ถ้ำคริสตัสใหญ่ที่สุดในโลก!!!

ถ้ำคริสตัสใหญ่ที่สุดในโลก ที่เม็กซิโก




ถ้ำคริสตัลขนาดใหญ่ ชื่อว่า “ไนก้า” ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นถ้ำที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยคนงานเหมือนแร่ 2 คน เมื่อหลายสิบปีก่อน มันมีขนาดใหญ่พอที่จะนำรถทั้งคันเข้าไปจอดได้ มีความลึกของถ้ำราว 300 เมตร





ทั้งนี้ ถ้ำแห่งนี้ถูกขนานนามว่า ถ้ำแห่งดาบ เพราะ แร่ยิปซัมที่แตกตัวยาวออกมานั้นมีปลายแหลมเป็นสามเหลี่ยมเหมือนดาบ ยาวถึง 11 เมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเหตุใด มันถึงมีรูปร่างเป็นเหลี่ยมมุมแบบต่างๆ

นอกจากนี้ ถ้ำนี้มีอุณหภูมิภายใน ถึง 60 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของผลึกคริสตัลเหล่านี้ เจ้าของภาพถ่ายนามว่าจาเวียร์ ทรูบา ชาวสเปน กล่าวว่า คนทั่วไปจะไม่สามารถทนอยู่ในถ้ำนี้ได้มากกว่า 10 นาที





อย่างไรก็ตาม เพราะความสวยงามและอัศจจรย์ของถ้ำแห่งนี้ นักวิทยาศาสตร์พยายามผลักดัน ถ้ำแห่งนี้ให้เป็นมรดกโลก และอยากให้ชาวเม็กซิโกใส่ใจดูแลถ้ำแห่งนี้มากกว่านี้







ที่มา:mthai

 

โอยๆๆๆ สุดยอดๆครับ อยากได้เอาไปทำศิวลึงใหญ่ซักอันนึงจัง

 

ยังกะเรื่อง supermanเลย

 

ผมกะจะว่าละมาไม่ทัน ฮี่ ๆ

 

โวๆๆๆๆ มีแบบนี้ด้วย นึกว่ามีแต่ในหนัง

 

อุณภูมิที่เหมาะสม บวกกับวันเวลาสักล้านปี คริสตัส เหล่านี้ก็จะกลายเป็นเพชร!!

 

ซุปเปอร์แมนอยู่ในนี้ป่าวครับ

 

สุดยอดไปเลยครับผม เจ๋งมาก

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Siani_3D<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4919559", true); </SCRIPT>
สมาชิก

อุณภูมิที่เหมาะสม บวกกับวันเวลาสักล้านปี คริสตัส เหล่านี้ก็จะกลายเป็นเพชร!!<!-- google_ad_section_end -->





การกำเนิดเพชร

กำเนิดเพชร (Diamond Genesis) เพชรเป็นสสารที่แข็งที่สุด ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนบริสุทธิ์ สูตรเคมี C โครงสร้างผลึกอยู่ในระบบสีเหลี่ยมลูกบาศก์ (Isometric system)เช่น เดียวกับกราไฟต์(Graphite)ที่นำมาทำใส้ดินสอ แต่ด้วยระยะเวลาหลายพันปี ภายใต้ความดันใต้พื้นโลกในระดับความลึกถึง 150-250 กิโลเมตรซึ่งเป็นชั้นแมนเทิลส่วนบนของโลก (Upper Mantle)ความดันสูงถึง 70,000 กิโลกรัม/ตาราง และความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1,700-2,500 องศาเซลเซียสทำให้ธาตุคาร์บอนดังกล่าวมาเรียงตัวกันอย่างหนาแน่นเป็นรูปผลึก ที่มีความแข็งและเป็นประกายแตกต่างจากสารคาร์บอนต้นกำเนิด จากนั้นผลึกเพชรจะถูกฝังตัวในหินแม่เพริโดไทต์(Peridotite)และเอโคลไจ ต์(Eclogite)แล้วแมกมาบางส่วนจะดันหินดังกล่าวเข้าไปในรอยแตกของหินเปลือก โลกด้านบน ผนึกเพชรที่ฝังตัวอยู่ในหินทั้ง 2 ชนิด จะเย็นตัวลงในหินภูเขาไฟชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่าหินคิมเบอร์ไลต์ (Kimberlite)หรือชั้นหินสีน้ำเงิน(Blue Ground) แล้วถูกแมกมาอีกส่วนดันออกมาสู่พื้นผิวโลกโดยการระเบิดของภูเขาไฟ เมื่อผนึก เพชรถูกพ่นออกมากับแมกมา(Magma)จากปล่องภูเขาไฟจะเย็นตัวลงในหินภูเขาไฟ และจะถูกกัดกร่อนทีละน้อยด้วยความร้อน แรงลมและฝนเป็นเวลานานหลายศตวรรษ ซึ่งจะทำให้เพชรหลุดออกจากหินคิมเบอร์ไลต์ (Kimberlite) แล้วถูกกระแสน้ำชะล้างทำความสะอาดและพัดพาไปตกตะกอนที่ก้นแม่น้ำและอาจถูก พัดพาไปเรื่อยจนถึงบริเวณชายหาดมหาสมุทร

ผลึกเพชรที่ฝังตัวอยู่ในหินคิมเบอร์ไลต์จะถูกแมกมาดันออกจากการระเบิดของภูเขาไฟ

ผลึกเพชรทรงแปดหน้าในหินคิมเบอร์ไลต์​

การกำเนิดและแหล่งที่พบเพชร(Occurrence and Distribution)
ประเทศ อินเดียเป็นแหล่งเพชรดั้งเดิมของโลก เพชรเกือบทุกขนาดและที่มีมูลค่าสามารถขุดพบได้ทางด้านทิศตะวันออกของที่ราบ สูงแดกกัน(Deccan)ซึ่งอยู่ในรัฐกอลคอนดา (Golconda) ประเทศอินเดีย ต่อมาได้มีการขุดพบเพชรที่รัฐกาลิมันตัน(Kalimantan) บนเกาะบอร์เนียว(Borneo) ดังนั้นจึงมีการทำเหมืองที่แหล่งทั้งสองมาเป็นเวลาถึง 2,000 ปี จนถึงปี 1725 จึงได้มีการค้นพบแหล่งแร่เพชรแหล่งใหม่ที่รัฐัสเชไรส์(Minas Gerais) บาเยีย(Bakia) และมาตู โกรสซู(Mato Grosso)ในประเทศบราซิล ซึ่งได้ช่วยเติมเต็มอุปสงค์ในตลาดเพชร เพราะเพชรในประเทศอินเดียเริ่มขาดแคลน นอกจากประเทศอินเดียแล้วยังมีการค้นพบแหล่งเพชรที่สำคัญคือที่ทวีปแอฟริกา โดยหินต้นกำเนิดเพชรได้ถูกค้นพบเ ป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อ คศ.1870 ภายหลังจากที่ได้มีการพบเพชรที่แม่น้ำออเร้นจ์ (Orange) และแม่น้ำวาล (Vaal) ก็ได้เกิดเหมืองเพชรขึ้นอีกมากมายในเมืองคิมเบอร์ลีย์และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิเช่น เหมืองเวสเซลตัน (Wesselton Mine) เหมืองพรีเมียร์(Prememier Mine) ) ซึ่งเหมืองพรีเมียร์นี้เองที่ได้มีการขุดพบเพชรคัลลินาน(Cullinan) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก(3,106 กะรัต)

 

ฮิๆๆ ขอบคุณครับ...

 

ชาวสเปน กล่าวว่า คนทั่วไปจะไม่สามารถทนอยู่ในถ้ำนี้ได้มากกว่า 10 นาที

...แต่ดูเหมือนบางคนจะนั่งอยู่ที่นั่นตั้งนานแล้วนะ?...กาแฟหน่อยมั๊ย???

 

โอโห้ อลังมากมาก น่าไปเห็นของจริง

 

สวยมากๆ