กาลามสูตร ของแต่ละท่านเป็นแบบไหน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ต้นปลาย, 23 มกราคม 2012.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    หลงสัญญา รู้สัญญา ดูสัญญา แยกสัญญา แยกรูปแยกนาม แยกธาตุแยกขันธ์
    ก็นับเป็นการภาวนาเจริญสติ รู้กาย รู้ใจ รู้ขันธ์ห้า รู้รูปรู้นาม เนาะ ไม่รู้ว่า เข้าใจตรงกันรึป่าว เนาะ
    สัญญาเมื่อสายัณห์แปลว่าหน้ามืด หลง โมหะครอบงำจิต พอได้ไหมคะ

    ขันธ์ห้า
    .
    ความหลงยึดถือในขันธ์ห้า
    อันผงที่เข้าตาบุคคลอยู่นี้
    อย่างละเอียดก็ได้แก่
    ความหลงยึดถือตัวเราของเรานั่นเอง
    และความหลงยึดถือตัวเราของเรานั้น
    ก็คือความหลงยึดถือใน
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ทั้งห้านั้น
    ว่าเป็นตัวเราของเรา
    เพราะฉะนั้น
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งห้านี้
    จึงเรียกว่าอุปาทานขันธ์
    ขันธ์เป็นที่ยึดถือ
    คือเป็นที่ยึดถือว่าตัวเราของเรา
    คราวนี้ก็อาจจะมีคำถามแย้งว่า
    ความยึดถือของบุคคลนั้น
    ก็มักยึดถืออยู่ในบรรดาสิ่งที่เป็นที่รักใคร่ปรารถนา
    เช่น แก้วแหวนเงินทองเป็นต้น
    ก็กล่าวชี้แจงได้ว่า
    บรรดาแก้วแหวนเงินทองเป็นต้น
    อันเป็นที่รักใคร่ปรารถนาพอใจอันเป็นสิ่งที่ยึดถือนั้น
    เมื่อพิจารณาดูแล้วก็จะเห็นได้ว่า
    ก็เป็นรูป เวทนา เป็นต้นนี้แหละ
    เป็นรูป
    ก็คือสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุ
    เป็นรูปายตนะ ที่ต่อทางอายตนะ
    คือจักษุเข้าไปตั้งเป็นจักขุวิญญาณ
    เป็นเวทนาก็คือเป็นความสุข เป็นต้น
    เป็นสัญญา
    ก็คือเป็นความจำ
    เพราะจะต้องมีความจำ
    ที่ว่าแก้วแหวนเงินทาองเป็นต้นนั้น
    ก็ตั้งอยู่ในความจำของบุคคล
    เป็นสัญญา
    ถ้าจำไม่ได้คือลืมเสีย
    สิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอะไร
    เพราะฉะนั้น
    ที่มีอยู่ก็คือมีอยู่ในความจำนั้นเองคือว่าจำได้
    จึงยึดถืออยู่ในความจำนั้นหรือในสิ่งที่จำนั้น
    ถ้าจำไม่ได้ลืมเสียก็ไม่มีความยึดถือ
    และก็เป็นสังขาร
    คือความรู้คิดปรุงหรือปรุงคิดนั่นเอง
    อันความยึดถือต่าง ๆ
    ตลอดถึงความรักความชังต่าง ๆ นั้น
    ก็ล้วนเป็นความคิดปรุงหรือปรุงคิดในจิตใจของบุคคลทั้งนั้น
    ความยึดถือก็เป็นความคิดปรุงขึ้นมา
    ความชอบหรือความชังต่างๆ ก็เป็นความปรุงคิดขึ้นมา
    เหล่านี้ก็เป็นสังขาร
    ถ้าไม่มีความคิดปรุงหรือความปรุงคิดใด ๆ แล้ว
    ความชอบความยึดถือต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นมา
    เพราะฉะนั้นจึงรวมอยู่ในสังขาร
    คือความรู้คิดปรุงหรือปรุงคิด
    และก็เพราะมีวิญญาณ
    คือความรู้สึกเห็นรูปได้ยินเสียงเป็นต้น
    ที่เป็นไปทางทวารทั้งหก
    คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมนะคือใจ
    ถ้าหากว่าไม่มีทวารทั้งหกนี้
    หรือทวารทั้งหกนี้ไม่ทำหน้าที่
    บุคคลก็เป็นเหมือนอย่างนอนหลับ
    หรือเป็นคนสลบไสลไม่มีความรู้สึกอะไรในตัว
    ไม่เห็นอะไร ไม่ได้ยินอะไร ไม่ทราบกลิ่นรสสัมผัสอะไร ไม่รู้คิดอะไรได้
    แต่เพราะทวารทั้งหกทำหน้าที่
    จึงมีความรู้สึกต่าง ๆ
    ก็เป็นตัววิญญาณ
    ตัววิญญาณนี้เองเป็นสิ่งที่ทำให้มี
    ความรัก ความชัง ความหลงเป็นต้น
    ปรากฏเป็นไปอยู่ในจิตใจ
    เมื่อรวมเข้ามาแล้วจะเป็นความยึดถือในอะไรก็ตาม
    ก็รวมอยู่ในความยึดถือ
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    นี้เท่านั้น
    และสิ่งที่เข้าใจว่าเป็นตัวเราของเรา
    ก็อยู่ที่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ทั้งหน้านี้เท่านั้น
    .
    .
    .
    คัดลอกจาก...
    ธรรมกถาในการอบรมกรรมฐาน-หน้า ๘๑-๘๒
    พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=408688
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    หัดฟังเสียงธรรม ให้เป็น รู้จักทางสายกลางนั่นแหละจะไม่เอนเอียงไปตามคนนั้นพูดคนนี้พูด รวมถึงไม่ตามกิเลสตน ไม่เชื่ิอว่าตนนั้นถูกเสมอ แต่จะเอาธรรมเป็นใหญ่ รู้จักฐานะตน ผ่อนหนักผ่อนเบา
    เมื่อมีจุดยืนคือธรรมแล้ว จะมีกำลังใจแรงกล้าด้วยสติ คือ ไม่ไปอิงกับคนอื่น รู้จักชั่งใจอะไรดีไม่ดี
    นี่หละ กาลมสูตร จะต้องมีสติ มีปัญญา

    ดังนั้นใครเชื่อตนเองว่าตนเองถูก ก็ต้องหัดชั่งใจ
    ใครเชื่อว่าคนนั้นคนนี้เป็นอาจารย์ก็ อย่าไปงมงาย ว่าเขาจะุูกต้องไปทุกอย่าง
    ใครเชื่อแต่ในตำราก็ต้องใช้สติ พิจารณาว่า ตำราใดๆก็คลาดเคลื่อนได้
    นั่นแหละ ต้องมีสติ มีปัญญาไตร่ตรองตามความเป็นจริงให้มากๆ
     
  3. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +1,073
    ฟังหู ไว้หู ดีกว่าไหม..!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ฟังหูไว้หู มันเป็นเรื่องของการไปฟังคนอื่น ไม่ไปฟังเลยก็ได้ แต่เรื่องของกาลมสูตรเป็นเรื่องของการฟังตนเองมีผลดีผลเสียกับตน จึงต้องมีการพิจารณา
     
  5. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    [​IMG]
    รับ ดีน่าาาา สักกล่องไหมครับ
     
  6. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    กาลามสูตรเป็นเรื่องของปัญญาล้วน ๆ
    เป็นเรื่องที่ควรพิจารณา อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ
    แม้แต่ความคิดของเราตามเถอะ
    สังขารความคิดปรุงขึ้นมา
    เราก็คว้าเอาสังขารเป็นเราเป็นของเราไปแล้ว

    หากรู้ชัดสังขารของเราก็เหยื่อล่อของกิเลสเราดีดีนี่เอง
    กิเลสมันเอาความคิดมาเป็นเหยื่อล่อเรา
    พอมันปรุงสังขารขึ้นมาปั๊บ
    เราก็งับเหยื่อคือสังขารปั๊บทันทีเหมือนกัน
    นี่แม้แต่สังขารความคิดของเราก็เชื่อไม่ได้
    เหยื่อล่อของกิเลส มันล่อเราดีดีนี่เอง

    พอเราคว้าเอาสังขารมาเป็นเราปั๊บ
    คราวนี้ล่ะ เป็นเรื่องเป็นราวเข้าทันที
    เป็นภพเป็นชาติขึ้นมาทันที่
    สัญญา สังขาร วิญญาณ ทำงานสอดคล้องเป็นภพเป็นชาติทันที

    ที่ว่าจิตเป็นเราเราเป็นจิต
    พอถึงผู้รู้ผู้ไม่เกิดไม่ดับจริงแล้ว
    จิตก็ไม่ใช่เรา กายก็ไม่ใช่เรา

    เป็นผู้รู้ที่ละเอียดลึกซึ้งที่แยกออกมาจากกายจากจิต
    แยกออกมาจาก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

    ผู้รู้นี่ละเอียดลึกซึ้ง แต่ไม่ใช่จิตแบบที่เราเคยรู้สึกมา
    จิตที่เราเคยรู้สึกมาว่าเป็นเรา เป็นคนละอย่างกับผู้รู้นี้
    อย่างชัดเจนในวาระนั้น
     
  7. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    อนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆท่านทุกๆกองบุญกองกุศลครับผม สาธุ
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ผมแสดงความเห็นได้ใหมพี่หม้อ?...บัญญัติมีความหมายเดียวกันหมด(ในแง่ความเข้าใจ)แต่มี อุเทสของมันหลายปริยาย(แต่ลงกันได้).....ทีนี้ถ้าเห็นต่างกัน อันนั้นผมว่าเป็นความเข้าใจที่ยังไม่รอบด้านของผู้ภาวนาเองครับ...อันนี้เป็นความเห็นของผู้น้อยครับ:cool:
     
  9. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    บ้านผม มีทะเลสาบครับ ชื่อทะเลสาบลำปำ แต่ในแผ่นที่ เป็นทะเลสาบสงขลา
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    กาลามสูตร เป็น ธรรมของผู้ฉลาด แต่ ฉลาดเกินไป

    จนฟังนิดหน่อย สามารถแตกอรรถได้มากมาย ใครกล่าวอะไรก็รู้แล้ว เข้าใจแล้ว


    นี่เป็นที่มาของพระสูตร กาลามสูตร

    เพื่อชี้ให้ใครเกิดสติ ให้น้อมไปพิสูจน์

    ไม่นานชาวกาลามะ ก็เจริญสติปัฏฐานบรรลุธรรมกัน
     
  11. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    มันคืออะไรหรอครับ หมายถึงอะไร
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    แนวผมก็ต้องลองดูก่อน ว่าจะจริงหรือไม่จริง

    ต้องลองก่อนจึงจะมายืนยันครับ​
     
  13. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    เครื่องลูกสาว IP เดียวกันบอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะงง

    พวกเราเคยได้ยิน เรื่องกาลามสูตร มากันเยอะเลย ภรรยาผมก็ได้ยิน

    เขาสวดมนต์ได้เพราะนะ แต่พอมีเรื่องอะไร ที่ลูกจะเป็นทุกข์ คุณนายจะวิ่งไปหาหมอดู

    และจะมาบอกลูกว่า หนูต้องเชื่อแม่นะ คนนี้แม่นจริง ผมล่ะปวดหัว จะสวดมนต์ทำไม

    แต่ก็ได้แต่ขำๆ เวลาคุณนายแกวีน บางครั้งแกก็บอกว่า ผีบ้านผีเรือนมีนะ

    ให้ผมจะเชื่อก็ลำบากใจ ก็ผมไม่เคยเห็นน่ะ โดนด่าอีก หาว่าไม่รู้เรื่อง

    นี้ล่ะ เหตุที่มีผล แต่มันไม่ใช่เหตุผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...