จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นพระโพธิสัตว์

ไม่ทราบเหมือนกันครับ เขียนหนังสือแต่ใช้นามสมมติ

 

ขอบคุณครับ :d

 

ในชิวิตประจำวัน มีปกติขวนขวายเพื่อบำเพ็ญประโยน์ แก่ผู้อื่น
หรือส่วนร่วมอยู่โดยมาก...ตามกำลังของตน อย่างเต็มภาคภูมิ

จุดนี้น่าจะสังเกตุง่ายกว่า จุดอื่น !!

 

จะทราบยังงัยว่าเป็นโพธิสัตว์

หากของแท้และได้รับทำนายแล้วเท่านั้นเกิดมาจะมีสัญญาเดิมเกิดมาจะรู้ตัวเองและต้องบวชเท่านั้น ลงมารับทำนายจากพุทธองค์ หากเกิดศาสนาใดจะใช้นามว่า พุทธบุตรโพธิสัตว์ หากไร้ศาสนาจะเอ่ยนามแห่งตน หากยังไม่รู้แจ้งปจิจจสมุบบาท ยังไม่เข้าขั้น มี๓ขั้น มีกฏ ต่างๆที่ต้องทำคือ บารมี๓๐ทัศจะบำเพ็ญเพียรเท่าไหร่ หากยังไม่เข้าใจจะทำผิดได้ เหมือนพระเทวทัศ ปรารถนา ปัจเจกโพธิ และพยามาร ที่ขวางทางพระศาสดา และมีผู้ปกป้องด้วย หากโพธิสัตว์ ลงมามาก ของแท้จะลงมาด้วย เรียกว่า จักพรรดิโพธิสัตว์ ปราบได้ทั้งหมด หากไม่เข้าขั้นจะปล่อยไป หากเข้าแดนโพธิฌานได้และคิดจะเอ่ยชื่อแห่งตน คือ สาย ศัทธาและวิริยะ ปัญญาธิกะกำลังไม่พอ แต่หากรวมโพธิสัตว์ทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวจะช่วยรักษาพระศาสนาและช่วยผู้คนจากภัยแห่งโลก หากละทิฐิแห่งตนได้ เพราะมีบารมีมาก และลงมามากสมควรเข้าใจความหมายที่แท้จริง คำว่าโพธิสัตว์ มีความหมายเดียวคือ ช่วยหมู่สัตว์ให้พ้นทุกข์ หากใครเห็นผิดจากนี้ คือ โพธิสัตว์ผู้หลงทางเท่านั้นการบำเพ็ญบารมี คือการสร้าง ผู้อยุดสร้างและนั่งมองคือ ผู้เสร็จกิจแล้วหากไม่รู้ว่าสร้างอะไรก็ไม่มีทางเสร็จได้ สาธุ

 

สติจะเป็นผู้เตือนเอง เมื่อถึงเวลาอันสมควร เปรียบเหมือนคนที่สร่างจากความเมามาย และขับไล่ความมืนงงในหัวให้หมดไปมีแต่ความแจ่มใสในปรากฎในความคิด ในวัฎฎะสงสารนี้มีแต่สิ่งที่ทำให้ลุ่มหลง ทั้งรูปและนาม อารมณ์ทั้งหลาย เมื่อได้เกิดขึ้นในภพภูมิต่างๆ ก็น้อยนักที่จะไม่เกิด รัก โลภ โกรธ หลง ตัณหาต่างๆ คือความต้องการ ความปรารถณา ต่างๆนานา เพื่อที่จะทำเจตนาแห่งตนให้สำเร็จ จึงกระทำกรรมทั้งหลายออกไป และเสวยวิบากแห่งกรรมทั้งหลายเหล่านั้น วนเวียนไปมาจนหาที่สุดไม่ได้ ความบังเอิญไม่เคยเกิดขึ้นในโลกใบนี้ เพราะมีเหตุจึงมีผล

 

เรื่อยๆ ตามกำลัง

ท่านที่เรียกพระโพธิสัตว์นั้นคือท่านที่บำเพ็ญบารมีเต็มแล้ว เกิดมาย่อมรู้ตัวเองดีและรู้บุคคลอื่น การจะเรียกบุคคลที่ยังบำเพ็ญอยู่ไม่เหมาะสม ส่วนคนที่บำเพ็ญอยู่ที่หวังเดินทางไกลนั้นบางคนก็ทราบด้วยตนเอง บางคนก็ไม่ทราบต้องมีครูอาจารย์บอก หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชี้แนะ

 

พระโพธิสัตว์ ก็เป็นมนุษย์ขี้เหม็นคนหนึ่ง อย่าไปใส่ใจกันมาก

เกิดมาพบศาสนาพุทธ ได้มีโอกาสเล่าเรียนคำสอนของพระมหาจอมตรัย

ผู้เป็นเลิศยิ่งกว่าผู้ในสามโลก ผู้สั่งสอนบุคคลที่สั่งสอนได้ อย่างไม่อาจหาใครเปรียบ

ท่านจะสนใจเล่าเรียนวิชากับอาจารย์ที่ยังเอาตัวเองไม่รอด

ว่ายวนอยู่ในมหาสมุทรแห่งกรรมทำไมเล่า

ทำไมท่านไม่เรียนรู้ ใส่ใจต่อคำสอนของบรมจารย์ พระสมณะโคดม

ผู้ยืนมั่นคงแล้วบนฝั่ง อย่างตั้งใจ

ถ้าไม่วาระกรรมสัญญาที่มีต่อกันอย่างแรงกล้า

เราไม่เคยปรารถนาให้ใครรอจนถึงยุคแผ่นดินธรรมแห่งเราเลย

ท่านจงรีบเร่งไปก่อนเถอะ หนทางเรายังอีกไกล อย่าเดินอ้อมไปกับเราเลย



พุทธภูมิ ถ้าท่านอยากรู้ว่าใครเป็น เราแนะนำให้ใช้มโนยิทธิ

ขึ้นไปถามพระพุทธเจ้า โดยตรง จะดีที่สุด หรือกำหนดจิตรู้ถามเอาก็ได้

อย่างน้อยท่านต้องได้วิชา 3

ในยุคนี้ ส่วนมากลงมาเป็นหมู่คณะ และลงมากันเยอะมาก

เดินไปแทบจะชนกันตาย คนทำความดีที่เป็นพระโพธิสัตว์ก็มีมาก

คนทำความชั่วที่เป็นพระโพธิสัตว์ก็มีมาก

ที่ไม่ใช่คนก็มีมาก เช่นกัน

 

ทัศนะผมแล้ว การตั้งปรารถนาจะเป็นพระโพธิสัตว์ เนื่องด้วยเคยเห็นบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระหนึ่งมาก่อน
เช่นตอนพระพุทธเจ้าเปิดแดนสามโลกธาตุ มีเหล่าสรรพสัตว์อันมหาศาลเห็นถึงบารมีอิทธิวิธีตลอดจนรัศมีและรูปกายของพระพุทธองค์
จึงตั้งความปรารถนาส่วนตนเอาไว้ว่าจะเป็นดังเช่นพระพุทธเจ้าบ้าง โดยที่ไม่รู้จักภพภูมิทั้ง31หรือวัฏฏะสงสารและไม่เคยรู้วิถีทางที่จะนำพาเหล่าสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นออกไปจากสังสารวัฏได้อย่างไร
แต่เมื่อตั้งความปรารถนาแล้วถือว่าเป็น พระโพธิสัตว์
เราจึงไม่แปลกใจที่จะมีพระโพธิสัตว์เป็นจำนวนมากมายเหลือคณานับ

สำหรับผมเห็นว่าพระโพธิสัตว์มี 2 ประเภท
อนิตยะพระโพธิสัตว์ และ นิตยะพระโพธิสัตว์

อนิตยะพระโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังสร้างบารมีอยู่และไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมาก่อน

นิตยะพระโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีมามากแล้วจนได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมาก่อน
พระโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจึงจะเป็น นิตยะพระโพธิสัตว์
แล้วเริ่มต้นบำเพ็ญบารมีใหม่ตามแต่ประเภทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 ประเภท
4 อสงไขยแสนมหากัป, 8 อสงไขยแสนมหากัป และ16 อสงไขยแสนมหากัป ตามลำดับ
พระพุทธเจ้าจึงอุบัติได้ครั้งละพระองค์เดียวและช่วงห่างกันอย่างน้อย 1 อสงไขย
นิตยะพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ที่เที่ยงแท้ต่อการได้บรรลุพระโพธิญาณและเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า

เมื่อเราเข้าใจดังนี้ เวลาท่านผู้ใดเรียกว่า พระโพธิสัตว์ เราก็มาสังเกตดูว่าเป็นพระโพธิสัตว์ประเภทใด เราก็จะเข้าใจและไม่เสนอทัศนะที่แตกต่างขัดแย้งกัน

แต่ถ้าเราไม่เข้าใจแบบนี้ เราก็จะมีข้อโต้แย้งถกเถียงแสดงทัศนะต่อกันได้อีกไม่รู้จบสิ้น....

เข้ามาชมทัศนะของเหล่าพระโพธิสัตว์ครับ


.

 

ก็ทราบได้เมื่อ เขาว่า

อยากเป็นพระพุทธเจ้า

 

ทุกอย่างถูกกำหนดด้วย ใจและ การกระทำ ไม่ ว่าจะเป็นอะไร



ขึ้นอยู่กับแรงปราถนาเพื่อตนเองหรือเพื่อผู้อื่น ผลออกมาตามที่กระทำ

 

อีกข้อสังเกต

ใครก็ตามเป็นบุคคลที่ไม่เห็นแก่ตัว
ใครก็ตามเป็นบุคคลที่มีความสุขกับการได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
ใครก็ตามเป็นบุคคลที่เบิกบานกับการรับใช้เพื่อนมนุษย์
ใครก็ตามมีความสุขที่ได้ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ให้แก่ผู้อื่น
ใครก็ตามรู้สึกว่า การช่วยเขาให้พ้นทุกข์นั้นคือความสุขของเรา
ใครก็ตามที่ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ เพราะมีโลกทัศน์ว่า โลกทั้งผองพี่น้องกัน

คนคนนั้น คือ พระโพธิสัตว์


.

 

โมทนาบุญจ้า

เ็ป็นข้อความที่แจ่มชัดและเข้าใจง่ายค่ะ ขอยืมส่งให้เพื่อนๆอ่านนะคะ

 

ข้อความนี้ด้วยค่ะ ขอยืมส่งให้เพื่อนอ่านต่อนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ ขอแชร์ให้เพื่อนๆค่ะ

 

มีใครบ้างเป็นโพธิสัตว์ อย่าไปสนใจเลยครับ ตัวเป็นๆผมยังไม่เคยเจอสักคนเลย

 

ดีที่กระทู้ถามเรื่องของเจ้าตัว อิอิอิ
ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
1.ทำสมาธิ บ่อยๆและพยายามให้จิตตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย
ถ้ากำลังจิตมาก บุญเก่าเคยเกื้อหนุนเหล่าเทวดามามาก พวกเขาจะนำวิดิทัศน์อดีตชาติคุณมาให้ชม
หรือ ถ้าจิตบริสุทธิ ถึงอัพยากตธรรม เพียงชั่วขณะของกำลังจิตที่อยู่ในสมาธิ และท่านเคยเป็นศิษย์บรมครูพระองค์หนึ่ง จะได้รับองค์บริกรรมเข้าสู่สภาวะธรรม ที่เห็นอดีตของตน
สุดท้ายของสมาธิ ทำสมาธิสะสมพลังจิตให้ถึงอตีตังคญาณ
2.ลองใช้การอธิษฐานแบบ อาจารย์กร หากปิติเกิด แสดงว่าท่านปราถนาพุทธภูมิมาก่อนชาตินี้

 

พระโพธิสัตว์คือผู้ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ซึ่งต้องสั่งสมบารมีต่อเนื่องทุกภพทุกชาติแม้จะละสังขารไปแล้ว จนกว่าบารมีจะเต็ม เช่นหลวงปู่ทวด พระสังกัจจายน์ พระราหู พระอุปคุต ก็ยังสงเคราะห์ผู้คนต่อเนื่อง โพธิสัตว์อาจเสวยชาติเป็นฆราวาสผู้ชายก็ได้ ผู้หญิงก็ได้ เป็นพระก็ได้ เป็นสัตว์ก็ได้ดั่งในพุทธประวัติกล่าวไว้ สังเกตุได้จากเป็นผู้มีจิตเมตตาไม่ประมาณทุกชนชั้น สงเคราะห์ผู้ที่ควรสงเคราะห์ มีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด มีสัจจะวาจา จนบารมีเต็มครบทุกด้าน พระพุทธเจ้าล้วนเป็นพรหมบุตรตามที่พระไตรปิฎกกล่าวไว้ ผู้ที่สงเคราะห์คน และสรรพสัตว์ด้วยจิตเมตตามิใช่จะเป็นโพธิสัตว์ทุกคนแต่จะได้กุศลเป็นมนุษยสมบัติเกิดมาอีกจะมีข้าทาสบริวาร มีชื่อเสียง มีทรัพย์มาก