ซัดดัมเป็นพระโพธิสัตว์ ?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 21 ธันวาคม 2010.

  1. เฉยฉิบ

    เฉยฉิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +251
    โพสต์ให้ขนาดนี้แล้วมันยังไม่เข้าใจอีกก็ไม่รู้จะทำงัยแล้วอย่างนี้คงอีกนานแน่ๆ พระ อนาคตวงศ์ ๑๐ มหาบุรุษซึ่งจะสำเร็จพระโพธิญาณในกาลข้างหน้า องค์สมเด็จพระมหามุนีธิคุณเจ้าแห่งเราทั้งหลายตรัสพระสัทธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า
    นานไปเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์นั้น จะได้ตรัสรู้แด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณเป็นลำดับกันฯ คือ

    - องค์พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้าเป็นปฐมที่ ๑
    - ถัดนั้นจึง พระรามโพธิสัตว์จะได้ตรัสที่ ๒
    - ถัดนั้นจึง พระเจ้าปเสนธิโกศลจะได้ตรัสเป็นพระธรรมราชาที่ ๓
    - ถัดนั้น พระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระธรรมสามีที่ ๔
    - ถัดนั้น อสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระนารทะที่ ๕
    - ถัดนั้น โสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระรังสีมุนีที่ ๖
    - ถัดนั้น สุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระเทวเทพที่ ๗
    - ถัดนั้น โตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระนรสีหะที่ ๘
    - ถัดนั้น ช้างธนบาลหัตถีนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระติสสะที่ ๙
    - ถัดนั้น ช้างปาลิไลยหัตถี จะได้ตรัสเป็นพระสุมงคลที่ ๑๐


    พระองค์ได้ตรัสเป็นลำดับกันโดยนิยมดังนี้
    อันว่าไม้พระศรีมหาโพธิอปราชิตบัลลังค์ที่นั่งทรงพิจารณาพระปฏิจจสมุปบาทธรรม แล้วตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้านั้น

    - พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า คือไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๑
    - พระรามเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัส ๒
    - พระธรรมราชาเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๓
    - พระธรรมสามีเจ้า คือ ไม้รังใหญ่เป็นที่ตรัส ๔
    - พระนารทะเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัส ๕
    - พระรังสีมุนีเจ้า คือ ไม้ดีปลีใหญ่เป็นที่ตรัส ๖ (บางคัมภีร์ว่าเป็นไม้เลียบ)
    - พระเทวเทพเจ้า คือ ไม้จำปาเป็นที่ตรัส ๗
    - พระนรสีหะเจ้า คือ ไม้แคฝอยเป็นที่ตรัส ๘
    - พระติสสะเจ้า คือ ไม้ไทรเป็นที่ตรัส ๙
    - พระสุมงคลเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๑๐
    อันว่าไม้พระมหาโพธิ ๑๐ ต้นนี้ เป็นที่ได้ตรัสรู้พระสัพพัญญูแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ อันจะบังเกิดในอนาคตกาลเบื้องหน้าฯ
    น้า
     
  2. Tatisaetae

    Tatisaetae สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +11
    หากเราปล่อยให้ ความโกรธ อารมณ์ อยู่เหนือเหตุผล ที่จะคิดวิเคราะห์ ก็มิอาจหาความจิงได้
    ท่านผู้มีปัญญา ไม่ใช้ อารมณ์ ความโกรธ ในการให้ความคิดเห็น
     
  3. salieaf

    salieaf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +38
    เห็นด้วยครับ บาง คน คน ก็คือ คน ครับ ทำดีสรรญเสริญว่ามนุษย์ ถ้าทำดีไม่ได้ก็คนๆ กันไป คนให้มันเละ
     
  4. moonsky

    moonsky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +38
    ประตูนรกจะปิดเมื่อเข้าสู่กระแสพระอริยครับ
     
  5. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    อ่านที่ผ่านมาแล้วก็ งง ครับ พระผู้ปราถนาโพธิ์สัตว์ ไม่สามารถเปิดประตูนิพพานได้เลยเหรอครับ แต่ผมเคยรู้มาว่า พระผู้ปราถนาโพธิ์สัตว์นั้น ลาพุทธภูมิ ไปหลายท่านแล้วนะครับ เคยได้ยินหลวงพ่อเล่าว่า บารมีของพระโพธิ์สัตว์นั้น มีมากมายมหาศาล ผมจะก็อปเรื่องเล่าจากหลวงพ่อฤาษีมาให้แบบ เต็มๆ จะได้เลิกเถียงกันครับ

    พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์
    (โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน-ฤาษีลิงดำ)

    (ยก มาจาก หนังสือ "พ่อสอนลูก") ปรารถนาพุทธภูมินี่เหนื่อย ฉันเคยเป็นพุทธภูมิมาก่อน ฉันรู้ว่าพุทธภูมิสู้ทุกอย่าง งานทุกอย่าง ถ้าลาพุทธภูมิปั๊บอารมณ์ตัด ถ้าตัดก็ไม่ได้ทิ้งงานนะ แต่อารมณ์ต่างกันแต่เสริมขึ้น อารมณ์มุ่งเข้าตัดกิเลสตรง เพราะพุทธภูมิไม่ตัดกิเลส พุทธภูมิทรงฌานมากกว่า หนักไปในเรื่องฌาน พอใช้วิปัสสนาญาณมากเข้าอารมณ์มันเบาลง มันต่างกัน
    พระโพธิสัตว์นี่ พระอรหันต์ไม่ยอมนั่งหน้านะถ้ารู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ถ้าอารมณ์เข้มปั๊บพระอรหันต์ไม่นั่งหน้า แม้พวกนั้นบวชหนึ่งวัน พระอรหันต์บวช ๑๐๐ วัน เขาไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์ เขารู้ค่า คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องปฏิบัติเลยอรหันต์
    พระสาวกปกติบำเพ็ญบารมี ๑ อสงไขยกับแสนกัปเท่านั้น
    พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขยสองอสงไขยมาแล้วต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครู จะต้องเข้มแข็ง ถ้าไปโดนศรัทธาธิกะ ต้องหวด ๘ อสงไขย ถ้าวิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขย

    ฉัน นี่วิริยาธิกะ ทำงานทุกอย่าง สบายไม่มี สาวกภูมิก็พุ่งจริตอย่างเดียว แต่สาวกภูมิสำหรับพวกฉันนี่ เป็นวิริยาธิกะหมด พวกตามเป็นวิริยาธิกะ เฉพาะลูก ๘๐,๐๐๐ กว่าแล้ว พวกไม่คิด เป็นกองทัพใหญ่เลย ถ้ายกมารวมกันนี่หลายแสน กองทัพนะ ลูกฉันน่ะมีบ้าทุกคน ตีฉิบหายหมด บ้าเหมือนพ่อมัน

    เมื่อกี้นั่งคุยกับแม่ศรี อยู่พักหนึ่ง เขาทำภาพเก่าๆคือว่า คนนี้เขาต้องดึงภาพเก่ามาให้เห็นนะเพื่อเป็นการสั่งสอนแนะนำคน โยมท่านพูด บอก "เออ...ลูกคุณ ลูกกับพ่อก็เหมือนกัน แม่พ่อก็แบบเดียวกัน ลูกก็แบบพ่อกับแม่" เราก็ไม่รู้ว่าท่านพูดว่ายังไง แม่ศรีก็ทำตาม บอก "ดูซิ ลูกผู้หญิง ลูกผู้ชายมันบ้าเหมือนพ่อ มันบ้าเหมือนแม่หมด" พ่อแม่มันชอบรบใช่ไหม พ่อแม่คว้าดาบเข้าไป ลูกจะคว้าอีโต้ได้ไง ก็ไปตามเข้าป่าไป ก็รบกันแหลกมานาน พวกนี้จึงต้องใช้พวกวิริยาธิกะ นี่ต้องผ่านหนักทุกอย่างหมด ไม่มีอะไรเบา งานทุกอย่างเต็มไปด้วยความลำบาก

    พวก เราที่นั่งๆอยู่ที่นี่ทั้งหมด ท่านถึงพูดได้ว่าไปหมด เพราะกำลังเลย กำลังนี่เลยแล้ว แต่ว่าจุดใดจุดหนึ่งที่จะเข้าถึงมันยังขาดอยู่นิดเดียวเพราะอารมณ์ไม่ถึง ทุกอย่างมันเลยหมด มันเต็มหมด อย่างพวกเรานี่ขาดอันเดียว คือ ขาดอารมณ์ตัดสิน ทำไมจึงขาดอารมณ์ตัดสิน ขาดเพราะว่าอารมณ์เวลานั้นมันยังไม่ถึง เพราะที่ผ่านมานี่ การรบก็ดี การบริหารก็ดี มันมีกรรมบังอยู่หนุนอยู่ พอถึงจุดนั้นปั๊บตัด ๒ เดือนมันหลุดเลย ง่ายนิดเดียว ฉันรู้แล้วว่ามันง่าย

    พระโพธิสัตว์ จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่เต็มอัตรา เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต ปรารถนาพุทธภูมิ ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ มีคติแน่นอน ถ้าเป็นปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขยกับแสนกัป ศรัทธาธิกะ ๘ อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป สบายมาก อยากเป็นไหม

    เป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว รีบไปดีกว่า แต่อย่าไปขัดคอกันนะ ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
    ผู้ ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด หมายความว่า ถ้าบารมียังต่ำขั้นฌานโลกีย์ ยังคุมไม่ถึงฌานขั้นต้น ฌานก็ไม่มั่นคง ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมี ก็ปลอดบ้างไม่ปลอดบ้าง ถ้าเป็นปรมัตถบารมีนี่ปลอดหมด กว่าจะเลื้อยแต่ละบารมีนี่ โอ้โฮ ฉันลองดูแล้ว

    สำหรับท่านที่บำเพ็ญ ตนปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง มิฉะนั้นการก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เราต้องการซื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา เขาทำกำลังใจกันแบบนี้

    หมาย ความว่า เราจะทุกข์แค่ไหนนั้นมันเป็นเรื่องของเรา ไม่มีความสำคัญ จิตใจของเรานั้น เราคิดว่าเราจะพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าเราช่วยเหลือความสุขแก่บรรดาประชาชนที่มีความทุกข์ ถ้าเราเปลื้องทุกข์เขาได้ เราก็เป็นคนหมดทุกข์ เราสร้างให้เขาเป็นคนมีความสุขได้เราก็เป็นคนมีความสุข จิตใจของพระโพธิสัตว์มีอารมณ์อย่างนี้ แต่ทว่าให้เป็นไปตามบารมี

    บารมี ของพระโพธิสัตว์นั้น แม้จะเป็นการเริ่มต้นแห่งการปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาปรานี ก็จะมีบริษัทมาก จะมีบริวารมาก เป็นการฝึกกำลังใจของนักปฏิบัติเพื่อจะได้ซ้อมกำลังใจของเราว่ามีความหนัก แน่นเพียงใด

    นักปรารถนาพุทธภูมิจะต้องมีทั้งขันติและโสรัจจะ ขันติ อดทนต่อความยากลำบากทุกประการ เพื่อความสุขของปวงชน โสรัจจะ แม้จะกระทบกระทั่งทำให้ใจตนไม่สบายเพียงใดก็ตาม ก็ทำหน้าแช่มชื้นไว้เสมอ นี่ก้าวแรกสำหรับพุทธภูมิ และกำลังใจอีกส่วนหนึ่งที่จะเว้นไม่ได้นั่นคือ พระนิพพาน จงอย่าคิดว่าถ้าจิตเราเกาะพระนิพพานแล้วความเป็นพุทธภูมิจะหายไป ถ้ามีอารมณ์อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นผู้มีกำลังใจต่ำ ก้าวไม่ถึงก้าวสำคัญของพุทธภูมิ

    พุทธภูมิจะต้องมีความรู้สึกอยู่เสมอ ว่าเราเป็นผู้ที่ต้องการพระนิพพาน อารมณ์ใดที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงแนะนำในด้านวิปัสสนาญาณ ต้องเกาะให้ติด และมีกำลังจิตใช้ปัญญาพิจารณาไว้เสมอ เพื่อความสุขของจิต เพื่อปัญญาเลิศแล้ว ก็มีจิตตั้งไว้เสมอว่า ถ้าหากจิตของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อไหร่ เมื่อนั้นบารมีของเรานั้นไซร้ จะเข้าเต็มเปี่ยมในขั้น พุทธวิสัย ชื่อว่า การที่เราจะเข้าพระนิพพานคนเดียว เราไม่เข้าใจ มองไว้เข้าใจว่า บุคคลใดที่มีความทุกข์ในโลกที่ยังมีความฉลาดไม่พอ บุคคลนั้นเราเองจะเป็นผู้อุ้มเขาไปสู่แดนเอกันตบรมสุขคือพระนิพพาน

    อันนี้ เป็นกำลังใจของท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณ

    พุทธ ภูมิมีจุดดึงมาก เพราะเกี่ยวกับครู มีหน้าที่ในการเป็นครู การที่จะเป็นครูเขานี่ จะต้องลำบาก ทุกอย่างจะต้องผ่านหมด พวกพุทธภูมินี่ถ้าไม่จบกรรมฐาน ๔๐ กอง ยังไม่ไปหรอก ต้องล่อกันมาเป็นแสนชาติเลย ไม่ใช่ชาติเดียวนะ ไม่ใช่ชาติสุดท้ายก็ได้ ๔๐ ไม่ใช่ ต้องว่ากันมาเป็นแสนชาติ สังเกตดูพระพุทธเจ้า ท่านได้อภิญญามาตลอด ท่านเหาะตลอด

    เมื่อสัก ๒ - ๓ เดือนที่ผ่านมา ฉันป่วยหนัก งานของฉันก็หนักขึ้นมา จะเร่งให้มันเสร็จ ค่าใช้จ่ายสูงมาก วันนั้นก็วิตกว่า ถ้าอาการอย่างนี้ก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แต่ว่างานจะคั่งค้างหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับเรา เราอยู่เราทำ ตายก็ตายไป หมดเรื่องหมดราว ก็ปรากฏว่าวันนั้นพระท่านมา ท่านเรียกประชุมพระโพธิสัตว์ทั้งหมด แล้วท่านก็บอกว่า พระโพธิสัตว์ทุกองค์ก็ขอให้ช่วย ก็เป็นอันว่าพระศรีอาริย์ท่านร่วมด้วย

    พระ โพธิสัตว์มีเยอะนะ พระโพธิสัตว์จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่ยังติดแอ้เต็มอัตราอยู่เยอะแยะ เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิด นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต วันที่ท่านเรียกประชุม พระโพธิสัตว์ไม่น้อยเลยนะ ขนาดเต็มที่แล้วนี่สวยจริงๆ แพรวพราวเป็นระยับ ทั้งเต็มและไม่เต็มท่านเรียกมาหมด ท่านบอก "ให้ช่วยกันนะ งานของฉันเอง" ทุกองค์ก็เลยรับ (ถ้าลูกหลานระลึกถึงและขอให้ท่านสงเคราะห์) ก็ทำได้เลย
     
  6. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    พระพุทธเจ้า คือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพุทธศาสนา แบ่งพระพุทธเจ้าออกเป็น 3 ประเภท

    1.ปัญญาพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย
    หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์
    ได้รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรก เหลืออีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย
    และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

    2. ศรัทธาพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ
    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขย รวมเป็น 32
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

    3. วิริยะพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ
    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากับล์
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขย รวมเป็น 64
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

    ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า พระศรีศากยมนีโคดมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทาง ปัญญาพุทธเจ้า

    พระโพธิสัตว์ คือบุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น 2 ประเภท

    1.พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า อนิยตะโพธิสัตว์
    ความหมายคือยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้

    2.พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า นิยตะโพธิสัตว์
    ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นนอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว
    แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยียมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้
    แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย
    ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์

    จากบทความข้างบน ผู้อ่านคงได้อ่านคำว่า อสงไขย และ กัป มาแล้ว ผู้เขียนจะอธิบายสั้นๆ ให้ทราบดังนี้

    กัป เป็นหน่วยวัดเวลา ในเชิงประมาณ คือ เมื่อโลกมนุษย์ปราฏกขึ้นหรือบังเกิดขึ้น จนพังสูญหายไป 1 ครั้งเรียกว่า 1 กัป

    อสงไขย เป็นหน่วยวัดเวลา ที่มากกว่ากัป คือจำนวณกัป ที่นับไม่ถ้วน เท่ากับ 1 อสงไขย

    ตามที่เคยคำนวณมา 1 อสงไขย เท่ากับ จำนวน กัป ที่เอาเลข 1 ตามด้วย เลข 0 ถึง 140 ตัว

    ต่อไปคำว่า สูญกัป หมายถึงกัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น

    สำหรับ พระโพธิสัตว์ ที่ยังเป็น อนิยตะโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต่อพระพักตร์พุทธเจ้า ต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์ จึงได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นองค์พระพุทธเจ้า ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น ก็กลายเป็น นิยตะโพธิสัตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้

    ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ

    1. ได้เกิดเป็นมนุษย์
    2. เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
    3. มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน(ถ้าเกิดเปลียนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
    4. ต้องพบพระพุทธเจ้าขณะมีพระชนชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อพระพักตร์
    5. ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤาษี ดาบส หรือปริพาชก ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสผู้ครองเรือน

    6. ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
    7. เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
    8. ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง

    กล่าวถึงพุทธภูมิธรรมของนิยตะโพธิสัตว์ ในการเพิ่มพูนบารมีให้มากยิ่งขึ้น มีน้ำใจประกอบไปด้วย พุทธภูมิธรรม 4 ประการ คือ
    1. อุสสาโห คือประกอบไปด้วยพระอุตสาหะ มีความเพียรอันสลักติดแน่นในจิตใจอย่างมั่นคง
    2. อุมัตโต คือประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาเชียวชาญเฉียบคม
    3. อวัตถานัง คือมีพระทัยอธิษฐานอันมั่นคง มิได้หวั่นไหวคลอนแคลน
    4. หิตจริยา คือประกอบไปด้วยพระเมตตา เจรีญจิตอยู่ด้วยพรหมวิหารเป็นปกติ

    อัธยาศัย ที่ทำให้พระโพธิญานของนิยตะโพธิสัตว์แก่กล้ายิ่งขึ้น มี 6 ประการ
    1. เนกขัม พอใจในการรักษาศีล การบวช หรือบรรพชา
    2. วิเวก พอใจอยู่ในที่สงบ
    3. อโลภ พอใจในการบริจาคทาน
    4. อโทส พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตา
    5. อโมห พอใจในการพิจารณาคุณและโทษ เจริญปัญญา
    6. นิพพาน พอใจที่ยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด ประสงค์นิพพานเป็นอย่างยิ่ง
    ?
    บารมี 30 ทัส กล่าวถึงบารมี 10 ทัสก่อน มี ดังนี้

    1. ทานบารมี คือการให้ทาน ทำบุญ บริจาคทรัพย์ หรือสิ่งของ หรือบริจาค สัตว์ 2 เท้า หรือ 4 เท้า หรือไม่มีเท้า

    2. ศีลบารมี คือาการรักษาศีล 5 ศีล 8 หรือศีล 227 ข้อ

    3. เนกขัมบารมี คือการออกบวช เป็นพระ หรือเป็นฤาษี เป็นโยคี เป็นพราหมณ์ คือเป็นผู้ไม่ครองเรื่อน ถือศีล 8 ขึ้นไป

    4. ปัญญาบารมี คือสร้างเสริมความรู้ ความสามารถ และปัญญาทางธรรมมะให้เพิ่มขึ้น

    5. วิริยะบารมี คือมีความขยันหมั่นเพียร กระทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ ทั้งในทางธรรมะจนกระทั้งสำเร็จ

    6. ขันติบารมี คือมีความอดทนต่ออารมณ์อันไม่พอใจ ต่องานการ ต่อการปฏิบัติธรรม และต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่อำนวย

    7. สัจจะบารมี คือการพูดความจริง ที่ประกอบไปด้วยความดี ตามกาล และทำตามที่กล่าวไว้

    8. อธิษฐานบารมี คือตังจิตอธิษฐาน เมื่อสร้างบุญกุศล ในสิ่งที่ปารถนาที่เป็นคุณงามความดี

    9. เมตตาบารมี คือมีใจเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลายเสมอเหมือนกัน

    10. อุเบกขาบารมี คือมีใจเป็นอุเบกขา ต่อความสุข ความทุกข์ ที่เกิดขึ้น

    บารมี ทั้ง 10 สามารถแตกเป็น 3 ระดับ คือ

    1. บารมี ธรรมดาทั่วไป
    2. อุปบารมี บารมีอย่างกลางแลกด้วย ปัจจัยภายนอกจนหมดสิ้น
    3. ปรมัตถบารมี บารมีอย่างยิ่งแลกด้วยชีวิต

    เมื่อแบ่งเป็น 3 ระดับ ก็จะกลายเป็นบารมี 30 ทัส

    อานิสงส์ บารมี 30 ทัส ของพระนิยตะโพธิสัตว์

    พระนิยตะโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก จะมีอานิสงส์ 18 อย่าง ตลอดจนได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ได้แก่
    1. เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เกิดเป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
    2. ไม่เป็นหูหนวกแต่กำเนิด
    3. ไม่เป็นคนบ้า
    4. ไม่เป็นคนใบ้
    5. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
    6. ไม่เกิดในมิลักขประเทศคือประเทศป่าเถื่อน
    7. ไม่เกิดในท้องนางทาสี (แต่เกิดในฐานะคนจันทาลได้ ดัง พระโพธิสัตว์ มาตังคะฤาษี ท่านเป็นบุตรคนจันทาล แต่ไม่ได้เป็นนางทาสี)
    8. ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
    9. ไม่เป็นสตรีเพศ
    10. ไม่ทำอนันตริยกรรม
    11. ไม่เป็นโรคเรื้อน
    12 เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน มีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และ ไม่ใหญ่ไปกว่าช้าง
    13. ไม่เกิดใน ขุปปิปาสิกเปรต นิชฌานตัณหิกเปรต และกาลกัญจิกาสุรกาย
    14. ไม่เกิดในอเวจีนรก และโลกันตนรก
    15. ไม่เกิดเป็นเทวดาใน กามาพจรสวรรค์ ไม่เกิดเป็นเทวดาที่นับเข้าในเทวดาพวกหมู่มาร
    16. เมื่อเกิดเป็นรูปพรหม จะไม่เกิดใน ปัญจสุทธวาสพรหมโลก(พรหมชั้นอนาคามี) และอสัญญสัตตาภูมิพรหม( มีแต่รูปอย่างเดียว)
    17. ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
    18. ไม่เกิดในจักรวาลอื่น

    อานิสงส์พิเศษอีกอย่างหนึ่งของนิยตโพธิสัตว์ คือ การทำอธิมุตตกาลกริยา คือเมื่อท่านเกิดเป็นเทวดาหรือพระพรหม เกิดความเบื่อหน่าย ในการเสวายสุขนั้น ปรารถนาที่จะสร้างบารมีในโลกมนุษย์ ท่านก็สามารถทำการอธิมุตต คืออธิษฐานให้จุติ(ตายจากการเป็นเทพ)มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ทันที ได้โดยง่าย ซึ่งเหล่าเทพเทวดาอื่นๆ ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2011
  7. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    คนที่เข้าใจว่า พระโพธิสัตว์นั้น ไม่ได้เข้าสู่ กระแสพระนิพพานขั้นต้นคือพระโสดาบัน แล้วคิดว่าพระโพธิ์สัตว์นั้นๆมีสิทธิ์จะลงนรก คนที่พูดแบบนั้นขอให้มองตัวเองนะครับ ว่าคุณเป็นโสดาบันมาก่อนหรือเปล่า แล้วคุณอยู่ในนรกหรือเปล่าตอนนี้ ส่วนผู้ที่เป็นพระนิตยโพธิ์สัตว์ ระดับนี้แล้ว ท่านย่อมรู้ที่มาที่ไปของตนเอง ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ คิดเอาครับว่า บุคคลระดับพระเจ้าแผ่นดิน ไปเยือนบ้านคุณ คุณจะให้ท่านนั่งต่ำกว่าคุณ หรือสูงกว่าคุณ

    แต่ถ้าเป็นโพธิ์สัตว์แบบคิดเอาเองเนี่ย ผมว่านั้นแหละมีสิทธิ์ไปนรกแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2011
  8. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ขอบคุณท่าน kitjang สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดครับ

    อนุโมทนาด้วยครับ ^___^
     
  9. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ในความเป็นจริงแล้วพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งหลาย รวมถึงพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย คงไม่มีใครอยากให้คนตกนรกหรอกนะครับ มันตรงกันข้ามกับเจตนาแห่งการบำเพ็ญเพียรบารมีของเขาเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อช่วยสงเคราะห์ตามความรู้ความสามารถของตนก็เท่านั้นเอง เรื่องที่เถียงกันนี้เป็นอจินไตยหรือเปล่าครับ
     
  10. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    ซัดดัมนี้ อาจจะถูกกล่าวหาว่าเลว แต่อเมริกาก็ไม่ใช่ดี มีหลายเรื่องที่เราไม่ได้รู้ตื้น ลึก หนา บาง อาจจะเสพข่าวแค่จากของอเมริกา จะบอกว่าอเมริกาเรานี่แหละตัวดีเลย โจมตีชาวบ้านด้วยสงครามเศรษฐกิจ รองเท้าคู่นึงของอเมริกา แลกข้าวไทยได้เป็นกระสอบ อย่างน้อยในประเทศ ก็ยังมีคนที่รักซัดดัม แล้วยอมพลีชีพเพื่อเค้า ในการที่เค้าจะกบฏเราต้องดูด้วยว่าเพื่อจุดมุ่งหมายใด โดนใครจะมายึดครองอำนาจหรือรุกรานหรือป่าว บางทีสิ่งที่เค้าทำอาจจะทำเพื่อเสียสละแก่คนในประเทศเค้า คนที่กลัวสงครามจากอเมริกาก็ต้องไปเข้าข้างอเมริกา โอ๊ยเยอะแยะ เราไม่ใช่รัสเซีย เราเสพข้าวของอเมริกา อเมริกามีเงินซื้อแม้กระทั่งคนรัสเซีย ใครต่อต้านอเมริกาได้ที่ไหน
     
  11. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501

    ชอบครับ โดนใจ เราไม่ใช่อิรัก มีแต่อิรักที่รู้ มีอิรักเจ้าของที่ จะขายน้ำมันให้อเมริกาก็มี เพราะเงิน แต่ถ้าทำเช่นนั้น ทรัพยากรณ์ในประเทศจะตกเป็นของประเทศอื่น ใครเล่าจะยอม
     
  12. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    พระโพธิสัตว์อาจจะสำเร็จได้แล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ เพราะท่านรู้ว่าท่านปราถนาอะไร อารมณ์ของท่านเป็นอารมณ์พระโพธิสัตว์ไม่ใช่อารมณ์พระอรหันต์ พระนิตยโพธิสัตว์คือผู้ที่ถูกทำนายไว้แล้วใช่หรือไม่ เป็นไปได้ไหมที่พระนิตยโพธิสัตว์มีหลายระดับ อยู่ในการเดินทาง ผู้ที่เดินทางมานานแล้วจ่อประตูแล้วอาจจะไม่ต้องไปนรกแล้ว แต่ผู้ที่กำลังเดินทางกำลังเก็บเกี่ยวบารมี ก็อาจจะลงนรกได้ การลงนรกของท่านก็เป็นไปเพื่อการเสียสละ หรือการเรียนรู้ พระนิตยโพธิสัตว์ท่านอาจจะมีหลายองค์หลายระดับ หลายระยะเวลาการเดินทาง หลายการบำเพ็ญขณะ หลายช่วง เราก็มิอาจทราบได้
     
  13. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว การจะบรรลุท่านอาจจะง่ายนิดเดียว แต่บารมีที่จะเข้าถึงจิตใจคนทั้งโลก นั้นไม่ง่ายเลยเพราะคนต่างความคิดต่างความรู้สึก การจะเข้าถึงใจคนให้ได้เยอะหรือเกือบทั้งหมดหรือทั้งหมดนั้น ต้องใช้บารมีขนาดไหนต้องสะสมอีกเท่าใด จึงจะเข้าถึงจิตใจคนได้แทบทั้งหมด ต้องเสียสละสิ่งใด แบบใด แบบไหน ต้องลงมาจุติช่วยเหลือ ทำเพื่อ เสียสละได้แบบใด สำหรับพระโพธิสัตว์นั้น ท่านไม่เลือกความสบายหรอกครับ ท่านทำได้ทั้งนั้น เพราะความเมตตาของท่านมากมากจนแทบจะประมาณมิได้ เพราะท่านได้สะสมมามากแล้ว ไกลเกินที่จะสละทิ้งบารมีนั้นแล้วทิ้งผู้อื่นแล้วไปคนเดียว บางครั้งท่านก็จะต้องแบ่งภาคมาเป็นคนธรรมดาบ้าง เกิดไหนหลายๆที่เป็นดั่งเครือข่าย ช่วยกันฉุดกันดึงกัน ประคับประคองกันไป ในหลายที่ หลายสังคม หลายสถานะ อาจจะต้องใช้บารมีในหลายๆแบบ สะสมหลายๆแบบ และเสียสละบ้างเช่นกัน ผู้ที่จะเป็นพระโพธิสัตว์นั้น ไม่มีผู้ใดสบายหรอกครับท่านต้องเสียสละมาก มหามาก ไม่ว่าจะวิธีใด วิธีไหนแล้วท่านก็คงไม่เกลี้ยง ขอเพียงนำพาหมู่คณะไปด้วยได้ นำพาสัตว์โลกที่ยังหาทางกลับบ้านไม่ได้ กลับบ้านให้ได้
     
  14. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    ผมขอเพิ่มเติมนะครับ ผมว่า นรกนั้น ไม่มีเส้น ไม่มีสายหรอกครับ ทุกท่านต่างมีหน้าที่ของตนเอง แม้จะระดับไหนก็ผ่านเวทีนี้มาแล้วทั้งสิ้น และถ้าจำเป็นจะต้องผ่านอีกเผื่อเสียสละแล้วช่วยเหลือมวลมนุษย์ท่านคิดว่าพระโพธิสัตว์จะทำได้ไหม ผมคิดว่าท่านทำได้แน่นอน และจะไม่มีการใช้เส้นสาย แน่นอน เพื่อเป็นตัวอย่าง แก้ทุกที่ ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกชั้น เพราะท่านคือผู้ที่กำลังจะเป็นพุทธะ วีรกรรมของท่านก็เป็นไปเพื่อ การเป็นตัวอย่าง เป็นการสะสม เสียสละ สั่มสมบารมี เพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก การเสียสละของพระโพธิสัตว์ย่อมมีไม่ขาดสาย การห่วงมวลมนุษย์ของพระโพธิสัตว์เป็นการสะสมมา ไกลเกินที่จะห่วงแต่ตัวท่านเองได้แล้ว
     
  15. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    พระโพธิ์สัตว์มีหลายระดับครับ ระดับอื่นๆอาจจะมีพลาดได้ แต่ที่เห็นคุยกัน มีคนเขาว่าพระนิตยโพธิ์สัตว์นั้น มีสิทธิ์จะลงนรกนั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอนครับ เพราะท่านจะมาสะสมแต่บารมีธรรม เรื่องอธรรมนั้นไม่มี ผมเชื่อหลวงพ่อครับ ตามที่ผมลงไว้ข้างบน พระนิยตะโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก จะมีอานิสงส์ 18 อย่าง
     
  16. Naiky

    Naiky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +85
    พระนิยตโพธิ์สัตว์ ไม่ตกนรก ก็ถูกครับ คือไม่ตกใน อเวจีนรก และ โลกันตนรก
    พระนิยตโพธิ์สัตว์ ตกนรก ก็ถูกครับ คือ นอกจาก อเวจีนรก และ โลกันตนรก แล้วตกได้ทุกขุมครับ

    ส่วนใหญ่ที่ตอบกันก็ว่ากันตามความคิดเห็นของตัวเองแหล่ะครับ ผู้ที่ยังสงสัยผมว่าหาอ่านในพระไตรปิฎกดีกว่าครับ แล้วจะเข้าใจของเราได้เอง(เฉพาะพระไตรปิฎกนะครับ ตัดอรรถกถาออกไปก่อน)

    ส่วนซัดดัมอาจจะเป็นโพธิสัตว์ หรือ อาจจะไม่เป็นก็ได้ ตัวเรารู้ได้ยาก

    อาจจะเป็นก็ได้ เช่นดูอย่าง พระเจ้าตากสิน รบกู้ชาิติฆ่าคนมากมาย เพื่อปกป้อง
    พวกพ้องพี่น้องประเทศชาติของตัวเอง ถ้าถามคนไทย คนไทยก็บอก พระเจ้าตาก
    สินเป็นพระโพธิสัตว์แน่นอน ลองไปถามคนพม่าดูสิ คนพม่าจะตอบว่าไง(คำตอบ เดากันเอาเองครับผม)

     
  17. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800

    ขนาดหลวงพ่อฤาษี พูดเอง ก็ยังไม่มีความหมาย
    บางคนก็บอกว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ แต่คำพูดของหลวงพ่อเองกลับไม่มี
    ความหมาย บางท่านก็ยกย่องซัดดัม ผมก็อยากจะบอกว่า อย่าลืมเอารูปซัดดัม
    ไปกราบไหว้บูชาด้วยนะครับ เผื่อชีวิตจะดีขึ้นมาบ้าง อย่าเอารูปครูอาจารย์มาบังหน้าแล้วทำให้ท่านเสื่อมเสียโดยใช่ที่เลยครับ บางคนใช้รูปพระอรหันบังหน้าแล้วทำตัวเป็นท่านไปซะเอง ผมเห็นแล้วก็สลดใจ จะพูดไปก็ใช่ที่ ผมก็แค่อยากจะฝากเตือนไปถึงลูกๆหลานๆของหลวงพ่อฤาษีลิงดำทุกท่าน ให้อ่านข้อความที่หลวงพ่อท่านกล่าวเอาไว้ให้ดี พิจารณาให้รอบครอบและถี่ถ้วน ว่าท่านกล่าวเอาไว้เช่นไร
    ท่านให้ความสำคัญ กับคำว่าพระโพธิสัตว์ขนาดไหน
    หากทุกๆท่านได้ย้อนดูประวัติหรือพระธรรมคำสั่งสอนของพระอรหันทุกรูป
    ท่านก็จะเห็นว่า ไม่มีพระอรหันรูปใด กล้าปรามาสพระโพธิสัตว์แม้แต่นิดเดียว มีแต่ยกย่องและเชิดชูแล้วให้ลูกศิษย์รู้คุณค่า ของคำว่า พระโพธิสัตว์
    แต่ถ้าอรหมุนน่ะไม่แน่ แต่ถ้าใครคิดว่า ตนเองดีแล้วประเสริฐแล้ว
    พูดอะไรก็ไม่ตกนรกละก็ ตามสบายครับ แต่บางท่านต่อให้ยกพระอรหัน
    มาทั้งหมดมาพูดให้ฟังก็คงไม่มีความหมายแล้ว เพราะเตลิดไปไกลสุดกู่

    ที่ผมต้องมาพูดมากมาย ก็ใช่ว่าชอบการวิวาทะ หรือต้องการมาหาเรื่องใคร
    แต่ผมไม่อยากให้ ผู้คนที่มาศึกษาอีกมากมายต้องเข้าใจผิดเกี่ยวกับ
    พระโพธิสัตว์ และพระมหาโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่รู้ความจริง
    ต้องพลั้งเผลอปรามาสท่านไปโดยไม่รู้ตัว โดยที่คิดไปเองว่าไม่ผิด

    ผมจึงต้อง ออกมาห้าม สะกิด ฉุดรั้ง ให้ยั้งคิดไว้บ้าง สำหรับ
    คนที่พอจะคิดได้ ว่าที่ผมพูดมานั้น มีเหตุผลพอเชื่อได้หรือไม่
     
  18. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่สัตว์ ก็ยังมีธาตุแห่งพุทธะอยู่ในตน จึงสามารถบรรลุธรรมได้ทั้งสิ้น การบรรลุธรรมไม่ว่าจะโดยบำเพ็ญในแนวทางพระโพธิสัตว์ เพือปรารถนาพุทธภูมิ หรือในแนวทางสาวกภูมิ เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน ก็ล้วนมีปลายทางเดียวกัน ขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละบุคคลว่าปรารถนาไปในเส้นทางใด

    ซัดดัมเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่? ขึ้นอยู่กับว่าเขาตั้งความปรารถนาไว้หรือไม่

    ถ้าไม่ได้ญาณหยั่งรู้ในระดับพระพุทธองค์ ไม่อาจบอกได้แม่นยำ 100 %

    ถ้าได้ญาณหยั่งรู้ในระดับรองลงมาก็สามารถคาดเดาได้บ้าง อาจจะแม่นยำในระดับ 5 - 95 %

    แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีญาณหยั่งรู้ ก็อาจคาดเดาได้จากแนวทางปฎิบัติว่า ปฎิบัติในแนวทางพระโพธิสัตว์หรือไม่ ซึ่งถ้ามองว่า ซัดดัมเป็นผู้นำที่กล้าหาญ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวม ซึ่งเป็นแนวทางปฎิบัติของพระโพธิสัตว์ ก็อาจกล่าวได้ว่า "ซัดดัมเป็นพระโพธิสัตว์"

    แต่อย่าลืมว่า การคาดเดาด้วยวิธีนี้ มีความแม่นยำน้อยมากครับ


    ส่วนเรื่อง พระนิยตะโพธิสัตว์ ตกนรก ได้หรือไม่ ขอเสริมว่า ปกติบารมีธรรมของท่านสูงมาก จึงไม่มีทางตกอเวจีนรก และโลกันตนรก

    แต่สำหรับนรกอื่น จะตกได้แค่ 2 กรณี คือ

    1 เป็นบุพกรรม ซึ่งด้วยบารมีธรรมที่ท่านสั่งสมมา ถ้าท่านจะเลี่ยง ท่านก็เลี่ยงได้ แต่ท่านไม่ต้องการจะเลี่ยง กรณีเช่นเดียวกับพระพุทธองค์ ไม่มีใครทำให้ทรงเป็นอันตรายได้ แต่การที่พระเทวทัตทำให้ห้อพระโลหิตได้ ก็เป็นเพราะบุพกรรมตัวนี้แหละครับ

    2 ท่านปรารถนาจะลงไปนรกขุมนั้นๆเอง จะเพื่อโปรดสัตว์นรกให้ได้บรรเทาเว้นโทษไปชั่วขณะ หรือเพื่อสงเคราะห์บางท่านที่อยู่ในนรกขุมนั้น ฯลฯ

    แต่ทั้ง2กรณี ความทุกข์ในนรก ไม่ระคายเคืองท่านเลย อย่าลืมว่า ความทุกข์เกิดจากใจที่ยึดติด ในเมื่อท่านไม่ยึดติด ด้วยเพราะ มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน ไฟนรกจึงไม่สามารถทำอะไรท่านได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011
  19. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    บทความนี้ขอค้านสุดๆ เพราะตั้งแต่มานุษยโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ล้วนแตตั้งต้นด้วยเมตตาบารมี และอื่นๆอีกเก้าประการ เป็นทศบารมี จะยกการเป็นผู้นำว่าเป็นโพธิสัตว์มันก็ไม่ถูก ถ้าอย่างนั้นไอ้ผู้นำที่เข่นฆ่าประชาชนทังในอดีตถึงปัจจุบัณก็ มหาโพธิสัตว์กันหมด ฮิตเล่อ ฆ่ายิวไปกี่ล้าน โตโจฆ่าจีนไปกี่ล้าน พอลพตฆ่าเขมรไปกี่ล้านฯ ไปอ่านพระไตรปิฏกทั้งเถรวาท วัชรยาน มหายาน นิยตโพธิสัตว์ท่านพ้นอบายภูมิ ไม่ลงแล้วนรก อย่าเอาคำว่า ปรามาสมาขู่ ลงนรกผมก็ไม่กลัว พูดตรงๆเลย คนที่พูดนี่ไม่เมา ก็มั่วโมเม ขัดกับที่พระพุทธเจ้าสอน หลอกคนอื่นหมื่นล้านหลอกได้ ยกเว้นไว้อยู่คน ทั้งไม่หลอกและหลอกไม่ได้ ตัวเอง ไง อ้อตั้งแต่สิ้นหลวงพ่อสาย ผมไม่เคยไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ทั้งที่ผ่านไปมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2011
  20. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    อืม..อ่านมาหลายรอบเห็นหลายแบบหลายมุม

    ตอบจาก ทิษฐิอย่างใดอย่างหนึ่ง

    ตอบจาก อัคติส่วนตัว

    ตอบจาก ทฤษฏี

    ตอบจาก ประสบการณ์

    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะขอรับท่านทั้งหลาย...

    ถ้ามีความสามารถไปถามซัดดัมเอาเองว่าเขาปราถนาอะไรในเบื้องหน้า

    หากความสามารถดีกว่านั้นก็ไปถามพระผู้ใหญ่โดยตรง


    แล้วจุดที่น่าสังเกตุคือ ผู้ที่ยืนยันว่าตกได้หรือตกไม่ได้นั้นเป็นพระโพธิ์สัตว์หรือเปล่า ?

    หรือเป็นเพียงการวิเคราะห์คาดคะเนความน่าจะเป็นด้วยเหตุปัจจัยที่ ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ตาม ๆ กันมา

    พอมาบวกกับอวิชชาของจิต เลยเกิดเป็นคำตอบต่าง ๆ มากมาย ซึ่งก็เลยธงไปไกล

    เพื่อเป็นการยืนยันจะได้ไม่ต้องเดา ข้าพเจ้าว่าไปถามเจ้าตัวเองเลยดีกว่านะขอรับหรือไม่ก็ไปถามพระผู้ใหญ่ดู

    จะได้เลิกเดากันไปดูเองง่ายกว่ามานั่งถกปัญหาแบบโลก ๆ เสียอีกขอรับ

    พระนิตยโพธิ์สัตว์ลงนรกได้มั้ยก็พิศูจย์เอาเองเลย ลงไปดูเองเลยว่ามีหรือไม่ที่เป็นนิตยโพธิ์สัตว์มีมั้ยในนรก

    พระอนิตยโพธิ์สัตว์ มีเท่าไหร่ในนรก ก็ลงไปดูเองเลย

    จริงหรือไม่ที่ โตไทยพราหมณ์ ที่จะได้ตรัสเป็นพระนรสีหะที่ ๘ ซึ่งเป็นพระนิตยโพธิ์สัตว์

    ตอนนี้ยังอยู่ในนรก ก็ลงไปดูเองเลย

    อันที่จริงแล้ว วิชาทางพระพุทธศาสนาที่เอาไว้พิศูจย์ความจริงมีหลายแขนง

    มี 3 แขนง เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ที่สามารถพิศูจย์ได้จริง

    ก็ไปดูเองเลยขอรับจะได้ไม่ต้องมาถกเถียงมาค้านหรือมานั่งยันนอนยันอะไรกัน

    เพราะถ้าเห็นว่าพิมพ์ไปเรื่อย ๆ แสดงวาทะใส่กันยกข้อความอะไรมาแสดงมันพิศูจย์อะไรไม่ได้หรอกขอรับ

    จึงสรุปได้ว่า ให้ไปดูไปถามกันเอาเองเลยดีที่สุดจะได้ดีกว่าเถียงกัน

    สุดท้ายนี้ หากกรรมใดเป็นการล่วงเกินท่านทั้งหลายด้วย กาย วาจา และ ใจ

    ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตราบเท่าเข้าพระนิพพานด้วยเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...