลัญเญนาภิปีลิโต
    ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง(พระพุทธเจ้า)ทรงประชวรเป็นไข้หนัก

    จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะสาทะรัง
    รับสั่งให้พระจุนทะเถระกล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ

    สัมโมทิต์วา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิฐานะโส
    ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัยหายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

    ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิมะเหสินัง
    ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ องค์นั้นหายแล้วไม่กลับเป็นอีก

    มัคคาหะตะกิเลสาวะปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
    ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้วถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

     
  2. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    เราไม่น่าจะหาย ด้วยความหมาย แต่เราหายป่วยเพราะอะไร นะ
     
  3. ณัฐธัญพงษ์

    ณัฐธัญพงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +237
    อย่าไปสงสัยเลยครับ ขอจงเชื่อมั่นและศรัทธาในสิ่งที่ทำนั่นแหละดีแล้ว สาธุ
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อาจเป็นที่ ใจ ของคนนั้น เข้าถึงความจริงของอานุภาพของบทสวด ก็เกิดปาฏิหารย์ได้
    แต่ถ้าฟังแล้วเฉยๆถึงจะรู้ความหมายแต่ก็ไม่ซาบซึ้งใจ ใจไม่กระเทือน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ก็คงเหมือนฟังบทสวดตามพิธีกรรมอื่นๆ
     
  5. ddty2k

    ddty2k สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    ถ้ากินยาก็อาจจะหายเพราะยานะครับ ^-^
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ผมว่า ป๊ะป๋า เฉลยมาเลยดีกว่า
     
  7. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    คุณป๋อง ต้องอ่านบทนี้ เท่าอายุนะ จะรู้
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จะต้องไปอ่านทำไมเท่านั้นเท่านี้รอบหละครับ

    ในเมื่อ สัจกริยา เนี่ยะ หาก เห็นได้ตามความเป็นจริง ก็ไม่ต้องถาม
    อะไรแล้ว เห็นปั๊ป หายป่วยทันทีไปเลย

    ส่วนเรื่องท่องร้อยรอบพันรอบนั่น แค่ อุบายแบบคนแก่เล่นขายของ
     
  9. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    [​IMG]

    แยกออกไหม :cool:
     
  10. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ศรัทธา ครับ แม้จะไม่รู้ความหมายมาก่อน แต่ศรัทธาทำให้เกิดบารมี มีกำลังใจช่วยได้มากเลยทีเดียว
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ่อ ...คือว่า ต้องขออนุญาติขัดหน่อยหนึ่ง

    หากกล่าวว่า ศรัทธา นี่เกรงว่า จะผิดอารมณ์ธรรมไปมาก เพราะ ระหว่าง
    การ แล่นด้วยความเร่ง กับ การเบรคหยุดให้พอดี มันคนหละวิถีกัน

    * * *

    สัจกริยา คือ อารมณ์ธรรมที่ใกล้เคียง ความอิ่มอารมณ์มากที่สุด แต่่เป็นความอิ่ม
    อันเกิดจากปัจจัยเป็นเครื่องล่อ เมื่ออิ่มแล้วก็จะไม่เอาอะไรอย่างอื่นอีก เรียกว่าอารมณ์
    อื่นๆหมดสิทธิแทรก เพราะอิ่มแล้ว

    อิ่มจาก สัจจกริยา มันเป็นการอิ่มในผลงานที่กระทำ การที่พระพุทธองค์และพระขีณาสพ
    จะกลับมาพิจารณาถึง ความสมบุกสมบัน บากบั่น ทำ ธรรมวิจัยโพชฌงค์ เป็นต้นมา จน
    สำเร็จลุล่วงคือจบกิจศึกษา คนที่สำเร็จแบบนั้น มี สัจจกริยาแบบนั้น ย่อมยังให้เกิดความ
    อิ่มใจ เมื่ออิ่มใจ อาการอื่นๆ อารมณ์อื่นๆ ก็หมดสิทธิแทรก

    ยกตัวอย่างเช่น

    รับปากลูกสาวไว้ว่าจะซื้อรถให้ หากซื้อให้สำเร็จลุล่วงลง จิตมันก็อิ่มอารมณ์ที่
    ทำได้ดั่งสัจจแล้ว ไม่รู้สึกว่าพร่อง ไม่รู้สึกว่าต้องคอยตามไปชดใช้สิ่งที่ขาด
    ยังไม่ได้กระทำ ...เมื่อผลงานเล็กน้อยไม่มี ผลงานใหญ่ก็พลอยล้มระเนระนาด
    หมด ซ้ำร้าย ยังโดนนิวรณ์รุมซะกรำซ้ำ น่าอเน็จอนาถ เป็นต้น

    จะเห็นว่า สัจจกริยา จะช่วยให้เห็นอารมณ์ธรรมที่ใกล้เคียง การอิ่มอารมณ์
    (ซึ่งเป็น สัจจญาณอย่างหนึ่งของ อัปปนาสมาธิ ) เมื่อไม่สามารถทำสมาธิ
    ให้ถึงที่สุดได้ ก็ต้องประกอบสัจจไว้เนืองๆ เพื่อให้เห็นสิ่งที่ใกล้เคียงไปก่อน
    เนื่องด้วยวิถีจิตมันคล้ายๆ เพราะเดินจาก ธรรมวิจัยยะ ไปวิริยะ จบที่ วิมังสา
    ซึ่งคล้าย อุเบกขาสัมโพฌงค์ แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว

    ดังนั้น จะสัจจะตลอด ก็ไม่ใช่ จะกลายเป็ยผลิกศาสนาไป กลายเป็นหนุมาน
    จะคนละเรื่องกันไปเลย สวดปริตอย่างเดียว ศรัทธาเรื่อยไป ก็ไม่ใช่ ต้องพิจารณาดีๆ

    * * *

    อนึ่ง การณ์ใดล่้วงเลยไปแล้ว ไม่มีการย้อนแก้ ผ่านแล้วให้ผ่านเลย ให้ลุก
    เริ่มใหม่ทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2012
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สมมตินะสมมติ สมมติว่า มีลูกป่วยไข้ เราอยากให้เขาหายไวๆ

    ถ้าเขาเป็นคนเจริญสมาธิ สดับธรรม หมั่นประกอบวิปัสสนา หากเราสวดโพชฌงค์
    ปริต เขาเองก็มีผลงานการภาวนา แบบนี้ ต่อให้มะเร็งก็หายจ้อย ( ในทาง
    ศาสนาหมายถึง ไม่กุ้มรุมจิต )

    แต่ถ้า เขาไม่เคยสดับธรรม อีกทั้งวิปัสสนาไม่เคยเป็นธุระ จะไปสวด เขาก็ไม่รู้
    เรื่อง อย่ากระนั้นเลย เอาเรื่องราวที่เขาเต้นรำ ร้องเพลงชนะ อะไรก็ตามที่เขา
    เคยทำสำเร็จสมดั่งปณิธานแล้วไม่มีความเห่อเหิม เราก็ให้เขา หรือเราเล่าถึงสิ่ง
    นั้นย้ำแบบนี้ ต่อให้เป็นมะเร็งก็หายจ้อยได้ไม่มากก็น้อย

    ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ให้ว่ากันไปตาม กรรม ไม่มีอะไรฝืนกฏแห่งกรรมได้
     
  13. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    อืมม...ก็จริงของท่านนิวรณ์นะ อิ่มใจ สัจกิริยา
    เอ..แล้วศรัทธาจริงๆมันแปลว่าอะไรกันเนาะ ความเชื่อถือ ความเชื่อมั่น ฯล ?

    ต้องหยิบยกเป็นกรณีไป หากบุคคลได้ศึกษาธรรมมา ปฏิบัติมาบ้างก็จะเข้าใจ หายในที่นี้คือหายกังวลใจ เสียก่อน เหมือนคนจะตายหากมีศีล 5 ไม่พร่องเลยในระหว่างยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อมรู้สึกลึกๆว่าตายเมื่อไหร่ก็สบายเมื่อนั้น นั่นคือเขาอิ่มสัจกิริยา คือทำผลงานมาดีตลอด แม้จะยังยืนยันไม่ได้ว่าจะไปเป็นอะไรที่ไหนต่อ คงเป็นหน้าที่ของกรรมจัดสรร

    กรณีบุคคล ไม่ได้สดับธรรมมาก่อนก็เป็นเรื่องอันตรายสำหรับเรื่องแบบนี้
    แต่หากรู้ลึกได้ว่าบุคคลมีสิ่งที่เอิบอิ่มใจจากผลงานระหว่างมีชีวิตอยู่ แม้ศีล 5 จะเกือบดีครึ่งๆกลางๆอยู่บ้าง หากได้สดับธรรมอันประเสริฐและพอมีบุญอยู่บ้างอย่างน้อยๆหนักก็จะกลายเป็นเบา ราวกับคนดีแต่เคลือบด้วยกรรมชั่ว อาจจะอิ่มเอิบใจแต่จะทรงอารมณ์อิ่มนั้นได้ไม่นาน

    ศรัทธา ในบริบทนี้ผมให้นิยามกับบุคคลกรณีที่ 2 ในสภาวะเฉียดตาย
    หากศรัทธาตามนัยของผมเองหมายถึง ความเชื่อถือในพระรัตนตรัย ความเชื่อมั่นในตัวเอง จะยังคงมีสติพร้อมรับมือกับปรากฏการณ์เบื้องหน้าได้ในระดับหนึ่ง
    แม้จะฟังดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับหลัก กาลามาสูตรบ้าง แต่ในกรณีเร่งด่วนเราก็ควรจะหยิบยกขึ้นมากล่าวสำหรับผู้ป่วยที่กำลังจะตาย ไม่ใช่ศรัทธาสร้างวิหารวิมารไว้หลังความตายจะได้เข้าไปอาศัยอยู่

    ขออนุโมทนาธรรมครับ
     
  14. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ธรรมปิติ


    เจริญในธรรม
     
  15. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    สัมโมทิต์วา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิฐานะโส
    ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัยหายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน



    นิวรณ์เอ้ย มาแปลตรงนี้หน่อย ซิ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ศรัทธา เน่าชัดเจนครับ

    ศรัทธาในทางพระศาสนา ไปเปิดเอาตามพระไตรปิฏกได้ มีระบุไว้อย่างง่ายๆ

    แต่ โดยความเป็นจริง เวลาคนภาวนาไม่เป็น ยังไม่เห็นเนียะ พอพูดศรัทธา
    ออกมาปั๊ป ก็จะ ผิดทันที ไม่มีทางพูดได้ถูก

    เวลาพูดไม่ถูกเนี่ยะ ก็จะกล่าวอะไรออกมาแบบนี้

    อาการพูดแบบนี้ ผมขอนิยามว่า ปัญญาแบบกุ้ง!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  17. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    การเจริญโพชฌงค์ทั้ง7 และสัญญา10 ประการ

    นั้นแล "ธรรมโอสถ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...