สำนักพระพุทธเล็งลงดาบพระเกษม

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 21 กันยายน 2011.

  1. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    ในขณะที่วัดหลายวัด ลำบากเพราะภัยน้ำท่วม พระ-เณร อยู่กันอย่างลำบาก ต้องหนีน้ำ

    ขณะเดียวกันก็มีพระบอกไม่อยากดัง แต่อัดคลิปตัวเอง แถมส่งโพสเองลงยูทูบ

    เอาเวลาไปช่วยคนที่ถูกน้ำท่วมเห๊อะ บ้าอัดคลิปมาก หมกมุ่นเกินไป

    สงสัยจริง ๆ ถ้าเอากล้อง กับ Internet ของวัดสามแยกออก

    จะคลั่งหนักกว่านี้มั้ย นี่เรียกว่าเสพติดการอัดคลิปตัวเองหรือเปล่าเนี่ย?

    แล้วบอก "ม่ายอยากดังงงงงงง"
     
  2. spellohock

    spellohock Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +92
    จริงอยู่ที่ว่าพระพุทธรูปคือ สมมติวัตถุ เป็นสิ่งที่เราระลึกได้ถึงพระศาสดาของเรา แต่ถามว่า มีใครเคยเห็นหรือได้พบพระพุทธเจ้าองค์เป็นๆไหม ผ่านมาสองพันกว่าปีแล้ว สมัยนั้นคงยังไม่มีกล้องถ่ายรูปกระมัง ดังนั้น สิ่งที่เราควรกราบไหว้ ก้อคือ พระไตรปิฏก อันเป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้ใดปฏิบัติได้ ปฏิบัติตามก็เสมือนได้พบพระพุทธเจ้า จริงไหมครับ อันที่จริงแล้วพระพุทธรูปแต่ละองค์มีเทวดาสถิตย์อยู่ นั้นเสมือนว่าเรากราบไหว้เทวดา เอาง่ายๆ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า(สรุปมาแล้ว)ทุกที่ในอากาศมีวิญญาณเต็มไปหมดมีมากกว่าเม็ดทรายในโลก เต็มไปหมดทั่วอากาศ ถามว่าเวลาที่เค้าปลุกเสกพระเอาสายสิญจน์พันรอบ จะมีวิญญาณมหาศาลไหมล่ะที่จะสิงสถิตย์อยู่ในเครื่องรางของขลังที่ท่านๆใส่กัน แม้แต่ในรูปภาพก้อยังมี ทุกสิ่งต้องการที่อยู่อาศัย คนที่ปฏิบัติมาก็คงทราบดีกันอยู่แล้ว แต่กระนั้นก้อเหอะ ทุกวันนี้ผมไหว้ทุกอย่างตั้งแต่จอมปลวก พระภูมิเจ้าที่ ทุกบ้าน จนถึงภูเขา แม่น้ำ ไม่ได้งมงายนะ แต่ผมเชื่อว่า เมื่อเราอ่อนน้อมต่อทุกสิ่ง ไปไหนก้อไม่กลัวตาย พระสงฆ์ทั้งที่ดีและไม่ดีก็ไหว้(ไหว้้ผ้าเหลืองนะ) และจะกราบสามครั้งเฉพาะ พ่อแม่ และพระธรรม เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่สูงสุดเลยก็ว่าได้ จะทำอะไรก็ดีไปหมด (ลูกศิษย์หลวงพ่อภูริปัญโญ วัดอรัญบรรพต)
     
  3. spellohock

    spellohock Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +92
    คำสอนของพระแต่ละรูปไม่เหมือนกัน แล้วแต่ใครจะศรัทธา เค้าเรียกว่า บารมีถึงกัน เคยปฎิบัติร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ถ้าท่านไม่ดีจะมีลูกศิษย์เยอะไหม นานาจิตตัง จงวางเฉย และมองดูอย่างมีสติ จึงจะพบความสุขที่แท้จริง
     
  4. spellohock

    spellohock Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +92
    ใครที่ผ่านมาทางถนนสายแพร่ลำปางมีโอกาสลองขึ้นไปนมัสการ หลวงพ่อภูริปัญโญ ภิกขุ (สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดอรัญบรรพต(วัดพระธาตุดอยวังเฮือ) ท่านรู้เรื่องพระธรรมมาก สนทนาธรรมสนุก ได้ข้อคิดมากมาย มีอัทธยาศัยดี เป็นกันเองมาก ช่วงนี้วัดกำลังบรูณปฎิสังขรณ์หลายอย่าง เนื่องจากเป็นวัดร้างมาก่อน มีพระธาตุที่สมเด็จพระสังฆราชอัญเชิญเสด็จมาไว้ที่นี้ด้วย อันทั้งความรู้สึกทุกตรั้งที่เข้าไปข้างบนเขาลูกนี้อเชื่อว่ามีความศักสิทธ์อยู่เยอะผมสัมผัสมาแล้ว... ลองมาแสวงบุญดูนะครับ อนุโมทนาบุญล่วงหน้าด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. เทียน

    เทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +67
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ ดูเหมือนอาจารย์เกษมจะพยายามจับปฏิปทาพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง แม้แต่การลีลาการเทศนาว่าการ ดังที่ชอบถามย้ำว่าเข้าใจหรอๆ หากองค์หลวงปู่นั้นท่านครองธรรมเต็มหัวใจ การจะดุด่าว่ากล่าวเสียงดังเผ็ดร้อนบ้าง ท่านก็แสดงออกหนักเบามากน้อยตามเหตุผล มีขอบเขตและก็ต้องเป็นเป็นสาระคุณกับผู้ฟัง
    ส่วนอาจารย์เกษมเองนั้น ถ้าหากจิตกับธรรมยังไม่เป็นอันเดียวกัน การแสดงออกก็ยังคงไม่เป็นธรรมล้วนๆ องค์หลวงปู่เคยกล่าวว่าแม้ท่านผู้ผ่านสมมุติทั้งปวงแล้ว การแสดงออกต่างๆ ก็ยังคงต้องรักษาให้พอเหมาะพอดีสังคมยอมรับ ส่วนอาจารย์เกษมนั้น ดูจะกลายเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวทั้งทางกาย และวาจาที่แหวกแนวหมู่คณะไป มากกว่าที่จะเป็นกริยาของผู้พ้นสมมุติ

    อาจารย์องค์นี้ดูเหมือนจะเป็นสัมมาทิฐิ ยึดมั่นธรรมวินัย ไม่รับเงิน ทำลายพระพุทธรูป วัตถุมงคล ตำหนิพิธีกรรม แต่ที่สุดแล้วก็ดูจะเป็นการยึดติดตำราสุดโต่งไปมากกว่า ทำอะไรก็มักกล่าวอ้างและนำพระไตรปิฏกมาสนับสนุนมติของตนเอง ทั้งที่จริงแล้ว ธรรมแท้จริงนั้นเป็นสมบัติของท่านผู้ปฏิบัติจนรู้แจ้งแทงทะลุประจักษ์ในใจตนเองแล้วเท่านั้น ส่วนธรรมที่อยู่ตามคัมภีร์จะให้ศึกษาเท่าไร หากไม่ปฏิบัติแล้วก็ไม่ทำให้ปุถุชนเป็นพระอริยะขึ้นมาได้ สิ่งที่รู้เห็นจากสัญญาความจำก็เป็นเพียงธรรมปลอมๆ หากยึดมั่นแล้วก็จะเป็นความสำคัญผิด การจะไปหาวิมุติหลุดพ้นในพระไตรปิฏกก็จะได้แต่ความคลาดเคลื่อนไป เพราะความบริสุทธิหลุดพ้นไม่ได้อยู่ที่ในใบลานหรืออักษรภาษาถ้อยคำ ซึ่งเป็นสมมุติที่ใช้บันทึกรักษาร่องรอยของความจริง จึงน่าจะเร่งภาวนาให้ได้หลักใจอันแน่นหนามั่นคง ไม่ต้องสงสัยและไปหาที่อ้างอิงจากภายนอก

    ยิ่งกว่านั้นยังมีปฏิปทาที่สะดุดใจอยู่บ้าง เช่นการมักตอบโต้ข้อกล่าวหาหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง ซึ่งของจริงท่านจะไม่หวั่น และไม่เก็บเป็นอารมณ์โดยสิ้นเชิง แทบจะไม่สนใจตอบหากจำเป็นจะต้องชี้แจง ก็ต้องเกิดประโยชน์มากพอ นอกจากนี้ท่านไม่อวดความรู้ความเห็นแปลกๆ ที่เป็นสิ่งลี้ลับที่ผู้อื่นไม่อาจเห็นตามด้วยได้ในการเทศน์เผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากจะเล่าในหมู่ศิษย์เท่านั้น แม้แต่ประสบการณ์การภาวนาที่แปลกๆ นั้น ท่านก็พูดในขั้นที่พอดีกับผู้ฟัง ดังที่ท่านกล่าวว่าธรรมจะออกเท่าไรมีความพอดีเสมอ ส่วนการเปิดเผยภูมิจิตภูมิธรรม ก็เพื่อให้ศิษย์แน่ใจไม่สงสัยลังเลที่จะดำเนินตาม เกิดความมั่นใจและมีกำลังใจในการปฏิบัติ

    จริงอยู่พระแท้นั้นง้อธรรมไม่ง้อโลก ซึ่งใจของท่านที่ไม่ไหลไปตามกระแสแห่งกิเลสแล้ว แต่กริยาที่ใช้ภายนอก ก็ย่อมแสดงออกถึงความเมตตา และช่วยเหลือสงเคราะห์สัตว์ไปตามสมควร แม้จะไม่อยากยุ่งเกี่ยวก็ตาม ส่วนการออกมาแสดงความก้าวร้าวใส่หน้ากล้อง เพื่อนำลงเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตนั้น ไม่รู้จะเห็นเป็นการอยากอยู่คนเดียวไปได้อย่างไร
     
  6. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,481
    ค่าพลัง:
    +1,831
    งั้นพระเทวทัตก็ไม่ผิดใช่ไหมครับ เพราะได้อภิญญาแล้ว ถึงท่านจะไม่ดี แต่นั่นก็คือจริตชาติก่อนๆ เพราะท่านเป็นคนเลวมาหลายร้อยชาติ แล้วท่านยังสุดโต่งอีกด้วย ?

    ผมเริ่มนึกถึง พระเทวทัตกับ ภิกษุใหม่ 500 รูปซะแล้วสิ เหอๆ
     
  7. deselleg

    deselleg สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +7
    ผมเข้าใจเจตนาของท่าน
    แต่การสำรวม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
    เป็นสิ่งที่ควรกระทำในหมู่สงฆ์
    บอกว่าท่านรู้จริง เห็นจริงแล้ว
    ถ้าท่านรู้จริง เห็นจริงแล้ว ก็ไม่ควรจะมีโทสะแล้วครับท่าน
    พระอริยะนั้นจะหาเชิ้อไฟในตัวนั้นมีไม่เยอะ
     
  8. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    เรียนท่าน สยามสามดี

    ได้ดูเวปหลวงพ่อเกษม แล้ว..ทำให้คิดได้ 2 มาตรฐาน กับคำว่า คน และมนุษย์ ตาม คำศัพท์ คำว่า คน หมายถึง สิ่งที่คละเคล้าให้เข้ากัน ถ้าคละเคล้ากับเขาไม่ได้ ก็ถูกเรียกว่าสิ่งแตกต่างออกไปแต่ไม่ใช่มนุษย์.. คำว่า มนุษย์ คือ สัตว์ประเสริฐ ทางความคิดและ การปฎิบัติ แต่บนโลกใบนี้ น้อยคนนักที่่จะเป็น มนุษย์
    -เราขอมองเป็นกลาง ดังนี้..
    1.คำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในพระไตรฯซึ่งพระทุกองค์ ก็ต้องอ้างคำนี้ด้วยกัน แต่
    ใครจะใช้นำไปใช้วิธิไหน แบบไหน ให้ใครเป็นคนดีได้มากกว่ากัน..
    เข้าใจอย่างนี้..พระไตรปิฎกเป็นแบบแผนเพื่อให้แต่ละจริตโน้มนำไปปฏิบัติ
    เพื่อยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิรู้แจ้งจำเพาะตนแล้วจึงนำออกแสดงตามวิธีต่างๆตามแต่วาสนาบารมีของแต่ละองค์...ซึ่งอยู่ในอรรถในธรรมใน อริยประเพณี
    มีข้ออ้างดังนี้
    "ผู้ไม่ปฏิบัติตนไม่แนะนำตนให้รู้แจ้งด้วยตน จักสามารถแนะนำให้ผู้อื่นปฏิบัติให้รู้แจ้งได้นั้น ข้อนี้เป็นไปไม่ได้"
    อีกประการ .."ความตอนหนึ่งในมุตโตทัย"
    "การปฏิบัติเป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ ....ธรรมเมื่อเข้าไปประดิษฐานในปุถุชนแล้ว...ย่อมวิปลาศคลาดเคื่อนจากหลักเดิม....แต่เมื่อไปประดิษฐ์ในถิ่นสันดานพระอริยเจ้าแล้วย่อมบริสุทธิแท้....
    สรุป เข้าใจว่าไม่เรียนเพื่อเอาไปสั่งสอนผู้อื่นนาท่าน...หรือว่าไง?
    2. พระเกษม ท่านนำมาสอนแบบตรงไปตรงว่าใช้วาจา แตกต่างจะพระรูปอื่น ๆ
    อย่างมากโข ทำให้มองว่าเป็นผู้ผิด(ในสมัย โบราณไม่ว่ายุคไหน คำว่า ข้า เอง กู มึง คือ คำที่ใช้ในการสื่สาร ใช่หรือไม่)
    เข้าใจอย่างนี้..การมองพระไม่ได้มองแต่เพียงจริยาภายนอก...แต่ยึดอรรถและธรรมเป็นหลัก...เพื่อความเจริญแห่งกุศล,และเพื่อละอกุศลหรือไม่..ดังมีมาในพระโอวาทปฎิโมกข์หรือไม่
    สรุป ข้อนี้ขอผ่าน
    3. การมองคน ให้มองที่ การกระทำ ในทางปฎิบัติ พระองค์นี้ สอนคนไม่ให้ยึดติดกับสิ่งของทุกอย่าง แต่พระบางรูปที่ ทำพระเครื่องออกมาจำหน่าย ในราคาแพง และนำเงินพวกนั้นไปใช้ประโยชน์อะไรกัน สิ่งที่เห็นคือ นำมาสร้างวัตถุเพื่อความเจริญของวันนั้น เป็นสะส่วนใหญ่ ในทางกับกัน คนที่จนในต่างจังหวัด และในกทม. ถามว่าทำไมไม่นำเงินตรงนี้ไปสร้างวิชาความรู้ อย่างพระพยอม ที่กระทำอยู่ในปัจจุบันนี้...แต่พระพยอม ถูกมองว่า เป็นพระไม่ดี พูดจาไม่ไพเราะ..แต่การกระทำ นั้นยิ่งใหญ่ กว่าพระที่ มียศมีคำสอน แต่ตัวเองปฎิบัติไม่ได้..คนส่วนมากชอบ เสียด้วยซิ อย่างยันตระ นิกร อีกมากมาย..(การมองคนต้องมองให้ลึก มองทั้งข้อดีและ ข้อเสีย ..บางคนทำดีมาทั้งชวิต ผิดนิดหน่อย ก็ถูกมองว่าเป็นเลว ไปหมด ทำไมความดีเค้า ไม่มีเลยเหรอ อย่าทำตัว เป็นคนสมองสั้น กันไปเลย มองอะไรต้องมอง หลายๆๆด้าน)
    เข้าใจอย่างนี้..ดอกบัวยังมีสี่เหล่า
    การเปรียบเทียบ
    ควรยึดแบบฉบับที่อริยประเพณีครูบาอาจรย์ทั้งหลายได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา พอจะมีตัวอย่างที่ดีกว่าให้เห็นและศึกษาบ้าง เช่น พระที่มียศ(ทางโลก)...สมเด็จฯโต พรหมรังสี ท่านสร้างพระเพื่อกุศโลบายอะไรและท่านปฏิบัติตนอย่างไร...พระดู่ พรหมปัญโญ,หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ เป็นต้น....ลองศึกษาดู
    การละอุปาทานความยึดมั่น
    ละกันง่ายๆ ด้วยการเผาทำลายอย่างนั้นหรือ
    4. พระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนพระองค์ รูปแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ออกแบบโดยชาวกรีกคนหนึ่งซึ่ง เคารพในคำสอน นั้นก็คือ พระไตรฯ พระพุทธรูป มีใครบาง ที่จะพิจารณาและคิดที่ละอย่างของท่าน เวลากราบของคน ทุกคนที่อ้างตัวว่าเลื่อมใสพระศาสนา มักจะขออะไรจากสิ่งที่ท่านกราบ เราเชื่อว่าทุกคนต้องขอว่า อย่าเจ็บอย่าจน ก็ให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความรัก ทุกอย่างที่จะขอ...(นั้นก็คือ กิเลสทั้งนั้นที่ท่านขอ ก็ผิดในพระไตรฯแล้ว จิงไหม) แต่มีใหมที่จะขอพระพุทธองค์ดลใจเป็นคนดี มีศีล 5ข้อ รุ้จักปล่อยว่างทางวัตถุที่เราเห็น..พระพุทธรุปที่สร้างมีความหมาย ทุกอย่าง ส่วนหัวที่แหลมคือ ความคิดที่ แหลมคม ส่วนหัวที่วนคือ ก้นหอย ให้คิดอย่างช้าละเอียด และรอบคอบ หู ให้เป็นคนหูหนัก ฟังอะไรมาให้พิจารณาก่อน ส่วนตาคือ ความนิ่งสงบ จมูกคือ ความซือตรง ปากต้องนิ่งก่อนพูด..ทุกอย่างมีความหมายหมด ถ้าคนที่กราบ ก็ขอให้คิด ส่วนคนที่ไม่กราบ ก็ให้ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า (นี้ก็ 2มาตรฐาน ที่ไม่มีคนผิด )
    เข้าใจอย่างนี้..
    การกราบพระพุทธปฎิมากรของชาวพุทธ
    เพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และคุณอันยิ่ง 3 ประการของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเหตุแห่งบุญกุศล...เมื่อสร้างเหตุแล้วผลที่จะพึงปรากฏสมปราถนาก็อาจมีได้เป็นได้ตามเหตุปัจจัย......แลเมื่อสร้างเหตุกุศลผลบุญแล้วการขอจึงความมุ่งประสงค์ให้ผลของบุญที่จักปรากฎนั้นเป็นไปประการใด...ถ้าเป็นไปในทางพ้นทุกข์ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายก็จัดเป็นอธิฐานบารมีประการหนึ่ง
    คงไม่มีใครกราบพระพุทธปฎิมากรแล้วระลึกว่า....
    "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการทองเหลืองและปูนปั้นทั้งหลายนี้"
    ....นะขอรับ
    การบูชา
    การบูชาด้วยด้วยการปฏิบัติให้รู้แจ้งพระสัทธรรม
    ...พระพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญ...แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามบูชาด้วยอามิสอันบริสุทธิ.
    5.พระเกษมเป็นพระ นักสอน มาตรฐานพระ อาจไม่ครบ แต่คนเคารพในคำสอนและหลักการของท่าน ก็มี (เทคนิคการสอนไม่เหมือนกัน)พระนักสอน ในเมืองมีคำสอนที่หน้าฟัง แต่ที่นั่งอาสนะ เป็นของนิ่ม และเป็นหนังสัตว์ ก็ผิดวินัยเหมือนกัน แต่คน เขลาเบาปัญญาทั้งหลายในประเทศไทย ก็ควรที่จะพิจารณาว่าจะนิยมแบบไหน ...ไม่มีใครผิดอีกเหมือนกัน เพราะมันมี 2 มาตรฐาน..
    เข้าใจอย่างนี้..การมองพระไม่ได้มองแต่เพียงจริยาภายนอก...แต่ยึดอรรถและธรรมเป็นหลัก...เพื่อความเจริญแห่งกุศล,และเพื่อละอกุศลหรือไม่..ดังมีมาในพระโอวาทปฎิโมกข์หรือไม่

    6. พระที่เล่น เฟสบุคตอนกลางคืน ก็เยอะ อยากให้ กระทรวงวัฒนธรรมและ สำนักสงฆ์ มาดูแลกันบ้าง พระบางรูป อ้างว่ามาสอน แต่เพื่อนมีแต่หญิง ซะเป็นส่วนใหญ๋ ผิดศีลหรือ ไม่
    เข้าใจอย่างนี้..ดอกบัวยังมีสี่เหล่า (ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น)
    7. พระที่ชอบ ปลุกของ นั้นก็ผิดหลักคำสอน ทำไมไม่เอาผิด เพราะคำสอนพระพุทธเจ้าไม่มีในข้อนี้ ถ้าพระรูปใหนทำ ถือว่าผิดวินัยเหมือนกัน (อ้างว่าเพื่อยึดเหนี่ยวให้คนเป็นคนดี แต่คนที่คล้องคอส่วนมาก ขออะไรจากสิ่งที่เราเคารพ ส่วนมากก็ขอ ความเป็นกิเลสทางด้าน วัตถุและ ความรัก แต่จะมีสักกี่คน ขอให้เป็นคนดีรู้จัก คำว่า กิเลสและทุกข์ให้มากกว่าเดิม นี่ก็ 2 มาตรฐานเหมือนกัน
    เข้าใจอย่างนี้..ตัวอย่างที่ดีกว่าให้เห็นและศึกษาบ้าง เช่น พระที่มียศ(ทางโลก)...สมเด็จฯโต พรหมรังสี ท่านสร้างพระเพื่อกุศโลบายอะไรและท่านปฏิบัติตนอย่างไร...พระดู่ พรหมปัญโญ,หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ เป็นต้น....ลองศึกษาดู
    8. คำสอนพระพุทธเจ้า คือ ไม่ยึดติดกับอะไร ให้สร้างความดีมองทุกอย่างเป็นกลางและปล่อยวาง...ไสยขาวคือ พระเครื่องที่ห้อยคอ สิ่งยึดมั่นให้หลุดพ้นจากสิ่งชั่วร้าย ก่อนจะทำอะไรต้อง ท่องคาถา คนพวกนี้คือ ดียังไม่พอ ยังขอกันอยู่ ส่วน ไสยดำ คือ พวก มีกิเลสทุกอย่างที่อย่างจะได้ให้มาเป็นของตน ขออย่างไม่มีวันสิ้นสุด..... ทุกคน เลือกเอาว่าจะเป็นพวกไหน
    เข้าใจอย่างนี้..คำสอนพระพุทธเจ้า คือ ไม่ยึดติดกับอะไร ....ด้วยการปฏิบัติให้รู้เท่าทันตามจริงอย่างแจ่มชัดและปล่อยวางสมมติได้จากภายในคือจิต....
    ...มิใช่การทำทำร้ายทำลายภายนอกให้แตกสูญหายไป...เช่นการเผาก็ดี...การทุบทำลายก็ดี...หากเป็นของสงฆ์ด้วยแล้วยิ่งหนักเลย....
    .....................................................................
    เรื่องหลวงพ่อเกษม กระผมขอไม่กล่าวถึง...นะครับ
    เอาความเข้าใจระหว่างท่านกับกระผมเป็นหลัก นะครับมิใช่ถูกกับผิด...เพื่อทำความเห็นของตนให้ตรง..เพื่อความเจริญในธรรมต่อไป..
    ..................กระผมเข้าใจอย่างนี้...ท่านเข้าใจอย่างไร ?................
    .............................สยามสามดี เชิญ .................................
     
  9. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
  10. สยามสามดี

    สยามสามดี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +3
    คำสอนของ พระพุทธเจ้า คือ ไม่ยึดติดกับอะไรที่เป็นวัตถุและอารมณ์ความรู้สึก การปล่อยวาง ตามีไว้มอง สมองมีไว้คิด ปากมีไว้พูดแต่สิ่งดีคือไม่มีคำหยาบ มือมีไว้ปฎิบัติให้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม. คือคำสอนที่ สำคัญมาก....แต่ในยุคปัจจุบัน คน ที่ไม่ใช้มนุษย์ พูดดี แต่มือ และสมอง นำไปใช้ในทางเห็นแก่ได้ เห็นแต่ตัวในด้านทาง สงฆ์และทางโลก..พระพยอมท่านพูดดีแต่เสียงดัง คนไม่ชอบ แต่มือท่านมีไว้ปฎิบัติ คือ สร้างวิชาชีพแก่คนที่ไร้โอกาศ แต่ คนทั้งประเทศมองท่านเป็นพระที่ไม่หน้าเคารพแต่ท่านสามารถคุณประโยชน์อย่างมาก สามารถสร้างคนให้เป็น ฅนเป็นเช่นไร..สำหรับพระเกษม ตามอง สมองคิด (คิดว่าจะทำเช่นไรให้คน ไทยเลิกงมงาย) ปากพูดดี (แต่ใช่คำพูดที่รุนแรง ซึ่งบางคน รับไม่ได้ เพราะคิดว่า ตัวเองคือ คนที่เหนือคนทุกอย่าง ถ้ามองกันลึกๆคือ คนที่คิดว่าเหนือคน ก็เผ่าเมรุเดียวกันทั้งนั้น)มือ ปฎิบัติ คือ ทำซีดี แจกฟรี ไม่จำหน่าย...ในทางกลับกัน...พระเถรวาท+พระชั้นผู้ใหญ่ที่ติดในยศ...ตามอง สมองคิด (จะสร้างอะไรให้กับสถานสงฆ์ที่ตัวพำนักให้มันยิ่งใหญ่ อลังการ ประเทศไทยจะได้ จารึกชื่อไว้ ว่าไครเป็นผู้สร้าง) มือ ปฎิบัติ คือ วัตถุมงคล จำหน่ายในราคาที่ แพง ทั้งๆๆที่ต้นทุน ท่าพระจันทร์แสนถูก....(ตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้า ท่านไม่เคยมีคำสอนแบบนี้ พระสงฆ์องค์ไหนไปทำจะผิดอย่างมาก..)ศาสนาพุทธ ตอนนี้ แตก เป็น 3 อย่างคือ 1.ยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ คือ ไม่ยึดติดกับวัตถุทุกชนิด ให้ดูกันในทางปฎิบัตตนว่า ทำอย่างไรให้คน ไปเป็นมนุษย์ และไม่ให้เกิดมาใหม่ในวัฎสงสารแห่งนี้ 2. ไสยขาว คือ คนที่คิดว่าตัวคือคนเหนือคน..สร้างวัตถุออกมาให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวไม่ให้ปล่อยวาง ขอพรได้ บันดาลสุข ร่ำรวยได้ อยู่ภายใต้ขอบเขตที่คนกำหนด..สิ่งนี้ก็คือ กิเลส . 3 ไสยดำ คือ คนที่คิดว่า คนไม่ต่างกับสัตว์เดรัชฉาน มีความอยากใน กามา แต่คนพวกนี้ จะเพิ่มไปอีก คือ เสพ กามา เสพความอยากมีสุข อยากมีความ ร่ำรวย ความอยากทุกชนิดที่ตัวคนอย่างได้...(ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคนจำพวกนี้ สัตว์เดรัชฉานดีกว่า หรือ ไม่...ซี่งพบเห็นได้ไม่อยากนักในประเทศนี้)ข้อคิด...ท่านทุกตัวคนที่กราบ พระพูทธองค์ ท่านขออะไร...ขอกิเลศ (คือขอ ให้ มีความสุข ร่ำรวย ไม่เจ็บไม่จน การงานประสบความสำเร็จ ความรักสมหวัง) หรือ กราบ ว่าจะปฎิบัติตัวตนตามคำสอนของพระพุทธองค์...
     
  11. เอกวัฒน์

    เอกวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +2,431
    เดย์

    ผมติดตามพระปลอมคนนี้มานานแล้วครับ
    ว่าเมื่อไหร่จะโดนจับสึก ซักกะที หลายปีมาแล้วก็เหยียบพระพุทธรูป
    ทำกริยาหมิ่นพระพุทธรูป ไม่ให้ลูกศิษย์กราบไหว้พระพุทธรูป
    คำสอนก็คิดเอาเอง โอนบุญ ฝากบุญ
    อ่ะไรก็ไม่รู้ ในเวปนี้ก็มีลูกศิษย์เยอะอยู่เหมือนกัน
    มีการเผยแพร่คำสอนผิดๆ คนไม่รู้ก็เชื่อตาม
    แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตาสว่างกันหรือยัง
    ตาสว่างกัันได้แล้วครับ พระดีๆมีให้กราบไหว้อีกเยอะครับ
    ตามพระปลอมคนนี้ ตกนรกแน่คับ
     
  12. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ตอนนี้ปัญหาน้ำท่วมของประเทศก็หนักพอสมควรแล้ว อะไรทำให้หลวงปู่เป็นเช่นนี้
     
  13. nongpi

    nongpi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +46
    ผมว่านะครับถ้าใครสงใสควรจะไปวัด หรือ โทรไปถามหลวงปู่เองดีกว่านะครับ
    เพราะว่าคนเราดูที่ภายนอกไม่ได้ครับต้องดูที่ภายในด้วย ใครอาจจะไปรู้ว่าสิ่งที่เค้าทำอยู่เค้าทำเพื่อเจตนาอะไร
    ผมยังไม่เคยโทรไปหาหรือไปวัดครับแต่สำหรับผมตอนนี้ ถือคติว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่เพราะถ้าเราไปถือความคิดที่ไม่แน่ชัดอาจจะทำไห้เรามีมิฉาฐิติได้
     
  14. bluemachine

    bluemachine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    จับสึกซะเลยครับ หลายครั้งหลายหนแล้ว ความผิดก็ชัดเจน เอาเครื่องแบบของพระพุทธเจ้าท่านมาใส่ หากินกับชาวบ้าน ยังไม่เคารพพระธรรมวินัยอีก ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องควรรีบทำหน้าที่ของตนเองให้เร็วที่สุดครับ หลังสึกแล้วก็เอาเข้าโรงพยาบาลโรคจิตเสียด้วย
     
  15. Rungnirun

    Rungnirun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +535
  16. reangrit

    reangrit สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +5
    น่าจะเป็นคนบ้ามาบวชเป็นพระมากกว่า ดูพฤติกรรมแล้วเหมือนคนบ้าที่กำลังคุ้มครั่งชัดๆๆ 5555
     
  17. ชา ใคร่รู้

    ชา ใคร่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +496
    แฟนผมเคยเอาหนังสือที่เกี่ยวกับคำสอนของพระเกษมมาให้ผมดู ผมอ่านจบแล้วแอบเอาไปเผาทิ้ง ไม่เอาไว้ให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิด
     
  18. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ใครจะกล้าสึก กล้าตำหนิพระอริยะ ผมขอบาย แม้ผมไม่เห็นด้วยกับแนวทางของท่าน
    แต่ก็เชื่อว่าท่านได้พิจารณาอย่างดีแล้วจึงแสดงเช่นนี้
     
  19. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    อย่างนี้หรือครับ ถามประชาชนที่เขานับถือพุทธศาสนาดูเถอะ อย่างไอ้เกษมเป็นพระอริยะล่ะก็ ผมก็เป็นได้สิ่งที่มันพูดถึงแม้จะอ้างอิงพระไตรปิฏก สำหรับคนโง่แล้วย่อมตกเป็นสาวกแน่นอน พระอริยะไม่ถ่อยสถุนแบบนี้หรอกครับ
     
  20. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    นี่แหละของจริง ไม่ต้องมาทำเหนียมๆเหมือนสมมุติสงฆ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...