Civilization I : การจัดสรรที่ดินที่เหมาะสม ก่อเกิดเมืองและชนบทอย่างลงตัว!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 6 กรกฎาคม 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การจัดสรรที่ดินนั้นเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะหากจัดสรรที่ดินแบบหนึ่ง ก็ให้ผลแบบหนึ่ง จัดสรรอีกแบบหนึ่ง ก็ให้ผลอีกแบบหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ มีที่น้อยมาก แต่คนอยู่มาก สิงคโปร์กลับได้รับการจัดสรรให้เกิดเป็นเมืองที่มีความเจริญทางวัตถุมาก ในขณะที่บางประเทศมีที่ดินกว้างขวาง สามารถทำการเกษตรได้มาก เมื่อจัดสรรแล้วกลายเป็นประเทศเกษตรกรรมไป ดังนั้น ในการจัดสรรที่ดินนั้น ถ้าทำได้ดี จะทำให้เราได้ ๑ เกษตรกรที่มีที่ดินมากพอ พอที่จะทำกำไรและอยู่รอดได้ (ซึ่งควรจะมีรายละ ๑๐ ไร่ขึ้นไป จึงจะอยู่รอด) ๒ ย่านการพาณิชย์ ซึ่งเกิดจากการที่มีที่ดินน้อย แต่คนเข้าไปแออัดอยู่เป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์อพยพชาวพม่า จ. ตาก นั้น ก็สามารถพัฒนาขึ้นเป็น "ย่านการพาณิชย์ใหม่" ได้ เพราะมีแรงงานชาวพม่าที่ต้องการทำงานและยอมรับในค่าจ้างอัตราต่ำกว่าคนไทยมาก ทั้งยังมีปริมาณความต้องการกิน, จับจ่าย เพื่อดำรงชีพขั้นพื้นฐานอีกด้วย ซึ่งสามารถจัดสรรสินค้าโอท้อปที่ยากแก่การแข่งขันในตลาดระดับสูง ลงสู่ตลาดระดับนี้ได้ เป็นต้น นี่คือ การยกตัวอย่างของการทำให้เกิด ๑ เขตเกษตรกรรม และ ๒ เขตพาณิชยกรรม อย่างง่ายๆ เป็นเบื้องต้นเท่านั้น ดังจะอธิบายรายละเอียดต่อไป
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กลยุทธ์ในการ "ย่อขยายจักรวาล" สู่แบบจำลองการก่อเกิดเมืองทวิภพ


    คำว่า "เมืองทวิภพ" หมายถึง เมืองที่มีสองภพ คือ ๑ ภพแห่งความเจริญทางวัตถุ
    และ ๒ ภพแห่งความเจริญทางจิตใจ ทั้งสองนี้จะสร้างดุลยภาพทั้งทางโลกและใน
    ทางธรรม คู่กันไป คือ เมื่อเมืองทางวัตถุเจริญมาก เมืองทางจิตใจก็เจริญตามด้วย
    เมื่อเมืองทางจิตใจขาดแคลนวัตถุ เมืองทางวัตถุก็จะทำทาน, บริจาคไปให้ แต่ถ้า
    เมืองทางวัตถุขาดแคลนความสุขสงบ เมืองทางจิตใจก็จะช่วยด้วยเมตตาธรรม ให้
    เกิดความสุขสงบขึ้นได้ สองเมืองคู่แตกต่าง หนุนเนื่องกันอย่างนี้อย่างสมดุลลงตัว
    ได้ด้วยกลยุทธ์ "ย่อ-ขยายจักรวาล" อธิบายง่ายๆ อย่างนี้ การย่อจักรวาลก็คือ การ
    ทำให้คนจำนวนมาก อยู่ในที่แคบๆ พอที่จะดำเนินกิจกรรมร่วมกันได้อย่างลงตัวเช่น
    คนที่เปิดร้านค้าขาย ก็มีคนผ่านหน้าร้านมากมายทุกวัน ขายได้แน่ๆ ไม่ต้องกลัวเจ๊ง
    แม้แต่คนที่ไม่มีความสามารถอะไร ก็กลายเป็นแรงงานระดับต้น ทำงานหากินอยู่ได้
    นี่คือ "การย่อจักรวาลก่อให้เกิดเมืองทางวัตถุ" ส่วนการขยายจักรวาล ก็คือ การแบ่ง
    ที่ดินทำกินให้เหมาะสม และอยู่ในจุดคุ้มทุน เกษตรกรสามารถยืนหยัดได้ ไม่ขาดทุน
    ซ้ำซาก คือ "ต้องขยายที่ดินทำกินให้เกษตรกร" ให้สามารถอยู่ในระดับที่ "ทำกำไร"
    ได้ ไม่ใช่มีที่ดินแค่ ๒ ไร่ ๕ ไร่ ทำไปก็ขาดทุน อย่างนี้ไม่รอด ชาวนาล่ม ระบบนาก็
    ล่มตายตามชาวนาไปด้วย ลูกหลานก็อยู่ไม่รอด ไปเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม
    กันหมด อย่างนี้ไม่ได้ อนึ่ง การที่จะจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรมากๆ อย่างไร้เหตุผลใน
    ทางเศรษฐศาสตร์นั้น "เป็นไปไม่ได้" แต่การที่ "รัฐบาลเป็นผู้รับซื้อที่ดิน" ให้ได้มาก
    แล้ว "รัฐบาลจัดสรรให้เช่า" อย่างลงตัว เช่น ให้เช่ารายละ ๑๐ ไร่ ต่ำกว่านี้ไม่ได้แต่
    คิดค่าเช่าชาวนา "ในราคาถูก" ทั้งยังดูแลเกษตรกร เหมือนระบบโควต้าของบริษัทฯ
    คือ "ชาวนาต้องวางแผนการผลิตสอดคล้องกับรัฐบาล" ด้วย เช่น ต้องจัดสรรที่ดิน
    ให้เป็น "แปลงเกษตรพอเพียงแบบผสมผสาน" จำนวน ๕๐% และแปลงเกษตรเพื่อ
    การค้าขาย ๕๐% เป็นต้น เพื่อให้ชาวนาสามารถได้ทั้งปัจจัยการดำรงชีพจากไร่นาที่
    ตนปลูกและยังได้รายได้จากการผลิตสินค้าที่ไม่ล้นความต้องการของตลาดด้วยอนึ่ง
    การจัดสรรแปลงเกษตรนี้ รัฐบาลสามารถวางแผนและบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เพราะ
    เป็นการวางนโยบายจากศูนย์กลาง สามารถคำนวณปริมาณผลผลิตได้ก่อนจะออกสู่
    ตลาด จึงสามารถคำนวณระดับราคาที่ "คุ้มทุนการผลิต" ได้ก่อน ลดปัญหาต่างๆ ได้
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    "World Town" พัฒนากว่าไชน่าทาวน์ด้วยกลยุทธ์ "ย่อจักรวาล"


    เพราะไชน่าทาวน์ทำให้เกิดย่านการค้าจำนวนมากในประเทศต่างๆ เช่น ใน
    ประเทศไทย, อเมริกา ฯลฯ ล้วนมีย่านการค้านี้มากมาย คนไทยบางคน จึง
    คิดทำ "ไทยทาวน์" ขึ้นมาในประเทศอเมริกาบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงการเดิน
    ตามไชน่าทาวน์ ต่อให้เดินเร็วแค่ไหน ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะตามทันหรือ
    แซงหน้าได้ ดังนั้น "World town" จึงเป็นทั้งการ "เลื่อนระดับ" และสร้าง
    "ดุลยภาพแห่งอำนาจทางวัฒนธรรม" ไปในตัว ไม่ให้มีแต่ไชน่าหรือประเทศ
    หนึ่งประเทศใด อนึ่ง การเกิดขึ้นของ World town นี้ ก็เหมือนการเกิดขึ้น
    ของไชน่าทาวน์ เพียงแต่ขยายความคิดจากไชน่าเป็นโลก เท่านั้นเอง คล้าย
    กับการเกิดขึ้นของ "ถนนข้าวสาร" ที่ไม่มีคอนเซฟชัดเจน แต่เพราะเล็กและ
    แคบ พอที่จะเดินเล่นได้อย่างมีสีสันก็เท่านั้นเอง หรือการเกิดขึ้นของ "เมือง
    ปาย" ที่เกิดขึ้นตามแบบจำลองของถนนข้าวสาร แต่ขยายให้กว้างขึ้นเท่านั้น
    อนึ่ง คำว่า "World" นี้ หมายความว่า คนที่อาศัยอยู่ในย่านที่แคบๆ นั้น จะ
    สามารถใช้ชีวิตได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งทำมาหาเลี้ยงชีพ ทั้งพักผ่อน
    นอนหลับ ฯลฯ ในที่แคบนี้ได้ ทำให้กลายสภาพเป็นเหมือน "โลกย่อยๆ" อีก
    โลกหนึ่ง การที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ที่แคบๆ ในที่นี้เอง ทำให้เกิดปริมาณการ
    ซื้อเฉพาะถิ่น (Local Demand) ขึ้น นำไปสู่การผลิตเฉพาะถิ่น, การแข่งขัน
    เฉพาะถิ่น อีกด้วย ทำให้ "ผู้ประกอบการรายย่อย" ถือกำเนิดได้ โดยไม่ต้องรีบ
    แข่งขันกับตลาดใหญ่ในทันทีที่ถือกำเนิด เหมือนเอาปลามาเพาะเลี้ยงให้โตใน
    บ่ออนุบาลปลาก่อนที่จะปล่อยสู่แม่น้ำสายใหญ่ ดังนั้น หน่วยธุรกิจเล็กๆ จะเกิด
    ได้ด้วยวิธีนี้ และรัฐบาลควรช่วยเหลือในเรื่อง "สวัสดิการ" ด้วย เช่น การสร้าง
    "แฟลต" เล็กๆ ที่พออยู่ บรรจุคนได้มาก แต่ได้มาตรฐานในการดำรงชีพ ให้เขา
    เช่าอยู่ระยะยาวเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อริเริ่มต้น ฝึกตนเป็นผู้ประกอบการราย
    ย่อยได้อย่างไม่ต้องพบกับกระแสการแข่งขันของโลกที่รุนแรงเกินไป (จึงต้อง
    ย่อขนาดให้เขาอยู่ในโลกเล็ก บ่ออนุบาลปลาก่อน) ก่อนที่จะเติบโตขึ้น ต่อไป
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การออกกฏหมายพิเศษเพื่อจัดสรรเขตอนุรักษ์และเขตพัฒนา


    การอนุรักษ์ (ธรรมชาติและวัฒนธรรม) และพัฒนา ควรเป็นไปคู่กัน
    อย่างเหมาะสม สมดุล ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ดังนั้น การแบ่ง
    เขตเพื่อพัฒนาประเทศอย่างเหมาะสม ทำให้ "วางยุทธศาสตร์" ใน
    การพัฒนาประเทศได้อย่างไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างนักอนุรักษ์และนัก
    พัฒนา เช่น บริเวณโดยรอบจากเขตอุทยานประวัติศาสตร์ ที่ออกมา
    ในรัศมี ๑ กม. เป็นเขตอนุรักษ์ ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะไม่มีงบเข้ามาทำ
    อะไรเลย ตรงกันข้าม กลับได้งบในการอนุรักษ์เชิงรุก คือ ไม่ได้ห้าม
    ทำ ห้ามนั่น ห้ามโน่น ห้ามนี่ ฯลฯ อย่างเดียว แต่ส่งเสริมให้ทำสิ่งอัน
    ควรด้วย เช่น มีเสื้อผ้าคนโบราณให้สวมใส่ฟรีเมื่อเข้ามาค้าขายในที่
    บริเวณนี้ เป็นต้น เพื่อสร้างบรรยากาศและสีสัน กระตุ้นการท่องเที่ยว
    ด้วยคนไม่ใช่มีแต่วัตถุสิ่งของเท่านั้น (เหมือนเราไปเที่ยวหมู่บ้านชาว
    เขา เราก็ชอบที่เห็นพวกเขาแต่งชุดชาวเขา แต่ถ้าเขาแต่งชุดเหมือน
    เราๆ คงไม่ไปเที่ยวแล้ว ใช่ไหม?) เมื่อเรากำหนดเขตได้ชัดเจนแล้ว
    ก็สามารถ "ออกกฏหมาย" ในเชิง "อนุรักษ์และควบคุม หรือ กระตุ้น
    ส่งเสริมให้พัฒนา" ได้ เช่น ในเขตพัฒนา เราอาจผ่อนปรนกฏหมาย
    บางอย่าง ให้ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพ และมี
    ที่ทำกินได้ เช่น ย่านพาณิชย์ อนุญาติให้มีถนนบางเส้นที่คนขายของ
    ข้างทาง, หาบเร่แผงลอยฯลฯ สามารถประกอบอาชีพได้โดยไม่มีการ
    "เก็บส่วย" แบบนี้เป็นอันชัดเจนกันว่า นักอนุรักษ์จะเป็นผู้นำสังคมใน
    เขตไหน และนักพัฒนาจะเป็นผู้นำสังคมในเขตไหน? (สองกลุ่มนี้ ถ้า
    ทำงานร่วมกันคงไปกันยาก เถียงกันตาย งานการไม่เดินหน้าแน่นอน)
    อนึ่ง ในเขตอนุรักษ์หรือพัฒนาก็ดี ไม่ใช่ว่ามีแต่อย่างหนึ่งอย่างใดไป
    ๑๐๐% แต่เป็นสัดส่วนที่อนุรักษ์นำพัฒนา อย่าง ๑ และสัดส่วนที่นัก
    พัฒนานำนักอนุรักษ์ อย่าง ๑ แบ่งกันชัดเจน (เช่น สัดส่วน ๒๐/๘๐)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2011
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    "การบริหารระบบเกษตรกรรมองค์รวม" ด้วยกลยุทธ์ "ขยายจักรวาล"


    เพื่อให้การเกษตรในประเทศไทยทั้งหมด ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีระบบ
    ยิ่งขึ้น คือ "วางแผนผลิตให้ได้ผลผลิตในปริมาณที่พอดี" ถ้าน้อยเกินพอดี ก็
    จะไม่พอต่อการบริโภคทั้งยังทำให้ระดับสินค้าราคาสูงขึ้นประชาชนเดือดร้อน
    ถ้ามากเกินพอดี ก็จะทำให้ "ราคาสินค้าตกต่ำ" ดังนั้น ระบบเกษตรกรรมจะไม่
    "เป็นโลกแคบแต่ในนาใครนามัน" อีกต่อไป แต่ต้องเป็น "การบริหารจัดการใน
    แบบองค์รวมทั้งประเทศจากศูนย์กลางเดียวกัน" ด้วยวิธีนี้ เกษตรกรจะมีผู้ช่วย
    ที่มีความรู้คตวามสามารถ เช่น พนักงานภาครัฐฯ ที่เข้ามาช่วยหลายฝ่าย อาจ
    จัดตั้งเป็น "รัฐวิสาหกิจเกษตรกรรมแห่งชาติ" ก็ได้ เพื่อดึงผู้มีความรู้และความ
    สามารถด้านต่างๆ มาช่วยกันอย่างหลากมิติ เช่น นักการตลาดฯ ที่วางแผนการ
    ตลาดให้แก่สินค้าเกษตร, นักแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ล้นเกินความต้องการในตลาด
    ฯลฯ เป็นต้น ด้วยวิธีนี้ระบบเกษตรกรรมของไทยจะเข้มแข็งทัดเทียมกับประเทศ
    "จีน" ได้ แต่เราจะได้เปรียบประเทศจีนมากกว่าด้วย "ความอุดมสมบูรณ์ของที่
    ดิน" ที่เรามีมาแต่ดั้งเดิม นั่นเอง การทำการเกษตรแนวคิดใหม่นี้จะไม่ใช่นาใคร
    นามัน บ้านใครบ้านมัน ของใครของมัน อีกต่อไป แต่ต้อง "ขยายให้กว้าง" ทำ
    ใจให้กว้าง รู้ให้กว้าง เปิดสมองให้กว้าง เพราะปัจจุบัน การแข่งขันของโลกได้มี
    ผลกระทบมาถึงทุกไร่นาของเราแล้ว เช่น กระเทียมของจีน ก็เข้ามาตีตลาดไทย
    ดังนั้น เราจะคับแคบ ไม่ทันโลกกว้างไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทว่า เกษตรกรไทย ยัง
    ไม่เข้มแข็งมากพอ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเข้ามามีบทบาทให้มากอย่างยิ่ง เพราะ
    นี่คือ "พื้นฐานที่สำคัญ ๘๐% ของประเทศไทย" ก็มีรากฐานมาจากการเกษตร
    อนึ่ง ในเขตเกษตรกรรมนี้ นับเป็นเขตอนุรักษ์ กล่าวคือ จะมีการวางแผนเน้นใน
    ด้านอนุรักษ์นำการพัฒนา ทั้งการอนุรักษ์อาชีพดั้งเดิม, อนุรักษ์ธรรมชาติ, การ
    อนุรักษ์วัฒนธรรม ดังนั้น จึงมีงบประมาณที่เน้นไปส่วนนี้เป็นส่วนใหญ่ เช่น การ
    มีเงินอุดหนุนปราชญ์ชุมชน, เงินอุดหนุนให้หมอแผนโบราณไปช่วยงานอนามัย
    เงินอุดหนุนปราชย์ผู้นำในพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ, เงินอุดหนุนนักดนตรีนักรำ
    หรือนักแสดง แบบพื้นบ้านโบราณ เช่น ลิเก, ลำตัด, หมอรำ ฯลฯ ให้อยู่รอดได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2011
  6. หมูน้ำยืน

    หมูน้ำยืน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +38
    ถ้าคุณอพอลโร่เรียงการพิมพ์ให้อ่านง่าย ๆ นะจะดีต่อคนแก่อย่างผมมาก

    อ่านกระทู้คุณอพอลโร่ไม่จบซักกระทู้ปวดตาก่อน แต่ก็อยากติดตามนะ
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อนึ่ง ในการสร้างสมดุลสองส่วนแบบทวิภพ คือ ภพที่มีความเจริญทางวัตถุและภพที่มีความเจริญทางจิตใจเป็นหลักนี้ ได้ยกตัวอย่าง กลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนของแต่ละภพ เช่น ภพทางด้านจิตใจ มีเกษตรกรรม เป็นกลไกลขับเคลื่อนสำคัญ, ภพทางด้านวัตถุ มีพาณิชยกรรม เป็นกลไกลขับเคลื่อนสำคัญ ทั้งหมดนี้เป็นเพียง "การยกตัวอย่าง" เท่านั้น แต่ในการทำจริง จะเป็นการ "บริหารองค์รวม" คือ จะคิดแต่อาชีพใดอาชีพหนึ่งไม่ได้ ต้องมองภาพรวมแล้วดำเนินไปพร้อมกันทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สำหรับกลยุทธ์ "ย่อ-ขยายจักรวาล" นี้ เป็นเพียงการออกแบบ "ชุมชน" สองลักษณะภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญคือ "ที่ดิน" เป็นสำคัญ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ การ "ทำให้ครบวงจร" เช่น ถ้าเราเอาคนเข้าไปแออัดในที่เล็กๆ แล้ว "ไม่ครบวงจร" คนก็จะแตกออกมาเพื่อทำกิจของเขา เช่น บางคนออกจากเขตชุมชนไปเรียนไกลๆ, ไปทำงานไกลๆ, ไปดำรงชีพไกลๆ ฯลฯ แบบนี้ ไม่อาจเกิดเป็นชุมชนด้วยตนเองได้ คำว่า Town จะไม่เกิดขึ้นได้เลย คนที่เปิดร้านขายของอาจขายของไม่ได้จริงเลย เพราะเช้าขึ้นมาคนก็ออกจากหมู่บ้าน ไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ ดังนั้น การทำ "ย่อจักรวาล" ก็คือ เหมือนเอาทุกอย่างครอบจักรวาล ครบวงจร ให้มารวมอยู่ในที่เล็กๆ โดยไม่ต้องออกไปสู่ภายนอก หรือใช้เวลาข้างนอกมาก แต่เราไม่ได้กักขังเขา เขาอาจออกไปเที่ยวตามธรรมชาติบ้าง นานๆ ครั้ง แต่ที่สำคัญต้องให้มีคนจำนวนมากพอควร เป็นกำลังซื้อประจำที่ไว้ ณ World Town นั้น เช่น การมีเส้นถนนคนเดินเที่ยว เหมือนถนนข้าวสาร มีห้องเช่าเล้กๆ ดัดแปลงเป็นที่พักราคาถูกแต่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ไว้เสริมเป็นส่วนดึงดูด หรือการสร้าง "สิ่งดึงดูด" บางอย่างให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักในปริมาณที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่ช่วงฤดูท่องเที่ยวมามาก แต่หมดฤดูแล้ว ที่พักห้องว่าง คนทำธุรกิจเจ๊งไปเลย อันนี้ ก็ไม่ได้ ความเป็น World Town จะไม่เกิด ดังนั้น จึงต้องมี "สิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอันเป็นสัญลักษณ์ของ World Town" เช่น มุมคนแต่งชุดกิโมโน, มุมน้ำชาจีน, มุมแต่งชุดถ่ายภาพสไตล์เกาหลี, มุมยุโรปย้อนยุค ฝรั่งขาเดฟ, ฯลฯ ให้หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจ คือ มีแนวคิดในการขายที่ชัดเจนกว่าถนนข้าวสาร หรือปาย ก็ตาม ...
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จบการสื่อสารจาก "สิ่งหนึ่ง" ในจักรวาล


    ๖ ก.ค. ๒๐๑๑
    รับการสื่อสารโดย "อพอลโล่"
     
  9. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ได้ครับ เป็นสาธารณสมบัติ ไม่มีลิขสิทธิ์
    แต่ระวังว่าประเทศอื่นจะเอาไปทำสำเร็จก่อนเรานะครับ
    (อันนั้น ผมก็ยินดีกับเขา เพียงแต่สงสารประเทศเราเท่านั้นเอง)
     
  11. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    เพียงคำพูดก็ลึกซึ้งยิ่งแล้ว
    ขอให้เมืองไทยพัฒนาอย่างยั่งยืน
    ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    SME ที่เราทำ หลายตัวล้มเหลวเพราะรีบออกสู่ตลาดใหญ่
    ทั้งที่ยังไม่เข้มแข็งพอ เหมือนปลาตัวเล็กถูกปล่อยลงทะเล
    ทั้งยังไม่โต ก็ถูกปลาใหญ่จับกินหมด ที่เหลือรอดนั้น ไม่ใช่
    ผู้ประกอบการรายใหม่จริง แต่เป็นกลุ่มที่เขาอยู่รอดมาก่อน
    ตั้งนานแล้ว


    การทำให้เกิดการพาณิชย์ที่ได้ผล เราควรดูไชน่าทาวน์เป็น
    ตัวอย่าง ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าจะเกิดที่อื่น เช่น ที่ปาย
    ที่อีสานจุดอื่นๆ ฯลฯ จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร...
     
  13. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    รูปใน avatar ของคุณอพอลโล่คือใครเหรอครับ เหมือนจะเป็นชาวญี่ปุ่น :)
     
  14. Omniverse

    Omniverse สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +12
    เขาคือ ซาคาโมโตะ เรียวมะ ผู้นำในการเปลี่ยนแปลงญี่ปุ่นในยุคเอโดะตอนปลาย มีชีวิตอยู่ระหว่างปี พ.ศ.2378-2410 (ราว 32 ปี)

    ตอนนี้มีภาพยนตร์อัตชีวประวัติของเรียวมะออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส เรื่อง เรียวมะ จอมคนพลิกแผ่นดิน ในวันพฤหัส-ศุกร์ เวลา 20:30-21:30 น.
    ลองไปติดตามดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  15. jaochary

    jaochary สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2011
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +5
    คุณ อพอลโล่ นี่ก็เก่งนะ อยากให้เปิดตัวให้เพื่อนๆได้รู้จักบ้างครับ
     
  16. fullmoon5

    fullmoon5 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +44
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ขอเรียนว่า (ขอเลียนแบบนายกหน่อย) ผมไม่มีนโยบายจะเปิดตัวนะครับ


    ทุกวันนี้ ทำงานไปเพราะผมเองก็มีกรรม และกรรมนั้นทำให้ต้องมานั่งทำอยู่อย่างนี้
    บทความนี้ ไม่ได้สื่อเพื่อให้ทำนะครับ เป็นการแจ้งบอกถึงแนวทางในอนาคตเท่านั้น
    ปัจจุบัน คนไทยมีกรรมเยอะมาก และมีบุญบารมีน้อยยังไม่สามารถจะได้รับสิ่งนี้ได้
    ต่อไปจะมีกรรมเข้าและความทุกข์ ความวุ่นวายอีกมาก ผมไม่อาจต้านทานกรรมได้
    เพราะเคยทำมาแล้ว และโดนสวรรค์ลงทัณฑ์มาแล้ว ต้องมารับกรรมอย่างที่เป็นอยู่
    ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะยังโชคดีมี "จิตจักรวาล" ท่านยอมรับผม ทำให้ผมได้ทำงานนี้
    กิจของจักรวาลก็เท่านั้น ไม่สามารถออกนอกกรอบ ล้ำเส้นที่สวรรค์กำหนดได้ครับ


    รูปเรียวมะก็ลงไปยังงั้นๆ แหละ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก ทำไปตาม "ท่านฯ" จะสั่ง
     
  18. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    หมายความว่า
    ถ้าทุกคนได้ชำระกรรมโดยทั่วถ้วนแล้ว จะได้รับสิ่งที่แจ้งก่อนหน้านี้ใช่ไหมครับ
    หากการชำระฯ ยังไม่หมด จะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ครับ ถ้าชำระฯ ไม่หมด จัดเต็ม ก็คงเหมือนที่ อ. ปริญญา ทำนายมั้งครับ
    ที่ผ่านมาคำทำนายไม่เป็นจริง ไม่ใช่เพราะช่วยกันชำระ แต่เป็นเพราะฤทธิ์
    ของหลายท่านต้านทานไว้ ตอนนี้เริ่มไม่ไหวกันแล้ว อย่างที่เห็นอยู่พระที่
    เก่งๆ หลายรูปเริ่มไม่ไหวกันแล้วนะครับ


    ดังนั้น จึงต้องร้องขอให้ "ทุกท่านช่วยกันแบ่งเบาภาระ ช่วยกันรับ" ครับ
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บทความเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศนี้ ผมได้รับจาก "ลูซิเฟอร์"


    เนื่องจากปัจจุบัน มนุษย์มีแต่กรรมที่ยังไม่ได้รับการชำระ ไม่มีบุญจะรับเลย
    ที่ผมเขียนเพราะ "ฝืนธรรมชาติ ฝืนกฏแห่งกรรม" และถูก "ลูซิเฟอร์" แทรก
    ลูซิเฟอร์ เขาตกสวรรค์ ไม่มีที่อยู่ ต้องมาอาศัยอยู่กับมนุษย์ แฝงร่างมนุษย์
    เขายังติดสวรรค์ ความเป็นอยู่ที่ดีงาม เขาจึงคิดสร้างโลกนี้ให้เป็นดั่งสวรรค์
    ผมได้รับการทดสอบ เพียง "เสี้ยวคิดเดียว" ผมก็ห่างจากจิตจักรวาลจากนั้น
    ลูซิเฟอร์ ก็ให้แผนการพัฒนาประเทศให้ยิ่งใหญ่รุ่งเรืองนี้แก่ผม ตอนนี้ ผมก็
    ไม่เอาแล้ว เขาจากไปแล้วด้วยดี ไม่มีปะทะกัน (ตอนแทรกเข้ามา รู้สึกแน่น
    ที่หน้าอกมาผิดปกติ เหมือนมวลพลังอัดอยู่ที่หัวใจ) ผมไม่อยากโดยทัณฑ์
    สวรรค์อีกรอบแล้วครับ เดี๋ยวจะมีสภาพไม่ต่างจากลูซิเฟอร์ (ตกสวรรค์)
     

แชร์หน้านี้

Loading...