ร้องเรียนเว็บไซด์บิดเบือนพระพุทธศาสนาได้ไหมครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Sathuja, 15 พฤศจิกายน 2011.

แท็ก: แก้ไข
  1. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    ไปอ่านเจอเว็บนึงอ้างว่าเป็นพระ เชื่อว่าตายแล้วสูญ นรก สวรรค์เป็นความเชื่อของพราหมณ์ปนมา พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน โดนกล่าวโจมตีประจำ
    แต่ก็เปลี่ยนให้คนเห็นผิดไปมากเลย ดูจากเว็บบอร์ดเขาแล้วนะ อิทธิฤทธิ์ ผีสางเทวดา เป็นเรื่องหลอกเด็ก ผมไปปรามาสประจำ อันนี้อยากรู้ว่ามีกรรมมากไหม ผมคิดว่าพระแบบนี้ไม่สมควรเป็นพระ เขาพ้นสภาพการเป็นนักบวชหรือยัง แล้วเราสามารถแจ้งได้ที่ไหนครับ ทนไม่ได้จริงๆ
     
  2. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕
    มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ - คหบดีวรรค - ๑๐. อปัณณกสูตร
    [พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน]

    [๑๐๕] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้
    มีความเห็นอย่างนี้ว่า

    ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
    การบวงสรวงไม่มีผล
    การบูชาไม่มีผล
    ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี
    โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
    มารดาไม่มี บิดาไม่มี
    อุปปาติกสัตว์ไม่มี
    สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลก

    ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่ง
    มีวาทะเป็นข้าศึกโดยตรงต่อสมณพราหมณ์เหล่านั้น เขากล่าวอย่างนี้ว่า

    ทานที่ให้แล้วมีผล
    การบวงสรวงมีผล
    การบูชามีผล
    ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำชั่วทำดีมีอยู่
    โลกนี้มี โลกหน้ามี
    มารดามี บิดามี
    อุปปาติกสัตว์มี
    สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทำโลกนี้และ
    โลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว มีอยู่ในโลก

    ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน สมณพราหมณ์เหล่านี้ มีวาทะเป็น ข้าศึกโดยตรงต่อกันและกันมิใช่หรือ?

    อย่างนั้น พระเจ้าข้า.

    [๑๐๖] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณ
    พราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า

    ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
    การบวงสรวงไม่มีผล
    การบูชาไม่มีผล
    ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี
    โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
    มารดาไม่มีบิดาไม่มี
    อุปปาติกสัตว์ไม่มี
    สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้า
    ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลกดังนี้

    เป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ
    จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการนี้ คือ
    กายสุจริต
    วจีสุจริต
    มโนสุจริต

    จักสมาทานอกุศลธรรม๓ ประการนี้ คือ
    กายทุจริต
    วจีทุจริต
    มโนทุจริต
    แล้วประพฤติข้อนั้นเพราะเหตุไร
    เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่เห็นโทษ
    ความต่ำทราม
    ความเศร้าหมองแห่งอกุศลธรรม
    ไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะเป็นคุณฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม.

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า
    โลกหน้าไม่มี ความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ.

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดำริว่า โลกหน้าไม่มี
    ความดำริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ.

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าววาจาว่า โลกหน้าไม่มี
    วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา.

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขากล่าวว่า โลกหน้าไม่มี ผู้นี้ย่อมทำตน
    เป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ผู้รู้แจ้งโลกหน้า.

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังผู้อื่นให้เข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี
    การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้นเป็นการให้เข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม
    และเขายังจะยกตนข่มผู้อื่นด้วยการให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรมนั้นด้วย.
    เขาละคุณ คือ เป็นคนมีศีลแล้ว ตั้งไว้เฉพาะแต่โทษ คือ ความเป็นคนทุศีลไว้ก่อนเทียว ด้วยประการฉะนี้. อกุศลธรรมอันลามก เป็นอเนกเหล่านี้ คือ
    มิจฉาทิฏฐิ
    มิจฉาสังกัปปะ
    มิจฉาวาจา
    ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยะ
    การให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม
    การยกตน การข่มผู้อื่น ย่อมมี เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.

    พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ - คหบดีวรรค - ๑๐. อปัณณกสูตร - วิกิซอร์ซ
     
  3. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 151

    [๑๘๑] ดูก่อนภิกษุทั้งกลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ ข้อหนึ่ง
    ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
    หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง
    เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด
    อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น
    และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง.

    [๑๘๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง
    ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป
    ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ
    เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง
    อบาย ทุคติ วินิบาต นรก.


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาทิฏฐิเป็นไฉน ?
    คือ ความเห็นดังนี้ว่า

    ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล ๑
    ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล ๑
    สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผล ๑
    ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว ไม่มี ๑
    โลกนี้ไม่มี ๑ โลกหน้าไม่มี ๑
    มารดาไม่มี (คุณ) ๑ บิดาไม่มี(คุณ) ๑
    สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี ๑
    สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินไปชอบ
    ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
    เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกไม่มี ๑ นี้มิจฉาทิฏฐิ.

    "แล้วเราสามารถแจ้งได้ที่ไหนครับ"

    ตามความเห็นของผม เราไม่มีที่ให้แจ้งหรอกครับ เพราะสมณพราหมณ์ มีความเห็นเป็น สองฝ่ายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้แต่ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการดูแลพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในขณะนี้ ก็มีคนที่มีความเห็นแตกเป็นสองอยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องเลือกปฏิบัติตามสมณพราหมณ์ผู้ที่มีความเห็นถูก ชีวิตเราจึงจะปลอดภัย จากทุกข์ จากโทษทั้งปวง ส่วนผู้ที่ยังเห็นผิืด เราต้องแผ่เมตตา และ ปล่อยวาง จึงจะเป็นผลดีต่อตัวเรา เป็นผลดีต่อการปฏิบัติธรรมของตัวเรา

    [๑๐๘] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ
    พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า
    ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล ฯลฯ
    สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้ชัดแจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง. แล้วประกาศให้รู้ทั่ว มีอยู่ในโลก
    สมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ
    จักเว้นอกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ
    กายทุจริต
    วจีทุจริต
    มโนทุจริต
    จักสมาทานกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ
    กายสุจริต
    วจีสุจริต
    มโนสุจริต
    แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นเห็นโทษ
    ความต่ำทราม
    ความเศร้าหมอง แห่งอกุศลธรรม
    เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะอันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม.

    ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้ามีอยู่
    ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นชอบ.

    ก็โลกหน้ามีจริง เขาดำริว่า โลกหน้ามีจริง
    ความดำริของเขานั้นเป็นความดำริชอบ.

    ก็โลกหน้ามีจริง เขากล่าวว่าโลกหน้ามีจริง
    วาจาของเขานั้นเป็นวาจาชอบ.

    ก็โลกหน้ามีจริง เขากล่าวว่าโลกหน้ามีจริง
    ชื่อว่าไม่ทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า.

    ก็โลกหน้ามีจริงเขาให้ผู้อื่นเข้าใจว่า โลกหน้ามีจริง
    การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้น เป็นการให้ผู้อื่นเข้าใจโดยสัทธรรม
    และเขาย่อมไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่นด้วยการที่ให้ผู้อื่นเข้าใจโดยสัทธรรมนั้นด้วย.

    เขาละโทษ คือ ความเป็นคนทุศีล ตั้งไว้เฉพาะแต่คุณ คือ ความเป็นคนมีศีลไว้ก่อนเทียว ด้วยประการฉะนี้.

    กุศลธรรมเป็นอเนกเหล่านี้ คือ
    สัมมาทิฏฐิ
    สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา
    ความไม่เป็นข้าศึกต่อพระอริยะ
    การให้ผู้อื่น เข้าใจโดยสัทธรรม
    การไม่ยกตน การไม่ข่มผู้อื่น ย่อมมีเพราะสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.
    อปัณณกธรรมที่บุคคลถือไว้ดี

    [๑๘๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ ข้อหนึ่ง
    ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ
    โลกสวรรค์ เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ
    เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์.

    [๑๙๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
    วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
    มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
    เจตนา ๑
    ความปรารถนา ๑
    ความตั้งใจ ๑
    สังขาร ๑
    ของบุคคลผู้มีความเห็นชอบ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่น่าปารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเจริญ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    เปรียบเหมือนพันธุ์อ้อยก็ดี พันธุ์ข้าวสาลีก็ดี พันธุ์ผลจันทน์ก็ดี บุคคลหมกไว้ในดินที่ชุ่มชื่น
    รสดิน รสน้ำที่มันถือเอาทั้งหมด ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นของหวาน น่ายินดี น่าชื่นใจ
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพืชพันธุ์ดี ฉันใด
    กายกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
    วจีกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
    มโนกรรมที่สมาทานให้บริบูรณ์ตามทิฏฐิ ๑
    เจตนา ๑
    ความปรารถนา ๑
    ความตั้งใจ ๑
    สังขาร ๑
    ของบุคคลผู้มีความเห็นชอบ ธรรมทั้งหมดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อผลที่น่า
    ปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ. เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะทิฏฐิเจริญ ฉันนั้นเหมือนกันแล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2011
  4. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
    นิพพานังปัจโยโหตุ
    มาช่วยกันเผยแผ่ธรรมะ
    ของพระพุทธองค์กันนะคะ สู้ๆค่ะ^-^
     
  5. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ผมขออนุโมทนาสาธุ กับญาติธรรมทุกๆท่าน ในบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญมาทั้งหมดทั้งปวงด้วยครับ
     
  6. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    ไม่น่าจะเป็น อวดอุตรินะครับ
    น่าจะเกิดจาก สัญญาวิปลาศ มากกว่าครับ
    เพราะว่าไม่ได้แสดงตน หรือ อวดอ้างคุณวิเศษ
    แต่ว่าเป็น มิจฉาทิฐิ อยู่แล้วครับ

    น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดใน เรื่อง สุญญตาธรรม
    ที่ว่า ตายแล้วเป็น สูญ นั้น
    สูญ ในที่นั้น หมายถึง ไม่มีความปรุงแต่ง ไม่ใช่ สูญไปเลย
    ไม่ใช่ แปลว่า ว่าง เพราะถ้าแปลว่า ว่าง หรือ ช่องว่าง คือ อากาสานัญจายตนะ

    เพราะว่า ตายแล้วเป็น สูญ นั่นย่อมเป็นความเข้าใจที่ คลาดเคลื่อน
    เพราะปุถุชน ซึ่งมิได้ เป็นพระอริยะ ย่อมมีความปรุงแต่งเป็นธรรมดา

    เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุ ตะถาคะโต เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง
    วาที มะหาสะมะโณ
    ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น

    เมื่อ มีเหตุคือการปรุงแต่ง ก็ ย่อมมี เวทนา
    เมื่อมี เวทนา ย่อมมี ความอยาก และไม่อยาก
    เมื่อมี ตัญหา ย่อมมี ความยึดถือ เป็นตัวเราของเรา
    เมื่อมี อุปทาน ย่อมมี สภาวะยึดถือ ใน กาม ใน รูป ใน อรูป
    เมื่อมี ภพ ย่อมมี การได้มาซึ่งรูปนาม
    เมื่อมี ชาตะ ย่อมมี ความเสื่อมไปของรูปนาม
    เมื่อมี ชรามรณะ ย่อมมี ทุกข์ เป็น ธรรมดา

    หากจะบอกว่าว่า ตายแล้วสูญ หรือ สูญจากความปรุงแต่งนั้น
    ก็ย่อมไม่ได้เกิดอีก เพราะเหตุแห่งการเกิดได้ดับไปแล้ว
    เมื่อ นั้น คือ พระอรหันต์ เท่านั้น
     
  7. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
     

แชร์หน้านี้

Loading...