เท็คนิคการบำเพ็ญบารมีให้ได้ครบ10เลยทีเดียว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย arnonpattana, 25 กันยายน 2011.

  1. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    ใช้วิธีการสวดมนตร์บทไหนก็ได้ครับเพราะว่า

    1.ระหว่างที่เราสวดเราไม่ได้ไปเบียดเบียนใครก็ได้ ศีลบารมี

    2.มีจิตใจสละออกจากกามเพราะจิตเป็นสมาธิไม่ได้หมกหมุ่นในกาม เนกขัมมะบารมี

    3.มีจิตใจที่จะตั้งใจสวดมนตร์เป็นการทำความเห็นให้ตรง ปัญญาบารมี

    4.สวดมนตร์ด้วยความเพียร วิริยะบารมี

    5.สวดมนตร์ต่อเลื่อยๆโดยไม่ย่อท้อมีความอดทน ขันติบารมี

    6.สวดมนตร์ตามความตั้งใจที่จะสวดให้จบ สัจจะบารมี

    7.สวดมนตร์ด้วยความตั้งมั่นที่จะสวดให้จบและตั้งใจสวดมีจิตใจตั้งมั่นต่อบทสวด อธิษฐานบารมี

    8.สวดมนตร์บทนั้นจบแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย เมตตาบารมี

    9.สวดจบแล้วมีจิตใจสงบ อุเบกขาบารมี

    10.สวดเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร เทวดา สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทานบารมี

    นี้ไงครับเทคนิคการสร้างบารมีให้ได้10ทัศในคราวเดียวกันเลยนั้นง่ายมากเลยนะครับแถมบางทีเราจะได้อานิสงส์จากการสวดมตร์บทนั้นๆด้วยละครับเช่นบทแผ่เมตตาก็ได้อานิสงส์เมตตา11ประการ บทยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏก ทำให้จิตใจสงบหรือถ้าสวดครบอายุตนเอง จะทำให้มีโชคลาภ ปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง

    นี้ไงครับเห็นไหมครับได้ทั้งบารมี10ทัศและอานิสงส์ของบารมี10ทัศเลยแถมได้อานิสงส์จากการสวดมนตร์บทนั้นอีกด้วย ได้คุ้มค่าเลยนะครับเหมือนกับยิ่งปืน1นัดได้นกถึงพันกว่าตัวนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กันยายน 2011
  2. chatch-p

    chatch-p Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +45
    อนุโมทนา สาธุครับ เป็นวิธีที่คนมองข้ามนะครับ บางคนบอกว่าสวดแล้วแปลก็ไม่ออก เอามาใช้ไม่ได้ ก็เลยไม่สวดกัน บางคนก็นั่งสมาธิเลย แต่ผมว่าการสวดมนต์ก่อนจะทำให้นั่งสมาธิแล้วจิตสงบดีกว่าครับ
     
  3. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    ในเทคนิคในการทำบุญสร้างกุศล
    ด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
     
  4. bestsu

    bestsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +617
    จะบอกว่าสวดเฉยๆไม่เป็นบารมีนะ
    ท่านว่า บารมี คือกำลังใจเต็ม
    ดังนั้นตอนสวดต้อง ตั้งใจ ว่าจะ บำเพ็ญบารมีนะ ไม่ใช่ทำไปลมๆแล้งๆ

    เหมือนกับคนที่อยู่เฉยๆ ต่างกับคนถือศีลยังไง
    ไม่ได้ไปฆ่าสัตว์เหมือนกัน
    ไม่ได้ไปขโมยของใครเหมือนกัน
    ไม่ได้ไปผิดประเวณีเหมือนกัน
    ไม่ได้ไปโกหกใครเหมือนกัน
    ไม่ได้กินเหล้าเหมือนกัน

    ถ้าสองคนนี้ตาย จะได้ไปสวรรค์ทั้งคู่ไหม
    ตอบว่าไม่ เพราะคนรักษาศีล รักษาที่กำลังใจ แต่คนอยู่เฉยๆกำลังใจเขาไม่ได้รักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กันยายน 2011
  5. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    การก่อกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมดูเจตนาเป็นหลักนะครับ
     
  6. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    สวดมนต์ก็ดีครับ

    แต่ที่สูงสุด คือ ภาวนา
    ครบสามสิบทัศ

    พัฒนาจิตได้อย่างสูงยิ่ง
    ปฏิบัติบูชา มีอานิสงค์มาก ๆ ๆ
    ปฏิบัติจนได้ ฌาน ได้ ญาณรู้
    สามารถใช้กำลังจิตในเรื่องต่าง ๆ ได้

    แผ่เมตตาก็ได้อานิสงค์มาก
    สรุปง่าย ๆ คือ อานิสงค์เต็มเร็วครับ
     
  7. ปรมินทร์29

    ปรมินทร์29 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +156
    แล้วถ้าทำบ้างไม่ทำบ้าง อันนี้จะได้บุญมั๊ยค่ะ เพราะบางทีก็ยุ่งยากต่อภาระกิจประจำวัน คือต้องเอาลูก ลูกก็เป็นเด็กงอแง กว่าลูกจะนอนเราก็เหนื่อยมากแล้ว ไม่มีเวลาทำทุกวัน เราทำบ้างไม่ทำบ้างจะได้กุศลบ้างมั๊ยค่ะ แต่จิตใจเราก็ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสมอ
     
  8. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    ก็วันไหนก็ได้วันนั้นละครับ สมมติว่าสวดมนตร์วันพุธก็ได้วันพุธไม่สวดวันพฤหัสก็ไม่ได้วันพฤหัส เนี้ยละครับเป็นแบบนี้ละ
     
  9. ukitake

    ukitake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +140
    อกาลลิโก

    ธรรมะไม่ขึ้นกัยกาล
     
  10. ukitake

    ukitake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +140
    อกาลลิโก

    ธรรมะไม่ขึ้นกับกาล
     
  11. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อืม....ก็ต้องลองดูนะครับว่า การทำจริงกับการสวดมนต์ จะได้จริงๆๆไหมนะครับ

    ธรรมของพระโพธิสัตว์ ( ประจำใจพระโพธิสัตว์อยู่เสมอทุกชาติ )
    ธรรมเหล่านี้สัมพันธ์กันตลอดเวลาไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย เพราะธรรมแต่ละข้อนั้นต่างอาศัยกันและกันเกิดขึ้น.....
    เมื่อพระโพธิสัตว์ให้ ทาน จุดมุ่งหมายในการให้ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ผู้รับไม่มีคิดที่จะเป็นเหตุให้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่น
    การไม่มีความคิดที่จะเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา ใจ นี้จัดเป็น ศีล
    เมื่อเกิดความคิดในการให้ทาน จิตใจย่อมผ่องใสปราศจากนิวรณ์
    การที่จิตปราศจากนิวรณ์ จัดเป็น เนกขัมมะ
    แน่นอน ในการบำเพ็ญทานนั้น ย่อมตั้งใจใช้การพินิจพิจารณาเหตุผล เพื่อให้ทานเกิดประโยชน์มากที่สุด
    การพินิจพิจารณาเช่นนี้ จัดเป็น ปัญญา
    ความตระหนี่เป็นอุปสรรคสำคัญในการบำเพ็ญทาน พระโพธิสัตว์จำต้องพยายามละความตระหนี่ที่เกิดขึ้นขัดจังหวะอยู่ตลอดเวลา
    การพยายามละความตระหนี่เช่นนี้ จัดเป็น วิริยะ
    นอกจากพยายามละความตระหนี่ซึ่งเป็นบาปที่คอยขัดขวางไม่ให้การทำความดีก้าวหน้าแล้ว พระโพธิสัตว์จะต้องยอมทนทุกข์ทรมานจากการเสยสละ
    เพราะในบางครั้งสิ่งที่สละนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากหรือเสมอด้วยชีวิต แต่เมื่อเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับ ถึงตนเองจะต้องลำบากท่านก็ยอมสละให้ได้
    การยอมทุกข์ทรมานเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุขเช่นนี้ จัดเป็น ขันติ
    พระโพธิสัตว์ เมื่อตัดสินใจให้ทานแล้วก็ย่อมทำตามการตัดสินใจ หรือเมื่อพูดว่าจะให้อะไรแก่ใครแล้ว ท่านก็พร้อมจะให้เสมอ ไม่เคยกลับคำ
    การพูดหรือทำตรงตามการตัดสินใจนั้น จัดเป็น สัจจะ
    การทำอย่างที่พูดหรือตัดสินใจไปแล้วนั้น บางครั้งทำไปแล้ว อาจจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นขัดขวางซึ่งทำใหเกิดความท้อถอยแต่พระโพธิสัตว์จะยึด มั่นอยู่ในสัจจะนั้น พยายามฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้
    ความมั่นคงแน่วแน่เช่นนี้ จัดเป็น อธิฐาน
    การให้ของพระโพธิสัตว์ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปรารถนาดี และเป็นความปรารถนาดีชนิดที่เป็นอัปปมัญญา ไม่มีขอบเขตจำกัดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นความปรารถนาดีที่แผ่ไปให้แม้กระทั้งศัตรู
    ความรักความปรารถนาดีอย่างกว้างขวางนี้ จัดเป็น เมตตา
    แน่นอนว่า ในการให้นั้น พระโพธิสัตว์ย่อมมิได้มุ่งหวังผลตอบแทนหรือเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง ท่านสามารถบังคับใจให้อยุ่เหนือสิ่งตอบแทนทางวัตถุเหล่านี้ ทั้งนี้เป็นเพราะท่านรู้จักปล่อยวางประคับประคองใจให้เป็นกลาง
    การวางใจให้เป็นกลางได้เช่นนี้ จัดเป็น อุเบกขา
     
  12. arnonpattana

    arnonpattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +216
    ถูกต้องแล้วละที่พี่พูดมานะ

    แหมไปหาที่เดอะมอลล์งามวงศ์วานดันไม่รับโทรศัพท์วันที่24กันยายนไปสอบมศว.ที่อิมแพ็คมาจะไปหาพี่สักหน่อยไม่รับอีก
     
  13. พุทธางกูรน้อย

    พุทธางกูรน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +68
    เยี่ยมมากครับ ขอบคุณครับ

    อนุโมธนากับธรรมทานนี้อย่างยิ่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...