มนุษย์โลกเป็นหนูทดลองของ พระเจ้าจากอวกาศ รึเปล่า!!!

ดาวนิบิรูที่กำลังจะเข้ามาใกล้โลกเร็วๆนี้ (ปลายปี 2012) ตามความเชื่อของหลายๆสำนักและตามบันทึกโบราณของชาวสุเมเรียนที่กล่าวถึงพระเจ้าที่มาจากดาวนิบิรู

ผมมานั่งคิดเล่นๆ ว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะสร้างมนุษย์โลกขึ้นมาเพื่อเอาไว้ทดลองเหมือนกับที่เราทดลองวัคซีนต่างกับหนูหรือลิงและเป็นทาสเอาไว้ใช้งาน

เพราะมนุษย์โลกมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากๆเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น

ถ้าดาวนิบิรูเข้ามาใกล้โลกจริงๆ ตามที่กล่าวอ้าง เราอาจจะได้เจอกับพระเจ้าจริงๆก็เป็นได้

ใครมีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ!!!

 

ก็ไม่แน่นะ ถ้ามนุษย์รู้ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับเอกภพ มนุษย์ก็อาจคิดสร้างเอกภพขึ้นมาเองก็เป็นไปได้ แล้วมนุษย์ก็จะกลายเป็นพระเจ้าซะเอง เหมือนการโคลนนิ่งไง นี่แหล่ะมนุษย์ ความคิดนี้เราได้มาจากคนในเวปนี้นี่แหล่ะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าใคร ก็ต้องขอขอบคุณท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

อยากรู้เหมือนกัน ถ้ามีจริงคงเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก

 

ตามความเชื่อ เออหนอ ตามความเชื่อ

เอ้าว่ากันเข้าไป

 

จะรอชม ดาวที่ว่า คิดว่าคงไดทันเห็น

 

ไม่แน่

<table class="nf2" border="0" cellpadding="7" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="nf3"></td></tr></tbody></table>
“God” Debate Straitjacketed by Myopia

Posted on the 24 October 2011 by Cris

Over at Salon the MIT physicist and novelist Alan Lightman recently asked whether God exists, a question he poses in the service of reconciling science with religion and lambasting Richard Dawkins.

Although he is an atheist, Lightman’s accomodationist query prompted a predictable response from Daniel Dennett, to which Lightman has responded.

It is a thoughtful exchange but contains nothing new. Similar debates have been ongoing for well over a century without advance or resolution.

Science and religion debates which take “God” as a starting point are myopic. They begin with the false assumption that humans throughout history have been preoccupied with the idea of God, and that the monotheistic concept of God is the starting point for this kind of inquiry.

Such assumptions are usually embedded in a Whiggish or progressive religious history with “God” being the apotheosis of supernatural thinking.





The kind of “God” that Lightman discusses is a relatively recent idea, limited in time and space, that ignores religious history and diversity.

We can see this in the definitions Lightman proposes:

For the purposes of this discussion, and in agreement with almost all religions, God is a being not restricted by the laws that govern matter and energy in the physical universe.

In other words, God exists outside matter and energy. In most religions, this Being acts with purpose and will, sometimes violating existing physical laws (i.e., performing miracles), and has additional qualities such as intelligence, compassion and omniscience.

We can categorize religious beliefs according to the degree to which God acts in the world….Most religions, including Christianity, Judaism, Islam and Hinduism, subscribe to an interventionist view of God.

This is just wrong. It is not true that “almost all religions” have this particular conception of “God.” Nor is it true that “most religions” subscribe to an interventionist view of “God.”

Humans have believed in the supernatural for at least 45,000 years and perhaps longer.

The anthropomorphic and interventionist kind of God to which Lightman refers is perhaps 3,000 years old.

This particular conception of God is limited in time and space.

It is a modern God that derives primarily from the Abrahamic faiths (Judaism, Christianity, and Islam). It is not a majority God and never has been.

Because Lightman frames his entire science/religion discussion around the God debates that take place within his own high culture salon, his definitions are not a problem so long as they are limited to that tiny arena. But they are not generalizable.

While Western intellectuals may arrive at resolutions or accommodations they find satisfying, these say little or nothing about debates that haven’t existed throughout most of human history and which huge numbers of modern people without God would never even consider.


www.en.paperblog.com/god-debate-straitjacketed-by-myopia-83465/

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=OKnpPCQyUec&feature=player_embedded]Man in black - ending HD - YouTube[/ame]

 

คุณรู้ได้อย่างไรครับว่านักบินอวกาศเขากลับมาโลก คุณอาจจะไม่เคยได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเลยก็เป็นได้อ่าครับ...เพราะทุกวันนี้นักบินอวกาศของประเทศมหาอำนาจต่างก็มีเด็กรุ่นใหม่ๆไว้คอยขับ แต่เดี๋ยวนี้เขาขับจานบินกันแล้วนะครับ ทั้งพี่สหรัฐและรัสเซีย เพราะพี่เขาออกไปรบนอกโลกแล้วหละครับ ส่วนมนุษย์โลกส่วนที่ไม่รู้เรื่องอะไร ก็พูดแต่... "ไร้สาระ"

 

คุณรู้ไหมครับ...ว่าวิชาของคุณมันรุ่นไดโนเสาร์แล้วหนะครับ ^_^

 

แหกตาดูนอกโลกกันนะครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=X4xNcF6T7Is&feature=share]iPad Survives 100,000+ Foot Fall From Space Near Area 51 (High-Res) - YouTube[/ame]

 

ทะเราะกันอีกละ น่าเบื่อ

 

คุณคงไม่เคยเห็นมนุษย์นอกโลกที่มาเกิดในร่างมนุษย์สินะครับ...แล้วคุณได้ได้อย่างไรครับว่าเขากินอาหารในโลกของคุณ...คุณเห็นมากับตาหรือเปล่าวครับ

 

หากไม่มีพวกเราอยู่แล้วพวกท่านจะรู้ซึ้ง

 

และในอนาคตก็อาจจะไม่มีคำว่า "มนุษย์" (Human) อยู่ในสารระบบของสิ่งมีชีวิตอันทรงภูมิปัญญาอีกต่อไป.. *_*

 

เห็นพวกคุณตอนนี้แล้วสงสาร...ไม่น่าลบความศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเลย -_- หากผมคือพระเจ้า และสิ่งที่ผมจะพูดเพื่อคืนความศักดิ์สิทธิ์ให้คุณก็คือ "ข้าจะนำมนุษย์ไปไว้ในโลก และทำให้พวกมันเจ็บปวดและทุกข์ทน ข้าจะทำให้พวกมันพบกับความลำบาก เพื่อให้พวกมันรู้สึกว่าพวกมันเกิดมาพร้อมกับความสกปรก จากนั้นข้าก็จะใส่ความรู้สึกผิดบาปให้กับพวกมันในทันที เพื่อให้พวกมันทุกข์ทน และรับเคราะห์จากอะไรบางอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อมานานแสนนานแล้ว ไปจนตราบชั่วชีวิตของพวกมัน ข้าจะทำให้พวกมันหมอบและคลานเข้ามาหาข้า ข้าจะทำให้พวกมันรู้สึกต่ำต้อยจนถึงที่สุด"

 

ไม่ใช่แบบน้านนนน.....

หมายถึงพระเจ้าในสมมุติบัญญัติที่หมายถึงผู้สร้างหน่ะ แค่นั้น... และพระเจ้ากับพระพุทธเจ้าอย่าเอามาปนกันดีกว่านะ คุณ ไม่มีน้ำยา....

 

เราก็อ่านสิ่งที่เขาให้ข้อมูลดีๆ ก็มีห้องอภิญาก็ดีนะข้อมูลแยะมาก ห้องนี้ทำใจหน่อยห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต จิตน้องต้องแข็งนิดนึง

 

เรื่องของพระพุทธเจ้า ท่านทรงเป็นตัวแทนแก่นธรรมของศาสนา...ท่านไม่ใช่ผู้ก่อตั้งพุทธศาสนา พุทธศาสนาเป็นแต่เพียงพลอยได้ ท่านคือจุดเริ่มต้นของศาสนาที่แตกต่างอย่างยิ่งจากศาสนาอื่นในโลก

ท่านคือผู้ก่อตั้งศาสนาที่ไร้รูปแบบของศาสนา ท่านมิได้ก่อร่างศาสนา ทว่าก่อกำเนิดแก่นแท้แห่งศาสนา และนี่ก็คือความเปลี่ยนแปลงพลิกแผ่นดินยิ่งใหญ่ในความสำนึกรู้ของมนุษย์ชาติ

ก่อนพระพุทธเจ้า มีศาสนาหลายศาสนา ทว่าล้วนไม่มีแก่นแห่งศาสนาอันบริสุทธิ์ มนุษย์ยังไม่บรรลุวิฒิภาวะ แต่กับพระพุทธเจ้า มนุษย์ได้เข้าสู่ยุคแห่งการเติบโต จริงอยู่ว่าไม่ใช่มนุษย์ทุกคนจะบรรลุสิ่งนั้นได้ ทว่าพระพุทธเจ้าได้แผ้วถางหนทาง พระพุทธเจ้าได้เปิดประตูที่ไร้ประตู

ต้องใช้เวลานานกว่ามนุษย์จะเข้าใจคำสอนอันลึกล้ำเช่นนั้นได้ คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นลึกซึ้งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีใครเคยทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าทำมาก่อน แทบไม่มีใครอีกแล้วที่เป็นตัวแทนกลิ่นหอมอันบริสุทธิ์

ศาสดาแห่งศาสนาอื่น อริยบุคคลอื่น ล้วนแล้วแต่ประนีประนอมกับสาวกของตน แต่พระพุทธเจ้าทรงไม่ประนีประนอม ท่านจึงยังคงความบริสุทธิ์ไว้ได้ ท่านไม่สนใจว่าคุณจะเข้าใจได้ไหม ท่านสนใจเพียงว่าความจริงคืออะไร ท่านกล่าวถึงความจริงโดยไม่กังวลใจเลยว่าคุณจะเข้าใจหรือไม่

ในด้านหนึ่งดูเหมือนโหดร้าย แต่อีกด้านหนึ่ง นี่คือความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ เราต้องพูดถึงความจริงอย่างที่ความจริงเป็น เมื่อใดก็ตามที่เราประนีประนอม เมื่อใดก็ตามที่เรานำความจริงมาสู่ระดับการรับรู้สามัญธรรมดาของผู้คน

ความจริงก็ได้สูญเสียจิตวิญญาณของมันไป มันจึงกลายเป็นเรื่องผิวเปลือก กลายเป็นสิ่งที่ตาย เราไม่อาจนำความจริงมาสู่ระดับของมนุษย์ได้ แต่มนุษย์นั้น จะต้องนำตนขึ้นสู่ระดับของความจริง นี่คืองานอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า..

 

คุณไม่มีนำ้ยาสำนวนคุ้นๆๆ โทษนะหากผิดคนครับ

 

ผมต้องลดระดับความสั่นสะเทือนของตัวเองลงมาต่ำๆ เพื่อจูนให้เข้ากับคลื่นความถี่ของคุณ และช่วยยกระดับ + เปลี่ยนรหัสทางพันธุ์กรรมใหม่ และอัพเกรด DNA พร้อมคลื่นพลังงานระลอกใหม่ในปี 2012 กับการเปลี่ยนโครงสร้างกายละเอียดและกายทิพย์ของพวกคุณ...จากระบบ Mer-Ka-Ba ไปเป็นระบบ Mer-Ka-Va และ Mer-Ka-Ra