นางแก้วแห่งแผ่นดิน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย บุญญสิกขา, 27 มีนาคม 2009.

  1. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    นางแก้วคู่บารมี
    ๒๓ พระนางยโสธาราพิมพา
    เรียบเรียง โดย อังคาร

    ในชาติอันเป็นที่สุดของพระนางพิมพา ผู้เป็นนางแก้วของพระโพธิสัตว์นั้น พระนางเกิดมาเป็นราชธิดาแสนโสภาของพระเจ้าสุปปพุทธะ กษัตริย์กรุงเทวทหะ พระราชมารดามีพระนามว่า พระนางอมิตาเทวี

    พระนางพิมพาประสูติวันเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะ จึงนับเป็น ๑ ในสหชาติทั้ง ๗ ของพระพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วย พระนางพิมพา พระอานนท์ นายฉันนะ กาฬุทายีอำมาตย์ ม้ากัณฑกะ ต้นมหาโพธิ และขุมทรัพย์ทั้งสี่ พระนางพิมพานั้นมีหลายนาม คือ พิมพา ยโสธรา ยโสธราพิมพา ภัททา กัจจานา และภัททากัจจานา เมื่อพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา พระนางพิมพาก็ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายสิทธัตถะ และทรงพระเกษมสำราญร่วมกันในปราสาท ๓ ฤดู ที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงสร้างให้ เพื่อหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชตามคำทำนายของโหราจารย์

    แต่ครั้นเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา ได้เห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช ทำให้เริ่มรู้สึกสังเวชในความทุกข์ที่สรรพสัตว์ต้องประสบ ยิ่งเมื่อเสด็จกลับมาพระราชวัง ได้เห็นเหล่านางในนอนหลับกลิ้งเกลือกดังซากศพ พระองค์ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากยิ่งขึ้น

    ขณะนั้น เป็นเวลาเดียวกันกับที่พระนางพิมพาประสูติพระโอรส นามว่า ราหุล เจ้าชายสิทธัตถะเห็นทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์ จึงได้ตัดสินใจเสด็จหนีไปออกบรรพชาเพื่อค้นหาวิธีทำลายชาติภพให้ได้ จากที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชแล้ว พระนางพิมพา ผู้ซึ่งเป็นคู่รักคู่บารมีติดตามข้ามภพข้ามชาติกันมานานแสนนาน มีจิตผูกพัน และมีความรักอันลึกซึ้งต่อพระองค์ พระนางไม่อาจหักห้ามความรักและความอาลัยที่มีต่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ จึงได้คอยติดตามถามข่าวคราวของพระสวามีของพระนางอยู่เสมอ

    แม้ความเชื่อในยุคนั้น การที่หญิงไม่มีสามีจะถือว่าไม่มีเกียรติ และหญิงนั้นสามารถมีสามีใหม่ได้ แต่พระนางพิมพาก็ไม่สนใจชายใดอีกเลย พระนางยังคงเฝ้ารอพระสวามีของพระนางเพียงพระองค์เดียว

    คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะนุ่งห่มผ้าย้อมฝาด พระนางก็เปลี่ยนชุดทรงมานุ่งห่มผ้าย้อมฝาดด้วย

    คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรทมบนพื้นไม้ พระนางก็บรรทมบนพื้นไม้ได้วย

    คราใดที่พระนางได้ยินข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงอดพระกระยาหาร พระนางก็ทรงอดพระกระยาหารด้วย ไม่ว่าจะได้ข่าวว่าพระสวามีปฏิบัติตนอย่างไร พระนางพิมพาก็ปฏิบัติตนเยี่ยงนั้น

    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกบรรพชาได้ ๖ ปี พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเสด็จไปสั่งสอนพุทธบริษัทอยู่ที่กรุงราชคฤห์ พอย่างเข้าสู่พรรษาที่ ๒ พระเจ้าสุทโธทนะก็ส่งอำมาตย์พร้อมราชบริพารไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้ากลับนครกบิลพัสดุ์ แต่บรรดาอำมาตย์ทั้งหลายกลับไปฟังธรรมและออกบวชเสียทั้งหมด พระเจ้าสุทโธทนะต้องส่งอำมาตย์ไปอีกหลายคณะ จนถึงคณะ ๑๐ พระองค์ได้ส่ง กาฬุทายีอำมาตย์ ผู้ซึ่งเป็นสหชาติ ให้ไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าพร้อมกำชับว่าอย่างไรก็ต้องอัญเชิญเสด็จพระพุทธองค์มาให้ได้<O[​IMG]

    กาลก่อนๆ นั้น บรรดาอำมาตย์ที่ออกบวชล้วนแล้วแต่ได้บรรลุอรหันต์ทั้งสิ้น จึงได้ปล่อยวางกิจทางโลก ไม่ได้ทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าตามรับสั่งของพระเจ้าสุทโธทนะ ส่วนกาฬุทายีอำมาตย์นั้นแม้จะบวชเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ลืมภาระกิจที่ได้รับมอบหมายมา จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์เรื่องที่พุทธบิดาขออาราธนาให้เสด็จนิวัติกบิลพัสดุ์นคร ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้นำพระอรหันต์ขีณาสพจำนวนมาก เสด็จไปโปรดพระประยูรญาติที่นครกบิลพัสดุ์

    พระพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จมาถึงกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมพระสาวก และออกบิณฑบาตอยู่ในพระนคร พระนางพิมพาทอดพระเนตรเห็นพระพุทธองค์เที่ยวเสด็จบิณฑบาตอยู่ จึงไปกราบทูลให้พระเจ้าสุทโทธนะทรงทราบ พระเจ้าสุทโทธนะจึงนิมนต์พระพุทธองค์ให้มารับภัตตาหารในพระราชวัง

    วันแรก พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโปรดพุทธบิดาและพระประยูรญาติทั้งหลายในกรุงกบิลพัสดุ์ที่พร้อมใจกันมาเข้าเฝ้ารับฟังธรรม ยกเว้นแต่เพียงพระนางพิมพาและเหล่านางสนมกัญญาที่เก็บตัวอยู่ในตำหนัก ด้วยความรู้สึกทั้งรักและน้อยพระทัยว่าพระพุทธองค์เสด็จกลับมาแล้วก็ควรเสด็จมาหาพระนางที่เฝ้ารอคอยอยู่ถึง ๘ ปี

    วันที่สอง เมื่อพระพุทธเจ้ารับภัตตาหารในพระราชวังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จไปโปรดพระนางพิมพาในตำหนัก เมื่อพระนางพิมพาได้พบกับพระพุทธองค์ พระนางก็เข้ามากอดพระบาทร่ำไห้รำพันอย่างน่าสงสาร แต่พระพุทธองค์ก็ทรงเทศนาให้พระนางดำรงสติไว้ได้

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติแล้ว พระนางพิมพาก็รับสั่งให้ราหุลราชโอรสตามเสด็จพระพุทธเจ้าเพื่อทูลขอราชสมบัติ พระพุทธเจ้าจึงทรงบรรพชาราหุลเป็นสามเณรและให้เสด็จติดตามพระองค์ไปด้วย นอกจากจะเสียพระสวามีไปแล้ว พระนางพิมพาจึงเสียโอรสไปอีกองค์

    พระนางพิมพายังคงอยู่ในตำหนักต่อมาอีก ๓ ปี พระเจ้าสุทโธทนะก็เสด็จสวรรคต เมื่อจัดงานพระบรมศพเสร็จ และทำพิธีให้เจ้าชายมหานามะขึ้นครองราชย์สมบัติสืบแทนเรียบร้อยแล้ว พระนางพิมพาจึงนำนางกัญญา ๑,๑๐๐ คน ออกบรรพชาในสำนักของพระมหาปชาบดีเถรี เมื่อบวชแล้วได้ชื่อว่า ภัททากัจจานาเถรี <O[​IMG]พระภัททากัจจานาเถรีได้รับกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า เมื่อเจริญวิปัสสนาได้ไม่ทันถึง ๑๕ วัน ก็บรรลุอรหัตผล

    เนื่องจากพระกัจจานาเถรีนั้นเป็นผู้บำเพ็ญบารมีมานานกว่าพระอัครสาวก และพระสาวกองค์ใดๆ จึงเป็นผู้ช่ำชองในอภิญญาทั้งหลาย ขณะที่พระอรหันต์อื่นๆ สามารถระลึกชาติได้เพียงแสนมหากัป แต่พระกัจจานาเถรีนั้นมีความคล่องแคล่วในอภิญญามาก นั่งขัดสมาธิเพียงครั้งเดียวก็สามารถระลึกชาติได้ถึงอสงไขยแสนกัป พระพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะผู้ทรงอภิญญาใหญ่ พระภัททากัจจานาเถรีเสด็จเข้าสู่นิพพานเมื่อมีพระชนมายุได้ ๗๘ ปี ทรงกระทำชาติ ชรา มรณะ และสังสารวัฏฏ์ให้สิ้นสุดลงได้ หลังจากเป็นนางแก้วติดตามเป็นคู่รักคู่บารมีพระโพธิสัตว์มานานถึง ๔ อสงไขย กับเศษแสนมหากัป

    ขอได้รับความขอบคุณข้อมูลจาก
    http://angkarn.siamtapco.com/book/book02-00.htm<O[​IMG]
    http://bannpeeploy.exteen.com/20080128/entry
    http://www.fungdham.com/book/nangkaew.html<O[​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  2. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    นางแก้วคู่บารมี
    ๒๔ บทสรุปคู่รักบารมี
    เรียบเรียง โดย อังคาร


    พระนางพิมพาและพระโพธิสัตว์นั้น ทรงเกิดมาเป็นคู่รักและเป็นคู่ครองกันมานับอเนกอนันต์ชาติ ผ่านความสุขและทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์มาด้วยกันมากมายนับชาติไม่ถ้วน มีพบมีพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา แต่เมื่อใดที่ได้เกิดมาร่วมกัน ก็ส่งเสริมกันในการสร้างสมบุญบารมีโดยไม่ย่อท้อด้วยจิตที่เสมอกัน มีความผูกพัน ไม่โกรธไม่เคือง ไม่มีแม้เพียงสายตาที่ทอดดูกันด้วยความไม่พอใจ

    ทั้งสองได้เป็นคู่ครองกันมาจนถึงชาติอันเป็นที่สุด ซึ่งพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และพระนางพิมพาได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ นับว่าทั้งสองพระองค์เป็น คู่บารมี กันอย่างแท้จริง

    เหตุชักนำให้หญิงชายมีใจรักกัน
    ...ก่อนที่หญิงชายจะมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน เป็นคู่บุญบารมีกันได้นั้น ต้องผ่านความรู้สึกและความผูกพันด้วยความรักกันมาก่อน แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าเหตุใดเล่า ..


    บางคนบางคู่ เห็นหน้ากันเพียงครั้งเดียวก็หลงรักกัน
    บางคนบางคู่ รู้จักศึกษานิสัยใจคอกันพอสมควร จึงเกิดความรัก
    บางคนบางคู่ ได้เกื้อหนุนจุนเจือกัน นานไปก็เกิดเป็นความรัก
    บางคนบางคู่ สนิทสนมกลมเกลียวเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็กแต่น้อย แล้วจึงค่อยแปรเปลี่ยน เป็นความรักเมื่อโตเป็นหนุ่มเป็นสาว
    บางคนบางคู่ ได้สมหวังในความรัก ขณะที่บางคู่กลับต้องเลิกรา
    บางคน ได้แต่หลงรักเขาข้างเดียว แต่เขาไม่เคยมีใจรักตอบ
    บางคน เขามาชอบ พยายามทอดสะพานให้เรา แต่กลับไม่สนใจ.. <O[​IMG]


    ขณะที่บางคน ทั้งชีวิตกลับเงียบเหงา ไม่เคยมีลมรักพัดผ่านมาให้ชื่นใจเลย แม้แต่เพียงครั้งเดียว ดูแล้วความรักของหญิงชายนี้ช่างวุ่นวายนัก จนน่าสงสัยว่ามีเหตุอะไรที่ทำให้หญิงชายมารักกัน หรือมีเหตุอะไรที่ทำให้หญิงชายนั้นไม่รักกันมีผู้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าเรื่องความรักของหญิงชาย ปรากฎในสาเกตชาดกที่ ๗ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ว่า <O[​IMG]

    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส"

    <O[​IMG]พระพุทธองค์จึงทรงแสดงเหตุที่ทำให้หญิงชายรู้สึกรักกันไว้ ดังนี้
    ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น"

    ในพระอรรถกถาพระไตรปิฎกขยายความว่า ความรักของหญิงชายนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุสองประการ คือ
    ๑. การได้เคยอยู่ร่วมกันมาในกาลก่อน เคยเป็นมารดาบิดา ธิดาบุตร พี่น้องชาย พี่น้องหญิง สามีภรรยา หรือเคยเป็นมิตรสหายกัน เคยอยู่ร่วมเคียงกันมา ความรักความผูกพันนั้นย่อมไม่ละ คงติดตามไปแม้ในภพอื่น
    ๒. ความเกื้อกูลช่วยเหลือกันในชาติปัจจุบัน ความรักย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการนี้

    สารพัดคู่หญิงชายที่รักกัน และมีความสัมพันธ์กัน เรียกว่าเป็นคู่กัน ลักษณะการเป็นคู่ของหญิงชายนั้นมีได้หลายแบบ คือ

    คู่รัก ได้แก่คู่หญิงชายที่มีใจรักสมัครสมาน ปฏิบัติต่อกันในฐานะคู่รัก แต่ยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน
    คู่ครอง คือ หญิงชายที่ได้ตกลงอยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากันในชาติภพปัจจุบัน
    เนื้อคู่ คือ หญิงชายที่เคยเป็นคู่ครองกันมาในอดีตชาติ แต่ในชาติภพปัจจุบันอาจเป็นหรือไม่ได้เป็นคู่ครองกันก็ได้
    คู่แท้ คือ หญิงชายที่เป็นเนื้อคู่กัน เคยอยู่ร่วมกันในอดีตมามากกว่าคนอื่นๆ หญิงชายแต่ละคนอาจมีคู่แท้ได้หลายคน และเช่นเดียวกับเนื้อคู่ คือ คู่แท้อาจจะไม่ได้เป็นคู่ครองกันในชาติปัจจุบันก็ได้ หากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มาเกิดร่วมกัน หรือทั้งสองฝ่ายมีวิบากจากถูกอกุศลกรรมมาตัดรอน
    คู่เวรคู่กรรม คือ หญิงชายที่ได้เป็นคู่ครองกันในปัจจุบัน แต่เนื่องจากเหตุที่ทำให้ต้องมาครองคู่กันนั้นเกิดจากเคยทำอกุศลกรรมร่วมกันไว้ในอดีต จึงต้องมารับวิบากกรรมร่วมกัน หรือเคยอาฆาตพยาบาทกันมาก่อนในอดีต จึงต้องมาอยู่ร่วมกันเพื่อแก้แค้นกันตามแรงพยาบาทนั้น คู่ประเภทนี้มักจะมีเหตุให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน ขัดอกขัดใจกัน อยู่ด้วยกันด้วยความทุกข์และเดือดร้อน หาความสุขไม่ได้
    คู่บารมี คือ หญิงชายที่เป็นเนื้อคู่กัน เคยอยู่เป็นคู่ครองกันมากมากกว่าคู่อื่น และมีความตั้งใจที่จะเกื้อหนุนเป็นคู่ครองกันไป จนกว่าคู่ของตนจะได้สำเร็จในธรรมที่ปรารถนา ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ดังเช่นคู่ของพระโพธิสัตว์กับพระนางพิมพา

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.549489/[/music]<!-- / message --><!-- attachments -->​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2009
  3. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    การปฏิตนเพื่อให้เป็นคู่ครองที่มีความสุข

    หญิงและชายที่รักกัน คงปรารถนาที่จะให้คนรักของตนเป็นเนื้อคู่ที่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน และคงอยากให้ความรักของตนมีแต่ความสุขตลอดไป แต่ความปรารถนาเช่นนี้ใช่ว่าจะสำเร็จสมความปรารถนาในทุกคู่รัก เพราะบางคู่อาจมีการพลัดพราก ความรักจืดจาง จากหวานกลายเป็นขม บางคู่แม้จะยังรักกัน แต่การทำมาหากินกลับฝืดเคือง ชีวิตมีแต่อุปสรรค เหล่านี้ล้วนแต่เป็นทุกข์ที่เกิดเพราะความรัก เป็นวิบากที่เกิดจากอกุศลกรรมเก่าทั้งสิ้น

    หากหญิงและชายปรารถนาที่จะมีความรักและชีวิตที่ครอบครัวที่เป็นสุข จะต้องเป็นผู้ไม่สร้างอกุศลกรรม ดังนี้
    ๑. มีความมั่นคงในคู่ครองของตน ไม่เจ้าชู้หลายใจ ไม่ทำให้คู่ของตนผิดหวังชอกช้ำใจ โดยเฉพาะต้องมีสติมั่นคงเมื่อได้มีโอกาสได้พบกับเนื้อคู่คนอื่นๆ ที่อาจผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งการได้เคยอยู่ร่วมกันในกาลก่อนอาจทำให้จิตใจหวั่นไหวได้
    ๒. ไม่เป็นเหตุให้คู่ครองเขาต้องแตกแยกด้วยความอิจฉา ริษยา
    ๓. ไม่ล่วงศีลข้อ ๓
    ๔. ไม่ปรามาสพระอรหันต์ ดังหลักฐานปรากฎในพระไตรปิฎกว่าคนที่ปรามาสพระอรหันต์หญิงมักได้รับเศษกรรมในเรื่องของคู่ครอง

    สัญญานคู่แท้
    เนื่องจากคู่แท้ คือ คนที่เป็นเนื้อคู่กันมานานแสนนาน ความรักความผูกพันข้ามภพชาติจึงมีมากเหนือคู่แบบอื่น และอาจมีอธิษฐานร่วมกันมาแล้วในอดีตชาติ จึงพอจะสังเกตได้ว่าใครเป็นคู่แท้คู่บารมี ลักษณะอาการที่แสดงเมื่อคู่บารมีมาพบกัน เช่น เมื่อแรกพบก็รู้สึกคุ้นเคย อาจจำกันได้ อาจจะไม่รู้สึกว่ารักตั้งแต่แรกพบ แต่มีรู้สึกว่าผูกพันกันมากกว่า ไม่ว่าทำสิ่งใดก็มักคล้อยตามกัน มีความคิดลงรอยกันมากกว่าปกติ แม้อยู่ห่างไกลกัน ต่างจังหวัด ต่างบ้านต่างเมือง ก็มีเหตุชักนำให้ได้มาพบกันแบบแปลกๆ ด้วยหน้าที่การงาน ด้วยเหตุบังเอิญ หรือแม้แต่มีผู้ใหญ่จัดสรรให้ได้พบกันก็มี

    หากมีกรรมพลัดพรากเป็นเหตุให้ทั้งคู่ยังไม่ได้พบกัน อีกฝ่ายจะมีความรู้สึกเหมือนรอคอยใครสักคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แม้มีหญิงชายมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ก็ไม่ได้มีจิตคิดผูกพันกับใครอย่างจริงจัง อาจมีบ้างที่มีรักมีสัมพันธ์กับใครไปก่อน แต่มักมีเหตุให้เลิกราหย่าร้างกันไปด้วยจิตใจที่รอคอยใครสักคนที่เป็นคู่แท้ของตน และหากได้พบกับคู่แท้ของตนแล้ว แต่มีวิบากจากอกุศลกรรมอันเป็นกรรมพลัดพรากมาตัดรอน เป็นเหตุให้ต้องจากกันในภายหลัง แม้จะจากกันไปนานแสนนานนับสิบๆ ปี ก็ไม่อาจลืมกันได้

    การตั้งความปรารถนาจะพบกันในชาติภพต่อไป หญิงชายแต่ละคนนั้นต่างผ่านทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์มานานแสนนาน ต่างผ่านการครองคู่มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ละคนจึงมีเนื้อคู่มากมาย เป็นแสนเป็นล้านคน บางคนเป็นคู่กันแล้วก็มีความสุข อยากพบเจอและได้อยู่เป็นคู่กันอีกในชาติภพต่อไป แต่บางคนก็เบื่อหน่ายไม่ถูกใจคู่ของตน ไม่ปรารถนาจะกลับมาพบเจอกันอีก

    เหตุที่จะทำให้คู่หญิงชายมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันในชาติภพต่อไปนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงเหตุปัจจัยไว้ในสมชีวิสูตรที่ ๑ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ดังนี้<O[​IMG]

    "ดูกร คฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพไซร้ ทั้งสองพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ <O[​IMG]ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม เจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก ทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสองเป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก"
     
  4. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ดังนั้น เมื่อหญิงชายปรารถนาจะได้พบกัน เป็นคู่ครองกันอีกในชาติภพต่อๆ ไป หญิงชายทั้งสองนั้นต้องปฏิบัติตามพุทธพจน์ และมีการตั้งจิตปรารถนา ดังนี้

    ๑. รักษาศีลให้เสมอกัน บุคคลที่มีศีลเสมอกันย่อมอยู่ร่วมกันได้ในปัจจุบัน เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็สามารถไปเสวยกรรมดีร่วมกัน แต่หากฝ่ายหนึ่งทรงศีล แต่อีกฝ่ายทุศีล ฝ่ายหนึ่งย่อมไปสู่สุคติภูมิ ส่วนอีกฝ่ายต้องไปสู่อบายภูมิ โอกาสที่จะได้กลับมาพบกันนั้นยากยิ่งนัก
    ๒. ให้ทานและยินดีในการบริจาคเสมอกันหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ทานและบริจาค แต่อีกฝ่ายไม่ชอบใจ ก็จะเกิดความขัดแย้ง ไม่ลงรอยกัน นำไปสู่ความบาดหมาง และเอาใจออกห่างกันในที่สุด
    ๓. ทำปัญญาให้เสมอกัน การทำปัญญาให้เสมอกัน มีการปฏิบัติสมาธิภาวนา จะทำให้ทั้งสองมีความเข้าใจในโลกธรรมเสมอกัน มีความเข้าใจในสุขและทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน และยอมรับกันได้
    ๔. ตั้งจิตอธิษฐาน อธิษฐานนั้นมีผล ทั้งอธิษฐานที่เป็นกุศลและอกุศล การอธิษฐานเป็นเหมือนการตั้งหางเสือเรือ ทำให้เรือมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่กำหนดไว้ ในการครองคู่ก็เช่นกัน อธิษฐานจะเป็นตัวชักนำให้หญิงชายได้กลับมาพบกัน และได้ครองคู่กันได้ในที่สุด

    ดังเช่น อธิษฐานของสุมิตตาพราหมณี ซึ่งอธิษฐานเป็นคู่บารมีให้พระโพธิสัตว์ จากนั้นมาอีกหลายชาติ ทั้งสองก็ต้องใช้เวลาปรับศีล ทาน และปัญญา ให้มาเสมอกัน และได้เป็นคู่บารมีกันสมคำอธิษฐานนั้น

    การปรารถนาเป็นคู่บารมี
    หญิงชายที่ปรารถนาเป็นเนื้อคู่กันตลอดไปนั้น สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงร่วมกันปฏิบัติตนให้มี ศีล ทาน และปัญญา ให้เสมอกัน และมีอธิษฐานร่วมกันเป็นหลักชัย แต่การเป็นคู่บารมีนั้นหมายถึงฝ่ายหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ มีความปรารถนาเอกอุในการบำเพ็ญพุทธการกธรรมเพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาสร้างสมบารมียาวนานอย่างเร็วสุดถึง ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนกัป และอย่างช้าต้องเนินนานถึง ๘๐ อสงไขยกับเศษแสนกัป ซึ่งเป็นกาลเวลาที่ยาวนานมาก

    แต่การสร้างสมบารมีของบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น ใช้เวลาประมาณ ๑ แสนกัป ก็มีบุญบารมีมากพอที่จะบรรลุธรรม และหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์นี้ไปได้ การผูกพันเป็นคู่บารมีจึงเป็นการผูกมัดตนเองไม่ให้มีโอกาสได้บรรลุธรรม แม้จะได้มีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเป็นแสนเป็นล้านองค์

    นอกจากนี้ การเป็นคู่บารมียังต้องพบกับความทุกข์ยากนานับประการ ดังเช่นที่พระนางพิมพาได้ประสบตลอดเวลายาวนานถึง ๔ อสงไขยกับเศษแสนกัปดังนั้นการจะอธิษฐานติดตามเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์สักองค์หนึ่ง จึงควรไตร่ตรองให้ดีว่าไม่ใช่อธิษฐานด้วยเหตุเพราะความรักและตัณหา แต่ต้องประกอบไปด้วยความรักและความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อพระโพธิสัตว์องค์นั้น นอกจากนี้ยังต้องมีน้ำใจสงสารและอยากช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นกองทุกข์ และมีกำลังใจเข้มแข็งเท่าเทียมกับพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเช่นกัน


    ขอนอบน้อมบูชา
    แด่สตรีทุกคนที่มีกำลังใจเสมอพระโพธิสัตว์และปรารถนาเป็นคู่บารมี
    เพื่อช่วยพระโพธิสัตว์สร้างสมพุทธการกธรรม เพื่อความบรรลุพระโพธิญาน
    ได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ข้ามทะเลทุกข์ในอนาคตกาล
    <O[​IMG]

    ขอได้รับความขอบคุณข้อมูลจาก <O[​IMG]
    http://angkarn.siamtapco.com/book/book02-00.htm<O[​IMG]
    http://bannpeeploy.exteen.com/20080128/entry
    http://www.fungdham.com/book/nangkaew.html<O[​IMG]

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  5. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ (ยาวมากเดี๋ยวเก็บไว้อ่านนะจ๊ะ ^_____^)
     
  6. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    มหาโมทนากับพระโพธิสัตว์ทุกท่านทั้งที่ปรารถนาพุทธภูมิ นางแก้ว หรือก้ำกึ่ง..
     
  7. clearlove

    clearlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +644
    ขออนุโมทนาสาธุ
    มาถูกกาลถูกสมัย ถ้ามีเวลาก่อนหน้าเข้าศึกษาและฟังจังเลย
    ดิดถึงแม่เราที่เสียไปแล้วด้วย
     
  8. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    ขออนุโมทนาในธรรมทานอันประเสริฐนี้ด้วยค่ะ ขอให้ผู้ที่ปรารถนาเป็นนางแก้วทุกท่าน ได้สำเร็จสมดังความปรารถนาทุกประการเถิด
     
  9. พศวีร์

    พศวีร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +29
    ขออนุโมทนาในความตั้งใจดีๆและมีจิตอันเป็นกุศลครับ
     
  10. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    นอบน้อม ถวายพระพร พระบารมี "แม่ของแผ่นดิน"

    [​IMG]



    นางแก้วแห่งแผ่นดิน




    “...ไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะมานั่งคิดอีกว่า ฉันจะมีชีวิตอย่างไร ถ้าฉันไม่ได้เป็นพระราชินีประเทศไทย ฉันเป็นผู้ช่วยสามีมาหลายปีแล้ว และฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะอุทิศชีวิตให้แก่งานนี้ตลอดไป ถึงแม้ว่า บางครั้งจะมีเหตุที่ทำให้ยิ้มแทบไม่ออก ก็ยังต้องฝืนยิ้มอยู่ดี เพราะประชาชนหวังจะได้เห็นจึงยิ้ม…”




    [​IMG]


    <O></O>

    พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้น้อมเกล้าฯ อัญเชิญมานี้ เป็นพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่กราบทูลปรารภว่าทรงมีพระราชกรณียกิจหนักเพียงไร ในฐานะทรงเป็น สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ซึ่งถ้าทรงเป็นเพียงนักเปียนโนคอนเสิร์ต ดังที่เคยทรงหวังไว้เมื่อยังทรงพระเยาว์ คงจะไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายอย่างที่ทรงเป็นอยู่ทุกวันนี้

    <O></O>
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนพระทัยในทุกข์สุขของพสกนิกรเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือในชนบทที่ทุรกันดารห่างไกล ทรงรับเป็นพระราชภาระในการส่งเสริมการสังคมสงเคราะห์อย่างกว้างขวาง โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้นและรับมูลนิธิการกุศลต่างๆ ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งแต่ละมูลนิธิได้อำนวยประโยชน์แก่
    ประชาชน และแบ่งเบาภาระของรัฐบาลได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการประกอบอาชีพเสริมในด้านหัตถกรรมแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นให้คงอยู่ รวมทั้งเป็นการเผยแพร่สินค้าพื้นเมืองของไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในทั่วโลกอีกด้วย

    สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินเคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรตามท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในป่า บนภูเขา ในน้ำ หรือที่ทุรกันดาร โดยมิได้คำนึงถึงความเหนื่อยยากของพระวรกายแต่ประการใด เมื่อทอดพระเนตรเห็นราษฎรที่มาเฝ้า ฯ ในทุกหนทุกแห่งที่เสด็จพระราชดำเนินไปถึง จะทรงเต็มไปด้วยความปิติโสมนัส ทรงไต่ถามถึงทุกข์สุขอย่างใกล้ชิดสนิทสนม พร้อมกับพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ที่มาเฝ้าอย่างทั่วถึง ทรงปฏิบัติกับราษฎรเหล่านี้ไม่ใช่อย่างพระราชินีแห่งแผ่นดิน อันมีพระราชอิสริยยศอันสูงส่ง แต่ทรงปฏิบัติประดุจแม่ที่มีต่อลูก ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะทรงขจัดปัดเป่าความเดือดร้อนและเจ็บไข้อย่างเต็มพระกำลัง ทรงพยายามทำทุกอย่างที่จะนำความสุขมาสู่อาณาประชาราษฎร์ พระราชจริยาวัตรของพระองค์จึงเป็นที่ประทับใจของพสกนิกรทุกคน

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากจะทรงมีพระราชภารกิจที่จะทรงปฏิบัติในฐานะสมเด็จพระบรมราชินีนาถ แห่งองค์พระประมุขของประเทศ และ พระราชมารดาแห่งแผ่นดิน ที่ทรงดูแลความทุกข์สุขของพสกนิกรทั้งประเทศแล้ว ยังทรงมีพระราชภารกิจในฐานะที่ทรงเป็น สมเด็จพระบรมราชชนนี แห่งพระราชโอรสและพระราชธิดาอีก ๔ พระองค์ อีกด้วย และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างสมบูรณ์ทุกประการ

    จากพระราชการกิจต่าง ๆ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิบัติอย่างครบถ้วนในทุกๆ ด้าน เป็นที่ซาบซึ้งกันดีโดยทั่วไป ดังนั้น จึงไม่เป็นการแปลกประหลาดแต่ประการใด ที่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจะถวายความเคารพแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วยการถวายพระราชสมัญญานามว่า “นางแก้วแห่งแผ่นดิน”




    [​IMG]




    นอบน้อมถวายพระบารมี ด้วยเกล้าด้วยกระม่อม ขอเดชะฯ

    ด้วยความนอบน้อมบูชา



    แด่สตรีทุกดวงจิตที่มีกำลังใจเสมอพระโพธิสัตว์และปรารถนาเป็นคู่บารมี

    เพื่อช่วยพระโพธิสัตว์สร้างสมพุทธการกธรรม เพื่อความบรรลุพระโพธิญาน
    ได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ข้ามทะเลทุกข์ในอนาคตกาล
    <OHTTP: img]="" tongue.gif[="" smilies="" images="" palungjit.org="">< font></O[IMG]HTTP:>[/COLOR][/FONT] [/CENTER]



    [COLOR=#00b050][SIZE=4][FONT=Arial]<O></O>[/FONT][/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=#00b050][FONT=CordiaUPC][COLOR=blue]บทความ จาก [URL="http://www.queen6cyclebirthday.in.th/san1/pre_4.htm"][COLOR=blue]http://www.queen6cyclebirthday.in.th/san1/pre_4.htm[/COLOR][/URL][/COLOR][/FONT][/COLOR]







    [CENTER][COLOR=#00b050][URL="http://palungjit.org/photo/showfull-96856-2"][IMG]http://i.kapook.com/kongpob/0110/04/paracinii/09.jpg[/URL]



    แม่แผ่นดิน
    (ประพันธ์ โดย อรทัย)








    <TABLE border=0><TBODY><TR><TD class=inpoem>อุ้มดินฟ้า เอาไว้ ได้คงมั่น
    ดุจสวรรค์ โปรดมนุษย์ สุดสรรเสริญ
    แม่แผ่นดิน ถิ่นไทย วิไลเกิน

    โลกเจริิญ ธรรมวิมุติ แม่สุดงาม



    แม่เมตตา แผ่ไพศาล สะท้านก้อง
    โลกยกย่อง กฤดาการ งานล้นหลาม

    ศิลปาชีพ อุ้มพสก ปกเขตคาม


    ปรับดินน้ำ อภินันท์ ของขวัญชน


    แม่ทรงเป็น เหนือแม่ แม่สงสาร
    ทุกถิ่นย่าน แม่เมตตา เรื่องฟ้าฝน

    ฟื้นอาชีพ สุขภาพ อาบกมล


    ทุกตำบล พินิจแน่ว แนวบรรเทา


    แม่บำรุง ปวงราษฎร์ ชาติสุขี
    พระบรมราช - เสาวณีย์ มีทุกเผ่า

    มุ่งอิ่มเอม เปรมปรีดิ์ ทุกข์หนี้เบา


    ถ้าหมองเศร้า ชาวประชา แม่อาดูร


    แม่เสริมสร้าง องค์ราชัน ถวัลย์ราชย์
    แม่ผงาด เกื้อกูลไทย ทั่วไอศูรย์

    รักษาการ แทนพระองค์ ทรงวิบูลย์


    โลกเทิดทูน "ราชินีนาถ" ของชาติไทย


    เฉลิมพระชนม - พรรษา สิงหามาส
    ร่วมครองราชย์ พูนพิพัฒน์ รัฐสดใส

    สื่อสัมพันธ์ ราชไมตรี สุดวิไล


    ชาติก้าวไกล พัฒนา สถาวร

    น้อมตรัยรัตน์ ศักดิ์สิทธิ์ มหิทธ์กล้า

    เสริมบุญญา โลกชื่นชู อนุสรณ์

    ทรงเกษม สำราญ นิรันดร
    ร่วมอวยพร ทรงพระเจริญ เพลินภิญโญ










    </TD></TR></TBODY></TABLE>​



    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]




    [​IMG]



    [​IMG]


    กราบมหาอนุโมทนา กุศลส่งที่มา บทกลอน และภาพประกอบ
    ) http://noknoi.com/magazine/article.php?t=2388
    ๒) http://play.kapook.com/photo/show-96856
    ๓) http://play.kapook.com/photo/show-77211





    <DD>สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทาน


    <DD>คำขวัญวันแม่ ประจำปี ๒๕๕๔ ดังนี้



    <DD>



    <DD>เพลงชาติไทยเตือนไทยไว้เช้าค่ำ



    <DD>ให้จดจำจารึกไว้ทุกส่วน



    <DD>จะดำรงคงไทยได้ทั้งมวล



    <DD>ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี





    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  11. วชิรปราการ

    วชิรปราการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +218
    สบายดีนะแม่บุญ ขออนุโมทนาบุญทั้งปวงกับแม่บุญด้วย

    ไม่ได้เจอกันเสียนาน คงสบายดี

    ฝากความคิดถึง และความเคารพไปถึงหลวงพ่อวีระ ท่านด้วยจ้ะ
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,331
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,033

    =======================================
    มหาราชินีอศิรพจน์
    วสันตดิลก ฉันท์ ๑๔
    สรวมชีพประชุมนบประนม <wbr> ศีรก้มและกราบกราน
    บําบวง ณ เบื้องบทสุมาลย์ <wbr> จุฬขัตติกษัตรีย์
    เอกอัคร์พระองค์บรมนาถ <wbr> สิริราชเทวี
    เกริกกิตติศักดิ์พระมหิสี <wbr> อธิพงศ์ภูธร
    อ้าเลิศก็เลิศพระวรลัก <wbr> ษณพักตรสุภาพร
    พิศโฉมพระชื่นชนนิกร <wbr> เพราะพระบารมีบุญ
    อ้าเลิศก็เลิศพระวรกิจ <wbr> ธ ประสิทธิ์ประสาทสุนทร์
    อ่อนอัศผละมุน <wbr> สุรเสาวนีย์ศรี
    อ้าเลิศก็เลิศพระวรยศ <wbr> ทิศทศธานี
    แซ่ซร้องสนั่นรสพจี <wbr> สรเสริญประเมินมา
    อ้าเลิศก็เลิศพระวรคุณ <wbr> ชนอุ่นพระเอื้ออา
    ทรทวยนิกรพระกรุณา <wbr> กลวัสสพรมพรํา
    สรวมศรีวิสิฐคุณสวัสดิ์ <wbr> พระติรรัตนานํา
    นานาพิพิธบวรธรรม <wbr> ศรผลพิพัฒน์พร
    เรืองรักษ์พิทักษ์บรมรา <wbr> ชินีนาถสุนทร
    เสพสรรพสุขพระกยอร <wbr> อมฤตวโรฬาร
    เป็นขวัญองค์พระอธิปัตย์ <wbr> จุฬรัฐนฤบาล
    เป็นมิ่งพิภพพสกศาน <wbr> ติเกษมสวัสดิ์เทอญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า สุภาทร พิชิตชโลธร ประพันธุ์


    =======================================
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,331
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,033
    อนุโมทนาสาธุและขอบพระคุณค่ะ ขอcopy คําอธิฐานด้วยนะคะ วันก่อนcopyไปและคิดถึงคุณอยู่พอดี พอวันรุ่งขึ้นก็ได้รับPMจากคุณพอดีเลย ขอน้อมรับพรและขอให้พรนั้นจงมีแด่คุณเช่นกันค่ะ(f)_Friend_
     
  14. phoenix

    phoenix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +144
    นางแก้วคือผู้ที่ร่วมสร้างและเสียสละเพื่อให้พระโพธิสัตว์สำเร็จในการสร้างบารมีทั้ง สามสิบทัศ แม้แต่พระพุทธเจ้าองค์นี้ยังตรัสว่า พิมพาเป็นผู้มีคุณแก่พระองค์ในการสร้างบารมีของพระองค์ ในครั้งที่เสด็จไปโปรดพระราชบิดาและพระนางพิมพา
    แต่สุดท้ายนางแก้วก็เป็นยอดสตรีที่โลกลืม มีการกล่าวถึงน้อยมาก แม้แต่ในเว็ปนี้ก็กล่าวถึงน้อยเช่นกัน ทำไม??? เพราะเหตุใด ???
    ขออนุโมทนาและอุทิศส่วนกุศลที่มีของข้าพเจ้าที่มีทั้งในอดีตชาติและในปัจจุบันแด่นางแก้วทุกๆพระองค์ และขอให้สำเร็จในการสร้างบารมีทุกๆชาติด้วยเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...