ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465

    ขอร่วมอนุโมทนาด้วยครับ
     
  2. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ผู้ยอมพลัดพรากจากแผ่นดินไทย

    พลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
    จากไอศวรรย์สมบัติ...จากฐานันดรอันสูงส่ง
    ยอมเป็นองค์ประกันในแผ่นดินที่ผู้คนเหยียบย่ำในศักดิ์ศรีของคนไทย
    ใครจะรู้ถึง...ในพระทัยที่ทนเจ็บปวดทรมาน
    ใครจะได้เห็น...พระอัสสุชลที่หลั่งไหล...ท่วมท้นดวงพระทัย
    ...นับรวมสิบปี...
    ก่อนที่จะทรงพลีชีพเพื่อชาติ...หลั่งโลหิตในแผ่นดินพม่า...
    สิ้นพระชนม์ชีพ...อย่างไร้พิธีอันสมพระเกียรติ
    ในขณะที่บุคคลอันเป็นที่รัก...พระชนก...พระชนนี...และพระอนุชา
    ...อยู่ในแผ่นดินอันไกลโพ้น...
    เพื่อให้แผ่นดินไทย...ได้ดวงแก้วอันมีค่ายิ่งกลับคืนมา...กอบกู้เอกราช
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ...ให้เราทุกคน มีวันนี้ได้...​

    อ่านแล้วขนลุกซู่ ซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ
    ขอพระองค์ท่านทรงบารมีมากล้น ยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2011
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ครับ...คุณน้องจุ๊บ บทสดุดีเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา นี้ คัดลอกมาจาก วิหารสามพระองค์ ที่วัดตาลเอน อ.บางปะหัน อยุธยาครับ ถ้าได้ผ่านไปทางอยุธยา ลองหาโอกาสแวะไปกราบถวายบังคมทั้งสามพระองค์สักครั้งนะครับ (สามพระองค์ หมายถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ครับ)

    การเสียสละความสุขที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อจุดมุ่งหมายในการเสียสละเพื่อทดแทนคุณต่อแผ่นดิน เฉกเช่นสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา นับว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับคนในปัจจุบัน พระองค์ยอมสละชีวิตทั้งชีวิตเพื่อเป็นตัวประกันแลกเปลี่ยนให้พระอนุชากลับมากู้เอกราชและอิสรภาพให้กับแผ่นดิน

    ความเสียสละของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นยิ่งใหญ่นัก แต่กลับถูกลืมเลือน ต้องรอคอยมานานแสนนานกว่าจะมีผู้ค้นคว้าและนำมาเผยแผ่ให้ปรากฏทั้งพระนามและพระสาทิสลักษณ์ ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทยให้ผู้คนได้รับรู้ในปัจจุบัน

    ...มาเถิด มา แม่ มา ปวงราษฎร์ประชาจะขอกราบกราน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2011
  4. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    รับทราบคะ ท่านจงรักภักดี ถ้าจุ๊บผ่านไปไหว้พระที่อยุธยาอีก จะแวะไปกราบถวายบังคมทั้งสามพระองค์ท่าน ที่วัดตาลเอนให้จงได้
    เมื่อสามเดือนที่แล้ว ที่ทำงานได้ทำโครงการพาผู้สูงอายุ (ประมาณเกือบ50คน)ไปไหว้พระที่อยุธยา จุ๊บเป็นคนเลือกเอง ค่ะ มี5วัด
    -วัดหลวงพ่อมงคลบพิตร
    -วัดพระเมรุราชิการาม
    -วัดท่าการ้อง
    -วัดใหญ่ชัยมงคล (น้ำตาซึมออกมา ด้วยความผูกพันธ์อย่างมาก )
    -วัดพนัญเชิง
    ใจอยากไปที่วัดวรเชษฐอีก อยากไปกราบพระองค์ท่าน แต่รู้ว่าไม่ได้เพราะเวลามีจำกัด ต้องพาคนแก่ไปเที่ยวที่ตลาดน้ำฯลฯ และต้องไปส่งที่บ้านให้ทันตอนเย็น
    ตอนนี้ก็เลยนัดกับญาติ เป็นการส่วนตัวว่าประมาณเดือนหน้าไปไหว้พระที่อยุธยาอีก ให้ขับรถไปให้ เป็นเมืองที่มีความผูกพันธ์มากที่สุด
     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ

    เสียดายนะครับที่ไม่ได้พาแวะวัดวรเชษฐ์ ขอถือโอกาสเสนอแนะสำหรับทริปต่อไป ถ้าจะแวะวัดวรเชษฐ์ขอให้แวะเป็นสถานที่แรกเพื่อผู้ชมจะได้ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และอนุสรณ์ถาวรวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ยังหลงเหลืออยู่อย่างมีสภาพที่เกือบจะสมบูรณ์อย่างไร้การปรุงแต่ง

    ทราบจากท่านพลตรี พิจิตรฯ ว่าในเดือนกันยายน วันที่ 10 หรือ 20 นี้คณะนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชั้นปีที่ ๓ ก็จะมาทัศนศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ที่วัดวรเชษฐ์ แห่งนี้ ด้วยเหมือนกันครับ

    และต้องขอขอบคุณคุณน้องจุ๊บ ด้วยครับ ที่ติดตามกระทู้นี้มาอย่างเหนียวแน่น
    นับถือครับ
    ;aa40
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ให้กับศุนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ครับ

    มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคร้ายที่หายขาดได้

    <!-- main-content-block --><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 504px; HEIGHT: 32px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.thaipost.net/x-cite/290811/44068&layout=standard&show_faces=true&width=450&action=like&colorscheme=light&height=80" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME><!--29 สิงหาคม 2554 - 00:00-->
    29 สิงหาคม 2554 - 00:00


    แพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ยังคงมีผู้ป่วยด้วยโรคทางโลหิตเป็นจำนวนมาก ขึ้นทะเบียนเพื่อรอรับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต หรือสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนอาสาสมัครที่ลงทะเบียนบริจาคสเต็มเซลล์ไว้เพียง 100,000 ราย แต่เนื่องจากความเข้ากันได้ชนิดของเนื้อเยื่อ (HLA typing) ระหว่างผู้บริจาคและผู้ป่วยที่ไม่ใช่ญาติ มีโอกาสตรงเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องจัดหาอาสาสมัครให้ได้จำนวนมากถึง 120,000 รายภายในปี 2555 จึงจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
    ทั้งนี้ มีผู้ป่วยโรคทางโลหิตที่ขึ้นทะเบียนรอรับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย มะเร็งต่อมน้ำเหลือง กลุ่มโรคไขกระดูกฝ่อ และกลุ่มโรคที่มีการสร้างเม็ดโลหิตปกติ แต่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ได้แก่ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย เป็นต้น ซึ่งในแต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ขึ้นทะเบียนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยจำนวนกว่า 1,200 รายยังรอรับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ โดยเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจำนวนมากถึง 380 ราย
    ดังนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงได้ร่วมกับสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย จัดการเสวนาทางการแพทย์เรื่อง “มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคร้ายที่รักษาหายขาดได้” เพื่อให้ความรู้ในเรื่องโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในมุมมองที่หลากหลาย เช่น สถานการณ์การเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในปัจจุบัน การเกิดโรคในเด็กและผู้ใหญ่ วิวัฒนาการความก้าวหน้าในการรักษาโรคด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ และเป้าหมายการรับบริจาคสเต็มเซลล์ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เป็นต้น โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลหิตวิทยาและการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เม็ดเลือด ของสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นวิทยากร พร้อมจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ในงาน อาทิ การบริการให้คำปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ, บริการตรวจหมู่โลหิต, นิทรรศการความรู้สเต็มเซลล์ และร่วมสนุกกับเกมพร้อมรับของที่ระลึก เป็นต้น
    ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในวันที่ 17 กันยายน 2554 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบฯ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมรับของที่ระลึก กระเป๋าสเต็มเซลล์ และหนังสือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ โทร. 0-2256-4300, 0-2263-9600-99 ต่อ 1101, 1760 หรือ E-mail: blood@redcross.or.th และสมาคมโลหิตวิทยาฯ โทร. 0-2716-5977-78 ตั้งแต่บัดนี้-15 กันยายน 2554 รับจำนวนจำกัดเพียง 200 ที่นั่งเท่านั้น.

    ที่มา มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคร้ายที่หายขาดได้ | ไทยโพสต์
     
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ศรีอยุธยา (3)

    เพลงที่เด็กร้องได้ ผู้ใหญ่ฟังดีเพลงหนึ่งมีว่า “ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน...” แต่แล้ววันหนึ่งตาอินกะตานาเกิดจะแย่งปลากัน ลงท้ายตาอยู่ก็คว้าพุงเพียว ๆ ไปกิน ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาก็มีเรื่องพรรค์อย่างว่านี้ เมื่อสมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) กษัตริย์ผู้มาจากสุพรรณสวรรคตลง พระราชโอรสสองพระองค์คือเจ้าอ้ายพระยาซึ่งครองเมืองสุพรรณยกทัพขับช้างเข้ามาหมายจะเป็นกษัตริย์อยุธยา แต่เจ้ายี่พระยา เจ้าเมืองสรรคบุรีไม่ยอม คุมทัพขับช้างมาต่อสู้กับพี่จนปะทะกันที่เชิงสะพานป่าถ่าน ลงท้ายสิ้นพระชนม์ทั้งคู่

    สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ทรงสันนิษฐานว่าเจ้าทั้งสองคงต่างพระชนนีกัน เจ้านายขุนนางจึงทูลเชิญน้องนุชสุดท้องเป็นตาอยู่คือเจ้าสามพระยา เจ้าเมืองชัยนาทขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 7 ชื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ที่ 2) เมื่อถวายพระเพลิงเจ้าพี่ทั้งสองแล้ว ทรงสร้างพระปรางค์มหาธาตุเจดีย์ครอบที่ตรงนั้น และให้สร้างวัดขึ้นเรียกว่าวัดราชบูรณะ ทุกวันนี้เหลือแต่ซาก ส่วนพระปรางค์ยังอยู่สมบูรณ์

    ไทยเรามีธรรมเนียมมาแต่โบราณว่าบ้านใหญ่เมืองโตต้องมีวัดสำคัญคู่พระนครคือวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐ์ กรุงศรีอยุธยาก็มีวัดเหล่านี้ เมื่อสร้างกรุงเทพฯ ก็ได้โปรดฯ ให้สร้างหรือเปลี่ยนชื่อวัดเดิมที่บูรณะใหม่มาใช้ชื่อวัดเหล่านี้ วัดราชบูรณะในกรุงเทพฯ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เชิงสะพานพุทธ ข้างโรงเรียนสวนกุหลาบ เดิมเป็นวัดเก่าสมัยอยุธยาชื่อวัดเลียบ ตำราหนึ่งว่าเพราะมีต้นเลียบ อีกตำราว่าเพราะจีนเลี้ยบ (คนละคนกับหมอเลี้ยบ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) เป็นผู้สร้าง สมัยต้นกรุงเทพฯ เคยเป็นวัดประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 สัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงวัดจนเรียบจริง ๆ บัดนี้บูรณะใหม่แล้ว

    วัดราชบูรณะสมัยอยุธยาอาจมีมาก่อนสมัยเจ้าสามพระยาก็ได้ ไม่งั้นจะไปถวายพระเพลิงตรงนั้นได้อย่างไร แต่คงโทรมเต็มทีจนโปรดฯ ให้บูรณะใหม่ทั้งวัด

    ความยิ่งใหญ่ของวัดราชบูรณะมาปรากฏแก่สายตาชาวโลกเมื่อ พ.ศ.2499 เมื่อตำรวจจับโจรกลุ่มหนึ่งซุกซ่อนพระพิมพ์ทองคำเป็นอันมาก ทั้งยังมีสร้อยทองคำ แหวน เพชรนิลจินดา ขนาดแบ่งปันกันแล้วก็ยังเหลือให้ยึดได้ไม่น้อย เมื่อไต่สวนได้ความว่าแอบขุดจากกรุใต้ฐานพระปรางค์วัดราชบูรณะ พอเข้าหน้าฝนดินชุ่มน้ำ อ่อนตัว จึงขุดเจาะง่าย กรมศิลปากรจึงนำผู้เชี่ยวชาญมาขุดเจาะบ้างพบว่าใต้ฐานพระปรางค์ลึกลงไปเป็นกรุหรือห้องขนาดลิฟต์ซ้อนกันอยู่ใต้ดินเป็นชั้น ๆ

    ในปี พ.ศ. 2500 เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า การระบายอากาศและป้องกันโรคจากใต้ดินยังเป็นปัญหา กรุเองก็เล็ก คับแคบ น่ากลัวว่าจะพังทลาย แต่แล้วก็ค่อย ๆ ลำเลียงสมบัติออกมาได้หลายชิ้นเป็นพระเนื้อต่าง ๆ นับหมื่นองค์ พระธาตุเจดีย์ทองคำ โต๊ะทอง มงกุฎทองคำ เครื่องสวมศีรษะเรียกว่าศิราภรณ์ พระแสงดาบ ช้างทรงทองคำชูงวงหมอบ และของมีค่าอีกมหาศาล

    ไม่มีใครรู้ว่าเครื่องทองของมีค่าเหล่านี้ไปอยู่ใต้ฐานพระปรางค์ได้อย่างไร ทำราวกับเป็นสมบัติมัมมี่ในพีระมิด บ้างก็สันนิษฐานว่าบรรจุไว้เป็นพุทธบูชา บ้างก็ว่าเป็นของนำไปใช้ในชาติหน้า บางคนก็ว่าอาจเป็นการยักย้ายถ่ายเทสมบัติซ่อนไว้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วยความสนพระราชหฤทัย ทรงแนะนำแนวทางการชักดาบออกจากฝักทองคำโดยไม่ให้เสียหาย และรับสั่งว่าของเหล่านี้อยู่คู่อยุธยา ควรนำออกแสดงที่นี่ ไม่ควรย้ายไปไว้ที่อื่น กรมศิลปากรจึงสนองพระราชกระแส นำพระพิมพ์เนื้อต่าง ๆ บางส่วนที่มีอยู่มากมายออกให้เช่าบูชาหาทุน ได้เงินมาหลายล้านบาทสร้างเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาที่อยุธยาโดยไม่ต้องใช้เงินแผ่นดิน

    พิพิธภัณฑ์นี้น่าดูมาก ชีวิตนี้ครูควรพานักเรียน พ่อแม่พาลูก ลูกหลานพาปู่ย่าตายายไปชมมรดกเจ้าสามพระยาสักครั้ง จะได้เห็นเจดีย์ทองคำบรรจุพระธาตุเป็นสิบ ๆ องค์ พระพิมพ์เนื้อทอง เงิน นาก ชิน เหรียญกษาปณ์สมัยอยุธยา ศิราภรณ์ ของที่ต้องดูให้ได้คือช้างทองคำหมอบซึ่งเป็นของสำคัญงามนักหนา ที่ไม่ได้ขุดพบจากวัดราชบูรณะแต่เชิญมาจากที่อื่นคือพระพุทธรูปศิลาห้อยพระบาท และเศียรพระพุทธรูปจากวัดธรรมิกราชซึ่งหล่อขึ้นตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองยังไม่เกิด

    เจ้าสามพระยาได้สถาปนาพระราชโอรสเป็นพระราเมศวร อันเป็นตำแหน่งสำคัญเหมือนรัชทายาทครั้งพระเจ้าอู่ทอง โปรดฯ ให้ไปครองเมืองพิษณุโลกซึ่งขณะนั้นตกเป็นของอยุธยาแล้ว การส่งรัชทายาทไปครองพิษณุโลกเริ่มเป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่บัดนั้น เรียกว่าใครครองพิษณุโลกต่อไปจะได้ครองอยุธยา (ก่อนหน้านั้นให้ดูว่าใครครองเมืองลพบุรี)

    เมื่อเจ้าสามพระยาสวรรคต พระราเมศวรได้กลับมาครองอยุธยาเป็นรัชกาลที่ 8 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แปลว่าที่พึ่งแห่งโลกทั้งสามคือโลกมนุษย์ สวรรค์ และนรกภูมิ ตามคตินิยมในเรื่องไตรภูมิ เวลาเดียวกันเชียงใหม่กำลังแยกตัวเป็นอิสระ มีกษัตริย์ปกครองชื่อคล้ายกันว่าพระเจ้าติโลกราชและมีความหมายอย่างเดียวกันด้วย

    สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองกรุงศรีอยุธยานานถึง 40 ปี ก่อนหน้าสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ต้องนับว่าพระองค์อยู่ในราชสมบัตินานที่สุดในประเทศไทย และทรงทำประโยชน์หลายอย่างจนอยากทายว่าวันหนึ่งจะมีคนนึกถึงผลงานจนยกเป็นมหาราชหรือธรรมิกราชได้อีกพระองค์

    เมื่อครองราชย์ได้ 15 ปี เชียงใหม่ยกทัพไปตีหัวเมืองภาคเหนือจนจวนไล่ลงมาถึงพิษณุโลก สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จขึ้นไปตั้ง ศอฉ.บัญชาการรบอยู่ที่พิษณุโลก และทรงใช้เวลาอีก 25 ปีอยู่ที่นั่นอย่างถาวรจนถือเป็นเมืองหลวง ส่วนกรุงศรีอยุธยานั้นกลับลดลงเป็นเมืองลูกหลวง ให้พระราชโอรสปกครองมีฐานะเป็นเจ้าประเทศราช (เมืองขึ้น)

    ผลงานยิ่งใหญ่คือทรงตั้งทำเนียบศักดินาขึ้นเป็นครั้งแรก ทรงสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดอยู่ในวังไม่มีพระสงฆ์ซึ่งเป็นต้นแบบของวัดพระแก้วในเวลานี้ ทรงตรากฎมนเทียรบาลซึ่งว่าด้วยกฎกติกาในราชสำนัก ขนบประเพณีต่าง ๆ ลำดับชั้นยศของเจ้านายซึ่งใช้เป็นฐานพิจารณาผู้สืบราชสมบัติ ทรงตั้งตำแหน่งพระมหาอุปราช และทรงวางรากฐานการปกครองใหม่ เช่น แบ่งข้าราชการเป็นฝ่ายพลเรือนและทหาร ตั้งอภิมหากรมไว้ดูแลราชการ 4 ด้านเรียกว่าจตุสดมภ์ แปลว่า เสาหลักทั้ง 4 ได้แก่ กรมเวียง กรมวัง กรมคลัง และกรมนา ซึ่งระเบียบราชการอย่างนี้ใช้มา 400 ปีจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5

    ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ระหว่างเสด็จฯไปอยู่พิษณุโลกได้ทรงผนวช ทรงสร้างวัด หล่อพระพุทธรูป และจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ใหม่

    เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสวรรคตที่พิษณุโลก พระบรมราชา พระราชโอรสซึ่งปกครองอยุธยาได้ขึ้นครองราชย์เต็มที่เป็นรัชกาลที่ 9 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ที่ 3) แล้วลดฐานะพิษณุโลกลงเป็นเมืองเอก ราว 3 ปีต่อมาก็สวรรคต พระเชษฐาชื่อแปลว่าพี่แต่ความจริงเป็นน้องชายขณะนั้นครองเมืองพิษณุโลกซึ่งเป็นเมืองเอกต่อจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงกลับลงมาครองกรุงศรีอยุธยาต่อจากผู้เป็นพี่ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามาธิบดี (ที่ 2) เป็นรัชกาลที่ 10 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกพระองค์

    รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นานถึง 38 ปี ทรงสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังต่อจนเสร็จ โปรดฯ ให้หล่อพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่สูง 8 วา หุ้มทองคำชื่อพระศรีสรรเพชญซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปมีค่าคู่บ้านคู่เมืองและสำคัญที่สุดของพระนครศรีอยุธยา

    ใครไปไหว้พระมงคลบพิตรที่อยุธยาวันนี้จะเห็นเจดีย์ 3 องค์เรียงกันข้างพระวิหาร สององค์แรกสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างไว้บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ่อ) และสมเด็จพระบรมราชาธิราช (พี่) ส่วนองค์ที่สามต่อมาสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร พระราชโอรสสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อถวายพระราชบิดาคือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เห็นแล้วช่วยยกมือไหว้เสียด้วย นี่คือเจดีย์สมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์

    รัชกาลนี้ฝรั่งเข้ามาค้าขายเป็นชาติแรกคือโปรตุเกส นับถึงบัดนี้ร่วม 500 ปีแล้ว และโปรดฯ ให้ตั้งกรมพระสุรัสวดีเป็นครั้งแรก มีหน้าที่สักเลก (ข้อมือ) เกณฑ์คนเป็นทหาร ชายฉกรรจ์อายุ 18 ปีทุกคน ต้องเป็นทหารเรียกว่าไพร่ ถ้าไปอยู่กับขุนนางอำมาตย์เรียกว่าไพร่สม ถ้าไม่อยากถูกเกณฑ์ก็ส่งเงินไปให้หลวงจ้างคนอื่นเรียกว่าไพร่ส่วย พออายุ 20 ปีก็ระดมกลับเข้าทำงานหลวงหมดเรียกว่าไพร่หลวง

    บัดนี้เกิดอำมาตย์และไพร่แล้วนะครับ! แต่ไม่แตกแยกกันเป็นสีเพราะคนไทย พ.ศ.2000 ไม่สวมเสื้อ นุ่งแต่กางเกงถึงเข่าบ้าง คาดผ้ารวบปลายเหน็บหลังเหมือนโจงกระเบนแต่ตัวเท่ากางเกงในบ้าง จึงไม่อาจจำแนกสีได้ ถ้าใครถามว่าสีอะไร ชาวอยุธยาทั้งหลายจะตอบว่า “ศรีอยุธยาจ้ะ”.

    “พิพิธภัณฑ์นี้น่าดูมาก ชีวิตนี้ครูควรพานักเรียน พ่อแม่พาลูก ลูกหลานพาปู่ย่าตายายไปชมมรดกเจ้าสามพระยาสักครั้ง จะได้เห็นเจดีย์ทองคำบรรจุพระธาตุเป็นสิบ ๆ องค์ พระพิมพ์เนื้อทอง เงิน นาก ชิน เหรียญกษาปณ์สมัยอยุธยา ศิราภรณ์ ของที่ต้องดูให้ได้คือช้างทองคำหมอบซึ่งเป็นของสำคัญงามนักหนา ที่ไม่ได้ขุดพบจากวัดราชบูรณะ แต่เชิญมาจากที่อื่นคือพระพุทธรูปศิลาห้อยพระบาท และเศียรพระพุทธรูปจากวัดธรรมิกราชซึ่งหล่อขึ้นตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองยังไม่เกิด”

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hoymail.com

    ที่มา Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ศรีอยุธยา (3)
     
  8. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
     
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ขอบคุณครับคุณน้องจุ๊บ ที่กรุณาให้เกียรติ อย่าไปซีเรียสอะไรกับคำเรียกคำขาน เพราะพวกเราล้วนเป็นคนกันเองมาก่อนทั้งนั้น

    <TABLE id=post4206678 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 29-12-2010, 05:56 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#3284 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->จงรักภักดี<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4206678", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    ข้อความ: 1,233
    พลังการให้คะแนน: 282 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4206678 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ดอกไม้เมืองบน [​IMG]
    ************************
    แม้ต่างกันเพียงใด..ในความจริง
    แต่มีสิ่งทียิ่งใหญ่..ให้..เรา..เหมือน
    คือสำนึกแห่งวิญญาณ..มิลบเลือน
    ถึงกาย..เคลื่อน จิตจดจาร..แสนมั่นคง

    แม้เพียงภาพ..จำลอง.. ยังก้องกึก
    ร้าวรำลึก...หวนอดีต..คิดใหลหลง
    เสียงช้าง..ม้าศึก กัมปนาท ดาบ..ฟาดลง
    ไทยจึงคงมีวันนี้....ที่ควรจำ

    เวลากาลผ่านกลายไปไกลลับ
    กี่ร้อยปี...วิญญาณกลับ...ไร้คำถาม
    ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
    พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    "ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
    พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์"

    ใช่เลยครับ เป็นความรู้สึกอย่างนี้จริงแท้แน่นอนครับ ขอขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอรองบาทราชวงศ์พงศ์จักรีจนชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    เวลากาลผ่านกลายไปไกลลับ
    กี่ร้อยปี...วิญญาณกลับ...ไร้คำถาม

    ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
    พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์

    ใช่ค่ะ ข้อความกินใจมากค่ะ เป็นความรู้สึกจริงแท้หมายพบ...พระองค์

     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    จากเดิม

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ น้องจุ๊บ [​IMG]
    ขอให้กระทู้ดำเนินไปเรื่อยๆ นะค่ะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรักพระองค์ พระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินไทยมีหลายพระองค์ ข้าพเจ้าจงรักภักดี เทิดไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมทุกๆพระองค์
    แต่สิ่งหนึ่งที่มีต่อพระองค์เจ้าเหนือหัวผู้ชนะเหนือหงสา คือความรักความผูกพันธ์อย่างบอกไม่ถูกไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ถ้าในอดีตชาติเคยเป็นผู้รับใช้เบื้องพระบาทจะดีใจอย่างล้นพ้น เป็นบุญของลูกเหลือเกิน

    ต่อมา...

    ...ส่วนบางสิ่งบางอย่างที่คุณน้องจุ๊บยังบอกกล่าวไม่ถูกและยังไม่รู้นั้น ก็คงเป็น
    เช่นเดียวกันกับหลายๆท่านทั้งผู้อ่านและผู้เขียนในกระทู้นี้เมื่อก่อนหน้านี้ และ
    แล้วก็สามารถพบคำตอบได้ด้วยตนเอง ลองย้อนกลับไปอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้น
    นะครับ ?<!-- google_ad_section_end --> __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอรองบาทราชวงศ์พงศ์จักรีจนชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย<!-- google_ad_section_end -->

    และต่อมา...

    ..."ข้าฯรัก องค์เหนือหัวผู้ชนะหงสา<!-- google_ad_section_end --> "

    ลายเซ็นของคุณน้องจุ๊บนี้โดนใจกันตั้งแต่เริ่มโพสเข้ามาครั้งแรก ผมเคยเดาพระทัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าไว้ว่า พระองค์มีพระราชปณิธานที่จะบุก
    หงสาวดีเพื่อลบรอยแค้นที่ฝังแน่นในพระราชหฤทัย พูดง่ายๆว่าจะต้องเอาชนะ
    หงสาวดี จะต้องเป็นผู้พิชิตหงสาวดีให้ได้ แล้วพระองค์ท่านก็ทรงสามารถกระทำได้สำเร็จตามพระราชปณิธาน ขอยืมข้อความในลายเซ้นของคุณน้องจุ๊บ
    มากล่าวแสดงไว้ ตรงนี้อีกครั้งว่า....

    ข้าฯรัก องค์เหนือหัวผู้ชนะหงสา<!-- google_ad_section_end --> __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอรองบาทราชวงศ์พงศ์จักรีจนชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย<!-- google_ad_section_end -->

    และต่อมา...

    ...พระนางสุพรรณกัลยาณี มีพระสิริโฉมงดงามมาก ความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระองค์ทำให้พระนเรศวรมหาราช กอบกู้เอกราชของชาติไทยได้สำเร็จ จึงสมควรได้รับ การเทิดพระเกียรติ ให้แพร่หลายยิ่งขึ้นสืบไปตลอด

    และต่อมา...

    ...พระนามนี้ก็เป็นอีกพระนามหนึ่ง ที่มีระบุไว้หลายแห่ง คุณน้องจุ๊บดูจะเป็นเจ้าแรกที่ใช้พระนามนี้ ประหนึ่งว่ามีความบันดาลใจบางสิ่งบางอย่างกระนั้นนะครับ
    กระทู้นี้ก็ได้นำพระเกียรติคุณและความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระนางมากล่าวเทิดพระเกียรติให้ปรากฎอยู่บ่อยครั้ง จะคัดลอกมาแสดงในบางตอน....
    ...พระวีรกรรมของพระองค์จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของ

    พวกเราชาวไทยตลอดไป ขอดวงพระวิญญาณของพระองค์

    จงพระเกษมสำราญ สถิตย์สูงในวิมานแดนสรวง แผ่พระ

    บารมีปกป้องไพร่ฟ้าประชาราษฎร์และผืนแผ่นดินไทยให้

    มีแต่ความสุข สงบและร่มเย็นสืบไป<!-- google_ad_section_end --> __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอรองบาทราชวงศ์พงศ์จักรีจนชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย<!-- google_ad_section_end -->

    และต่อมา...

    ...เวลากาลผ่านกลายไปไกลลับ
    กี่ร้อยปี...วิญญาณกลับ...ไร้คำถาม
    ยัง..จงรักภักดี...พลีติดตาม
    พลิกฟ้าต่ำ ดินสลาย...หมายพบองค์
    ใช่ค่ะ ข้อความกินใจมากค่ะ เป็นความรู้สึกจริงแท้หมายพบ...พระองค์


    ของฝากคุณน้องจุ๊บครับ สำหรับคำตอบคุณน้องจุ๊บคงจะค้นหาได้เองหากยังไม่ละความเพียร ลองปรึกษากับเพื่อนสมาชิกหลายๆท่านในกระทู้นี้นะครับ ดูคล้ายจะมีเหตุปัจจัยอยู่บ้างแล้ว

    ช่วงนี้ ดร.วิษณุ เครืองาม ท่านเขียนบทความเรื่องศรีอยุธยา อยู่ในคอลัมน์วาไรตี้ ของเดลินิวส์ ได้ก็อปมาฝากกันโดยไม่มีการตัดต่อแต่อย่างใด อีกไม่ช้าไม่นานก็จะถึงตอนเสียกรุงครั้งที่หนึ่งและการกู้อิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งผมเองก็รอคอยติดตามอยู่ เราอาจจะได้แง่คิดและมุมมองที่ต่างมุมที่เป็นสาระประโยชน์จากข้อคิดเห็นของท่าน ที่โดยปกติแล้วบทความและข้อคิดเห็นของท่านถือว่ามีเนื้อหาสาระและคารมคมคายขั้นชั้นครูทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2011
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,822
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในเอกสารจีนบันทึกไว้ว่า องค์เหนือหัวองค์ดำ เคยทำลายหงสาวดีจนเป็นเมืองร้างไปเลย

    ครั้นถึงเมื่อเดือน 12 ปีที่ 21 ก็ตรงกับ คริสตศักราช 1593 ประมาณ พุทธศักราช 2136 เฉินยุ่งปินนี่คงเป็นขุนนางจีนคนนี้ ได้ก่อสร้างป้อมปราการ ฟังดูดีนะเนี่ย ก่อสร้างป้อมปราการได้ดำเนินการปลูกข้าวโดยให้ทหารปลูกข้าวแล้วก็ว่าจ้างชาวบ้านทั้งหมดปลูกข้าว อยู่บริเวณชายแดนพม่าเพราะจีนนั้นตอนนั้นกำลังทำสงครามกับพม่าอยู่ ชาวบ้านแถวนั้นก็จีนเขาจ้างมาปลูกข้าวสะสมเสบียงกรังพร้อมที่จะทำสงครามกับพม่า

    ทางพม่ารู้ดีว่าถ้าหากว่าเฉินย่งปินเนี่ยแกสะสมเสบียงเป็นอย่างดีบริเวณนั้นแล้วก็สร้างป้อมปราการที่แข็งแรงขึ้นบริเวณนั้นแล้วไซร้ มันก็จะเป็นอุปสรรคทำให้พม่ารบกับจีนได้ไม่สะดวกนัก ดีไม่ดีจะเพรี่ยงพร้ำแก่จีนด้วยซ้ำไปเพราะว่าจีนเขามีป้อมปราการแข็งแรงมีเสบียงกรังพร้อม ก็พร้อมที่จะรบกับพม่าเป็นอย่างดีพม่าก็เลยพยายามต่อต้าน ขัดขวางไม่ให้ทำนา ไม่ให้สร้างป้อมปราการขัดขวางอยู่เสมอโดยส่งกำลังเข้าโจมตีป้อมปราการนั้นหลายครั้งหลายหน
    เมื่อเป็นเช่นนี้เนี่ย เฉินย่งปินก็เห็นว่า ถ้าแม้นว่าไม่มีคนช่วยตัว ไม่มีกองทัพมาช่วยตัวตัวก็คงจะรบกับพม่าไม่ถนัดนัก เพราะพม่าก็โจมตีปราการของตัวอยู่ตลอด

    เฉินย่งปินก็เลยจัดส่งทหารคนหนึ่งชื่อ หวงกง ตอนนั้นเนี่ยเฉินย่งปินแกเป็นผู้ตรวจราชการของจีนนะอำนาจสูงก็ส่งทหารชื่อหวงกง หวงกงนี่เป็นจีนฮ๊กเกี้ยน คนไทยแต่ก่อนเขาชอบจีนฮกเกี้ยนนะถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ ถ้าเป็นจีน ฮกเกี้ยนล่ะความรู้สูง ถ้าไม่ใช่ฮกเกี้ยนก็ความรู้ไม่สูงดูเหมือนผมจะเคยพูดในวรรณกรรมสองแควไว้ว่า สมเด็จกรมพระยาปวเรศ วริยาลงกรณ์ได้ทรงแต่งโคลงบทหนึ่งสรรเสริญจีนฮกเกี้ยน ว่าเป็นคนมีความรู้สูง โดยกล่าวสรรเสริญว่า

    ....โหรจีนรับสั่งให้ไล่เสียชั่วถ่อยคอยตั้วเฮียเสิกเสี้ยน ควรตัดเชือกหางเปียโยนล่อง มันใช่เจ็กหกเกี้ยนต่ำช้าวิชาเลว....นั่นแปลว่าคนไทยเนี่ยสรรเสริญคนจีนฮกเกี้ยนมาก และในตอนนั้นแหละครับ เฉินยงปินผู้ตรวจราชการของจีนเนี่ยก็เลยส่งหวงกง ซึ่งเป็นชาวฮกเกี้ยน เป็นฑูตไปกรุงศรีอยุธยา โดยนำเอาสาส์นไปด้วยทั้งนี้ก็เพราะมุ่งหมายจะไปเจรจากับอยุธยา ให้ทางอยุธยานั้นร่วมมือกับแม่ทัพจีนคนหนึ่งชื่อว่า เต๋อเลิง เต๋อเลิงนั้นเป็นแม่ทัพจีน ขอให้อยุธยานั้นร่วมมือกับเต๋อเลิงตีขนาบพม่าทั้งจากภายนอกพม่าและตีรายวันพม่าเองด้วย ของกองทัพสยามไปช่วยจีน

    ทูตที่ส่งเข้ามาก็เดินทางมาถึงสยาม เดินทางเข้ามาเจรจากันเรียบร้อยทุกประการ ทางกรุงศรีอยุธยานี่ก็เห็นด้วยกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้นก็ได้ทรงส่งกองทัพบกเข้าช่วยจีนรบพม่าโดยส่งเข้าตีเมืองพะโค ตีได้ด้วยครับ แล้วก็ในจดหมายเหตุของจีนบอกว่า ตีได้เสร็จก็ทำให้เมืองพะโคเป็นเมืองร้างไปเลยเมืองพะโคก็คือ หงสาวดีในตอนนั้น กล่าวถึงว่าเมืองพะโคถูกกองทัพของไทยตีได้แล้วก็เป็นเมืองร้างไป

    เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจว่าในพงศาวดารไทยกล่าวถึงหรือไม่แต่ในจดหมายเหตุของจีนกล่าวถึง ช่วงที่ผมไปที่เมืองพะโคหรือหงสาวดีเมื่อ 4-5 ปีมาแล้ว ผมพบกับภัณฑารักษ์คนหนึ่งซึ่งอยู่ที่วังของบุเรงนอง ผมจำชื่อไม่ชัดชื่อ จ่อจ่อ หรือเปล่าไม่แน่ใจ เขาเล่าให้ผมฟังว่า เพียนริศ หรือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จยกทัพเข้าตีหงสาวดีหรือพะโค แล้วก็เผาเมืองเป็นเมืองร้างไปเลยผมก็บอกว่าผมไม่เคยพบเรื่องนี้ ไม่เคยอ่านเรื่องนี้ แต่พอมาดูจากจดหมายเหตุจีนเขียนไว้อย่างนั้นว่าทัพของสยามได้นัดหมายกับกองทัพจีน โดยทัพสยามได้เข้าตีเมืองพะโคและเมืองพะโคก็ถูกทำให้ร้างไป

    หลังจากนั้นเต๋อเลิงซึ่งเป็นแม่ทีพจีนก็ร่วมมือกับทางกองทัพอยุธยาเข้าตีพม่าอยู่เรื่อยๆ พม่าก็เลยไม่สามารถที่จะเข้าไปยกทัพเข้าไปที่ป้อมปราการที่เฉิงยงปินเขาอยู่ เฉินย่งปินก็สร้างป้อมปราการได้ง่ายนี่ก็เป็นเรื่องจดหมายเหตุของจีนนะครับ ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์สัมพันธไมตรีระหว่างจีนกันกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือสรุปความก็กล่าวว่ากองทัพของกรุงศรีอยุธยาได้เข้าตีเมืองพะโคหรือหงสาวดีได้แล้วก็ทำเมืองนั้นร้างไปเลยจีนว่าอย่างนั้น


    ลายเซ็นต์น้องจุ๊บบันทึกไว้ตามความเป็นจริงของประวัติศาสตร์ในช่วงนั้น พี่ทางสายธาตุก็เห็นด้วยค่ะ

     
  13. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ขอบคุณคะ คุณพี่ทางสายธาตุ
     
  14. Florence125

    Florence125 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +6
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Florence125 [​IMG]
    ขอเชิญท่านผู้ศรัทธาสมเด็จพระสุพรรณกัลยาทุกท่าน ร่วมพิธีบวงสรวงฯ สร้างพระบรมรูปสมเด็จพระสุพรรณกัลยา (หุ่นขี้ผิ้ง) ในวันศุกร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๑.๓๐ น. ที่วัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ค่ะ




    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>


    พิธีบวงสรวงฯเสร็จสิ้นสมบูรณ์ด้วยความเรียบร้อยแล้วค่ะ จำได้ว่ามีสมาชิกหลายท่านได้สละเวลาไปร่วมในพิธีด้วย ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญ นะคะสำหรับภาพงานพิธีจะพยายามทะยอยนำเสนอค่ะ
    งานวันอัญเชิญประดิษฐานใน มกราคม ศกหน้า ขอเชิญน้องจุ๊บด้วยนะคะเผื่อน้องจุ๊บจะจัดทริปทัวร์อยุธยาอีกค่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +498
    ขออนุโมทนาดวยคนครับ :cool:
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ศรีอยุธยา (4)

    วันอังคาร ที่ 06 กันยายน 2554 เวลา 0:00 น



    สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระราชโอรสของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองราชย์นานถึง 38 ปี ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อทรงครองราชย์ขึ้นปีที่ 39 นับว่านานที่สุด โปรดฯ ให้จัดพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า มีสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เป็นอาทิ เสด็จขึ้นไปทำพิธีที่พระนครศรีอยุธยา

    คราวนั้นนักประวัติศาสตร์ยังคำนวณไม่พบว่าแท้จริงแล้วสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระชนกของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ต่างหากที่ครองราชย์นานถึง 40 ปี นับว่านานที่สุด

    ประวัติศาสตร์ไทยต่างจากประวัติ ศาสตร์ต่างประเทศที่ว่าเราไม่ใคร่จะขีดเขียนอะไรไว้ชัดเจนแม่นยำนัก สิ่งที่พอจะพึ่งพาได้คือลำดับเหตุการณ์ในแต่ละรัชกาลซึ่งเรียบเรียงเป็นพระราชพงศาวดาร แต่ก็คลาดเคลื่อนเสียมาก เพราะ 1. มักเขียนเมื่อสิ้นรัชกาลแล้วจึงผิดพลาดได้เพราะใช้ความทรงจำ 2. คนเขียนต้องระวังไม่ให้กระทบพระเกียรติยศ บางครั้งถ้าเขียนในรัชกาลที่ได้อำนาจมาจากการแย่งชิงราชสมบัติก็มักเขียนถึงแผ่นดินก่อนด้วยอคติ 3. เมื่อตกทอดมาถึงชั้นหลังยังจะมีการชำระอีกหลายหนจึงมีการ “ตัดทอน” และ “แต่งเติม” ขึ้นใหม่ 4. พระราชพงศาวดารไทยให้ความสำคัญกับวันเดือนปี และเหตุการณ์เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์มากกว่าชาวบ้านทั่วไป ทั้งการแปลงวันเดือนปีเป็นเวลาปัจจุบันก็ยิ่งยากมาก

    การจะศึกษาให้ได้ความจริงจึงต้องอ่านพระราชพงศาวดารอย่างไตร่ตรองด้วยเหตุผล แล้วเทียบเคียงกับบันทึกอื่นที่ร่วมสมัย เช่น บันทึกชาวต่างประเทศที่เข้ามาในสมัยนั้น ปูมโหร จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน พงศาวดารของต่างประเทศ เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น อย่างเรื่องราวในสมัยสมเด็จพระนารายณ์เราได้ความรู้จากบันทึกที่บาทหลวงชาวฝรั่งเศสได้เขียนขึ้นในสมัยนั้นมากกว่าพระราชพงศาวดารของเรา และที่เรารู้ว่าคนไทยแต่งตัว กินอาหารอย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ บ้านเรือน แม่น้ำลำคลองเป็นอย่างไร เรารู้จากจดหมายเหตุของลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่

    เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 พม่าเกณฑ์คนไทยเป็นเชลยไปพม่า คราวนั้นคุมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร กษัตริย์พระองค์ที่ 33 ซึ่งขณะนั้นผนวชเป็นพระไปด้วย พม่าเสียอีกที่อยากรู้เรื่องอยุธยา ได้สัมภาษณ์พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรและชาวบ้านที่เป็นเชลยว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอยุธยาเป็นอย่างไร แล้วจดบันทึกไว้ ภายหลังเราจึงไปแปลกลับมาเป็นภาษาไทยเรียกว่าคำให้การชาวกรุงเก่า คำให้การขุนหลวงหาวัด จากบทสัมภาษณ์นี้เองที่เรารู้ว่าชาวอยุธยากินอะไร ขนมอะไรยอดฮิต มีซ่องโสเภณีไหม อยู่ตรงไหน มีวัดอะไรบ้าง ตลาดอะไรบ้าง แม้แต่แผนที่แผนผังอยุธยาฝรั่งที่เข้ามาสมัยก่อนวาดขึ้นทั้งนั้น

    เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สวรรคต พระราชโอรสคือพระอาทิตยวงศ์ได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธาง กูร รัชกาลที่ 11 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 มีพระราชโอรสหลายพระองค์ นอกจากพระอาทิตยวงศ์ซึ่งได้เป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชชนกแล้ว ยังมีพระไชยราชาและพระเทียรราชา ช่วยจำพระนามสองพระองค์นี้ไว้ด้วย เพราะต่อมาได้เป็นกษัตริย์ทั้งหมด

    สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรเป็นกษัตริย์ได้ 4 ปีก็สวรรคตด้วยไข้ทรพิษ เจ้านายและขุนนางยกพระราชโอรส พระชนมพรรษา 5 พรรษาเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 12 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรัฎฐาธิราชกุมาร แต่เมื่อครองราชย์ได้เพียง 5 เดือนก็ถูกพระเจ้าอา (น้องชายของพ่อ) คือ พระไชยราชาจับสำเร็จโทษ (ประหารชีวิต) ในปี 2077 ซึ่งคือยึดอำนาจชิงราชสมบัตินั่นเองแล้วขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระไชยราชาธิราช รัชกาลที่ 13

    คนที่ดูหนังของท่านมุ้ยเรื่องสุริโยไทคงจะจำได้ว่าในหนังเรื่องนั้น พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เล่นเป็นสมเด็จพระไชยราชาธิราช

    สังเกตไหมครับว่าตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองทรงตั้งกรุงศรีอยุธยาในปี 1893 จนขึ้นแผ่นดินสมเด็จพระไชยราชาธิราช รวม 12 รัชกาล กินเวลา 184 ปี กรุงศรีอยุธยายังไม่เคยรบกับพม่าและไม่เคยทำสงครามใหญ่ ๆ เลย ถ้าจะมีเรื่องไม่สงบสุขก็คือการแย่งราชสมบัติกันเอง และการทำสงครามเล็ก ๆ เช่นกับเชียงใหม่ แต่บัดนี้จะลั่นกลองรบแล้วล่ะครับ!

    ประวัติศาสตร์นั้นต้องอ่านด้วยความระวัง ต้องศึกษาด้วยใจที่กว้าง เราอาจไม่รู้เหตุผลว่าทำไมคนสมัยก่อนจึงทำอะไรที่คนรุ่นเราเห็นว่าโหดร้าย ป่าเถื่อน หรือไม่ฉลาด เราต้องพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม ไม่อาจใช้มาตรฐาน พ.ศ.นี้ ซึ่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ได้ มีทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก กูเกิล นาโนเทคโนโลยี มีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนมาตัดสินความถูกผิดของคนยุคก่อน

    ขนาดใกล้ตัวเราแท้ ๆ เรายังไม่รู้จริงเลยว่าทำไมจึงเกิดการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ทำไมคุณยิ่งลักษณ์จึงเลือกคนโน้นมาเป็นรัฐมนตรีแล้วไม่เอาคนนั้นซึ่งมีชื่อติดมาทุกโผตั้งแต่ต้น การที่พระไชยราชาจับหลานอาฆ่าแล้วขึ้นเป็นกษัตริย์ จะมองว่าทารุณโหดร้าย บ้าอำนาจมักใหญ่ใฝ่สูงก็คงได้ แต่กรุงศรีอยุธยาคราวนั้นกำลังเปราะบาง ขุนนางจะอาสัตย์อาธรรม์อ่อนแอหรือไม่ก็ไม่รู้ ซ้ำกษัตริย์ยังอายุแค่ 5 พรรษา ดีไม่ดียังไม่อดนมด้วยซ้ำ!

    ครั้งนั้นพม่าบ้านใกล้เรือนเคียงของเราและเป็นใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกยกทัพลงไปทางใต้ตีมอญได้สำเร็จ พม่ากับมอญนั้นเป็นคนละอาณาจักร ยิ่งใหญ่พอกัน แต่มอญดูจะเป็นปัญญาชนกว่า เพราะรุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนา พระเก่ง ๆ นักปราชญ์ดัง ๆ เป็นมอญทั้งนั้น กฎหมายที่ไทยใช้มาแต่สร้างกรุงคือพระธรรมศาสตร์ เราก็ได้มาจากพระธัมมสัตถัมของมอญ ซึ่งมอญไปได้มาจากอินเดียอีกทอด เมืองหลวงพม่าคืออังวะ เมืองหลวงมอญคือหงสาวดี แต่มีเมืองใหญ่อีกแห่งไม่ขึ้นต่ออังวะคือตองอูซึ่งต่อมาตีอังวะได้

    กษัตริย์ตองอูยุคนั้นคือพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ เชื้อสายพม่าได้ร่วมกับญาติซึ่งเป็นนักรบชื่อบุเรงนอง (แปลว่าพี่) ในเรื่องผู้ชนะสิบทิศก็คือจะเด็ดนั่นเอง ยกทัพไปตีมอญได้จึงย้ายฐานที่ตั้งจากตองอูและอังวะลงไปอยู่หงสาวดีเพราะคิดว่าเมื่อได้หงสาวดีแล้วก้าวต่อไปน่าจะเข้าตีกรุงศรีอยุธยาเสียด้วยเพราะอยู่ไม่ไกลกัน ต่อมาจึงลองเชิงขยับลงไปตีเมืองเชียงกราน เมืองขึ้นของอยุธยาอยู่ใกล้กาญจนบุรี ราษฎรเป็นมอญทั้งสิ้นเมื่อ พ.ศ. 2081 พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้หาเหตุว่าเมื่อได้หงสาวดีแล้วมอญอยู่ที่ไหนก็ต้องตามไปตีเอามาให้หมด

    สมเด็จพระไชยราชาธิราชยกทัพไปต่อสู้จนได้ชัยชนะ นับเป็นสงครามไทยรบกับพม่าครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กองทัพไทยคราวนั้นมีชาวโปรตุเกสไปด้วย พวกนี้ใช้ปืนไฟทำสงคราม เสร็จศึกจึงทรงปูนบำเหน็จแก่พวกโปรตุเกสให้ที่ดินสร้างวัดสอนศาสนาคริสต์ สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงใช้สอยพวกโปรตุเกสมาก เช่น ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาจากโค้งข้างศิริราชไปเชื่อมกับโค้งข้างวัดอรุณฯ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายตรงผ่านธรรมศาสตร์ ส่วนแม่น้ำสายเดิมตรงโค้งข้างศิริราชกลายเป็นคลองบางกอกน้อย แม่น้ำสายเดิมตรงโค้งวัดอรุณฯ กลายเป็นคลองบางกอกใหญ่

    หลังจากนั้นเชียงใหม่ถูกเจ้าแสนหวีพวกไทยใหญ่ยกทัพมาล้อม สมเด็จพระไชยราชาธิราชยกทัพขึ้นไปช่วย พระมหาเทวีจิระประภาเจ้าเมืองเชียงใหม่เห็นความดีจึงยอมถวายบรรณาการ ต่อมาพระนางได้สละราชสมบัติให้พระไชยเชษฐาโอรสกษัตริย์ลาวแต่พระชนนีเป็นธิดากษัตริย์เชียงใหม่ขึ้นครองราชย์ แต่แค่ 2 ปีพระไชยเชษฐาก็เสด็จกลับไปครองกรุงศรีสตนาคนหุตเป็นกษัตริย์ลาว โดยเชิญพระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่ไปไว้ที่ลาวด้วย 2 องค์ คือ พระแก้วมรกตและพระพุทธสิหิงค์ ภายหลังได้คืนพระพุทธสิหิงค์มาแต่เก็บพระแก้วมรกตไว้เป็นเวลากว่า 200 ปี ส่วนเชียงใหม่ก็กลับไปตกเป็นของพม่ายุคพระเจ้าบุเรงนอง

    สมเด็จพระไชยราชาธิราชมีพระสนมเอกคนโปรดคือท้าวศรีสุดาจันทร์ ระหว่างเสด็จขึ้นไปทำสงครามที่เชียงใหม่ นัยว่าอาจไปติดใจพระมหาเทวีจิระประภาเข้าด้วย ในหนังเรื่องสุริโยไท เพ็ญพักตร์ ศิริกุลเล่นเป็นพระมหาเทวี ดูมีเสน่ห์งามนัก ได้ทรงตั้งท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นผู้รักษาราชการอยุธยา ท้าวศรีสุดาจันทร์ลอบเป็นชู้กับพันบุตรศรีเทพ พนักงานเฝ้าหอพระ สมเด็จพระไชยราชาธิราชกลับลงมาไม่นานก็ถูกวางยาพิษสวรรคต

    พระยอดฟ้า พระราชโอรสสมเด็จพระไชยราชาธิราชประสูติจากท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นครองราชย์ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 11 พรรษา เรียกกันว่าสมเด็จพระยอดฟ้าเป็นรัชกาลที่ 14 ที่จริงผู้มีสิทธิและเหมาะสมที่สุดในเวลานั้นน่าจะเป็นพระเทียรราชา พระราชอนุชาของสมเด็จพระไชยราชาธิราช แต่ทรงเห็นว่าบ้านเมือง “เป็นทุรยศ” ท้าวศรีสุดาจันทร์มีอำนาจมากทั้งยังกีดกันต่าง ๆ นานาจึงเสด็จออกทรงผนวชที่วัดราชประดิษฐาน (วัดนี้ยังมีอยู่) เพื่อหลีกข้อระแวงต่าง ๆ

    สมเด็จพระยอดฟ้าเป็นนอมินีครองราชย์โดยมีท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นซูสีไทเฮาบงการอยู่ข้างหลังได้ 2 ปี 6 เดือนก็ถูกจับสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยาซึ่งเป็นวัดนอกกรุงและเป็นที่ประหารกษัตริย์และเจ้านายมาตลอดสมัยอยุธยา วันนี้เหลือแต่ซากแต่นับว่าเป็นสถานที่อันควรดูให้เกิดความสลดสังเวชใจ แล้วท้าวศรีสุดาจันทร์ซึ่งคงมีส่วนรู้เห็นในการยึดอำนาจจากลูกก็ยกชู้ซึ่งได้เลื่อนจากพันบุตรศรีเทพเป็นขุนชินราชและขุนวรวงศาธิราชขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 15 โดยที่ผู้คนไม่ยกย่องนับถือเท่าไรนัก

    ดูไปแล้วก็เป็นกงเกวียนกำเกวียนของสมเด็จพระไชยราชาธิราช อำนาจช่างไม่เข้าใครออกใครแต่นักประวัติศาสตร์บางคนไม่ได้ตำหนิท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมจึงหน้ามืดตามัวหลงชู้ปานนั้น แต่อย่างน้อยท่านก็คงมีความสามารถ ไม่งั้นสมเด็จพระไชยราชาธิราชคงไม่ตั้งให้รักษาอยุธยาระหว่างไปรบที่เชียงใหม่ เจ้านายผู้ชายอื่นมีอีกถมไป

    ข้อสำคัญคือท่านคงเสน่ห์แรงเอา การ ในหนังเรื่องสุริโยไทของท่านมุ้ย ใหม่ เจริญปุระ เล่นเป็นท้าวศรีสุดาจันทร์ดูเหมาะสมดี เสียแต่ที่จอนนี่ แอนโฟเน่เล่นเป็นขุนวรวงศาธิราช ดูหน้าตาแมนดีมีเสน่ห์ควรที่ท้าวศรีสุดาจันทร์จะติดใจ

    แต่พอเห็นหน้าตาเป็นฝรั่งขนหน้าอกยุ่บยั่บ ก็นึกไม่ออกว่าพนักงานหอพระชาวอยุธยามีคนรูปร่างหน้าตาอย่างนี้จริงหรือ!.

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hoymail.com


    ที่มา Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ศรีอยุธยา (4)
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ศรีอยุธยา (5)

    ท้าวศรีสุดาจันทร์ไม่ใช่ชื่อคน แต่เป็นตำแหน่งพระสนมเอกของพระเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนซึ่งมีเมียได้หลายคน พระสนมเอก มี 4 ตำแหน่ง คือ ท้าวอินทรสุเรนทร์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ส่วนท้าวอื่น ๆ ไม่ใช่ตำแหน่งพระสนมเอก เป็นสตรีทำหน้าที่อื่น ๆ ในวังหรือตั้งเป็นเกียรติยศ รัชกาลปัจจุบันเคยตั้งผู้ดูแลพระราชฐานชั้นในเป็นท้าวโสภานิเวศน์ ตั้งหม่อมบางมารดา ม.ล.บัว กิติยากร (คือพระอัยยิกาหรือยายของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินาถ) เป็นท้าววนิดาพิจาริณี

    พระสนมเอกคือเมียพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่ถึงขั้นเป็นเจ้าหรือพระมเหสี แต่ก็เป็นใหญ่กว่าเมียเล็กเมียน้อยอื่น ๆ หรือเจ้าจอมหม่อมสนมธรรมดา เวลาเข้าเฝ้าจะมีที่นั่งเป็นพิเศษ สมัยรัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องเจ้าจอมมารดาแพ ซึ่งเป็นหม่อมมาก่อนครองราชย์ เป็นพระสนมเอกมีตราตั้งมีเครื่องยศหีบหมากทองคำ ภายหลังเป็นเจ้าคุณพระประยูรวงศ์

    ปกติพระสนมเอกแม้จะเป็นใหญ่ก็ไม่เคยเห็นใครยุ่งกับการเมือง คงทำแต่หน้าที่ปรนนิบัติพัดวีไปตามเรื่อง สมัยอยุธยานั้นผู้หญิงกับการเมืองเป็นอันแยกจากกันเด็ดขาด ห้ามเกี่ยวข้อง นี่ถ้ามาเกิดในสมัยนี้เห็นคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีคงช็อกตาย! แต่ท้าวศรีสุดาจันทร์น่าจะเป็นคนเก่ง ประกอบกับมีนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง ลงท้ายนั่งทูลนอนทูลกันอีท่าไหนไม่รู้ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เอ๊ย! สมเด็จพระไชยราชาธิราชไว้ใจให้เป็นผู้รักษาเมืองเวลาไปรบ แต่แล้วก็ถูกเมียรักวางยาจนสวรรคต พอยกลูกเป็นกษัตริย์ได้ไม่นานก็วางแผนจับลูกฆ่าอีกคนแล้วยกชู้ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 15

    บางคนว่าเป็นกรรมเวรสมเด็จพระไชยราชาธิราชที่ฆ่าหลานอาแท้ ๆ แย่งราชบัลลังก์มาก่อน!

    สมัยที่ชู้ซึ่งเลื่อนขั้นมาจากพนักงานเฝ้าหอพระ มีหน้าที่เปิดปิดประตู จุดธูปเทียน แกว่งกำยาน ก่อกองกูณฑ์ นำสวดมนต์ เวลาพระเจ้าแผ่นดินเสด็จบูชาพระ ได้เป็นกษัตริย์นั้นเรียกกันว่าขุนวรวงศาธิราช ก็เป็นกษัตริย์ไปอย่างนั้นเองเพราะยังไม่ได้บรมราชาภิเษกสวมมงกุฎ ขุนนางทั้งปวงก็ไม่นับถือ นักประวัติศาสตร์หลายคนไม่ยอมรับเป็นกษัตริย์ด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับ อยุธยาก็มีกษัตริย์ 33 พระองค์ ถ้านับก็จะมี 34 รัชกาลในที่นี้ผมขอนับนะครับ เพราะท่านอยู่ในราชสมบัติตั้ง 42 วัน

    ระหว่างนั้นท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นใหญ่ไม่ใช่เล่น ผู้คนเรียก “แม่หยัวเมือง” หรือแม่ยั่วเมือง คำนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นมาริลีน มอนโร ยั่วมาจากหยัว และหยัวมาจากอยู่หัว ลองอ่านเร็ว ๆ ดูสิครับ

    เจ้านายและขุนนางชิงชังทั้งขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์ คิดว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้ บ้านเมืองจะเป็น “ทุรยศ” จนถึงเสียบ้านเสียเมือง จึงคิดจะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ผู้นำสำคัญคือขุนพิเรนทรเทพ ในหนังท่านมุ้ยคือฉัตรชัย เปล่งพานิช ราชทินนาม “พิเรนทรเทพ” เป็นชื่อขุนนางฝ่ายตำรวจ สมัยหนึ่งขุนพิเรนทรเทพผู้หนึ่งเวลาสอบสวนผู้ร้าย แกชอบใช้วิธีแปลก ๆ สงสัยจะทำแบบตำรวจสมัยหลังที่ใช้ไฟลนไข่บ้าง เอาแมงป่องไต่ตามขาบ้างหวังจะให้สารภาพ ใครทำอะไรแปลกก็เลยถูกเรียกว่า “ทำพิเรนทร์” หนักเข้าพิเรนทร์เลยแปลว่าพิลึก!

    ที่วรจักรมีวัดชื่อวัดพระพิเรนทร์ ไม่ได้แปลว่าพระวัดนี้ชอบทำอะไรแปลก ๆ แผลง ๆ แต่สมัยรัชกาลที่ 3 พระพิเรนทรเทพ เจ้ากรมพระตำรวจได้บูรณะวัดนี้ขึ้นใหม่จึงได้ชื่อตามผู้สร้าง

    ขุนพิเรนทรเทพเชื้อสายเจ้าสุโขทัยที่ลงมาอยู่อยุธยานานแล้วกับพวกร่วมกันจับขุนวรวงศาธิราช ท้าวศรีสุดาจันทร์และลูกฆ่า แล้วไปทูลเชิญพระเทียรราชา น้องสมเด็จพระไชยราชาธิราชให้สึกจากพระมาเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชาธิราชเจ้า รัชกาลที่ 16ทีนี้ชักคุ้น ๆ แล้วใช่ไหมครับ! เวลาเรียนประวัติศาสตร์ไทย ครูมักจับจุดเริ่มตั้งแต่รัชกาลนี้จะได้ไปให้ถึงสมเด็จพระนเรศวรเร็ว ๆ คนไทยจึงไม่ค่อยจะรู้เรื่องสมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) ไปเมืองจีน สมเด็จพระบรมราชาธิราช (ที่ 2) หรือเจ้าสามพระยาสร้างวัดราชบูรณะรวมทั้งกรุมหาสมบัติ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจัดระเบียบราชการใหม่ สมเด็จพระรามาธิบดี (ที่ 2) ทำการค้ากับโปรตุเกส สมเด็จพระไชยราชาธิราชรบกับพม่าครั้งแรกและให้ขุดแม่น้ำเจ้าพระยาสายตรงที่หน้าธรรมศาสตร์จนถึงปากคลองตลาด

    ก่อนผนวช สมเด็จพระมหาจักรพรรดิมีพระชายาอยู่ก่อนแล้วคือพระสุริโยทัย (ในหนังท่านมุ้ยสะกดใหม่ว่าสุริโยไท) มีพระราชโอรสที่ควรรู้จักคือพระราเมศวรและพระมหินทร์ มีพระราชธิดาที่สำคัญคือพระสวัสดิราช ความดีของขุนพิเรนทรเทพยิ่งใหญ่มากจึงทรงตั้งเป็นพระมหาธรรมราชา ส่งขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก แค่นี้ก็ใหญ่เอาการเพราะพิษณุโลกเป็นเมืองสำคัญที่สุดรองจากอยุธยา และพระราชทานพระสวัสดิราชไปเป็นพระชายา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพระวิสุทธิกษัตรีย์ คนนี้คือแม่สมเด็จพระนเรศวร (ช่วยจำด้วยว่าพระมหาธรรมราชามีเชื้อสายเจ้าสุโขทัย)

    บัดนี้พระมหาธรรมราชาก็เป็นลูกเขยกษัตริย์อยุธยาแล้วแต่ก็ไม่ค่อยถูกชะตากับพี่น้องฝ่ายเมียนัก

    สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดินั้น พม่ายังแค้นไม่หายที่เคยแพ้สงครามเชียงกราน จึงเข้ามาตีตามชายแดนอยู่เนือง ๆ พอรู้ว่าอยุธยาเปลี่ยนกษัตริย์ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ก็ให้ยกทัพใหญ่เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ (บัดนี้เป็นกองหินเล็ก ๆ สามกอง) แถวกาญจนบุรีซึ่งเป็นเส้นทางเดินทัพที่ใกล้ที่สุด ผ่านเข้ามาถึงป่าโมกแล้วมาหยุดทัพอยู่ที่ทุ่งลุมพลีนอกเกาะอยุธยา คนละฝั่งแม่น้ำกัน

    สมเด็จพระมหาจักรพรรดิยกทัพออกไปหยั่งกำลังพม่าที่ทุ่งลุมพลี ว่ากันว่าไม่รู้ว่าสมเด็จพระสุริโยทัย พระอัครมเหสีแต่งพระองค์ปลอมเป็นชายเข้ากระบวนทัพไปช่วยรบด้วย พระเจ้าแปรแม่ทัพพม่าออกต่อสู้จนถึงทำยุทธหัตถีกัน (รบบนหลังช้าง) ขณะจะฟันสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สมเด็จพระสุริโยทัยถลันช้างเข้าขวางเลยถูกฟันสิ้นพระชนม์ พอรู้ว่าเป็นหญิง พม่าตกใจถอยทัพกลับไปตั้งตัวใหม่ เพราะปกติแล้วผู้หญิงจะไม่มาเกี่ยวกับสงครามและราชการงานเมือง ทางอยุธยารับพระศพกลับเข้ากรุง ถวายพระเพลิงและก่อเจดีย์ครอบไว้ ยังมีอยู่จนบัดนี้เรียกว่าเจดีย์ศรีสุริโยทัยทาสีทองอร่ามงามตา

    ครูควรพานักเรียนไปชม เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง อีกแห่งที่ทุ่งลุมพลี มีพระราชานุสรณ์สถานเป็นพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย วีรสตรีอยุธยาพระองค์แรก ภูมิสถานสวยงามมาก ควรพานักเรียนไปชมด้วย ไม่ใช่ให้ไปดูเพื่อเกลียดชังพม่า การรบเป็นเรื่องของการเมือง ความอยู่รอดและค่านิยมสมัยนั้น แต่ไปดูเพื่อให้รู้ว่ายามบ้านเมืองไม่สงบทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตนทั้งนั้น และถ้าจะตายเพื่อชาติก็ต้องยอม

    อธิบายอีกครั้งว่าพม่าและมอญนั้นเดิมเป็นคนละอาณาจักรกัน เมืองหลวงพม่าเมื่อก่อนคืออังวะ เมืองหลวงมอญคือหงสาวดี ต่อมาพวกพม่าสายไทยใหญ่แยกมาตั้งกรุงตองอูต่างหาก ตองอูยิ่งใหญ่มากจนตีพม่าได้ และครอบครองอังวะ และยังไปตีมอญได้อีกจึงครอบครองหงสาวดี โดยผนวกเข้าด้วยกันเป็นอาณาจักรพม่าหมด มอญแท้ ๆ นั้นไม่ชอบพม่านักเพราะทำให้เขาเสียบ้านเสียเมืองมาจนบัดนี้ พวกนี้ถ้ามีโอกาสจะสมัครใจเข้ามาสวามิภักดิ์อยุธยามากกว่า

    สมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้และกษัตริย์องค์ต่อมาคือพระเจ้าบุเรงนองได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่หงสาวดี ยามใดที่กษัตริย์พม่ายกทัพจากอังวะมาตีไทย พงศาวดารจะเรียกว่าพระเจ้ากรุงรัตนบุระอังวะ ยามใดยกมาจากตองอูจะเรียกว่าพระเจ้ากรุงตองอู ยามใดที่ยกมาจากหงสาวดี จะเรียกว่าพระเจ้ากรุงหงสาวดี (ซึ่งก็คือกษัตริย์พม่า แต่ทหารเกณฑ์มีทั้งพม่า มอญ ไทยใหญ่)

    เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สวรรคต กษัตริย์พระองค์ใหม่ไม่ใช่พระเจ้าตะโกนชะเวตี้ แต่คือพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองผู้ชนะสิบทิศ ทรงทราบว่าอยุธยาได้ช้างเผือกมาถึง 7 ช้าง จึงทำทีมาขอแบ่ง 2 ช้าง ไทยไม่ให้ พระเจ้าบุเรงนองจึงจัดทัพใหญ่มารบเรียกว่าสงครามช้างเผือก จนกระทั่งมาเหยียบถึงชานกรุงศรีอยุธยาขนาดตะโกนพูดกันได้ จึงเชิญสมเด็จพระมหาจักรพรรดิออกไปเจรจาตามแผนการปรองดองระงับการทำสงคราม คงคล้าย ๆ คราวนายกฯ อภิสิทธิ์เจรจากับกลุ่มคุณจตุพรนั่นแหละ โดยปลูกพลับพลาเจรจาต้าอวยกันแถววัดหน้าพระเมรุ (วัดนี้ยังอยู่ พระประธานงามนักหนา ครูควรพานักเรียนไปชม) เพราะสมัยนั้นยังไม่มีสถาบันพระปกเกล้าให้เป็นที่เจรจา

    การเรียกช้างนั้น ถ้าเป็นช้างป่าช้างบ้านจะเรียกเป็นตัว ถ้าเป็นช้างหลวงที่ขึ้นระวางแล้วจะเรียกเป็นเชือก แต่ถ้าเป็นช้างเผือกจะเรียกเป็นช้าง เอเชียถือว่าการที่พระมหากษัตริย์ได้ช้างเผือกมาในระหว่างครองราชย์แสดงถึงบุญญาธิการยิ่งใหญ่ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ชื่อว่าพระเจ้าช้างเผือกเพราะได้ช้างมาสู่พระบารมีหลายช้าง พระเจ้าบุเรงนองรู้ว่าช้างเผือกเป็นของรักของหวงจึงแต่งอุบายมาขอแบ่งช้างเผือก

    เจรจาคราวนี้พระเจ้าบุเรงนองต่อรองว่ามาทั้งที ช้างเผือก 2 ช้างไม่พอเสียแล้ว ต้องขอ 4 ช้างจึงจะคุ้มค่าเดินทาง ไทยเห็นว่าพม่าล้อมหมดแล้วก็ต้องยอมแม้จะยังไม่เสียกรุง ผู้ชนะสิบทิศยังขอพระราเมศวรรัชทายาทหรือพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ไปอยู่พม่าอีกด้วยคงหวังเป็นตัวประกัน ซึ่งเราก็ยอม แต่หลังจากนั้นยังมีการต่อสู้ต่อพันกันตามหัวเมืองภาคเหนืออีกจนสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเหนื่อยหน่ายเต็มทีสละราชสมบัติให้พระมหินทร์ พระราชโอรสที่เหลืออยู่เป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ 17 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระมหินทราธิราช ต่อมาก็ทรงหวนกลับมาครองราชย์ใหม่อีกหน ไม่นานก็สวรรคต สมเด็จพระมหินทราธิราชขึ้นเป็นกษัตริย์ครั้งที่ 2

    ขณะนั้นพม่ายกทัพใหญ่มาล้อมกรุงอีกแล้วเพราะมีเรื่องอื่นเข้ามาทำให้พม่าหาเหตุได้ใหม่ พระเจ้าบุเรงนองคุมทัพหลวง ทัพอื่นมีพระมหาอุปราช พระเจ้าแปร พระเจ้าตองอู พระเจ้าอังวะ พระเจ้าหงสาวดีเป็นแม่ทัพเรียกว่ามาหมดจากทุกเมืองใหญ่ของพม่าเพราะกะจะตีให้แตก ที่สำคัญคือมีทัพพระมหาธรรมราชาจากพิษณุโลกมาสมทบด้วย แล้วจะเล่าว่าทำไมจึงไปร่วมด้วยช่วยกันกับพม่าเสียแล้ว

    เดือน 9 ปีมะเส็ง พ.ศ. 2112 พม่าซึ่งล้อมอยุธยาอยู่ราว 7 เดือน นำโดยพระเจ้าบุเรงนองก็ลั่นกลองรบบุกเข้าตีกรุงศรีอยุธยาแตกจนตกเป็นเมืองขึ้นสมใจพม่าเป็นครั้งแรกในรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราชนี่เอง.

    “การเรียกช้างนั้น ถ้าเป็นช้างป่าช้างบ้านจะเรียกเป็นตัว ถ้าเป็นช้างหลวงที่ขึ้นระวางแล้วจะเรียกเป็นเชือก แต่ถ้าเป็นช้างเผือกจะเรียกเป็นช้าง เอเชียถือว่าการที่พระมหากษัตริย์ได้ช้างเผือกมาในระหว่างครองราชย์แสดงถึงบุญญาธิการยิ่งใหญ่ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ชื่อว่าพระเจ้าช้างเผือกเพราะได้ช้างมาสู่พระบารมีหลายช้าง”


    วิษณุ เครืองาม


    ที่มา Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ศรีอยุธยา (5)


    ...ความดีของขุนพิเรนทรเทพยิ่งใหญ่มากจึงทรงตั้งเป็นพระมหาธรรมราชา ส่งขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลก แค่นี้ก็ใหญ่เอาการเพราะพิษณุโลกเป็นเมืองสำคัญที่สุดรองจากอยุธยา และพระราชทานพระสวัสดิราชไปเป็นพระชายา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพระวิสุทธิกษัตรีย์ คนนี้คือแม่สมเด็จพระนเรศวร (ช่วยจำด้วยว่าพระมหาธรรมราชามีเชื้อสายเจ้าสุโขทัย)...

    ครับในบทความ กรุงศรีอยธยา (5) กรุงศรีอยุธยาแตกและตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าโดยฝีมือของพระเจ้าบุเรงนองเรียบร้อยแล้วครับ ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องของการกู้ชาติโดยพระองค์ดำหรือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ที่พวกเรารอคอยกันอยู่นะครับ
     
  18. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    รออ่านอยู่นะคะ คุณพี่
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ศรีอยุธยา (6)

    วันอังคาร ที่ 20 กันยายน 2554

    ในรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช กษัตริย์รัชกาลที่ 17 กรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าโดยราบคาบใน พ.ศ. 2112 หลังจากที่ตั้งกรุงมาได้ 219 ปี กษัตริย์พม่าที่ยกทัพมาตีคือพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เป็นอัน ปิดฉากยุคแรกของศรีอยุธยาราชธานีของพระเจ้าอู่ทอง

    ว่ากันตามประวัติศาสตร์แล้ว พระมหาธรรมราชา เจ้าเมืองพิษณุโลก ลูกเขยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ น้องเขยสมเด็จพระมหินทราธิราช มีบทบาทเข้าด้วยกับฝ่ายบุเรงนอง (พม่าเรียกบาเยียนนองหรือพระเจ้ากยอดินนรธา) อยู่มาก ถ้าไม่คิดว่าเป็นพระราชบิดาสมเด็จพระนเรศวรก็น่าจะมีเหตุให้ถูกติฉินว่าร้ายได้ แต่เมื่อมาคิดว่าทรงมีส่วนสำคัญในการช่วยพระนเรศวรกอบกู้บ้านเมืองจนพ้นจากเงื้อมมือพม่าในเวลาต่อมา ก็ต้องถือว่าอาจเป็นการเดินแผนเดินอุบายอดเปรี้ยวไว้กินหวาน หวานต้องอมขมต้องกลืนก็ได้

    ข้อสำคัญคือเรื่องเก่า ๆ ในทางประวัติศาสตร์นั้น เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงยากจะรู้ว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร ยิ่งเป็นอุบายการศึก แม้แต่คนเขียนพงศาวดารก็ยังยากจะรู้เบื้องหลังได้ คนรุ่นหลังจึงยิ่งไม่รู้ความใน

    ถ้าให้ว่าไปตามข้อสันนิษฐานต้องเข้าใจว่าพระมหาธรรมราชาซึ่งเดิมเป็นขุนพิเรนทรเทพ เป็นคนเก่ง คนกล้า รักบ้านเมือง มิฉะนั้นจะยึดอำนาจจากขุนวรวงศาธิราชมาถวายพระเทียรราชาได้อย่างไร แต่ต้องจำด้วยว่าท่านมีเชื้อสายเจ้านายสุโขทัย สุโขทัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอยุธยามาก่อนจนสุโขทัยค่อย ๆ ถูกอยุธยากลืน ลึก ๆ แล้วพระมหาธรรมราชาจึงอาจฝังใจบางอย่างและกินใจกับเจ้านายสายอยุธยาโดยเฉพาะราชวงศ์สุวรรณภูมิอยู่บ้างก็ได้

    ในส่วนของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เจ้านายผู้มีพระคุณและพ่อตานั้นคงไม่กระไร แต่กับสมเด็จพระมหินทราธิราช พี่เมีย น่าจะกินใจไม่ถูกเส้นกันอยู่ ข้างพม่าเองก็คงยุแยงพระมหาธรรมราชาตามหลักแบ่งแยกแล้วปกครองด้วย ข้อสำคัญคือ เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สติฟั่นเฟือนจนถูกขุนนางหลอกพาเข้าป่าจับปลงพระชนม์ บุเรงนองขึ้นเป็นกษัตริย์เริ่มราชวงศ์ใหม่ กิตติศัพท์ของบุเรงนองในฐานะผู้ชนะสิบทิศนั้นใครได้ยินก็ครั่นคร้าม พระมหาธรรมราชาน่าจะรู้ดีว่าไร้ประโยชน์จะไปขวางทางปืนพม่า มีแต่จะโอนอ่อนให้พม่าไว้ใจแล้วค่อยคิดแก้ไขเอาทีหลัง

    พระไชยเชษฐา กษัตริย์ลาวองค์ที่สละบัลลังก์เชียงใหม่ไปครองกรุงศรีสัตนาคนหุตเคยมีสาส์นมาขอพระเทพกษัตรี ราชธิดาองค์เล็กของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปเป็นมเหสี พระมหาธรรมราชาไม่อยากให้น้องเมียได้กับกษัตริย์ลาวจึงไปทูลบุเรงนองจนพม่าแต่งทัพมาดักชิงตัวไปกลางทาง เรื่องนี้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโกรธลูกเขยมาก

    คราวหนึ่งสมเด็จพระมหินทราธิราชยกทัพจะไปตีพิษณุโลกเพราะเขม่นน้องเขยเต็มกำลังและคงคิดว่าเอาใจออกห่าง พระมหาธรรมราชาจึงไปเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองถึงหงสาวดีเป็นครั้งแรก บุเรงนองปลาบปลื้มมากว่ามาสวามิภักดิ์ จึงตั้งเป็นเจ้าฟ้าสองแควครองพิษณุโลกในฐานะเมืองประเทศราชนับแต่นั้น สมเด็จพระ
    มหินทราธิราชเข้าตีพิษณุโลกไม่ได้แต่ก็นำพระวิสุทธิกษัตรี น้องสาวและพระเอกาทศรถ หลานลุงกลับลงมาอยุธยา เรียกว่าจะตัดญาติพรากผัวพรากเมียกันล่ะ

    เรื่องนี้พม่าคงยิ้มแก้มปริว่า “เอาจนอยุธยาแตกกันเองหมดแล้ว” พระเจ้าบุเรงนองจึงนำทัพใหญ่บุกลงมาตีกรุงศรีอยุธยา พระมหาธรรมราชานำทัพจากพิษณุโลกมาสมทบด้วย ล้อมกรุงได้ 7 เดือน ก็ตีอยุธยาแตก

    เราเสียกรุงแก่พม่าสองครั้ง ครั้งแรกปี 2112 ในรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช ครั้งหลังปี 2310 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ห่างกัน 198 ปี แต่ในการเสียกรุงครั้งแรก ชั่วดีถี่ห่างคงต้องรับว่ามือชั้นผู้ชนะสิบทิศ ไม่ใช่ “โจรกระจอก” เพราะเข้ามาอย่างกษัตริย์ พม่าแทบจะไม่ได้ทำลายบ้านเมืองวัดวังเหมือนจะเหยียบกรุงให้รู้ว่า “ไผเป็นไผ” เท่านั้น หลังจากบุเรงนองกลับไป อยุธยายังอยู่ได้เป็นปกติแต่ในฐานะเมืองประเทศราชซึ่งแปลว่าเมืองขึ้นแต่มีกษัตริย์ปกครองเองได้ แต่ในการเสียกรุงครั้งที่สอง ทัพพม่านำโดยแม่ทัพชื่อเนเมียวสีหบดี (กษัตริย์พม่าในเวลานั้นไม่ได้มา) ประพฤติดังโจรไล่ฆ่าฟันผู้คนและเผาบ้านเผาเมือง 7 วัน 7 คืน จนราบเรียบ ฟื้นอีกไม่ได้เลย สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงเรียกว่า “ปล้นพระนคร”

    คนไทยไม่น้อยพลอยหลงรักจะเด็ดหรือบุเรงนองไปแล้วด้วยซ้ำ เวลาร้อง “ฟ้าลุ่มอิระวดี คืนนี้มีแต่ดาว” ก็ทำตาปรอยตามชรินทร์ไปด้วย

    บุเรงนองกวาดต้อนชาวอยุธยาเป็นเชลยไปพม่า ทิ้งไว้ราว 1 หมื่นคนเพื่อไม่ให้คิดการใหญ่ แล้วตั้งพระมหาธรรมราชาเป็นกษัตริย์อยุธยา พระมหาธรรมราชาถวายลูกสาวชื่อพระสุพรรณกัลยาและลูกชายชื่อพระนเรศวรกลับไปพม่าด้วย (พระนเรศวรอาจไปอยู่พม่าก่อนแล้ว) ส่วนสมเด็จพระมหินทราธิราชก็โดยเสด็จตามไปในขบวนด้วยอย่างผู้แพ้แต่สวรรคตเสียที่กลางทาง

    ย้อนไปว่ากษัตริย์ครั้งกรุงสุโขทัยตั้งแต่ก่อนเกิดอยุธยานั้นรู้จักกิตติศัพท์ของกษัตริย์อินเดียพระองค์หนึ่งดีคือพระเจ้าอโศก ผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อพระพุทธศาสนาในอินเดีย ลังกา และสุวรรณภูมิ เคยส่งพระมาเป็นสมณทูตจนดินแดนแถบนี้นับถือพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ราว พ.ศ. 300 สุโขทัยคงรู้เรื่องนี้และฝังใจมาจากพระที่มาจากนครศรีธรรมราช กษัตริย์สุโขทัยตั้งแต่พญาลิไทลงมาจึงมีพระนามว่าพระมหาธรรมราชาเช่นเดียวกับพระนามของพระเจ้าอโศก (นครฯ เรียกว่าพญาศรีธรรมาโศกราชมหาธรรมราชา)

    การที่ขุนพิเรนทรเทพได้เป็นพระมหาธรรมราชาจึงเป็นการใช้ชื่อเจริญรอยตามกษัตริย์สุโขทัยเพราะทรงมีเชื้อสายสุโขทัย เมื่อครองราชย์เป็นกษัตริย์อยุธยารัชกาลที่ 18 ก็ได้ใช้พระนามว่าสมเด็จพระสรรเพชญ ซึ่งเป็นพระนามพระพุทธเจ้า ไม่ยอมใช้พระรามาธิบดีหรือพระบรมราชาธิบดีอันเป็นนามพระเป็นเจ้าของแขกตามแบบกษัตริย์อยุธยาพระองค์ก่อน ๆ

    เมื่อสิ้นสมเด็จพระมหินทราธิราช นักประวัติศาสตร์ถือว่าสิ้นราชวงศ์สุวรรณภูมิ (นับจากสมเด็จพระบรมราชาหรือขุนหลวงพงั่ว) และเริ่มราชวงศ์พระร่วงในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชา (สมเด็จพระสรรเพชญ) ต่อไป โดยถือว่าเป็นวงศ์เชื้อสายพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย

    มีเรื่องแปลกว่าคนไทยรู้จักพระสุพรรณกัลยาดีว่าเป็นพระราชธิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ยกถวายบุเรงนอง และเป็นพระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวร แต่พงศาวดารไทยกลับไม่ได้กล่าวถึง ไปปรากฏแต่ในพงศาวดารพม่า นักประวัติศาสตร์ไทยบางคนจึงสงสัยว่ามีตัวตนจริงไหม

    พระนเรศวร (พม่าเรียกพระนเรศ) ไปอยู่พม่าตั้งแต่เด็กในฐานะตัวประกัน ช่วงนี้มีตำนานมากมาย เช่น เรื่องที่บุเรงนองเมตตามากว่าเก่งและฉลาด จนพระราชโอรสคือมังไชยสิงห์ (มังก็คือหม่องที่เรียกกันในภาษาไทย) และพระราชนัดดาคือมังสามเกียดริษยา เรื่องพระนเรศวรชนไก่กับมังสามเกียด “ไก่เชลยนี้เก่งนัก” เรื่องพระนเรศวรทรงพบรักกับเจ้าขรัวมณีจันทร์ ฯลฯ แต่ต่อมาก็ได้กลับมาอยู่อยุธยา พระราชบิดาส่งขึ้นไปครองเมืองพิษณุโลกในฐานะอุปราชเมื่อพระชนมายุ 16 ปี

    ที่พิษณุโลกยังมีซากวังพระนเรศวรอยู่ตรงข้ามวัดพระพุทธชินราช ผมเคยไปตรวจราชการพบว่ามีการสร้างโรงเรียนทับไว้แต่ขุดลงไปพบหลักฐานมากมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างขุดค้นตกแต่ง ส่วนที่อยุธยาก็มีวังจันทร์เกษมไว้เป็นที่ประทับเวลาเสด็จลงมาราชการ

    เมื่อพระเจ้าบุเรงนองสวรรคต (พม่ายกย่องว่าเป็นมหาราช) มังไชยสิงห์ พระราชโอรสได้เป็นกษัตริย์ชื่อพระเจ้านันทบุเรง ส่วนพระโอรสของพระเจ้านันทบุเรงที่ชื่อมังสามเกียดได้เป็นพระมหาอุปราชามังกะยอชวา องค์นี้มีอายุแก่กว่าพระนเรศวร พระนเรศวรจึงเรียก “เจ้าพี่” และเป็นองค์เดียวกับที่ทำยุทธหัตถีกับพระนเรศวร

    พระนเรศวรเป็นผู้แทนอยุธยาขึ้นไปงานพระบรมศพบุเรงนองและแสดงความสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์พม่าพระองค์ใหม่ตามธรรมเนียมเจ้าประเทศราช เจ้าเมืองลุมและเมืองคังอีกสองเมืองขึ้นกลับแข็งข้อไม่ยอมมาสวามิภักดิ์ กษัตริย์พม่าจึงให้พระมหาอุปราชา พระสังขทัต และพระนเรศวรผลัดกันองค์ละวันไปปราบโชว์ฝีมือว่าใครแน่กว่ากัน เจ้าพม่าสององค์แรกแพ้ราบ วันที่สามพระนเรศวรวางแผนล้อมหน้าล้อมหลังยกเข้าตีจนชนะ พม่าเริ่มตระหนักแล้วว่า “เจ้าอยุธยาคนนี้ไม่เบา”

    สมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งอยุธยาทรงทราบแล้วว่าสิ่งที่ทรงรอคอยมานานคือการที่อยุธยาเป็นอิสระจากพม่าบัดนี้อยู่ไม่ไกลแล้ว!

    อยู่มาเมืองอังวะซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงอาณาจักรพม่ามาแต่เดิมจนพม่าอีกสายแยกไปตั้งกรุงตองอูเป็นเมืองหลวงแล้ววกมาปราบทั้งพม่าอังวะ และมอญหงสาวดีเริ่มเข้มแข็งขึ้นอีกจนเป็นขบถ พระเจ้านันทบุเรงสั่งเมืองขึ้นทั้งหมดให้ยกทัพไปช่วยกันปราบ สำหรับอยุธยานั้นให้ยกทัพไปสมทบที่เมืองแครง (เคยเป็นของอาณาจักรมอญ) ส่วนพระองค์เองยกทัพนำหน้าไปล้อมเมืองอังวะก่อน และนัดแนะกับพระมหาอุปราชา พระราชโอรสว่าเมื่อพระนเรศวรยกทัพมาถึงเมืองแครง เจ้าคนนี้เก่งนักนานไปเป็นอันตรายจึงนัดแนะให้พระยาเกียรติ พระยาราม ขุนนางมอญลอบฆ่าเสียที่เมืองแครงแล้วกวาดต้อนทัพไทยรวมเป็นทัพหงสาวดียกไปตีอังวะ

    พระยาเกียรติ พระยารามเล่าอุบายนี้ให้พระมหาเถรคันฉ่องฟัง ในหนังท่านมุ้ย สรพงศ์ ชาตรี เล่นเป็นพระมหาเถร คนเหล่านี้เป็นมอญซึ่งเกลียดพม่าเป็นทุนอยู่แล้วจึงชวนกันไปทูลพระนเรศวรเล่าอุบายพม่า พระนเรศวรกริ้วมากว่าพม่าระแวงคิดร้ายต่อพระองค์ก่อนจึงเป็นโอกาสจะแยกตัวได้แล้ว ทรงสั่งให้เลิกทัพกลับอยุธยาทันที

    ก่อนออกจากเมืองแครง ในเดือน 6 ปีวอก พ.ศ. 2127 (หลังเสียกรุง 15 ปี) พระนเรศวรประกาศอิสรภาพหลั่งทักษิโณทกลงบนแผ่นดินแครง ประกาศว่านับแต่นี้ไปกรุงศรีอยุธยาและกรุงหงสาวดีเป็นอันขาดไมตรีกัน ขอฟ้าดินจงเป็นพยานเถิด

    วันนี้คือวันประกาศอิสรภาพของไทย แต่เป็นการประกาศฝ่ายเดียว พม่าจะยอมรับหรือไม่ยังต้องดูว่ารบรากันต่อไป
    อีกไหม ใครชนะ

    แต่ที่แน่คือ “ผู้พันเบิร์ด” คุณวันชนะ สวัสดี นายทหารที่เล่นหนังท่านมุ้ยเป็นพระนเรศวรนั้นเล่นได้ดีนักหนา ดูแข็งแกร่ง กล้าหาญ หน้าตาดี มีสง่าแต่ไม่ถึงกับสำอาง และดูโบราณเป็นไทยสมัยนั้นดี!

    เรื่องของพระนเรศวรเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของท่านมุ้ยจึงต้องสร้างตั้งหลายภาค ทุ่มทุนหลายร้อยล้านบาท ชีวิตของพระองค์เป็นมหาวีรกรรมที่คนไทยต้องเรียนรู้ สิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรแล้ว พม่าไม่เคยมาเหยียบอยุธยาอีกเลยร่วม 200 ปี

    เคยนึกเล่น ๆ ว่าถ้าวันนั้นไม่มีคนอย่างสมเด็จพระนเรศวร ป่านนี้ผมอาจเป็นหม่องนุ่งโสร่งเดินขายหมากขายพลูอยู่แถวชเวดากองหรือไม่ก็เป็นพม่าแทงกบอยู่ตามชายแดน หรือไม่อีกทีก็เข้าพวกไปกับ ออง ซาน ซูจี รู้แล้วรู้รอดไปแล้วก็ได้.

    วิษณุ เครืองาม
    wis.k@hotmail.com

    ขอขอบคุณ Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ศรีอยุธยา (6)
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,465
    เรื่องของพระนเรศวรเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ชีวิตของพระองค์เป็นมหาวีรกรรมที่คนไทยต้องเรียนรู้

    ขออนุโมทนากับท่าน ดร.วิษณุ เครืองาม เห็นด้วยกับท่านอย่างยิ่งครับ
    พระองค์ท่านเสียสละตลอดทั้งพระชนม์ชีพ เพื่อให้พวกเราในวันนี้ได้มีประเทศไทย ชาติไทยให้ได้อยู่อาศัยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยความภาคภูมิใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...