Think Well - Be Fit - Eat Right ช่วยฟื้นธาตุ 'หนุ่ม-สาว' ยืดอายุให้อ่อนวัย!

ปรากฎการณ์ยอดฮิตของคนในสังคมทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทยในยุคปัจจุบัน ต่างตื่นตัวและให้ความสำคัญใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ การเลือกที่จะเดินตาม “ศาสตร์อายุรเวช”ที่จะทำให้เราสามารถยืดอายุ ดูดี อ่อนกว่าวัย และสุขภาพแข็งแรง เพราะคนเราทุกวันนี้ต้องเผชิญอยู่ท่ามกลางปัญหาสังคมที่รีบเร่ง เต็มไปด้วยการแข่งขันสูง สิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดมลภาวะ แถมบริโภคอาหารแบบด่วนที่เรียกว่า Junk food หรืออาหารขยะ อาหารไร้ประโยชน์นั่นเอง

ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ในทุกวันต้องตกอยู่ในสภาพ “บีบรัด” ตัวเองทั้งด้านสุขภาพกายและใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้วยปัญหาทั้งมวลที่เกิดขึ้นในสังคม ทำให้ทุกคนเริ่มตื่นและตระหนักรู้ในการดูแลตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง “หลุมดำของสุขภาพ” ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ด้วยการนำหลัก ‘Think well-Be Fit -Eat Right’ มาใช้ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน

พร้อมๆ กับการก่อเกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ‘การรักษ์ สุขภาพ’ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น!

แต่แม้จะไม่ได้ไปเข้าคอร์สรักษ์สุขภาพก็ตาม เราก็สามารถดูแลตัวเองได้อย่างดี หากเลือกปฎิบัติตาม “สูตร” ของผู้เชี่ยวชาญจะพบ ธาตุ “หนุ่ม-สาว” ช่วยให้เราดูอ่อนวัยและยืดอายุได้ดั่งใจปรารถนา

• หลีกเลี่ยง “หลุมดำ” ฟื้นธาตุ “หนุ่ม - สาว”

จากการสำรวจสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลล่าสุดเมื่อต้นปี 2554 พบว่า คนไทยมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น เพศชายอยู่ที่ 69.5 ปี เพศหญิงอยู่ ที่ 76.3 ปี ขณะที่อัตราการเสียชีวิตของวัยแรงงานมีแนวโน้มลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ 3.2% ต่อประชากร 1,000 คน จาก 10 ปีที่แล้ว อยู่ที่ 4.1% สาเหตุที่คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น เพราะมีสุขภาพดีขึ้น เข้าถึงบริการสุขภาพมากขึ้น

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ ซึ่งได้รับการยอมรับจากแวดวงคนรักสุขภาพมากผู้หนึ่งในปัจจุบัน บอกว่า คนหนุ่มสาวคือคนที่ไม่เคยแก่ แต่คนแก่คือคนที่เคยผ่านวัยเยาว์มาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกหวาดกลัวกับความเสื่อมความไม่สบายกายที่อาจจะเข้ามา นั่นเป็นเพราะว่าเรายังมีกรอบความคิดเดิมที่ว่าความแก่หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกับไซโคลนหรือแผ่นดินไหว ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงแต่จริงไม่หมด

นั่นคือที่จริงแล้วเราสามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ความเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ได้นานที่สุด เพียงถ้าคุณได้ตรวจพบมันก่อนเสียแต่เนิ่นๆ ด้วยวิธีการทางเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ ซึ่งเป็นการแพทย์แผนโบราณของอินเดียมานานกว่า 5,000 ปี เป็น การแพทย์ทางเลือกแขนงหนึ่งที่จะช่วยบอกอายุทางชีวภาพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน

หากจะถามคนร้อยคน ทุกคนตอบได้เหมือนกันว่า ไม่มีหนุ่มสาวคนไหนที่ไม่ต้องการ “ยืดอายุ ดูดีอ่อนวัย สุขภาพกาย-ใจเยี่ยม” แต่หากจะท่องคาถานี้ให้ได้ผลจริงๆต้องเริ่มต้นจากการท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์ ว่าอาหารต้องรับประทานให้ครบ 5 หมู่ แต่ ต้องงด “แป้ง-น้ำตาล” โดยเด็ดขาด เพราะการรับประทาน แป้งและน้ำตาล เหมือนเราพาร่างกายของเราตกสู่ “หลุมดำ” นั่นคือ การสะสมไขมันไม่ดีให้กับร่างกาย และที่สำคัญเวลารับประทานอาหาร อย่าเพลิดเพลินกับรสชาติ กินอิ่มจนพุงกาง แต่ต้องกิน “อิ่มก่อนอิ่ม” คือกินอาหารไม่เต็มร้อย แต่กินแค่ 80% เพื่อปล่อยให้ท้องหิวนิดๆ ซึ่งเป็นวิธีกระตุ้น “ธาตุหนุ่มสาว” หรือ “โกรสฮอร์โมน” ให้ทำงานให้ได้มากที่สุด

“ลองสังเกตดูว่า เวลาที่เรารับประทานอาหารเต็มอิ่มหรืออิ่มเกินไป ในระยะต่อไปจะเกิดอาการ “ตกหลุมดำ” คือเกิดความขี้เกียจ ง่วงนอน ทำงานแบบขอไปที เพราะร่างกายต้องการที่จะพักผ่อน จึงขาดความกระฉับกระเฉง ซึ่งหากใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ รับประกันผลว่า อาหารจะกลายเป็นยาอายุวัฒนะได้ไม่ยาก”

• “Be fit” กระชับวัยให้ “ใส” ตลอดเวลา

นอกเหนือจากอาหาร (Eat Right) แล้ว การให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย (Be fit) ก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งในหลักของอายุรวัฒน์นั้นต้องออกกำลังกายทั้งกายและใจควบคู่กัน ซึ่งการออกกำลังกายนั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น คนที่อายุน้อยๆก็หมั่น “ซิทอัพ” บ่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนอายุ 20 ปีขึ้นไปก็ทำซิทอัพแบบตาลปัตร โดยใช้การยกขาขึ้นลงแทน จากนั้นก็มาทำการ “แกว่งแขน” แบบตุ้มนาฬิกา ทำวันละ 100-1,000 ครั้งต่อวัน ซึ่งการออกกำลังแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายกระชับ เลือดลมไหลเวียนดี

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาการออกกำลังกายตามแบบฉบับของอายุวัฒน์ ก็สามารถทำได้ง่ายๆโดยใช้วิธีการหายใจเข้าแบบลึกสุดๆ แล้วหายใจออกแบบค่อยๆ ทำแบบนี้ซ้ำๆทุกวัน รับรองได้ว่าจะเห็นผลภายใน 1 เดือน ส่วนคนสูงวัยลองหันมาออกกำลังกายแบบยิมนาสติกเพื่อต้านชรา โดยวิธีง่ายๆ สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา คือ การแขม่วพุง ยกก้น ทำทุกวัน จะเห็นผลภายใน 1 เดือนว่า หน้าท้องที่ลงพุงจะกระชับขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง

เมื่อเราออกกำลังกายแล้วก็อย่าลืมออกกำลังใจควบคู่กัน โดยฝึกให้ตัวเองทำกิจกรรมที่หลากหลาย และหันมาคบบุคคลให้หลากหลายอาชีพมากขึ้น ซึ่งวิธีออกกำลังใจที่ดีจะช่วยให้อารมณ์เบิกบานสดใส การออกกำลังใจตามแบบอายุรวัฒน์มีหลายวิธี คือ

1. ประกอบอาชีพโดยสุจริต มีวาจาชอบ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

2. มีความขยันขันแข็ง มีน้ำใจช่วยเหลือกิจการงาน ทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลาย ซึ่งตรงข้ามกับความขี้เกียจ ไม่มีน้ำใจ ก็จะนำความทุกข์มาให้

3. ทำงานอย่างมีความสุขและสนุกไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด เพราะถ้ารู้สึกหม่นหมอง เบื่อหน่าย ขี้รำคาญ ก็จะเป็นการบั่นทอนความสุข ทำงานไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

4. พยายามไม่กังวล เรื่องของตัวเราเองมากเกินไป คนที่กลัวจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ เป็นโน่นเป็นนี่ จะเป็นคนที่จิตใจไม่เป็นสุขและอาจเจ็บป่วยได้ ให้มองไปรอบๆตัว แล้วนึกถึงคนอื่นที่ทุกข์ยากกว่า ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น

5. หมั่นฝึกแผ่ความรัก ความเมตตา เพราะโดยปกติคนเรามักแผ่เมตตาให้ตนเองมากว่าผู้อื่น จึงไม่ค่อยโกรธหรือโทษตัวเอง แต่กลับไปโกรธคนอื่นมากกว่า ซึ่งถ้ากลับมาคิดทบทวนว่าเป็นเพราะเราหรือไม่ที่ผิด ก็จะทำให้ความโกรธลดลงหรือหายไปทันที

6. สวดมนต์ภาวนาให้จิตใจจดจ่ออยู่กับคำสวด จะทำให้เกิดความสงบ มีสมาธิ หรืออาจจะฝึกสมาธิโดยการกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ก็ได้ (ควรทำช่วงก่อนนอน หรือตื่นนอนเช้า ประมาณ 15 นาที ทุกวัน)

“แต่หมอขอแนะนำว่าการออกกำลังกายควรทำแต่พอเหมาะพอดี อย่าหักโหมเป็นอันขาด เพราะถ้าหักโหมแทนที่จะดูอ่อนวัย แต่อาจกลายเป็น “คนแก่” ได้ง่ายๆ การออกกำลังกายที่ดีต้องทำควบคู่กับการออกกำลังใจไปด้วย บางครั้งก็สามารถเอาทั้งสองอย่างมารวม เช่น การรำไทเก๊ก การเดินจงกรม ก็เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดี”

• Think Well ช่วยชะลอวัยชรา

นอกเหนือจากการดูแลตัวเองด้วยการกินอาหาร และการออกกำลังกายอย่างถูกต้องแล้วการควบคุม “อารมณ์” ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้ดูดี อ่อนวัย เพราะคนที่สุขภาพจิตดีเยี่ยม จะดูร่าเริงเบิกบานแจ่มใส แต่จะทำให้เกิดเป็นนิสัยได้จะต้องเป็นผู้ที่พยายามลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง การยึดมั่นถือมั่น ผู้ที่ฝึกจิตใจให้ได้สภาพดังกล่าวได้มากเท่าไหร่ จิตใจก็สบายมากเท่านั้น สารเอ็นโดรฟินที่หลั่งออกมาจากต่อมพิทูอิทารี่ จะทำให้เซลล์ในร่างกายสมดุล สดชื่น แข็งแรง จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ทำความสบายแก่ตนเอง

เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Thai anti-aging medicine) มีชื่อเล่นว่า “การแพทย์อารมณ์ดี” เพราะเน้นที่ความสุขใจ ของทั้งผู้รักษาและผู้ถูกรักษา ที่สำคัญคือทำได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย ไม่สิ้นเปลืองสตางค์ด้วย เพราะเหตุที่เราว้าวุ่นสะดุดใจในบางวันนั้น ประการหนึ่งมาจาก “ตารางชีวิตทับซ้อน” จึงควรทดลองลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำในแต่ละวันดู ดังนี้แล้วน่าจะช่วยแบ่งเบาความ “หนัก” ในชีวิตลงได้บ้าง

สิ่งสำคัญที่จะทำให้อารมณ์เบิกบานตามตารางชีวิต ประกอบด้วย สิ่งที่ต้องทำ สิ่งที่ควรทำและทำได้ก็ดี ไม่มีเวลาก็เว้นไว้ก่อน อาทิ เด็กวัยเรียนวันนี้ต้องไปสอบ แต่ก็ต้องกลับไปทานข้าวกับที่บ้าน มิหนำซ้ำเพื่อนยังย้ำว่าให้ไปสังสรรค์กัน หากท่านต้องพาตัวเองไปฟีทเจอริ่งกับทุกกิจกรรมหมดก็อาจทำให้เหนื่อยและหมดเปลือง “พลังชีวิต” ไปโดยใช่ที่ เพราะพลังชีวิตมีจำกัดจึงต้องใช้ระวัง ไม่อย่างนั้นอาจไปดึงเอาพลังในอนาคตที่สะสมไว้มาใช้จนโทรมก่อนถึงวัยได้

ทั้งนี้เพื่อให้เราไม่ต้องสับขาหลอกบอกตัวเองว่า ไม่มีเวลาชีวิตเลย ขอให้ลองจัดความสำคัญตามหลักข้างต้น ดังนี้

ต้องทำ คือ ต้องไปสอบเพราะเป็นหน้าที่จำเป็นของวัย เพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า

ควรทำ คือ ควรกลับไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ทานข้าว กัน รับใช้ท่านตามหน้าที่ของลูกที่ดี

ทำได้ก็ดี คือ การไปเจอหน้ากับมิตรรักพรรคเพื่อน แต่ถ้าท่านเหนื่อยก็ยังขอผลัดไปก่อนได้ จะเห็นว่าเมื่อแบ่งความสำคัญของสิ่งควรทำในชีวิตได้แล้ว ชีวิตจะสบายขึ้น

• เติมสารสีชมพูเพิ่มความเป็น ‘หนุ่ม-สาว’

นพ.กฤษดา บอกต่อว่า เทคนิคที่จะช่วยเติมอารมณ์สีชมพูไว้ได้เสมอ มีดังนี้

1. กินอาหารร่าเริง โดยเฉพาะคะน้าวันละ 5 กำมือ หรือผักเขียวอื่นได้ และปลาทูสักวันละ 2 ตัว

2. ลดเพลิงอักเสบ ด้วยการเลี่ยงอาหารร้อน อาทิ กาแฟ,ชาแก่,น้ำหวาน และแอลกอฮอล์

3. เก็บสแปร์นอน อย่าลืมเรื่องนอนทีเดียวครับ ว่านิทราบำบัดโรคได้นับไม่ถ้วน

4. อย่าย้อนนึกถึงตัว ยิ่งอยู่คนเดียวก็จะเที่ยวคิดฟุ้งถึงตัวบ่อย ขอให้นึกถึงคนอื่นก่อนแล้วชีวิตจะเพิ่มสุขขึ้น

5. ไม่กลัวเจ็บ-ตาย จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าคิดเสียว่าโรคมาได้ประเดี๋ยวก็ไปได้ หรือทุกข์มีขึ้นแล้ว เดี๋ยวก็ต้องดับ จับหลักนี้ไว้ว่าไม่มีสิ่งใดถาวร แล้วจะทอนทุกข์ลงไปได้เยอะ

6. หายด้วยเมตตา หาทางมอง “สว่าง” ในมืดให้ได้ หาข้อดีในคนที่ไม่ดีได้ หรือมองให้เห็นดีในแม้คนที่ร้ายที่ สุดกับเราแล้ว นั่นเองคือการเอาทุกข์ออกนอกตัวอย่างง่าย ท่านจะไร้ศัตรูและมีชีวิตอยู่อย่างมีกำไรกว่าคนอื่น เพราะ “เห็นสุข” ได้ในทุกขณะ

ดังนั้นหากเราทุกคนเลือกที่ปฏิบัติตัวด้วยหลักการง่ายๆ ‘Think well-Be Fit-Eat Right’ เพียงแค่นี้เราจะค้นพบเคล็ดลับทำให้อยู่ดีมีสุข ยึดอายุ ดูดี อ่อนวัย ได้ตลอดไป.....

อย่างไรก็ดีในวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2554 จะมีการจัดงานสุขภาวะดีวิถีไทย ครั้งที่ 3 ที่ Hall 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนร่วมเปิดโลกทัศน์ด้านสุขภาวะที่ดีในทุกมิติ

ซึ่งเราจะรู้และเข้าใจ ‘Think well-Be Fit -Eat Right’ ได้ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ที่สุดในทุกมิติที่น่าค้นหาเพื่อประโยชน์กับทุกๆ คน

• มหกรรม 'งานสุขภาวะดีวิถีไทย' ครั้งที่ 3
ชูแนวคิด 'กษัตริย์แห่งน้ำ' - เคล็ดลับชะลอวัย !

สุณิธิ เปล่งศรีงาม หัวเรือใหญ่ในการจัดงาน สุขภาวะดีวิถีไทย ครั้งที่ 3 (Thailand Health & Wellness 2011) ซึ่งเป็นงานสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 10 - 13 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณอาคาร 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยในปีนี้มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ให้อยู่ดี มีสุข ตลอดจนสร้างแรงบัลดาลใจ กระตุ้นให้คนไทยรู้จักการดูแล ป้องกัน และส่งเสริมสุขภาพ ตามแนวคิด ของงาน คือ “ยืดอายุ ดูดีอ่อนวัย ใส่ใจสุขภาพ”

ภายในงานจะมีการนำเสนอความสำคัญของ “น้ำ กับ สุขภาวะ” (Water & Wellness) โดยแบ่งพื้นที่เป็น 5 ส่วนหลัก คือ

ส่วนที่ 1 “กษัตริย์แห่งน้ำ” (The King of Water) นิทรรศการเทิดพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงพระอัจริยภาพ และพระมหากรุณาธิคุณในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ตลอดจนวิธีการทรงงานเกี่ยวกับน้ำ และกิจกรรมพิเศษซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ คือ การเชิญชวนเยาวชนและประชาชนร่วม กิจกรรม “ดื่ม” “น้ำสัจจะ” พร้อมคำมั่น..จะพูดดี คิดดี ทำดี เพื่อสร้างสิ่งที่ดีให้ตัวเอง ครอบครัว และประเทศชาติ ถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสมหามงคล 84 พรรษา

ส่วนที่ 2 น้ำเพื่อชีวิต (Water for Life) นำเสนอเรื่องราวและความสำคัญของ “น้ำ” ในร่างกายมนุษย์ น้ำเพื่อการบริโภค เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ ประโยชน์ของการดื่มน้ำซึ่งเป็นหนึ่งในโภชนาการเพื่อสุขภาพ และเป็นยาวิเศษที่ช่วยในการดูแลร่างกายและสุขภาพอย่างถาวร

ส่วนที่ 3 สุขภาวะ (Wellness) นำเสนอวิธีดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบัน คือ การสร้างความอยู่ดี มีสุข ด้วยกลยุทธ์ของการดูแลสุขภาพเพื่อคนทุกวัย เพื่อไทยทุกคน ซึ่งประกอบด้วย ‘Think Well-Be Fit -Eat Right’ เพื่อประโยชน์กับสุขภาพและหลีกเลี่ยงมลพิษในทุกๆ ด้านที่เป็นบ่อเกิดของโรคร้ายมากมาย

ส่วนที่ 4 สุขภาพดี ชีวีมีสุข (Happy Healthy) รวบรวมผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ ของใช้เพื่อสุขอนามัยครอบครัว เพื่อคนทุกวัย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะวัยต่างๆ พร้อมการบริการของโรงพยาบาล สถานพยาบาลชั้นนำ พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและตรวจสุขภาพในงาน เป็นต้น

และส่วนที่ 5 เวทีสุขกาย สบายใจ (Wellness Station) นำเสนอความรู้ ความบันเทิง กิจกรรมจากแขกรับเชิญ ศิลปิน ดารา Celeb ผู้ประกอบการด้านสุขภาพ Wellness Lifestyle กิจกรรมเสวนา บรรยายพิเศษ และกิจกรรมการสาธิตต่างๆ ตลอดงานทั้ง 4 วัน

ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจให้กับตัวเอง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-672-9038 หรือคลิกไปที่ Thailand helth and wellnewss

 

เคล็ดลับที่ว่านี้ คลายๆศีลแปด เลยนะ แต่ ชอบม๊ากๆๆๆๆ กับสาระดีๆแบบนี้