เจ้าพ่อเจตคุปต์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ๛อาภากร๛, 27 สิงหาคม 2010.

  1. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    907
    ค่าพลัง:
    +3,602
    ขอความเมตตาเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
    ท่านใดพอจักทราบประวัติของเจ้าพ่อเจตคุปต์บ้าง
    เจ้าพ่อเจตคุปต์ที่เป็น 1 ใน 5 ของศาลหลักเมืองกรุงเทพหน่ะครับขอฟังทั้งทางประวัติศาสตร์ และ พระนามท่านทางโลกวิญญาณ เนื่องจากมีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2010
  2. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนา ด้วยครับ

    ผมก็อยากได้ประวัติของท่านทั้ง 5 เหมือยกันครับ
    1. พระเสื้อเมือง
    2. พระทรงเมือง
    3. พระกาฬไชยศรี
    4. เจ้าเจตคุปต์
    5. เจ้าพ่อหอกลอง

    ถ้าท่านใหมีก็ช่วยนำมาลงด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  3. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    <TABLE class=spacing height=10><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>มีเรื่องเล่าติดต่อกันมาหลายชั่วคนว่า ในสมัยก่อนคนย่านปากคลอง ตลอดคลองคูเมืองเดิม ในวันดีคืนดีมักจะได้ยินเสียงกลองตีดังตึง ๆ ๆ เป็นปริศนา แล้วไม่นานก็จะเกิดเหตุร้ายเหมือนสัญญาณบอกเหตุ เสียงนั้นว่ากันว่าดังมาจาก หอกลองเก่าซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว ทำให้ชาวบ้านในยุคก่อนเชื่อกันว่า วิญญาณของเจ้าพ่อหอกลองยังคงสถิตอยู่ จึงเฝ้าวนเวียนแสดงอภินิหาร



    หากย้อนประวัติไป “หอกลอง” ที่ว่านี้เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างและสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวง โดยสร้างพระนครขึ้นใหม่และทรงเห็นความสำคัญของ “หอกลอง” ที่จะต้องมีคู่พระนคร พระองค์ทรงโปรดฯ ให้สร้างหอกลองขึ้นทางด้านใกล้กับพระบรมมหาราชวัง ติดกับเนื้อที่วัดพระเชตุพนฯ หอกลองนี้ในสมัยก่อนจะมีพนักงานเจ้าหน้าที่มาทำงานประจำ โดยมีบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าหอกลอง” ทำหน้าที่ดูแลเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในพระนครคล้ายเป็นยามดูแลรักษาพระนคร คอยระแวดระวังภัย เช่น ไฟไหม้ รวมถึงบอกเวลา และเรียกหอกลองแห่งนี้ว่า “หอกลองประจำพระนคร”

    ภายในหอกลองนี้รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำกลองขนาดใหญ่มาไว้ทั้งหมด 3 ใบ ได้แก่ กลองย่ำพระสุริย์ศรี กลองอัคคีพินาศ กลองพิฆาตนารี ซึ่งกลองแต่ละใบจะใช้ตีเพื่อแจ้งเหตุแตกต่างกัน โดยกลอง “ย่ำพระสุริย์ศรี” ใช้ตีเพื่อบอกเวลาแก่คนในพระนครว่าเวลานั้น ๆ เป็นเวลาเท่าใด ซึ่งเสียงที่เป็นสัญญาณจะดัง ตุ้ม ๆ ๆ เลยกลายเป็นคำว่า “ทุ่ม” ในปัจจุบัน ส่วนกลอง “อัคคีพินาศ” ใช้ตีเมื่อเวลาบ้านเมืองมีเหตุเภทภัย สมัยก่อนหากเกิดไฟไหม้ขึ้นในพระนครก็จะต้องเกณฑ์แรงคนมาช่วยกันดับ และการที่จะบอกเหตุเร่งด่วนได้รวดเร็วที่สุด สมัยนั้นก็คือ จะต้องคอยฟังเสียงกลองที่หอกลองแห่งนี้
    สำหรับ “กลองพิฆาตไพรี” จะใช้ตีเมื่อข้าศึกยกกำลังมาประชิดพระนคร จะใช้ตีเพื่อให้คนในพระนครทราบว่า ขณะนี้เกิดเหตุมีข้าศึกยกทัพมา ให้ชาวพระนครเตรียมพร้อมรับศึกสงครามที่อาจเกิดขึ้น


    เมื่อได้สร้างหอกลองเสร็จแล้ว รัชกาลที่ 1 ยังทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานองค์เทพารักษ์มาประดิษฐานประจำหอกลองด้วย หอกลองนี้คงทำหน้าที่มาถึงรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อหอกลองออกเพราะทรงเห็นว่า ความจำเป็นที่จะใช้หอกลองแจ้งข่าวสารแบบโบราณนั้นหมดไปแล้ว หอกลองดังกล่าวจึงถูกรื้อทิ้ง เพื่อนำมาสร้างสถานที่ราชการ คือ กรมการรักษาดินแดนนั่นเอง


    ตำนานศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหอกลองในอดีตร่ำลือกันว่า มีวิญญาณของเจ้าพนักงานที่ทำหน้าที่ประจำหอกลอง ยังคงสถิตวนเวียนอยู่ แม้เมื่อเสียชีวิตไปแล้วจิตของท่านก็ยังคงห่วงใยในหน้าที่ที่รับผิดชอบ เพื่อสนองงานต่างพระเนตรพระกรรณของเจ้าเหนือหัว วิญญาณของท่านจึงยังคงทำหน้าที่อย่างที่เคยกระทำมาเมื่อครั้งยังมีชีวิต จึงมีผู้ได้ยินเสียงสัญญาณจากกลองดังขึ้นในวันดีคืนดี ทั้ง ๆ ที่หอกลองนี้ได้ถูกรื้อไปเป็นร้อยปีแล้ว



    เรื่องราวอภินิหารของ “เจ้าหอกลอง” ได้รู้ถึงหูของเจ้ากรมรักษาดินแดนท่านหนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยที่ท่านเข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ จู่ ๆ ท่านก็ฝันประหลาดว่า ในบริเวณสถานที่ตั้งกรมการรักษาดินแดนนี้ มีเจ้าพ่อหอกลองสถิตอยู่จริง ในเวลาต่อมาท่านจึงเข้าไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสก็ได้เล่าถึงอภินิหารของเจ้าพ่อหอกลองให้เจ้ากรมการฯ คนใหม่ฟัง เมื่อเจ้ากรมการฯ รู้ก็ยิ่งเกิดความเลื่อมใส และคิดที่จะสร้างศาลเทพารักษ์ในบริเวณพื้นที่ของกรมการรักษาดินแดน เมื่อได้แจ้งความประสงค์ไปยังพ่อค้า ประชาชนว่าจะสร้างศาลเทพารักษ์ “เจ้าพ่อหอกลอง” ขึ้น ก็มีประชาชนร่วมใจและร่วมมือในการสร้างจนแล้วเสร็จ

    หลังจากสร้างศาลเทพารักษ์เสร็จแล้ว ท่านเจ้ากรมฯ ก็มีความคิดที่จะหล่อรูปปั้นเจ้าพ่อหอกลอง แต่ไม่ทราบว่าจะหล่อแบบไหน จึงจะได้โครงหน้าของเจ้าพ่อหอกลองโดยแท้จริง ในที่สุดก็ได้มีการประกอบพิธีอัญเชิญวิญญาณของเจ้าพ่อหอกลองผ่านทางสมาธิ แล้วร่างภาพออกมาเป็นภาพวาดเหมือนจริง ซึ่งปรากฏว่าคนที่เคยนิมิตฝันเห็นเจ้าพ่อยืนยันว่าบุคคลในภาพคือ “เจ้าพ่อหอกลอง” จริง ๆ ดังนั้นรูปปั้นเจ้าพ่อฯ ที่เห็นในปัจจุบันก็เกิดจากการปั้นที่สื่อจากสมาธินั่นเอง

    ศาลเจ้าพ่อหอกลอง หรือ “ศาลพ่อปู่” ภายในกรมการรักษาดินแดนแห่งนี้ ทางกรมการฯ จะจัดให้มีพิธีทำบุญฉลองศาลทุกปี และหากใครมีเรื่องทุกข์ร้อนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หรือจะบนบานในสิ่งใดก็จะไปตีกลอง 9 ครั้งแล้วสิ่งที่ขอก็มักจะสำเร็จ ปัจจุบันมีผู้คนจากสถานที่ต่าง ๆ เดินทางมากราบไหว้ขอโชคลาภอยู่เป็นประจำ และเมื่อมีโชคลาภ ก็จะแก้บนด้วยผลไม้ ดนตรี และละครรำ

    ทีมา
     
  4. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ประวัติหลักเมืองกรุงเทพฯ
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชการที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธียกเสาหลักเมือง ตามโบราณราชประเพณีเพื่อเป็นนิมิตรหมายหลักชัยสำคัญประจำพระมหานครราชธานี ณ วันอาทิตย์ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปี ขาล จุลศักราช 1144 ตรงกับสุรทิน ที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325 เวลา 06.54 นาฬิกา และต่อมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อเสด็จขึ้นครองราช ทรงตรวจดวงพระชาตาของพระองค์ ซึ่งสถิตอยู่ ณ ราศีกันย์ เป็นอริแก่ลัคณาดวงเมืองกรุงเทพมหานคร เห็นได้ชัดว่าดวงพระชาตาไม่กินกับดวงเมือง พระองค์จึงทรงแก้เคล็ดดวงเมือง โดยโปรดให้ขุดพระหลักเมืององค์เดิม ในการนี้พระองค์ได้โปรดให้ช่างแปลงรูปศาลเสียใหม่จากรูปศาลาเป็นรูปปรางค์ และทรงบรรจุดวงเมืองเดิมลงบนเสาพระหลักเมืองใหม่ ณ วันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนอ้าย จุลศักราช 1214 ตรงกับสุรทิน ที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2395 เวลา 08.48 นาฬิกา
    องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานกิจการศาลหลักเมืองร่วมกับกรมศิลปากร พิจารณาเห็นว่าสมควรปฏิสังขรณ์ศาลให้สง่างามยิ่งขึ้น จึงได้เปลี่ยนแปลงลักษณะรูปศาลเป็นแบบจตุรมุขส่วนยอดปรางค์นั้นให้คงไว้เช่นเดิม การปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีสังเวยสมโภช เมื่อวันจันทร์ที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2513 เวลา 10.30 นาฬิกา
    นอกจากพระหลักเมือง ซึ่งเป็นเทพารักษ์สำคัญแล้ว ภายในศาลยังมีเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดินและประชาราษฎร์อีก 5 องค์ คือ
    1. พระเสื้อเมือง
    2. พระทรงเมือง
    3. พระกาฬไชยศรี
    4. เจ้าพ่อเจตคุปต์
    5. เจ้าพ่อหอกลอง
     
  5. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    เทพารักษ์

    เทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดินและประชาราษฎร์อีก 5 องค์ คือ
    พระเสื้อเมือง เป็นเทพารักษ์หล่อสัมฤทธิ์ ปิดทอง สูงประมาณ 93 เซนติเมตร มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพล่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศรัตรูมารุกราน
    พระทรงเมือง เป็นรูปเทวดาสวมมงกุฎหล่อด้วยสัมฤทธิ์ปิดทอง สูงประมาณ 75 เซนติเมตร มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุข ของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
    พระกาฬไชยศรี เป็นเทพารักษ์หล่อสัมฤทธิ์ ปิดทอง สูง 86 เซนติเมตร เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก
    เจ้าพ่อเจตคุปต์ เป็นเทพารักษ์แกะสลักด้วยไม้ปิดทองสูง 133 เซนติเมตร เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดจำความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไปแล้วและอ่านประวัติของผู้ตายเสนอพระยม
    เจ้าพ่อหอกลอง เป็นเทพารักษ์หล่อสำริดปิดทอง สูง 105 เซนติเมตร มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่าง ๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน เกิดอัคคีภัยหรือมีข้าศึกศัตรูยกมาประชิดพระนคร
     
  6. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    907
    ค่าพลัง:
    +3,602
    เหตุผล ที่ข้าพเจ้าถามถึงเจ้าพ่อเจตคุปต์ เพราะแม่ของเพื่อนเมื่อก่อนอยู่หลังเรือนจํากลาง จ.นครปฐมเล่าให้ฟังว่า ที่หน้าเรือนจํา มีศาลเก่าแก่อยู่เป็นศาลเจ้าพ่อเจตคุปต์แม่เพื่อนเล่าว่าท่านเป็นเทวดามีหน้าที่เหมือนพระกาฬและท้าวเวสสุวรรณคือดูแลเรื่องวิญญาณ และดูแลนักโทษอีกด้วย แม่เพื่อนก็ไหว้ตั้งแต่ยังไม่มีลูก จนตอนนี้ ลูกเค้าเป็นรุ่นพี่ของข้าพเจ้าก็ 40 แล้ว เค้าบอกว่า เจ้าพ่อจะมาสังเกตุง่ายๆหมาจะพากันหอนเป็นทางน่ากลัว
     
  7. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    555 +

    ก็เกี่ยวเนื่องกับวิญญาณนี้น่า...14 ก.พปีที่แล้วที่ทำงานจัดไปทัวร์ 9 วัดก็ได้ไปกราบท่านด้วยค่ะ ดีใจที่สยามประเทศ มีเบื้องบนดูอยู่ค่ะ
     
  8. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
  9. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    ที่ดิฉันได้ก้าวเข้ามาปฏิบัติธรรม ได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็มีส่วนมาจากท่านค่ะ เจ้าพ่อเจตคุปต์ ผู้มีพระคุณสูงสุดอีกท่านนึง ในชีวิตของดิฉัน สาธุ ขอกราบสักการะบูชา ท่านพ่อเจตคุปต์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...