ความหมายของศีล 5 จริงๆเเล้วคือยังไงกันค่ะ มีความสับสนค่ะ

ศีล ๕ ได้แก่..

๑.ปาณาติปาตา เวรมณี เจตนา เป็นเครืองงดเว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน การทำร้ายร่างกายคนและสัตว์ แล้วมีจิตใจประกอบด้วยเมตตากรุณา มีความปรารถนาดี และสงสารเห็นอกเห็นใจผู้อื่นสัตว์อื่น

๒.อทินนาทานา เวรมณี เจตนา เป็นเครืองงดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย หรือโจร อันได้แก่ ลัก ฉก ชิง วิ่งราว ขู่กรรโชก ขู่เข็ญ ปล้น จี้ ตู่ ฉ้อโกง หลอก ลวง ปลอม ตระบัด เบียดบัง สับเปลี่ยน ลักลอบ ยักยอก และรับสินบน แล้วเป็นผู้มีความขยันประกอบสัมมาชีพ บริจาคทาน และเคารพในกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น

๓.กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม

๔.มุสาวาทา เวรมณี เจตนา เป็นเครืองงดเว้นจากการพูดเท็จ อันได้แก่คำปด ทวนสาบาน ทำเล่ห์กระเท่ห์ มารยา ทำกิเลส เสริมความสำรวมคำพูดเสียดแทง สับปลับ ผิดสัญยา เสียสัตย์ และคืนคำ แล้ว เป็นผู้รักสัจจะจะพูดแต่คำสัตย์จริงด้วยความจริงใจและปรารถนาดี มุ่งหวังดีต่อผู้ฟัง

๕.สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี เจตนาเป็นเครืองงเว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท อันได้แก่ น้ำสุรา เมรัย เครื่องดื่มมึนเมาอื่น ๆ และการเสพยาเสพติดอื่นๆ เช่น ฝิ่น เฮโรอีน กัญชา ยาบ้า หรือแม้แต่บุหรี่ แล้วเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะในการประกอบกิจการทั้งปวง และเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตในการงาน ในวัย ในเพศ

จากข้อความข้างตน หนูมีความสงสัยใน ศีลข้อ ๑.ปาณาติปาตา เวรมณี ค่ะที่กล่าวว่า "งดเว้นจากการฆ่า การเบียดเบียน การทำร้ายร่างกายคนและสัตว์ .." นี้ คืออาหารที่เรากินต้องงดการกินเนื้อสัตว์ แล้วกินเจตลอดไปเรยหรือเปล่าค่ะ เพราะได้ยินมาจากอ.ท่านนึงที่ชี้เเนะด้านนี้มาเค้าบอกว่า ศีลข้อ 1 ห้ามเบียดเบียนสัตว์ แต่ผ่อนปรน กินเนื้อสัตว์ที่ประกอบเป็นอาหารอยุ่เเล้วเช่น ปลา กุ้ง หมู เป็ด ไก่ ได้ แต่ละเว้นกินเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่นเนื้อวัว ตอนสวดมนต์ก็ให้อุทิศบุญกับเนื้อสัตว์ที่เราได้ทานเป็นอาหารได้ค่ะ

ส่วน ศีลข้อ ๔.มุสาวาทา เวรมณี สมมุติมีเหตการณ์ที่เราต้องพูดเท็จต่อผู้ใหญ่เพื่อความสบายใจของเค้า ไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง แบบนี้ถือว่าผิดศีลมั้ยค่ะ
แล้วถ้าเราพูดสิ่งไม่เป็นจริงเหมือนเป็นการสร้างเรื่องขำๆกันในวงเพื่อนฝูงเพื่อความสนุกสนานให้กับเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรค่ะ เเบบนี้ผิดศีลหรือเปล่าค่ะ

ช่วยชี้เเนะนำให้หนูเข้าใจทีค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 

......

เรื่องของการกินเนื้อ

ในกรณีที่เป็นพระ ใครถวายอะไร มาท่านก็ จะฉัน ครับ

พระพุทธเจ้า ท่านห้ามฉันเนื้อ มีบอกไว้อยู่ครับ ลองหาในเน็ต

เพิ่มอีก3 ข้อ

คือ 1. ไม่เห็นเขาฆ่าเนื้อนั้น
2. ไม่ได้ยินเสียงสัตว์ ตัวนั้น เสียงที่โดนฆ่า โดนทำร้าย
3. ไม่สงสัย ว่า เขาฆ่าสัตว์ นั้นเพื่อมาเป็นอาหาร ของเรา

( ถ้าจะเอาสศีลข้อ1 ให้ละเอียด คือ 1.ไม่ฆ่าสัตว์ มาเป็นอาหารเอง
2. ไม่สั่งเขาฆ่า
3. ไม่ยินดีเมื่อเขาผิดศีลแล้ว

ศีลทั้ง5 มีหยาบ กลาง ละเอียดครับ ที่พูดมา คืออย่างละเอียด มหาศีล คือ กาย วาจา และใจ

เช่น ฉันไม่ฆ่าสัตว์ แล้วนะ ยุง มด ฉันไม่ฆ่า เพราะฉันรักษาศีล5 แต่ ฉันเอาปลาตัวนี้ ทุบหัวให้หน่อย รึ ฆ่าให้หมดเลยนะ ฉันจะเอาไปทำบุญ พรุ่งนี้ บาปมากกว่าบุญ อานิสงค์ จึงได้น้อยครับ คือ เราสั่งให้เขาฆ่า และคนอื่นก็ฆ่า ทำให้ผิดศีล ข้อ1 ทั้งคู่
เราสั่งให้ เขาฆ่า ถือว่า ผิดศีลขั้นที่2 คือ ขั้นปกติศีล (ศีลขั้นกลาง)

แม่ค้าที่ฆ่า ผิดศีล ขั้นหยาบหรือจุลศีล คือฆ่าเอง

หรือ อาจจะผิดศีล ขั้นละเอียดคือ ยินดีที่เขาฆ่า หรือยินดีที่เราหรือเขาฆ่า สำเร็จ ( สะใจ ตายซะ )

จะมีบางวัด หรือสถานที่ปฏิบัติธรรมท่านจะกินมัสงวิรัตกัน เช่น วัดดอยเกิ้ง พระอาจารย์ รัตน์ บ้านสวนพีระมิด อ.อุบล วัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญ เท่าที่ผมไปสัมผัสมา เพื่อให้ศีลบริสุทธิ์เต็มส่วนครับ

ผมพึ่งรุ้เรื่องนี้ละเอียด ตอนฟังจาก เว้ป บ้านสวนพีระมิด

ผม พึ่งกินมังสวิรัต มาได้ จะ7เดือนแล้วครับ ชีวิต มีอะไรดีขึ้น หลายอย่าง

เพราะเรากิน แต่ไข่ ผัก ผลไม้ หรืออื่นๆ ที่ไม่ทำจากเนืื้อสัตว์

ลองคิดเล่นๆ ดู นะครับว่า ถ้า ทุกคน( ถ้าทุกคน ไม่กินเนื้อสัตว์ จะเกิดอะไรขึ้น

หรือ ถ้าทุกคนรักษาศีล5 โลกจะเป็นยังไง)


ก็ จะไม่มีการฆ่าสัตว์ทั้งหลายอีกต่อไป ถ้าทุกคน รักษาศีล5 เป็นอย่างน้อย

โลก คงสงบสุข ไม่น้อย ไม่วุ่นวาย เรื่องภัยพิบัติ โรคระบาด เหมือนปัจจุบัน

ที่ อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด หรือพระอาจารย์รัตน ให้กินมังสวิรัตแทน เพื่อ ปรับสมดุลในร่างกายเรา ประมานนี้ครับ

มีรายละเอียดอีกเยอะ เพราะโลกยุคใหม่ หลังภัยพิบัติใหญ่ คนที่รอด ( คนที่รอด ) ก็จะหันมารักษาศีล5 อย่างจริงจัง รัก เมตตา ช่วยเหลือกัน แข่งกันที่ความดี ไม่ใช่วัตถุ ค่านิยมเหมือนตอนนี้ ฉนั้น ก็ที่โลกจะปรับสมดุล เราคือส่วนหนึ่งของโลก คือธาตุทั้งหลาย เมื่อโลกปรับ เพื่อยุ่รอด อะไร ที่ไม่เหมาะสมกับโลกใหม่ พลังงานใหม่ ก็จะถูกกำจัดออกไป ท่านเลยให้ กินมังสวิรัตครับ

นอกจาก ทาน ศีลต้องบริสุทธิ์ เมตตา ภาวนา ทางภาคอีสาน พญานาคขออย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง คือวันพระ ทำเพื่อเบื้องบน คือไม่กินเนื้อ มันก็มาตรงกับ ที่ผม พูดเรื่องมังสวิรัต ครับ

มีรายละเอียดอีกเยอะครับ ลองดูที่เว้ปบ้านสวนพีระมิด หรือวัดดอยเกิ้ง พระอาจารย์รัตน์

 

....++

ศีลข้อ4 เรื่องที่่พูดเบี่ยงเบียนไปหน่อย เพื่อให้คนอื่นสบายใจ

ผลคือ เราก็จะโดนคนอื่น โกหก แบบให้เราสบายใจบ้าง เรื่องของธรรมะคือ ตรงไปตรงมา ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น

พระท่านว่า ก็ไม่ผิดไปหมดหรอกครับ แต่บางท่านที่จะเอาให้ละเอียดท่านก็ไม่พูด เลยดีกว่า คืออะไรๆต้องพิจารณาก่อนว่า เดือดร้อนตนและคนอื่นมั้ย

ใคร่ควรก่อน แล้วจึงทำ

ส่วนพูดเรื่องขำ ก็ ไม่ได้ผิดอะไรมากครับ เพราะศีลมี3ขั้นตามที่พูดมา

ศีลหยาบ กลาง ละเอียด
ท่านที่กำลังใจสูง หรือพระอริยเจ้าขั้นอนาคามีคือ ท่านจะไม่พูดเลย เพราะท่านเห้นเป็นเรื่องไม่มีสาระ พูดแล้วก็ไม่มีประโยชน์ ท่านจะพูดแต่ธรรมะ

พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ยังมีพูดเล่น ส่วนพระอรหันต์ ท่านจะเหมือนเด้ก คือ จริยานิสัยเมื่อก่อน เป็นอย่างไร ก็แสดงไปอย่างนั้น แต่จิตใจท่านพ้นโลกแล้ว

เรื่องของพระอริยเจ้า ดูแต่ภายนอกไม่ได้หรอกครับ บางทีเราปรามาสพระอริยเจ้าไม่รู้ตัว
พระท่านจึงแนะนำให้เราขอขมาพระรัตนตรัยทุกวัน เพราะบางทีเราโดนชน ทำอะไรๆออกไป ต่อคนอื่นๆ ดูภายนอกเหมือนคนธรรมดา แต่ภายในท่านเป็นพระอริยเจ้า ครับ

เช่น พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ที่เป็นฆราวาส

สรุปคือ อยู่ที่เราจะปฏิบัติธรรมครับ

เป็นตามกำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังศีล

กำลัง(ศีล สมาธิ ปัญญา) ครับ

ทำใจให้สบายๆ อะไรที่ไม่ดีก็ละ ทั้งทางกาย วาจาใจ

ลอง พิจารณาดูนะครับ

รึให้ท่านผู้รู้ ท่านอื่นมาตอบ ผมอาจจะไม่ถูกต้อง ขออโหสิ ทุกๆท่านด้วย ครับ ^^

 

มุสาวาท **การพูด หรือ แสดงกิริยาทางกาย เช่น ผงกศรีษะเพื่อตอบรับ โบกมือปฎิเสธ รวมถึงการเขียนจดหมาย การส่งข้อความ เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อน จากความเป็นจริง จัดเป็น มุสาวาท มี7 ลักษณะ โทษของมุสาวาท การพูดเป็นกรรมบถแล้ว ย่อมมีโทษตามมาไม่มากก็น้อย เป็นบาปกรรมแก่ผู้พูดเอง เพราะเป็นการทำลายคุณธรรม คือสัจจะในตนให้ลดน้อยลง อีกทั้งยังเป็นการทำลายประโยชน์ของผู้อื่นด้วย จะบาป หนัก หรือเบา ให้พิจารณาจาก **ประโยชน์ที่ถูกทำลาย คือความเสียหายที่เกิดจากการพูดโกหก

คุณธรรมของผู้เสียประโยชน์ ถ้าผู้นั้นมีความดีมาก ผู้พูดมีบาปมาก กิเลสของผู้พูด ถ้าพูดด้วยกิเลสแรงกล้า จงใจให้เขาได้รับความเสียหาย มีบาปมาก

ส่วนพูดเล่น เรียกว่าสัมผัปปลาปะ แปล ว่า เพ้อเจ้อ ได้แก่พูดด้วยเจตนา หรือตั้งใจให้ผู้อื่นรับรู้หรือเชื่อฟังในเรื่องไร้สาระ เช่นพูดเรื่องเดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์ ตลกโปกฮา เป็นต้น **สัมผัปปลาปะ ต่างจากมุสาวาทคือ มุสาวาทมีเจตนามุ่งหวังให้คนฟังเชื่อ คือมุ่งทำเรื่องจริงให้ไม่จริง ส่วนสัมผัปปลาปะ มุ่งให้หลงเชื่อในสิ่งที่ไร้สาระ ว่าเป็นเรื่องที่มีสาระดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่บอกว่ารักษาศีล มักพลาดเพราะขาดการเข้าใจในกรรมบถอย่างลึกชึ้ง

 

ประมาณนั้น

 

ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ เข้าใจขึ้นเยอะเรยค่ะ

 

ศีล ข้อ 4 การพูดปดมดเท็จเพื่อให้คนอื่นเสียหาย รวมไปถึงการด่าคน วิพากวิจารณ์ นินทา คนอื่น ประชดประชัน รวมอยุ่ข้อนี้ด้วยรึเปล่าอ่าคะ

 

............

ศีล ข้อ 4 ถ้าจะให้ละเอียด ขั้นมหาศีล ก็ถูก ครับ


คือ วาจาอะไร ที่ไม่ดี ก็ไม่พูดออกไป

 

++++

ข้อมุสา ถ้าละเอียดคือ กรรมบท 10 ครับ

ลองหาดูรายละเอียดในเน็ต

คือ ไม่พูดคำหยาบ ( ให้เขาเจ็บ ช้ำใจ บาดหัวใจ)
ไม่พด ส่อเสียด คือ เสียดสี ใส่ร้าย พูดให้เขาเสียๆหายๆ

ไม่พูด เพ้อเจ้อ ( พูดแต่เรื่องไร้สาระ เขาคุยกับเรื่องงานเรื่องสำคัญ ก็เบี่ยงเบน ประเด็นพูด ไปในเรื่องไร้สาระ ทำให้เขาเสียประโยชน์ ตรงนี้ ยังมีรายละเอียดอยู่มาก ลองหาดูในเน็ต นะครับ)


บางคน ต้องใจไม่พูด เพ้อเจ้อ ถ้าจะเอาให้ละเอียดที่สุดจริงๆ คือ

ไม่พูดอะไร ที่นอกจากธรรมมะ เลย

ถ้านอก จากนี้ ถือว่าเพ้อเจ้อ ทั้งหมด

เขาเลยไม่พูด กับใครเลย ใครพูดอะไรมาก็เงียบ คือ เขาพยายามตั้งใจให้กรรมบท 10 บิรสุทธิ์

จึงทำให้คนอื่น คิดว่าหยิ่ง เลยถูกกลั่นแกล้งบ้าง

แล้ว มาบอกพระ ท่านว่า ไหนว่ารักษากรรมบท 10แล้วจะดี

ไม่เห็นดีเลย โดนกลั่นแกล้งตอลด เปลี่ยนมาหลายอาชีพแล้ว

พระท่าน เลย ว่า ก็เล่นไม่พูดจากับคนอื่น เขาเลย

ท่าน เลย ว่า เมื่อเรายังอยู่ในสังคมโลก

ก็ ต้องทำ คือ ทางโลก ไม่ให้ช้ำ ทางธรรมไม่ให้เสีย

ลองพิจารณาจากเรื่องนี้ดูนะครับ

อะไร ที่ไม่ดี ทั้งทางกาย

คำพุด วาจา

และใจ ก็ละ ไม่ทำซะ

บางคน ไม่พูด แต่ ใจ คือ แทบจะฆ่า เขาอยู่แล้ว

อันนี้เป็นกรรมที่เกิดบ่อย กับทุกคน คือ กรรมทางความคิด ( มโนมกรรม)

เมื่อใจ คิดไม่ีดี ก็ ส่งผลให้ เราพูดจาไม่ดีออกไป

สุดท้าย ทนไม่ไหว ก็ใช้ร่างกาย ทำไม่ดี

พระท่านเลย ให้หยุดกรรมตั้งแต่ ความคิด เราห้ามไม่ให้จิตคิดชั่วไม่ได้

แต่ เราห้าม คิดต่อ ห้ามคล้อยตามมัน

เช่น นี่มึง คิดเลว แล้วนะ แกคิด ก็คิดไป ฉันไม่คิดต่อ ไม่พูด ไม่ทำตามแกหรอก
กรรมอื่นๆ ก็จบ พระท่านสอนให้ตัดกรรม ไม่ให้ต่อกรรม ก็มาจากตรงนี้ ครับบ

ลองนำไปพิจารณา ดูนะครับ

อยากรู้อะไรมากมาย ก็ หาข้อมูลในเน็ต

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน

และบ้าน สวนพีระมิด

 

ขอบคุณทุกท่านมากค่า ที่ชี้เเนะ

 

องค์ประกอบที่ทำให้ศีลขาด (ศีล 5 ) เล่ม 39 หน้า 36

ปาณาติบาต มีองค์ ๕ คือ (ฆ่าสัตว์)

๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณสญญีี สำคัญว่า สัตว์มีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. วายมติ พยายาม
๕. เตน มรติ สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

แม้อทินนาทาน ก็มีองค์ ๕ เหมือนกัน คือ (ลักทรัพย์)

๑. ปรปริคฺคหิตํ ของมีเจ้าของหวงแหน
๒. ปรปริคฺคหิตสญญีี สำคัญว่าของมีเจ้าของหวงแหน
๓. เถยฺยจิตฺตํ มีจิตคิดจะจะลัก
๔. วายมติ พยายาม
๕. เตน อาทาตพฺพํ อาทานํ คจฺฉติ ลักของได้มาด้วยความพยายามนั้น

มิจฉาจารนั้นมี องค์ ๔ คือ (เล่ม 75 หน้า 291) ประพฤติผิดในการร่วมเพศ

๑. อคมนียวัตถุ (สิ่งที่ไม่ควรเกี่ยวข้อง)
๒. ตสมึ เสวนจิตตํ (มีจิตคิดเสพในสิ่งที่ไม่ควรเกี่ยวข้องนั้น)
๓. เสวนปฺปโยโค (พยายามเสพ)
๔. มคฺเคน มคฺคปฏิปตฺติอธิวาสนํ (การยังอวัยวะเพศให้ถึงอวัยวะเพศ)

มุสาวาท ก็มีองค์ ๔ เหมือนกัน คือ (โกหก)

๑. มุสา เรื่องเท็จ
๒. วิสํวาทนจิตฺตํ จิตคิดจะพูดเท็จ
๓. วายาโม พยายามเกิดแต่จิตนั้น
๔. ปรวิสํวาทนํ พูดเท็จต่อคนอื่นและเขารู้เรื่องเท็จ

สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน ก็มีองค์ ๔ คือ (ดื่มน้ำเมา)

๑. สุราทีนํ อญฺญตรํ ของมึนเมามีสุราเป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง
๒. มทนียปาตุกมฺยตาจิตฺตํ จิตคิดอยากจะดื่มของมึนเมา
๓. ตชฺชํ วายามํ อาปชฺชติ ความพยายามเกิดแต่จิตนั้น
๔. ปีเต จ ปวิสติ ดื่มเข้าไปในลำคอ

หมายเหตุ ๑.อคมนียวัตถุ (สิ่งที่ไม่ควรเกี่ยวข้อง)
วัตถุที่ไม่ควรล่วงนั้นได้แก่หญิงที่ชายไม่ควรล่วงเกิน มี ๒๐ จำพวก คือ
๑. หญิงที่อยู่ในปกครองของมารดา
๒. หญิงที่อยู่ในปกครองของบิดา
๓. หญิงที่อยู่ในปกครองของบิดามารดา
๔.หญิงที่อยู่ในอารักขาของพี่หญิงน้องหญิง
๕.หญิงที่อยู่ในอารักขาของพี่ชายน้องชาย
๖. หญิงที่อยู่ในอารักขาของญาติ
๗.หญิงที่อยู่ในอารักขาของผู้ร่วมตระกูล
๘. หญิงที่อยู่ในอารักขาของศีลธรรม เช่นหญิงที่บวชเป็นชี เป็นต้น
๙. หญิงที่พระราชาทรงมุ่งหมายไว้
๑๐.หญิงที่มีคู่หมั้น
๑๑. หญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์
๑๒.หญิงที่สมัครใจไปอยู่กับชาย โดยหมายจะมอบตัว เป็นภรรยา
๑๓. หญิงที่ไปอาศัยเพื่อหวังในทรัพย์
๑๔. หญิงที่ไปอาศัย เพื่อหวังในสินจ้างและเครื่องนุ่งห่ม
๑๕. หญิงที่สมรสด้วยการหลั่งน้ำสังข์
๑๖.หญิงที่มีภาระอันชายได้ช่วยให้พ้นจากความลำบาก
๑๗.หญิงที่ได้เป็นภรรยาจากประเทศที่แพ้สงคราม
๑๘. หญิงที่เป็นคนรับใช้ด้วยเป็นภรรยาด้วย
๑๙. หญิงที่เป็นทาสด้วย เป็นภรรยาด้วย
๒๐.หญิงที่เป็นนครโสเภณี


ที่มา: พระไตรปิฏก ฉบับมหามงกุฏ 91เล่ม

 

แล้วคำว่า ศีล 5 บริสุทธิ์ คือยังไงค่ะ
ต้องรักษาศีลทั้ง 5 ข้อนั้นให้บริสุทธิ์ ไม่ผิดศีลเลยหรือเปล่าค่ะ เเล้วถ้าผิดศีล เเล้วรับสมาทานศีลใหม่ ศีลยังกับมาบริสุทธิ์อยู่หรือเป่าค่ะ

เเล้วการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์สามารถทานเนื้อสัตว์ได้มั้ยคะ