ทำไมผู้วิเศษไม่ออกมาเตือนภัยพิบัติล่วงหน้าที่เกิดขึ้นจริง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สมภพ, 26 พฤศจิกายน 2011.

  1. มาพบพระ

    มาพบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    643
    ค่าพลัง:
    +1,973
    เคยอ่านเรื่องพระวิฑูรกุมารยกทัพไปตีเมืองกบิลพัสต์ ชนะแล้วเดินทางกลับเมื่อง ระหว่างทางเห็นริมน้ำทำเลน่าพักทัพ จึงสั่งให้ทหารพักทัพในที่นั้น ตกดึกทหารบางคนนอนชายหาดรู้สึกมดกัด จึงย้ายขึ้นไปนอนบนบก ทหารบางคนนอนบนบก รู้สึกมดกันลงไปนอนชายหาด เช้ามืดน้ำป่าบ่ามาท่วมทหารชายหาดตายหมด อยู่บนบกรอดตาย กรรม ๆ ๆ กรรมของสัตว์จัดสรรให้เป็นไป
     
  2. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    เสีย...มากกว่า...ได้

    คนที่มีความสามารถพิเศษนั้นมีอยู่จริงครับ แต่เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่สามารถนำมาออกมาเผยแพร่เป็นสาธารณะได้ครับ และคนที่จะมีโอกาสไปรู้เรื่องราวแบบนี้ก็ใช่ว่าจะรู้ได้กันทุกคนเหมือนเรื่องทั่วไป เพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุและปัจจัยครับ

    เมื่อตอนกลางปี54 ที่ผ่านมา ผมมีเพื่อนที่แก่กว่าผม 1คน และรุ่นอายุอ่อนกว่าผมอีก 1 คนเป็นคนปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิ ผมได้คุยกับคนสองคนนี้ซึ่งเป็นคนละที่และคนละเวลา แต่สิ่งที่เขาเตือนผมมานั้นตรงกัน เขาบอกว่า ในสมาธินั้น เขาเห็นน้ำมาแรงมากและจำนวนมากด้วย เตือนให้ระวังเรื่องน้ำท่วม แล้วก็เป็นจริง

    และมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อในความสามารถพิเศษของเขาก็คือ 1 ในคนสองคนนี้ เขาบอกผมว่า พระธาตุจะเสด็จมาหาเขา 5 องค์ เขาว่าจะไปซื้อผอบมาใส่บูชา และหลังจากที่ได้ซื้อผอบมาไม่กี่วัน พระธาตุเสด็จมาห้าพระองค์อยู่ในผอบที่เขาพึ่งไปซื้อมานั่นเอง...มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ถ้าคนไม่ได้มีพื้นฐานในเรื่องแบบนี้มาก่อนรับรองได้ว่าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด แถมยังจะไปต่อว่าปรามาสกับคนที่นำเรื่องนี้มาบอกเล่าอีกด้วยว่า เป็นการอุปโลกขึ้นมา (เลยทำให้ตัวเองศีลขาดอีกต่างหากแบบตัวเองยังก็ไม่รู้ตัวอีกต่างหากเพราะขาดสติ)

    ซึ่งเพราะอย่างนี้เองเรื่องบางอย่างจึงไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  3. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    แต่ตามที่ผมติดตามมา
    หลายท่านที่เข้ามาเตือน
    ถูกบ้างผิดบ้าง
    ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง
    แต่มองภาพรวม ผมถือว่าการเตือนในเว็ปพลังจิตนี้สอบผ่านครับ

    แต่คงต้องอยู่ที่ท่านผู้รับข้อมูลข่าวสารแล้วล่ะครับ ว่าท่านจะใช้สติในการพิจารณาเพียงใด
    หากท่านเข้ามาอ่าน แล้วเก็บไปเป็นทุกข์ คงไม่เกิดประโยชน์
    หากมีคนเตือนว่า วัน...เดือน....พ.ศ. .... เวลา.......
    จะเกิดเหตุการณ์.......
    - เมื่อผู้รับข่าวสารนั้น ตื่นตูม โดยขาดสติ คิดแต่ว่าเหตุการณ์ต้องเกิดขึ้นจริง
    เตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ และจิตใจหมกมุ่นไม่ปล่อยวาง
    เมื่อถึงวันเวลาดังกล่าว เหตุการณ์ไม่เกิด ก็โวยวาย หาว่าหลอกบ้าง
    หาว่าสร้างความแตกตื่นบ้าง อย่างงี้คงไม่ค่อยดีครับ
    คนที่ออกมาเตือนเสียครับ เสียความรู้สึก

    เราจึงควรรับรู้ข้อมูลข่าวสารการเตือนภัยพิบัติต่าง ๆ อย่างใช้สติ พิจารณาให้ถี่ถ้วน
    เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่เราครับ
    แต่รับรู้เพื่อความไม่ประมาท หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงเราจะทำอย่างไร???
    หากไม่เกิดเราเสียหายอะไร????

    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่มีอะไรหรอกที่จะถูกต้องทุกอย่าง หรือผิดไปหมดทุกอย่าง
    ไม่มี 100% หรือ 1000%
    เพราะทุกอย่าง ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    เหมือนกับในคราวที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงนิมิตโอภาสถึง ๑๖ ครั้ง ก่อนปลงสังขาล หวังจะให้พระอานนท์ ทูลขอให้พระองค์มี ชีวิตอยู่ต่อไป จะได้แสดงธรรมะสั่งสอนมนุษย์ทั้งหลายได้อีก ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    แต่พระอานนท์ก็ยังทรงนิ่งเฉยมิได้ล่วงรู้ถึงนิมิตโอภาสนั้น

    ทั้ง ๆ ที่พระบรมศาสดาเคยตรัสว่า หากผู้ใดเจริญอิทธิบาท ๔ ผุ้นั้นจะสามารถมีอายุอยู่ได้ถึง 1 กัปป์ หรือกว่านั้น แต่มารยังดล ให้พระอานนท์หลงลืมเรื่องสำคัญเช่นนั้นได้

    นับประสาอะไรกับพวกเรา มนุษย์ธรรมดา แม้มีผู้กล่าวเตือน หรือช่วยเหลือเพียงใด
    หากถึงที่ ถึงเวลา ก็คงต้องเป็นไปตามกรรม อย่างที่หลาย ๆ ท่านเรียกว่า กรรมจัดสรร
     
  4. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    ส่วนตัวผมคิดว่า คำว่า "ปรามาส" คำนี้

    อาจจะมีบางคนบางกลุ่มใช้เป็นเกราะกำบังเพื่อป้องกันการตักเตือน-ติเตียน ของผู้ซึ่งพอที่ชี้ให้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริงอื่นๆ

    ปัญหาคือว่า เราสามารถจะแยกแยะได้หรือไม่ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ

    มิเช่นนั้นห้องเตือนภัยพิบัติก็มิผิดอะไรกับคำนำนิยายสามก๊ก ที่กล่าวว่า

    "จริงเจ็ด-เท็จสาม"

    ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับการเตือนภัยพิบัติ ผมมองว่า

    เมื่อคุณได้รับการเตือนภัยจากครูบาอาจารย์-ผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์ แล้ว ก่อนที่คุณจะโพสคุณควรจะมีข้อมูลอื่นๆหรือหลักฐานที่สนับสนุนหรือเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ ซึ่งผมมองว่าจำเป็นอย่างมาก อย่าเพิ่งรีบโพสจนเกินไป ...

    ขนาด ดร.สมิทธ, ดร.อาจอง ท่านเตือนภัยพิบัติท่านยังนำเสนอข้อมูลในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ คุณก็ไม่จำ้เป็นต้องเป็นแบบท่านทั้งสองก็ได้ เพียงแต่ หาข่าว บทความ ที่สนับสนุน

    เช่น

    จะเตือนแผ่นดินไหววันนั้นวันนี้ อย่างน้อยอ้างอิงแผนที่ดาวเทียม+แนวรอยเลื่อนที่อาจมีผล+สถิติที่ผ่านมา+ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งคิดว่าคงหากันไม่ยากสักเท่าไหร่นัก

    ผมเชื่อเรื่อง กรรม-บุญ-บาป และก็เชื่อในเรื่อง ประมาท-เจตนา ด้วยครับ

    การจงใจสร้างความเข้าใจผิด-การเห็นผิด ก็มิผิดอะไรกับการสร้าง มิจฉาทิฐิ ให้บังเกิดแก่บุคคลทั้งหลายเฉกเช่นกัน

    สำหรับผมเห็นว่า ตราบใดเรายังไม่ได้รับคำตอบว่า บทความเตือนภัยพิบัตินั้นจริงหรือเท็จ ก็ให้มองเห็น "ประโยชน์" จากบทความเตือนภัยพิบัติทั้งหลายเหล่านั้นแทนว่าเป็น การฝึกฝนสติ อีกแนวทางหนึ่ง ...

    ภัยพิบัติจะเกิดหรือไม่เกิด คุณก็ไม่ต้องอพยพอยู่ที่ไหนหรอก ... ที่เดียวที่ปลอดภัยที่สุด คือ "ปัจจุบัน" ... "อยู่กับปัจจุบัน" (ท่องและทำไว้บ่อยๆ) เดี๋ยว "สติ" จะเดินมาเคาะประตูบ้านเข้ามาหาคุณเอง ไม่ต้องไปขวนขวายหาที่ไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  5. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    เห็นด้วยอย่างแรงครับ:cool::cool:
    แต่ผมเองความรู้ยังด้อยเร่งศึกษา
    จึงไม่อาจรู้ได้ว่า ท่านใดถึงระดับใดแล้ว
    การที่จะเลี่ยง ไม่ปรามาสใคร
    น่าจะปลอดภัยกับตัวผมครับ

    (ไม่เห็นด้วยกับใคร ผมเลือกเก็บไว้ในใจผู้เดียว)
     
  6. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    สาธุครับ

    ขอโทษด้วยครับที่ผมเห็นแย้งกับคุณบวรทัต

    คือผมคิดว่า ถ้าเราไม่เห็นด้วยกับใครในบางเรื่องผมว่าก็น่าจะแลกเปลี่ยนกันได้ โดยใช้หลักของเหตุและผลเป็นตัวกำกับน่ะครับ ผมมีความเชื่อว่าเรามิอาจเห็นด้วยกับใครไปได้ในทุกๆเรื่อง เพราะสติปัญญาบารมีที่ต่างสั่งสมกันมานั้นแตกต่างกันตามลำดับขั้น บางทีบางครั้งเราสติปัญญามีน้อย มองบางอย่างไม่ลึกซึ้งเท่ากับคนที่มีปัญญาสูง ถ้าเราได้เปิดโอกาสแลกเปลี่ยนกันก็สามารถที่จะได้รับคำชี้แนะจากผู้ที่มีปัญญาสูงกว่าเพื่อนำมาปรับปรุงให้เห็นถูกต้องยิ่งขึ้นน่ะครับ ผมขอเว้นไว้สำหรับคำสอนของพระพุทธองค์ ผมคิดว่าเชื่อได้ทุกเรื่อง

    และอีกนัยะนึงที่ผมต้องการสื่อก็คือ บางครั้งเราก็สามารถจะประเมินระดับคุณธรรมได้จากการพบปะพูดคุยอย่างคร่าวๆซึ่งเราก็จะสามารถรู้ได้ว่าคนที่เราสนทนาอยู่ด้วยนั้นมีสติปัญญาอยู่ในระดับไหน (แต่เรื่องระดับขั้นของความรู้พิเศษของผู้อื่นนั้นตัวผมเองไม่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองเป็นแน่แท้ต้องอาศัยครูบาอาจารย์)

    คุณพระรักษาครับ
     
  7. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    ที่ผมบอกว่าเห็นด้วยอย่างแรง ก็ตรงนี้ครับ

    ส่วนตัวผมคิดว่า คำว่า "ปรามาส" คำนี้

    อาจจะมีบางคนบางกลุ่มใช้เป็นเกราะกำบังเพื่อป้องกันการตักเตือน-ติเตียน ของผู้ซึ่งพอที่ชี้ให้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริงอื่นๆ

    ปัญหาคือว่า เราสามารถจะแยกแยะได้หรือไม่ว่าสิ่งใดปลอมสิ่งใดเท็จ

    มิเช่นนั้นห้องเตือนภัยพิบัติก็มิผิดอะไรกับคำนำนิยายสามก๊ก ที่กล่าวว่า

    "จริงเจ็ด-เท็จสาม"​

    และสำหรับคำสอนของพระพุทธองค์ ผมคิดว่าเชื่อได้ทุกเรื่องเช่นกัน

    และผมเองก็มองในแง่ดี
    ว่าผู้ที่ออกมาเตือน ต้องมีเจตนาดี
    เชื่อไว้ก่อน แต่ไม่งมงาย แล้วเก็บมาคิดพิจารณา
    จึงไม่คิดอคติกับผู้ออกมาเตือน และไม่คิดจะปรามาสใครครับ

    ขออภัยอย่างมากนะครับ
    หากความเข้าใจของผมผิดพลาดประการใดโปรดอภัย
    และขอบพระคุณอย่างสูงที่ให้การชี้แนะครับ
     
  8. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,197
    อ่านเรื่องหลวงปู่เกลี้ยง วัดโนนแกด ศรีสะเกษ เมื่อปี 2551 หลวงปู่บอกว่ากรุงเทพฯจะจมน้ำ 3 เมตร ปี 2554 ก็จมน้ำ 3 เมตรจริงๆ
     
  9. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    สำหรับคำถามที่ จขกท. ตั้งขึ้นมา
    ผมพอเข้าใจเหมือนกัน
    เพราะผู้ที่รู้ที่เห็น (จนคนทั่วไปเรียกท่านเหล่านั้นว่าผู้วิเศษ)
    แสดงว่าท่านปฏิบัติได้ขั้นสูง
    เมื่อออกมาพูดในสิ่งที่เหลือเชื่อ สิ่งที่คนสามัญทั่วไปไม่สามารถเห็นได้
    แน่นอนต้องมาทั้งคนเชื่อ และคนไม่เชื่อ
    แต่จะหนักตรงที่คนไม่เชื่อ และไปเผลอปรามาสเข้า
    ท่านคงไม่อยากให้บุคคลเหล่านั้นเกิดกรรมครับ

    ส่วนใหญ่ที่มีการออกมาเตือน
    มักจะเป็นศิษย์ หรือบุคคลใกล้ชิด ของท่านเหล่านั้น
    เพราะเจตนาดีที่อยากช่วยให้ผู้อื่นรอด
     
  10. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    แฮะ...แฮะ โทษทีครับ ผมต่อยไม่ตรงเป้าเองครับ

    ที่ผมโพสว่าเห็นแย้งนั้น ก็แค่เฉพาะตรงข้อความเล็กๆของคุณบวรทัตเท่านั้นเองครับ"(ไม่เห็นด้วยกับใคร ผมเลือกเก็บไว้ในใจผู้เดียว)"
     
  11. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    ขอบคุณครับที่กรุณา..ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
     
  12. มาพบพระ

    มาพบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    643
    ค่าพลัง:
    +1,973
    อยู่ที่ไหนก็หนีกฏของกรรมไม่พ้น หนีไปบนอยู่ปราสาทชั้นที่ 7 ยังต้องวิ่งลงให้แผ่นดินสูบ นั่งแคร่ไปขอพบพระพุทธเจ้า เท้าถึงพื้นก็โดนแผ่นดินสูบ กฎของกรรมให้ผลแน่นอนและไม่ผิดคนแน่นอน ยึดมั่นในพระรัตนตรัยอยู่รอดได้ อยู่ไม่รอดไปสวรรค์ (ไม่ใช่นครสวรรค์) ไปพรหม ไปนิพพาน
     
  13. คนบรรพต

    คนบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,456
    ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ครับผม
    เพราะท่านละ ท่านวางแล้ว ท่านก็เลยไม่พูด
     
  14. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    :cool::cool::cool:

    ถ้าใครคิดได้เช่นนี้...คลายความทุกข์ได้มากครับ
     
  15. 90

    90 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +67
    อุบัติการณ์ใดๆ เกิดจากการประกอบกันของกรรมต่างๆทั้งดีและไม่ดี ความผันแปรจึงมีมากยากที่จะกำหนดเวลาได้แน่นอน ถ้าเราอยากให้เหตุร้ายเกิดขึ้นช้าลงกว่าเดิม ให้หมั่นสร้างกรรมดีให้มากๆ แต่ในสถานะการณ์ปัจจุบัน คงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ พยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ในที่มีคนบาปมากๆนะครับ หมั่นรักษาศีลเอาไว้จะแคล้วคลาดปลอดภัย
     
  16. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    อนุโมทนา...ครับ

    ท่านกล่าวไว้ชอบแล้ว...:cool:
     
  17. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ถ้ามาเตือนก่อนแล้วรับมือทัน มันจะสนุกอะไรล่้ะ

    [​IMG]
     
  18. ฐาปานีย์

    ฐาปานีย์ ปลูกด้วยรัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +400
    เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ
    ภาพน้ำที่ท่วมถนน นิมิตรเกิดมาแรมปี ซ้ำๆบ่อย เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้
     
  19. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    ผู้วิเศษ คืออะไร ละ :boo:ถึงจะมาเตือน
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ไม่ต้องผู้วิเศษวิโสที่ไหนหรอก คนธรรมดาหาข้อมูลมาดู ก็รู้ได้ เพราะประวัติศาสตร์ มันก็ซ้ำรอยเดิมๆ เหมือนแฟชั่นนั่นแหละ พอครบรอบ รึถึงเวลาของมัน ก็จะเวียนกลับมาอย่างเก่าอีก

    แผ่นดินไหวที่โยนกนคร
    www.reurnthai.com/index.php?topic=4310.0;wap2

    [​IMG]

    นักโบราณคดีชาวบ้านแบบผม ได้กลับไปค้นคว้าประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงราย และพบว่า ในแถบนี้สมัยโบราณ กว่า 700 ปีมาแล้ว ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาแล้วหลายครั้ง


    การบันทึกประวัติศาสตร์ในสมัยก่อน คุณพ่อผม ได้เคยบอกเล่าไว้ว่า การจะสืบค้นประวัติศาสตร์เก่าๆให้ตามดูตำนาน หรือเรื่องเล่า เพราะเป็นหนึ่งในการบันทึกประวัติศาตร์ในรูปแบบเรื่องเล่า เช่น ประวัติเมืองเชียงแสน (ทิศเหนือของ อ.เมืองเชียงราย)

    เวียงหนองหล่ม ตั้งอยู่ที่เขตติดต่อระหว่างตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน กับตำบลจันจว้าอำเภอแม่จัน จากหลักฐานที่ได้จากการสำรวจ สันนิษฐานว่า อยู่ระหว่างยุคหินใหม่ ถึงไม่เกินพุทธศตวรรษที่ ๑๙


    ตำนานและพงศาวดารหลายเล่มกล่าวตรงกันว่า เจ้าชายสิงหนวัติ พาผู้คนมาหาที่ตั้งเมือง พอมาถึงแม่น้ำโขง ก็พบนาคจำแลงเป็นชาย มาบอกสถานที่สร้างเมือง จึงตั้งเมืองโยนกนาคพันสิงหนวัติ โดยเอาชื่อองค์ผู้สร้างเมืองรวมกับชื่อนาค หรือโยนกนครหลวง
    มีกษัตริย์ปกครองสืบจนถึงสมัยพระเจ้ามหาไชยชนะ


    ต่อมา ผู้คนจับปลาไหลเผือกได้ที่แม่น้ำกก จึงนำมาแบ่งกันกินทั่วเมือง เว้นแต่หญิงม่ายนางหนึ่ง ไม่มีลูกหลานไม่มีใครให้กิน ตกกลางคืน เกิดแผ่นดินไหว เมืองถล่มลง เหลือแต่บริเวณบ้านของหญิงม่าย จึงเรียกน้ำนั้นว่าเกาะแม่ม่าย และเรียกเมืองนั้นว่าเวียงหนองล่ม หรือเวียงหนอง


    จากโครงการอนุรักษ์เมืองโบราณและประวัติศาสตร์เชียงแสน มีการสำรวจพื้นที่ของเวียงหนองล่มหลายครั้ง


    เกาะดอนแท่น หรือเกาะหลวง เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความคลุมเครือในเรื่องสถานที่ตั้ง แต่มีปรากฏในตำนานและพงศาวดารหลายเล่ม ต่างกล่าวตรงกันว่า


    เมื่อพระเจ้าแสนภูสร้างเมืองเชียงแสน ทรงประทับอยู่ในวังบนเกาะดอนแท่น ที่บริเวณหน้าเมืองเชียงแสน จนสวรรคต และตั้งพระบรมศพบนเกาะดอนแท่นระยะหนึ่ง


    นอกจากนี้ เกาะดอนแท่นยัง มีความสำคัญในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาด้วย กล่าวคือ สมัยพระเจ้ากือนาครองเมืองเชียงใหม่ ทรงนำพระสีหลปฏิมาทำพิธีอภิเษกพระบนเกาะดอนแท่น แล้วนำไปประดิษฐานไว้ ณ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงราย


    ราว พ.ศ. ๑๙๒๖ พระมหาเถรเจ้าศิริวัง นำเอาพระพุทธรูปสององค์ เรียกว่า พระแก้วและพระคำ มาสร้างเป็นวัดพระแก้ว และวัดพระคำบนเกาะดอนแท่น


    สมัยพระเจ้าอติโลกราช ทรงให้ร้อยขุนกับสิบอ้านนิมนต์พระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์องค์หนึ่งจากจอมทอง เมืองเชียงใหม่ ที่เอามาจากเมืองลังกา มาประดิษฐานไว้ที่เกาะดอนแท่น พร้อมทั้งปลูกต้นโพธิ์ไว้ด้วย เป็นที่เคารพสักการะของชาวเชียงแสน


    ต่อมา เกาะดอนแท่น พังทลายลงในแม่น้ำโขง เมื่อใดไม่มีผู้ใดทราบ เนื่องจาก เมืองเชียงแสนร้างไป ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงรัชกาลที่ ๕ จึงฟื้นฟูขึ้นมาเป็นบ้านเมืองอีกครั้ง


    ส่วนพระแก้วพระคำนั้นมีผู้สันนิษฐานว่า พระแก้วนั้น อาจจะไปอยู่กับผู้อพยพชาวไทยวนเมืองเชียงแสน ไปอยู่ที่เมืองลำปาง สำหรับพระคำ ไม่มีปรากฏว่าไปอยู่ที่ใด


    เคยมีการสำรวจหาที่ตั้งของเกาะดอนแท่นหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกราก น้ำเย็นจัด ประกอบทัศนวิสัยใต้น้ำของแม่น้ำโขง เท่ากับศูนย์ ไม่สามารถมองเห็นใต้น้ำด้วยตาเปล่า


    จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการสำรวจหาที่ตั้งของเกาะดอนแท่น อย่างเป็นทางการ เนื่องจาก แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางแบ่งพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทย - ลาว เมื่อมิได้มีการขออนุญาตอย่างเป็นทางการ การสำรวจไม่สามารถกระทำได้ เพราะจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


    การเกิดแผ่นดินไหวที่เชียงรายนั้น น่าจะเกิดต่อเนื่องกันมานาน


    และโดยเหตุนี้กระมังครับ ที่กว่า 700 ปีมาแล้ว นักสร้างเมืองอย่าง พ่อขุนเม็งรายมหาราชจึงได้ทำการย้ายเมืองถึง 3 ครั้ง


    กล่าวคือ เชียงราย เวียงกุมกาม และ เชียงใหม่ในที่สุด


    ข่าวจากทีวี ช่อง 9 เมื่อค่ำวันที่ 25 มีนาคม 2554 คุณสมิทธ ธรรมสโรช ประธานอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พูดถึงเรื่องแผ่นดินไหวในภาคเหนือว่า ในปี พ.ศ. 2003 เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่เชียงแสน


    และพูดต่อว่า ตรงกว๊านพะเยานั้น เกิดจากแผ่นดินไหว ทำให้ดินยุบตัวลงไปกลายเป็นกว๊านพะเยา

    [​IMG]


    ประวัติศาสตร์น้ำท่วมเวียงกุมกาม
    www.th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A1


    เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณ ที่พญามังราย (พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 โดยโปรดให้ขุดคูเวียงทั้ง 4 ด้าน ไขน้ำแม่ปิงให้ขังไว้ ในคูเมืองโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในเวียงกุมกามและใกล้เคียง เป็นเวียง (เมือง) ทดลองที่สร้างขึ้น


    ก่อนที่จะมาเป็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีระยะห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร


    หลังจากที่พญามังรายได้ปกครองและพำนักอยู่ในนครหริภุญชัย (ลำพูน) อยู่ 2 ปี พระองค์ทรงศึกษาสิ่งหลายๆอย่าง และมีพระราชดำริที่จะลองสร้างเมืองขึ้น เมืองนั้นก็คือ เวียงกุมกาม


    แต่พระองค์ก็ทรงสร้างไม่สำเร็จ เพราะเวียงนั้นมีน้ำท่วมอยู่ทุกปี จนพญามังรายจึงทรงต้องไปปรึกษาพระสหาย นั่นก็คือ พ่อขุนรามคำแหง แห่ง สุโขทัย และ พญางำเมือง แห่ง พะเยา


    หลังจากทรงปรึกษากันแล้ว จึงทรงตัดสินใจไปหาที่สร้างเมืองใหม่ ในที่สุดจึงได้พื้นที่นครพิงค์เชียงใหม่เป็นเมืองใหม่ และ เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรล้านนาต่อมา จึงสรุปได้ว่าเวียงกุมกามนั้น เป็นเมืองที่ทดลองสร้าง


    เวียงกุมกามล่มสลายลง เพราะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่

    โดยช่วงเวลานี้อยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2101 - 2317 ซึ่งตรงกับสมัยพม่าปกครองล้านนา พม่าปกครองล้านนาเป็นเวลาสองร้อยกว่าปี


    แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงเวียงกุมกามทั้งๆ ที่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่นี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากและสมควรที่จะบันทึกไว้ แต่ก็ไม่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ใดเลย


    ผลของการเกิดน้ำท่วมนี้ ทำให้เวียงกุมกามถูกฝังจมลงอยู่ใต้ตะกอนดิน จนยากที่จะฟื้นฟูกลับมา

    สภาพวัดต่างๆ และโบราณสถานที่สำคัญเหลือเพียงซากวิหารและเจดีย์ร้าง ที่จมอยู่ดินในระดับความลึกจากพื้นดิน ลงไปประมาณ 1.50 -2.00 เมตร
    <!-- google_ad_section_end -->__________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...