ทําไงดีครับเมื่อบางครั้งมันมีอารมณ์หื่นๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. ศรีสุทโธ

    ศรีสุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +461
    ต้องถาม จขกท.ก่อนนะว่า อายุเท่าไหร่ ? อยู่ในช่วงวัยไหน ?
    ผ่านการมีครอบครัวมาหรือยัง ?

    คืออาการหื่นเป็นสภาพสัณชาติญาณตามธรรมชาติในการสืบพันธ์..
    จะบอกว่าไม่แปลกจะพบ "อาการหื่น" ในช่วงวัยของการเข้าสู่วัยรุ่น
    หรือ ช่วงวัยทำงานที่จะต้องการสร้างครอบครัว ไม่แปลก ไม่บาปอะไร
    ใครก็เป็นกัน อยู่ที่จะรู้และเข้าใจ รู้เท่าทันอารมณ์ของตน และจัดการ
    ให้เหมาะสม ตามเพศ วัย สถานะของตน

    ประการแรก ถ้าเป็นฆราวาสก็จำเป็นต้องครองเรือน มีครอบครัว เรื่องแบบนี้
    ถือเป็นเรื่องปกติวิสัย คือเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะคนผู้ครองเรือนย่อมบริโภคกาม....

    ไม่ได้ส่งเสริม แต่เพียงบอกว่า อย่ากังวลเกินเหตุไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงมาก
    ตราบเท่าที่ยังมีศีลปกครอง อยู่ในกรอบของศีล...

    จริงอยู่ อาการหื่นขัดขวางต่อการปฏิบัติกรรมฐาน ที่นี้ ตอนที่เราปฏิบัติกรรมฐาน
    ก็ทำกำลังใจเฉพาะหน้า ว่าเราจะมุ่งการงาน(กรรมฐาน)เป็นสำคัญมีแต่การข่มไว้
    ได้บางบางเวลา เพราะผู้ที่ตัดกามกิเลสนั้นได้ มีเฉพาะพระอนาคามีและพระอรหันต์จำพวกเดียวเท่านั้น

    ส่วนวิธีต่างๆ ในการละ การข่ม อาการหื่น มีผู้อธิบายไว้มากมายแล้ว ...ไม่กล่าวซ้ำอีก
    เป็นกำลังใจให้นะครับ...ค่อยๆเรียน ค่อยๆศึกษา ทำความเข้าใจ ไม่ใช่บวชวันนี้แล้วจะ
    สำเร็จ ทำกรรมฐานวันนี้แล้วจะบรรลุก็ใช่ที่

    พระศาสดาของเราท่านทรง "ลองผิด ลองถูก" อยู่นานถึง ๖ ปี กว่าจะสำเร็จพระโพธิญาณ

    เป็นกำลังใจให้นะครับ...สาธุเจริญในธรรม
     
  2. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    หลวงปู่เนตรวัดแหลมสักมั้ยคะ
     
  3. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    "เมื่อจิตไม่คลายออกจากกาม ฌานก็ไม่เกิดขึ้น"

    ต้องตีให้แตกนะ กับรูปประโยคที่หลวงปู่เนตร ท่านนำสอน อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

    นั่นเพราะ ท่านกล่าวถึง ในการทำฌาน
    หากจิตยังไม่คลาย ไปจากนิวรณ์ทั้ง 5 มี "กามฉันทะ" เป็นต้น องค์ฌานก็ย่อมไม่เกิดขึ้น
    จริงอย่างที่หลวงปู่ท่านสอน

    แต่ทีนี้ พระพุทธองค์ท่านกล่าวในองค์มรรค "สัมมาสังกัปปะ" คือ การดำริชอบ ว่า

    "ดูกรกาม เราได้เห็นมูลรากของเจ้าแล้ว เจ้าเกิดจากความดำริ
    เราจักไม่ดำริถึงเจ้าอีกละ เจ้าจักไม่เกิดด้วยอาการอย่างนี้"

    ด้วยว่า ทั้งในสัตว์และสังขาร ในสังสารวัฏท่ามกลางอกเรา
    ยังประกอบไปด้วย "มิจฉาสังกัปปะ" คือ กามวิตก เป็นต้น
    เครื่องแก้ในการดำเนินที่สูงขึ้นไป คือ การดำริชอบใน "เนกขัมมสังกัปปะ"

    พระพุทธองค์ จึงกล่าวว่า กามเกิดจากการดำริ จากการที่ไปหมกหมุ่นพัวพันใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส

    เรานี้ คือ รูป-นาม ที่เกิดจากกามคุณ เป็นที่ตั้งอาศัยแห่งความใคร่ยินดี
    แต่ก็ยังเปอะเปื้อนพัวพันไปกับกามคุณ
    มองไม่เห็นโทษของกามคุณ จึงเกิดทุกข์เข็ญใจ ทนอยู่ไม่ได้
    ร้อนเพราะ ไฟคือ ราคะ กำหนัดกลัดกลุ้ม พาใจให้กำหนัดยินดี จึงก่อล่วงกรรมต่างๆ ขึ้นมา วนไปในสังสารวัฏ

    เป็นสิ่งที่ต้องเพียรอบรมกันต่อไปล่ะ ด้วยฐานกำลังความตั้งมั่นในฌาน และกำลังของสติ ออกพิจารณารู้ความเป็นไปในสังขาร ความคิดความปรุง ในธาตุ ในขันธ์ ในอายตนะ
    จึงจะเป็นการผ่อนปรนเบาบางไปใน กามวิตก ยังจิตให้มีความเห็นถูกยิ่งขึ้นไป ต่อการดำริชอบ
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    จารย์เล่าปังเคยพูดถึง "สมาธิในวิปัสนา" เป็นสมาธิ3 ขั้นภาวนามยปัญญา...1)สุญตสมาธิ2)อนิมิตสมาธิ3) อัปณิหิตสมาธิ ...สมาธิที่เห็นไตรลักษณ์..อย่าง..อนิมิตสมาธิ สมาธิในวิปัสนา ที่เห็น "อนิจลักษณะ" ความไม่เที่ยง ของขันธ์5 ของรูป-นาม ในลักษณะของความเป็นปรมัตถ์...ไม่มีตัวบุคคล สัตว์ หญิง ชาย เป็นเพียง รูป-นามทำกิจซึ่งกันและกัน................ลองค้นดูครับ:cool:
     
  5. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    เคยได้อ่านประวัติครูบาอาจารย์ต่างๆ

    ระหว่างที่ท่านฉันข้าว คำไหนที่ท่านรู้ว่าอร่อย ท่านจะคายทิ้งออกมาเลย

    นั่นก็เป็นอุบายแนวทางหนึ่ง ที่ท่านปฏิบัติ

    เราว่าท่านคายเฉพาะคำข้าว หรือว่าท่านคายอะไรออกมา ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  6. หวันเที่ยง

    หวันเที่ยง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +7
    [​IMG]
     
  7. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    หื่นมันไม่ได้เกี่ยวกับความผูกพันธ์อะไรหรอก ความผูกพันธ์จริงๆก็มาจากความปรุงแต่ง ตามอะไรนั้นก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ที่สุดมาจากความไม่เข้าใจสภาพความเป็นจริงของธรรมโดยเฉพาะความเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ความรักความเมตตามีวาสนาต่อกันมันเป็นเรื่องของสภาพธรรมที่เคยกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งร่วมกันมาแต่โดยพื้นฐานว่าด้วยรูปแล้วผู้ที่ติดอยู่ในรูปก็มักชอบกล่าวว่าถูกชะตาเพราะรูปสวยรูปงาม ผู้ที่ไม่ได้ติดในรูปก็มักกล่าวว่านิสัยใจคอดีงามน่านิยมชมชอบ(ความรู้สึกก็เป็นนามธรรม)ทีนี้สำหรับความเป็นรูปแล้วนั้นก็สังเกตพบว่า คนที่ผูกพันธ์กันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หมกมุ่นในกามเท่าไหร่แต่ถามว่ามีไหมก็มีแต่มันก็เฉพาะกับคนที่ผูกพันธ์กันเท่านั้น ส่วนกับคนอื่นๆทั่วไปนั้นมันดูว่าไม่รู้สึกอันนี้ไม่รู้ว่าบางคนจะเหมือนกันไหม ทีนี้คนที่หื่นเพราะเห็นใครๆแล้วรู้สึกนั้นมันออกจะเป็นอาการของคนติดความสุขที่เกิดจากกาม เห็นแล้วรู้สึกอยากรู้สึกชอบเพราะความปรุงแต่งที่เตลิดเปิดเปิงไปนั้นให้ธรรมารมณ์ที่น่าพิสมัยนัก...จนบางทีก็เลยเถิดไปกลายเป็นก่อภพชาติต่างๆนานาสร้างเวรสร้างกรรมที่เป็นอกุศลกรรมเกิดขึ้นมีมากมายหลายคนเลยทีเดียว...จะกล่าวโดยสรุปว่าความหลงแม้เพียงชั่วขณะมันเพลินก็จริง...แต่เมื่อความมีสติเกิดขึ้นจะรู้สึกถึงความไม่จริง...ไม่จีรังยั้งยืน...ไม่เป็นของน่านิยม...มันคือความคิดความปรุงแต่งเท่านั้นจึงกลายเป็นภพชาติและเกิดเป็นความผูกพันธ์และต้องเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้เพราะความหลงเพราะติดอยู่อย่างนี้อย่างไม่รู้จบและนำมาสู่บุพกรรม วิบากกรรม ซึ่งจะต้องทำการแก้ไขสำหรับคนที่รู้ว่าต้องแก้ไข...แต่คนที่ไม่รู้ก็จะไม่รู้และยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ....แบบไม่รู้จบ ความปรุงแต่งเกิดจากสิ่งใดก็ต้องพิจารณาให้ดีๆ...
    สาธุคั๊บ
     
  8. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    กรรมฐานที่เหมาะสมแก่นิวรณ์

    กามฉันทะ ให้ภาวนากายคตาสติ อสุภะ10 อาหาเรปฏิกูลสัญญา เพื่อทำลายความอยากในกามเสีย

    พยาบาท ให้ภาวนาอัปมัญญาหรือพรหมวิหาร4 วรรณกสิน4 เพื่อเพิ่มความเมตตา

    ถีนมิทธะ ให้ภาวนาอนุสสติ7 คือพุทธานุสสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ อุปสมานุสสติ และอาโลกสัญญา(แสงสว่างเป็นอารมณ์ เพื่อเสริมสร้างศรัทธาและความเพียร

    อุทธัจจะกุกกุจจะ ให้ภาวนากสิน6 คือ ปฐวีกสิน อาโปกสิน วาโยกสิน เตโชกสิน อากาสกสิน อาโลกกสิน เพื่อเพิ่มกำลังสมาธิ

    วิจิกิจฉา ให้ภาวนาจตุตธาตุววัตถาน(พิจารณาธาตุ4) อานาปานสติมรณานุสสติ เพื่อละความสงสัย

    ศีล5ที่สามารถควบคุมนิวรณ์

    พยาบาท ให้ควบคุมด้วย การไม่ฆ่าสัตว์
    อุทธัจจะกุกกุจจะ ให้ควบคุมด้วย การไม่ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้
    กามฉันทะ ให้ควบคุมคุมด้วย การไม่ประพฤติผิดในกาม
    วิจิกิจฉา ให้ควบคุมด้วยการไม่พูดเท็จ
    ถีนมิทธะ ให้ควบคุมด้วย การไม่เสพสิ่งเสพติดอันเป็นเหตุให้ประมาท

    นิวรณ์ - วิกิพีเดีย
     
  9. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    คิดว่าเป็นญาติ เป็นน้องสาว อะไรทำนองนั้น
     
  10. phasusorn

    phasusorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +133
    กามฉันทะ

    ต้องนำวิธีการพิจารณา กามฉันทะ ตามแบบฉบับของหลวงปู่เจี๊ยะ ที่สอนการตัดกามฉันทะ กำหนัด โดยการเพ่งพิจารณาตรงจุดสำคัญ เช่น อวัยวะเพศของผู้หญิง เพ่งพิจารณาไปเรื่อยๆ ถ้าทำได้จิตก็จะวางเฉยจากกามฉันทะ
     
  11. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ตรงนี้ต้องพิจารณาให้ดีๆ ก่อนว่า ที่ได้ยินได้ฟังมา
    หลวงปู่ท่าน อาจอธิบายในขั้นของการพิจารณา เพื่อตัดกามสังโยชน์ เพื่อให้เป็นสมุทเฉทประหาน
    เพราะท่านผ่านการพิจารณาขันธ์ ในแบบหยาบๆ มาแล้ว คือ สักกายะ

    ทีนี้จะให้ปุถุชน เราไปพิจารณาจุดนั้นเลย มีหวังมุดเข้าไปทั้งตัวแน่
    ถอนตัวไม่ขึ้น ยินดีไปในกามฉันทะ เสียเอง

    ขั้นต้นท่านให้พิจารณากาย คือ กรรมฐาน5 (เกสา โลมา....) ให้เป็นสิ่งปฏิกูล
    หรือไม่ก็พิจารณากาย ให้เห็นเป็นโครงกระดูก ให้ชำนิชำนาญก่อน


    อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณาครับ เป็นไปตามจริตวาสนา
    เช่นกัน ผู้หญิงด้วย ไม่ว่าชายว่าหญิง เพราะกิเลสกับธรรม ไม่จำกัดเพศ
    ย่อมซื่อตรงเสมอ ในหัวใจเหล่าสัตว์สังสารวัฏ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ท่านหม้อหุงข้าว
     
  13. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +356
    เข้าไปตัด ฉับ ๆ ไม่ได้
    ตามรู้ ตามกําหนด ให้เห็นถึงเหตุ เเละทําความเข้าใจให้เห็นซึ่ง ธรรมชาติของจิต จริงๆ

    เเล้วตัวรู้ ที่เป็นวิชา จะปรากฎขึ้นเองตามกําลัง ของสติที่มี

    ส่วนวิธีที่นําเสนอไป จึงเป็นทางตรงไม่คดเอียง

    กระโดดเข้าไปทําตามอารมณ์ มีใจที่จะกระทํา ได้ล่วงกระทํา มีผลของการกระทําเป็น สมบัติ เเละมีผลของสติ เป็นตัวรู้

    เเละมีผลของกรรม เป็นตัวชี้ให้เห็น ใน การกระทําของตน จึงเป็นวิธี ที่ดีที่สุดจ๊าาาาาาา
     
  14. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ballbeamboy2
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2011
    ข้อความ: 383
    พลังการให้คะแนน: 52

    ไอ่หื่น
     
  15. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    ตามดูสภาวจิตตอนนั้น มันมีเกิดขึ้น และดับไป
    หากมองเห็นชัดอันนั้นเป็นอนิจจสัญญา คือเห็นว่ามันไม่เที่ยง
    การบังคับจิตทำได้ยาก ตามดูง่ายกว่า

    นอกจากนั้นคือเอาสมถะเข้าข่มไว้ คือเดิน นั่งและตัดการเสพอายตนะอย่าไปเสพกามรูปผ่านทาง อายตนะทั้งหลายอีกแม้กระทั่งทางใจ คือกลับไปนึกคิดอีก เสพธรรมให้มาก เร่งความเพียรด้วยอุบายอื่นๆ เพิ่มความถี่ หาที่สงบสงัดจิตจะได้ไม่ฟุ้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...