อยากทราบเกี่ยวกับบุคคลในประวัติศาสตร์ว่าเข้าข่ายพระโพธิสัวต์หรือไม่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย รมิดา ช้างประสิทธิ์, 4 มกราคม 2012.

  1. รมิดา ช้างประสิทธิ์

    รมิดา ช้างประสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +208
    อยากทราบค่ะว่าบุคลในในประวัติศาสตร์ที่เป็นวีรบุรุษวีรสตรีนั้นพระองค์ใดหรือท่านใดเข้าข่ายพระโพธิสัตว์บ้าง เช่นพระนเรศวร พระเอกาทศรถ พระสุพรรณกัลยา พระสุริโยทัย พระวิสุทธิกษัตริย์ฯลฯ แล้วแต่ละบุคคลนั้นบำเพ็ญบารมีอะไร
     
  2. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    พระนเรศวร พระเอกาทศรถ พระเจ้าทรงธรรม พระนารายณ์ รัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ และองค์ปัจจุบัน ล้วนแต่เป็นพระโพธิสัตว์

    ส่วนแต่ละองค์ที่เกี่ยวเนื่องกัน ก็มักจะเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย
    ถ้าไม่ไปนิพพานเสียก่อน
     
  3. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    เรื่องเล่า เรื่องแต่ง มีการเสริมจนเกินความจริง ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ และแต่งเติมตามผู้เขียนว่าอยากให้ออกไปทางไหน อย่าไปดูเลยมาเข้าข่ายโพธิสัตย์หรือไม่ ดูแต่ผลงาน คุณความดี ที่เขาทำไว้ก็พอ
     
  4. รมิดา ช้างประสิทธิ์

    รมิดา ช้างประสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +208
    อยากทราบไว้เป็นความรู้รอบตัวค่ะ แล้วพระพี่นางกับพระสุริโยทัยนั้นไม่ใช่พระโพธิสัตว์หรือ?
     
  5. bestsu

    bestsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +617
    คนที่เสียสละ...ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นโพธิสัตว์(สัตว์ที่ปรารถนาโพธิญาณ)

    :boo:
     
  6. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    ไม่ปรากฎเด่นชัด ด้วยว่าหากเป็นการสะสมบารมีช่วงแรก ตนเองก็ยังไม่ชัดแจ้งว่าตนปรารถนาอะไร เมื่อตนเองไม่ชัดแจ้งแล้ว ไม่กล่าวคำปรารถนา ไม่ทำประโยชน์เพื่อคนหมู่มาก ยังเกิดเป็นหญิงอยู่ ก็ยังถือว่า ยังไม่แน่นอน

    เมื่อสะสมไปมากแล้ว มักเกิดเป็นพระราชา มหากษัตริย์ หรือเกิดเป็นพระ มีบริวารมาก
    ได้ทำประโยชน์แก่เหล่ามหาชนทั้งหลาย ทำนุบำรุงศาสนา ชาติ
    ตนเองก็ชัดแจ้งในจิตว่าตนปรารถนาอะไร ดังเช่น รัชกาลที่ ๓ หรือพระเจ้าตากสิน

    เมื่อตนเองชัดแจ้งแล้ว ก็จะกระทำบารมีและอธิษฐาน ตรงสู่โพธิญาณ
     
  7. oynip_t

    oynip_t สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +15
    ส่วนพระเจ้าตาก ท่านบรรลุธรรมแล้วครับ ไม่เกิดอีกแล้ว เรื่องนี้ยืนยันจาก หลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อฤษีลิงดำ และ อีก 3 ท่านผมจำไม่ได้ครับ ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน ท่านก็บำเพ็ญบารมีครับ ผมเล่าประสบการณ์นิดนึงน่ะครับ ผมเป็นทหารเรียนจบจากโรงเรียนนายเรือ คือสถาบันหลักของทหาร นะครับ และเมื่อจบแล้ว จะรับพระราชทานกระบี่จากในหลวง พอถึง คิวผมจะต้องเข้าไปรับนั้น รู้ได้เลยว่าพลังงานบางอย่างจากท่าน แรงมาก และปีติ อย่างบอกไม่ถูก พอก้าวออกไป จากจุดรับรู้สึกอิ่มเอิบบอกไม่ถูก ครับ บารมีท่านมากจริงๆ ใครลบหลู่องค์กษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ คงตายอย่างน่าสมเพช แน่นอน ครับ เพราะท่านสร้างคุณงามความดี มาทุกภพทุกชาติ บารมีมีมากนั่นเอง
     
  8. มั่นในธรรม

    มั่นในธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +603
    ขอถามหน่อยนะคะ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และพระนารายณ์มหาราช ท่านยังเป็นพระโพธิสัตย์ อยู่เบี้ยงบนใช่ไหมคะเวลาไปกราบท่านจะขนลุกปิติค่ะ ไม่รู้ว่าเคยเกิดในสมัยพระองค์ครองราชหรือเปล่า
     
  9. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขงจื้อ ขงเบ้ง พระเจ้าบุเรงนอง กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
     
  10. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    ข้อมูล พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย - วิกิพีเดีย

    พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระนามเต็มว่า พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สากลจักรวาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทรา ธาดาธิบดี ศรีวิบูลยคุณอกนิษฐ ฤทธิราเมศวรมหันต บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมิทรปรมาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ รัตนมกุฎประกาศ คตามหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว
    พระปรมาภิไธยที่จารึกในพระสุพรรณบัฏ ของรัชกาลที่ 1 และ รัชกาลที่ 2 เหมือนกันทุกตัวอักษร เนื่องจากในเวลานั้น ยังไม่มีธรรมเนียม ที่จะต้องมีพระปรมาภิไธยแตกต่างกัน ในแต่ละพระองค์ จนในรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติไว้ว่า ในแต่ละรัชกาลจะต้องมีพระปรมาภิไธยแตกต่างกัน เว้นแต่สร้อยพระปรมาภิไธยเท่านั้นที่อนุโลมให้ซ้ำกันได้บ้าง ส่วนคำนำหน้าพระนาม รัชกาลที่ 4 ก็ได้ทรงบัญญัติให้ใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์ หรือปรเมนทร์" เป็นคำนำทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลำดับรัชกาลว่าจะเป็นเลขคี่หรือเลขคู่ เดิมทีเดียวคนสมัยก่อนมักเรียกรัชกาลที่ 1 ว่าแผ่นดินต้น และเรียกรัชกาลที่ 2 ว่าแผ่นดินกลาง เหตุเพราะพระนามในพระสุพรรณบัฎเหมือนกัน รัชกาลที่ 3 จึงไม่โปรดให้ใช้ตามอย่างรัชกาลที่ 1 และ 2 เพราะเหตุเช่นนั้น จะทำให้ประชาชนสมัยนั้นเรียกว่าแผ่นดินปลาย ซึ่งดูไม่เป็นมงคล
     
  11. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    ข้อมูล พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย - วิกิพีเดีย

    ลำดับประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดพิธีอุปราชาภิเษก ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุ้ย ในรัชกาลที่ 1 ขึ้นเป็น สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระมหาอุปราชเจ้า
    สถาปนาพระราชชนนีขึ้นเป็น กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระราชชนนีในรัชกาล 2
    กรุงสยามมีการเปลี่ยนธงประจำชาติ จากธงแดง เป็นธงช้าง มีลักษณะพื้นสีแดง ตรงกลางเป็นวงกลมสีขาว มีรูปช้างเผือกสีขาวภายในวงกลม แต่เมื่อจะใช้ชักเป็นธงบนเรือสินค้า ให้งดวงกลมออกเสีย เหลือแต่รูปช้างเผือกสีขาวเท่านั้น ดังนั้น บันทึกที่พบในต่างประเทศจึงระบุว่ากรุงสยาม ใช้ธงประจำชาติเป็นรูปช้างเผือกสีขาวบนพื้นแดง ดูเรื่อง ธงชาติไทย
    พ.ศ. 2310
    24 กุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระราชสมภพ ณ ตำบลอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม พระนามเดิม ฉิม
    พ.ศ. 2325
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
    ทรงได้รับการสถาปนาพระยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
    พ.ศ. 2352
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคต
    พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางกราบบังคมทูลอัญเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 2 แห่งพระราชวงศ์จักรี เฉลิมพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
    เจ้าฟ้ากรมขุนกษัตรานุชิตกับพวก คิดกบฏ โปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ชำระความ
    สงครามกับพม่าที่เมืองถลาง
    พ.ศ. 2353
    โปรดเกล้าฯ ให้ส่งคณะทูตอัญเชิญพระราชสาส์นไปถวายจักรพรรดิเกียเข้งแห่งอาณาจักรจีน
    ราชทูตญวนเข้ามาถวายราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการ พร้อมทั้งทูลขอเมืองบันทายมาศคืน ซึ่งพระองค์ก็พระราชทานคืนให้
    พ.ศ. 2354
    โปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายไปกำกับราชการตามกระทรวงต่างๆ
    โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานออก "เดินสวนเดินนา"
    ออกพระราชกำหนดห้ามสูบและซื้อขายฝิ่น
    จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
    เกิดอหิวาตกโรคครั้งใหญ่
    โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธี "อาพาธพินาศ"
    โปรดเกล้าฯ ให้กองทัพไทย ไประงับความวุ่นวายในกัมพูชา
    อิน-จัน แฝดสยามคู่แรกของโลกถือกำเนิดขึ้น
    พ.ศ. 2355
    โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระแก้วผลึก (พระพุทธบุษยรัตน์) จากเมืองจำปาศักดิ์มายังกรุงเทพฯ
    พ.ศ. 2356
    พม่าให้ชาวกรุงเก่านำสาส์นจากเจ้าเมืองเมาะตะมะมาขอทำไมตรีกับสยาม
    พระองค์เจ้าชายทับ (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) ได้รับการสถาปนาเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
    พ.ศ. 2357
    โปรดเกล้าฯ ให้ส่งคณะสมณทูตเดินทางไปศรีลังกา
    โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง นครเขื่อนขันธ์ ขึ้นที่บริเวณพระประแดง เพื่อสำหรับรับข้าศึกที่มาทางทะเล
    พ.ศ. 2359
    โปรดเกล้าฯ ให้จัดการปรับปรุงการสอบปริยัติธรรมใหม่ กำหนดขึ้นเป็น 9 ประโยค
    พ.ศ. 2360
    ทรงฟื้นฟูประเพณี วันวิสาขบูชา
    พ.ศ. 2361
    ขยายเขตพระบรมมหาราชวังจนจรดวัดพระเชตุพน โดยสร้างถนนท้ายวังคั่น
    โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการออกแบบและสร้างสวนขวาขึ้นในพระบรมมหาราชวัง
    คณะสมณทูตที่พระองค์ทรงส่งไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาที่ ประเทศลังกาเดินทางกลับ
    เจ้าเมืองมาเก๊า ส่งทูตเข้ามาถวายพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการเพื่อเจริญทางพระราชไมตรี
    พ.ศ. 2362
    หมอจัสลิส มิชชันนารีประจำย่างกุ้ง หล่อตัวพิมพ์อักษรไทยเป็นครั้งแรก
    พ.ศ. 2363
    ฉลองวัดอรุณราชวราราม
    สังคายนาบทสวดมนต์ภาษาไทยครั้งแรก ในประเทศไทย
    โปรตุเกสตั้งสถานกงสุลในกรุงเทพฯ นับเป็นสถานกงสุลต่างชาติแห่งแรกของสยาม
    พ.ศ. 2365
    เซอร์จอห์น ครอฟอร์ด เป็นทูตเข้ามาเจริญพระราชไมตรี
    พ.ศ. 2367
    เสด็จสวรรคต
     
  12. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ความจริงเรื่องพระโพธิสัตว์

    ขออนุญาตครับ

    เรื่องราวของพระโพธิ์สัตว์นั้น ต้องฟังจากท่านที่มีบารมีสูงๆเอาเองครับ
    แต่ที่เห็นเขียนกันในเว็บนี้นั้น

    แบ่งแยกกำลังบารมีกันไม่ค่อยจะถูก ใช้ปนกันจนมั่ว

    ศัพท์ที่ใช้กันบ่อยๆ คือ

    "หน่อพุทธภูมิ"

    องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้เมตตาบอกเล่าว่า

    "บรมกษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์เป็นหน่อพุทธภูมิ"

    "ปรารถนาพุทธภูมิ"

    คือผู้ที่ปรารถนา อยากเป็น พระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่ง ในอนาคต
    ทั้งประเภทปรารถนาอยู่ในใจ ทั้งประเภทเปล่งวาจาออกมา
    มีจำนวนนับไม่ถ้วน

    "พระโพธิ์สัตว์"

    คือผู้ที่ได้บำเพ็ญบารมีมานานแล้ว เพียงแต่รอรับการพยากรณ์จาก พระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่ง พยากรณ์ให้ว่า

    "ท่านจะได้ไปเกิดเป็น พระพุทธเจ้า พระนามนั้น พระนามนี้"
    "ท่านจะได้ไปเกิดเป็นพระพุืทธเจ้า กัปนั้น กัปนี้"
    "ท่านจะได้ไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ลำดับนั้น ลำดับนี้"

    มีทั้งหมด ๕๐๐ พระองค์

    "พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว"

    คือผู้ที่ได้บำเพ็ญบารมีมานานแล้ว และได้มี พระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่ง พยากรณ์ให้ว่า

    "ท่านจะได้ไปเกิดเป็น พระพุทธเจ้า พระนามนั้น พระนามนี้"
    "ท่านจะได้ไปเกิดเป็นพระพุืทธเจ้า กัปนั้น กัปนี้"
    "ท่านจะได้ไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ลำดับนั้น ลำดับนี้"

    มีทั้งหมด ๑๐ พระองค์
    ดังเรื่อง พระอนาคตวงศ์นั่นละครับ

    การพิจารนา พระโพธิ์สัตว์นั้น ให้พิจารนา กิจของท่านเท่านั้น
    ซึ่งกิจของท่านคือ "บารมี ๑๐ ทัศ"

    ท่านที่จะรู้เรื่องของ พระโพธิ์สัตว์จริงๆ ก็คือ องค์พระโพธิ์สัตว์เอง
    ซึ่งก็มีเพียง ๕๐๐ + ๑๐ พระองค์ ดังกล่าวแล้ว

    ส่วนท่านอื่นๆนอกจากนี้ ท่านก็บอก ท่านก็เล่าของท่านไป
    ตามความรู้ ตามความเห็นของท่าน
    จะถูกผิดมากน้อยอย่างไร ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ฟังต้องพิจารนากันเอาเอง

    เพราะดูจาก พุทธประวัติแล้ว พอจะเห็นได้คร่าวๆเอาเฉพาะการเกิดเเป็นมนุษย์เท่านั้นว่า

    ลำดับบารมีของพระโพธิ์สัตว์นั้น

    เกิดเป็นคนธรรมดา
    เกิดเป็นพ่อค้าวานิชย์
    เกิดเป็นเชื้อพระวงค์
    เกิดเป็นกษัตริย์
    เกิดเป็นจักรพรรดิ์
    เกิดเป็นมหาจักรพรรดิ์
    เกิดเป็นพระสงฆ์
    เกิดเป็นคนธรรมดา หรือ เชื้อพระวงศ์
    เกิดเป็นพระพุทธเจ้า

    ก็ลองพิจารนาเอานะครับ พระโพธิ์สัตว์ที่ท่านบารมีสูงๆนั้น
    ท่านจะเกิดมาเพื่อทำกิจของท่านคือ "บารมี ๑๐ ทัศน์" เท่านั้น

    ส่วนท่านที่ชอบพูดเรื่องพระโพธิ์สัตว์ ไม่ว่า พระ หรือ ฆราวาส
    ท่านจะพูด ผิด ถูก มาก น้อย ก็ขึ้นอยู่กับบารมีของท่านเอง
    ท่านผู้อ่าน ท่านผู้รับฟัง ต้องรู้จักพิจารนากันเอาเอง

    เห็นหลายๆท่าน ชอบเอา ธรรมเพื่อความหลุดพ้น
    ไปเปรียบเทียบ พิจารนา พระโพธิ์สัตว์ ก็มี

    จุดเด่นที่ดูง่ายๆของพระโพธิ์สัตว์คือ เรื่องฤทธิ์ ที่ท่านบอกมาว่า

    "ถ้าไม่มีฤทธิ์ ไม่ใช่"

    หลายๆท่านที่ไม่เคยรู้ ที่ไม่เคยเห็น ที่ไม่เคยสัมผัส พระโพธิ์สัตว์จริงๆ
    มักจะเอาฤทธิ์ของพระโพธิ์สัตว์ ไปเปรียบเทียบกับ ฤทธิ์ของพระอรหันต์

    แล้วมันจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร เพราะมันคนละระดับ มันคนละเกรด

    พระโพธิ์สัตว์นั้น ท่านจะบำเพ็ญบารมี ด้านฌาณ ด้านฤทธิ์ นั้น
    ท่านจะบำเพ้ญในยุคที่มนุษย์มีอายุขัยเป็นหมื่นๆปี หรือในยุคที่ท่านเกิดเป็นพญานาค โน่นละครับ

    ก็ลองพิจารนากันดูว่า ถ้าท่านมาเกิดในยุคของพุทธกาล ที่มนุษย์มีอายุขัยแค่ ๘๐ ปี
    ท่านจะบำเพ็ญบารมีด้านไหน อย่างไร

    แต่ที่แน่ๆ คณะญาติธรรมของท่านนั้น ต้องมีจำนวน มากจนน่าตกใจโน่นละครับ
    เพราะเป็นสัดส่วนของมนุษย์ในแต่ละยุค ในแต่ละสมัย

    ท่านที่มีบุญบารมีมาก ก็จะรู้ ก็จะเห็น ก็จะเข้าใจได้เร็ว
    ท่านที่มีบุญบารมีน้อย ก็จะรู้ ก็จะเห็นลดหลั่นกันลงไป

    ส่วนท่านที่นำเอา บุญบารมี ของพระโพธิ์สัตว์
    ไปสับสนปนแปกับ ธรรมเพื่อความหลุดพ้น

    ส่วนท่านที่นำเอา ฤทธฺ์ของพระโพธิ์สัตว์
    ไปสับสนปนแปกับ ฤทธิ์ของพระอรหันต์

    กลุ่มนี้น่าเข้าใจยากที่สุด เพราะเห็นหลายๆท่านยังเข้าใจว่า
    พระโพธิ์สัตว์ ท่านจะรู้ธรรม ท่านจะเข้าใจธรรม น้อยกว่าพระอรหันต์

    ผมก็จะขอเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆว่า

    ถ้าเปรียบพระอรหันต์หนึ่งองค์ คือ นักมวยแชมป์โลกหนึ่งคน
    พระโพธิ์สัตว์ ก็คือ ผู้ที่จะไปจุติเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันไม่ไกลนัก

    ซึ่งพระพุทธเจ้า เปรียบได้เหมือน ครูผู้สอน นักมวยแชมป์โลก จำนวนเป็นพันคน เป็นหมื่นคน เป็นแสนคน

    แล้วพระโพธิ์สัตว์ท่านจะรู้ธรรม ท่านจะเห็นธรรม น้อยกว่าพระอรหันต์ได้อย่างไร

    เรื่องบุญบารมีของพระโพธิ์สัตว์นั้น องค์หลวงปู่ใหญ่ท่านบอกว่า


    "พระโพธิ์สัตว์ที่ท่านได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว มีบารมีในการสงเคราะห์มนุษย์เทียบเท่าพระพุทธเจ้า"

    เรื่องระดับของพระโพธิ์สัตว์นั้น องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านบอกว่า

    "พระโพธิ์สัตว์เป็นผู้มีบุญบารมีมาก"
    "เป็นผู้ที่จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต"
    "ต้องให้ความเคารพท่านด้วย"


    องค์หลวงตาม้า ท่านบอกว่า

    "พุทธภูมิที่บำเพ็ญบารมีมาครึ่งทาง ยังไม่รู้อะไรมาก"
    "ต้องบำเพ็ญบารมีมาจนเกือบเต็มโน่นละจึงพอจะรู้อะไรบ้าง"

    ชาวพุทธทั้งหลายควรที่จะพินิจพิจารนา จำแนกแจกแจงให้ถูกต้องว่า
    ความรู้ที่ท่านมีมาเกี่ยวกับเรื่องพระโพธิ์สัตว์นั้น

    ถูกต้องแน่หรือ เพราะถ้าท่านผู้ใด มีญาณ มีฤทธิ์ มีบุญบารมี น้อยกว่าพวกเทวดา แล้ว

    ท่านผู้นั้นจะเป็นพระโพธิ์สัตว์ได้อย่างไร

    กระทั่งของที่อยู่ในดิน ยังต้องขุดขึ้นมาดู จะจัดเป็นพระโพธิ์สัตว์ได้อย่างไร
    กระทั่งภัยพิบัติ ที่จะเกิด หรือ ไม่เกิด ยังบอกไม่ได้ จะจัดเป็นพระโพธิ์สัตว์ได้อย่างไร
    กระทั่งภัยพิบัติจะแก้ไขได้อย่างไร ยังบอกไม่ได้ จะจัดเป็นพระโพธิ์สัตว์ได้อย่างไร

    ถ้ายังอยู่ในกลุ่ม ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ซึ่งมีมากมายมหาศาล
    แล้วมาประกาศ ลาพุทธภูมิ กันทำไม

    ถ้าลาพุทธภูมิแล้ว ยังพูดถึง ยังสอนเรื่อง พุทธภูมิ อยู่ทำไม

    สรุป เมื่อได้ยิน เมื่อได้ฟัง เรื่องราวเกี่ยวกับ พระโพธิ์สัตว์ พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว

    ท่านต้องพินิจพิจารนาเรื่อง "ฤทธิ์" เป็นอันดับแรก
    ท่านต้องพินิจพิจารนาเรื่อง "บารมี ๑๐ ทัศน์" เป็นอันดับถัดมา
    ท่านต้องพินิจพิจารนาเรื่อง "คำทำนายภัยพิบัติ" เป็นอันดับต่อไป
    ท่านต้องพินิจพิจารนาเรื่อง "การแก้ไขภัยพิบัติ" เป็นอันดับสุดท้าย

    เพราะถ้าพระพุทธองค์มีอายุขัย ตลอดพุทธกาล
    พระองค์ก็ต้องทรงแก้ขัยภัยพิบัติอยู่แล้ว
    ไม่อย่างนั้นจะเป็นยุคพุทธกาลกันทำไม

    และเมื่อ พระพุทธองค์ได้ทรงละขันธ์ไปแล้ว
    ก็ต้องมี ผู้มีบุญบารมีอันดับถัดไป มาแก้ขัยภัยพิบัติแทน
    ซึ่งก็คือ พระโพธิ์สัตว์ที่ท่านได้ทรงรับพุทธพยากรณ์แล้วนั่นเอง

    ส่วนท่านที่มองว่า ภัยพิบัติเป็นเรื่องของธรรมชาติ แก้ไขไม่ได้
    ส่วนท่านที่มองว่า กรรมที่ทำไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ทำกรรมดีใดๆมาชดเชยไม่ได้
    ก็เพราะท่านพิจารนาในกรอบของ "ธรรมเพื่อความหลุดพ้น" เท่านั้น

    ส่วนในการพิจารนาในระดับของ "ธรรมเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้า"
    ส่วนในการพิจารนาในระดับของ "ธรรมระดับ บารมี ๑๐ ทัศน์" นั้น
    แม้การเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ก็ยังเป็นไปได้
    แล้วการแก้ไขภัยพิบัติ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  13. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    พระไตรปิฎก กล่าวลักษณะของพระโพธิสัตว์ พุทธภูมิ หน่อพุทธางกูร ไว้ชัดเจนมากมาก
    แต่คนยุคนี้จะไม่ค่อยอ่านพระไตรปิฎก ก็ตีความหมายกันไปคนละเรื่อง
     
  14. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    แล้วคนที่อ่านพระไตรปิฎก ถ้ารู้ข่าว ถ้าพบ ถ้าเจอ พระโพธิ์สัตว์ จะรู้หรือไม่?


    แล้วคนที่อ่านพระไตรปิฎก ถ้ารู้ข่าว ถ้าพบ ถ้าเจอ พระโพธิ์สัตว์ จะรู้หรือไม่?

    เพราะเห็นมหาเปริยญ ๙ บางท่าน ยังติงนองนอย อยู่เลย
     
  15. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    .............................................................................
    คุณลักษณะมีอยู่ในพระไตรปิฎก ก็คงต้องอ่านพระไตรปิฎกครับ
    ยกตัวอย่าง คือ สุเมธดาบส แสดงเงื่อนไขไว้ชัดเจนครับ
    คำว่าเปรียญ 9 ประโยค ไม่ใช่ลักษณะตามพระไตรปิฎกครับ
     
  16. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ขอเพิ่มเติมข้อมูล

    ขออนุญาตครับ

    ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อมูลต่อ

    องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั้นท่านได้บอกเล่าต่อว่า


    "เมื่อเฮาตายไปแล้ว จะมีช้างเผือกหนุ่มเกิดขึ้น"

    ความหมายของท่านคือ เมื่อองค์ท่านละขันธ์ไปแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๓

    จะมีพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ลงมาเกิดในโลก

    เมื่อท่านเป็นพระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ลงมาเกิดในโลกมนุษย์
    ท่านก็ต้องลงมาทำหน้าที่ของท่าน ซึ่งก็คือ

    การสร้างบารมี ๑๐ ทัศน์
    การช่วยเหลือเกื้อกูลมนุษย์ ที่องค์หลวงปู่ใหญ่ท่านบอกว่า "เทียบเท่าพระพุทธเจ้า"

    แม้การเสดงธรรมของพระพุทธองค์ แม้การเกิดของพระอริยะสงฆ์องค์แรก
    ก็ดังสะทือนเลือนลั่นไปทั่ว เทวโลก ๖ ชั้น พรหมโลก ๒๐ ชั้น

    เมื่อท่านเป็นพระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว
    ท่านลงมาเกิด ท่านก็ต้องทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ใกล้เคียงกันนี้

    คือ ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่ว เทวโลก ๖ ชั้น พรหมโลก ๒๐ ชั้น
    นั่นก็แสดงว่า เหล่าเทวดาทั้ง ๖ ชั้น เหล่าพรหม ทั้ง ๒๐ ชั้นนั้น
    ต่างก็รู้กันทั่วแล้วว่า พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว

    เป็นท่านผู้ใด
    ท่านจะทำอะไรบ้าง
    ท่านจะทำอย่างไร

    ผมถึงได้บอกยังไงละครับว่า

    เป็นหน้าที่ชาวพุทธผู้มากบุญบารมี ต้องพิจารนาเอาเองว่า

    พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว

    เป็นท่านผู้ใด
    ท่านจะทำอะไรบ้าง
    ท่านจะทำอย่างไร

    เราจะร่วมสร้างบุญบารมี ร่วมกับท่านได้อย่างไร จึงจะได้รับกุศลผลบุญอันสูงสุดนี้

    เราจะร่วมรับการช่วยเหลือเกื้อกูลจากท่านที่ว่ากันว่า "เทียบเท่าพระพุทธเจ้า" ได้อย่างไร


    ถ้าเหล่าชาวพุทธมัวแต่มองหา

    ท่านที่แสดงธรรมเพื่อความหลุดพ้น
    ท่านที่อยู่ในสายบุญของครูบาอาจารย์ของตน
    ท่านที่อยู่ในทีวี อยู่ในเคเบิ้ลทีวี
    ท่านที่ประกาศโครงการแล้วนั่งอยู่เฉยๆ รอให้คนมาบริจาค
    ท่านที่กำหนดเฉพาะเจาะจง สงเคราะห์ เฉพาะกลุ่ม เฉพาะสถานที่

    ลืมไปได้เลย ท่านไม่มีวันหาเจอ

    ยิ่งท่านที่รู้ธรรม เห็นธรรม
    แบบธรรมกระดาษ
    แบบธรรมสัญญาความจำ
    แบบธรรมหนอนตำรา
    แบบธรรมความรู้ท่วมหัว

    ท่านไม่มีวันหาเจอ เช่นเดียวกัน

    ส่วนท่านที่หาเจอ ท่านเป็นพระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว นั้นกลับเป็น

    ชาวพุทธธรรมดาๆ ที่ไม่ได้รู้ธรรมอะไรมากมายเลย
    ชาวพุทธธรรมดาๆ ที่ใครชวนทำบุญอะไร ก็ทำร่วมกับเขา
    ชาวพุทธธรรมดาๆ ที่ใครชวนไปทำบุญที่ไหน ก็ไปร่วมกับเขา
    ชาวพุทธธรรมดาๆ ที่อยากจะหาที่พึ่ง ให้หายทุกข์ โศก โรค ภัย
    ชาวพุทธธรรมดาๆ ที่อยากให้ตนเองมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
    ชาวพุทธธรรมดาๆ ที่อยากให้ พ่อ แม่ ญาติพี่น้องของตนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

    ส่วนชาวพุทธที่หลงใหลในธรรมเพื่อความหลุดพ้นนั้น
    ก็ยังคงสาระวนกันอยู่อย่างนั้น
    พากันพูด พากันพิจารนา ถึงธรรมเพื่อความหลุดพ้น กันอยู่อย่างนั้น

    โดยลืมพิจารนาว่า ด้วยบุญวาสนาบารมีของตนนั้น

    ควรจะพึ่งตนเอง หรือ รับการสงเคราะห์จากผู้มีบุญบารมีสูงที่สุด
    ด้วยอายุขัยของมนุษย์ปัจจุบัน ควรจะสร้างบุญบารมีแบบไหน จึงจะได้ดีที่สุด
    ชาตินี้เราจะไปถึงขั้น อริยะบุคคล ได้ไหม
    ธรรมที่เรารู้เราเห็นนั้น เป็น ธรรมจริงๆ หรือเป็นธรรมหลอกๆ
    ครูบาอาจารย์ของตน สอนธรรมถูกต้องแน่หรือ
    ครูบาอาจารย์ของตน สอนใครไปถึง ขั้นอริยะบุคคลบ้าง
    ครูบาอาจารย์ของตน แสดงธรรม ถูกต้อง หรือ ขัดแย้งกันเอง อย่างไรบ้าง
    ..........

    บุญไม่ถึง บารมีไม่ถึง ก็ไม่มีวันหาเจอ พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว
    แม้หาเจอแล้ว บุญไม่ถึง บารมีไม่ถึง ก็ไม่มีวันร่วมทำบุญกับท่านได้
    แม้ร่วมทำบุญกับท่านได้แล้ว บุญไม่ถึง บารมีไม่ถึง ก็ไม่มีวันร่วมทำบุญกับท่านได้นาน
    แม้ร่วมทำบุญกับท่านได้นานแล้ว บุญไม่ถึง บารมีไม่ถึง ก็ไม่มีวันร่วมทำบุญกับท่านได้มาก

    สรุปยังมีเรื่องที่เราต้องคิด ต้องทำ อีกมาก เพื่อให้ การสร้างกุศลผลบุญ ได้สูงที่สุด

    ส่วนท่านที่หลงไหลในธรรมกระดาษ ธรรมสัญญาความจำ ธรรมหนอนตำรา
    หรือแม้แต่ท่าน ที่มุ่งสู่ธรรมเพื่อความหลุดพ้น อย่างเอาเป็นเอาตาย
    แต่ถ้าท่านไปไม่ถึง ขั้นอริยะบุคคล แล้วละก็ เสียหายสุดประมาณ

    อย่าได้ให้วันเวลาผ่านไปเปล่าๆ โดยไม่ได้สร้างบุญบารมีให้คุ้มค่าในแต่ละวัน

    อย่าได้ให้วันเวลาผ่านไปเปล่าๆ โดยแค่สาละวนอยู่กับเส้นทางเดิมๆ

    อย่าได้ให้วันเวลาผ่านไปเปล่าๆ โดยไม่ได้มองหาสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2013
  17. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    สรุปให้อีกที

    ขออนุญาตครับ

    รายชื่อ สามพระองค์แรก เมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ ยังไม่ได้ไปเกิดเลย
    และพระองค์แรก มีส่วนสำคัญกับน้ำท่วมใหญ่โดยตรง

    องค์บรมกษัตริย์ ถ้าถึงระดับพระโพธิ์สัตว์ พิจารนาง่ายๆ
    ยุคของพระองค์ต้อง ไม่มีการรบราฆ่าฟัน หรือมีก็น้อยที่สุด
    บ้านเมืองจะมีการทนุบำรุงพระศาสนามากมาย
    บ้านเมืองมีความอุดมสมบูรณ์มากมาย
    ชาวบ้านชาวเมืองอยู่ในศีลในธรรม
    ชีวิตไม่มีความยากลำบากอะไรเลย

    ส่วนพระเจ้าพระสงฆ์ ถ้าถึงพระโพธิ์สัตว์
    ชื่อเสียงของท่านจะต้องโด่งดัง รับรู้กันทั่วไปชั่วลูก ชั่วหลาน ชั่วเหลน ชั่วหล่อน
    คำสอนของท่านจะครบถ้วนสมบูรณ์ จนหาข้อโต้แย้งไม่ได้

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกๆท่าน

    ขอบคุณครับ

    ลุงมหา

     

แชร์หน้านี้

Loading...