ดิน น้ำ ลม ไฟ หรืออื่นๆ ธาตุใดทรงพลังมากที่สุด เพราะ

เรา คิดว่าเป็น >ลม< เพราะ ลม คือการเคลื่อนไหว สิ่งต่างๆ
หากไม่เคลื่อนไหว ย่อมไร้ >พลัง<

แต่เอาเถอะ ที่เราคิดตั้งกระทู้นี้ขึ้น >ก็เพื่อไห้คนที่ไม่รู้จักวิธี< ดู สังเกตุ
ธาตุ ร่างกาย สังขาน ได้มีวิธีคิดพิจดู ลักษณะของธาตู ของกาย
อีกวิธีหนึ่ง
ขอขอบคุณทุกท่าน ที่แสดงความคิดเห็น . . .
ขอไห้บ้านเมือง สงบสุข . . .
นะโม อาเมน สาธุ . . .

 

ขอต่อ . . เมื่อเลือดคือน้ำหยุด>ดินคือกายเนื้อก็เกิดปัญหา เพราะขาดคุณสมบัติของน้ำ คือเลือด
เมื่อขาดคุณสมบัติของน้ำ คือ ความเย็น
>ไฟ<ก็ร้อนแรงขึ้นมาทันที
เมื่อไฟร้อนแรงคุณสมบัติของ>ไฟ< คือความร้อนและการเผาผลาญ ทำไห้ >>ธาตุ อื่นๆ เปลี่ยนคุณสมบัติไปได้<<หรือเปลี่ยนรูปร่างไปได้
ดินหรือกายเนื้อที่ไม่มีน้ำ เจอความร้อนของไฟก็ย่อมแตกสลาย และ สลายเปลี่ยนรูปร่างไป จากร่างกายเนื้อ ที่ขาวๆ ก็เริ่มดำ และ เริ่ม เน่าเปื่อย
ถ้าปล่อยทิ้งไว้เรื่อยๆ ก็จะกลายเป็น ส่วนหนึ่ง >ของผืนดิน<

อ่อ. . . ส่วนธาตุ>วิญญาณ<นั้น เผ่น ออกจากร่างไป
ตั้งแต่ตอนธาตุ >ลม< จากไปแล้ว
. . .
จบจ๊ะ . . . ขอไห้ประเทศไทย จงผ่านอุปสรรคไปได้เถอะ . . .
อาการน่าเป็นห่วงมาก . . .

 

อะอา...

ธาตุดับ จึงขันท์ดับ จิตดับ แล้ว วิญญาณดับ


รู้ได้ รู้ได้ แต่เขียนยาก

 

....น้ำเป็นธาตุที่มีพลังสูงสุด มนุษย์ได้อาศัยพลังงานจากน้ำมากที่สุด ไม่ว่าพลังไอน้ำ และพลังขับดันจากน้ำโดยตรง อย่างเช่นเขื่อนใช้พลังน้ำหมุนไดนาโมปั่นไฟ และกังหันน้ำตก น้ำมีพลังได้ในตัวโดยไม่ต้องอาศัยธาตุอื่นเข้าช่วยก้อได้ และน้ำมีพลังที่ไม่มีขีดจำกัดทั้งอำนาจกัดเซาะ อำนาจการละลาย และพลังผลักดัน มันจึงเป็นจ้าวแห่งพลังโดยแท้จริง....

....น้ำคือสิ่งอมตะที่ไม่มีวันสูญสลายไปจากโลก น้ำเป็นสะสารอย่างเดียวที่เป็นได้ทุกอย่าง ทั้งของเหลว ของแข็ง ก๊าซ และ วัตถุทางเคมี....

....น้ำยามสงบนิ่งดูเยือกเย็นน่าลงแหวกว่าย ยามเกรี้ยวกราดก้อน่ากลัวในพลังของมันยิ่งนัก

....ไฟ มีพลังสูงกว่าน้ำ แต่ต้องเป็นรองเพราะหากมีแต่ไฟอย่างเดียวก้อจะมีแต่ความร้อน ไฟจะมีพลังต่อเมื่อเกิดการเผาไหม้ธาตุอื่นให้คายไอออกมาเป็นพลังงาน และต้องอาศัยธาตุลม (ออกซิเจน) เป็นองค์ประกอบหลัก....

....ดิน จัดเป็นพลังเงียบ ปกติมีพลังในการสร้างที่สูงมาก สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ล้วนเกิดจากดิน หรืออย่างน้อยต้องอาศัยดินเป็นถิ่นกำเนิด....

....ในยามธรณีพิโรธรุนแรง ดินจะเป็นผู้ทำลายสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากดิน ก้อจะถูกดินกลบกลืนจนหมดสิ้น....

....ดินจะมีพลังได้ ก้อต่อเมื่อได้รับพลังจากธาตุน้ำ หรือลม หรือไฟ....

....ลมเป็นธาตุที่มีพลังรุนแรงในตัว สามารถผลักดันธาตุทั้งสามให้เคลื่อนที่ตามทิศทางของมันได้ แต่ธาตุลมนั้น แพ้ธาตุน้ำ คือความเย็น ลมพายุให้รุนแรงขนาดไหน เมื่อปะทะอากาศเย็นจะสลายตัวไปทันที อากาศเย็น คืออากาศที่มีอิทธิพลมาจากน้ำแข็ง.....

....ลมยังอ่อนกำลังลงได้เมื่อต้องพัดผ่านป่าไผ่ พื้นที่ ๆ มีลมแรงเกิดขึ้นบ่อย ๆ จึงนิยมปลูกกอไผ่ล้อมรอบบ้านเพื่อป้องกันลม....

....น้ำจึงเป็นสิ่งที่มีพลังมากที่สุดในบรรดาธาตุทั้ง 4 ด้วยประการฉะนี้....

 

ธาตุทั้งหลาย ดำรงอยู่เช่นนั้น

ธรรมทั้งหลาย ดำรงอยู่เช่นนั้น


สังขารจิต อาศัยธรรมระดับต่างๆ เข้าปรุงธาตุให้เกิดผลต่างกัน จึงเกิดการเปรียบเทียบ อ่อน แก่ ดี ร้าย มาก น้อย ฯลฯ


แท้จริง เมื่อจิตเสวยสภาวะสุญตา ย่อมเลือกได้อย่างไร้ขอบเขตที่จะปรุง
ธาตุ และธรรม ได้โดยเป็นอิสระ ไม่ถูกร้อยรัดให้วนกลับมาในวัฏฏะ
เพราะ ไม่ทำด้วยกรรม ที่จะส่งผลเป็นวิบาก

ทำด้วยกิริยาจิต ทีสอดคล้องตามสภาวะธรรม

ไม่รบกวนกระบวนการธรรมชาติ ด้วยอวิชชา ตัณหา และทิฐิ


ทุกอย่างดำเนินไป เช่นนั้นเอง

 

ไม่ต้องแสดงตน ก็ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามทางได้

มีตนก็ได้ ไม่มีตนก็ได้

จิต นั่นแล คือคำตอบและต้นตอทุกเรืองในวัฏฏะ

 

มาอีกรอบ.... จะว่าไปแล้วเหมือนเวลาเป่ายิงฉุบ เลย ถึงฆ้อนจะชนะกรรไกร แต่กรรไกร ก็ชนะกระดาษ แต่ที่สุดกระดาษก็มาชนะฆ้อนอยู่ดี ถึงได้เกิดเป็นเกมส์สนุกๆๆ เอ๊า "เป่า ยิง ฉุบ "

 

ก็สุดแต่จะพิจกันไป >ลม< คือการเคลื่อนไหว ทุกอย่าง เมื่อไม่เคลื่อนไหว
ย่อมไม่มีแรง
มีธาตุอะไรบ้าง ที่>ไม่เคลื่อนไหว แล้วมีพลัง< =ไม่มี แม้แต่>ลม<ก็เช่นกัน

เอ . . . แต่ แม้นในที่ๆไม่มีลม ก็ยังมี ก๊าซต่างๆ ทั้งอ๊อคซิเจน คาบอน ไนโตเจน หรือ แม้นแต่ ก๊าซพิษ
และถ้ามีแต่ อ๊อคซิเจน มากเกินไป สิ่งมีชีวิตก็ตาย มีแต่ คาบอนไดออคไซ สิ่งมีชีวิตก็ตาย. . .
ก๊าซ ต่างๆนี้เป็นธาตใดหนอ . . .แม้นไม่ต้องมีคุณสมบัติของลม คือเคลื่อนไหว ก็ยังทำได้อย่างนั้น

สุดแล้วแต่ความคิดครับ เราเป็นคน >ธาตุไม้< (ไม้แก่ดัดยาก แต่ยังไม่ไกล้ฝั่งนะ - -'')

 

00เรื่องที่ยังไม่รู้ ข้าฯก็ยังไม่รู้อยู่นั่นเอง เรื่องที่ยากก็ยังยากอยู่00​

​

​

​

(verygood)
​

00อะอา....ดอยกองมู

นี่ก็หมดสิ้นแล้วซึ่ง สมมุติบัญญัติ
จึงไม่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ เฮ่ๆ<O</O
สูญตา จึงเป็นสูญตา....ใช่ไหมท่าน?<O</O
<O</O
นี่ก็เรื่องยาก ยากอีกแล้ว...
<O</O
<O</O
มนุษย์รู้จัก แยกธาตุทั้ง 4ออกจากกัน แต่กี่คนจะรู้ว่า
ในหนึ่งธาตุก็มีอีก 3ธาตุประกอบอยู่<O</O
ตารางธาตุทางเคมี ก็มีธาตุหลักไม่กี่สิบตัว
ยังสามารถสังเคราะห์ สสารใหม่ใหม่นับหมื่นนับแสน<O</O
ประสาอะไร กับธาตุละเอียดที่แปรเปลืยนได้ไม่สิ้น <O</O
ตามคุณสมบัติของจิตที่เข้าครอบครองขันธ์ที่ประกอบไปด้วยธาตุ 4 ดิน น้ำ ลมไฟ<O</O

อานุภาพที่แท้จริง จึงไม่ได้อยู่ที่ธาตุ แต่อยู่ที่จิต ที่ใช้ ใช่หรือไม่ท่าน?
<O</O
00ดูดีๆ เหมือนไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้ ดูให้ดีอีกหน่อย เรื่องเดียวกันนะจะบอกให้

00สาธุ สาธุ ในปุจฉาเจ้าของกระทู้ และ ของทุกท่าน
<O</O

 

จันทราปรากฏ สุริยันเคียงคู่ ดารารายล้อม/ หงสาสูงส่ง มังกรยิ่งใหญ่ แสงธรรมเกรียงไกร สาดส่องสว่างไสวทั่วพื้นพิภพจักรวาล

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">อ้ายพวก ตอ แหล . . . สูงส่งจังนะ </TD></TR></TBODY></TABLE>


เฮาขอโทดเด้อ ที่เว่า ภาษา บ่ เจริญหู เจริญต๊า เจริญใจ๋
บ้านนอก เฮาเว่ากันจังซี้ เฮาตัดบางส่วนออก
มันหยาบโผ๊ด เพิ่นอ่านสิบ่สบายใจ

00เหวย เหวย
มึงขี้แพ้ พาลมาหาว่า กูตอแหล๋
มาอ่านลวก มันบ่สุก บ่สบายใจ๋
บ่ได้ความ-บ่คิดตาม มันจึงบ่ฮู้ได้

00มึงบอกไว้ แหม่น..ไหม ไผฮู้ให้มาบอก
ผีมาหลอก มึงเสือกเห็น เป็นจั๋งใด๋
ไผสิเถียงข่างข่าง คูคู ก็อยู่ไป๊
ฮู่ใซ่ไหม นี่เขาเอิ้น "เบ่งกงจักร...เป็นดอกบัว"

00กูบ่คะ บ่คาน บ่คิดค้าน กะมึงแล้ว
ไอ่เพื่อนแก้ว ไอ่จำเริญ เซินปราศัย
ตามปัญญา ฮักซอบของมึงไป
กูหลีกให้ ห่างทาง บ่ขวางมึง

00นี่กูมา เสือกสู่รู้ กูก็อาย
ใจขี้ฮ่าย เทวดา บ่สรรเสิญ
มันบ่เพลิน ผีนรก มันเยาะเหยียด
ว่ากูเบียด กูมาเฮ็ด ธรรมให้ซิบหาย
ยังบ่วาย บักตาบอด มาตบหน่า ...
ซิเป็นตา อนาถา อนาถแท้ กูหนอกู.........
(b-uh)

 

ปรบมือแปะๆๆๆ...ชอบมากเรยครับเพลงนี้...ใครแต่ง ใครร้องเนี่ย...ขอทราบชื่อคนร้อง คนแต่งด่วน.../ ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อครับ 555 / คุณ จันทรุปราคา อยุ่จังหวัดไรครับ แถวๆอิสานแม่นบ่อ ...

 

ว้า ผมไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้ซะด้วยสิ รู้แต่ว่า ทุกธาตุสำคัญเท่ากัน ถ่วงดุลกันและกัน ส่งถ่ายพลังให้กัน จึงเกิดเป็นจิตซึ่งรับรู้กาลเวลา ^^

 

ทุกธาตุสำคัญหมด ขาดธาตุใดธาตุหนึ่งไปไม่ได้

เอาง่าย ๆ เราปลูกต้นไม้ ต้องอาศัย สายลม แสงแดด รดน้ำ พรวนดิน
มันถึงจะเจริญเติบโตได้

 

00ขออภัยท่าน มาตอบช้า ทำให้ต้องรอเป็นเนิ่นนาน
ด้วยเหตุว่า สี่วันวานก่อนหน้านั้น เรามีเหตุจำต้องไปเฉิดฉันท์
ที่เขาว่าไว้ ในวันนั้น วันจันทรุปราคา ประกาศปรากฏการณ์
ฌ วันเสาร์ ตอนตีสาม ต้องห้ามหนอ ผุ้คนรอ จดจ้อง ต้องอึดอัด
อยากปลีกตัวมาตอบตามวันนัดมันก็จำจึงต้องผลัด ขัดใจเรา
ฮะฮา....

เรามีส่วนร่วมในเหตุ ก็จำต้องมาจบเหตุส่วนของเราในตรงนี้
ตั้งใจอ่าน นะตั้งใจอ่าน และโปรดพิจารณา
หาได้มายกย่องอวดโอ่ตนเองเป็นอึ่งอ่างไม่

00ดอยกองมูท่านอัญเชิญพระธรรมคำตอบมาบอกให้
จึงถกถามเป็นปุจฉาเพื่อพ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า นั้นเป็นมรรคผลขั้นสูง
รู้ไม่ได้ ทำไม่ได้ จึงสำรวม มิได้มาแกล้งโง่ อวดฉลาดแต่อย่างไร

ท่านดูไม่ดี จึงมาว่า เราตอแหล แหม...
มันแย่ที่ท่านใช้ เรื่องภาษา
เราอารมณดีจึงไปนั่งแต่งกลอนมา
เพื่อบอกว่า นี่ภาษา เก่าแก่เป็นเยี่ยงไร

พอท่านโกรธก็มาว่า เราเป็นบ้า
นี่ก็ไม่ว่า เพราะเหตุมันเกิดแล้ว
เราด่าท่านด้วยเจตตนา
ท่านด่าตอบ เป็นอันชอบ สมตามเหตุ ตามผลอันสมควร

00นี่ไม่โกรธไม่เคียงไม่ถือสา แต่ที่มาเพราะว่า จะแจ้งให้
ว่าท่านอ่านเรื่องราวประการใด ก็หาใช่ว่าได้ในใจความ
ท่านบอกว่า นี่เป็นแค่ทดสอบ สมมุติบัญญัติ
ภาษาของเราก็จักถูกบัญญัติด้วยสมมุติ

แต่งโครงกลอน ภาษาหยาบ ก็จริงอยู่
มาขับร้องเสียงก็ใช่ว่าจะน่าดู
แต่อยากให้รู้ ให้เห็นใจ ในขยายความ


00ท่านหยาบมาเราหยาบด้วย ไม่ใช่แปลก
คิดว่าเราสติแตก ก็ไม่ว่า
ดูให้ลึกให้ซึ้งถึงเจตตนา มองดูว่า คำด่าของเรา มันเจ็บท่าน เป็นฉันใด
เพราะท่านรู้เที่ยงแท้แก่ใจอยู่ ว่า... ตนไม่รู้มากมายสักเพียงไหน
ดอยกองมูผู้เชิญพระธรรมมาบอกให้ ไม่ถามไถ่
แต่ทำไมไป จับคลำ อันผิดประเด็น

ลองคิดว่า ที่เราด่านั้น ชอบไหม
เถียงแจ้วๆด่ากลับ นั่นก็ชอบอีก ?

เราทำกรรมอันใดไว้ เราก็ย่อมได้รับผลของมัน
เราผิด ตรงไหนเรารู้ เราแก้
ท่านผิดตรงไหนท่านไม่ห็น ...เแล้วจะแก้ได้อย่างไร

00ฟังนะตั้งใจฟังนะ ....
เราเขียนนี้เสร็จ ก็ คิดว่าจะไม่มาแล้ว
หากไม่แคล้ว ท่านคิดถึง จึงจะมาหา
ด้วยสิทธิ์ท่าน หากอยากด่า ก็ตอบมา
เราจะไม่ว่า แต่ส่งด่านั้นกลับทุกคำ ฮะฮา..

หากแม้นว่าท่านนั้น ยังอยากอยู่ ก็ลองดูประกาศก้องสักสองหน
เราจะรีบเร่งมาในบัดดล หากไม่ขัด-ไม่สน กลใดๆ
จะมารับฟังคำ ธรรมสั่งสอน จะว่านอนสอนง่ายดีไหมหนอ
ด้วยเพราะรู้ภูมิธรรมท่านไม่พอ ก็จะไม่ต่อล้อต่อเถียงให้ท่านไม่สบายใจ

00เพลงเปล่าบทนั้นเราแต่งให้ท่าน และให้ตัวเราเองด้วย
เราชอบใจท่านไม่ชอบ ก็จะให้ทำยังไง
เรายิ่งมาแหย่ มายุให้ดูเหมือนจะท้าทาย
น่าเจ็บใจ โอ้ ......เห็นด้วยไหม ว่า
ตัวเรานั้นควรน่าจะโดนตบบ้องหูสักสามที

พอหรือยัง หรือว่า จะคะคาน-คัดค้านต่อ
ถ้าไม่พอเราจะรอ ท่านส่งสานส์
มาถกเถียงให้มันได้ใจความ
มาคัดค้านให้เห็น ผิด ชอบและชั่วดี

00หากท่านเห็นเราไร้ค่าเหมือนขยะ
ก็ปัดซะ กวาดออกให้หมดเสีย
เราไม่ใช่มีลิ้นมาโลมเลีย
แต่มันเสียที่ชอบด่าภาษาเลว

ต้องให้เรามานั่งแปลไทยเป็นไทยให้ด้วยไหม
ไทยลาวได้ แตกฉานเอาไหมละ...
ท่านผู้รู้ผู้ดีมีปัญญา เขารู้ว่า เราด่าไม่ผิดความ

แต่เราบาปด้วยมาก่อกรรม และทำเข็ญ
ดูไม่เป็นมองไม่เห็นพอแตกฉาน
อันคำครู ที่ว่าคบ-เด็กสร้างบ้าน
เพิ่งไม่นานเราเข้าใจ เพราะได้ท่าน ช่วยเกื้อกูล

จึงมาขอขมา ลาทีเถิด บ่อเกิดอกุศล ทนไม่ไหว
ท่านด่ามา เราก็ว่า...ด่ากลับไป
นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่ากงกรรม

00นี่ประชด อดกระแทก-แดกดันกันไม่ได้
ด้วยอยากให้ท่านเห็นเป็นหนักหนา
ว่าเมื่อท่านคิดอ่านสิ่งใดมา
คนมีตาเขามองเห็นเป็นธรรมดา

พอหรือยังพอหรือยังท่านผู้ประเสริฐ เราจะหยุดล่วงละเมิดท่านก็ทำได้
แต่ความคิดความในใจ ชอบหรือไม่ที่เราทำ แล้วท่านเห็นเป็นเลวทราม

00เรามาลาก็ใช่ว่าจะลาลับ เดี๋ยวก็กลับมาหา เพลาใหม่
มาแอบดู ความไม่รัก ไม่ชอบ ไม่พอใจ ที่ท่านฝากให้ไว้
เราผู้มีนามว่า จันทรุปราคา

(b-glass)

 

กล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ ฮิฮิ ขออำภัยด้วยถ้าได้ล่วงเกินไปมากน้อยอย่างไรก็อย่าใส่ใจเลยนะ
ด่าได้ ว่าได้ไม่ว่าหรอก ตอแหลเอ๋ย . . .5 5 5
มามะ มาด่ากัน
(bb-flower

 

ขออภัยขอรับ น้ำขอรับ ในตัวตนของเราเห็นแล้วครับ น้ำลายนำไปสู่สงครามขอรับกระผม ปายล่ะ ฟิ้วส์ส์ส์ส์ส์ส์......

 

00อุเหม่ เฮ้ เฮ้ ไอ้น้องแก้ว ใจแป้วๆ แอ่วมาเตือน เหมือนกระหัง
ล่องลอยมา ตีปีก หับๆ มารับฟัง เห็นเสียงดังนึกเหรอว่า เขาโกรธกัน

พี่หาใช่ได้โกรธ บักเกลอไม่ เกลอก็ไม่ได้เกลียดพี่ หนักหรอกหนา
พี่ว่ากล่าวสิ่งใด เขาตอบมา ตามประสา สนทนา ไม่คาใจ
เขาเรียกพี่ว่า อ้ายตอแหล พี่เรียกเขาขี้แพ้ หาใช่ร้ายแรงไม่
พี่ฟังเขา-เขาฟังพี่ ช่างสุขใจ เห็นใช่ไหมนี่ละ หว่า น้ำลายพาเจริญ


00เอ็งมาตักมาเตือน ก็ซึ้งนัก แวะมาทักมาทาย สงครามน้ำลาย สบายไหม
ต้องระวัง สายน้ำลาย สาดกระเด็นไป
ไม่ชอบใจเพราะมันเหม็น เลยไม่เห็น เป็นมงคล

00อันของใด ในโลก ใบโศกนี้ ดูดีๆ มันก็มี สองด้าน ต้านไหวไหม
เหมือนขาว ดำ เคียงคู่อยู่ อ้อล้อ
เหมือน ปราศรัยเคียงคู่อยู่ด่าทอ
มองให้พอให้เห็นให้เข้าใจ
มองให้เห็นทั้งคุณ และโทษบาป
อย่าบังอาจ บังเอิญมองผิวเผิน
เมื่อเจ้ารู้สิ่งนั้น พ่อจำเริญ มันก็เพลิน เหาะเหินสบายใจ


ในสิ่งเหม็น มองให้เห็นเป็น "คติ" อย่าอุตริมองแต่โทษ เพ่งโกรธหนอ
เพราะสัมมา วาจานั้นเพียงพอ มันลวงล่อ ให้คนเห็นเป็นเรื่องดี
นี่จึงเกิด คารมชี้ปมว่า หน้าเนื้อหนา ปากปราศัยใจเชือดคอ.


00ขอขอบใจ หลายๆ ไอ้น้อ งเอ๋ย พี่มาเฉลย ความ-ประเด็นให้
กุศลจิตเจตนา พี่เข้าใจ พี่ขอให้เอ็งเจริญ เพลิดเพลิน
ในสัมมา กาย วาจาใจ


00พี่ว่าเอ็งเป็นกระหัง นั้นโกรธไหม
ลองใส่ใจ ว่าทำไมพี่ปากหมา
เอ็งก็รู้อยู่แก่ใจแล้วนี่นา ที่เอ็งว่า สงครามน้ำลาย มันร้ายจริง
เอ็งดันโผล่มากลาง การปะทะ เออซีวะ มันต้องโดนลูกหลงบ้าง
ดันไม่ดู ลาดเลา มองไม่ดูทาง ลงตรงกลาง มันก็ซวยเป็นธรรมดา


เฮะๆ แฮะๆๆ
(b-smile)

 

00บ่เอาแล้ว บ่ด่าแล้ว
เม๊ดอารมณ์ สิด่าด้วย
ด่าๆไป ตัวเฮามันก็ซ้วย
หลายทั่น-เพิ่นบ่อฮักด้วย
เพิ่นมาเห็นมาคึดว่าเฮานี่ฮ้ายกาจ
เป็นตาสิ อนาถไปกว่าเก่า.

00เฮาซิไป๊ สำรวมตัวระวังใหม่
เผิ่นก็ไป กราบหาอาจารย์ท่าน
ให้ท่านสั่ง ท่านสอน จงรู้ความ
ให้แตกฉาน สิได้เป็นครูคน

00เฮาก็ขออวยพร ให้เพื่อนแก้ว
จงคลาดแคล้วอกุศล กลไหนไหน
เทวดาจงรักษา ปกป้องให้
สบายกายแลใจ่ ทุกโม้งยาม

หากคึดถึงเฮาให้เอินตีกลองเรียก
ฟังสำเหนียก ไพเราะและขับขาน
เจ้าจงเบ่งท้องฟ้าราตรีกาล
บ่รอนาน จันทร์เสี้ยว จันทร์แรม จันทร์เต็มดวง
เฮาสิสาดส่องแสง มาแกล้งเจ้า
มาหยอกเย้า หลอกเล่นเป็นสนาน
โปรดอย่าเห็นว่าเฮาเป็นคนพาล
ด้วยสันดาน ตัวเรา นามว่า จันทรุปราคา
(f)

 

โมทนา สาธุ ขอรับ ดีใจที่ด้วยคร้าบที่เห็นความเป็นลูกผู้ชายของพี่ๆ ไม่โกรธกัน ความคิดเห็นไม่มีถูกและไม่มีผิดเป็นเพียงความคิดเท่านั้น ถ้าน้องล่วงเกินโปรดอภัยด้วยขอรับ แต่โหผมกลายเป็นกะหังไปแล้ว...แป่ว...