เว็บพลังจิต โครงการเรารักศีล ๕

ในห้อง 'ในนามเว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย Mr.Kim, 1 มกราคม 2011.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. wawa99

    wawa99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +645
    ปฏิบัติถือศีลห้าสม่ำเสมอทุกวันค่ะ
    พร้อมด้วย ทานบารมี และภาวนาสม่ำเสมอค่ะ
     
  2. nna

    nna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +178
    มารายงานผลการปฏิบัติค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะค่อนข้างจะครบ แต่ว่าก็มีบ้างที่ขาด

    ศีลข้อ1 พวกมดแมลง พยายามเขี่ยแล้วปัดแล้ว หากสุดวิสัยจริงๆก็ขอโทษเขา

    ศีลข้อ4 บางครั้งก็พูดหลอกลูก ก็เลยดำๆด่างค่ะ

    ข้ออื่นๆนอกจากนี้ก็รักษาได้ดีค่ะ ^^ ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ
     
  3. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,657
    ค่าพลัง:
    +9,236
    [​IMG]


    ศีล..หาก.."ทำสม่ำเสมอ"
    ศีล..หากไม่เผลอ.. "สติ" มา

    ศีล..อยู่กับตัว.."เพิ่มปัญญา"
    ศีล..ช่วย.."รักษาพลังบุญ.."
     
  4. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    ขออนุโมทนาสาธุกับพี่สาว และทุกท่านด้วยครับ
    [MUSIC]F:\002เพลง\05 เพลงเลือกแล้ว\18.เพลงพระพุทธองค์ท่านทรงสอน.mp3[/MUSIC]
     
  5. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    สาธุธรรม "ศีลบารมี" ทุกๆ ท่าน ทุกประการ


























    สาธุธรรม มหาอนุโมทนาสาธุการ "สีลบารมี"
    ทุกๆ ท่าน ทุกๆ ประการค่ะ
     
  6. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    .. เมตตามาจากไหน ....

    [​IMG]


    เมตตามาจากไหน
    !!!


    [​IMG]



    <o></o>

    ๑)
    การค้นพบจิต<o></o>
    หงายมือทั้งสองข้าง วางบนหัวเข่า สูดลมหายใจเข้า ช้าๆ ลึกๆ ผ่อนลม หายใจออกเบาๆ ลงไปที่ตรงกลางทรวงอก บริเวณลิ้นปี่ ด้วยอารมณ์ใจสงบนิ่ง ! ... และสังเกตสักครู่หนึ่ง จะมีความรู้สึกเหมือนชีพจร เต้นอยู่ ตึ๊บๆ วึ๊บๆ (จิตเกิด – ดับ) บางครั้งรู้สึกแน่นๆ เหมือนเหนื่อย ๆ หรือรู้สึกว่างๆ อยู่ภายในก็ให้สังเกต ก็ให้สังเกตความรู้สึกไว้ที่ตรงนี้ (ลิ้นปี่) ด้วยอาการที่ผ่อนคลาย

    [​IMG]

    <o></o>
    <o></o>
    ๑)
    เรียนรู้ รับ / ส่ง กระแส แผ่เมตตา<o></o>
    จากจิต ... ปรับความรู้สึกไปที่มือทั้ง ๒ ข้าง ค่อยๆ ยกมือขึ้น ระยะห่างกันเล็กน้อย นิ่ง ! ... สังเกตความรู้สึก <o></o>
    จากนั้น ขยับมือ เข้า - ออก ช้าๆ


    [​IMG]
    <o></o>
    <o></o>
    จะรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูด หรือลูกบอลพลังงาน
    <o></o>
    “ให้ส่งกระแส ซึ่งกันและกัน โดยฝ่ายรับยกมือค้างไว้ ฝ่ายส่งขยับมือ เข้า – ออก ส่งกระแสเข้าไป แล้วให้ผู้รับบอกความรู้สึกกระแสที่รับได้ จากนั้นให้ผู้รับ เปลี่ยนเป็นผู้ส่ง แล้วให้บอกความรู้สึกซึ่งกันและกัน

    [​IMG]

    <o></o>

    <o></o>
    ๒)
    เปลี่ยนรูปแบบการส่ง ...<o></o>
    โยฝ่ายรับหงายฝ่ามือขึ้น ไม่ต้องเคลื่อนไหว ฝ่ายส่งคว่ำมือลง ผู้ส่งน้อมกระแส จากจิตไปที่มือทั้ง ๒ ข้าง ขยับมือ ขึ้น – ลงช้าๆ เพื่อสังเกตความรู้สึกที่ส่งไป แล้วบอกความรู้สึกซึ่งกันและกัน เช่น อุ่นๆ ร้อนๆ หรือ ซ่าๆ เหมือนมีแรงดึงดูด หนักๆ เวลาขยับมือเข้าใกล้ เบาๆ เมื่อยกมือออกห่าง แล้วให้ฝ่ายรับเปลี่ยนเป็นฝ่ายส่ง ให้ส่งกระแสซึ่งกันและกัน

    [​IMG]

    <o>
    </o>

    <o></o>
    ๓)
    กระแสที่เรียนรู้ ... สู่การแผ่เมตตา<o></o>
    กำหนดแผ่เมตตา อย่างสั้นๆ จากจิตเรา นึกถึงใคร ก็ส่งแผ่เมตตาไป ให้เขามีความสุข <o></o>
    <o></o>

    การแผ่เมตตา ไม่มีประมาณ
    <o></o>
    จากจิต น้อมบุญกุศล ที่เราได้กระทำไว้ดีแล้วในบัดนี้ (สีลบารมี ) แผ่ไปให้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติสนิทมิตรที่รัก แผ่เมตตาให้ “ในหลวง” ของพวกเรา “สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุก ๆ พระองค์ บรรพบุรุษที่รักษาผืนแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี้ ผู้มีพระคุณทุก ๆท่าน เทวดาทั้งสิบทิศ เจ้ากรรมนายเวร สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณ ให้ร่วมอนุโมทนา สาธุการ ... ท่านที่มีทุกข์ ขอให้พ้นจากทุกข์ มีสุขอยู่แล้ว ขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้น<o></o>
    <o></o>

    จากจิต ... แผ่พลังความรัก ความปรารถนาดี ออกไปรอบๆ สถานที่ รอบๆ บริเวณบ้านเรือน รอบๆ จังหวัด รอบๆ ประเทศ ออกไปทั่วโลก สู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ กว้างขวางไร้ขอบเขต กำหนตจิต “ให้ทุก ๆท่าน ทุกๆ สรพชีวิต มีความสุข นิ่งสักครู่” <o></o>

    เมื่อต้องการออกจากการแผ่เมตตา ไม่ควรรีบลืมตาทันที ให้ตั้งจิตภายในว่า “กลับ กลับ กลับ” แล้วสูกลมหายใจเข้า ช้า ๆ ผ่อนความรู้สึก ลงมาที่จิต ... ที่มือ ... ลงมาที่ขา วางสัก ๒ – ๓ ครั้ง แล้วค่อยๆ ลืมตา


    [​IMG]

    <o></o>
    <o></o>
    ๔)
    ดวงจิตผ่องใส ได้ตลอดทั้งวัน<o></o>
    ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ทุกการเคลื่อนไหว ให้สังเกตความรู้สึกที่จิต เห็นการเกิด – ดับ ภายในตลอดเวลา ศีล - สมาธิ - ปัญญา จะดำเนินไปพร้อมๆ กัน
    <o></o>

    <o></o>
    เมื่อเรามี “เมตตา” ทำให้เรารักษาศีล ๕ ได้ง่ายขึ้น
    <o></o>
    <o></o>

    กราบมหาอนุโมทนาที่มาข้อมูล : สุทธาธิโก ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ บ้านวังเมืองอ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
    มหาอนุโมทนาส่งบุญเสียงอ่าน"มงคลชีวิต" โดย คุณนวพร สุปิงคลัด สถานีวิทยุสังฆทานธรรม FM ๙๘.๒๕ MHz


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1227615/[/MUSIC]​

    <o>
    </o>​
    <o>
    </o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2011
  7. ปัทจัดตังค์

    ปัทจัดตังค์ Pattama Nitsaro

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +942
    วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาได้มีโอกาศไปปฏิบัติธรรมที่วัดสังฆทาน และได้โมทนาบุญกับพระบวชใหม่ด้วย เอาบุญมาฝากค่ะ

    รักษาศึล๕ ประจำเดือนมิถุึนายน (๕ มิถุนายน - ๕ กรกฎาคม)
    ศีลข้อ ๑ ไม่ฆ่าสัตว์ โดยตั้งใจไม่มี แต่ยังมีเรื่องมด ที่ต้องพยายามรักษาสติเพื่อให้พลั้งเผลอน้อยลงกว่าเดิม
    ศีลข้อ ๒ ไม่ลักทรัพย์ โดยตั้งใจไม่มี และพยายามรักษาให้เป็นปกติ
    ศีลข้อ ๓ ไม่ประพฤติผิดในกาม รักษาได้เป็นปกติ
    ศีลข้อ ๔ ไม่พูดปด รักษาได้ดีขี้น เพราะเริ่มพูดน้อยลง เม้าท์น้อยลง
    ศีลข้อ ๕ ไม่ดื่มเครื่องดองของเมา รักษาได้เป็นปกติค่ะ

    ตอนนี้กำลังเริ่มรักษาศีล ๘ วันพระและ สวดมนต์ทำวัตรเช้า เย็นเมื่อมีโอกาศ
    และพยายามดึงจิตเข้าสู่ ศีล สมาธิ ภาวนา ในช่วงวันระหว่างการดำเนินชีวิตตามปกติ

    "สีเลนะ สุคะติง ยันติ ศีลนำไปสู่สุคติ
    สีเลนะ โภคะสัมปะทา ศีลนำไปสู่ทรัพย์
    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ศีลนำไปสู่พระนิพพาน
    ตัสมา สีลัง วิโส ทะเย ฉะนั้นแล มารักษาศีลกันเถิด"

    สาธุ
     
  8. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีครับ


    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ wawa99 คุณ nna คุณ wvichakornคุณ วิชา ละ คุณ บุญญสิกขา และคุณ anukzer ด้วยนะครับ


    เจริญธรรมครับ
     
  9. sky6

    sky6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +457
    ขออนุโมทนาสาธุผู้ร่วมโครงการและผู้ร่วมอนุโมทนา ทุกท่าน ให้พบแต่สิ่งที่ดีที่ปรารถนา
     
  10. Marthaporn

    Marthaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +234
    ช่วงที่ผ่านมา พยายามสำรวมระวังเรื่องการผิดศีล 5 มาโดยตลอด แต่บางครั้งก็มีพลาดไปบ้าง ทั้งที่เจตนาและมิได้เจตนา ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป จะรักษาให้ดีที่สุดค่ะ

    และเมื่อปลายเดือนที่แล้วได้มีโอกาสไปเจริญวิปัสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน 7 วัน กลับมาบ้านก็มาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้ทำกรรมฐานแล้ว ทำให้มีสติมากขึ้น เรื่องการละเมิดจึงแทบไม่มีเลยค่ะ
     
  11. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    ปูชา จ ปูชนียานํ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา

    [​IMG]




    ปูชา จ ปูชนียานํ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา


    ขยายความมงคลข้อที่ ๓ บูชาบุคคลที่ควรบูชาเป็นอุดมมงคล คำว่าบูชานั้นหมายถึงการแสดงความเคารพนับถือ ก็การบูชานั้นมี ๒ อย่างคือ

    อามิสบูชา การบูชาด้วยอามิสคือ สิ่งของเครื่องล่อใจ มีเงินทอง ดอกไม้ ของหอม เป็นต้น

    ปฏิบัติบูชา การบูชาด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีการเข้าถึงไตรสรณคมน์ รักษาศีล ๕ ศีล ๘ ศีลอุโบสถ เจริญสมถะและวิปัสสนา การศึกษาพระธรรมวินัย เป็นต้น


    [​IMG]




    การบูชานั้นเราบูชาบุคคล ๑ บูชาคุณงามความดี ๑


    <o></o>ในการบูชาบุคคลนั้นท่านแบ่งบุคคลออกเป็น ๓ พวก คือ <o></o>
    บุคคลที่สูงด้วยชาติ (ชาติวุฒิ) คือมีกำเนิดสูง เช่น พระราชา พระราชินี พระโอรส พระธิดา เป็นต้น ๑

    <o></o>
    บูชาบุคคลที่สูงด้วยวัย (วัยวุฒิ) คือผู้ที่เกิดก่อนเรา เช่น ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ เป็นต้น ๑

    <o></o>
    บูชาบุคคลที่สูงด้วยคุณ (คุณวุฒิ) มีครู อาจารย์ ภิกษุ สามเณร พระอริยเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ในบุคคล ๓ จำพวกนี้ เราสามารถจะบูชาท่านได้ทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา

    ส่วนการบูชาคุณงามความดีนั้น หมายถึงบูชาคุณธรรมมีศีล เป็นต้น โดยไม่คำนึงบุคคลที่ประกอบด้วยคุณธรรมเหล่านั้น มีภิกษุสามเณร เป็นต้น ว่าเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ หรือสกุลสูง อายุน้อยหรือมาก ท่านเหล่านั้นสมควรที่เราจะให้ความนับถือบูชาทั้งสิ้น ผู้ที่บูชาบุคคลที่ควรบูชาจึงเป็นอุดมมงคลประการหนึ่ง



    [​IMG]



    กเรยฺยํ คารวํ ครุ มาเนยฺยํ มานนารหํ
    วนฺเทยฺยํ วนฺทนารหํ ปูเชยฺยํ ปูชนารหํ

    ขอข้าพเจ้าได้เคารพผู้ที่ควรเคารพ
    ขอข้าพเจ้าได้นับถือผู้ที่ควรนับถือ
    ขอข้าพเจ้าได้กราบไหว้ผู้ที่สมควรกราบไหว้

    ขอข้าพเจ้าได้บูชาผู้ที่ควรบูช



    มหาอนุโมทนา กุศลส่งบุญ
    ๑) สาระธรรมจาก "สิ่งที่เป็นมงคล โดย ท่านปราณีต ก้องสมุทร"
    ๒) ภาพประกอบ การกราบ และ การนั่งสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2011
  12. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    เมื่อมี5ดี สิ่งดีๆก็ตามมาในทางที่ดี ขออนุโมทนา อธิฐานจิตขอสะดวกสบายพ้นทุกข์มีความสุข

    มงคลที่ ๓ บูชาบุคคลที่ควรบูชา
    “ต้นไม้เมื่อยังเล็กเป็นต้นกล้าอยู่
    จำเป็นต้องมีหลักค้ำประคองไว้
    ป้องกันไม่ให้ล้มรากขาดตายเสียก่อนฉันใด
    ผู้ที่หวังความเจริญก้าวหน้า
    ก็จำเป็นต้องบูชาบุคคลที่ควรบูชา ไว้เป็นตัวอย่างการดำเนินชีวิตที่ถูก
    เป็นหลักใจ ป้องกันความเห็นผิดและอกุศลกรรมต่างๆ
    มิให้ย้อนกลับกำเริบขึ้นมาอีกฉันนั้น”

    ก า ร บู ช า คื อ อ ะ ไ ร ?
    การบูชา คือการเลื่อมใส ยกย่อง เชิดชู ด้วยกิริยาอาการสุภาพที่เราแสดงต่อผู้ที่ควรบูชาทั้งต่อหน้าและลับหลัง การแสดงต่อหน้า เป็นการแสดงให้ท่านทราบว่า เรามีความเคารพ และตระหนักในคุณธรรมความดี ที่มีอยู่ในตัวของท่านอย่างจริงใจ การแสดงลับหลัง เป็นการเตือนใจตัวเราเอง ให้ผูกใจไว้กับ คุณธรรมอันสูงส่งของท่าน ก่อให้เกิดความรู้สึก อยากกระทำตาม ใจเราจะได้ยกสูงขึ้นเสมอๆ ไม่เลื่อนไหลไปในทางชั่วร้าย
    การบูชา เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง สำหรับฝึกใจที่ยังหยาบกระด้าง เพราะไม่อาจยอมรับคุณความดีของผู้อื่น ให้ละเอียดอ่อนลง ผู้ที่ยังด้อยปัญญา ยังไม่เข้าใจในคุณธรรมความดีของผู้ที่ควรบูชานัก แต่หากได้เคยชินกับการบูชาแล้ว ในที่สุดย่อมสามารถเห็นถึงคุณธรรมความดี ที่มีอยู่ในตัวของผู้ที่เราบูชา ได้อย่างแจ่มชัด จนเกิดความเลื่อมใสกลายเป็นการบูชาอย่างแท้จริง อยากทำความดีตามท่านบ้าง ผู้ใหญ่จึงควรสอนบุตรหลานให้รู้จักสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เป็นการปลูกศรัทธา ให้รู้จักบูชาบุคคลที่ควรบูชา ตั้งแต่เล็กๆ

    บุ ค ค ล ที่ ค ว ร บู ช า
    คือบุคคลที่มีคุณความดีควรค่าแก่การระลึกนึกถึง และยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตาม ได้แก่ ผู้มีศีล สมาธิ ปัญญาสูงกว่าเรานั่นเอง ซึ่งประมวล สรุปได้ดังนี้
    ๑. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบัณฑิตที่ประเสริฐสุดในโลก ทรงไว้ด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ จัดเป็นบุคคลที่ควรบูชาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
    ๒. พระสงฆ์ ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบก่อนแล้วจึงสอนให้ผู้อื่นประพฤติดี ปฏิบัติชอบตามอย่างบ้าง จัดเป็นบุคคลที่ควรบูชาของพุทธศาสนิกชน
    ๓. พระมหากษัตริย์ผู้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม เป็นธรรมราชา จัดเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชาของประชาชน
    ๔. บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ที่มีความประพฤติดี เป็นบัณฑิตที่อยู่ ในฐานะสูงเกินกว่าจะคบ จัดเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชา หรือปูชนียบุคคลของบุตรหลาน
    ๕. ครูอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ ความประพฤติดี เป็นบัณฑิตที่อยู่ในฐานะสูงเกินกว่าศิษย์จะคบหา จัดเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชาของศิษย์
    ๖. ผู้บังคับบัญชาที่มีความประพฤติดี ตั้งอยู่ในธรรม จัดเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชาของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
    นอกจากนี้บัณฑิตที่มีเพศภาวะสูงเกินกว่าที่จะคบในฐานะผู้เสมอกันได้ ล้วนจัดเป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชาทั้งสิ้น
    สิ่งที่เนื่องด้วยท่านเหล่านี้ ก็จัดเป็นสิ่งที่ควรบูชาอีกเช่นกัน เพราะเมื่อเราบูชาสิ่งเหล่านี้ ก็ทำให้ระลึกนึกถึงคุณงามความดีของบุคคลที่สิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องด้วย ตัวอย่างคือ
    ๑. สิ่งที่เนื่องด้วยพระพุทธเจ้า เช่น พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ พระพุทธรูป พระบรมสารีริกธาตุ สังเวชนียสถาน ฯลฯ
    ๒. สิ่งที่เนื่องด้วยพระสงฆ์ เช่น พระธาตุ รูปพระสงฆ์สาวก ฯลฯ
    ๓. คำสั่งสอน รูปภาพของบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา พระมหากษัตริย์ ซึ่งตั้งใจประพฤติธรรม เป็นบัณฑิต จัดเป็นสิ่งที่ควรบูชาทั้งสิ้น

    ก า ร แ ส ด ง อ อ ก ถึ ง ค ว า ม บู ช า
    ๑. ทางกาย ไม่ว่าจะยืนเดินนั่งนอนหรือประกอบกิจใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้า ท่านหรือสัญลักษณ์ตัวแทนของท่าน เช่น รูปปั้น ภาพถ่าย ก็อยู่ในอาการสำรวม
    ๒. ทางวาจา สรรเสริญยกย่องคุณความดีของท่าน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เช่น การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย การนำความดีของท่านไปสรรเสริญ
    ๓. ทางใจ ตามระลึกนึกถึงคำสอนของท่านด้วยความเคารพและซาบซึ้ง

    ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง ก า ร บู ช า
    การบูชาในทางปฏิบัติมี ๒ ประเภท คือ
    ๑. อามิสบูชา คือการบูชาด้วยสิ่งของ เช่น บุตรระลึกถึงคุณของบิดามารดา ศิษย์ระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ จึงบูชาด้วยการนำทรัพย์สินเงินทองของใช้ ฯลฯ ไปมอบให้ เป็นต้น การบูชาพระรัตนตรัยด้วยดอกไม้ธูปเทียน ก็จัดเป็นอามิสบูชาเช่นกัน
    ๒. ปฏิบัติบูชา คือการบูชาด้วยการตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามคำสอนตามแบบอย่างที่ดีของท่าน เช่น พยายามกำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตามคำสอนของท่าน การปฏิบัติบูชานี้จัดเป็นการบูชาที่สูงสุด เพราะเป็นวิธีที่จะทำให้กาย วาจา ใจ ของเราใสสะอาด เป็นบัณฑิตตามท่านได้โดยเร็ว
    ข้ อ เ ตื อ น ใ จ
    สำหรับนักเรียนนักศึกษาหรือนักปฏิบัติธรรม พึงระลึกเสมอว่า สิ่งที่เราจะเรียนรู้นั้น ถ้าเราเทิดทูนบูชา ตั้งใจประคองรักษาอย่างดี ไม่นำไปล้อเลียน หรือพูดเล่น ผลของการศึกษาเล่าเรียนตลอดจนการปฏิบัติธรรมของเรา ย่อมจะมีความเจริญก้าวหน้าประสบผลสำเร็จได้อย่างน่าอัศจรรย์
    ตรงกันข้าม ถ้าเราไม่เคารพแต่กลับลบหลู่ครูอาจารย์หรือสิ่งที่จะเรียนรู้ ความเข้าใจ ความซาบซึ้งที่จะปฏิบัติตามคำสอนก็หมดไป เกิดความรู้สึกไม่อยากบูชาหรือไม่ศรัทธา ใจที่ควรจะตรึกนึกถึงธรรมะหรือบทเรียนต่างๆ ก็มืดมิด เป็นการปิดกั้นหนทางที่จะเข้าถึงปัญญา อันจะเป็นแสงสว่างส่องนำวิถีชีวิตให้ก้าวไปในทางที่ถูกที่ควรที่ก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้น

    ข้ อ ค ว ร ร ะ วั ง
    อย่าบูชาสิ่งที่ไม่ควรบูชา เพราะจะชักนำไปสู่ความงมงายหลงผิด จิตใจขุ่นมัวเป็นพาลไป ซึ่งทำได้ดังนี้
    ๑. ไม่บูชาคนพาล คือไม่ยกย่อง ไม่เชิดชู ไม่ส่งเสริม ไม่สนับสนุนคนพาล ไม่ว่าคนพาลนั้นจะมียศศักดิ์ หรือสถานภาพสูงส่งเพียงไรก็ตาม
    ๒. ไม่บูชาสิ่งที่เนื่องด้วยคนพาล เช่น รูปภาพ รูปปั้น ผลงาน สิ่งของ เครื่องใช้ของคนพาล หรือทำตามคำแนะนำสั่งสอนของคนพาล
    ๓. ไม่บูชาสิ่งที่บูชาแล้วไม่ทำให้เกิดสิริมงคล เช่น รูปภาพดารา นักร้องนักกีฬาที่ไม่มีคุณธรรมเพียงพอ ภาพโฆษณาเกี่ยวกับอบายมุข ฯลฯ อย่า นำมาประดับบ้านเรือน
    ๔. ไม่บูชาสิ่งที่บูชาแล้วทำให้งมงายไม่เกิดปัญญา เช่น ต้นไม้ใหญ่ ภูเขาสูง ศาลพระภูมิ คนทรง ภูตผีปีศาจ สัตว์ที่เกิดมามีลักษณะผิดปกติ ฯลฯ

    ก ร า บ ๓ อ ย่ า ง
    วิธีการบูชาพระพุทธรูปที่ใช้กันมากคือการกราบ ซึ่งผู้ที่กราบพระนั้นแยกได้หลายประเภทดังนี้
    ๑. ยิ่งกราบยิ่งเมื่อย คือพวกที่เห็นคนอื่นกราบพระก็กราบตามเขา โดยไม่รู้ความหมาย ทำลวกๆ เหมือนลิงไหว้เจ้า อย่างนี้ไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร เมื่อยเปล่า
    ๒. ยิ่งกราบยิ่งโง่ คือพวกที่กราบพระแล้วขอในสิ่งที่ไม่สมควร เช่น กราบพระขอหวย หรือไม่ดูหนังสือแต่กราบพระขอให้สอบได้
    ๓. ยิ่งกราบยิ่งฉลาด คือพวกที่กราบพระแล้วยึดถือเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์มาเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติตาม เช่น
    กราบครั้งที่ ๑ ระลึกถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า ที่ทรงมีปัญญามาก สามารถพิจารณาเห็นทุกข์ และคิดค้นวิธีการดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้เพราะพระองค์ ศึกษาธรรมและฝึกสมาธิมามาก จึงมีใจใสสว่างจน สามารถตรัสรู้ธรรมปราบกิเลสในตัวได้หมด เราก็ต้อง ตั้งใจหมั่นฝึกสมาธิศึกษาธรรมตามอย่างพระองค์ด้วย
    กราบครั้งที่ ๒ ระลึกถึงพระบริสุทธิคุณของพระองค์ ที่ทรงมีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ เพราะพระองค์ทรงรักษาศีลมามาก ไม่เคยให้ร้ายแก่ใครเลย เป็นตัวอย่างในการรักษาศีลได้อย่างดี เราก็ต้องตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์อย่างพระองค์ด้วย
    กราบครั้งที่ ๓ ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงเทศนาสั่งสอนผู้คนทั้งหลาย โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก เพราะพระองค์ทรงบำเพ็ญทาน และช่วยเหลือสัตว์โลกมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จึงมีความเมตตากรุณาเป็นเลิศ เราก็ต้องตั้งใจหมั่นให้ทาน มีความกรุณา ช่วยเหลือผู้อื่นตามอย่างพระองค์ด้วย

    อ า นิ ส ง ส์ ก า ร บู ช า บุ ค ค ล ที่ ค ว ร บู ช า
    ๑. ยังความเห็นถูกที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
    ๒. ยังความเห็นถูกที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้น
    ๓. ทำให้มีกิริยามารยาทสุภาพอ่อนโยน น่ารักน่านับถือ
    ๔. ทำให้จิตใจผ่องใส เพราะตรึกอยู่ในกุศลธรรมเสมอ
    ๕. ทำให้สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ขึ้นเพราะมีความสำรวมระวัง เป็นการป้องกันความประมาท
    ๖. ป้องกันความลืมตัวความหลงผิดได้ เพราะตระหนักอยู่เสมอว่า ผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่าตนยังมีอยู่
    ๗. ทำให้เกิดกำลังใจและอานุภาพอย่างมหาศาล สามารถคุ้มครองป้องกันตนให้พ้นจากอุปสรรคและภัยพาลต่างๆ ได้
    ๘. เป็นการกำจัดคนพาลให้พินาศไปโดยทางอ้อม เพราะมีแต่คนบูชาบัณฑิตผู้มีคุณธรรม
    ๙. เป็นการเชิดชูบัณฑิตให้สูงเด่น ทำให้ท่านสามารถบำเพ็ญกรณียกิจได้สะดวกกว้างขวางยิ่งขึ้น ฯลฯ
    “ผู้ใด พึงบูชาท่านผู้อบรมตนแล้วผู้หนึ่ง แม้เพียงครู่เดียว การบูชาของผู้นั้น ประเสริฐกว่าการบูชาของบุคคลผู้บูชา (โลกิยมหาชน) ด้วยทรัพย์เดือนละพัน ตลอดร้อยปี” ขุ.ธ.๒๕/๑๘/๒๙

    จบมงคลที่ ๓ บูชาบุคคลที่ควรบูชา

    ขอบพระคุณที่มาของข้อมูลครับ : และทุกท่านด้วยครับhttp://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13008
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2011
  13. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]


    โมทนาบุญกับผู้รักษาศีลทุกท่านค่ะ


     
  14. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]

     
  15. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีครับ

    ผมเพิ่งกลับมาจากการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา 12 วัน เพื่อบูชาคุณพระศรีรัตนตรัย รวมทั้งลด ละ กิเลส ส่วนตน ขอน้อมนำกุศลผลบุญทั้งหลายทั้งปวงมาฝากทุกท่านครับ อานิสงค์ใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขออานิสงค์นั้นจงมีแก่เพื่อนพ้องกัลยาณมิตรทุกท่านเช่นเดียวกับข้าพเจ้าทุกประการ

    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณ sky6 คุณ Marthaporn คุณบุญญสิกขา คุณวิชา ละ คุณโยมฝน และทุกท่านด้วยนะครับ

    เจริญธรรมครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    "ภาวนามัย" ปฏิปทาอันยวดยิ่ง ถ้วนทบครบ "ทศบารมี"

    [​IMG]


    ผมเพิ่งกลับมาจากการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา 12 วัน




    [​IMG]



    [​IMG]


    ขอน้อมมหาอนุโมทนา ปฏิปทาการไปฝึกฝนอบรมตนอันยวดยิ่งด้วย "วิปัสสนา ภาวนามัย" สั่งสมบุญครบถ้วนสมบารมี ๑๐ ตลอด ๑๒ วัน ขอกุศลส่งท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Mr.Kim<!-- google_ad_section_end --> และครอบครัว สมความปรารถนาสู่การบรรลุอภิเษกวิริยาธิกะสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยจิตที่ตั้งไว้ด้วยดีนั้นแล้วเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  17. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    ขออนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านเลยนะคะ
    การปฏิบัติของทุกท่านก้าวหน้าดีจังเลย สาธุ สาธุ
    แต่ของตัวหยีเองยังไม่ไปไหนเลย
    ส่วนมากโดยรวมที่ผ่านมา
    จะมีอยู่ 3 ข้อที่ทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
    คือข้อ 1 ข้อ3 ข้อ5
    ส่วนข้อ 2 ไม่เชิงขโมยนะคะ แต่บางทีก็เผลอแต๊บเงินทอนแม่บ้าง
    เงินขายของเล็กๆน้อยๆบ้าง แฮ่ๆ
    ส่วนข้อสำคัญคือข้อ 4 พยายามมากค่ะ รู้ตัวเองแต่บังคับใจไม่ได้
    ประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมามีงาน / กิจกรรมร.ร.ที่มันเยอะ
    การทำงานต้องทำกับเพื่อน คนหมู่มาก มันยับยั้งให้ตัวเองไม่ใช้ปากผิดศีลข้อ 4 ไม่ได้เลย
    จะพยายามให้มากกว่านี้ให้ได้เลยค่ะ ^____^
    สรุปก็
    ข้อ 1 = 100 %
    ข้อ 2 = 80 %
    ข้อ 3 = 100%
    ข้อ 4 = 60 %
    ข้อ 5 = 100 %
     
  18. เนตรนที

    เนตรนที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +4,122
    ตั้งแต่เข้าโครงการ ทุกวันจะระลึกอยู่เสมอว่าอย่าผิดศีล

    รู้สึกว่าตามจิตใจตัวเองได้ดีขึ้น มีสติ ระลึกดี ระลึกชั่วได้มากขึ้น

    ศีล 5 ข้อ ที่ทำไม่ค่อยได้คือ ข้อ 1 และข้อ 4

    ข้อ 1 ยังฆ่ามด ยุง แมลงเล็ก (แบบไม่เจตนา) อยู่บ่อยๆ เพราะระวังไม่ไหว
    ข้อ 4 ยังพูดเพ้อเจ้อบ้าง นินทาบ้าง ไร้สาระบ้าง เพราะการเข้าสังคม แต่ไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อนหรือกระทบความรู้สึกของใคร

    โครงการนี้มีประโยชน์มากค่ะ และหวังว่าเดือนต่อๆไปจะทำได้ดีกว่าเดือนที่ผ่านมาค่ะ
     
  19. klang20

    klang20 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +91
    เป็นโครงการที่ดีมากๆครับ
    ยังมีศีลข้อ 4 ยังไม่ได้คือยังมีการพูดเพ้อเจอบ้าง พยายามพูดให้พูดน้อยที่สุดจะพูดแต่สิ่งที่จำเป็น จะพยายามให้มีสติกำกับทุกการกระทำครับ
     
  20. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    ธรรมะสวัสดีครับ

    น้อมอนุโมทนา สาธุ กับคุณธิดารัตน์ คุณเนตรนที คุณklang20 และกัลยาณมิตรผู้ร่วมโครงการทุกๆ ท่านด้วยนะครับ

    ขอให้ทุกท่านได้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...