ว่าด้วยเรื่องความรัก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 9 กันยายน 2011.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อันคำว่ารัก ไม่ค่อยมีผู้ใดนำมากล่าว ทั้งที่ รัก เป็นสิ่งที่ตัดได้ยากยิ่ง

    เพราะ รัก ทำให้มนุษย์ ต้องดิ้นรน ไขว่ขว้า แสวงหา มาซึ่งความเสน่ห์หา

    เป็นเหตุให้เกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง แม้แต่เรื่องกามรมณ์

    เป็นสิ่งที่ก้าวผ่านได้ยาก มนุษย์ส่วนใหญ่แสวงหาความรักด้วยกันทั้งนั้น

    พ่อแม่รักลูก จึงต้องฝ่าฟันทำงาน มีปัญหากับคนอื่น ก็ด้วยความรักลูก

    ผู้ชายรักผู้หญิง หรือ ผู้หญิงรักผู้ชาย นำมาซึ่งปัญหามากมาย เพราะเป็นความรัก

    ที่เจือปนด้วยความใคร่ ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะ เพื่อแย่งคนที่รัก

    ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุของการมีชู้ หรือ เรื่องการแสวงหาเงินตรา ฐานะ ศักดิ์ศรี

    จึงทำให้หลงอยู่กับโลกธรรม 8 ซึ่งล้วนมาจาก คำว่ารักทั้งสิ้น

    คำว่ารักยังเป็นเหตุให้เกิดการอาลัยอาวรณ์ ต่อสิ่งที่มีอยู่ และจะจากไป

    ยังความโหยหาให้บังเกิด เป็นความทุกข์ที่หลีกหนีได้ยาก

    คำว่ารักยังทำให้มนุษย์ ยินยอมที่จะทำในสิ่งที่ผิด เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่ารัก

    แต่ไม่ค่อยมีใครนำมากล่าว ทั้งที่เป็นสิ่งที่ตัดยาก จึงนำมาเพื่อฝากไว้ให้คิดครับ
     
  2. สุภาวรัตน์

    สุภาวรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +135
    สาธุ...อนุโมทนามิค่ะ
    ขอขอบพระคุณค่ะ
     
  3. Junejuly

    Junejuly Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนา สาธุค่ะสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ ดิฉันคิดว่าคำว่าความรักมันอาจจะขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนตีความหมายมันอย่างไร ความรักที่จริงใจสำหรับเพื่อน ความรักที่บริสุทธิ์สำหรับบิดา มารดา ญาติพี่น้องทั้งหลาย ความรักที่ผูกพันกับภรรยาหรือแฟนและลูก เป็นต้น

    ดิฉันว่าคำนี้มันขึ้นอยู่กับเจตนาของแต่ละคนเนอะ ถ้าเรามีเจตนาดี บริสุทธิ์ใจมันก็ไม่ทำให้เกิดความกังวลหรือมัวหมองของจิตใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีศีลประจำใจย่อมไม่หวั่นไหวต่อกิเลสได้ง่ายดายค่ะ ดิฉันคิดว่าอย่างนี้นะคะ ถ้ามีใครอยากจะเพิ่มเติมหรืออะไรก็ยินดีรับฟังค่ะ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2011
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ความรักนำมาซึ่งความเป็นทุกข์ครับ ต่อให้สามีและภรรยา รักใคร่กันอย่างที่ไม่มีการทะเลาะ

    ใครๆก็มองว่ามีความสุข เป็นความสุขมาก แต่หากคิดอย่างละเอียดแล้ว จะได้รู้ว่า

    ยิ่งมีความรักที่ดีมากขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าพ่อแม่รักลูก ไม่ว่าสามีภรรยา ยิ่งรักมากก็เสียใจมาก

    เป็นทุกข์มากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะหากคนที่เรารักตายก่อนเรา ชีวิตเราที่มีเขาคอยห่วงใย

    ไม่เคยทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ แต่ตอนนี้เขาจากไปแล้ว และ ไม่มีใครมาแทนที่เขาได้

    อย่างลูกตายก่อนพ่อแม่ แล้วยิ่งมีลูกเพียงคนเดียว คิดดูครับว่าจะเสียใจสักแค่ไหน

    สามีและภรรยา เป็นคู่ที่รักกันมาก มีแต่เติมใจให้กันตลอดเวลา แต่ฝ่ายหนึ่งตายไปก่อน

    แถมยังไม่มีลูก เหลือเพียงคนเดียวในยามแก่ เป็นทุกข์จนอธิบายไม่ได้เลยครับ

    และความรักสุดท้ายที่ผมไม่ได้เขียนไว้ ก็คือ รักตัวเองครับ คนทุกคน รักตัวเองมากที่สุดครับ

    ทำได้ทุกอย่าง เพื่อตัวเอง ทำได้แม้สิ่งที่เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะทำได้ เพียงเพราะรักตัวเอง

    ความรักจึงเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์ ให้กลับมาเกิดแล้วเกิดอีกครับ

    ความห่วงใยด้วยความรัก ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ เป็นสิ่งที่ตัดได้ยากยิ่งจริงๆครับ
     
  5. Junejuly

    Junejuly Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +38
    สาธุ จริงแท้อย่างที่คุณOatthidetกล่าวจริงๆค่ะ เป็นมุมมองความรักจากสายตาแห่งธรรมโดยแท้
     
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ถ้าเป็นคนธรรมดามีครอบครัวไม่ได้ถือพรมจรรย์นี่สามารถนิพพานบบรลุด้ไหมครับ
     
  7. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    กิเลศเเบบละเอียด เนียนนนนนนนนนนนนน จน เเนบไปกับใจไร้ซึ่งข้อ ติเตียน

    ที่เห็นเขาตาย ตาย กัน ก็ไอ้กิเลศเเบบนี้เนี้ยล่ะ

    ยินดีในสิ่งที่ตน ยินดี คงไม่เกิดปัญหา เเต่ปัญหามันมักจะมาเกิดตรงที่ตามไอ้ความยินดีไม่ค่อยจะทัน เเอบนิยมชมชอบ จน สร้างเสริมเติมเเต่ง ในความยินดีนั้นๆ จน ออกอ่าวไทยไป
    มันก็เลยต้องมาจม อยู่ กับความยินดี นั้นๆ

    คงทําอะไรกับมันไม่ได้ หากเรายังจําต้องครองเอา ขัน ห้าไว้ เเค่อย่าให้มันฟุ้งเกินจริงก็น่าจะพอ
    จริงไหมจ๊ะ ตัดไม่ได้ ตัดลําบาก ก็ อยู่กับมัน เข้าใจมัน เรียนมันว่าควรจะต้องอยู่อย่างไร กับ มัน นั่นเเหล่ะทางที่ต้องเดิน
     
  8. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ส่วนตัว


    ส่วนตัวคิดว่าได้เเน่นอน เราใช้ใจนิพาน ไม่ได้ใช้ กายเข้านิพาน
     
  9. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์

    ไฟสามกองที่น่ากลัวที่สุด คือ โลภ โกรธ หลง

    ที่ไม่มีความรัก เพราะว่าความรักคือความหลงนั่นเอง

    เพราะมีความรักจึงมีความยึดมั่นถือมั่น รักตนเองก็ยึดตนเอง

    รักผู้อื่นก็ยึดผู้อื่น รักสิ่งของก็ยึดวัตถุสิ่งของ ความรักจึงเปรียบเสมือนความหลง

    ภาษาธรรมว่าหลง ภาษามนุษย์ว่ารัก

    สมัยนี้คนเราสับสนระหว่างความรักกับเมตตา

    มนุษย์ชอบเรียกว่า รักแท้ รักบริสุทธิ์ แต่ทางธรรมเรียกว่า เมตตาคือความปรารถนาดี

    หลวงปู่มั่นกล่าวไว้ว่า ความรัก คือ สมุหทัย เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์

    ส่วนเมตตา คือ มรรค ทางที่ต้องทำให้แจ้ง ทางแห่งความหลุดพ้น

    แตกต่างกันมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2011
  10. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ตอบได้ดั่งใจจริงๆ ขออนุโมทนา สาธุการ
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ไม่ได้ครับ เพราะพระอนาคามี ก็ไม่มี ปฎิฆะ และ ราคะ แล้วครับ

    รากเหง้าของจิตใจที่ลุ่มหลงอยู่นี้ มีอวิชชาเป็นตัวกั้นขวางทางก้าวเดินอยู่ครับ

    และที่ผมกล่าวถึงความรักนั้น เพราะมีความรักแล้ว ความรู้ ความเข้าใจ ไม่มีแล้วครับ

    ทำได้ทุกอย่างเพื่อความรัก และ เป้นเหตุให้คนตายมาก็เยอะแล้วครับ

    เป็นเหตุให้เสียใจมาก็เยอะแล้วครับ ทั้งที่หาสาเหตุไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว

    สาเหตุเห็นอยู่ รู้อยู่ แต่ไม่เข้าใจในสาเหตุนั้นๆครับ

    ผู้หญิงบางคนยอมที่จะเสียเงินจำนวนมาก เพียงเพื่อต้องการรู้ว่าคนที่ตนรักไปทำอะไรที่ไหน

    ไม่ว่าจะจ้างคนคอยสะกดรอยตาม ไม่ว่าจะเช่ารถเพื่อไปดูให้รู้แน่

    หรือแม้แต่ฝ่ายชายเองก็ไม่แตกต่างกัน และที่ผมจะบอกกล่าวอีกอย่าง

    คือ ความโกรธตัดได้ง่ายกว่าความใคร่ครับ ความใคร่ตัดยากมากครับ

    อย่างที่หลวงปู่แหวนได้กล่าวเอาไว้ครับ ว่ากามนั้นตัดยาก ยิ่งกว่าสิ่งใด

    ทั้งหมดของชีวิต หากคิดให้ละเอียดลงไปแล้ว จะเห็นการบอกใบ้ในธรรมทั้งหลาย

    รัก โลภ โกรธ หลง ใช่เป็นการบอกใบ้ไหมครับ ว่าความรัก ทำให้เกิด โลภ โกรธ หลง
     
  12. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สิ่งที่ผมสัมเกตคือถ้าคนเราไม่เกลียดตัวเองถึงระดับหนึ่งจะรักใครไม่ได้เลย
    ความรักมันเกิดจากการเกลียดตัวเอง เพราะความเชื่อว่าเราไม่ควรที่จะรัก
    แต่ตัวเองแต่ควรจะรักคนอื่นก่อน แนวคิดนี้ทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
    เลยพยายามสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง พยายามเป็นอะไรซักอย่าง เมื่อคน
    อื่นชื่นชอบเรา เราจะได้ไม่รู้สึกผิดที่จะรักตนเอง หรือเรียกอีกอย่างก็คือ
    การสร้างตัวตนไว้ในความเห็นของคนอื่น ภาพที่อยากให้คนอื่นมองเรา
    ถ้าคนอื่นมองเราแบบที่เราต้องการ เราจะมีความสุขมาก แต่ถ้ามองเราผิด
    จากที่เราต้องการก็จะทุกข์มากนี่คือการสร้างตัวตนไว้กับคนอื่นแล้วรักตัวเอง
    ผ่านคนอื่น ดังนั้นปัญหาที่เกิดจากความรักทั้งหมดไม่ใช่เพราะรักคนอื่นแต่
    เพราะเกลียดตัวเอง
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..................มันเป็นสภาวะธรรมที่เกิด อยู่ เหมือนสภาวะอื่นที่เกิดดับอยู่ ตลอดเวลาอยู่แล้ว เจริญสติอยู่กับปัจจุบันธรรม........พิจารณา รูป-นาม ในปัจจุบันธรรมนั้นพอ อย่าคร่ำครวญอดีต อนาคต ให้มันเกินไป.........................................
     
  14. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ไปนิพพานได้ครับ ล้านเปอร์เซ็น ผมขอรับรองครับ
    ตัดสังโยชน์ได้ 3 ข้อ เป็นพระโสดาบัน และ พระสกิทาคามี
    พระโสดาบัน มีครอบครัวได้ครับ
    พระสกิทาคามี ก็มีครอบครัวได้
    พระอนาคามี ก็มีครอบครัวได้ครับ
    เป็นพระอรหันต์ ก็มีครอบครัวได้ เพราะเป็นตอนตายครับ พอจะตายอารมณ์มันตัดเข้าสู่พระนิพพาน แล้วพอตายก็บรรลุอรหันต์เข้านิพพานเลย


    เจริญในธรรมครับ
     
  15. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ที่ผมได้กล่าวไปนั้น เป็นเหตุที่ทำให้จำเป็นต้องบวช เพื่อการหลุดพ้นจากวัฎสงสาร

    ความอาลัยอาวรณ์ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่ตัดได้ยาก และความอาลัยอาวรณ์

    นั้นก็เกิดมาจากความรัก และ ความรักเป็นสิ่งที่ ผู้คนทั้งหลายมองไม่เห็นถึงเหตุ

    ผู้ที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนความรัก มาโดยละเอียด จะมองไม่เห็นถึงภัยของความรัก

    และนี่เป็นเหตุ ที่มนุษย์กลัวตาย ดั่งคำที่ว่า "รักตัวกลัวตาย"เป็นคำบอกใบ้มาตั้งแต่โบราณ

    ส่วนผู้ที่ผ่านความรักมาจนเข้าใจแล้วว่า ความรักนี่เองเป็นบ่อเหตุ แห่งความทุกข์

    การก้าวเดินของมนุษย์ ย่อมต้องผ่านอุปสรรคนานานับประการ กว่าจะรู้เห็นความเป็นจริง

    ชีวิตก็เข้าสู่ช่วงวัยชราแล้ว ครั้นจะคิดได้ ก็สายเสียแล้ว แก้ไขได้ยาก

    ความรักนำมาซึ่ง ความโลภ อยากได้ซึ่งของมีค่า แต่หากไร้ซึ่งความรัก จะนำของมีค่าไปทำอะไร

    ความรักนำมาซึ่ง ความโกรธ ด้วยห่วงแหนสิ่งที่มีค่า แต่หากไร้ซึ่งความรัก จะโกรธเพื่อเหตุใด

    ความรักนำมาซึ่ง ความหลง หมายมั่นยึดมั่นในสิ่งนั้น แต่หากไร้ซึ่งความรัก จะยึดมั่นในสิ่งใด

    สิ่งที่ผมกล่าวนี้ ต้องวางใจให้เป็นกลาง เฝ้าดูด้วยความเป็นจริง จึงจะรู้จะเห็นถึงความรัก

    ที่เป็นสิ่งที่ ยึดมนุษย์ให้ติดอยู่ กับวัฎสงสาร มีผู้คนมากมาย ที่เห็นสิ่งที่ผมได้กล่าวไป

    เพียงแต่ผู้คนเหล่านั้น มีอายุมากแล้วทั้งนั้น ชีวิตใกล้ฝั่งแล้วทั้งนั้น แต่ผู้คนเหล่านั้น

    ก็ยังตัดความรักไปไม่ได้ ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าทำให้เกิดความทุกข์ขนาดไหน

    สิ่งเหล่านี้ที่ผมได้กล่าวนั้น เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ง่ายบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่อยู่คู่โลกมานานแสนนานแล้ว
     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ขอโทษนะครับ ที่จะขอแย้งนะครับ

    ครอบครัวไม่ได้มีแต่เราผู้เดียว ประกอบไปด้วยคนหลายคน จึงเรียกเป็นครอบครัว

    และเมื่อไม่ได้มีเราผู้เดียว ความนึกคิดก็มีหลากหลายเช่นกัน

    ฝ่ายภรรยาจะเข้าใจฝ่ายสามี ที่ไม่มีกิจในการเสพกาม เพราะต้องการหลุดพ้น

    ไม่เรียกร้องอันใด ไม่ไขว่ขว้าสิ่งใด ส่วนลูกก็เข้าใจว่าพ่อ ต้องการหลุดพ้น

    จึงไม่เรียกร้องอะไรเช่นกัน เพื่อที่พ่อจะได้หลุดพ้นจากวัฎสงสารนี้

    คุณว่าสิ่งเหล่านี้จะมีไหมครับ และ ขณะที่จะหมดลมหายใจ จะไม่ห่วง

    ไม่อาลัยอาวรณ์ ต่อลูกเมียเหรอครับ คุณถึงกล่าวมาแบบนี้ ผมทักเพื่อให้นึกคิดดูอีกครั้งครับ

    หากชีวิตเป็นของง่ายดั่งเช่นที่คุณกล่าวมา คงไม่ยากลำบากในการหลุดพ้น

    แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตก็ติดวังวน หมุนเวียนอยู่กับที่ ไม่ก้าวหน้า

    ลองตรึกตรองดูอีกครั้งนะครับ ด้วยความปราถนาดีครับ
     
  17. KBLS

    KBLS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +280
    "ความรักนำมาซึ่งความเป็นทุกข์"
    เห็นด้วย อย่างยิ่ง แต่......
    ความทุกข์ คือเมล็ดพันธ์ของความสุข
    ความทุกข์ คือเมล็ดพันธ์ของความสำเร็จ
    ความทุกข์ คือสิ่งดีงามชั้นเลิศในชีวิตของเรา (ท่าน ว.วชิรเมธี)

    และจากการได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง รวมทั้งจากที่ประสบด้วยตนเอง
    ความรักมีหลายรูปแบบ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนนำไปสู่การพัฒนาตนเอง ทุกข์เปลี่ยนเป็นธรรม

    เมื่อมีความรัก ก็จะมีความสุข แล้วตามมาด้วยความติดใจ หลงใหลในสิ่งนั้น ถ้าไม่รีบตัดวงจรนี้ ความโลภ ความอยาก ความต้องการ มันก็จะเกิดขึ้น หมุนเวียนเป็นวงจร ซ้าแล้วซ้ำอีกและอาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นถึงพิษภัยของมัน และนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ซึ่งคงจะมีเหตุปัจจัยของกรรม ทั้งที่ตนเองก่อและสิ่งแวดล้อมที่เราไปเกี่ยวพันอยู่ด้วยนะ
     
  18. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878

    ผมก็เพียงตอบไปตามเรื่องตามราวของคนที่มีครอบครัวแล้วน่ะครับ

    อย่าได้ใส่ใจเลยครับ

    และต้องขออภัยที่คำตอบของผมไปทำให้ใจของคุณกระเพื่อมนะครับ
     
  19. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    ได้แน่นอน แต่ยากมากๆๆ ไม่ไปไหนซักที ทำไมผมถึงว่าอย่างนี้ ผมขอเอาการปฎิบัติของผมมาวัดละกันนะ (ผมไม่ได้เจ๋งมากเท่าไหร่หรอกนะ) ผมลุยมา 8 ปี สายธรรมมะเปิดโลก ตั้งใจไม่มีเมียเลยนะ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตั้งแต่อายุ 26 จนตอนนี้ 34 ยังไม่ไปไหนเลย แล้วกับคนที่มีครอบครัว เพราะอย่างนี้นะ

    สายของผมมันฟอกอารมณ์ออก พอเราออกมาใช้ชีวิตทางโลก จิตเราจะรับอารมณ์ เขาไป แล้วเราไปวัดเราก็ฟอกมันออก กว่าจะออกเข้าสู่ปกติ ตั้ง 5 วัน สังเกตุได้ แล้วคนที่มีครอบครัว เดี๋ยวอารมณ์เข้าไป10 เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ฟอกออกเหลือ 9 รับอารมณ์ไปอีก 9.5 ฟอกออกเหลือ 8.9 รับไปอีก 9.8 ฟอกออกอีก 8.8 ตกลง ปฎิบัติมา 10 ปี จิตที่มีอารมณ์ สมมุติก็ยัง เป็น เหลือ 5
    ลองเทียบกับคนไม่มีครอบครัว ไม่มีเมีย -สามี -ลูก หน่วยกิจในการฟอกอารมณ์พวกนี้ออกมันจะมากกว่าคนที่มีครอบครัว

    แต่ใช่ว่าจะไม่จบกิจนะ แต่ช้ากว่า ทั้ง 3 คนนี้ไม่นับบารมีชาติที่แล้ว ความขยันเท่ากัน ความมุ่งมั่นเท่ากัน สุขภาพดีเท่ากัน ครูบาอาจารย์คนเดียวกัน สมองเท่ากัน สติปัญญาเท่ากัน
    1.คนมีครอบครัว อาจจะ 10 ชาติ
    2.คนไม่มีครอบครัว 5ชาติ
    3.คนที่บวชแต่เด็ก อาจจะ 2ชาติ

    ----------------------------------
    ถ้าคิดตั้งใจจะไปนิพพาน ต้องอดทน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆยอมเสียอย่างนึงแล้วหวังว่าจะได้อีกอย่างนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่มักเหยียบเรือ 2 แคม

     
  20. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    oatthidet

    ท่านพูดได้ดีจริงๆ อย่างนี้แหล่ะถึงเรียกว่านักปฎิบัติจริงๆๆ ไม่ใช่นักปรัชญา เพราะนักปรัชญามักคิดว่า แต่งงานก็ปฎิบัติได้ ได้น่ะได้ แต่มันช้า

    ถ้าไม่มีคู่เลยนั้นจะทุกข์ เฉพราะแรกๆเท่านั้น 7ปี ทนได้ไหม ถ้าทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปนิพพาน

    การปฎิบัติ ไม่มีอะไรมากหรอก อดทนๆๆๆ โกรธก็ทน รักก็ทน อยากก็ทน ทนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชาติสุดท้ายของเราแล้ว อดทน ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อนิพพานไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผัวใคร เป็นขี้ข้าใคร ร่างกายนี้อุทิศเพื่อนิพพานเท่านั้น ตายเมื่อไหร่ไปนิพพาน ทำงานก็เพื่อนิพพาน ช่วยแม่ขายของก็เพื่อนิพพาน อดทนต่อการถูกว่าก็เพื่อนิพพาน อยากเสพกามแต่ไม่ได้เสพ ก็เพื่อนิพพาน อยากรักก็ไม่รักเพื่อนิพพาน ทำบุญก็เพื่อนิพพาน เลี้ยงหลานก็เลี้ยงเพื่อนิพพาน

    หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์รอเราอยู่ที่นิพพาน แค่นี้ทนไม่ได้เราก็ไปตายซะ เรื่องแค่นี้เองทนไม่ได้ไม่อยากไปนิพพานหรือไง ทุกซะชาตินี้ชาติสุดท้าย ต่อไปจะไม่ทุกอีก อยากจะร้องให้ก็ร้องซะ เพราะร้องชาติสุดท้ายแล้ว ตายเมื่อไหร่ไปนิพพานเมื่อนั้น

    แค่ไม่มีเมียชาตินี้ชาติเดียวเองทนไม่ได้หรือไง อดทนชาตินี้ ชาติเดียวไม่ได้หรือ เพราะชาติสุดท้ายของเองแล้ว

    **เวลาเราท้อแม้ ท้อถอย เราต้องปลุดอารมณ์เราขึ้นมา และก็ต้องอดทน ทนเปรี้ยวไว้กินหวานทีหลัง

    อดทนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...