EM และน้ำหมักชีวภาพ แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียได้จริงหรือ ? !!!!!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 5 พฤศจิกายน 2011.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในกรณี เรื่องของ EM ball มีการออกมาพูดกันเยอะ

    สังคมไทยวุ่นวาย ก็เพราะส่วนหนึ่งของหลายๆกลุ่ม หลายๆนักวิชาเกิน ออกมาพูด สักๆแต่ว่าพูดกันไป ในสิ่งที่พูดนั้น เวลาที่ทำไม่ได้ตามที่พูด หลายๆกลุ่ม หลายๆนักวิชาเกิน ก็หายตัวกันไป

    น่าจะมีมาตรการอะไรสักอย่าง ที่ทำให้คนเหล่านี้ที่ออกมาพูด ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองพูด

    ญี่ปุ่นเอง หากพูดหรือกระทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ต่อสังคม เท่าที่พบเห็นมา จะออกมารับผิดชอบในการกระทำของตนเอง เช่นการลาออกจากตำแหน่งที่ตนเองมีอยู่

    สังคมไทย หากมีคนประเภทนี้เพียง 20 % ผมว่าประเทศไทยจะเจริญทั้งวัตถุและจิตใจมากกว่านี้มากมาย

    .
     
  2. ปรสุ

    ปรสุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +838
    นี่ก็เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่คนใช่งานจริงออกมายืนยันประสิทธิผลครับ

    แลกเปลี่ยนเรื่องการใช้จุลินทรีย์โดย เดชา ศิริภัทร


    by มูลนิธิข้าวขวัญ มขข. on Saturday, November 5, 2011 at 10:49am


    จากอาจารย์เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ถึงผู้ที่ผนึกพลังกาย พลังใจ ทำจุลินทรีย์บอล

    หลังจากที่ คุณเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ นักคิดนักพัฒนา ผู้ขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน ได้อ่านบทความเรื่อง EM และน้ำหมักชีวภาพแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียได้จริงหรือ? ของกลุ่มอาจารย์ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปความได้ว่า
    จุลินทรีย์กลุ่ม EM ( Effective Microorganisms )ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย ศ. Teruo Higa ) นั้น อาจส่งผลเสียให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียจากการขาดออกซิเจนที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม
    นอกจากนั้นส่วนผสมของ EM Ball เช่น กากน้ำตาล และรำข้าว ซึ่งเป็นสารอินทรีย์จะส่งผลให้เน่าเสียเพิ่มขึ้นด้วย
    สมาชิก Face Book ของมูลนิธิข้าวขวัญ หลายท่าน ส่งลิงค์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบทความข้างต้นมายังมูลนิธิข้าวขวัญ พร้อมกับตั้งคำถามว่า กิจกรรมปั้นลูกบอลจุลินทรีย์ ที่เราใช้ชื่อว่า “ปั้นดิน” ของมูลนิธิข้าวขวัญ เมื่อแจกจ่ายให้นำไปบำบัดน้ำเน่าเสียในอนาคตนั้น จะมีประโยชน์ในการบำบัดน้ำเน่าเสียหรือจะส่งผลตรงกันข้าม อย่างที่ปรากฎในบทความที่ลิงค์กันต่อๆมา
    ก่อนอื่น ต้องอธิบายก่อนว่า ชื่อ EM ( Effective Microorganisms ) เป็นเหมือนความคุ้นเคยของคนในแวดวงเกษตรอินทรีย์ ที่ได้นำมาใช้ในการพัฒนากิจกรรมทางด้านการเกษตร ซึ่งรู้กันดีว่า เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ ศ. Teruo Higa จากญี่ปุ่น มีทั้งกลุ่มที่ทำงานได้ทั้งในสภาวะที่มีออกซิเจน และไม่มีออกซิเจน และโดยคุณสมบัติและหน้าที่การทำงาน ก็เป็นไปตามบทความข้างต้นที่ทุกคนได้อ่าน ความคุ้นเคยของการเรียกคำว่า EM นั้น มันคุ้นเคยจนทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า
    EM หมายถึง หัวเชื้อจุลินทรีย์ตัวเดียวกัน จากแหล่งเดียวกัน เหมารวมกันไปหมดว่าจุลินทรีย์ในโลกนี้ชื่อ EM ทั้งที่ในความเป็นจริง หากจะใช้ภาษาอังกฤษ คำว่าจุลินทรีย์ คือ Microorganisms (เติม S เพราะจุลินทรีย์มันมีเยอะมากมายไปหมด)
    ส่วน EM คือชื่อยี่ห้อของกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นการค้า โดยพัฒนาขึ้นจนเป็นลิขสิทธิ์ของ ศ. Teruo Higa
    มูลนิธิข้าวขวัญเอง พบเจอผู้มาเรียนรู้การทำนาอินทรีย์ทั้งหลาย เมื่อเรียนชั่วโมงการเก็บและขยายหัวเชื้อจุลินทรีย์อย่างง่าย ที่ได้จากดินในป่าสมบูรณ์ ต่างบอกว่า ที่อาจารย์สอน ก็คือ EM ต้องอธิบายที่ไปที่มากันยกใหญ่ ความเข้าใจผิดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะมันเป็นความคุ้นเคย เปรียบเทียบให้เข้าใจ เหมือนคนจะซื้อผงซักฟอก ยี่ห้อบรีส แต่บอกว่า ซื้อแฟ้บ 1 กล่อง ( แฟ้บ เป็นผงซักฟอกตัวแรกของไทย ) บรีสถูกพัฒนามาที่หลัง คนคุ้นเคยชื่อแฟ้บ ก็เรียกชื้อนั้นแทนผงซักฟอกที่ตนใช้
    ประเด็นนี้ไม่ต่างจากคนเข้าใจผิดในคำว่า EM เลย แต่สาระสำคัญไปกว่านั้น ด้วยความที่กลุ่มจุลินทรีย์มีเยอะ และไม่ใช่แค่เพียง ศ. Teruo Higa จากญี่ปุ่น เท่านั้นที่พัฒนาได้
    ในประเทศไทย เชื่อได้ว่า กลุ่มองค์กรที่พัฒนาการทำเกษตรยั่งยืน หรือหน่วยงานต่างๆ ได้ใช้ประสบการณ์จากการพัฒนากิจกรรม ในพื้นที่ของตนพัฒนาจุลินทรีย์ได้เองก็มีอยู่ไม่น้อย แต่จะอยู่ในกลุ่มใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่แต่ละองค์กรจะมีให้อ้างอิง
    เฉพาะหัวเชื้อจุลินทรีย์ของข้าวขวัญ ก็เป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่พัฒนาจากดินในป่า ไม่ใช่จุลินทรีย์ในกลุ่ม EM ( Effective Microorganisms ) ของ ศ. Teruo Higa หรือ เป็นจุลินทรีย์ของกรมพัฒนาที่ดิน ที่เรียกว่า พด.หมายเลขต่างๆ (โดยมาก ใช้ พด.6 ในการปั้น) และข้าวขวัญไม่เคยเรียกชื่อจุลินทรีย์ที่พัฒนาได้เองว่า EM เลย
    เราใช้คำว่า หัวเชื้อจุลินทรีย์จากดินป่ามาตลอด โดยหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มูลนิธิข้าวขวัญพัฒนาขึ้นมาเองจากผิวดินนี้ เก็บมาจากป่าห้วยขาแข้ง บริเวณน้ำตกไซเบอร์ ซึ่งมูลนิธิข้าวขวัญ ได้ทดลองใช้มานานนับ 10 ปี รวมทั้งเผยแพร่ให้ชาวนานำไปใช้ในการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน และหน่วยงานทั้งของภาครัฐและเอกชน ได้นำไปบำบัดน้ำเสีย ได้อย่างเป็นผลที่น่าพอใจ มาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยไม่มีการจดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
    มูลนิธิข้าวขวัญ ใช้จุลินทรีย์จากดินป่าห้วยขาแข้ง ในการหมักฟางในนาข้าวให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์
    โดยย่ำฟางข้าวให้จมน้ำลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นเวลา 7-10 วัน ฟางก็จะย่อยสลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยไม่เกิดน้ำเน่าเสีย
    เพราะเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายสารอินทรีย์โดยไม่ใช้อากาศ ( Anaerobic)
    จึงไม่ทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง ดังเช่น กลุ่มจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายโดยใช้อากาศ ( Aerobic )
    ส่วนประกอบของจุลินทรีย์ที่ปั้นบอล ซึ่งมีทั้งกากน้ำตาลและรำข้าวนั้น ใช้เพื่อเป็นอาหารของจุลินทรีย์ให้ขยายจำนวนมากขึ้น
    เมื่อปั้นก้อนเสร็จแล้ว จะมีการบ่มหมักเอาไว้ เพื่อให้จุลินทรีย์ย่อยสลายกากน้ำตาลและรำข้าว
    เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์เป็นเวลาอย่างน้อย 7-10 วัน ถ้าใครเคยทำ จะเห็นว่า ระหว่างนั้นจะเกิดความร้อนจากการหมัก
    เช่นเดียวกับการทำปุ๋ยหมักนั่นเอง เมื่อย่อยสลายสมบูรณ์จนไม่เกิดความร้อนแล้ว ค่อยนำไปใช้
    จึงไม่ทำให้น้ำเน่าเสียเพิ่มขึ้นจากส่วนผสมเหล่านี้ (เข้าใจง่ายๆ รำกับกากน้ำตาลถูกย่อยสลายก่อนทิ้งลงน้ำด้วยซ้ำ)
    ฉะนั้น ความสำคัญ คือก่อนนำไปบำบัดลงน้ำ อินทรียวัตถุถูกย่อยสลายดีแล้วหรือยัง ตรงนี้คืออีกสิ่งที่ควรใส่ใจจุลินทรีย์จากดินป่านี้ โรงานปูนซีเมนต์ไทย แก่งคอย ได้นำไปบำบัดน้ำเสีย ที่เกิดจากโรงงานผลิตถุงปูนซีเมนต์
    ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำล้างกาว ปรากฎว่าสามารถบำบัดน้ำเสียได้ดี BOD ลดลงต่ำกว่า 20 สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้ โรงงานปูนซีเมนต์ไทยแก่งคอย ใช้จุลินทรีย์จากดินป่าบำบัดน้ำเสียมากว่า 5 ปี แล้ว ปัจจุบันก็ยังคงใช้ในการบำบัดอยู่อย่างได้ผลดี
    โดยไม่ต้องไปซื้อจุลินทรีย์จากที่ไหน ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
    ดังนั้น ด้วยประสบการณ์ตรง จากการใช้จุลินทรีย์จากดินป่ามากว่า 10 ปี ของมูลนิธิข้าวขวัญ เราได้ริเริ่มกิจกรรมปั้นจุลินทรีย์
    เพื่อแจกจ่ายให้นำไปบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากน้ำท่วมขัง โดยคิดว่า จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบ้านที่เรารักหลังนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
    โดยมั่นใจว่าจุลินทรีย์บอลที่เรามุ่งมั่นและตั้งใจทำนี้ จะไม่ทำร้ายบ้านที่เรารักอย่างแน่นอน


    หากสงสัยหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแลกเปลี่ยนได้ที่ คุณเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ 089-8367006

    เข้าสู่ระบบ | Facebook
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2011
  3. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอบพระคุณท่านปรสุและท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ ดิฉันได้รับความรู้มากมายจากกระทู้นี้

    ข้อควรระวังในการใช้งานอีเอ็มข้อที่ 1 ที่ตนเองสรุปไว้เจาะประเด็นได้ว่าไม่ต้องห่วงเรื่องชนิดจุลินทรีย์อีกแล้วเพราะมูลนิธิขวัญข้าวแจก anaerobic bacteria ให้พวกเราปั้นกันแล้ว เหลือเพียง ระยะเวลาการบ่มก้อนอีเอ็มหลังปั้นเสร็จ ที่ต้องให้นานพอจนกว่าความร้อนในลูกบอลจะหมดไปจึงเอาไปใช้งานได้

    ต้องขอบคุณ ศ. ธงชัย เหมือนกันที่ท่านออกมาเตือน มิฉะนั้นตนอาจไปเอาหัวอีเอ็มที่ไหนมาผสมๆกับส่วนประกอบตามที่เข้าใจแล้วปั้นเป็นก้อนใส่ลงน้ำครั้งเดียวเลยโดยไม่ได้รอเวลาบ่ม (อาจมากกว่า 7 วัน) ตนคิดว่าใส่อีเอ็มแล้วคุณภาพน้ำคงดีขึ้นทันตาเลยใน 2-3 วัน แต่เพิ่งได้ทราบว่าหากโชคไม่ดีอาจใช้เวลามากกว่า 15 วันและต้องคอยสังเกตการณ์+เติมอีเอ็มใหม่อีกเป็นระยะๆด้วย

    ขอขมาท่านเจ้าของกระทู้และผู้เกี่ยวข้องด้วยนะคะหากตนเองเขียนข้อความล่วงเกินหรือทำให้ท่านไม่สบายใจ
     
  4. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    EM Ball ไม่เคยใช้และไม่คัดค้าน จริงๆมันน่าจะใช้ได้ มีบ่อดินลึก15 เมตร กว้าง 25X20 เมตร เวลาเอาน้ำเข้าในบ่อมักท่วมหญ้า และน้ำใหม่มีโคลนตมทำให้น้ำเน่าเหม็นและขุ่น แก้โดยใช้ขี้วัวแห้ง 1 ถุงปุ๋ยเทลงไปในบ่อ จะทำให้น้ำใสและหายเน่าเหม็น ไม่เกิน 1 อาทิตย์ แต่ถ้าใช้ ขี้ไก่แห้งเทลงไปจะทำให้น้ำใสและหายเน่าเหม็นไม่เกิน 3-5 วัน ไม่ได้ทำวิจัยแต่ใช้จริงและทำบันทึกไว้เผ่ยแพร่ให้ชาวไร่ชาวนานำไปใช้เสมอๆ
     
  5. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +635
    ไม่เคยใช้ EMball ค่ะ แต่ใช้น้ำหมักชีวภาพทดลองแก้ปัญหาเรื่อง
    พื้นที่ที่น้ำเสียไหลผ่าน จนดินตรงนั้นกลายเป็นดินเน่าสีดำสนิทกลิ่นเหม็นมาก
    น้ำชีวภาพเอาอยู่ค่ะ เอาราดห้องน้ำ เพิ่มโอโซนในห้องน้ำ ถ้าราดด้วยน้ำยา
    ล้างห้องน้ำมันจะฉุนและสำลักตลอดเลยค่ะ อบรมมาจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ
    เห็นตัวอย่างที่เอาไปใช้ดับกลิ่น..ซึนามิที่ภูเก็ต (แบบที่มีนักวิชาการว่าไม่ควรทำ)
    พี่ที่สอน เค้าไปด้วยตัวเองเค้าว่ากลิ่น.... ชงัดนัก ไม่งั้นก็ต้องเอาคลอรีนราดต้อง
    ใช้สักกี่่ตัน แล้วต้องมาสูดเคมีที่ระเหยอีก บางคนอาจเหม็นกลิ่นอีเอ็ม แต่ก็แล้ว
    แต่สูตรที่ทำ ตัวเองใช้กล้วยสุกแทนกากน้ำตาล อีเอ็มที่บ้านเลยเป็นกลิ่นไวน์
    แล้วมันทำให้มือนุ่มมากๆด้วย มันดีไปสารพัด อาจมีไม่ดีบ้างก็ได้แต่ยังไม่ได้
    ติดตามข้อมูลที่คัดค้าน มาเล่าให้ฟังเฉพาะประสบการณ์ตรงค่ะ

    โมทนาคนที่ไปช่วยปั้นอีเอ็มบอลล์ทุกๆคน และทุกๆความดีค่ะ
     
  6. baitouy

    baitouy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +179
    em ball หรือน้ำหมักชีวะภาพ มีหน้าที่เป็นตัวนำพาเอาแบคทีเรียเข้มข้นไปสู่ที่ใหม่คือน้ำเสีย เเบคทีเรียใน em ball หรือน้ำหมัก มีทั้ง แบบใช้อากาศ และไม่ใช้อากาศ ทั้ง2แบบนี้ไม่ผลิตแก๊ซไข่เน่าที่เหม็นมากและจะย่อยสลายสารอินทรีย เป็น สารประกอบอื่นๆ เช่น กรด เเอลกอฮอร์ ชนิดต่างๆแล้วถึงเปลี่ยนเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ ที่เราต้องการคือน้ำไม่เหม็น ใช่ไหม แค่นี้ก็พอใจแล้ว ถ้าให้สะอาดต่อไปก็ต้องใช้เวลาตามธรรมชาติ นักวิชาเกินทั้งหลายที่รู้เเค่ที่ในตำราบอกอย่ามาเเส่เเสดงความคิดเง่าๆ ถ้าบ้านคุณน้ำท่วมมาเดือนนึงแล้ว เหม็นก็เหม็น แถมถูกตัดน้ำตัดไฟ แค่น้ำกินยังหายาก นักวิชาเกินยังมาเสนอเเนะให้ใช้เครื่องเติมอากาศเเก้น้ำเสีย คิดได้แค่นี้เหรอ หลานผม ป4 มันก็เรียนมาเหมือนกันไม่ต้องเป็น ดร. หรอกแน่จริงหาวิธีแก้ไขโดยที่ไม่มีอะไรในมืออย่างชาวบ้านพวกเราซิ
     
  7. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ติดตามดูการตอบโต้เรื่องนี้

    คิดว่าคนเราเอาอัตตาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ครับ
    อย่างทางวิศวะก็น่าจะใช้ความรู้ความสามารถในสายของตัวเองไปทำงานที่ถนัด
    จะไปรู้อะไรกับเรื่องจุลินทรีย์ที่ตัวเองไม่ได้เรียน

    แถมยังข้ามสาขาตัวเองไปคอมเม้นท์คนอื่นอีก
    นับว่าอวดรู้กับผู้เชี่ยวชาญ

    ส่วนตัวเชื่อว่า EM Ball ได้ผลจริง เพราะเล่นอยู่กับน้ำหมักชีวภาพมาหลายปี
    ประสิทธิภาพสูงมาก ในญี่ปุ่นใช้กันมานานมากแล้ว ไม่ดีจริงเค้าคงไม่ใช้หรือเผยแพร่หรอกครับ

    ส่วนที่บอกว่าไม่ได้ผลอาจจะเป็นเพราะ ใส่น้อยไป หรือ น้ำเสียมีจำนวนมาก
    อีกประการหนึ่งที่คิดว่าเป็นไปได้มากที่สุดคือ ใส่ลงไปวันนี้ น้ำสะอาดแล้ว แต่น้ำตรงนั้นมีการถ่ายเทไปที่อื่น ต่อมามีน้ำเน่าจากที่อื่นเข้ามาผสมแทนที่ จึงเกิดปัญหาแบบเดิมๆ

    คิดพิจารณากันดู นะครับ
    ทุกคนหวังดีต่อบ้านเมืองทั้งนั้น
     
  8. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,375
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,652
    น้ำเน่า...ต้องมีอาหารให้จุลลินทรีย์กินได้...ปะปนอยู่...การใช้จุลินทรีย์จึงจะได้ผล

    EM Ball มีส่วนผสมของ....รำ ... กากน้ำตาล ...จึงเปรียบเสมือน...เราใส่อาหารให้จุลินทรีย์....ลงไปในน้ำเน่า

    เมื่อจุลินทรีย์พวกนี้...ไม่ต้องการออ๊กซิเจน...ในการย่อยอาหาร...จึงสามารถปล่อยพวกมันลงในน้ำเน่า...ได้เป็นอย่างดี (ฺเพราะน้ำเน่ามี BOD ต่ำ)

    สรุป...การใส่จุลินทรีย์ (ชนิดที่ไม่ต้องการออ๊กซิเจน) + อาหารของมัน...(เรียกว่า EM Ball)....ลงไปในน้ำเสีย...เป็นการถูกต้องแล้วครับ

    อีกวิธีคือ...ใช้น้ำหมักชีวภาพ EM (มีกากน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก)....ก็ใช้ได้เช่นกัน


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2011
  9. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +7,749
    จริงๆถ้าเป็นน้ำท่วมขังรอบบ้าน(น้ำนิ่งนะครับ) ใช้ EM น้ำจะให้ผลเร็วกว่า EM ball คือเห็นผลภายใน 4 - 5 วัน มีหลายคนที่ลองใช้แล้ว ส่วนที่ไกลจากรอบๆบ้านออกไปอาจจะต้องใช้เป็น EM ball แทนเพราะสาดน้ำอีเอ็มไปไม่ถึง EM น้ำ 1 ลิตร นำมาผสมกับน้ำเปล่า 20 ลิตร แล้วนำไปสาดให้ทั่วพื้นที่รอบๆบ้านที่ถูกน้ำถ่วม ถ้าไม่พอก็ผสมใหม่แล้วนำไปสาดเพิ่ม หรือถ้าใครมีเครื่องฉีดน้ำก็จะช่วยกระจายตัวได้กว่าสาด ตอนนี้ผมเตรียมน้ำ EM ไว้ประมาณ 40 ลิตร คาดว่าน่าจะใช้ได้กับบ้านสัก 8 หลัง หมดค่าใช้จ่ายไป 200 บาท(ทำใช้เองสนุกดี)
     
  10. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    เรื่องนี้ผมขอชี้แจงตามหลักจุลชีววิทยา นะครับ
    EM ball เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเชื้อหลากหลายชนิด การที่ต้องทำเป็น ball เพราะหากใช้ในรูปของของเหลว EM จะไหลไปกับน้ำทำให้ไม่อาจจะบำบัดได้ ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวจึงต้องทำเป็น ball ปกติแล้วในระบบธรรมชาตินั้นหากจุลินทรีย์ใดมีประชากรมากสุดย่อมมีโอกาสทำลายหรือยับยั้งเชื้อกลุ่มอื่นเพื่อแย่งชิงอาหารได้ ดังนั้น หากจะให้ได้ผลควรใช้ EM ball ในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจาก Lactic acid bacteria, Baciilus sp มีคุณสมบัติย่ยสลายโปรตีน คาร์โบไฮเดรต รวมถึงการจับโลหะได้ ส่วนยีสต์และราก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Bacillus ทั้งหมดส่วนมากเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ชอบอากาศน้อยฟรือเป็นกลุ่มที่เจริญได้ทั้งสองแบบคือมีอากาศและไม่มีอากาศ และส่วนมากจะผลิตกรด หรือสารต้านจุลชีพอื่นๆ เพื่อยับยั้งเชื้อกลุ่มอื่น จุลินทรีย์กลุ่มนี้ย่อมสามารถดำรงชีพได้ดีในสภาพใต้น้ำครับ ส่วนกรณี ส่วนผสมของบอลนั้นจริงอยู่เป็นสารอาหารในการเจริญเติบโต แต่อย่าลืมว่าก่อนจะใช้ EM ball มีการบ่มไว้ถึง 7 วันเพื่อให้กลุ่มจุลชีพเจริญเติบโตแบ่งเซลล์เป็นจำนวนมาก สารอาหารในนั้นย่อมน้อยลงและประชากรส่วนใหญ่ของจุลินทรีย์จะยังคงเป็น EM ดังนั้นเมื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำกลุ่มเชื้อเหล่านี้จะทำงานทันที บ้างก็ย่อยสลายไขมัน โปรตีน รวมไปถึงสารอินทรีย์ที่ปนเปื้อนมาครับ และผลผลิตของเชื้อกลุ่มหนึ่งอาจจะเป็นอาหารของเชื้อกลุ่มอื่นได้ ทำให้กระบวนการทำงานของ EM เป็นไปอย่างรวรดเร็ว หากใช้ในปริมาณที่มากพอ ย่อมทำให้กลุ่มประชากรจุลินทรีย์ส่วนใหญ่ เป็น EM ได้ครับ

    ปัจจุบันยังไม่อาจจะอธิบายกลไกการทำงานของ EMได้อย่างสมบูรณ์เบบ เนื่องจากเชื้อที่อยู่ใน EM มีหลากหลายชนิดและอยุ่กันด้วยกลไกที่ซับซ้อน ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าบางชนิดไม่อาจจะเพาะเลี้ยงได้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีวิธีการตรวจหาด้วยวิธีที่เรียกว่า DDGE เป็นการนำ DNA มาเพิ่มจำนวนในหลอดทดลองแล้วทำการโคลน และหาลำดับนิวคลีโอไทด์บริเวณ 16S rDNA แล้ววิเคราะห์ด้วย Phylogenetic tree relationship ครับ

    กรณี นี้เทียบได้กับการรักษาอาการท้องเสียด้วยการทานโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์ครับ
    กรณีที่เรารับประทานอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนจากอาหารทะเล หากเราจะทำการรักษษโดยไม่ต้องกินยาสามารถเลือกใช้วิธีการบริโภคโยเกิร์ต ได้เนื่องจาก Lactobacillus sp. และ Pediococcus sp. เป็นจุลินทรีย์ในระบบลำไส้ของมนุษย์ หรือเรียกกันว่าเชื้อประจำถิ่น เมื่อเราบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็เหมือนเราเพิ่มจำนวนประชากร เชื้อประจำถิ่นให้มีปริมาณมากขึ้น การผลิตกรดและแบคเทอริโอซินย่อมมีมากขึ้น ก่อให้เกิดสภาพที่ไม่เหมาะสมของเชื้อปนเปื้อน เช่นความเป็นกรดไปทำลายหรือยับยั้งเชื้อกลุ่มนี้ ดังนั้นอาการท้องเสียจะค่อยๆลดลง จนหายไปในที่สุดครับ

    หลักการนี้เป็นหลักการทางจุลชีววิทยา เป็นการต่อต้านเชื้อบุกรุกโดยอาศัยหลักการแข่งขันตามธรรมชาติครับ
     
  11. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ
    ดิฉันว่าจะเลิกตามกระทู้นี้แล้ว แต่ไม่รู้เป็นไงเข้ามาอีกจนได้
    ดูในทีวีช่อง 5 เห็นท่านผู้เกี่ยวข้องแสดงภาพความสำเร็จในการใช้อีเอ็มแล้วประทับใจมาก นึกไม่ถึงว่าอีเอ็มจะทรงประสิทธิภาพขนาดนี้ ดีใจที่เราไม่ได้มาผิดทาง

    แต่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร สติตนเองยังจับอีเอ็มไว้อยู่เป็นพักๆ อาจเป็นนิสัยพาลชอบติคนนู้นคนนี้ที่ตนเองมีอยู่เก่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ คราวนี้ดูเหมือนพวกเราตัดสินใจใช้อีเอ็มในจำนวนที่มากกว่าและในพื้นที่กว้างกว่าที่เคยใช้มา มีผู้ออกมาแสดงความเห็นแย้งและมีผู้แสดงความเห็นสนับสนุน ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นไปได้แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้ร่วมพลังกันหาคำตอบที่ยอมรับได้ น่าเสียดายที่ "สติ" กับ "ปัญญา" ไม่ได้ทำงานผสานกัน

    ตนเองมีโอกาสพบเอกสารที่ว่าในส่วนประกอบของอีเอ็มมีสารไนโตรเจนและฟอสฟอรัสอยู่พอสมควร (SpringerLink - Hydrobiologia, Volume 646, Number 1) เมื่อปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติอาจทำให้สาหร่ายเติบโตในแหล่งน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะ eutrophication ซึ่งมีโอกาสทำให้น้ำมีสีเขียวและเน่าภายหลังได้....ความจริงเรื่องนี้อาจไม่ต้องห่วงเพราะดูจากการทดลองใช้งานจริงของผู้ใช้งานหลายท่านพบว่าใส่ลงน้ำแล้วก็สะอาดดีไม่มีรายงานว่าน้ำหลังจากนั้นเน่า แต่ก็มีบางกรณีเหมือนกันที่พบปัญหาดังข่าวที่แนบมา

    [​IMG]

    ซึ่งตนเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง หากพิจารณาในรายละเอียดอาจเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ ตนเพียงแต่อยากเหลือที่ว่างให้ "สติ" โต้กับ "ปัญญา" บ้างเพื่อความไม่ประมาทค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled 1.jpg
      Untitled 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      172.9 KB
      เปิดดู:
      301
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบคุณครับที่เพิ่มข้อมูลให้อีกด้าน

    .
     
  13. bobbythegreat

    bobbythegreat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +19
    ไม่ใช่ลูกศิษย์ป้าเช็ง....

    โดย ส่วนตัวใช้ น้ำหมักชีวภาพมานานมากแล้ว
    เพราะก็เคยรู้ว่าปู่ย่าตายายเราก็หมักโน่นหมักนี่เอาไว้ใช้ในนาในสวนมานานเเล้ว

    คิดว่า มีเเต่ข้อดี ไม่เคยเจอข้อเสียเลย

    ยังงง ว่าเถียงกันทำไม เอาเรื่องราวใหญ่โต
    ใครอยากใช้ก็ใช้ ใครไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องใช้ก็ได้ครับ
    หรือลองใช้ดูถ้าไม่ได้ผลมันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะของเดิมน้ำเน่าอยู่เเล้ว
    น่าจะเอาสติกับปัญญาไปช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ดีกว่าครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948

    อย่างที่ผมเคยบอก คนไทยต้องฝึกนิสัยให้มีความรับผิดชอบบ้าง ก็ยังดี

    "ในกรณี เรื่องของ EM ball มีการออกมาพูดกันเยอะ

    สังคมไทยวุ่นวาย ก็เพราะส่วนหนึ่งของหลายๆกลุ่ม หลายๆนักวิชาเกิน ออกมาพูด สักๆแต่ว่าพูดกันไป ในสิ่งที่พูดนั้น เวลาที่ทำไม่ได้ตามที่พูด หลายๆกลุ่ม หลายๆนักวิชาเกิน ก็หายตัวกันไป

    น่าจะมีมาตรการอะไรสักอย่าง ที่ทำให้คนเหล่านี้ที่ออกมาพูด ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองพูด

    ญี่ปุ่นเอง หากพูดหรือกระทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ต่อสังคม เท่าที่พบเห็นมา จะออกมารับผิดชอบในการกระทำของตนเอง เช่นการลาออกจากตำแหน่งที่ตนเองมีอยู่

    สังคมไทย หากมีคนประเภทนี้เพียง 20 % ผมว่าประเทศไทยจะเจริญทั้งวัตถุและจิตใจมากกว่านี้มากมาย"


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...