กสิณลม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย wild win, 16 พฤศจิกายน 2011.

  1. wild win

    wild win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +436
    เราเพิ่งฝึกกสิณลม อย่ากขอความรู้ท่านๆที่พอรู้หรือเคยฝึกมาก่อนว่า เราฝึกโดยการดูลมเข้าออกทางจมูก คือพยายามจับความรู้สึกและความร้อนเย็นของลมที่มาปะทะผนังภายในจมูก แล้วบริกรรมว่า วาโยสินัง ไม่ทราบว่าทำแบบนี้ได้ไหม แล้วถ้าทำๆไปไม่รู้สึกว่ามีลมเข้าออก แต่รู้ว่ามีลมเข้าออกจากการเคลื่อนไหวภายในอก แล้วจะทำอย่างไรดี แต่เราก็พยายามไม่สนใจความรู้สึกอะไรที่เลยจากผนังจมูกเข้าไป คือพยายามจับที่ผนังจมูก ฝึกมาจะสองเดือนแล้วไม่ไปไหนเลย อ้อแต่ก่อนหน้าเราเคยฝึกแบบพุทโธพักหนึ่ง ก็ไม่ไปไหนเท่าไร รู้สึกอยากลองฝึกกสิณดูบ้างค่ะ
     
  2. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    ขอให้ท่านทราบว่า กสิน คือ มีนิมิต เป็นเครื่องอยู่ของใจ
    มีนิมิต เป็นเครื่องระลึกของใจ

    ไม่ใช้ความรู้สึก
     
  3. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    กสิณลม

    ฤทธิ์ของผู้สำเร็จกสิณลม
    วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้

    การฝึก หลายคนเคยให้คำแนะนำที่ห้องนี้

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%A5%E0%B8%A1.169148/
     
  4. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    หาต้นไม้สักต้นที่มีใบเยอะๆหน่อยแล้วเปิดพัดลมใส่ พยายามเพ่งจับไปที่ลมที่กระทบใบไม้
    นึกภาพ ถ้าหายไปก็ลืมตาดูใหม่เป็นร้อยเป็นพันครั้ง
     
  5. Dead7Light

    Dead7Light สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ตามที่ท่าน Drakever กล่าวไว้แหละครับ กสิณ คือนิมิต ไม่ใช่ความรู้สึก ผมว่าฝึกอยากนะครับกสิณลมเนี่ย เพราะมองไม่เห็น ก็ยากที่จะจำ ลองเปลื่อนมาฝึก แสง หรือสีต่างๆก่อนก็ได้ครับ :D
     
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    อยากจะบอกเดี๋ยวก็โดนลบกระทู้ เบื่อง่ะคน อคติ
    เจอสิ่งแปลกปลอมที่ตนไม่เคยเจอมาหน่อยก็แจ้งลบอีก
     
  7. wild win

    wild win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +436
    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแนะนำค่ะ ถ้ายังมีคำแนะนำอื่นใดก็ยินดีมากค่ะ
     
  8. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ผู้ที่ประสงค์จะเพ่งวาโยกสิณนี้
    จะเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยอุปนิสสัย คือ บุญบารมีที่เกี่ยวกับรูปฌานมาแล้วในภพก่อนๆ
    ใกล้ๆ ในภพนี้โดยอาศัยการเพ่งวาโยกสิณก็ตาม การจัดทำวาโยองค์กสิณขึ้นเป็นพิเศษย่อมไม่มี
    จำเป็นต้องถือเอานิมิตจากลมธรรมชาตินี้เอง โดยอาศัยการเห็นและการถูกต้องแล้วจึงทำการเพ่ง
    และบริกรรมได้ กล่าวคือ เมื่อได้แลเห็นยอดไม้ ใบไม้ ที่สั่นไหว แกว่ง และเส้นผมที่ถูกลมพัด หรือ
    ขณะที่ลมพัดมาต้องกายอยู่ ในขณะนั้นก็จะทำการเพ่งดูความสั่นแกว่งไกวของยอดไม้ ใบไม้ ปลายผม
    หรือความรู้สึกสัมผัสในเมื่อลมมาต้องกายอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วแต่จะสะดวกพร้อมกับบริกรรม ว่า
    วาโย ๆ หรือ ลม ๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าอุคคนิมิตจะปรากฎขึ้น เมื่ออุคคหนิมิตปรากฎขึ้นแล้วก็ไม่จำเป็นที่
    จะต้องเพ่งดูสิ่งต่างๆ เหล่านี้อีก แต่ต้องเพ่งอุคคหนิมิที่ตนได้มาแล้วต่อไป จนกว่าจะได้ปฏิภาคนิมิตและรูปฌาน

    ความแตกต่างกันระหว่างนิมิตทั้งสามในการเพ่งวาโยกสิณนั้น การไหวสั่น แกว่งของยอดไม้ ใบไม้ เส้นผมที่ถูกลมก็ดี
    ลมพัดต้องกายก็ดี เหล่านี้เป็นบริกรรมนิมิต

    สำหรับอุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิตทั้งสองนี้ เมื่อปรากฏขึ้นนั้นมีลักษณะเหมือนเกลียวแห่งไอน้ำ ไอข้าว น้ำตก ควัน
    ที่เราเคยเห็นอยู่นี้เอง แต่อุคคหนิมิตมีการเคลื่อนไหวหวั่น

    สำหรับปฏิภาคนิมิตจะไม่ไหวหวั่น มีสภาพเป็นกลุ่มเป็นกอง ตั้งมั่นอยู่เหมือนกับภาพถ่าย หรือภาพเขียน
    ตามปกติลมจะเห็นด้วยตาไม่ได้ ฉะนั้นผู้ปฏิบัติจึงต้องอาศัยการไหวสั่น แกว่ง ของใบไม้ เป็นต้น
    ที่เกิดจากลมพัดเป็นเครื่องเพ่ง แต่เมื่ออุคคหนิมิตเกิดขึ้นนั้น ผู้ปฏิบัติจะเห็นลมนี้ทางใจเพราะได้เปลี่ยนจาก
    ลมธรรมดาเป็นลมพิเศษปรากฏขึ้นแก่ใจ ดังนั้นลมธรรมดานี้จึงเปลี่ยนสภาพไปเหมือนแห่งเกลียวไอน้ำ
    ไอข้าว น้ำตก ควัน โดยเหตุนี้ผู้ปฏิบัติจึงควรเข้าใจในเรื่องลมธรรมดา และลมพิเศษทั้งสองอย่างนี้ให้ได้
    เพื่อจะให้ได้มาซึ่งอุคคหนิมิตโดยเร็ว

    เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะมีคำถามขึ้นมาว่า จะเพ่งไอน้ำ ไอข้าว ควันที่เดียวไม่ได้หรือ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็เป็นลมพิเศษเหมือนกัน?
    แก้ว่า: จะทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะมีสีสรรวรรณปะปนอยู่ ทั้งเป็นลมพิเศษอีกด้วย และจะกลายเป็นการเพ่งวรรณกสิณไป
    ซึ่งไม่ได้ตั้งใจเจริญ โดยตั้งใจเจริญวาโยกสิณต่างหาก

    สำหรับการงานต่างๆที่จะพึงปฏิบัติในการเจริญวาโยกสิณ นับตั้งแต่ปฏิภาคนิมิตเกิด เป็นต้น จนถึงรูปฌาน อรูปฌานนั้น
    ก็คงเป็นไปเช่นเดียวกับการเจริญปถวีกสิณทุกประการ

    ที่มา :........
    คัดมาจากหนังสือ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ปริเฉทที่ ๙ เล่ม๑ รจนาโดย พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  9. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    กสิณเป็นกองกรรมฐานหนึ่งใน กรรรมฐาน ๔๐
    กสิณยังแบ่งย่อยได้อีกมี กสิณ ๑๐


    ขอแนะนำว่าหากยังไม่มีพื้นฐานการเพ่งกสิณมาก่อนแล้วมาเริ่มต้นที่กสิณลม
    อาจจะยากเกินไปนะคะ
    ถ้าอยากฝึกกสิณจริง ๆ ก็ลองไปเริ่มที่กสิณที่หาอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ ก่อน
    เช่นกสิณสีแดง สีเขียว สีขาว ฯลฯ ดีกว่าไหม?
    ถ้าหากได้กสิณเหล่านี้แล้ว การจะไปต่อกสิณลม กสิณอากาศจะง่ายขึ้นค่ะ

    เพราะขึ้นชื่อว่าลมหรืออากาศ มันไม่มีตัวตนให้เราจับต้องได้
    จึงอยากให้เริ่มกสิณง่าย ๆ ก่อนนะคะ
    นอกจากว่าคุณจะทราบว่าในอดีตเคยชำนาญกสิณกองนี้มาก่อนค่ะ


    เคล็ดลับการฝึกกสิณนั้น นอกจากจะต้องจดจำภาพวงกสิณให้ได้แล้ว
    ยังต้องย้ำให้จิตเชื่อจริง ๆ ค่ะว่านั่นเป็นธาตุนั้น ๆ
    อาทิฝึกกสิณลมก็ต้องให้จิตเชื่อว่านั่นคือธาตุลม มีอาการไหว ไปมา เคลื่อนย้าย
    ย้ำจิตไปเรื่อย ๆ พอจิตจดจำแม่นยำ
    และภาวนาจนถึงปฏิภาคนิมิตรและเข้าออกฌาน ๔ จึงจะเกิดฤทธิ์ขึ้นได้ค่ะ


    กสิณเป็นกรรมฐานที่ฝึกได้ง่าย แต่ต้องใช้ความพยายามฝึกสูง
    ภาวนามาสองเดือนยังไม่พอหรอกค่ะ ถ้าไม่มีของเก่า
    พระอาจารย์ท่านเล่าว่าคนที่ยังไม่เคยได้นี่บางครั้งต้องฝึกอีกหลายชาติด้วยซ้ำ
    อย่างไรก็อย่าท้อแท้นะคะ
    เกิดมาเป็นคนได้ต้องพากเพียร ขยันหมั่นฝึกซ้อม


    ยังไงซะก็ขอโมทนาในบุญการฝึกกสิณด้วยคนค่ะ
     
  10. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    คำถามน่าสนใจ เคยเจอปัญหาแบบนี้มาเช่นเดียวกัน

    ไม่ได้มาตอบนะครับ เพราะยังอ่อนด้อยในความรู้ แต่ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ล่ะกัน

    เมื่อก่อนเคยฝึกแบบพุทโธ และจับลมหายใจด้วย ฝึกอานาปนสติหรือเปล่า?

    ก่อนอื่นต้องคุยเรื่องพื้นฐานกันก่อน อานาปนสติกรรมฐานเขาเน้นจับลมหายใจ แต่กสิณเขาเน้นกันที่การจับภาพนิมิต

    ผู้ฝึกกสิณต้องสามารถสร้างนิมิตขึ้นมาเองได้ และต้องสามารถควบคุมนิมิตที่ตัวเองสร้างขึ้นมาได้ด้วย

    การสร้างนิมิต ผู้เริ่มต้นท่านนิยมแนะนำให้เพ่งนิมิตทรงกลม เข้าใจว่าน่าจะทำให้จดจำและสร้างเป็นนิมิตได้ง่ายดี แต่สำหรับผู้ชำนาญ นิมิตที่สร้างขึ้นไม่จำเป็นต้องเป็นวงกลมเสมอไปก็ได้

    ทีนี้มาว่ากันในประเด็นของเจ้าของกระทู้ ฝึกกสิณลมโดยพยายามจับความรู้สึกของลมที่มาปะทะผนังภายในจมูก ก่อนอื่น จับความรู้สึกของลมที่กระทบผนังจมูกได้ชัดเจนดีหรือยัง ถ้ามั่นใจว่าจับความรู้สึกได้ชัดเจนดีแล้ว ลองอย่างนี้ดูครับ

    เจ้าของกระทู้ฝึกพุทโธมาระยะหนึ่ง เข้าใจว่าน่าจะพอได้พื้นฐานมาบ้าง เริ่มจากพื้นฐานของอานาปนสตินะครับ ปกติเวลาเราฝึกอานาปนสติ จะมีจุดรับสัมผัสลมที่เป็นฐานของจิตอยู่ 3 ฐานคือจมูก อกและศูนย์กลางท้องเหนือสะดือ
    ถ้าจะเอามาปรับใช้กับกสิณลม ผมเสนออย่างนี้ว่า เรื่องของกสิณ จำเป็นต้องสร้างภาพนิมิตให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อน การจับความรู้สึกของลมที่มาปะทะผนังภายในจมูกนั้น ยังไม่เพียงพอ

    ถ้าอยากฝึกกสิณ ต้องสร้างนิมิตให้เกิด ลองอย่างนี้ดูครับ ในระหว่างจับความรู้สึกของลมที่มาปะทะผนังภายในจมูก ก็ให้จับความรู้สึกของลมที่ปะทะทั้งสามฐานดู คือจับความรู้สึกของลมที่มาปะทะที่จมูก อก ท้อง จากนั้นลองนึกจินตนาการ สร้างภาพของกระแสลมที่ไหลเชื่อมต่อกันเป็นสายจากจมูก อกไปถึงท้อง จะได้จินตนาการเป็นรูปภาพของกระแสสายลม เป็นสายยาวๆ พยายามนึกสร้างภาพของกระแสของสายลมที่ว่านี้ให้เกิดขึ้นในใจ ถ้าสามารถสร้างภาพของกระแสของสายลมที่ว่ามานี้ได้ ก็แสดงว่าภาพนิมิตของสายลมได้เกิดขึ้นแล้ว อันนี้เป็นขั้นต้น จากนั้นก็ฝึกเพ่งภาพนิมิตที่ว่านี้ต่อไป ตามกระบวนการของกสิณ พร้อมบริกรรมวาโยกสินัง หรือบางท่านชอบคำไทยๆ ก็ว่า ลม ลม ลม ลม ไปก็ได้ ไม่เกี่ยง

    นิมิตในการนี้ คือภาพของกระแสลมที่เกิดเป็นสายยาว ขณะนั่งพิมพ์กระทู้อยู่ ผมก็เพ่งสายลมลำยาวที่ว่านี้อยู่ในใจไปด้วย เสียดาย เอาภาพที่อยู่ในใจ มาลงตรงหน้ากระทู้นี้ไม่ได้ ไม่งั้น คงจะได้เป็นตัวอย่างให้เจ้าของกระทู้ได้เห็น ก็ได้แต่อธิบายด้วยตัวอักษรไปตามเรื่อง

    การฝึกกสิณ อย่าไปยึดติด ว่านิมิตต้องเป็นดวงกลม สำหรับผู้ชำนาญแล้ว เพ่งได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทรงอย่างไร ถ้าจะถามว่าทำได้อย่างไร ต้องตอบว่าอาศัยกำลังของสมาธิในการควบคุมภาพนิมิตกสิณที่เราสร้างขึ้นมานั่นเอง

    กระแสลม สร้างภาพนิมิตได้ยากหน่อย เพราะมันมองไม่เห็น (ไม่เหมือนพวกสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว ไฟ น้ำ พวกนี้ไม่ต้องไปนั่งดูก็ได้ คุ้นเคยกันอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ลืมตาหรือหลับตาสร้างนิมิตเอาได้ในทันที) เจ้าของกระทู้คงต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับการจับความรู้สึกของลมที่มาปะทะตามจุดต่างๆ ให้ชัดเจนก่อน หลังจากนั้นก็นำเอาความรู้สึกที่ได้มาสร้างเป็นภาพนิมิตอีกที อย่างนี้น่าจะทำให้ง่ายขึ้น (หรือว่ายังยากอยู่ก็ไม่ทราบ?)

    ผมว่าฝึกกสิณลมตามรูปแบบตรงๆ เลยจะง่ายกว่า แต่เจ้าของกระทู้ถามถึงการประยุกต์จากการจับสัมผัสลม มาฝึกกสิณลม ผมก็เลยต้องคุยกันในประเด็นนี้ เพื่อให้ตรงตามประเด็นที่เจ้าของกระทู้ต้องการ

    ขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสบการณ์คั่นเวลากันเพียงแค่นี้ก่อน เนื่องจากความรู้ยังอ่อนด้อย ก็ขอรอท่านผู้รู้มาแนะนำเพิ่มเติม เพื่อให้เจ้าของกระทู้และผมได้เรียนรู้จากท่านผู้รู้กันต่อไปนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2011
  11. วัชรวงศ์

    วัชรวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +7
    กระผมจะพยายามตอบเพิ่มเติมโดยสัมมาทิฏฐินะครับ

    1.ก่อนปฏบัติธรรมทุกครั้งควรสมาทานศีลแลจิตให้บริสุทธิ์แลอธิฐานขอให้การปฏิบัติครั้งนี้เป็นไปโดยสัมมาทิฏฐฺิปฏิบัติเพื่อระงับแลดับกิเลส่
    2.ห้ามสงสัยหรือใส่ใจผลของการเจริญกรรมฐานในกสิณในเรื่องอิทธิฤทิ์หรือปาฏิหารย์ใดๆเพราะอาจจะทำให้หลงทางเป็นมิจฉาทิฏฐิและเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติอย่างยิ่ง ให้พิจารณาการปฏิบัติเพื่อระงับแลดับกิเลส และให้ตระหนักในคุณธรรมอย่างยิ่งข้อที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐเพราะมีปัญญามีศีลแลจิตใจที่เป็นมนุษย์ในมนุษยธรรม
    3.จิตที่มีศีลแลสติสัมปะชัญญะอันบริสุทธิ์ที่เพ่งพิจารณาในองค์กสิณ จิตในขณะนั้นสงบจากิเลสจิตนั้นเป็นกุศลมีอัพยากฤตเป็นที่สุด เอวังโหตุ ท่านปลูกข้าวย่อมได้ข้าวฉันนี้นโดยมิต้องสงสัย แต่ต้องปฏิบัติโดยสัมมาทิฏฐิ
    หมายเหตุกระผมเป็นเพียงปุถุชนผู้หนาอยู่ด้วยกิเลสและก็ไม่ได้สันทัดในสิ่งเหล่านี้แต่พยาเรีบยเรียงคำตอบมาโดยสัมมาทิฏฐิครับผม
     
  12. ต้องสาป

    ต้องสาป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    แค่ อุบายหลอกจิตเท่านั้นครับ ทำไปเถิดครับอย่างไรก็ได้มันไม่มีคำว่าผิดหลอกครับ
    ขอเพียงแค่ ไม่หลงในสิ่งที่ได้ ไม่ถือตัวถือตนว่าตนดีกว่าตนเก่ง
    เท่านี้ก็ไม่มีคำว่าหลงทางแล้วครับไม่มีคำว่าทางตัน ถ้าปฏิบัติจริง ถึงปากเหวจิตมันก็จะ
    วิวัฒนาการปรับปรุงเปลียนแปลงไปทางที่ควรเองและครับ หมือนน้ำที่ไหลลงสู่ที่ตำ....
     
  13. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ...จับภาพลม อาการของลม รูปลักษณ์ของลม ความเคลื่อนไหวของลม..วาโยกสินังๆๆๆ...
     
  14. wild win

    wild win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +436
    ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ พยายามฝึกอยู่ กะว่าถ้าถึงปีหน้ายังไม่ก้าวหน้า อาจต้องเปลี่ยนไปทำกสิณอื่น แต่ใจจริงเลือกแล้วไม่อยากเปลี่ยนเลย
    หลังจากอ่านข้อมูลที่สมาชิกแนะนำมา เลยหันไปเพ่งต้นไม้ ที่ลมพัดอยู่ ตอนนี้คิดว่าต้องทำภาพในสมองให้ชัด แล้วย้ายมาที่จิตให้ได้ ไม่รู้จะทำได้ไม๊ ฝึกคิดทุกวันเลย เฮ้อ..

    คุณ NICKIZ แนะนำมารู้สึกน่าสนใจ ใช้จินตนาการเข้าช่วย รู้สึกจะสะดวก เพราะเคยทำอานาฯมาก่อน

    ก่อนทำสมาธิหรือกสิณ จะสวดมนต์ สมาทานศีลห้า ก่อน เสมอค่ะ

    ส่วนเวลาอื่น ถ้าว่างก็จะคอยนึกภาพ ลมพัดต้นไม้ไว้ ไม่รู้มาถูกทางไหมนี่เรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2011
  15. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    เสริมอีกเล็กน้อย

    เข้ามาคุยด้วยแล้ว ยังเรียกชื่อผิดอีก โฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ไม่เป็นไรครับ ชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ที่สำคัญอยู่ที่การปฏิบัติมากกว่า

    ขอบคุณที่ให้กำลังใจกัน บอกว่าวิธีการที่ผมเสนอน่าสนใจ เลยแวะเข้ามาเสริมอีกเล็กน้อยว่าวิธีการนี้ ถ้าอานาปนสติกรรมฐานคล่องเกินไป จะจับสัมผัสลมไม่ทัน คล่องประเภทที่ว่าหายใจเข้าปุ๊บ หายใจออกปั๊บ ลมหายใจหายไปแล้วอย่างนี้ ต้องหัดหน่วงฌานไว้บ้าง ก็จะดีมาก

    ถ้าชอบแนวการพลิกแพลง ดัดแปลง แต่ก็ยังอยู่ในกรอบของกรรมฐาน 40 ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง แนะนำให้ไปลองคุยในห้องอภิญญา xp เท่าที่จับสัมผัสได้ จะมี
    สมาชิกที่สนในแนวเตวิชโช ฉฬภิญโญ และบางทีก็เจอพวกปฏิสัมภิทัปปัตโตบ้าง น่าจะลองสอบถาม พูดคุยกับท่านได้ (แต่ท่านจะบอกให้หรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

    หากชอบแนวปฏิบัติตรงๆ ในกระทู้นี้ท่านสมาชิกหลายท่านก็แนะนำไว้ดีแล้ว ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จากในเว็บนี้ มีไฟล์เสียงการสอน สื่อการสอนเยอะแยะ คงจะเพียงพอต่อการฝึกปฏิบัติได้

    ไม่ได้เข้ามาตอบอีกเช่นเคย เพราะความรู้น้อย ก็ขอแค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยก็แล้วกัน

    ขออนุโมทนากับความตั้งใจของเจ้าของกระทู้นะครับ จากผู้ด้อยความรู้คนหนึ่งในบอร์ด ที่บังเอิญผ่านมา
     
  16. Sonaz

    Sonaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    761
    ค่าพลัง:
    +348
    อย่าเปลี่ยนเลยครับ ทำไปเรื่อยๆ มันไม่ได้ชาตินี้มันก็ได้ชาติหน้า หากเปลี่ยนบ่อยๆ จะไม่มีอะไรเป็นฐานเลยนะครับ เอาให้มัน ถึงที่สุด สักกองนึง

    ผมเอง เมื่อก่อนก็หัดกสิณ แต่ตอนนี้ มาจับลมหายใจแล้ว ผมก็คงไม่กลับไปกสิณแล้วหากไม่สำเร็จอานาปานสติ

    กสิณ คนฝึกเพื่ออยากได้ ฤทธิ์ แล้วคนฝึกเพื่ออยากได้อยากมี มักจะไม่ได้ไม่มีล้มไม่เป็นถ้า เพราะ ความอยาก คือกิเลสตัวแม่ เลยนะครับ
     
  17. nuaiswat

    nuaiswat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +248

    น่าเห็นใจ น่าเห็นใจ :cool:
     
  18. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ฐานจิตย้ายไปที่ลิ้นปี่ มีการเคลื่อนของกระบังลมเป็นอิริยาบท
    ไม่ต้องตกใจ ทำต่อได้เลยครับ
    ความกลัวเป็นอุปสรรคของความอาจหาญในการปฏิบัติครับ


    กสิณลมให้กำหนดไฟให้ได้ก่อนครับ
    ส่วนที่การกระเพื่อมของกายก็จัดเป็นนิมิตครับ
    แต่อยู่ในฝ่ายเวทนา ไม่ใช่ฝ่ายรูป คือ
    เกิดแล้วรู้สึก
    ลมบนพัดลงล่าง ลมล่างพัดขึ้นบน
    ประมาณนี้แหละครับ
    หนังจีนเรียกเดินลมปราณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  19. mymee

    mymee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +2
    การฝึกกสิณลม....ง่ายๆคือใช้พัดลม...คับ...เย็นด้วย...แถมได้กสิณด้วย...เปิดพัดลมเบอร์อ่อนๆ....เมื่อลมเย็นๆพัดโดนกาย...นั่งหลับตาทำสมาธิ...หายใจเข้า พุท...หายใจออก โธ....ซักพักให้ใจนิ่งแล้วตามด้วยหายใจเข้า วาโยกสิณัง... หายใจออก วาโยกสิณัง...........ไปเรื่อยๆ......ผลของการฝีกเป็นประจำทุกวัน....แล้ววันไหนว่างๆก็ได้เดินไปที่มีอากาศอบอ่าว....ไม่มีลมพัดเลย....ยืนหลับตาทำสมาธิน้อยๆ...หายใจเข้าพุท...หายใจออก โธ....ซักพักให้ใจนิ่งแล้วก็ตามด้วย...หายใจเข้า วาโยกสิณัง... หายใจออก วาโยกสิณัง...ซักพักจะมีลมเย็นๆอ่อนๆพัดมาโดนกายเอง..........:cool:
     
  20. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมคิดว่า เอากสินอื่นที่ง่ายๆ กว่ากสินลม (ไฟ ดิน น้ำ) อันนี้พอมีรูป ให้ได้ฌาณ4 พอได้แล้ว กสินอื่นๆก็ง่ายๆครับ (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน บอกครับ)

    แต้ถ้าท่านได้กสินลม ได้ฌาณ 1-2-3ก็เอาให้สําเร็จกสินลม ละกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...