ลิขิตชีวิตตัวเองใหม่ ด้วยการชำระล้างพลังงานเก่า-รับพลังงานใหม่

เพื่อให้พระพุทธศาสนายืดยาวถึง 5,000 ปีได้
ทำให้หลายท่านต้อง "ก่อกรรมหนัก" รั้งตนเอง
ไว้ไม่ให้นิพพานไปก่อน (เอากรรมเข้าขวางไว้)
เป็น "พันธสัญญา" ร่วมกันของเราทั้งหลายเพื่อ
จะได้เวียนว่ายตายเกิดหลายชาติ มาค้ำต่อพระ
พุทธศาสนาร่วมกัน จนกว่าจะครบ5,000 ปี


และเมื่อถึง "กึ่งกลางพุทธกาล" แล้วกรรมหนัก
นั้น จะถูกปลดออก เรียกว่าการ "ชำระล้างพลัง
งานเก่า" แล้วท่านทั้งหลายจะพ้นกรรมหนักที่มี
สภาพเหมือนต้องสาปนั้นหลายต่อหลายชาติที่
ต้องรับกรรมนั้นสืบเนื่องยาวมา จะหมดในกึ่งนี้
และพร้อมรับพลังงานใหม่ เพื่อทำกิจใหม่ต่อไป

 

ตัวอย่างท่านที่มี "พันธสัญญาร่วมกัน" แล้วก่อกรรมหนักไว้


เช่น พญามาราธิราช ใช้กามขวางการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ย่อม
มีหนี้กรรมติดอยู่ และจะปลดบ่วงกรรมได้ ต้องรับกรรมอกหักรักคุด
ถูกปฏิเสธรัก เกิดเป็นเพศหญิง หลายชาติ, พระอสุรินทราหู ก็ต้อง
กรรมถูกเทพราหูครอบงำหลายชาติ และจะพ้นหมดในชาตินี้, พระ
มหากัจจานะ สาปแช่งชายให้กลายเป็นหญิงก็ต้องกรรม ต้องทุกข์
ด้วยรักที่ผิดประเพณีหลายชาติ และจะหมดในชาตินี้, นันทมาณพ
ผู้ข่มขืนพระอุบลวรรณาเถรีต้องเกิดเป็นหญิง ถูกข่มขืนหลายชาติ,
พระเจ้าอชาติศัตรู ผู้ฆ่าบิดาตนเอง ต้องเกิดเป็นหญิง และทำงาน
อย่างหนักเพื่อชดใช้กรรม, พระเทวทัต ผู้จองล้างจองพลาญ เล่น
งานพระพุทธเจ้าต้องมาเกิดเพื่อค้ำพระพุทธศาสนา ชดใช้หนี้แทน
การตกนรกอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร (อาศัยบุญจากการถวายกระดูก
คางเพื่อฉุดตัวเองขึ้นมาทำกิจชดใช้พระพุทธศาสนา) และอีกหลาย
ท่านจะได้รับการ "ชำระล้างพลังงานเก่า" หรือ "รับกรรมที่เหลือใน
ชาติสุดท้ายนี้" แล้วรับพลังงานใหม่ หรือ "พันธสัญญาใหม่" เพื่อจะ
เวียนว่ายตายเกิดต่อไป เพื่อสานกิจพุทธศาสนา หรือจะเข้านิพพาน
ไป โดยไม่สือต่อ "พันธสัญญา" สืบไปก็ได้ (ก็แล้วแต่ท่านจะเลือก)

 

ตัวอย่างการฉุดช่วยผู้บำเพ็ญบารมีที่มีพันธสัญญาร่วมกัน


ในชาติหนึ่ง "พระเจ้าอชาติศรัตรู" ไปเกิดเป็นหญิง แต่ด้วยจิตเดิม
ยังติดความเป็นชายอยู่มาก จึงปลอมตัวเป็นชายไปเรียนหนังสือ
กับผ้ชาย ส่วน "พระมหากัจจานะ" (ผู้สาปชายให้กลายเป็นหญิง)
ไปเกิดเป็นชาย เรียนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองสร้างบุญกรรมร่วมกันเพื่อ
จะฉุดช่วยเหลือกันในอีกหลายชาติต่อๆ มา เพื่อให้พระเจ้าอชาติ
ศรัตรูหมดกรรมที่ต้องเกิดเป็นหญิงและได้เกิดเป็นชายดังปรารถนา

 

ชายที่ต้องกรรมเป็นหญิง อยู่ในกิจของพระมหากัจจานะ


มีผู้ชายในชาตินั้นมากมาย ที่ต้องกรรมเกิดเป็นหญิงหลายชาติ
เมื่อพ้นกรรมจึงจะเกิดเป็นชายได้ และอยู่ในกิจการดูแลของ
"พระมหากัจจานะ" ในฐานะที่ก่อกรรมสาปแช่งชายให้กลาย
เป็นหญิง จะต้องลงมาฉุดช่วยให้บำเพ็ญบารมีจนกว่าพวกเขา
จะหลุดพ้นกรรมหนักนั้น จะได้เกิดเป็นชาย ในการทำกิจนี้เอง
ที่พระมหากัจจานะ จะต้องรับกรรมไปในตัวด้วย คือ "อกหัก"
เพราะมีความรักผิดประเพณี จนกว่าจะหมดอำนาจแห่งกรรม

 

ท่านไม่ได้ชำระล้างเพียงคนเดียว ย่อมมีผู้ช่วยเหลือ


ดังที่ได้อธิบายมาแล้วข้างต้นว่าเรามิได้เป็นพระปัจเจก ผู้
เอกเทศ เรามี "สังฆะ" คือ หมู่คณะร่วมกัน มีพันธสัญญา
ร่วมกันเราจึงมา "ฉุดช่วยเหลือกัน" ในกระบวนการชำระฯ
นี้ ท่านมิได้โดดเดี่ยว เพราะจะมี "ท่านที่มีบารมีธรรมแต่มี
กรรมก่อไว้" สอดคล้องกับกรรมที่ท่านรับอยู่จะมาฉุดช่วย
รองรับท่าน ช่วยท่านในกระบวนการชำระล้างพลังงานเก่า
หรือปลดเปลื้องวิบากกรรมหนักดุจต้องสาปนั้น ในชาติสุด
ท้ายนี้ และด้วยเหตุนั้นเอง เราจึงมี "พันธะแห่งบุญบารมี"
ร่วมกันสืบไปในชาติสุดท้ายของเราที่จะได้นิพพานด้วยกัน
(หรือบางท่าน อาจยังไม่นิพพาน และทำกรรมไปต่อก็ได้)

 

การก่อกรรมให้ตัวเองเสื่อมลง เพื่อน้อมตนสู่ยุคต่ำ


ในกึ่งกลางพุทธกาล ความเจริญทางจิตใจของปวงสัตว์
เป็นรูปตัว V กล่าวคือ ครึ่งแรก จะต่ำลง เสื่อมลง และมี
สัตว์ที่มาเกิดบนโลกจากภพเบื้องล่าง ท่านที่มีบารมีมาก
จึงต้อง "ก่อกรรมให้ตนเสื่อมต่ำลงเท่าๆ กับเวไนยสัตว์"
เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับปวงสัตว์ได้ เมื่อผ่านถึงกึ่งกลาง
พุทธกาล ก็จะไม่ก่อกรรมทำให้ตนเสื่อมต่ำ ยุคสมัยจะถูก
"ฉุดขึ้นเหมือนรูปตัว V" เพื่อรองรับผู้มีบุญบารมีมาเกิดได้
มากขึ้น และสัตว์ที่มาเกิดบนโลกนั้นจะมาจากภพที่ดีขึ้น มี
บุญมากขึ้น เพื่อเตรียมปรับยุคสมัยไปสู่ยุคของพระศรีอาริฯ

 

พลังงานจักรวาล พลังงานใหม่ จะส่งลงมามาก


เพราะเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนพลังงานเก่าให้เป็น
พลังงานใหม่ เป็นช่วงของการ "มอบพันธสัญญาใหม่"
เพื่อก้าวต่อไปในสังสารวัฏ ปรกโปรดปวงสัตว์ร่วมกัน
พลังงานใหม่นั้นจะมีแหล่งที่มาจาก "เทพองค์ต่างๆ"
ที่อยู่เบื้องบน ประสานลงมายังร่างมนุษย์ที่รับได้และ
สามารถบำเพ็ญบารมีได้ จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ
ผู้บำเพ็ญเอง ดังนั้น พลังงานจักรวาล-พลังงานใหม่
จึงถูกส่งลงมายังโลกมากมายให้มนุษย์ยุคนี้ นั่นเอง

 

โชคดีนะครับ ...

 

ลิขิตชีวิตตัวเองใหม่ ด้วยการรับจิตแพทย์เข้ามาบำบัดอาการท่าน เชื่อหมอ ฟังหมอ ขยันกินยา เต็มใจเข้ากระบวนการบำบัด จะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกตินะจ๊ะ

ฮิ๊วววว

(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

คิดเอง เออเองก็เป็นด้วยว่ะ ก็มั่วๆๆเขียนมา จินตนาการทั้งดุ้น เดี๋ยวก็วกถึงบร๊ะเจ้า....เดี๋ยวก็ได้รับคำสั่งบร๊ะเจ้า สักพักมันก็เป็นบร๊ะเจ้าเอง....ประมาณแนวนี้หละ ทนๆๆดูไป ไร้สาระทั้งนั้น

 

ไปหลบหลู่เขา เดี๋ยวก็ถูกเตะไปอยู่ฝ่ายมารนะ เดี๋ยวถูก Messiah สาปนะ

(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

ช่วงนี้รู้สึกจะชุบตัวใหม่เหรอท่าน กำเนิดมาจากบ่อขี้
แล้วจะกระโจนลงไปในบ่อทอง ยังไงก็ยังเหม็นอยู่

หาพวกจังเลยนะช่วงนี้ คนเก่าๆขยาดไปเยอะ วะฮาฮ่า
เหลือแต่ ศิษย์ใจดีๆผู้จงรักภักดี

 

55555

"จรจัด" หิวจัด หงุดหงิด งุ่นง่าน ตีโพยตีพาย

หา แ__ก ลำบาก งานการสุจริตไม่หาทำ

ไปไหนใครๆก็เรียกว่า เ_ี้ย เลยสติหลุด เพ้อหาแต่สัตว์เดรัจฉาน

ฮิ๊วววว

(||)(||)(||)(||)(||)

 

คงจะเข้ามา หากินหลอกลวงสมาชิกในพลังจิตไม่ได้อีกแล้วหละท่าน
จะมีกองกำลัง ขัดขวางไม่ให้ใครหลง ธรรมะแอบแฝงหากินของมันอีกแล้ว

แต่ถ้าใครไม่เชื่อลองโทรไปดูซิ อาจจะเสียตังค์เต็มใจโอนเงินให้
ขจรใช้ฟรีๆ เพราะลูกอ้อนเรียกคะแนนสงสาร เรื่องนี้ขจรมันเก่ง

แต่ใครเผลอสงสารให้แล้วก็อย่าไปว่ามันเนรคุณนะ
เพราะมันจะหาว่าคนให้เลว ทำทานแบบหวังผล
แฟนพันธุ์แท้ ขจรศักดิ์ อิอิ

 

ขอนำเสนอข้อมูลที่มีมาแต่พระอรรถกถาจารย์

พระมหากัจจายนะท่านเป็นพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล ที่มีรูปพรรณสัณฐานสง่างาม และมีชายคนหนื่งเมื่อได้พบท่าน ก็รำพึงว่า นี่ถ้าภรรยาของเรามีผิวพรรณงามอย่างนี้ก็คงจะดีหาน้อยไม่ ความคิดดังกล่าวเป็นการปรามาสพระอริยสงฆ์ จัดเป็นกรรมหนักและให้ผลฉับพลัน ด้วยผลกรรมดังกล่าวเขาจึงกลายเพศเป็นหญิง(มิใช่พระมหากัจจายนะสาปแช่ง) และเกิดความอับอายจนต้องหนีไปอยู่หมู่บ้านอื่น(มีเรื่องราวในระหว่างที่หนีไปอีก แต่ขอละไว้) ต่อมาภายหลังหญิง(ที่เคยเป็นชาย)คนนี้มีโอกาสได้พบพระมหากัจจายนะ จึงเข้าไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังและกราบขอขมาท่าน ก็ได้กลับเพศเป็นชายดังเดิม
ฝ่ายพระมหากัจจายนะก็มาพิจารณาว่า ด้วยรูปพรรณของเราอย่างนี้อาจเป็นภัยแก่ผู้ประมาทและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ ท่านจึงใช้ฤทธิ์อธิษฐานจิตเปลี่ยนรูปร่างให้อ้วนพุงพลุ้ย ที่เรารู้จักกันในนามของพระสังกัจจายน์(บางแห่งเรียกพระสังข์กระจาย)นั่นเอง
สรุป พระมหากัจจายนะเป็นพระอรหันต์แล้ว ๑ไม่สาปแช่งใคร ๒ไม่เกิดอีกแล้ว