เด็กน้อยสงสัยเรื่องกรรมค่ะ ว่าตกลงแล้วใครเริ่มก่อกรรมกับใครก่อน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย thummada, 2 กันยายน 2011.

  1. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    คือไม่ทราบว่าจะอธิบายให้หลานๆ ที่บ้านฟังว่ายังไงดีคะ เขาสงสัยดังนี้ค่ะ

    ถ้าเราไปตีสุนัข
    พอเราตายไปเราก็ต้องไปเกิดเป็นสุนัข
    และสุนัขก็ไปเกิดเป็นคนมาตีเรา
    หรือไม่เราก็จะถูกกระทำในเรื่องที่หนักกว่าตอนครั้งที่เราไปตีสุนัขเอาไว้

    ถามว่า...

    1.การที่เราไปตีสุนัขนั้น แสดงว่า สุนัขตัวนั้นเคยเกิดเป็นคนมาตีเราก่อนใช่ไหมคะ

    2.แล้วถ้าเราต้องเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรม วนเวียนกันไปอย่างนี้ เมื่อไหร่จะมีวันจบสิ้นคะ

    3.ระหว่างเรากับสุนัขตัวนั้น ใครเป็นคนก่อเวรกรรมต่อกันก่อน

    4.ถ้าสุนัขตัวนั้นไม่เคยทำอะไรให้เรา คือ ไม่มีเวรกรรมกับเรา แล้วเราจะไปตีเขาทำไมคะ ในเมื่อไม่ได้มีเวรกรรมกันมา นั่นก้แสดงว่าสุนัขเคยกระทำต่อเราก่อน และถ้าสุนัขเคยกระทำต่อเราก่อน เราเลยมาทำกับเขา อย่างนี้หรือคะ

    ฟังหลานถามแล้วมันคล้ายปัญหาไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันค่ะ ขอท่านผู้รู้ช่วยชี้ทางสว่างให้ลูกนกลูกกาด้วยนะคะ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจได้ถูกต้อง
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    1.ไม่รู้ครับ ต้องไปถาม พระพรหมมาผู้สร้างโลกเอาเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นยู่กับ เจตนา หมา กับคน หมาจะกัดคน คนตีหมาไม่ผิด คนตีหมาเอาสนุกก็ผิด คิดง่ายๆคือเอาเจตนาเป็นหลัก

    2.เมื่อใจน้อมนำธรรมะ ไปนิพพานอย่างเดียว คือจบสิ้น

    3.ใครเริ่มก็คนนั้นแล่ะ

    4.อยู่ที่สติคุณ ตัวของคุณ ใจของคุณ อารมณ์ของคุณ คุณเลือกเอง
     
  3. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    1.พระพรหมผู้สร้างโลก???

    2.ด้วยกรรมที่เวียนกันไปมาอย่างนี้แล้ว โอกาศที่จะน้อมไปในธรรมก็น้อยลง เพราะต้องชดใช้กันไม่จบสิ้น

    3.ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า คนหรือสุนัข เป็นผู้เริ่มก่อกรรมต่อกันก่อนน่ะค่ะ แล้วถ้าดวงจิตจุติมาครั้งแรกแบบบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย คือ ไม่มีกรรมมาก่อนก่อนที่จะมีการจุติครั้งแรก แล้วอะไรที่ทำให้เกิดกรรมครั้งแรกระหว่างคนกับสุนัขตัวนี้ค่ะ

    4.ถ้าเลือกเองได้ เราก้ไม่ตีสุนัขตัวนั้นแน่นอนค่ะ แต่ผลกรรมที่เราๆ สอนสืบๆ กันมานั้น ก็ต้องมีอันผลักดันให้เรากลับไปตี และสุนัขก็ย้อนกลับมาทำร้ายเราอีก วนไปวนมา
     
  4. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    ถามว่า...

    1.การที่เราไปตีสุนัขนั้น แสดงว่า สุนัขตัวนั้นเคยเกิดเป็นคนมาตีเราก่อนใช่ไหมคะ

    มีความเป็นไปได้

    2.แล้วถ้าเราต้องเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรม วนเวียนกันไปอย่างนี้ เมื่อไหร่จะมีวันจบสิ้นคะ

    เมื่อทั้งสองฝ่ายยอมอโหสิกรรมให้กัน

    3.ระหว่างเรากับสุนัขตัวนั้น ใครเป็นคนก่อเวรกรรมต่อกันก่อน

    เป็นไปได้ทั้งเราและสุนัขตัวนั้น เพราะไม่ยอมอโหสิ ให้อภัยกัน จึงต้องมาวนเวียนทำร้ายกันอย่างไม่จบสิ้น

    4.ถ้าสุนัขตัวนั้นไม่เคยทำอะไรให้เรา คือ ไม่มีเวรกรรมกับเรา แล้วเราจะไปตีเขาทำไมคะ ในเมื่อไม่ได้มีเวรกรรมกันมา นั่นก้แสดงว่าสุนัขเคยกระทำต่อเราก่อน และถ้าสุนัขเคยกระทำต่อเราก่อน เราเลยมาทำกับเขา อย่างนี้หรือคะ

    บางทีก็เป็นกรรมใหม่ในปัจจุบันได้ คือ เราตีเขาเพราะความโกรธในชาตินี้ หากสุนัขผูกโกรธ วงจรแห่งกรรมก็จะเริ่มขึ้น และอาจวนเวียนไปอีกหลายชาติ ถ้าต่อไปเมื่อเราได้รับผลกรรมแล้ว เราก็โกรธด้วย
     
  5. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    ถ้าอย่างนั้นพอจะกล่าวได้ว่า "วงจรแห่งกรรม" เกิดขึ้นได้จากอารมณ์ในปัจจุบันขณะ และจะยุติลงได้ด้วยการอโหสิกรรมจากทั้งสองฝ่ายใช่ไหมคะ

    คราวนี้เหตุอันใดคะ ที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ในปัจจุบันขณะที่ไม่ดีกับเขา ในเมื่อวงจรนั้นๆ เริ่มมาจาก 0 คือ ว่างเปล่าน่ะค่ะ แล้วจะเริ่มเกิดกรรมครั้งที่ 1 ต่อกันได้อย่างไรคะ

    ขอบคุณคุณRed Leaf และคุณแจ๊กซ์69 ด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    1.ใช่ครับพระพรหมผู้สร้างโลก พระผู้ลิขิตชตาตามการกระทำของผู้นั้นครับ และยังมีพระพรหมองค์อื่นอีกมากมายครับ แต่องค์ที่บอกไปนี่คือ องค์ปฐมแห่งพระพรหมมาครับ แต่อย่าไปรู้เลยครับเพราะมันไม่มีประโยชน์กับการหลุดพ้นเมื่อเราหลุดพ้นเมื่อไรก็ได้รู้ทุกอย่างเอง ยิ่งศึกษาของเรื่องพระพรหมนี่ก็จะงงตายพอดี

    2.ป่าวเลยอยู่ที่ใจจ้า ตั้งมันในความดี ละความไม่ดี เจตนาดีตลอดการความคิด มีสัจจะ ซื่อสัตย์ ทำให้ศิล+บารมี ตามเป็นอัตโนมัติ ที่ผมมีศิลได้ทุกวันนี้ เพราะเชื่อความดีละความไม่ดีให้มากที่สุดและสิ่งที่บอกไปแล่ะครับ

    3.บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย +สิ่งแวดล้อม+สังคมการเรียนรู้+การเข้าใจ+ใจน้อมนำไปทางไหนอยู่ที่+คุณเลือกอีกเช่นกัน คือผลที่จะได้รับกาลต่อไป

    4. คุณเลือกเองได้ครับ เจตนาคืออะไร สิ่งนั้นคือสิ่งที่คุณจะได้ตอบแทน
     
  7. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    :VO ขอบคุณมากๆ เลยค่ะคุณ แจ๊กซ์69

    ทั้งที่ตนเองก็ไม่เคยสงสัยอะไรขนาดนี้นะคะ มาเริ่ม งงๆ ตรงที่เด็กๆ ถามมาแล้วตอบกลับแบบยังไม่แจ่มแจ้งน่ะค่ะ ตอนนี้ก็ยอมรับว่า อาจจะได้คำตอบที่ดีมากขึ้น(เยอะเลยค่ะ) แต่ก็ยังไม่แจ้งแบบให้คนถามได้หายสงสัยแบบหมดสิ้นนะคะ

    โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ฟังแล้วปวดหัวค่ะ คำถามเยอะ ต้องตอบเขาให้ดีๆ
    เขาถามย้ำอยู่นั่นหล่ะค่ะ เรื่องการเกิดของกรรมครั้งแรก
     
  8. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    งั้นมีทางเดียว ให้เขางดถามซะเถอะ แล้วบอกให้เขาไปนิพพานให้ได้ ถ้าไปได้ก็รู้ได้หมดทั่วทั้งทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้ ที่เขามัวแต่ถามคนอื่นไม่ใช่อรหันหรือผู้สร้างกฏแห่งกรรม ยังไม่สามารถให้คำตอบแบบระเอียดได้ บางสิ่งบางอย่างต้องเจอกับตัวเองครับ
     
  9. Start Begin

    Start Begin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +9
    ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มก่อน

    ถ้าปัจจุบันเพียงเรามีสติและอโหสิกรรม

    กรรมก็น่าจะยุติลงได้

    ตราบใดที่ยังไม่มีผู้เริ่มที่จะอโหสิกรรมให้กับฝ่ายตรงข้าม

    มันก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่วนเวียนอยู่ก็เป็นได้
     
  10. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ที่เด็กๆ สงสัยคงเป็นประเด็นว่าใครทำใครก่อน และจะสิ้นสุดลง
    อย่างไร เรื่องพวกนี้ไม่มีใครตอบได้หรอกครับ แต่การจะอธิบายให้
    ใครเข้าใจเรื่องกรรมไม่จำเป็นต้องอธิบายขนาดใครเริ่มก่อนและจะสิ้น
    สุดลงอย่างไร อธิบายหลักการทำงานของกรรมก็พอและเป็นวิทยา
    ศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์ไม่เคยบอกว่าใครทำอะไร ไม่เคยที่จะ
    พิสูจน์ว่าสิ่งต่างๆ เกิดเพราะใครเป็นคนทำ บอกแต่ว่าสิ่งต่างๆ เกิด
    ขึ้นได้อย่างไร พูดง่ายคืออะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์สิ่งนั้นไม่ต้องมีคนมา
    เกี่ยวข้อง แต่พูดถึงกฎเท่านั้นที่พระพุทธองค์ทรงแสดงช่องทางทำ
    กรรม ประเภทของกรรม การให้ผลของกรรม เหล่านี้ไม่ได้พูดถึง
    ว่าใครทำใครก่อน และสิ้นสุดอย่างไร ลองให้เขาพยายามเข้าใจ
    กรรมในฐานะกฎ อย่างเช่นกฎแรงดึงดูดไม่มีใครทำใคร เราเดินไม่
    ดีก็หกล้ม

    1.เราไปตีสุนัข เป็นกรรม และเราทำกรรมอะไรไว้ดีหรือชั่วก็ตาม
    ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น การรับผลของกรรมก็ขึ้นกับ กาล คติ
    อุปธิ ปโยคะ ให้ผลมากหรือน้อยขึ้นกับเจตนา

    2.เราไม่ได้เกิดมาใช้กรรม

    3.เวรคือความผูกอาฆาตพยาบาท กรรมคือการกระทำที่ประกอบด้ว
    เจตนา ถ้าเราไปตีหัวหมาด้วยเจตนาเราก่อกรรม ถ้าหมาผูก
    อาฆาตพยาบาทมันก็ก่อเวร

    4.สิ่งต่างๆ ไม่ได้เกิดเพราะกรรมอย่างเดียว เกิดจาก กรรม จิต
    อุตุ พีช ธรรม อย่างเราร้อนแล้วเหงื่อออกก็เกิดจากอุตุ ไม่ใช้ว่า
    เรามีกรรมกับพระอาทิตย์ อย่างเราจิตเศร้าหมองไม่มีความสุขก็เพราะ
    จิต
     
  11. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณคุณคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Start Begin นะคะ

    - เคยลองอธิบายหลักของเวรกรรมอย่างง่ายๆ ให้เขาฟังนะคะ เช่น ถ้าเราไม่ทำการบ้าน พรุ่งนี้ก็ไม่มีการบ้านส่งครู เราก็ถูกครูทำโทษ ...กรรม คือการกระทำของเราเอง ทำอย่างไร ก็ ได้ผลอย่างนั้น เด็กๆ เข้าใจค่ะ แต่เขามักไปจดๆจ้องๆ แถวการเกิดกรรมครั้งแรกและการที่จะสิ้นสุดกรรม

    มองอีกมุมหนึ่ง คือ ถ้ามีข้อเคลือบแคลงสงสัยที่เรายังให้ความกระจ่างเขาไม่ได้แบบชัดแจ้งไปเลย มันเป็นอุปสรรคในการสานต่อด้วยนะคะ อย่างพอจะสอนอะไรก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือในตัวผู้สอนแล้ว อย่างนี้เป็นต้นค่ะ


    คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bluebaby2<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5065063", true); </SCRIPT> คะ พอพูดถุงวิทยาศาสตร์ กเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ค่ะ เรื่องโลกของเรา การกำเนิดและแตกดับของโลกน่าจะพอเอาไปเทียบเคียงให้เขาจินตนาการตามได้นะคะ

    "อย่างเราร้อนแล้วเหงื่อออกก็เกิดจากอุตุ ไม่ใช้ว่า เรามีกรรมกับพระอาทิตย์ "

    จริงๆ ด้วยค่ะ อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าจะนำไปอธิบายเสริมได้ใช่ไหมคะ

    ค่อนข้างลำบากใจตรงที่ เด็กเขามักจะสงสัย เน้นการซักถามมากกว่าปฏิบัติ อาจเป็นเพราะวุฒิภาวะ คือ อาจจะได้ฟังๆ กันมา จากครูสอนบ้างหรือจากเพื่อนๆ บ้าง (ครูสมัยนี้ก็สอนไปตามหนังสือเท่านั้นเองค่ะ ตอบเด็กไม่ได้เหมือนกัน) แต่ในเมื่อเขามีใจใฝ่รู้ทางนี้ ครั้นจะไม่ตอบเขาเลย จะเลี่ยงว่า "หนูลองปฏิบัติธรรม แล้ววันนึงหนูจะเข้าใจสิ่งที่สงสัยเอง" กับเด็ก 6 ขวบและ 10 ขวบกว่าๆ เขาไม่สามารถทำได้แน่นอนค่ะ

    จึงเข้ามาขอคำชี้แจงเพื่อความเข้าใจได้ตรงตามหลักของธรรมะ

    ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ

    ^-^
     
  12. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    ^-^ กับเด็กๆ น่าจะยากเหมือนกันนะคะ ยิ่งให้งดถามเหมือนกับเราเลี่ยงที่จะไม่ตอบให้ชัดแจ้ง เดี๋วเขาก็ต้องไปถามเพื่อนๆ พี่ๆ ที่โรงเรียน แล้วอาจจะเข้าใจไปในทางผิดเพี้ยนกันใหญ่โต (ถามครูมาแล้วครูยังส่ายหน้าเลยค่ะ)

    ขอบคุณนะคะ
     
  13. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    เด็กเล็กหรือเปล่าครับ เขาจะชอบถามทำไม ทำไม โดยที่เขาไม่สนใจว่าเรา
    จะตอบอะไรหรอกครับ อย่าตอบยืดยาวเขาจะเบื่อ ธรรมชาติเขาชอบถามมาก
    กว่า บางเรื่องเขายังรับไม่ได้ บางทีเล่านิทานจนจบก็บอกเล่าเรื่องเดิมอีก
     
  14. หนึ่งคน

    หนึ่งคน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +4
    มันก็ไม่จบไม่สิ้นนั้นหละ หากเราไม่ควบคุมสติให้หยุดให้พอ หากตีเขาชาติหน้าเขาตี หากไม่อยากมีต่อ ก็รีบไปทำบุญขอโทด และทำดีทดแทนเยอะๆ

    ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันนั้น มัน คำถามง่ายมากเลยครับทำไม เข้าใจอะไรกันยากจัง

    ไข่ก็ต้องเกิดก่อนไก่ สิ
    ไก่นั้น พึ่งจะมามีในยุคปัจจุบัน หรือยุคมนุษย์
    ไข่นั้น มีมาตั้งแต่ยุคในโดเสาร์ หรือหลายล้านปีก่อน ซึ่งแน่นอน ไข่เกิดก่อนไก่

    ไม่มีไข่ไก่เกิดไม่ได้
    ไม่มีไก่ ไดโนเสาร์ยังออกไข่ได้เลย

    คนเราสมัยนี้โง่กันจริงๆ!
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    :cool:
    :cool: นี่ ต่างหาก ครับ คุณสอนหลานได้เลยครับ....จริงจริงแล้วเรื่องวิบากกรรมนั้นไม่มีใครรู้จริง นอก จากพระพุทธองค์เท่านั้น(นั่นหมายถึงผู้ที่มีบารมีขนาดนั้น)ถึงจะอธิบายเรื่องกรรมได้....อย่างปุถุชนไม่สามารถเข้าใจได้ถ่องแท้ และ อย่าพยายามไปคิดหรือ อธิบายเลยครับ.....ให้เริ่มต้นสอนเรื่อง กุศล สุจริตสาม เมตตา กรุณา.....ดีกว่าครับ..และที่แท้จริงกรรมใหม่นั้นคือ สิ่งที่กำลังจะทำต่อไป เช่นตีสุนัขอย่างที่ยกตัวอย่าง นี่คือ กรรมที่ก่อใหม่นะครับ(ไม่ใช่สิทธฺ์ที่เราจะทำได้ หมายถึงไม่ใช่ว่าสุนัขเคยทำเรามาก่อนเสมอไป)...........ทุกสิ่งที่กระทำใหม่นั้ก็คือ กรรม ที่มีผล ทุกอย่างครับ...เพราะฉนั้นต้องสอนหลานให้ทำดีที่เป็นกุศล และ เชื่อ เรื่องกรรมที่ตนทำนะครับ...
     
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    อวิชชา ความไม่รู้ นะสิครับ เลยก่อ เป็น สังขาร วิญญาน นาม-รูป ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส.......เราเริ่มก่อกรรมด้วยการมีตัณหาและอุปาทาน และมีความยึดมั่นว่า เรา ตัวตนของเรา มีความตระหนี่ หวงกั้น นี่ของฉัน ตัวตนของฉัน ก็เลยทำกรรม ด้วยความกลัวสูญเสียของ ของตน(อย่างกรณีหมา คือ กลัวหมา) เลย กลายเป็นทุกข์ และ เริ่ม ไปที่อวิชชาอีก หมุนวน ไม่หยุดหย่อน เรื่องนี้คือ หัวใจพระศาสนาที่คนทุกคนที่เป็นชาวพุทธทุกคนต้องศึกษาภาวนาให้รู้แจ้งเห็นจริง........จึงต้องให้จขกท.........ศึกษาเพิ่มเติม(ฟังพระสัทธรรม)หรือจะพาหลานไปฟังด้วยก็ดี ครับ อ่าน ฟัง ไปหาพระฟังพระเทศน์ เริ่มเลยครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  17. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bluebaby2<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5065063", true); </SCRIPT> คะ มีทั้งเด็กเล็กและวัยรุ่นเลยค่ะ ...เมื่อวานลองกลับไปอธิบายเปรียบเทียบลักษณะของการเกิดของโลก ประมาณว่า ไม่มีใครรู้ใครเห็นก่อนที่จะมีโลกใบนี้เกิดขึ้นมาในห้วงจักรวาล แต่เราก็มาเรียนรู้และศึกษาที่มาของโลกได้ ... ก็พูดคุยกันไปในทำนองนี้ค่ะ เด็กๆ ก็เข้าใจกันมากขึ้น คือ ยอมรับมากขึ้น แต่มองตาก็รู้ว่าเขายังค้างคาใจนะคะ

    คุณหนึ่งคน อย่าเหมารวมว่าคนสมัยนี้โง่เลยค่ะ เพราะที่ยกตัวอย่างมาว่าคล้ายปัญหาไก่กับไข่นั้น เป็นอะไรที่พอจะมองเห็นภาพลักษณะของปัญหามากที่สุด(ในตอนนั้นเท่าที่คิดได้ค่ะ)ไม่ได้มีเจตนาอื่นๆ เลยจริงๆ ค่ะ แค่ต้องการเปรียบเทียบลักษณะปัญหาจริงๆ เพราะครั้งหนึ่ง เราๆ ก็เคยพูดกันว่า ปัญหาไก่กับไข่ เป็น "ปัญหาโลกแตก"

    คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->paetrix<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5066700", true); </SCRIPT> คะ หลังจากที่เข้ามาขอคำปรึกษาที่นี่แล้ว ก้ได้คำตอบให้เด้กๆ ได้เข้าใจมากขึ้นจริงๆ ค่ะ แม้ว่าดวงตายังบอกว่าสงสัย แต่ก็ลดความสับสนลงไปได้มากเลย ตอนนี้เขาหยุดซักถาม แต่เชื่อได้เลยค่ะว่า ยังมีคำถามนี้อยู่ในใจเขา และหวังว่าเขาจะเสาะหาคำตอบในทางที่ควรต่อไปในอนาคต เขาอาจจะได้รับคำตอบเองเมื่อเขาโตขึ้นนะคะ

    ขอบคุณทุกๆ ท่านที่กรุณาสละเวลาตอบคำถามให้นะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  18. thummada

    thummada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2011
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    ตรงที่ไฮไลท์สีแดงนี่เองค่ะ ที่ถูกถามมาแบบว่า อึ้งเลยค่ะ
    คำถามที่ว่า แล้วก่อนที่เราจะก่อกรรมครั้งแรก ก่อนที่เราจะมีตัณหาครั้งแรก ก่อนที่เราจะรู้จักหวงของ หวงในความเป็นตัวตนนี่หล่ะค่ะ ก่อนหน้านั้น เราเริ่มที่ 0 ใช่ไหมคะ

    แล้วอะไร ทำให้เริ่มได้
    กรรมอะไรที่ทำให้เกิดอารมณ์โมโหครั้งแรก โกรธครั้งแรก จนกลายเป็นทำบาปกรรมครั้งแรก

    ^_^ จริงๆ แล้วเจอคำถามแบบนี้ จากที่ตนเองไม่เคยสงสัย ตอนนี้ก็สงสัยไปตามที่เด็กถามแล้วค่ะ

    ขอบคุณสำหรับคำตอบมากๆ นะคะ
     
  19. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    ชาติที่แล้วที่เกิดมาไม่ต่างกับชาติปัจจุบันนี้เท่าไหร่นักนะคะ

    ๑เคยเป็นทั้งฝ่ายตี และถูกตี นับชาติไม่ถ้วน
    ๒ยุติเป็นอโหสิกรรม วาระกรรมจะจบลงเอง
    ๓โทสะ(โกรธ) และมานะ(ยึดในภพชาติ) ของทั้งคู่
    ๔เข้าใจเรื่องเหตุและผลของกรรมแล้ว จะไม่เพิ่มกรรมต่อ จะวางใจเป็น

    สิ่งที่ได้กระทำลงไปทั้งทางกาย วจี มโนกรรม ล้วนเป็นผลให้เจอวิบาก(กรรม) ลักษณะนี้
     
  20. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    จาก อายตนะภายนอก6(รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์)+อายตนะภายใน6(หู ตา จมูก ลิ้น กายใจ)+วิญญานรู้ แจ้งทั้ง6 ทางหู ตา จมูกลิ้น กาย ใจ ทั้ง3อย่างมาเจอกันกลายเป็นผัสสะ แล้วกลายเป็นเวทนาทั้ง3( สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์).........จขกท จะเห็นได้ว่า เราจะเกิด ผัสสะ และเวทนา ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่นะครับ.......การที่เรามีสุขเวทนา นั้นเราจะมี อนุสัยเกิดขึ้น(ราคานุสัย)มันจะสะสมไว้ในจิตเรา ถ้าเป็นทุกข์เวทนา ก็จะมีความไม่พอใจ(ปฎิฆานุสัย)สะสม ถ้าไม่ทุกข์ ไม่สุขก็ อวิชชานุสัย(ไม่รู้เรื่อง)........อนุสัยทั้งสามนี่แหละ สะสมเป็นอาสวะกิเลสอันหมักหมม......ที่จขกท ถามมานั้น คือ อาสวะกิเลสและ อวิชชา นั้นเองครับที่ทำให้เรามีความ ยินดี ยินร้ายให้เราแสดงออกทาง กาย วาจา ใจ.............
     

แชร์หน้านี้

Loading...