คำว่าวิชชามีความหมายอย่างไร ? วิชชา ๓ กับวิชชา ๘ คืออย่างไร ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สมถะ, 8 ตุลาคม 2006.

  1. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    คำว่าวิชชามีความหมายอย่างไร ? วิชชา ๓ กับวิชชา ๘ คืออย่างไร ?




    หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านอธิบายไว้ดังนี้ คำว่า "วิชชา" (ช. ๒ ตัว) แปลว่า ความรู้กำจัดมืดบอด


    คำตรงข้ามกับคำว่า "วิชชา" คือ "อวิชชา" ซึ่งคำ "อวิชชา" แปลว่า ความไม่รู้ ความเขลา ได้แก่การไม่รู้ถูกไม่รู้ผิด ไม่รู้อดีต ไม่รู้ปัจจุบัน ไม่รู้อนาคต ไม่รู้อนาคตของสังขาร ไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท ไม่รู้อริยสัจ ท่านอธิบายว่า มนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม และสัตว์ เป็นผู้ที่มืดอยู่ในขันธ์ ๕ ยังปล่อยวางไม่ได้ การปล่อยวางไม่ได้นี่เอง จึงชื่อว่าเป็นผู้มืดในขันธ์ ๕ เพราะอีกนัยหนึ่ง คำว่าขันธ์ ๕ เป็นชื่อของอุปาทาน คือการไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนของเรา การไปยึดมั่น ก็คือการมีอุปาทานในขันธ์ ๕



    คราวนี้มาดูเรื่องวิชชา ๓ หมายถึงอะไรบ้าง ? ความหมายนัยหนึ่งของวิชชา ๓ ก็คือ


    (๑.) วิปัสสนาวิชชา

    (๒.) มโนมยิทธิวิชชา

    (๓.) อิทธิวิธีวิชชา


    ที่เรียกว่าวิชชา ๘ ก็คือเพิ่ม " อภิญญา" เข้าด้วย คือ

    (๔.) ทิพพจักขุวิชชา

    (๕.) ทิพพโสตวิชชา

    (๖.) ปรจิตตวิชชา

    (๗.) ปุพเพนิวาสวิชชา

    (๘.) อาสวักขยวิชชา



    โปรดดูความเกี่ยวข้องของวิชชา ๓ กับวิชชา ๘ ให้เข้าใจ ว่ามีความเกี่ยวข้องกัน อยู่ที่ว่าเราจะจัดอย่างไร ? นั่นเอง จงดูความหมายของชื่อวิชา ดังนี้



    มโนมยิทธิ เป็นวิชาที่แสดงฤทธิ์ทางใจ

    อิทธิวิธี เป็นการแสดงฤทธิ์ได้ เช่นการนิมิตให้เกิด กายต่างๆ

    ทิพพจักขุ แสดงถึงการที่ตาเป็นทิพย์ เห็นอะไรได้หมด

    ทิพพโสต แสดงถึงการที่หูเป็นทิพย์ ได้ยินอะไรได้หมด

    ปรจิตตวิชชา คือการหยั่งรู้ใจคนอื่น รู้ว่าใครคิดนึกอะไร ? เรียกว่ารู้ใจของใครๆ ได้หมด

    ปุพเพนิวาสวิชชา คือการระลึกชาติในปางหลังได้ว่าตั้งแต่อดีต ชาตินั้นเกิดเป็นอะไร? ที่ไหน ? อย่างไร ?

    อาสวักขยวิชชา คือความรู้ทำลายให้กิเลสหมดไปจากใจ



    เนื้อหาสาระการเรียนรู้วิชาเหล่านี้ เป็นวิชาธรรมกายชั้นสูงทั้งสิ้น บรรดาศิษย์ผู้เป็นวิชาธรรมกายต่างยอมรับว่าหลวงพ่อท่านทำได้หมด แต่ว่าการจดบันทึกความรู้วิชาแขนงต่างๆ ไม่ได้ทำไว้ จึงเป็นที่น่าเสียดาย เพราะการฝึกฝนเรียนรู้วิชาธรรมกายชั้นสูง เป็นการเรียนทางใจที่ละเอียดและลึกซึ้ง ยากต่อการเรียนรู้ แต่ก็ไม่เกินความสามารถที่เราจะเรียนรู้ได้ เช่น


    ปรจิตตวิชชา คือการหยั่งรู้ใจคนอื่น วิธีทำก็คือ นึกเอาใจของเรา คือ ดวงเห็น-ดวงจำ-ดวงคิด-ดวงรู้ ซ้อนลงไปที่ดวงเห็น-ดวงจำ-ดวงคิด-ดวงรู้ ของใคร ? แล้วเราก็หยุดนิ่งวางอารมณ์ให้ว่าง แล้วเราก็รู้ทันทีว่า เขาผู้นั้นคิดอะไรอยู่ ? ดังนั้น ในการเรียนวิชาธรรมกายชั้นสูง มีวิธีเรียนมีวิธีฝึกทั้งนั้น เมื่อเราเข้านิพพาน เราก็เอา เห็น-จำ-คิด-รู้ ของเรา ซ้อนลงไปใน เห็น-จำ-คิด-รู้ ของพระพุทธองค์ เราก็ลองฝึกไปนานๆ แล้วเราก็จะเห็นผลการฝึกว่า เราทำได้ดีขึ้นเป็นลำดับ ทุกวิชาเราเรียนได้ทั้งนั้น



    ทิพพจักขุ และ ทิพพโสต ให้เรานึกถึงอายตนะภายใน ๖ คือ หู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ เอาใจของกายธรรมมาดูที่ดวงธรรมของกายมนุษย์ตัวเรานี้ ให้ดูสุดละเอียดของ หู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ว่าคืออย่างไร ? พอใจหยุดนิ่งกลางดวงธรรม เราก็นึกดู ก็จะเห็นสุดละเอียดของอายตนะภายใน ๖ เป็นดวงใสทั้งนั้น เวลาเข้านิพพาน เราก็เอาดวงสุดละเอียดของอายตนะภายใน ๖ ของเรา ซ้อนเข้ากับกายธรรมของพระพุทธองค์ กายมนุษย์หยาบของเราทำกับกายธรรมของเรา ส่วนกายอื่น เช่น กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม กายธรรม เราก็เอาดวงธรรมสุดละเอียดของอายตนะภายใน ๖ ของเรา ไปซ้อนกับอายตนะภายในของพระพุทธองค์ ฝึกให้นานๆ แล้วจะส่งผลให้ทิพพจักขุและทิพพโสตของเราดีขึ้น นี่คือตัวอย่างการฝึก สรุปแล้ว เราฝึกได้ทุกวิชา



    ปุพเพนิวาสวิชชา วิชานี้ไม่ยาก ส่งใจกายธรรมมาที่ดวงธรรมในท้องของกายมนุษย์ นึกดูดวงกำเนิดเดิม เห็นดวงกำเนิดเดิมแล้ว ให้หยุดนิ่งกลางดวงกำเนิดเดิมนั้น หยุดในหยุด นึกดูว่า เมื่อวานนี้เราอยู่ที่ไหน ? พอดวงกำเนิดเดิมว่าง ในว่างนั้นเอง เราก็เห็นตัวเราว่าอยู่ที่ใด ? นึกดูถอยออกไปถึงวันก่อนนี้ เราอยู่ที่ใด ? แล้วเราก็เห็นตัวเราว่า เราอยู่ที่ใด ? เรานึกดูถอยห่างออกไปเรื่อยๆ คราวแรกเราให้ห่างเป็นวัน ต่อมาให้ห่างเป็น ๓ วัน และเป็น ๗ วัน และให้ห่างออกไปเป็นเดือนเป็นปีเป็นลำดับไป ดูไปจนถึงวันที่เราเข้าสู่ครรภ์มารดา ดูดวงธรรมในท้องของกุมาร นิ่งกลางดวงธรรมของกุมารนั้น นึกดูดวงกำเนิดเดิม พอดวงกำเนิดเดิมของกุมารว่าง เราก็เห็นกายของเขาว่า เขามาจากไหน ? มาจากสวรรค์ชั้นใด ? เราตามไปดูกายที่มาจากสวรรค์ของกุมารนั้นอีก ส่งใจนิ่งกลางดวงธรรมในท้องของกาย ดูดวงกำเนิดเดิมอีก แล้วเราก็จะเห็นไปเรื่อย ๆ นี่คือ การฝึกแบบย่อของวิชาปุพเพนิวาสวิชชา ข้อสำคัญที่เราต้องใส่ใจก็คือ เราต้องเข้านิพพานไปซ้อนกายสับกายกับพระพุทธองค์ให้กายของเราใสเสียก่อน ต้องพากเพียรทำ



    อาสวักขยวิชชา คือหัวใจของวิชาธรรมกายที่เราต้องเรียนรู้ให้ได้ เพราะเป็นวิชาดับกิเลสได้ เป็นวิชาดับมารได้ มารเขากลัววิชานี้ แต่เรียนยากอย่างยิ่ง คนที่จะฟันฝ่าไปได้ต้องมีความเพียรอันเลิศ วิชาต้องไม่เพี้ยน อย่าเรียนแบบฟุ้งซ่านดังที่เราเห็นในทุกวันนี้ เรียนอย่างนั้น มารเขาจูงรู้จูงญาณไปได้ มารเขาหลอกไปได้ ไม่ได้ทำให้กิเลสดับ ไม่ได้ทำให้มารดับ มีแต่กิเลสจะกำเริบเสิบสาน มีแต่มารจะฟื้นตัว ท่านที่เล่นของดำ เช่น นิล เหล็กไหล และปรอท นั่นเป็นกายสิทธิ์ของมาร แก้เท่าไรก็ไม่ขาว ท่านไปเล่นได้อย่างไร ? ท่านไปนิยมได้อย่างไร ? ท่านไปกล้าได้อย่างไร ? แค่นี้ก็บ่งบอกว่า ความรู้ไม่เอาไหน ? เป็นการหลงผิด แล้วจะไปหวังอะไรในความรู้อื่น ? นี่คือการล้มเหลวของการเรียนวิชาธรรมกาย เราตอบว่า เราอยากได้เงินเพื่อจะเอาเงินมาบำรุงศาสนา ลืมแล้วหรือ ? เมื่อ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ของเราบริสุทธิ์แล้ว เงินที่จะบำรุงศาสนาจะมาเองโดยธรรมชาติ เราก็บำเพ็ญกิจของเราต่อไปแบบตามมีตามได้ เรื่องก็จบลง มารเขาก็ไม่ได้ช่อง ศีล-สมาธิ-ปัญญา ของเราก็บริสุทธิ์ เราก็สบายใจ แต่เราเสี่ยงไปเล่นของมาร ไปเล่นวิชามาร นี่คืออะไรกัน ? ความรู้ทางวิชาธรรมกายใช้การไม่ได้ถึงปานนี้หรือ ? เอาอย่างนี้ ถ้าท่านประสงค์จะเรียนวิชาอาสวักขยญาณ ก็ให้ติดตามอ่านหนังสือปราบมารทุกภาค ความรู้ทั้งปวงปรากฏในนั้นหมดแล้ว



    อิทธิวิธีวิชชา คือวิชาการแสดงฤทธิ์ ได้แก่การพิสดารกายให้มากขึ้น การทำฌานให้เกิดขึ้นได้ เป็นการแสดงฤทธิ์การแก้โรคโดยวิชา การใช้วิชาแก้เรื่องทุกข์ร้อนให้ผ่อนคลาย นี่คือการแสดงฤทธิ์ทั้งนั้น การแสดงฤทธิ์อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การทำวิชาให้มนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม เห็นนิพพานได้ นี่คือการแสดงฤทธิ์สำคัญ การแสดงฤทธิ์สำคัญที่สุดคืออะไร ? คือการดับมารได้ คือการดับกิเลสได้ หากดับมารได้หมด วิชาของภาคขาวก็จรัสแสง ทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงอิทธิวิธีวิชชา ? ตอบว่าเรียนวิชาธรรมกายไปให้ได้ทุกหลักสูตร จนเข้าหลักสูตรปราบมารได้ จึงจะถือว่าแสดงฤทธิ์ได้จริง



    มโนมยิทธิวิชชา คือวิชาที่ทำให้ใจมีฤทธานุภาพกำจัด อวิชชาได้ อวิชชาคือความมืด อวิชชาคือความเขลา อวิชชาคือไม่รู้ สิ่งที่ทำให้ใจมืด สิ่งที่ทำให้เขลา สิ่งที่ทำให้ไม่รู้ คือ อวิชชา นั่นเอง ใจของเราสามารถดับอวิชชาได้ นั่นคือมโนมยิทธิวิชชา จงเล่าเรียนเข้าเถิด วิชาอะไรเล่าที่จะกำจัดแบบครอบจักรวาลได้ ก็คือวิชาธรรมกาย นั่นเอง แต่ว่าต้องเรียนให้ครบทุกหลักสูตร อย่าเรียนแต่เบื้องต้นเท่านั้น ต้องเรียนวิชาชั้นสูงด้วย ตำราวิชาธรรมกายทุกหลักสูตร ข้าพเจ้านำมาขยายความให้ง่ายขึ้นแล้ว


    [​IMG]




    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
     
  2. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR align=middle><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>
    ตำราของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    </TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top align=left width="59%" bgColor=#ffffff>
    ทางมรรคผล

    เป็นตำราที่เราเหล่าศิษย์หลวงพ่อเคยเห็นกันทุกคน ตำราวิชาธรรมกายหลักสูตรเบื้องต้นนี้ เป็นหนังสือแจกเป็นธรรมทานของวัดปากน้ำ
    </TD><TD width="41%">[​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>
    คู่มือสมภาร

    เป็นตำราหลักสูตรระดับกลาง ความเป็นมาเกิดจากสมเด็จพระสังฆราช (สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงบัญชาให้แม่ชีนวรัตน์ หิรัญรักษ์ เขียนความรู้ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอน มาถวายแก่พระองค์ ด้วยพระองค์ทรงสนพระทัย แม่ชีนวรัตน์ก็นำความนี้ไปกราบหลวงพ่อ ศิษย์ของหลวงพ่อซึ่งประกอบด้วย แม่ชีนวรัตน์, แม่ชีสมทรง สุดสาคร, คุณฉลวย สมบัติสุข จึงได้ร่วมกันเรียบเรียงตำราคู่มือสมภาร ตามความรู้ที่หลวงพ่อได้สอนไว้ รวมเป็นเล่มหนังสือ จัดพิมพ์ขึ้นถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช พิมพ์ในนามของ น.ส.ฉลวย สมบัติสุข เมื่อปี พ.ศ. 2492
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>
    แต่ปรากฏว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงประชวร แพทย์ห้ามใช้ความคิด จึงถวายหนังสือนี้แก่พระสาธุศีลสังวร (สนธ์ กิจฺจกาโร) ซึ่งท่านเจ้าคุณรูปนี้เป็นเลขานุการของสมเด็จฯ และท่านเจ้าคุณรูปนี้เป็นผู้เขียนคำนำไว้ในตำราคู่มือสมภารนั้นด้วย

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>
    วิชชามรรคผลพิสดารเล่ม ๑

    เป็นวิชาธรรมกายหลักสูตรระดับยาก เป็นหนังสือปกแข็ง ภาพปกเป็นภาพรูปวงกลมแสดงลักษณะของฐานที่ 7 เป็นรูปของธาตุ 6

    ความเป็นมาของตำราหลักสูตรนี้ พระมหาจัน (ป.ธ. 5) ได้บันทึกความรู้นี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2481 แต่ยังมิได้พิมพ์ออกเผยแพร่ ทางวัดปากน้ำได้นำความรู้หลักสูตรนี้จัดพิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2517 หลวงพ่อมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2502 แปลว่าหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว 15 ปี จึงนำความรู้หลักสูตรนี้มาตีพิมพ์ได้

    </TD><TD vAlign=top><TABLE width="100%" align=center><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>
    ประวัติแห่งความพิสดารวิชาธรรมกายหลักสูตรนี้ หลักสูตรนี้นับว่าเป็นวิชาชั้นสูงยิ่ง ยากที่ใครจะเรียนรู้ได้ ผู้จดวิชาคือพระมหาจัน (ป.ธ. 5) ต้องยกย่องท่านว่าท่านเก่งมาก สามารถจดวิชายากๆอย่างนี้ได้

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>
    วิชชามรรคผลพิสดาร ๒

    เป็นวิชาธรรมกายหลักสูตรระดับยากมาก เป็นความรู้ที่ท่านเจ้าคุณภาวนาโกศลเถร (อาจารย์วีระ คณุตฺตโม) อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาเป็นผู้จดบันทึกความรู้ เพิ่งพิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งหลวงพ่อมรณภาพไปแล้วถึง 17 ปี ทางวัดปากน้ำจึงได้พิมพ์วิชาธรรมกายหลักสูตรนี้เผยแพร่

    </TD><TD vAlign=top><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>
    หมายเหตุ : เพื่อความสมบูรณ์เท่าที่จะเป็นไปได้ของเนื้อหาวิชาที่ท่านจะได้จากห้องสมุดของชมรม ฯ จึงขออาราธนาตำราดั้งเดิมของหลวงพ่อวัดปากน้ำมาไว้ ณ ที่นี้ด้วย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขอเป็นอีกแรงหนึ่งของการเผยแผ่ธรรมะ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ตำราวิชาธรรมกายอันมีค่าต่อมนุษย์ทุกคนนี้เอาไว้​
    </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2> </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2> </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>
    ตำราของอาจารย์การุณย์

    </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>
    โปรดทราบ หนังสือส่วนใหญ่ที่ปรากฏภายในหน้านี้ ท่านสามารถซื้อได้ที่สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียงครับ ทั้งนี้สมาชิกชมรมทุกคนมิได้มีผลประโยชน์จากการขายหนังสือแต่อย่างใด รายได้จากการขายเป็นของสำนักพิมพ์แต่เพียงผู้เดียว ทางชมรมให้บริการท่านได้อ่านทางเวปโดยสะดวกด้วยกุศลเจตนา หากท่านอ่านทางเวปไม่สะดวกก็โปรดสั่งซื้อ หากท่านเห็นว่าไม่คุ้มค่าก็โปรดอย่าได้มีอคติ มีข้อข้องใจประการใด อย่าได้ลังเลโปรดถามครับ ขอบคุณครับ​
    </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>
    ปราบมารภาค ๑ - ๕

    คำว่า “ ปราบมาร ” เป็นคำที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านใช้ สมัยที่ หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อได้ทำงานสำคัญอย่างหนึ่ง งานนั้นคือ “ ปราบมาร ” หมายความว่า ต้องเป็นวิชาธรรมกายชั้นสูง จึงจะรู้จึงจะเห็น แล้วใช้ความรู้ชั้นสูงนั้นไปกำจัดอวิชชา ( มาร ) ที่มายึดอำนาจปกครองในธรรมภาคพระ
    งานปราบมารคือเนื้อหาสำคัญที่สุดในชีวิตของหลวงพ่อ การที่อวิชชา ( มาร ) มายึดอำนาจปกครองเช่นนี้ มีผลกระทบต่อมรรคผลนิพพาน มีผลกระทบต่อธาตุธรรม มีผลกระทบต่อมนุษย์ เกิดความเดือดร้อน มีการข่มเหงรังแกกัน เกิดสงคราม เกิดกลียุค ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลและทุกข์ร้อนด้วยประการต่างๆ ต้องเรียนวิชาธรรมกายถึงระดับแก่กล้า จึงจะรู้ จึงจะเห็น จึงจะทราบว่า “ มาร ” เขาทำวิชาปกครองไว้อย่างละเอียดลึกซึ้ง หากไม่เป็นวิชาธรรมกายแล้วรู้เห็นไม่ได้เลย แม้เป็นวิชาธรรมกายแล้ว แต่เป็นอย่างอ่อน ก็รู้เห็นไม่ได้เช่นเดียวกัน การที่หลวงพ่อทำวิชาเพื่อกำจัดอวิชชาที่ว่านี้ เรียกว่า “ ปราบมาร ”
    ปราบมารทั้งห้าเล่มที่จะปรากฏต่อท่านนี้เป็นประสบการณ์ตรงของอาจารย์การุณย์ ตลอดช่วงเวลาอันยากลำบาก ในการใช้วิชาธรรมกายชั้นสูงของหลวงพ่อวัดปากน้ำไปรู้เห็น แก้ไขและได้สร้างผลงานการปราบมารมากมาย พร้อมนำเสนอต่อท่าน

    ความรู้เช่นนี้ไม่ง่ายนักที่จะเกิดขึ้นและ ยากยิ่งนักที่จะนำมารวบรวมเพื่อนำเสนอต่อท่าน เชิญท่านศึกษาเพื่อเป็นความรู้ในฐานะผู้ใฝ่รู้วิชาธรรมกายคนหนึ่งเถิด
    </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff colSpan=2><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=99> </TD><TD vAlign=top align=middle width="20%"></TD><TD vAlign=top align=right width="20%"></TD><TD vAlign=top align=middle width="20%"></TD><TD vAlign=top align=middle width="20%">
    [​IMG]
    ปราบมาร
    ภาค ๔

    </TD><TD vAlign=top align=middle width="20%">
    [​IMG]
    ปราบมาร
    ภาค ๕


    </TD><TD vAlign=top align=middle width=86>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=bottom bgColor=#ffffff colSpan=2>
    แนวเดินวิชาหลักสูตรวิชชามรรคผลพิสดารของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ๑ - ๒

    เป็นที่เข้าใจตรงกันว่า ตำราวิชาธรรมกายหลักสูตรมรรคผลพิสดาร ๑-๒ ของหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น เป็นความรู้ลึกซึ้ง ยากต่อการศึกษาค้นคว้า ผู้เขียนจึงได้ทำแนวเดินวิชาขึ้น เพื่อแก้ปัญหา ให้ความยากลดน้อยลงบ้าง และเพื่อให้เกิดประโยชน์ของวิชาอย่างแท้จริง และเพื่อเป็นการอนุรักษ์วิชาธรรมกายให้สืบไป
    จึงถือว่าเป็นหนึ่งในตำราวิชาธรรมกายที่ท่านควรมีไว้เป็นคู่มือ
    ท่านสามารถติดต่อซื้อหนังสือได้ที่สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียงครับ 02 872-9898
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD> </TD><TD align=middle>[​IMG]
    </TD><TD> </TD><TD align=middle>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff height=193>
    ปุจฉาวิสัชนา - วิชาธรรมกาย

    หนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นจากการจดบันทึกความรู้อันประเมินค่ามิได้ในวิชาธรรมกายจากอาจารย์การุณย์ที่ได้ถ่ายทอดผ่านคณะวิทยากร เพื่อการอนุรักษ์สืบสาน และขยายผลความรู้วิชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำในแง่มุมต่างๆ มิให้ดับสูญไป
    ดังคำกล่าวของหลวงพ่อวัดปากน้ำที่เคยกล่าวไว้แก่แม่ชีถนอม อาสไวย์ ว่า "รู้ไหม? ความรู้นี้ใช้เวลาค้นคว้ากันถึง 2,000 ปี เชียวหนา! "
    บางส่วนของหนังสือเล่มนี้ได้ปรากฏใน หน้า คำถาม-คำตอบวิชาธรรมกาย แล้วเชิญท่านศึกษาได้อย่างเต็มที่ หากท่านต้องการเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ กรุณาติดต่อคุณวันชัย 038 444-720 ราคาเล่มละ 350 บาท (ราคานี้ คือราคาต้นทุน หักด้วยเงินเรี่ยไรภายในชมรมครับ โปรดอย่าได้มีอคติ)
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff>
    แนวเดินวิชา หลักสูตรคู่มือสมภารของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    แนวเดินวิชาหลักสูตรคู่มือสมภารเล่มนี้ จัดเป็นวิชาธรรมกายชั้นสูง ท่านที่จะเรียนรู้หนังสือเล่มนี้ได้จะต้องฝึกวิชา ๑๘ กายได้แล้วและเข้านิพพานได้อย่างคล่องตัว
    เมื่อท่านสามารถเลื่อนชั้นมาเรียนหลักสูตรคู่มือสมภาร ขอให้ท่านตั้งใจฝึกไปทีละบท ว่าบทเรียนนี้มีความรู้อะไร มีขั้นตอนเดินวิชาอย่างไร มีวิธีฝึกอย่างไร แต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดอย่างไร ขอให้ทบทวนความแม่นยำในทุกๆ ด้าน แล้วจึงเริ่มหลับตาเดินวิชา
    ระหว่างเดินวิชา อย่าได้ลืมตามาเปิดตำราเป็นอันขาด ต้องอดทนเดินวิชาให้จบบทฝึก แต่ละบทเรียนให้ฝึกหลายครั้ง จนกว่าจะแจ้งใจแม้จะใช้เวลานานแค่ไหน ก็อดทนฝึกบทเรียนนั้นๆ จนกว่าจะแจ้ง ใครมีวิธีเรียนอย่างนี้ หลวงพ่ออนุโมทนาแน่นอน
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>
    [​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff height=193>
    ทางรอดของมนุษย

    เขียนขึ้นเพื่อแสดงถึงเส้นทางแห่งมรรคผลนิพพานที่พระอริยเจ้าในอดีตประสบความสำเร็จมาแล้ว ความรู้ที่พาไปสู่ความสำเร็จ ก็คือวิชาธรรมกายหลักสูตรนี้ ฉะนั้น ทางรอดของมนุษย์มีทางเดียวคือ ต้องเรียนรู้วิชาธรรมกายหลักสูตรนี้
    ท่านที่ต้องการฝึกฝนตนเองเป็นวิทยากร ต้องผ่านหลักสูตรนี้ครับ
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>
    คู่มือวิปัสสนาจารย์

    อีกหนึ่งเล่มสำหรับผู้ใฝ่ธรรมและใฝ่ฝันการสร้างบารมีอย่างเอกอุ
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff>
    ผู้ใดเห็นดวงธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ตถาคตคือธรรมกาย

    หนังสือเล่มนี้ แสดงวิธีปฏิบัติทางใจ ตามคำสอนของพระบรมศาสดา ข้อที่ ๓ ที่ว่า สจิตฺต ปริโยทปนํ ซึ่งแปลว่า การทำใจให้สว่างใส ได้อธิบายวิธีปฏิบัติทางใจไว้อย่างชัดเจน ว่าทำใจอย่างไรจึงจะสว่างใส และเมื่อสว่างใสแล้ว เราจะเข้าถึงโมกขธรรมอะไรบ้าง และ เมื่อเข้าถึงธรรมเบื้องต้นแล้ว เราจะเข้าถึงธรรมชั้นสูงต่อไปไม่มีทีสิ้นสุด รวมเรียกว่าวิชาธรรมกาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้แจ้งมรรคผลนิพพาน อันเป็นยอดปรารถนาของพระศาสนา
    หนังสือเล่มนี้ ได้แสดงความชัดเจนไว้แล้วอย่างครบถ้วน ทั้งความรู้ ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ รอแต่ความพากเพียรของผู้ศึกษาค้นคว้า ว่าจะเรียนจริงหรือเรียนเล่น เท่านั้น ( หนังสือเล่มนี้พิมพ์แล้วหลายครั้ง พิมพ์เท่าไรก็ไม่พอแก่ความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะพระสงฆ์ทั่วประเทศ ให้ความสนใจแก่หนังสือเล่มนี้มาก )
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD vAlign=top bgColor=#ffffff>
    อภินิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    หลวงพ่อเป็นผู้มีบารมีธรรมสูง สามารถบำเพ็ญกิจทางใจจนบรรลุวิชาธรรมกาย อันเป็นความรู้สูงสุดในพระศาสนา เป็นผู้ค้นพบความรู้กว่าคนทั้งหลาย หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงประวัติชีวิตของหลวงพ่อ ตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งมรภาพ ว่าหลวงพ่อมีบุญญาธิการ จนสามารถสร้างความสำเร็จนานาประการให้แก่พระศาสนาได้ สมควรที่เราท่านจะศึกษาจดจำและเคารพเทิดทูนบูชาในคุณธรรมของหลวงพ่อสืบไป
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]
    </TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#f3f3f3><TD bgColor=#ffffff>
    คติธรรม คตินิยม การดำเนินชีวิตของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    คติธรรม คตินิยมของหลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นที่ใฝ่รู้ของคนทั้งหลาย การตีความคติธรรมของหลวงพ่อ ทำได้ยาก เพราะการบำเพ็ญธรรมของหลวงพ่อนั้น ท่านไปเห็นวิชาชั้นสูง ครั้นได้รู้เห็นธรรมอะไร ก็จะกล่าวเป็นคติออกมา บางคติเป็นโวหารคารมคมคาย ทำให้คิดไปได้หลายแง่หลายมุม จะยุติเป็นอย่างไรนั้น สุดแต่บัณฑิตทั้งหลายจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรเถิด เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว นำคติธรรมของหลวงพ่อมาใช้ จะสามารถเปลี่ยนจิตใจของเราให้มีคุณธรรม ชีวิตของเราจะมีสาระขึ้นกว่าเดิม มีเหตุผลขึ้นกว่าเดิม สภาพจิตใจจะโปร่งใสขึ้นกว่าเดิม เราจะไม่ปล่อยชีวิตของเราไปตามความผันแปรของสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป
    </TD><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    วิชชา หมายถึง ความรู้แจ้ง หรือความรู้ในเรื่องของธรรมชาติแห่งสรรพสิ่ง ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต
    วิชชา 3 วิชชา 8 ไม่ใช่ วิชชา ธรรมกายอะไรของคุณดอกนะ
    วิชชา 3 วิชชา 8 มีทั้งหมด 72 หมวดบทเรียน
    และวิชชท 3 วิชชา 8 ไม่ใช่วิชชา ชั้นสูง และไม่ใช่ วิชชา ชั้นต่ำ
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    วิชชา 3 วิชชา 8 ไม่ใช่ วิชชา ธรรมกาย
    วิชชา 3 วิชชา 8 ไม่ไช่วิชชา ชั้นสูง ไม่ใช่ชั้นต่ำ
    วิชชา 3 วิชชา 8 เป้น วิชชา ทางศาสนาพราหมณ์ ที่ศาสนาพุทธ นำมาเขียนไว้ แต่ไม่มีข้อสำหรับการปฏิบัติ


    วิชชา 3 วิชชา 8 ได้จดลิขสิทธิ์ไว้ทีกระทรวงพานิชย์ แล้ว ใครจะนำไม่เผยแพร่หากเป็นเนื้อความตามที่จดลิขสิทธิ์ไว้ ต้องขออนุญาต จากข้าพเจ้า เพียงผู้เดียว
     
  5. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ใครเขาไปบอกคุณว่าวิชชา 3 วิชชา 8 คือวิชชาธรรมกายล่ะ เพียงแต่วิชชาธรรมกายก็ฝึกในหลักสูตรวิชชา 3 หรือ วิชชา 8 ได้เหมือนกัน เพราะการฝึกตามแนวสมถะและวิปัสสนาตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง


    น่าเป็นห่วงนะครับ เรื่องลิขสิทธิ์อะไรเนี่ย เพราะมันสร้างความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยากมาก วิชชา 3 วิชชา 8 เป็นของพระพุทธเจ้ามิใช่หรือครับ...


     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ในเมื่อไม่ใช่ของธรรมกาย แล้วจะเขียนในกระทู้ทำไมละว่า
    เป็นวิชชาธรรมกายชั้นสูง

    วิชชา 3 วิชชา 8 ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า แต่ปัจจุบัน เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ใช่ พระพุทธเจ้า

    ส่วนเรื่องการเป็นเจ้าของ ก็ย่อมมีสาเหตุ ตามยุคตามสมัย เป็นการป้องกัน ไอ้พวกขี้ลักขี้ขโมย แอบอ้างเอาลิขสิทธิ์ ทางปัญญาของผู้อื่น ไปใช้หากิน

    เมื่อถึงเวลาแล้ว ข้าพเจ้าย่อมต้องเผยแพร่ต่อชาวโลกอย่างแน่นอน

    วิชชา 3 วิชชา 8 ไม่มีในตำราเล่มไหนอย่างเด็ดขาด จะมีก็เพียงหัวข้อ ทั้ง 3 ข้อ และ 8 ข้อ
    ส่วนรายละเอียดของบทเรียนไม่มี
    สิ่งที่มีอยู่ เป็นเพียงผล แห่ง วิชชา 3 วิชชา 8 ไม่ใช่ตัวบทเรียน
    ตัวบทเรียน เฉพาะตัวหลักการ อยู่ที่กระทรวงพานิชย์ และมีหนังสือจากสำนักงานพานิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ตอบรับการแจ้งจดลิขสิทธิ์ ที่ ชม.0016/412 ลง วันที 10 พ.ค. 2544

    แล้วคุณว่า ธรรมกายก็ฝึกวิชชา 3 วิชชา 8 ได้ เอาตำราที่ไหนมาฝึก เอาผลแห่งวิชชา มาฝึกอย่างนั้นเหรอคุณ
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    อนึ่ง ใคร่ขอชื้แจงให้ทุกท่านได้ทราบ และได้เข้าใจ ถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ หรือสร้างองค์ความรู้ใหม่เอาไว้ว่า
    ตามหลักความเป็นจริง การจะสร้างสิ่งใดขึ้นมาใหม่ได้ ย่อมต้องอาศัย วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ที่มีอยู่ ในธรรมชาติ
    ดังนั้น องค์ความรู้ใหม่ ทุกชนิด ย่อมต้องอาศัย ข้อมูล วัสดุ อุปกรณ์ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ แห่งสรรพสิ่ง ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต วัสดุ อุปกรณ์และข้อมูล ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ย่อมมีส่วนที่คล้ายคลึง หรือเหมือน กับสิ่งที่ได้สร้างไว้ก่อนหน้าบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมใหม่ หรือองค์ความรู้ใหม่ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ก่อนนี้
    จึงได้จดลิขสิทธิ์ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาเอาไว้
    เมื่อถึงเวลา ข้าพเจ้าย่อมต้องมอบให้เป็นสมบัติของชาติ ต่อไป ตอนนี้ยังให้ไม่ได้ เพราะติดหลายอย่าง อีกประการที่สำคัญ เนื่องจาก องค์ความรู้ใหม่ย่อมไม่เหมือนของที่มีอยู่เดิม เคยเผยแพร่เป็นบางอย่างไปบ้าง ก็ถูกคัดค้าน จึงจำเป็นต้องหยุดหมุนกงล้อพระธรรมจักร เผยให้ชาวโลกได้เห็นว่า หากข้าพเจ้าไม่หมุนกงล้อ ชาวโลก ก็จะประสบกับภัยพิบัติจากธรรมชาติ
    หากข้าพเจ้าหมุนกงล้อธรรมจักร ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ก็จะทุเลาเบาบางลง หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวข้าพเจ้า
     
  8. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ในวิชชา 8 มี อาสวักขยวิชชา นี่เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าไม่มีในศาสนาอื่น แล้วจะมาบอกว่าวิชชา 8 เป็นอย่างที่คุณกล่าวว่า

    "วิชชา 3 วิชชา 8 เป้น วิชชา ทางศาสนาพราหมณ์ ที่ศาสนาพุทธ นำมาเขียนไว้"

    อย่างนี้ไม่เป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้าหรือครับ หลักวิธีปฏิบัติวิชชา 3 วิชชา 8 มีครับ ไม่ใช่ไม่มี ผมเองก็เคยเห็นเคยทราบมาบ้างแล้ว เอาเป็นว่า ไม่อยากต่อปากต่อคำดอกครับ เชิญคุณเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไปเถอะ ความรู้ในภาคปฏิบัติเราอย่างไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา ดีที่สุด เพราะเราปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน...
     
  9. วิจิกิจฉา

    วิจิกิจฉา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +7
    เอาสิ หมุนกงล้อที่ว่าเลยไอ่telwada อย่ามัวรีรออยู่ เอาให้มันรู้กันไปเลยว่าแน่จริง พ่อโรคจิตสวนปรุง
     
  10. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    อยากจะดัง ว่างั้นเถอะ ทำตัวดูเหมือนว่าจะเทียบเท่าพระพุทธเจ้าเสียจริงเลยนะ ไม่ดูตัวเองเสียเลย เอาดิ หมุนเลย ที่ว่ายังไม่สมบูรณ์นี่ เป็นเพราะว่า ตัวเองยังทำไม่อย่างในตำราที่ตนเขียนไว้หรือเปล่า
     
  11. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    -
     
  12. หล่อสะท้านภพ

    หล่อสะท้านภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +66
    จะเป็นวิชชา3 วิชชา8 อภิญญา6 ปฏิสัมภิทา4 หรือสุขวิปัสโกก็เป็นวิชาในทางพระพุทธศาสนาทั้งสิ้นเพราะทั้งหมดนั้นมีรวมเรื่องของการทำให้สิ้นอาสวะกิเลสทั้งสิ้นและเรื่องการทำให้สิ้นอาสวะกิเลสนั้นมีแต่ศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอน ส่วนคนที่แอบอ้างนั้นตกนรกแน่ขุมไหนไม่รู้เพราะจิตอกุศลของเขา
     
  13. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    ขอกราบอนุโมทนาบุญกับคุณสมถะและทุกท่านที่ยืนยันว่าวิชชา 3 วิชชา 8 มีอยู่ในพระพุทธศาสนาครับ

    ผมมาอ่านแล้วยังงงเลยครับ วิชชา 3 วิชชา 8 ไปจดลิขสิทธิ์ ไม่ทราบว่าคนที่ไปจดเอาความรู้ขั้นไหนไปจดครับ บรรลุธรรมถึงขั้นไหน หรือจะตั้งตนเป็นเก่งเหนือพระพุทธเจ้าไปเสียแล้ว ตัวอวิชชาความไม่รู้นี่แหละจะเปิดประตูอบายให้คุณ เพราะคุณได้กล่าวบิดเบือนคำสอนสูงสุดคือคำสอนในพระพุทธศาสนา

    ถึงผมจะเข้าไม่ถึงวิชชา 3 วิชชา 8 แต่ผมก็ยืนยันว่าผมไม่เคยได้ยินคำสอนนี้จากศาสนาอื่นเลย ตั้งแต่เกิดมาก็ได้ยินแต่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอนเรื่องนี้

    งงมากๆครับกับคนที่บอกว่าไปจดลิขสิทธิเรื่องนี้

    ผมไม่รู้จะอธิบายกันคุณอย่างไร เพราะคุณคงเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังทำไปแล้ว

    สุดท้ายนี้ขออาราธนาบารมีธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ได้โปรดแผ่พระบารมีส่งให้คุณได้มีสัมมาทิฎฐิโดยเร็ว เพราะไม่ฉะนั้น บาปอกุศลในการกล่าวตู่คำสอนพระพุทธเจ้านั้นเป็นบาปอย่างมหันต์ ถ้าคุณไม่เชื่อผมและทุกท่านที่หวังดี เมื่อคุณตายไปแล้ว คุณจะรู้เองว่าการกล่าวตู่คำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้รับผลกรรมอย่างไรครับ

    ขอให้มีสัมมาทิฎฐิเกิดขึ้นโดยเร็วเถอะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2008
  14. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    ขออภัยคุณเทวดา ที่ว่าไม่ดีไป แต่ก็ขอให้หายไวๆนะ ขอให้คิดได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...