หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. Indhus

    Indhus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +113
    ขออนุโมทนาในมหาบุญของทุกท่าน ที่ได้นำเอาแนวคิด แนวคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์มาเผยแพร่ต่อในเวปพลังจิตแห่งนี้นะครับ
    ผมขออนุญาตมีส่วนร่วมด้วยอีกสักคน เพราะรู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ กับสิ่งที่ได้ทำลงไป
    ...............................................................................................

    วันนี้ผมได้มีโอกาสออกไปแนะแนวการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษากับน้อง ๆ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครับ
    ได้ประสบโอกาสเหมาะในการนำเอาหลักธรรมมาใช้ในสถานการณ์อันอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แม้จะยังไม่ได้เข้าใจทั้งหมด
    แต่ก็คิดว่าส่วนที่เข้าใจนั้นนำเอาไปเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้น้อง ๆ ก็คงจะเป็นการดี

    วลีที่ผมยกไปกล่าวให้น้อง ๆ ฟังคือวลีของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ว่า "ถ้าจะไป หมื่นไพรีก็ไม่กลัว" ประโยคเดียวเท่านั้น
    แต่ก็ได้แนะให้น้อง ๆ นำไปเป็นแนวในการเดินทางตามความฝันของตัวเอง
    ให้มีความตั้งอกตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียนต่อไปในภายภาคหน้า
    เพื่ออนาคตอันสดใส อันอาจจะเกิดอุปสรรคขุึ้นมากลางคันได้

    เห็นหน้าตาน้อง ๆ มุ่งมั่นที่จะพยายามเล่าเรียนเมื่อได้ฟังวลีนี้ เลยอดที่จะนำมาถ่ายทอดไม่ได้

    เป็นความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกครับ ที่ได้มีโอกาสถ่ายทอดวลีนี้
    แม้จะยังไม่แตกฉานหรือยังเปรียบเป็นธุลีดินเมื่อเทียบกับ นรธ. ท่านอื่น ๆ
    แต่ก็ภูมิใจที่แม้จะเล็กน้อยก็ยังทำประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  2. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377

    จริงๆแล้วคุณอ้านไม่ต้องขออนุญาตหรอกครับ เพราะเราต่างเป็นลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ (พ.สุรเตโช) เหมือนกัน แล้วผมก็ขออนุโมทนาบุญ ด้วยครับ

    สิ่งที่คุณอ้านทำนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ถ่อมตัวมากครับ น้องๆ ม.6เหล่านี้ อาจมีแรงบันดาลใจ ในวลี " ถ้าจะไป หมื่นไพรีก็ไม่กลัว "อย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้ ดีใจและภูมิใจด้วยครับ ที่มีโอกาสได้ถ่ายทอด คำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ ให้ยังประโยชน์ในวงกว้างยิ่งๆขึ้นไป สมกับเจตนารมณ์ของท่าน



     
  3. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ขออนุโมทนากับอาจารย์อินทร์ธัชด้วยนะครับ ผมขออนุญาตพ่อแม่ครูอาจารย์ขยายอีกคำ เพื่อเสริมการกระทำความดีของท่านคือ

    ถ้าจะทำดี หมื่นไพรีก็ไม่กลัว


    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    29 พฤศจิกายน 2554
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  4. Indhus

    Indhus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +113
    ขอบพระคุณครับที่ให้กำลังใจกับคนอย่างผม
    เพราะสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการถ่ายทอดคำสอนที่ผิดพลาด
    หรือแปลใจความสำคัญของพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ตรงตามเป้าประสงค์

    แล้วเมื่อวานนี้ก็นึกขึ้นมาได้ แว้ปเดียวก่อนที่จะปิดการแนะแนว
    ในจังหวะหาทางลงไปดี เลยได้โอกาสหยิบเอาคำพ่อแม่ครูอาจารย์มาสานต่อครับ
     
  5. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    อุบัติเหตุ คือสภาวะธรรม

    ในตอนเช้าวันที่ 14 พฤศจิกายน 2554 ก่อนที่คณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และเหล่านักรบธรรมจะออกเดินทางจากแม่สอดมุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน ได้มีคณะญาติธรรมจำนวนสามท่านได้มากราบนมัสการพ่อแม่ครูอาจารย์ เพราะสองท่านพึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซต์เมื่อวันก่อน แต่อาการไม่หนักมากนัก เมื่อพวกเขาได้กราบนมัสการพ่อแม่ครูอาจารย์แล้ว พี่ผู้หญิงซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถคันที่เกิดเหตุ ได้กราบเรียนพ่อแม่ครูอาจารย์ได้โปรดช่วยรดน้ำมนต์ให้เธอและเพื่อนของเธอด้วย เพราะเธอไม่สบายใจที่พาเพื่อนไปได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้

    พ่อแม่ครูอาจารย์ถามเธอว่า เมื่อได้รับอุบัติเหตุแล้วโยมคิดอย่างไร เธอนั่งอึ้งอยู่... พ่อแม่ครูอาจารย์จึงเมตตาพูดต่อไปว่า หลายคนเมื่อได้รับอุบัติเหตุมักจะพูดว่า เราก็ทำบุญมาก็มากทำไมบุญไม่ช่วยเราเลย และมักไปตำหนิสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเศร้าโศกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แทนที่จะคิดว่า เออโชคดีแล้วที่บาดเจ็บแค่นี้ ถ้าแขนขาดหนึ่งข้างก็ยังดีกว่าขาดสองข้าง หรือยังดีกว่าเสียชีวิต... หรือให้คิดกลับไปว่าผลของบุญที่เราได้กระทำมาแล้วต่างหากที่ได้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้กับเรา ผลทั้งหลายที่มันเกิดขึ้นในปัจจุบันก็ล้วนมาจากเหตุของการกระทำมาแล้วในอดีตทั้งสิ้น... รถพังเสียเงินไปก็หาใหม่ได้ บาดเจ็บแค่นี้ดีแล้ว มีชีวิตอยู่ก็โชคดีแล้ว

    การที่จะให้อาตมาทำน้ำมนต์นั้นมันง่าย แต่มันสู้การรักษาที่ใจของเราไม่ได้หรอกโยม สิ่งที่ผ่านมาแล้ว เกิดขึ้นมาแล้ว เรากลับไปคิด และกลับไปทำไม่ให้มันเกิดขึ้นก็ไม่ได้ จงรักษาใจในปัจจุบันนี้แหละ ให้มีสติระลึกรู้อยู่เสมอ ไม่ประมาท น้ำมนต์นั้นทำไปแล้วมันก็รักษาได้ไม่นาน แต่การรักษาที่ใจนั้นมันจะอยู่กับเราไปตลอด และจะช่วยคุ้มครองตัวเราเอง

    หลังจากนั้น ท่านก็ได้มอบพระปฐวีธาตุแก่ท่านทั้งสามและให้พรแทนการรดน้ำมนต์ สร้างความปีติแก่ญาติธรรมถ้วนทั่วกัน

    ปล. ผมเขียนออกมาตามที่จำได้ และแต่งเติมคำบ้าง อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ใจความประมาณนี้ครับ ต้องกราบขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์ไว้เผื่อผิดไปจากคำดั้งเดิมของท่าน

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    29 พฤศจิกายน 2554
     
  6. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157

    การแสดงความคิดเห็นที่ออกมาจากจิตใจอันบริสุทธิ์ แม้จะถูกจะผิดไปบ้าง แต่ก็มีค่ามากกว่าความรู้ที่แฝงไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ การที่ท่านพยายามแสดงออกมานั้น จึงนับเป็นสิ่งที่ดี ขออย่าได้เกร็งไปเลยนะครับ จะผิดจะถูกก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเราเป็นเพียงผู้กำลังศึกษา มิใช่ผู้ที่สำเร็จหรือเป็นอริยบุคคลแล้ว เรื่องแบบนี้ ผมกับท่านสมบัติก็เคยกราบเรียนถามท่านมาแล้ว เพราะตอนแรกผมก็เกร็ง กลัวจะไปกระทบกับคุณธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์โดยมิมีเจตนา แต่ท่านก็เมตตาบอกว่า เขียนไปเถอะโยมหากเป็นความเห็นที่เกิดจากประสบการณ์ของเรา เขียนตามความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นความเห็นเราก็บอกว่าเป็นแค่ความเห็น ส่วนเรื่องที่เกินวิสสัยที่เราจะรับรู้ได้ โดยเฉพาะเรื่องของพระอริยเจ้านั้น อย่าได้ปรามาสและล่วงเกินเป็นอันขาด ส่วนการจะตีความหมายในธรรมของท่าน ก็บอกว่าเป็นการตีความตามสติปัญญาของเราเท่านั้น การเขียนและกระทำด้วยจิตอันบริสุทธิ์ของท่าน ก็ย่อมมีความชอบในการที่แสดงออกทุกประการครับ ทุกอย่างย่อมต้องมีการเริ่มต้น ไปสู่ท่ามกลาง และเบื้องปลายในอนาคต ท่านได้เริ่มต้นไปพร้อมๆกับเหล่านักรบธรรมอย่างเสมอเหมือนแล้วนะครับ


    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    29 พฤศจิกายน 2554
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  7. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
    หนังสือสำคัญพระธรรมเทศนา ที่หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านเขียนขึ้นเอง ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีสาระบางส่วนดังนี้

    ขอถวายพระพร คำภาษิตของอาตมาภาพมีอยู่ดังนี้

    ๑. การเห็น เป็นเหตุแห่ง การคิด
    ... การคิด เป็นเหตุแห่ง การเห็น
    ... ถ้าคิดดี ก็เป็นทางเย็น
    ... หากคิดไม่เป็น ก็เย็นสบาย

    ธรรมภาษิตบทที่ ๑ ประโยคแรก "การเห็น เป็นเหตุแห่ง การคิด" หมายความว่า การรู้ธรรมเป็นเหตุแห่งการหลุดพ้น นั้นจะต้องเรื่มที่ ความเห็น หรือ สัมมาทิฏฐิ ในองค์มรรคทั้ง 8 สัมมาทิฏฐิในขั้นต้นนี้เป็นสัมมาทิฏฐิในระดับ โลกียธรรม คือเป็นความเห็นที่ถูกต้อง แม้จะยังไม่บริสุทธิ์นัก แต่ก็เป็นเหตุให้เห็นธรรมะ จากที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อน อย่างเช่น นาย ก.เป็นเศรษฐีที่ยึดถือผลกำไรเป็นเป้าหมาย ไม่เคยเชื่อในบาปบุญ ต่อมานาย ก.ป่วยหนัก ทนทุกข์ทรมาน ทรัพย์สินที่มีอยู่มากมาย ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ระหว่างอยู่ ร.พ. นาย ก. มองเห็นคนตายทุกวัน เกิดความปลงในสังขารขันธ์ มองเห็นสัจธรรมว่า อีกไม่นานตนก็จะต้องตายอย่างคนเหล่านั้น เห็นความจริงของ ทุกข์ในอริยสัจ อย่างนี้เรียกว่า นาย ก.มีสัมมาทิฏฐิ คือมองเห็นสัจธรรมแล้ว ความเห็นนี้เองเป็นเหตุให้ นาย ก.เกิดความคิดชอบ หรือที่เรียกว่า สัมมาสังกัปปะ คือ มีความคิดที่ถูกต้องว่า หนทางที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้นนั้นคือ การออกจากกาม การไม่พยาบาทหรือเบียดเบียนผู้ใด อย่างนี้เรียกว่า นาย ก.เกิดความคิดที่ถูกต้องแล้ว หลวงพ่อเกษมจึงกล่าวว่า "การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด"

    ประโยคที่สอง "การคิด เป็นเหตุแห่ง การเห็น" หมายความว่า เมื่อมีความเห็นที่ถูกต้องแล้ว (สัมมาทิฏฐิ) แล้วก็จะเกิดความคิดที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) ตามมา และเมื่อเกิดความคิดที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่จะตามก็คือ สัมมาทิฏฐิ แต่สัมมาทิฏฐิในขั้นนี้ เป็นความเห็นที่ถูกต้องในระดับ " โลกุตรธรรม"ไม่ใช่ความเห็นชอบในระดับ "โลกียธรรม"แล้ว สัมมาทิฏฐิในระดับโลกุตรธรรมเป็นความเห็นที่เกิดจากปัญญา ของผู้ปฏิบัติวิปัสสนา ความเห็นในระดับนี้เป็นความเห็น บริสุทธิ์ ที่เกิดจากปัญญาจริงๆไม่ใช่การนึกคิด การที่บุคคลจะปฏิบัติธรรมเพื่อมุ่งสู่ความหลุดพ้น จะต้องมีพื้นฐานมาจาก สัมมาสังกัปปะ อันประกอบด้วยความคิด ที่จะไม่พยาบาทหรือเบียดเบียนใคร และความคิดที่จะออกจากกาม (เพราะมองเห็นโทษ ของกามแล้ว) ความคิดนี้ ก็นำไปสู่การปฏิบัติตามองค์มรรคต่างๆ นั่นก็คือ เริ่มที่ความคิด เริ่มที่จิต แล้วก็ตามมาด้วยวาจาและกาย และจบลงที่ ความเห็น (สัมมาทิฏฐิ) ในระดับโลกุตรธรรม หลวงพ่อเกษม จึงกล่าวว่า " การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด"

    ประโยคที่สาม "ถ้าคิดดี ก็เป็นทางเย็น" การคิดดีย่อมเป็นพื้นฐาน ของการละเว้นความชั่วและการทำความดี เมื่อมนุษย์ทำความดีวิบากแห่งความดี ย่อมอำนวยผลเป็นความสงบเย็น แม้ตายไป สุคติภพ (สวรรค์) ก็เป็นอันหวังได้

    ประโยคที่สี่ "หากคิดไม่เป็น ก็เย็นสบาย" ในประโยคที่สามที่กล่าวว่า "ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น" นั้นหมายถึง การคิดดีย่อมได้ดี แด่สิ่งที่เหนือยิ่งไปกว่าการ "คิดดี" ก็คือการ "คิดไม่เป็น" คำว่า "คิดไม่เป็น"ในที่นี้หมายถึง การคิดโดยปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่ปรารถนาที่จะเป็นสิ่งใด ไม่ยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานใดๆ ว่านี้เป็นตัวเรา สิ่งนี้เป็นของเรา สิ่งนั้นเป็นของเขา ปล่อยวางในธรรมทั้งหลายทั้งปวง มองเห็นธรรมตามความเป็นจริง คือธรรมะทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนของเรา ที่จะยึดถือครอบครองว่าเป็นของเรา ดังนั้น "หากคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย" จึงหมายความว่า เมื่อสิ้นความยึดมั่นถือมั่นในธรรมทั้งหลาย ก็ย่อมเย็นสบาย คือ "นิพพาน" นั่นเอง

    ขอถวายพระพร
    พระภิกษุเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง

    ในความน้อยนั้นมีความมาก ธรรมะที่ดูเหมือนจะมีเนื้อหาน้อย แท้จริงกลับมีความลึกซึ้งแยบคาย เต็มไปด้วยปริศนาธรรม

    ขอนอบน้อมสักการะ หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ กราบ กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    โมทนาสาธุ...
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    กราบ กราบ กราบ

    ขอนอบน้อมบูชาคุณถึงครูบาเจ้าเกษม เขมโก เช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  9. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    โมทนาสาธุครับ.....และขอน้อมนำไปปฎิบัติ
     
  10. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    พระธาตุหลวงปู่มั่นที่ขยายตัวแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1230893.jpg
      P1230893.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.4 KB
      เปิดดู:
      592
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    เพชรตาเสือของท่าน ดร.นนต์
    - สร้อยประคำ(ยังไม่ได้ร้อย)
    - จี้เงินหมูคาบแก้ว
    - พญามังกรจีน (ด้านหลังสวยมาก)
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]
    ต้องใช้ flash,หลอดไฟส่องหรือแสงแดดช่วย จึงจะพบประกายในเพชรตาเสือ
    แอบซ่อนความงดงามไว้...หรือคมในฝักก็มิปาน
    [​IMG]
    ของคู่กาย...ระหว่างการทำงานต่างถิ่น

    (เพิ่มเติมสำหรับผู้หลงไหลกลไกขับเคลื่อนแห่งกาลเวลา)

    นาฬิกา นอกจากเป็นเครื่องบ่งบอกเวลาแล้ว นาฬิกายังจัดได้ว่าเป็น วัตถุมงคลและเป็นสัญลักษณ์ แห่งโชคลาภมากมาย อีกเช่นกัน บ้างก็ว่านาฬิกาเป็นลักษณะของ ความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง ของพลัง ความสามารถหมุนเวียนไปได้อย่างทั่วถึง เสียงของนาฬิกาจึงเป็นพลัง แห่งความตื่นตัว กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ โดยเฉพาะนาฬิกาโบราณ

    นายสรรเสริญ เล่ห์จันทร์พงษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ช่างอั๋น" ผู้สืบทอด การซ่อมนาฬิกาโบราณจาก "ช่างเซ็ง วัดคฤหบดี" บอกว่า ความเชื่อเรื่องนาฬิกาเริ่มตั้งแต่การจัดตำแหน่งของนาฬิกาในบ้านที่มีความสำคัญมาก ไม่ควรวางตำแหน่งของนาฬิกาที่ฝาผนังด้านขวาของบ้าน ไม่ควรแขวนนาฬิกา หรือเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านต้องไม่เห็นนาฬิกาเผชิญหน้ากับเราพอดี บ้างก็ว่า นาฬิกาตรงกับประตูบ้านเป็นสัญลักษณ์ของการหมดอายุขัย
    ปัจจุบันยังมีคนที่เชื่อถือในความเชื่อสัญลักษณ์สิริมงคลที่แฝงอยู่ในนาฬิกา นาฬิกาที่ดีต้องไม่หยุดเดิน ที่เรียกว่า นาฬิกาตาย เมื่อนาฬิกาเดินจึงเป็นความหมายแห่งพลัง ความก้าวหน้า บ้างก็ว่า พลังที่ดีต้องมีการหมุนเวียนหยิน-หยาง พลังในทางมือและทางสว่าง นาฬิกาน่าจะเป็นสัญลักษณ์ตรงนี้ได้ดี เมื่อสองพลังนี้ สมดุลกันโบราณว่าจะนำโชคลาภมาให้

    จากประสบการณ์การเป็นช่างซ่อมนาฬิกาโบราณ ช่างอั๋นได้รวบรวม ๙ ความเชื่อเกี่ยวกับนาฬิกา พร้อมกับ อธิบายให้ฟังว่า

    ๑.นาฬิกาที่เดินนานที่สุด บางคนเชื่อว่านาฬิกาที่เดินนานที่สุดเป็น สัญลักษณ์แห่งอายุยืน ความปลอดโปร่ง สบายใจ ความเข้มแข็ง พลังแห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา นาฬิกาประเภทที่เดินยาว นานที่สุดก็คือ นาฬิกาสี่ร้อยวัน ตั้งโต๊ะที่มีครอบแก้ว โดยไขลานเพียง ครั้งเดียว
    แต่ยังมีนาฬิกาที่ เดินนานที่สุด ที่นักสะสมนาฬิกามักบอกว่า เดินกันชั่วชีวิต คือ นาฬิกา Almos เป็นนาฬิกาที่ เดินด้วยความกดอากาศหรืออุณหภูมิ โดยใช้หลักการในทุกๆ ๔ นาที อุณหภูมิของอากาศจะเปลี่ยนขึ้นลงตลอดเวลา

    ๒.เสียงตีของนาฬิกา เป็นสัญลักษณ์แห่ง เกียรติยศ ชื่อเสียงเกรียงไกร สร้างพลังที่ดีให้แก่บ้าน เกิดความสำราญ บานใจ ทั้งยังดึงดูดพลังที่ดีเข้าบ้าน ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข และมีโชคลาภ ที่ค่อนข้างเงียบ ไร้เสียงกระดิ่งใส ไร้เสียงเพลง ถือว่าไม่ดีนัก คนในบ้านจะอับโชค ในขณะที่บางคน เชื่อว่า นาฬิกาไม่ตีเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความเหนื่อย ไม่มีเวลาพักผ่อน มีแต่ ความเร่งร้อนแห่งการ รอคอย

    ๓.หน้าปัด นาฬิกาก็เหมือนคน ความสง่างามก็อยู่ที่หน้า บ่งบอกถึง ความมั่นคง หรือ หนักแน่น ความสมบูรณ์ เหมือนกับเด็กทารกที่อ้วนจ้ำม่ำ ดูแล้วเป็นมงคลในด้านโชคลาภ อุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง บางคนเชื่อว่า หน้าที่ดีคือ หน้ากระเบื้อง เพราะกระเบื้องจะมีความเงางามสดใส ไม่ หมัวหมองง่ายเหมือนหน้าประเภทอื่น ดูแลสบาย สีสันสดใส สวยงาม ให้เกิดความสุข โชคดี และความคงทนกว่าหน้าประเภทอื่น แต่ถ้าแตก ก็เลิกกัน

    ๔.สีมงคลประจำวันเกิด หลายคนเชื่อว่า สีประจำวันเกิดน่าจะเป็นสีที่ส่งผลต่อความเจริญ ประจำ ราศีเกิดของคนนั้น หน้าปัดของนาฬิกาที่มีสีต่างๆ นักสะสมเชื่อว่า น่าจะเลือกตามสีประจำวันเกิด เช่น สีเหลืองประจำวันจันทร์ วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว
    แต่ยังมีพิเศษอีกอย่างคือ หน้าครีม เหลืองอ่อน ระหว่างเลขที่หน้าปัดจะมีรูปสัญลักษณ์สีแดงคล้าย ซิ่ว หรือ ตราลูกเสือ ตรงนี้นักสะสมเรียกว่าหน้ามี ซิ่ว ซึ่งหมายถึง เทพแห่งโชคลาภ หนึ่งในสาม คือ ฮก ลก ซิ่ว เชื่อว่าบันดาล โชคและความสุขให้ครอบครัว สุขภาพแข็งแรง

    ๕.ม้าและนกอินทรี บางคนเรียกว่าหัวโขนบนนาฬิกาที่อยู่ด้านบนสุดของนาฬิกา มีความเชื่อว่า ม้าเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความโชคดี สำเร็จ แต่ต้องเป็น ม้าสีทอง สีเงิน และ สีน้ำตาล บันดาลชัยชนะ ส่วนสีดำไม่เหมาะ นกอินทรี เป็นสัญลักษณ์แห่ง ความสง่างาม วาสนาสูง การเริ่มต้นที่ดีของความ รุ่งเรือง นกที่มีท่วงท่าว่ากำลังจะบินเข้าบ้าน หมายถึง โชคลาภเข้ามาสู่ บ้านเรือน ถ้าเป็นรูปอื่น เช่น สิงโต จะให้มงคลด้านความเข้มแข็ง เป็นผู้นำ การนับถือจากคนรอบข้าง

    ๖.กระจกเจียระไน หมายถึง กระจกที่นำไปเจียระไนลบเหลี่ยม หักเหแสงแวววาวเหมือนเพชร เหมือนคริสตัลมีความ เชื่อว่า เป็นพลังของแสงสะท้อนกับแก้วแล้วกระจายพลังที่ดีไปรอบๆ ขจัดพลังลบให้ออกไปจากบ้าน จะประสบความรุ่งเรือง เฟื่องฟู ฐานะการเงินมั่นคง ความสำเร็จ อย่างสูง แต่ต้องเช็คทำความสะอาดกระจกให้เงางามอยู่เสมอ

    ๗.พระจันทร์ยิ้ม เชื่อว่า พระอาทิตย์-พระจันทร์ เป็นตัวแทนแห่งพลัง หยิน-หยาง หมุนเวียนสับ เปลี่ยนกัน ถือว่าเป็น มงคลนัก เต็มไปด้วยพลัง แห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา พระจันทร์เป็น สัญลักษณ์แห่ง ความ ร่มเย็นจิตใจที่อ่อนโยน และจะนำเรื่องความรักความเมตตามาสู่ท่านด้วย ถึงว่า ทำไมนาฬิกาพระจันทร์ยิ้มถึงแพงและหายาก ก็เพราะเป็นแบบ นี้นี่เอง

    ๘.นาฬิกาโป๊ยก่วย หมายถึง นาฬิกา แปดเหลี่ยม มีลักษณะเหมือน ยันต์แปดทิศ ของคนจีนที่ใช้เป็น สัญลักษณ์สำหรับ แก้อาถรรพณ์ต่างๆ เช่น ทางสามแพร่ง ถนนพุ่งเข้าบ้าน จึงใช้ลักษณะแปดเหลี่ยม แก้ไข ฮวงจุ้ยที่เสีย นาฬิกาแปดเหลี่ยมคน สมัยก่อนจึงเชื่อว่า เหมือนยันต์ แปดทิศ แต่มีพลังหยิน-หยาง แฝงอยู่ในตัวสมบูรณ์ และเสียงตีตามความเชื่อที่กล่าวมาแล้ว จะสังเกตว่าคนจีนสมัยก่อนนิยม นาฬิกาแปดเหลี่ยมกันมาก นอกจากนาฬิกาแปดเหลี่ยมแล้ว คนจีนเชื่อว่านาฬิการูปทรงกลม คล้ายเหรียญสตางค์จะนำลาภผลมาให้

    ๙.คำอวยพรอันเป็นมงคล สมัยก่อนเมื่อมีการเปิดกิจการร้านค้า ส่วนใหญ่จะนำนาฬิกาตั้งพื้น (ชิกโซ่) เป็นของขวัญที่ ระลึกวันเปิดร้านใหม่ และกระจกด้านหน้าที่มีข้อความเขียนคำอวยพรเป็นภาษาจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นคำมงคลเกี่ยวกับโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ร้อยละเก้าสิบของนาฬิกาประเภทนี้จะมี คำอวยพรทั้งนั้น นักสะสมบางคนชอบเก็บสะสมคำอวยพรไว้ ซึ่งเป็นความหมายที่ดี
    นาฬิกา เซี่ยงไฮ้ของจีน จะมีกระจกเขียนลายสี หรือคำอวยพรตัวโตๆ สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง นาฬิกาเซี่ยงไฮ้ จีนบางเรือนก็เขียนเป็นลาย ราศีประจำวันเกิด ที่เคยพบเห็นมี ปีวัว ปีเสือ ปีมังกร ปีงูเล็ก ปีลิง แต่หายากมาก นาฬิกาประเภท นี้กำลังตามเก็บรูปมาให้ท่านดูในโอกาสต่อไป น่าจะ เป็นลักษณะมงคลที่ดีอีกแบบหนึ่ง

    "๙ ลักษณะนาฬิกาที่เป็นมงคลตามตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงความเชื่อในส่วนหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วยังคงมีมากกว่านี้ ที่หลายท่านมองเห็นในสิ่งที่ดีที่เป็นมงคลของนาฬิกา ในท้ายสุดของปีเรื่อง ของสิริมงคลน่าจะเป็นเรื่องที่น่าพูดถึงกับทุกท่าน มากที่สุด" ช่างอั๋น กล่าวทิ้งท้าย


    เราจะแบ่งออกตามกลไกการทำงานของมันได้เป็นสองกลุ่มใหญ่คือ


    A.กลุ่มนาฬิกากลไก หรือ นาฬิกาจักรกล หรือ Mechanical Watch พวกนี้คือนาฬิกาที่ใช้การเคลื่อนไหวของฟันเฟืองต่างๆ โดยแรงขับจากลานสปริง เป็นนาฬิกาที่มีมานานหลายร้อยปีแล้ว พวกนี้แบ่งย่อยออกเป็นสองกลุ่มคือ


    1.นาฬิกาไขลาน(หรือไขลานด้วยมือ) หรือ Manual Winding พวกนี้คือนาฬิกาดั้งเดิมที่ใช้กันมาโดยอาศัยการไขลานให้สปริงลานตึงขึ้นและเมื่อสปริงคลายตัวก็ใช้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนนาฬิกาให้เดิน


    2.นาฬิกาออโตเมติค หรือนาฬิกาไขลานอัตโนมัติ (หรือไขลานด้วยตัวเอง)(Automatic winding )หรือ Selfwinding หรือ ค่าย Rolex เรียกมันว่า Perpetual (หมายถึงตราบใดที่ยังใส่ก็ยังเดินตลอดไป) พวกนี้จะมี Roter คอยเหวี่ยงเข้าลานให้ เราตลอดเวลาที่สวมใส่ หรืออยู่ในเครื่องหมุนเข้าลานนาฬิกา(Watch Winder) นาฬิกาพวกนี้เวลาเขย่าเบาๆ จะได้ยินเสียง Roter มันสั่นหรือหมุนให้ได้ยิน


    B.กลุ่มคือนาฬิกาควอทซ์ หรือนาฬิกาอีเลคทรอนิค หรือนาฬิกาที่ใช้แบตตารี่ หรือที่อจTommy แห่ง Siam Naliga เรียกว่านาฬิกาใส่ถ่าน พวกนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นตัวหมุนเข็มให้เดินบอกเวลา หรือ รายงานผลผ่านจอ LCD หรือ หลอดไฟ LED และพวกนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าบางส่วนส่งผ่านผลึกควอทซ์ แล้วรับสัญญาณความถี่ กลับออกมาให้ ไมโครโพเซสเซอร์ประเมินออกมาเป็นเวลา เพื่อควบคุมการเดินของเข็ม นาฬิกาพวกนี้ให้ความเที่ยงตรงสูง แถมราคาค่อนข้างถูกเพราะว่าชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคในปัจจุบันทำได้ครั้งละเป็นจำนวนมากๆ ทำให้ราคาไม่ค่อยแพง แต่ว่าไม่ค่อยได้รับความนิยมนิยมกันในหมู่นักเล่น นาฬิกามากนัก


    ปัจจุบันนาฬิกาในกลุ่มนี้ บางรุ่น จะมี Roter เหวี่ยงหมุนตามการเคลื่อนไหวเวลาใช้งาน คล้ายกับนาฬิกาออโต้เมติค แต่แทนที่จะเหวี่ยงเข้าลาน มันกลับเป็นการเหวี่ยงเพื่อชาร์ตประจุไฟฟ้าไปเก็บไว้ในตัวเก็บประจุไฟฟ้า แล้วนำพลังงานไฟฟ้านี้ไปใช้กับระบบอีเลคทรอนิคแทนแบตเตอรี่ปกติ นาฬิกาพวกนี้คนที่บุกเบิกก็คือ Seiko ที่เรามักเรียกระบบนี้ตาม Seiko ว่า นาฬิกา " K i n e t i c "


    นาฬิกาQuatz ในปัจจุบันยังมีการนำพลังงานจากแหล่งอื่นมาใช้ร่วมด้วยอีก เช่นใช้ Solar Cell ชาร์ตประจุไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ มาใช้เป็นต้น รวมไปถึงพวกนาฬิกา ที่ใช้พลังงานจากแรงกดอากาศ ที่ต่างกันก็มี


    ล่าสุดในปัจจุบันยังมีนาฬิกา อีกระบบ ที่อยู่ตรงกลาง เป็นการผสมผสาน ระหว่าง นาฬิกาควอทซ์ และ นาฬิกาจักรกล นั่นคือ " S p r i n g D r i v e " จากค่าย Seiko เช่นกัน โดยมันเป็นนาฬิกาที่ขับเคลื่อนเฟืองและเข็มให้เดินด้วยลานเหมือนนาฬิกาจักรกลไขลานธรรมดา แต่ว่าพลังงานบางส่วนจากสปริงลานนี้จะถูกนำไปหมุนตัว Dynamo ขนาดจิ๋ว สร้างเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อป้อนให้ผลึก Quatz เพื่อนำสัญญานความถี่นั้นมาคำนวนเป็นเวลา เพื่อควบคุมการเดินของเข็มอีกที ซึ่งจะได้ความแม่นยำเที่ยงตรงสูงมากขึ้น


    เปรียบเทียบความนิยม


    หลายคนอาจจะรู้สึกว่าแปลก ที่ทำไมนาฬิกาจักรกล ซึ่งแพงกว่า เที่ยงตรงน้อยกว่า นาฬิกาควอทซ์ จึงได้รับความนิยมจากนักสะสมมากกว่า


    ในราวประมาณ สามสิบ ถึง สี่สิบปีก่อน เมื่อทางค่ายญี่ปุ่นคิดค้นนาฬิกาควอทซ์ ขึ้นมาได้ ตอนนั้นหลายคนคิดว่า นาฬิากาจักรกลคงถึงกาลอวสานปิดฉากลงได้แล้ว เพราะว่าความเที่ยงตรง และราคาที่ถูกกว่ามากมายเหนือกว่านาฬิกาจักรกล ที่ทำด้วยมือจากสวิสต์ (และหลายค่ายในสวิตซ์ก์ปิดตัวเองจริงๆด้วย)


    แต่เมื่อผ่านเวลาแห่งความตื่นเต้นกับนวัตกรรมใหม่ไประยะนึงแล้ว คนเริ่มหันกลับหานาฬิกาจักรกลเพื่อนเก่า


    เหตุผลก็คือนาฬิกาจักรกล จะอาศัยกลไกที่ซับซ้อน ออกแบบให้ทำงานต่อเนื่อง และใช้ฝีมือในการทำปราณีตมากกว่า นาฬิกาควอทซ์ ซึ่งแค่ส่งสัญญานไฟฟ้าเข้าไปในผลึกควอทซ์ แล้วรับความถี่ออกมา แล้วใช้คอมประมวลผล ก่อนส่งไปควบคุมการหมุนของเข็ม ซึ่งทุกอย่างค่อนข้างสำเร็จรูป และตายตัวไปหมด


    ยิ่งพวกฟังชั่นพิเศษต่างๆ พวกการจับเวลา หรือ ตั้งปลุก หรือปฏิทิน นี่ง่ายมากสำหรับพวกควอทซ์ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ นาฬิกาจักรกล ต้องอาศัยการดีไซน์กลไกซับซ้อน แบบสุดยอดเลย


    ข้อเหนือกว่าอีกอย่างคือนาฬิกาจักรกล เป็นกลไก Mechanic ล้วนๆ ไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า ทำงานได้ด้วยตัวของเอง ไม่ต้องคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่ อาจจะต้องการเพียงแค่การทำความสะอาด และหล่อลื่นเล็กน้อย นานๆครั้งเท่านั้น ทำให้ความคงทนสูงกว่าพวกควอทซ์ซึ่งมีแบตเตอรี่และวงจรอีเลคทรอนิคส์ ซึ่งพวกนี้นอกจากต้องคอยเปลี่ยนถ่านให้มันตอนหมดแล้ว ถ้าเผลอปล่อยให้มันหมดทิ้งในเครื่อง บ่อยครั้งที่แบตที่หมดอายุเสื่อมและเน่าในเครื่องทำให้เสียหายได้


    อีกเหตุผลนึงที่คนเล่นนาฬิกาจักรกลชอบก็คือ เสียงกลไกของนาฬิกาจักรกลที่มันเดินขยับเคลื่อนไหว มันดังเหมือนกับจะบอกให้รู้ว่ามันมีชีวิต กำลังทำงานอยู่ ไม่เหมือนควอทซ์ ซึ่งค่อนข้างจะเงียบเฉย เย็นชา กับเจ้าของ เหลือเกิน :p


    สรุป ก็คือ แต่ถ้าพูดเรื่องราคาและความคุ้มค่า ตลอดจนความเที่ยงตรง แน่นอนนาฬิกาควอทซ์ คุ้มค่ากว่ามากในด้านเศรษฐศาสตร์


    แต่ถ้าด้านจิตใจ หลายคน ที่เป็นแฟนพันธ์แท้นาฬิกา หรือแม้แต่แฟนพันธ์เทียมอย่างผม ยังรัก นาฬิกาจักรกล มากกว่า ควอทซ์ กันเป็นส่วนใหญ่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1240027.jpg
      P1240027.jpg
      ขนาดไฟล์:
      221.7 KB
      เปิดดู:
      4,478
    • P1230903.jpg
      P1230903.jpg
      ขนาดไฟล์:
      232.8 KB
      เปิดดู:
      4,393
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  13. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน...
    [​IMG]
    ทัศนียภาพรอบเมืองในยามเย็น
    [​IMG]
    ในอ้อมกอดแห่งเขาสูง
    [​IMG]
    แม่น้ำยวมไหลผ่าน
    [​IMG]
    พระธาตุจอมทอง
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    พระธาตุจอมกิตติ
    แม้จะอยู่บนเขาสูง...ก็อาจมีความเสี่ยง...ดินยุบ

    มุมมองผ่านลานเจดีย์พระธาตุจอมกิตติ หนึ่งในพระธาตุสี่จอม(จอมแจ้ง,จอมมอญ,จอมทองและจอมกิตติ)
    ได้เคยถวายพระบรมฯครบทุกวัดแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  14. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ผมได้รับแล้วเมื่อวาน ต้องขอบคุณท่านสมบัติมากครับ
    แต่แม่บ้านของผม เธอได้ยึดเอาไปเป็นสมบัติของเธอเสียแล้ว ผมต้องเสียสละทุกครั้งคราไปครับ เพราะความสวยงามและความขลังของเพ็ชรตาเสือแท้ๆ
    ส่วนของครูชาติผมจะนำไปให้ท่านในเร็วๆนี้ครับ
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ต้องให้สิทธิท่าน ผบ.ทบ เสมอ เพื่อความคล่องตัวในทุกเรื่องเนาะ
    ใครมีปัญหาอยู่...ทดลองตามท่านนนต์ดูเบิ่งเด้อ...

    ไม่ทราบว่าหาวหรือเปล่าครับท่าน หึหึ
     
  16. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    มีพลานุภาพแบบไร้ขีดจำกัดติดมาด้วย เพราะท่านสมบัติได้อธิษฐานจิตมาแล้ว ขออนุโมทนาด้วยครับ ใครอย่าไปเผลอจับพลังแบบเต็มเหนี่ยวเข้า เดี๋ยวจะหงายหลังแบบไม่รู้ตัว เดี๋ยวจะไปโทษคนอธิษฐานจิตในภายหลังนะครับ
     
  17. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    หลายคนอาจจะมองว่าผมหายหน้าไปไหน จริงๆ แล้วไม่ได้หายหน้าไปไหนเข้ามาแวะเวียนอ่านกระทู้ทุกๆ วัน แต่มีเวลาไม่ว่างพอจะแสดงความคิดเห็นผมขอเริ่มจาก ธรรมสัญจรครั้งที่ 1 ก็แล้วกันครับ
    [​IMG]
    เส้นทางการเดินทางของเหล่านักรบธรรมจาก ธรรมะสัญจร ครั้งที่ 1 ณ สวนสันติธรรม (เดินทางไปอิสานใต้และภาคตะวันออก) ผมได้ร่วมเดินทางกับพ่อแม่ครูอาจารย์เพื่อไปโปรดญาติธรรมทางภาคตะวันออก และได้พำนัก ณ สวนสันติธรรม (บ้านคุณสันติ) ได้พบเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาฟังธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ขาดสายมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นซึ่งมองดูแล้วทุกคนต่างก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ซึ่งได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว....การไปครั้งนั้นก็ขออนุโมทนา และขอแสดงความยินดีกับคุณสันติและภรรยา ที่ให้บ้านสวนเป็นสถานที่พักและและเป็นสถานที่แสดงธรรมแก่เหล่านักรบธรรมทั้งหลาย บุญกุศลใดท่านท่านเคยทำมาแล้วในอดีตชาติก็ดี และในปัจจุบันชาติก็ดีขอให้บุญนั้นจะเป็นพลปัจจัยให้ท่านได้มรรคผลนิพานด้วยเทอญ....
    [​IMG]
    จากนั้นผมได้ร่วมเดินทางไปธุดงค์กับพ่อแม่ครูอาจารย์ในธรรมสัญญจร ครั้งที่ 2 ณ บ้านคุณสมบัติ อ.แม่สอด จ.ตาก ก็ได้ญาติธรรมของคุณสมบัติ ที่แม่สอด และ ที่จ.แม่ฮ่องสอน แวะเวียนมาฟังธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์เช่นกัน...การเดินทางไปครั้งนี้ได้พบเห็นเหตุการณ์หลายๆ อย่างและก็ได้ธรรมะมาสอนใจตนเองเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สภาวะธรรมที่เกิดกับคุณแม่ชม หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่คุณสมบัติ และคุณบี้ออกอาการเมารถ ทำให้รู้ว่าร่างกายของเราต้องการพักผ่อนอาหารของเขาก็ต้องพักผ่อนจึงจะไปต่อได้ เส้นทาเดินเต็มไปด้วยป่าเขาเส้นทางเดินอันคดเคียว ทำให้ร่างกายรับสถาพไม่ไหวจึงเกิดอาการเมารถ ทำให้ทราบได้ว่าร่างกายไม่ใช่ของๆ เราจริงๆ ทั้งที่ใจของเรายังสู้นั่งภาวนาไปด้วย หากร่างกายเรารับไม่ไหวก็แสดงออกมาอย่างนั้นทำให้เห็นสภาวะธรรมได้เลยว่า กายกับจิตเป็นคนละส่วนกันมันไม่ใช่ของๆ เรา หากเป็นของเราแล้วต้องบอกมันได้....ซึ่งทำให้เราเห็นสภาวะธรรมจริงๆ ดั่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์พยายามพร่ำสอนเราอยู่เสมอว่า "กายกับจิตเป็นคนละซึ่งประกอบมาจากธาตุ 4 และขันธ์ 5 เราไม่สามารถบังคับมันได้" ท่านฝึกให้เราพยายามมองให้เห็นสภาวะธรรมของจริง... ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ก็เหมือนกับการปฏิบัติธรรมภาคปฏิบัติหลังจากเราได้ศึกษาหลักทฤฆฎีจากท่านแล้ว....
    ท้ายที่สุดก็ขออนุโมทนากับผู้ใจบุญ ผู้มีจิตศรัทธาทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมกันเสียสละปัจจัยเป็นค่าพาหนะ ค่าอาหาร และค่าอื่นๆ ในการเดินทางธรรมสัญจร ทั้ง 2 ครั้งนี้ เหล่านักรบธรรมทั้งหลายก็รู้ซาบซึ้งในความคุณงามความดีของท่านทั้งหลาย....ก็ขออนุโมทนาด้วยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณงามความดีทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งอานิสงค์แห่งการประพฤติปฏิบัติธรรมของพวกเราทั้งหลาย รวมทั้งคุณงามความดีที่ท่านได้กระทำมาแล้วในอดีตชาติก็ดี และในปัจจุบันชาติก็ดี จงเป็นพลปัจจัยให้ท่านและครอบครัวจงมีความสุขความเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรม หากท่านประพฤติปฏิบัติธรรมก็ขอให้พระธรรมจงคุ้มครองรักษาท่านให้ท่านได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ....สาธุ....
    ขอให้เจริญในธรรม....
     
  18. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านผมได้ร่วมเดินทางไปกับพ่อแม่ครูอาจารย์เพื่อเยี่ยมพ่อตา (คุณพ่อของพ่อแม่ครูอาจารย์) ที่ป่วยเป็นโรคใส้เลื่อน หมอก็นัดผ่าตัดวันเสาร์ แต่แล้วท่านก็หายราวกับปราฏิหารย์ เพราะได้ท่านยาต้มสูตรของคุณพิเชษฐ์ (ใบขี้เหล็ก 1 กำมือใช้เตาถ่านต้มในที่แจ้ง) สรุปแล้วท่านก็หายเป็นปกติไม่ต้องผ่าตัดและได้ไปยกเลิกห้องที่จองไว้กับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว....
    เมื่อเหตุการณ์ออกมาอย่างนี้คณะเดินทางของพวกเราก็ไม่ต้องรีบขณะเดินทางไปจังหวัดหนองคายจึงมีเวลาเหลือ และพวกเราก็ได้แวะไปกราบพระมหาเจดีย์ และอัฐิของหลวงพ่อทูล ที่วัดป่าบ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อดุรธานี
    [​IMG]
    พระมหาเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา
    [​IMG]
    รูปหลวงพ่อทูลขณะทำความเพียร เพื่อบรรลุธรรม ที่จังหวัดเชียง ช่วงปี พ.ศ. 2512
    [​IMG]
    ภาพถ่ายภายในพระมหาธาตุเจีดีย์
    [​IMG]
    กุฏิที่หลวงพ่อทูลบรรลุธรรมมีลักษณะเป็นอย่างนี้ ซึ่งท่านได้บรรลุธรรมในปี พ.ศ. 2516 แสดงให้เราเห็นได้ว่าธรรมะต้องไปเอาในป่า และอยู่ในที่ไม่มีความสะดวกสบาย....
    หลวงพ่อทูลท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อบุญมา และหลวงปู่ขาว หลวงพ่อทูลท่านเป็นคนที่มีปัญญามาก ท่านเขียนหนังสือธรรมะหลายเรื่องส่วนมากเน้นทางปัญญา ผลก็ได้ร่วมทำบุญกับท่าน และได้บูชาหนังสือธรรมะและซีดีธรรมะของท่านมาอ่านและมาฟังด้วย...หลายๆ ได้ฟังธรรมะของท่านแล้วทำให้มีกำลังใจมาก...วันหลังหากมีคนสนใจผมจะค่อยๆ นำธรรมะของท่านมาลงต่อไปครับ.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010640.JPG
      P1010640.JPG
      ขนาดไฟล์:
      122.9 KB
      เปิดดู:
      4,110
    • P1010649.JPG
      P1010649.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142.6 KB
      เปิดดู:
      72
    • P1010653.JPG
      P1010653.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127.8 KB
      เปิดดู:
      2,411
    • P1010656.JPG
      P1010656.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.7 KB
      เปิดดู:
      1,746
    • P1010667.JPG
      P1010667.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149 KB
      เปิดดู:
      1,835
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    โมทนาสาธุ :cool:
    [​IMG]
    ขอนอบน้อมบูชาคุณถึง...หลวงพ่อทูล ขิปปปุญโญ
    กราบ กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  20. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...