พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง

    เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

    กำหนดการ

    วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554

    ณ ศาลาข้างกุฎิ 7 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน กรุงเทพฯ

    [​IMG] [​IMG]


    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 หากท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญและรับพระ ให้ไปร่วมทำบุญในงานเท่านั้น

    ผมไม่ส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ

    [​IMG]




    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่อง ของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    .
    </td> </tr> </tbody></table>
    งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง ผ่านพ้นไปด้วยดี

    ยอดเงินผ้าป่า(เป็นเงินที่ได้จากการร่วมทำบุญในงาน ยังไม่รวมยอดเงินที่โอนเข้าบัญชี) จำนวน 229,000.-บาท

    หลังจากการพิธีของงานผ้่าป่าเรียบร้อยแล้ว

    ผมก็ได้นำพระกรุวังหน้าอยุธยา และ พระกรุวังหน้ารัตนโกสินทร์ ถวายพระอาจารย์นิล เพื่อขอความกรุณาพระอาจารย์นิล เดินทางลงไปมอบพระให้กับตำรวจตะเวณชายแดนที่ 44 , 43 และผู้ที่ปฎิบัิติงานในพื้นที่จริง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    อีกทั้งผมและหลายๆท่าน ได้ร่วมกันถวายปัจจัย(เพื่อใช้ในการเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้)

    ผมมีโอกาสได้คุยกับผู้พันช้าง (เป็นเพื่อนกับผู้กองแคนและผู้กองตี้) ได้เห็นภาพในการปฎิบัติงาน ทำให้เห็นว่า การปฎิบัติงานเสี่ยงต่ออันตรายเป็นอย่างยิ่ง เห็นหลายๆสิ่งหลายๆอย่างแล้ว ก็ทำให้คิดว่า คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับความเหนื่อยที่หลายๆท่านได้ร่วมกันทำบุญใน การมอบพระกรุวังหน้าอยุธยาและพระกรุวังหน้ารัตนโกสินทร์

    ผมได้กราบเรียนพระอาจารย์นิลว่า สำหรับพระกรุวังหน้าอยุธยา พิมพ์ซุ้มไทรย้อย ขอให้พระอาจารย์มอบให้กับ กองกำกับการตำรวจตะเวณชายแดนที่ 44 และ 43 ครับ

    ขอขอบคุณและโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นพี่เปี๊ยก , คุณnongnooo , พี่เมตตา , คุณPinkcivil ,คุณเฉลิมพล , คุณณฑนน , น้องปฐม , พี่แอ๊ว , คุณแด๋น และพี่สิทธิพร (ต้องขอโทษหากลืมท่านใด)
    ขอขอบคุณและโมทนาบุญกับพี่สิทธิพร , คุณหนิง , คุณจี๊ดและคณะที่ช่วยเหลือในการเจาะรูที่กรอบสเตนเลส อีกทั้งใส่แหนบให้

    วันนี้ ผมได้ถวายพิมพ์ซุ้มไทรย้อย แด่พระอาจารย์นิล และพี่แอ๊ว เพราะว่า พระอาจารย์นิล ท่านจะต้องเดินทางลงไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


    และผมเองก็ได้พบกับคุณซิ้งบน ที่เดินทางมารับพระวังหน้า ในการร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง

    สำหรับท่านใดที่ร่วมทำบุญและรับพระวังหน้าหรือพระวังหลวงที่มีพระธาตุ ผมขอให้ท่านหาโถเบญจรงค์ นำแผ่นทองคำปูพื้นโถ แล้วนำพระวังหน้าหรือพระวังหลวงที่มีพระธาตุ นำไปไว้ในโถ ตั้งบูชาไว้ในที่อันควรด้วยครับ

    ส่วนสมาชิกชมรมพระวังหน้าที่เดินทางมาไกล ก็มีคุณณฑนน , คุณเฉลิมพล เดินทางมาจากจังหวัดนครราชสีมา ส่วนอีกท่านที่มาไกลกว่าก็คือ คุณธวัช (มาจากจังหวัดน่าน)

    ส่วนท่านที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็คือ คุณPinkcivil และ คุณมูริญโญ่ที่เดินทางมาร่วมงาน

    .

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%93-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%AD-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%88-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4.68899/page-111-

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คำวัด - สาธุ - สาธุการ


    การลงมติในทางโลกนั้นมีหลายวิธีการ ซึ่งที่จะมาถึงในวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ คือ การไปลงคะแนนเสียงเลืกตั้ง ส่วนการยกมือแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอาจจะเป็นการลงมติในระดับต้นๆ ของประชาธิปไตย เช่น เลือกหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าห้องเรียน

    ส่วนในทางธรรมนั้นก็มีการลงมติเช่นกัน กล่าวคือ การยืนยัน หรือรับรองการทำสังฆกรรมนั้นๆ ว่า “ถูกต้องเหมาะสม” หรือเพื่อลงมติว่า “เห็นด้วยกับข้อเสนอ” พระสงฆ์จะใช้คำว่า "สาธุ"


    "สาธุ" มาจากรากศัพท์ว่า สาธฺ หรือ สธฺ ในความหมายว่า สำเร็จ และประกอบด้วย รู ปัจจัย (สาธ + รู = สาธุ) หมายถึง ผู้ใดยังประโยชน์ของตนและของผู้อื่น ย่อมให้สำเร็จ ดังนั้น ผู้นั้น เชื่อว่า สาธุ (ยังประโยชน์ของตนและของผู้อื่นให้สำเร็จ) ดังเช่น ทายกที่ไปทำบุญมา เมื่อเจอญาติมิตรเพื่อนฝูง หลังจากเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้วมักจะตามด้วยการให้ส่วนบุญว่า รับส่วนบุญด้วยนะ และโดยมากมักจะรับกันว่า สาธุ
    ทั้งพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายของคำว่า “สาธุ” แปลว่า ดี งาม ชอบ ถูกต้อง

    สาธุ ในคำวัดใช้เป็นคำที่พระสงฆ์เปล่งวาจาเพื่อยืนยัน หรือรับรองการทำสังฆกรรมนั้นๆ ว่า “ถูกต้องเหมาะสม” หรือเพื่อลงมติว่า “เห็นด้วยกับข้อเสนอ”เป็นกิริยาที่พระสงฆ์ใช้แทนการยกมือแบบคฤหัสถ์ในเวลาลง มติ
    สาธุ ในคำไทยใช้เป็นคำอนุโมทนาแสดงความชื่นชมยินดีในบุญกุศล หรือความดีที่คนอื่นทำ โดยประนมมือยกขึ้นเสมอศีรษะพร้อมเปล่งว่าจากว่า “สาธุ

    นอกจากนนี้ยังใช้ในความหมายว่า “ไหว้” เช่นบอกให้เด็กๆ แสดงความเคารพพระ หรือผู้ใหญ่ด้วยการไหว้ ทั้งนี้ใช้กร่อนไปเหลือเพียง “ธุ” ก็มี เช่นใช้ว่า
    “ขออนุโมทนาสาธุด้วนะ”
    “ธุพระเสียลูก”

    ส่วนคำว่า “สาธุการ” เจ้าคุทองดีได้ให้ความหมายไว้ว่า การเปล่งวาจาสาธุ การแสดงความเห็นว่าดีแล้ว ชอบแล้ว

    สาธุการ ใช้เรียกการแสดงความเห็นด้วยการเปล่งวาจาว่า ชอบแล้ว เหมาะสมแล้ว เห็นชอบด้วย หรือแสดงความชื่นชมยินดี ยกย่องสรรเสริญ เช่นว่า

    “เขาได้รับการแซ่ซ้องสาธุการเป็นอย่างมากที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ครั้งนี้”
    “เมื่อเห็นสมควรแล้วก็ขอให้เปล่งวาจาว่า สาธุการให้พร้อมกันเทอญ”

    สาธุการ ในคำไทยเป็นชื่อเรียกเพลงหน้าพาทย์ที่สำคัญยิ่ง ใช้บรรเลงในพิธีกรรมเมื่อบูชาหรืออัญเชิญพระรัตนตรัย เทพดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และใช้เพื่อแสดงกิริยาน้อมไหว้ เป็นเพลงอันดับแรกของชุดโหมโรงเช้า โหมโรงเย็น เรียกว่า เพลงสาธุการ
    "พระธรรมกิตติวงศ์ "










    -http://www.komchadluek.net/detail/20110701/101881/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html-


    .




     
  3. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    สวัสดีตอนดึกครับ

    วันนี้เดินทางกลับรถติดเป็นบางช่วงแต่ก็ปลอดภัยดีครับ

    เชิญร่วมโมทนาบุญครับ
     
  4. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    :mad:งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง ผ่านพ้นไปด้วยดี:cool:

    ยอดเงินผ้าป่า(เป็นเงินที่ได้จากการร่วมทำบุญในงาน ยังไม่รวมยอดเงินที่โอนเข้าบัญชี) จำนวน 229,000.-บาท

    หลังจากการพิธีของงานผ้่าป่าเรียบร้อยแล้ว

    ผมก็ได้นำพระกรุวังหน้าอยุธยา และ พระกรุวังหน้ารัตนโกสินทร์ ถวายพระอาจารย์นิล เพื่อขอความกรุณาพระอาจารย์นิล เดินทางลงไปมอบพระให้กับตำรวจตะเวณชายแดนที่ 44 , 43 และผู้ที่ปฎิบัิติงานในพื้นที่จริง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    อีกทั้งผมและหลายๆท่าน ได้ร่วมกันถวายปัจจัย(เพื่อใช้ในการเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้)
    โมทนาบุญทุกๆประการครับ(kiss)
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    สำหรับพระพิมพ์กรุวังหน้าอยุูธยา และ พระพิมพ์กรุวังหน้ารัตนโกสินทร์

    ต่อให้ไม่ว่าใคร หามาได้ ที่เป็นรุ่นเดียวกัน เนื้อเดียวกัน พระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงเดียวกัน

    ก็ไม่เหมือนกับชุดนี้

    เพราะว่า มีองค์ผู้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมอีกเยอะมาก

    เมื่อวานนี้ ผมนำไปมอบให้กับท่านที่ไปร่วมทำบุญผ้าป่าฯ

    ปรากฎว่า มีผู้ที่ร่วมทำบุญและรับชุดพระกรุวังหน้าอยุธยา (ซุ้มไทรย้อย) มีแต่เฉพาะสมาชิกชมรมพระวังหน้าเท่านั้น ที่ได้ไป

    น่าเสียดายจริงๆ เหอๆๆๆๆๆๆ


    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, jirautes, กรวดขาว</td></tr></tbody></table>


    สวัสดีตอนเช้า วันอาิทิตย์หรรษา

    อย่าลืมออกไปเลือกตั้งกันครับ


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท่านที่ได้ไป เก็บไว้บ้างนะครับ

    ผมเองมีน้อยเต็มทีแล้ว

    ในครั้งหน้า ผมจะให้ร่วมทำบุญ(เฉพาะชุดพระกรุวังหน้าอยุธยาชุดนี้) องค์ละ ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทแน่นอน



    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ มีผู้สอบถามเรื่องของการสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้ากับผม ผมตอบไปในหลักการก็คือ ผู้ที่มีอำนาจในการรับสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า จะมีอยู่ 3 ท่าน โดยการลงคะแนน จะลงคะแนนรับ 2 ใน 3 เสียง ( ประธานชมรมพระวังหน้า , รองประธานชมรมพระวังหน้า และ เลขานุการชมรมพระวังหน้า(ผม) )

    ผมเองก็มีวิธีในการพิจารณาสมาชิกใหม่

    ท่านประธานชมรมพระวังหน้า และท่านรองประธานชมรมพระวังหน้า ก็มีวิธีการพิจารณาของแต่ละท่านเอง

    ผมเองได้รับประสบการณ์ มามาก จากบุคคลต่างๆ เ่ช่น อดีตสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และ อดีตสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด ( ทั้งชมรมรักษ์พระวังหน้า และ กองทุนหาพระถวายวัด ได้ยุบไปทั้ง 2 แห่งแล้ว)

    มีมาสารพัดวิธี สารพัดรูปแบบ ขนาดรู้จักกันมาเป็น ปี 2 ปี 3 ปี บอกว่าผมเป็นผู้มีพระคุณบ้าง ผมดีอย่างโน้นบ้าง ผมดีอย่างนี้บ้าง สุดท้ายกลับมาตีผม ,เหน็บแนมผม สารพัดอย่าง หรือ พระของข้าแท้เพียงผู้เดียว

    ดังนั้น ในส่วนของความเห็นผมที่จะลงมติในการรับสมาชิกชมรมพระวังหน้า บางส่วนจะอยู่ด้านล่าง และ ผมต้องให้สมาชิกชมรมพระวังหน้า ลงความเห็นว่า เห็นควรรับ มากกว่าจำนวนครึ่งหนึ่งของสมาชิก( สมมุติ สมาชิกมี 100 ท่าน ต้องลงความเห็น มากกว่า 50 ท่าน) ด้วย

    ผมบอกได้แต่เพียงว่า การสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า ยากมาก เพียงแค่ในส่วนการลงความเห็นของผม ก็ยากมากแล้ว ยังต้องไปพบกับความเห็นของประธานชมรมพระวังหน้า หรือ ความเห็นของรองประธานชมรมพระวังหน้า อีกครับ


    ------------------

    [​IMG]
    <input class="inlinemod_checkbox" name="gmessagelist[29934]" id="gmessagelist_29934" value="0" title="" type="checkbox">
    02-03-2011 12:32 PM
    sithiphong

    เรียน ท่านผู้สนใจที่ต้องการสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า

    หลักเกณฑ์ของชมรมพระวังหน้า ผู้ที่มีอำนาจในการรับสมัครสมาชิก จะมีอยู่ 3 ท่าน คือ
    1.ประธานชมรม
    2.รองประธานชมรม
    3.เลขานุการชมรม

    โดยการลงมติ ใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 เสียง

    และ ผมเองจะส่งรายละเอียดส่วนตัวของผู้ที่จะสมัคร ไปให้สมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกๆท่าน ได้พิจารณากันด้วย


    เกณฑ์พิจารณาในการรับสมาชิกใหม่ของท่านประธานชมรมและรองประธานชมรม อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละท่าน

    ส่วนเกณฑ์พิจารณา(บางส่วน)ในการรับสมาชิกใหม่ ของผม (ตามรูป)
    ระยะเวลาในการดูและพิจารณาของผม ไม่น้อยกว่า 1 ปี ( 12 เดือน )

    สาเหตุ เนื่องจากที่ผ่านมา ผมได้เจอประสบการณ์หลายๆเรื่องมาแล้ว ดังนั้น ผมต้องพิจารณาให้มากขึ้นครับ


    [​IMG] [​IMG]

    -http://palungjit.org/groups/%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%86-2139-page3.html?pp=30-
     
  9. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ เช้าวันอาทิตย์ ได้ข่าวว่าช่วงบ่ายฝนจะตก ต้องไปใช้สิทธิ์ ช่วงเช้าครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    เกือบลืมแจ้ง

    สำหรับ ชมรมพระวังหน้า กับ ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร เป็นคนละส่วนกัน ไม่เกี่ยวข้องกันครับ


    ---------------

    ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร

    จะทำบุญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่อาพาธที่โรงพยาบาลสงฆ์ และ โรงพยาบาลต่างๆ

    ส่วนชมรมพระวังหน้า

    จะทำบุญตามข้อบังคับของชมรมฯ คือ เพื่อชาติ , เพื่อศาสนาพุทธ และ เพื่อ สถาบันพระมหากษัตริย์

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    มีมาสารพัดวิธี สารพัดรูปแบบ ขนาดรู้จักกันมาเป็น ปี 2 ปี 3 ปี บอกว่าผมเป็นผู้มีพระคุณบ้าง ผมดีอย่างโน้นบ้าง ผมดีอย่างนี้บ้าง สุดท้ายกลับมาตีผม ,เหน็บแนมผม สารพัดอย่าง หรือ พระของข้าแท้เพียงผู้เดียว


    ใครทำอะไร ต้องได้เช่นนั้นครับ



    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หมั่นออกกำลังกาย...ตรวจระดับน้ำตาลฯ สูตรสำเร็จพิชิต 'เบาหวาน'


    การ ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พร้อมการหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะโรคบางโรค เมื่อเป็นแล้วไม่แสดงอาการแต่กว่าจะรู้ตัวก็อาจสายเกินเยียวยา หนึ่งในนั้นก็คือ “โรคเบาหวาน”

    พญ.ศิริกานต์ นิเทศวร วิทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ความรู้ว่า เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่อาหารจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสเข้าในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็น พลังงาน โดยมีเซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์เป็นตัวสร้างอินซูลิน ซึ่งอินซูลินจะมีหน้าที่ในการดักจับน้ำตาลแล้วเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ถ้าทั้งตับอ่อนและอินซูลินสมดุลกันดี น้ำตาลก็จะไม่เหลือในกระแสเลือดเพราะถูกดักจับไปเป็นพลังงานหมด แต่วันดีคืนดีตับอ่อนเกิดสร้างอินซูลินขึ้นมาน้อย ทำให้ร่างกายมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ก็สามารถนำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานได้ และหากเกิดขึ้นเป็นเวลานานก็จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่าง ๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาท

    การเกิดโรคเบาหวานยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน เชื่อกันว่า 50 เปอร์เซ็นต์เกิดจากพันธุกรรม และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากการดำรงชีวิต โดยพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 3 ล้านคน และที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ที่เข้ารับการรักษากว่าครึ่งไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าป่วยเป็นเบาหวาน ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดได้แก่ สูบบุหรี่ กรรมพันธุ์ ภาวะอ้วนมีน้ำหนักตัวเกิน ขาดการออกกำลังกาย หากบุคคลใดมีปัจจัยเสี่ยงมากก็ย่อมมีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานได้มากขึ้นตามไป ด้วย

    “อุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวานมักสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตัวเลขที่สูงขึ้นนี้น่าจะเกิดจาก การดำรงชีวิตของคนเราในสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต จากเดิมทำงานมีการใช้แรง การเดินทางมีการออกกำลังกาย แต่ในปัจจุบันกลายเป็นมนุษย์ออฟฟิศ ทำงานนั่งแต่โต๊ะ เลิกงานก็กลับบ้าน กินข้าว นอน ไม่ค่อยได้ใช้แรง หรือมีการออกกำลังกายมากนัก ซึ่งเป็นการดำรงชีวิตที่ไม่ได้เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี ทำให้เกิดโรคตามมาได้หลาย ๆ โรคด้วยกัน”

    ปัจจุบันพบผู้ป่วยที่ มีอายุต่ำลงเรื่อย ๆ โดยพบคนที่เป็นโรคเบาหวานที่มีอายุน้อยมากขึ้น ตรงนี้ไม่ใช่ว่าคนเป็นโรคนี้กันมากขึ้น แต่เนื่องจากมีวิธีในการตรวจพบโรคนี้ได้หลากหลายทางมากขึ้นมากกว่า เช่น มีการตรวจสุขภาพกันมากขึ้น แม้กระทั่งในเด็กก็ได้รับการตรวจสุขภาพ จึงทำให้พบโรคนี้ในเด็กมากขึ้น

    พญ.ศิริกานต์ กล่าวถึงลักษณะของโรคเบาหวานเพิ่มเติมว่า เบาหวานเป็นโรคที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่แสดงอาการ ต้องตรวจเลือดเท่านั้นถึงจะรู้ แต่อาการที่นำมาสู่โรคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นอาการของปัสสาวะตอนกลางคืน 2-3 ครั้ง มีอาการหิวน้ำบ่อยเพราะสูญเสียน้ำ ดื่มน้ำเก่งเมื่อดื่มน้ำมากก็ต้องปัสสาวะบ่อย หรืออาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม รวมทั้ง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง น้ำหนักลด ซึ่งเกิดจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้จึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและ ไขมันออกมาใช้แทน มีอาการสายตาพร่ามองไม่ชัดเจน อาการชาไม่ค่อยมีความรู้สึก เนื่องจากการมีระดับน้ำตาลสูงเป็นเวลานาน ทำให้เส้นประสาทเสื่อม ความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกจึงถดถอยลง เกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เพราะไม่มีความรู้สึกเจ็บ หากปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาวจะมีผลในการทำลายหลอดเลือด ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

    การ วินิจฉัยโรคนี้จึงทำได้โดยการตรวจน้ำตาลในเลือด ปกติการตรวจเช็กระดับน้ำตาลในเลือด หากไม่ได้ทานอะไรก่อน 6 ชั่วโมง จะอยู่ที่ 100-126 มิลลิกรัม ถ้าเกิน 126 มิลลิกรัม ถือเป็นโรคเบาหวาน หรืออีกเกณฑ์หนึ่งที่ใช้ คือ เจาะดูน้ำตาลเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร โดยผลที่ออกมาไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม ถ้าเกิน 200 ถือว่าเป็นโรคเบาหวาน

    “โรค เบาหวานไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรงแบบปัจจุบันทันด่วน แต่จะค่อย ๆ เป็นไปเรื่อย ๆ เมื่อน้ำตาลผิดปกติมากขึ้นจะมีผลต่อหลอดเลือด ลิ่มเลือด ทำให้เลือดแข็งหรือมีการอุดตันของเส้นเลือดได้ง่าย ซึ่งจะมีผลต่ออวัยวะส่วนปลายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สมอง หัวใจ ไต ดวงตา ปลายมือ ปลายเท้า ส่งผลทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคของไต ทำให้ไตวายได้ ตาบอด หรือทำให้เกิดโรคหลอดเลือดของสมอง หลอดเลือดของหัวใจได้ โดยโรคเหล่านี้เป็นโรค ที่ค่อย ๆ เป็น จึงทำให้น่ากลัวเพราะไม่ใช่โรคที่เกิดอาการอย่างเห็นได้ชัดหรือมีอาการ แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่เป็นโรคที่ค่อย ๆ เกิดขึ้น แล้วเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็จะใช้การอวัยวะส่วนที่ส่งผลไม่ได้เสียแล้ว”

    พญ.ศิริ กานต์ กล่าวต่อว่า ทุกคนสามารถป้องกันและดูแลตนเองได้ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ควรระมัดระวังดูแลตนเองด้านอาหารการกิน และมีการออกกำลังกายอย่างพอดีไม่หักโหมจนเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายบางประเภทที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะคนไข้เบาหวานส่วนใหญ่แล้ว จะมีปัญหาในส่วนของเส้นเลือด ถ้าไปออกกำลังกายแบบหักโหมมาก ๆ ก็จะเกิดอันตรายมากกว่าได้ประโยชน์จากการออกกำลังกาย เช่น คนไข้ที่เป็นเบาหวานที่เท้า คือ เท้าจะไม่ค่อยมีความรู้สึก แล้วไปออกกำลังกายโดยการวิ่ง ถ้าใส่รองเท้าไม่ดี เหยียบโน่น โดนนี่เข้าก็อาจกลายเป็นแผลที่ไม่รู้สึกตัวจนลามกลายเป็นแผลเรื้อรัง อาจเกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นอีกได้ หรือการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงเบ่ง อาทิ ยกน้ำหนัก เส้นเลือดที่ปูดอยู่แล้วอาจแตกได้ รวมทั้ง คนไข้ที่ได้รับยาฉีดอินซูลิน ถ้าไม่ได้เตรียมร่างกายในการออกกำลังกายที่ถูกต้อง อาจทำให้มีการใช้น้ำตาลมากขึ้น ส่งผลให้น้ำตาลต่ำ เกิดอาการเป็นลมหมดสติได้

    ฉะนั้น เวลาที่คนไข้เป็นเบาหวานต้องการจะออกกำลังกาย ยิ่งถ้ามีโรคแทรกซ้อนแล้วยิ่งต้องปรึกษาแพทย์ก่อน ว่าโรคแบบนี้ ควรจะออกกำลังกายอย่างไร แค่ไหน ถึงจะปลอดภัย

    สำหรับกลุ่มที่ เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน เช่น มีประวัติครอบครัวพ่อแม่ พี่ หรือน้อง ป่วยเป็นโรคเบาหวาน รวมถึงคนที่มีรูปร่างอ้วนน้ำหนักเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักปกติ ผู้ที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป ควรจะมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีการควบคุมอาหาร และการคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

    อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีตรวจสอบที่ทำได้ง่ายและสะดวก คือ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าจะยังไม่มีอาการก็ตาม เพื่อตรวจดูค่าเลือดว่าเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจุบันมี เทคโนโลยี กลูโคเช็ค อีซี่ ซึ่งเป็นเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้การดูแลสุขภาพง่ายยิ่งขึ้น ทำให้สะดวกในการตรวจสุขภาพของตนเอง การที่เราป้องกันไว้ก่อนหรือรู้ทันระดับน้ำตาลในเลือดย่อมดีกว่า เพราะหากมีข้อสงสัยจะได้ปรึกษาหมอได้ทันท่วงที.

    .......................................

    เคล็ดลับสุขภาพ : 'ฤาษีดัดตน' ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย

    ฤาษี ดัดตนเป็นท่ากายบริหารของฤาษีที่ช่วยแก้อาการเมื่อยจากการนั่งบำเพ็ญพรตเป็น เวลานาน โดยใช้ท่าทางการทำให้ร่างกายโน้ม เอน เอียง ยืด หด บิด งอ ตามต้องการ ซึ่งการเคลื่อนไหวในแบบต่าง ๆ นี้จะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนสะดวก ลดอาการปวดเมื่อย แถมยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อีกหลายอย่าง

    ปกติแล้วฤาษีดัดตน มีมากกว่าร้อยท่า ปัจจุบันกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขได้ประยุกต์เป็น 15 ท่าพื้นฐาน เพื่อใช้ในการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสาลวัน (ศาลายา) จังหวัดนครปฐม ก็ได้มีการส่งเสริมการบริหารฤาษีดัดตนในกลุ่มผู้สูงอายุด้วยเช่นกันซึ่งพบ ว่า ช่วยชะลออาการที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายตามวัย ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น อาการข้อเสื่อม ปวดหลัง ปวดไหล่ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ตาฟาง ปวดไมเกรน นอนไม่หลับ ฯลฯ โดยวันนี้เคล็ดลับสุขภาพดีมีตัวอย่างท่าฤาษีดัดตนบริหารใบหน้า มาฝากกันด้วย

    ทั้ง นี้ รองศาสตราจารย์นายแพทย์กรุงไกร เจนพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ ได้ประยุกต์ท่าที่ 1 จาก 15 ท่าพื้นฐานที่เหมาะกับการบริหารใบหน้ามาให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ลองฝึกดูเพื่อบริหารใบหน้าให้แลดูอ่อนวัย ซึ่งท่านี้ประกอบด้วยอีก 7 ท่าย่อย เมื่อบริหารเป็นประจำจะดีต่อระบบไหลเวียนเลือดบริเวณหน้าทำให้ใบหน้าผ่องใส ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตึงเครียด บรรเทาอาการอัมพาตหรืออัมพฤกษ์ที่ใบหน้า กระตุ้นการได้ยิน การเคี้ยวและการบำรุงสายตา

    ท่าฤาษีดัดตนบริหาร ใบหน้าเริ่มจากนั่งขัดสมาธิ หลังตรง จากนั้นทำท่าเหล่านี้ตามลำดับ ท่าละ 5-10 ครั้ง 1. ท่าเสยผม กดปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง ตรงขอบกระบอกตาบนทั้ง 2 ข้างพร้อม ๆ กัน ลากนิ้วขึ้นบนศีรษะจนถึงท้ายทอยช้า ๆ 2. ท่าประแป้ง กดนิ้วกลางทั้ง 2 ข้างลงตรงดั้งจมูก ลากนิ้วขึ้นหน้าผากช้า ๆ ให้ปลายนิ้วกลางจดกันตรงหน้าผาก และ 3. ท่าเช็ดปาก แนบฝ่ามือซ้ายกับแก้มและปากด้านขวา ปลายนิ้วก้อยชิดติ่งหู ค่อย ๆ ลากมือผ่านปากไปทางด้านซ้าย โดยออกแรงกดเบา ๆ พร้อมกับเม้มริมฝีปาก สลับทำมือขวา โดยแต่ละท่าค่อย ๆ หายใจเข้าและออกอย่างมีสติ และสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งขณะหายใจเข้าให้แขม่วท้องพร้อมกับขมิบก้นไปด้วย

    แถมท้าย สำหรับคนรักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีเชิญชวนไปร่วมงาน “Health Cuisine&Beauty Festival” ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคม 2554 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจัดโดยนิตยสารชีวจิต ภายในงานมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้ชมให้ลองมากมาย อาทิ เต้นลีลาศ ฤาษีดัดตน โมเดิร์นแดนซ์ คีตมวยไทย แอโรบิกหมอลำ รวมทั้งมีสินค้าสุขภาพ อาหาร แฟชั่น และความงามจำหน่ายอีกมากมาย ว่าง ๆ ลองแวะเวียนกันไปดู.

    จะช่วยให้การดูแลสุขภาพง่ายยิ่งขึ้น ทำให้สะดวกในการตรวจสุขภาพของตนเอง การที่เราป้องกันไว้ก่อนหรือรู้ทันระดับน้ำตาลในเลือดย่อมดีกว่า เพราะหากมีข้อสงสัยจะได้ปรึกษาหมอได้ทันท่วงที.

    .......................................

    สรรหามาบอก

    -โรง พยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ขอเชิญบุคลากรและผู้สนใจทุกท่านเข้าร่วมประชุมวิชาการเรื่อง “การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล” (ธรรมศาสตร์ IC days) ในวันที่ 7–8 กรกฎาคม 2554 เวลา 08.00-16.30 น. ณ ห้องกระจก ชั้น 2 อาคารดุลโสภาคย์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่งานควบคุมโรคติดเชื้อ โทร. 0-2926-9341


    ทีมวาไรตี้

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=148637-

    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > หมั่นออกกำลังกาย...ตรวจระดับน้ำตาลฯ สูตรสำเร็จพิชิต 'เบาหวาน'
    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับชมรมพระวังหน้า

    มีเพียง 3 เว็บไซด์ (4 แห่ง)เท่านั้นครับ

    1.กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
    และ กระทู้ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ (จากกลุ่มพระวังหน้า)

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.22445/page-2288#post4837610-

    -http://palungjit.org/groups/6/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-

    เว็บพลังจิต


    2.กระทู้ ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ

    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,4172.90.html-

    เว็บใต้ร่มธรรม

    3.กระทู้ ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ



    -http://www.sookjai.com/index.php?topic=13666.20-

    เว็บสุขใจ


    หากท่านใดไปพบ ชื่อ ชมรมพระวังหน้า ในเว็บอื่นๆ นอกเหนือจากทั้ง 3 เว็บไซด์นี้ เช่น พวกเว็บตระกูล บล็อคต่างๆ เป็นต้น ขอให้ทราบว่า หากพบชื่อ ชมรมพระวังหน้า นี่เป็นการแอบอ้างชมรมพระวังหน้า และชมรมพระวังหน้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น

    และ ระวังการหาผลประโยชน์จากผู้ที่นำชื่อชมรมพระวังหน้าไปแอบอ้างด้วย และ หากข้อมูลต่างๆที่ออกมาจากผู้ที่แอบอ้าง เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และ ผมคิดว่า เป็นการแอบอ้างเพื่อสร้างความไม่น่าเชื่อถือต่อชมรมพระวังหน้าด้วยเช่นกัน

    จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

    sithiphong
    3/7/2554

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ระทึก! คาร์บอมบ์นราธิวาส จนท.เก็บกู้กระเด็น แต่รอด



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    นราธิวาส ระอุ คาร์บอมบ์-M79 ไร้คนตายแค่เจ็บ (ไทยโพสต์)
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3 , [ame="http://www.youtube.com/watch?v=HP51s362Afk"]Youtube Thai PBS โพสต์โดย thaitvnewstube [/ame], [ame="http://www.youtube.com/watch?v=WIxbZk6FIBg"]Yotube โพสต์โดย Doniamaro[/ame]

    โจร ใต้ป่วนนราธิวาสวางระเบิดคาร์บอมบ์ข้าง สนง.ยุติธรรมจังหวัด ขณะชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ ส่งผลให้บาดเจ็บ 1 ราย โชคดีระเบิดแสวงเครื่องอีก 2 ลูกในรถไม่ทำงาน อีกจุดคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่ศาลากลาง แต่พลาดเป้าตกลานหน้าเสาธงไร้คนเจ็บ ส่วน อ.บาเจาะ 2 หนุ่มนุ่งโสร่งปาระเบิดบ้านพักนายอำเภอ

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ และขว้างระเบิดหลายจุดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และสถานที่ราชการได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 11.40 น. พ.ต.ท.สมเกียรติ อินทสุทธิ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.นราธิวาส มีรถต้องสงสัยจอดอยู่บนถนนข้างสำนักงานยุติธรรม ทางเข้าศูนย์ราชการ ต.บางนาค อ.เมืองฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ค่ายจุฬาภรณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมปิดกั้นการจราจร

    จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเปิดเครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือ ถือ และเข้าตรวจสอบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ษบ 7507 สงขลา ที่จอดอยู่ ปรา กฏว่า ขณะที่ จ.อ.มงคล หนูแก้ว เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเปิดประตูรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว คนร้ายที่แฝงตัวอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดจนเกิด ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดถูกแรงอัดของระเบิดกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากใส่ชุดบอมบ์สูท

    เมื่อทุกอย่างสงบลง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบซากรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว พบมีระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิง ยังเหลืออีก 2 ลูก วางอยู่ข้างเบาะหลังของรถเก๋งซึ่งต่อพ่วงกันอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการเก็บกู้ระเบิดทั้ง 2 ลูก

    เจ้า หน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ระบุว่า ระเบิดลูกแรกที่จุดชนวนระเบิด คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิงหนัก 20 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร แต่โชคดีระเบิดอีก 2 ลูกซึ่งต่อพ่วงกันอยู่ทำงานไม่ครบวงจร จึงทำให้ อานุภาพในการทำลายล้างลดลง ทำให้เกิดควาเสียหายเพียงเล็กน้อย โดยมีเพียงกระจกของอาคารสำนักงานบริษัท อีซูซุนราธิวาส จำกัด แตกเท่านั้น

    ขณะที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนราธิวาส เข้าตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณเสาไฟฟ้าใกล้จุดเกิดเหตุ พบก่อนเกิดเหตุได้มีชายวัยรุ่น 1 คน สวมหมวกแก๊ปสีดำ สวมเสื้อยืดแขนยาวสีขาว กางเกงสีดำ ขับรถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดไว้ ก่อนเดินออกจากรถแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มารอรับขี่หลบหนีไป

    "เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมีแผนที่จะจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้า หน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.ภ.จ.นราธิวาส ที่ปกติมักจะเดินทางเข้ามาตรวจสอบด้วยตนเอง แต่เนื่องจากครั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวเดินทางขึ้นไปตรวจสอบการทลายฐาน ปฏิบัติการย่อยบนเทือกเขาตะเว จึงประสานให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินเข้าตรวจสอบเข้าตรวจสอบแทน โดยใช้เส้นทางอื่นในการเดินทางเข้าตรวจสอบ" แหล่งข่าวระบุ


    [​IMG]


    วัน เดียวกัน ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คนร้ายขว้างระเบิดใส่บ้านพักนายเจษฎา จิตรัตน์ นายอำเภอบาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่ภายในที่ว่าการอำเภอบาเจาะ เขตเทศบาลตำบลบาเจาะ แต่ระเบิดพลาดเป้าไปตกโคนต้นมะพร้าวริมรั้วกำแพงที่ว่าการอำเภอบาเจาะ ซึ่งห่างจากบ้านพักของนายอำเภอประมาณ 15 เมตร แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมลึก 3 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างที่คนร้ายผลิตใส่ไว้ในท่อ แป๊บพีวีซีหนัก 0.5 ก.ก. ตกกระจายเกลื่อนพื้น และห่างจากหลุมระเบิดประมาณ 5 เมตร รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่อำเภอได้รับความเสียหาย 4 คัน

    เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบก่อนเกิดเหตุ ได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวนุ่งผ้าโสร่ง มาจอดที่ริมกำแพงรั้ว คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้หยิบลูกระเบิดขว้างแบบผลิตเองออกมาจากชายเสื้อ แล้วหยิบไฟแช็กจุดชนวนระเบิดที่ล่อสายไฟออกมาจากท่อแป๊บพีวีซี เมื่อไฟติดคนร้ายได้ขว้างใส่เข้าไปในบ้านพักของนายอำเภอ แต่ระเบิดลอยไปชนกับต้นมะพร้าวริมรั้วกำแพงจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น หวั่นไหว

    จากนั้นได้มี คนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงใส่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส แต่กระสุนพลาดเป้ามาตกที่บริเวณลานถนนหน้าเสาธงชาติ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินไม่ได้รับความเสียหาย




    คลิป คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ที่นราธิวาส



    คลิป คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ที่นราธิวาส


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.thaipost.net/news/020711/41056-

    [​IMG]


    http://www.thaipost.net/news/020711/41056


    -http://hilight.kapook.com/view/60365-

    http://hilight.kapook.com/view/60365


     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอนที่ผมโพสเรื่องของ ระทึก! คาร์บอมบ์นราธิวาส จนท.เก็บกู้กระเด็น แต่รอด

    ผมเองนึกถึงผู้พัน ผมว่าจะโทร.ไปหาผู้พันในเรื่องของการมอบพระวังหน้าอยุธยาและพระวังหน้ารัตนโกสินทร์

    แต่หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวออกไปเืลือกตั้ง ระหว่างการเดินทางไปเลือกตั้ง ผู้พันโทร.เข้ามาหาผม ถามผมว่า จะขอนำไปมอบให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้หรือไม่ ผมบอกไปว่า ยินดีมากครับผู้พัน

    ใจตรงกันครับ ยินดีมากและภูมิใจมากสำหรับการมอบพระวังหน้าอยุธยา และ พระวังหน้ารัตนโกสินทร์ให้กับ ตำรวจตะเวณชายแดนและทหารๆผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่และเสียสละเพื่อประเทศไทยของเราครับ

    สำหรับพระกรุวังหน้าอยุธยาที่มอบไปนั้น สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    [​IMG]
    บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ คุณสามารถพัฒนาบทความนี้ได้โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงตามสมควร บทความที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงเลยอาจพิจารณาให้ลบ

    บทความนี้เกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม สำหรับพระศรีศิลป์พระองค์อื่น ดูที่ พระศรีศิลป์

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 1 หรือ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 21 แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นพระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์สุโขทัย
    หลังจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สำเร็จโทษพระมหากษัตริย์องค์ก่อนแล้ว พระศรีศิลป์หรือพระพิมลธรรม หรือพระเจ้าทรงธรรมก็เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ




    พระราชประวัติ

    [แก้] ฉบับพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีพระนามเดิมว่า พระศรีศิลป์ เดิมบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดระฆัง มีความรอบรู้ทางด้านพระไตรปิฎกมาก จนได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระพิมลธรรมอนันตปรีชา มีผู้ที่นิยมท่านมาก รวมทั้ง จหมื่นศรีสรรักษ์ยังได้ฝากตัวเป็นบุตรบุญธรรมของท่านด้วย
    ในแผ่นดินของพระศรีเสาวภาคย์ จหมื่นศรีสรรักษ์และบรรดาลูกศิษย์ของท่านได้ซ่องสุมกันที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แล้วจึงบุกเข้าไปยังพระราชวังหลวงและจับพระศรีเสาวภาคย์นำไปสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ แล้วอัญเชิญพระพิมลธรรมอนันตปรีชาให้ลาสิกขาบท ขึ้นเสวยราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีขาล จุลศักราช 973 (พ.ศ. 2154) ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และทรงแต่งตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์เป็นพระมหาอุปราช
    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระราชโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ พระเชษฐากุมาร พระพันปีศรีศิลป์ และ พระอาทิตยวงศ์ ส่วนจดหมายเหตุวันวลิตระบุว่า พระองค์ มีพระราชโอรส 9 พระองค์ พระราชธิดา 8 พระองค์
    ตอนปลายรัชสมัยของพระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงประชวรหนัก ทรงมีพระราชประสงค์จะมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระเชษฐาธิราชกุมาร โดยทรงมอบให้ออกญาศรีวรวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ซึ่งเป็นพระญาติที่ไว้วางพระทัยเป็นผู้ดูแลพระเชษฐาธิราชจนกว่าจะได้ครอง ราชย์ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมครองราย์ได้ 17 ปี จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2171 ซึ่งเป็นวันที่ชาวฮอลันดาได้บันทึกไว้
    [แก้] พระราชประวัติฉบับ...

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระนามเดิมว่า พระอินทราชา ทรงเป็นโอรสของพระเอกาทศรถ พระเจ้าทรงธรรมคงเป็นโอรสที่เกิดจากพระสนม การที่พระเจ้าทรงธรรมขึ้นมาครองราชย์ได้เพราะเจ้าฟ้าสุทัศน์พระราชโอรสอัน เกิดจากพระมเหสีและได้รับสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช ซึ่งมีสิทธิจะได้ครองราชสมบัติต่อนั้น ถูกข้อหาขบถต่อพระราชบิดาจึงต้องเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปก่อน ก่อนหน้าที่สมเด็จพระเอกาทศรถจะเสด็จสวรรคต พระอินทราชาได้เสด็จออกผนวชอยู่จนถึงรัชสมัยพระศรีเสาวภาคย์ เมื่อพระศรีเสาวภาคย์เสด็จสวรรคตแล้ว พระศรีศิลป์และบรรดาเจ้านายขุนนาง ได้พร้อมใจกันอัญเชิญพระอินทราชาให้ทรงลาผนวช และขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ. 2154 พระชนมายุได้ 29 พรรษา ทรงพระนาม พระเจ้าทรงธรรม
    [แก้] พระราชกรณียกิจ

    [แก้] ด้านพระพุทธศาสนา

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงเป็นนักปราชญ์ รอบรู้ในวิชาการหลายด้าน มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงประพฤติราชธรรมอย่างมั่นคง เป็นที่รักใคร่นับถือของบรรดาราษฎรและชาวต่างชาติ พระกรณียกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ มุ่งส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในด้านต่าง ๆ เช่น โปรดเกล้าฯ ให้คัดลอกพระไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์เป็นจำนวนมาก ทรงให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำหลวงถวาย นับเป็นวรรณคดีชิ้นสำคัญของสมัยอยุธยา ได้มีผู้พบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสุวรรณบรรพต แขวงเมืองสระบุรี พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอบพระพุทธบาท พร้อมทั้งสร้างพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ กับกุฏิสงฆ์ ถวายให้เป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา พระพุทธบาทสระบุรี จึงมีความสำคัญ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่นั้นมาตราบถึงปัจจุบัน
    [แก้] ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    พระองค์ทรงมีสัมพันธ์ไมตรีกับบรรดาต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับ ไทย ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่าที่สำคัญในภูมิภาคแถบนี้ของโลก ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะฮอลันดา อังกฤษและญี่ปุ่น ที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จ พระเอกาทศรถ พระองค์ก็ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ริมคลองปลากด เหนือเมืองสมุทรปราการ ให้ชาวฮอลันดาตั้งคลังสินค้า และในปี พ.ศ. 2115 พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ ได้มีพระราชสาส์นทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พ่อค้าชาวอังกฤษเข้ามาค้าขายที่กรุง ศรีอยุธยาได้สะดวก ส่วนชาวญี่ปุ่น ปรากฏว่ามีชาวญี่ปุ่นสมัครเข้ารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก จนได้มีการจัดตั้งกรมอาสาญี่ปุ่น ขึ้นมาช่วยราชการกรุงศรีอยุธยา ชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในวงการเมืองในรัชสมัยของพระองค์ คือ ยามาดะ นางามาซะ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเสนาภิมุข
    [แก้] ด้านราชการสงคราม

    เนื่องจากพระองค์ไม่นิยมการทำสงคราม ด้วยเหตุนี้กรุงศรีอยุธยาจึงต้องเสียเมืองทวาย อันเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางตะวันตกในทะเลอันดามัน พม่ายกกำลังมาตีเมืองทวายได้เมื่อปี พ.ศ. 2165 ต่อมา กัมพูชาและเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเคยเป็นเมืองประเทศราชมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรต่างก็พากันแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา
    [แก้] อ้างอิง


    1. ^ พระเจ้าทรงธรรม


    • พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค 1. สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิมพ์ขึ้นเป็นส่วนพระราชกุศลทานมัยในงานพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรเสฐสุดา, พระอรรคชายาเธอ กรมขุนอรรควรราชกัญญา, สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนพิจิตรเจษฎจันทร์ และสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี. พ.ศ. 2455.
    [แก้] ดูเพิ่ม





    -http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-





    .


    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม - วิกิพีเดีย

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม


    มเด็จพระเจ้าทรงธรรม 2154 – 2171พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๕๔- ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๑๗๑) เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๒๑ แห่งกรุงศรีอยุธยา และ เป็นพระองค์ที่ ๕ แห่งราชวงศ์สุโขทัย

    พระราชประวัติ


    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมี พระนามเรียกในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ ๑ เดิมเป็นพระภิกษุเรียกในพระราชพงศาวดาร ว่า พระศรีสิน ผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระพิมลธรรมอนันตปรีชา นักประวัติศาสตร์บางท่านเชื่อว่า พระองค์เป็นพระโอรสของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ประสูติแต่พระสนม ต่อมา จมื่นเสาวลักษณ์ หรือ จหมื่นศรีสรรักษ์ (พระเจ้าปราสาททอง) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องได้สมคบกันสำเร็จโทษสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ แล้วอัญเชิญพระพิมลฯให้ลาสิกขาบท ขึ้นเสวยราชสมบัติ เมื่อปีขาล จุลศักราช ๙๖๔ (พ.ศ. ๒๑๕๕) บางเเห่งระบุว่า จุลศักราช ๙๘๒ (พ.ศ. ๒๑๖๓) แต่หลักฐานของคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ระบุว่า พ.ศ. ๒๑๕๓ เป็นที่ถูกต้อง พระพิมลฯได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า พระเจ้าทรงธรรม หรือ พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม และ ทรงแต่งตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์ เป็นมหาอุปราช สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระราชโอรส ๓ พระองค์ ได้แก่ พระเชษฐากุมาร พระพันปีศรีศิลป์ และ พระอาทิตยวงศ์ ส่วนจดหมายเหตุวันวลิต วิลันดาระบุว่า พระองค์ มีพระราชโอรส ๙ พระองค์ พระราชธิดา ๘ พระองค์

    พระราชกรณียกิจ


    สมเด็จ พระเจ้าทรงธรรมทรงเป็นนักปราชญ์ รอบรู้ในวิชาการหลายด้าน มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงประพฤติราชธรรมอย่างมั่นคง เป็นที่รักใคร่นับถือของบรรดาราษฎรและชาวต่างชาติ พระองค์ไม่นิยมการศึกสงคราม ทรงเจริญรอยตามสมเด็จพระเอกาทศรถ ในด้านการปกครองบ้านเมือง ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระมเหสี คือ พระเชษฐาธิราช กับพระอาทิตยวงศ์ พระ กรณียกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ มุ่งส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในด้านต่าง ๆ เช่น โปรดเกล้า ฯ ให้คัดลอกพระไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์เป็นจำนวนมาก ทรงให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำหลวงถวาย นับเป็นวรรณคดีชิ้นสำคัญของสมัยอยุธยา ได้มีผู้พบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสุวรรณบรรพต แขวงเมืองสระบุรี พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอบพระพุทธบาท พร้อมทั้งสร้างพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ กับกุฏิสงฆ์ ถวายให้เป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา พระพุทธบาทสระบุรี จึงมีความสำคัญ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่นั้นมาตราบถึงปัจจุบันพระองค์ ทรงมีสัมพันธไมตรีกับบรรดาต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่าที่สำคัญในภูมิภาคแถบนี้ของโลก ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะฮอลันดา อังกฤษและญี่ปุ่น ที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ฯ และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระองค์ก็ได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานที่ดินบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ริมคลองปลากด เหนือเมืองสมุทรปราการ ให้ชาวฮอลันดาตั้งคลังสินค้า และในปี พ.ศ. ๒๑๑๕ พระเจ้าเจมส์ที่ ๑ แห่งอังกฤษ ได้มีพระราชสาส์นทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติให้พ่อค้าชาวอังกฤษเข้ามาค้าขายที่กรุง ศรีอยุธยาได้สะดวก ส่วนชาวญี่ปุ่น ปรากฏว่ามีชาวญี่ปุ่นสมัครเข้ารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก จนได้มีการจัดตั้งกรมอาสาญี่ปุ่น ขึ้นมาช่วยราชการกรุงศรีอยุธยา ชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในวงการเมืองในรัชสมัยของพระองค์ คือ ยามาดะ นางามาซะ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเสนาภิมุข เนื่องจากพระองค์ไม่นิยมการทำสงคราม ด้วยเหตุนี้กรุงศรีอยุธยาจึงต้องเสียเมืองทวาย อันเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางตะวันตก ในทะเลอันดามัน พม่ายกกำลังมาตีเมืองทวายได้เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๖๕ ต่อมากัมพูชา และเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเคยเป็นประเทศราช ของไทยมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ฯ ต่างก็พากันแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย รัชสมัยของพระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงประชวรหนัก มีพระราชประสงค์จะมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระเชษฐาธิราชกุมาร และทรงแต่งตั้งให้เป็นพระมหาอุปราช โดยทรงมอบให้ออกญาศรีวรวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ซึ่งเป็นพระญาติที่ไว้วางพระทัย เป็นผู้ดูแลพระเชษฐาธิราช จนกว่าจะได้ครองราชย์ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ครองราย์ได้ ๑๗ ปี จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๑๗๑ ซึ่งเป็นวันที่ชาวฮอลันดาได้บันทึกไว้


    .

    -http://www.thaigoodview.com/node/11108-

    .


    0306 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม | ThaiGoodView.com Knowledge for Thai Student

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2011
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td bgcolor="#FFCC00" valign="top">ประวัติศาสตร์อยุธยา</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#FFFF00" valign="top">พระเจ้าทรงธรรม</td></tr></tbody></table>
    ราชวงศ์ : สุโขทัย
    ปีที่ครองราชย์ : พ.ศ.2154-2171

    พระเจ้าทรงธรรม เป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 21 แห่งอาณาจักอยุธยา ทรงเป็นโอรสของพระเอกาทศรถแห่งราชวงศ์สุโขทัยที่ได้เข้ามาครองอำนาจในอยุธยา ภายหลังการเสียกรุงศรอยุธยาครั้งแรก

    พระเจ้าทรงธรรมเป็นโอรสที่เกิดจากพระสนม มิใช่จากพระมเหสีซึ่งเป็นข้ออ้างในการครองราชย์ไม่แข็งแรงนัก แต่การสืบสันติวงศ์ในสมัยอยุธยาหาได้มีกฎเกณฑ์ไม่ ในบางครั้งขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะควบคุมกำลังคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มขุนนางข้าราชการหรือไพร่พล หรือจะใช้กำลังในการยึดอำนาจในลักษณะที่เรียกว่า “ปราบดาภิเษก” การที่พระเจ้าทรงธรรมได้ขึ้นมาครองราชย์ได้ ก็เพราะเจ้าฟ้าสุทัศน์พระโอรสอันเกิดจากพระมเหสีและได้รับสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช ซึ่งมีสิทธิจะได้สืบราชสมบัติต่อนั้นถูกข้อหาขบถต่อพระราชบิดา (พระเอกาทศรถ) จึงต้องเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปก่อน

    ตามหลักของพงสาวดารไทย กล่าวว่าก่อนที่พระเจ้าทรงธรรมจะขึ้นครองราชย์นั้น โอรสอีกองค์หนึ่งของพระเอกาทศรถได้ขึ้นมาเป็นพระเจ้าแผ่นดินในระยะเวลาสั้นๆเพียง 1 ปี กับอีก 2 เดือน เข้าใจว่าในระยะที่พระเอกาทศรถจะสิ้นพระชนม์นั้น พระโอรสองค์ที่ว่านี้เกิดจากพระมเหสีทรงพระนามว่า พระศรีเสาวภาคย์ เป็นเจ้าฟ้าที่มีพระเนตรข้างเดียว และก็มีสิทธิที่จะได้ครองบัลลังก์ต่อเมื่อเจ้าฟ้าสุทัศน์พระราชบุตรผู้พี่ที่สวรรคตไป
    แต่หลักฐานของชาวยุโรปของอยุธยาสมัยนั้น ยืนยันว่าพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเอกาทศรถ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ที่ว่าในขณะที่พระเอกาทศรถจะสวรรคต พระเจ้าทรงธรรมทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ได้สมณฐานันดรเป็น “พระพิมลธรรมอนันตปรีชา” ทรงเชี่ยวชาญทางด้านพุทธศาสนา มีลูกศิษย์ลูกหาและขุนนางข้าราชการนิยมชื่นชอบไม่น้อย ทำให้สามารถซ่องสุมผู้คนเป็นกำลังเข้ายึดอำนาจได้

    พระเจ้าทรงธรรมครองราชสมบัติอยู่ 18 ปี และถือเป็นสมัยที่ประสบความสำเร็จ พระองค์เป็นกษัตริย์อยุธยาที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญมากพระองค์หนึ่ง ลักษณะเด่นของรัชสมัยพระองค์คือ ด้านพระพุทธศาสนา และวรรณกรรม การต่างประเทศ และความสงบภายใน

    ด้านพุทธศาสนาสมัยพระองค์มีการค้นพบ รอยพระพุทธบาท ที่ สระบุรี ตามประวัติกล่าวว่านายพรานชื่อบุญ เป็นผู้ค้นพบโดยบังเอิญบนภูเขาเล็กๆบริเวณนั้น พระองค์ได้ทรงสร้างมณฑปครอบพระพุทธบาทและทรงเริ่มประเพณีการเสด็จไปบูชาพระพุทธบาทตั้งแต่สมัยพระองค์ ประเพณีถือได้ว่าเป็นประเพณีของการจาริกแสวงบุญที่สำคัญที่สุดของกษัตริย์อยุธยาตราบจนกระทั่งเสียกรุงแก่พม่า และได้กลายเป็นประเพณีของชาวบ้านในแถบภาคกลางมาจนถึงทุกวันนี้ อาจกล่าวได้ว่าการได้ไปไหว้พระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนามากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ประเพณีจะทำในเวลาหลังฤดูเกี่ยวข้าวแล้ว คือประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม

    นอกเหนือจากการสร้างประเพณีบูชารอยพระพุทธบาทแล้ว ยังมีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพระพุทธรูปสำคัญอีกด้วยเช่นพระมงคลบพิตร มีการแต่ง “มหาชาติคำหลวง” ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้ มหาชาติ หรือ พระเวชสันดร ถือเป็นวรรณกรรมทางศาสนาที่สำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งของไทย

    ทางด้านการต่างประเทศมีการค้ากับฮอลันดาและญี่ปุ่น ฮอลันดาทำการค้ากับไทยประเภทผ้าฝ้ายแลกเปลี่ยนกับหนังสัตว์และพริกไทย ซึ่งฮอลันดานำไปขายต่อให้จีนกับญี่ปุ่น ทำให้ไทยมีฐานะเป็นแหล่งการค้าระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ไทยพยายามที่จะสร้างสัมพันธไมตรีนี้กับฮอลันดาทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจของตน

    ในส่วนที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นสมัยพระเจ้าทรงธรรมมีความสัมพันธ์ทั้งในด้าน ราชการและการค้าดูเหมือนว่าการค้ากับสองประเทศนี้ญี่ปุ่นจะต้องการสินค้า วัตถุดิบ เช่น หนังสัตว์ ดีบุก ตะกั่ว ไม้ฝาง น้ำตาล น้ำมันมะพร้าว ฯลฯ เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากับไทยที่ต้องการ เช่น เงินและทองแดง ในบางครั้งญี่ปุ่นก็ต้องการสินค้าตะวันตก (โดยผ่านอยุธยา) เช่น ปีนและวัตถุระเบิด สมัยพระเจ้าทรงธรรมมีคนญี่ปุ่นเข้ารับราชการมีตำแหน่งเป็น “ออกญาเสนาภิมุข” คือยามาดะ นางามาซะ เมื่อพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต ก็ได้เข้ามายุ่งกับการเมืองภายในของการสืบราชสมบัติทำให้ถูกกำจัดด้วยการส่ง ไปเป็นเจ้าเมืองนครสรีธรรมราช และถูกลอบวางยาพิษเมื่อปี พ.ศ. 2173 บ้านเรือนชาวญี่ปุ่นถูกทำลายแม้จะฟื้นตัวใหม่แต่จากการที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ มีผลทำให้บทบาทของชาวญี่ปุ่นลดลง แม้ลูกหลานคนเหล่านี้จะยังอยู่ในอยุธยาก็ตาม

    สมัยพระเจ้าทรงธรรมเป็นสมัยที่บ้านเมืองมีสงครามพอสมควร อาณาจักรกัมพูชา ก็กู้ “เอกราช” ของตน ทางทวายและตะนาวศรีซึ่งเป็นหัวเมืองมอญก็หลุดจากการคุ้มครองของไทย และเชียงใหม่เองก็เป็น “เอกราช” นับว่ารัชสมัยของพระองค์ไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการทหารและการแผ่ขยายอำนาจ แต่เป็นสมัยที่เจริญรุ่งเรืองด้านการศาสนาและการต่างประเทศ พระเจ้าทรงธรรมประชวรและสวรรคตเมื่อพระชนมายุได้ 38 พรรษาและปัญหาการสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ก็มีคล้ายกับตอนที่พระองค์ขึ้นครองราชย์เช่นกัน




    -http://www.oceansmile.com/K/Ayuttaya/KingThongtam.htm-

     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ประวัติพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา

    กรุงศรีอยุธยามีพระมหากษัตริย์ปกครองทั้งหมด ๓๔ พระองค์ จาก ๕ ราชวงศ์ได้แก่ราชวงศ์อู่ทอง สุพรรณบุรี สุโขทัย ปราสาททอง และบ้านพลูหลวงตามที่ปรากฎใน"พระราชพงศาวดารฉบับพระราช หัตถเลขา",๒ เล่มทั้งนี้บางแห่งนับพระมหากษัตริย์อยุธยาว่ามีเพียง ๓๓ พระองค์ โดยไม่นับว่า "ขุนวรวงศาธิราช"เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา

    ราชวงศ์อู่ทอง/สุพรรณบุรี

    ๑.สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง)
    พระองค์ทรงเป็นผู้สถาปนาอาณาจักรอยุธยาเป็นต้นราชวงศ์อู่ทอง ครองราชย์ปี พ.ศ.๑๘๙๓-๑๙๑๒ เสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุได้ ๕๕พรรษา

    ๒.พระราเมศวร
    กษัตริย์องค์ที่ ๒ของอยุธยา ทรงโอรสของพระเจ้าอู่ทอง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ ๒ ครั้ง ครั้งแรกปีพ.ศ.๑๙๑๒-๑๙๑๓ ครั้งที่สองปี พ.ศ.๑๙๓๑-๑๙๓๘

    ๓.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑
    (ขุนหลวงพะงั่ว)
    พระองค์ทรงเป็นเจ้าเมืองสุพรรณบุรีมาก่อนและเป็นต้นราชวงศ์สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นพระเจ้าลุงของพระราเมศวร เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคต และพระราเมศวรขึ้นเป็นกษัตริย์ ต่อมาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑เสด็จเข้ามาอยุธยา พระราเมศวรจึงต้องถวาย ราชสมบัติย์ให้เนื่องจากการสืบราชสมบัติในสมัยนั้นมีการช่วงชิงกันระหว่าง ๒ ราชวงศ์คือราชวงศ์อู่ทองและสุพรรณบุรี พระองค์อยู่ในราชสมบัติ ๑๘ ปี

    ๔.พระเจ้าทองลั่น

    ทรงเป็นโอรสของพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) มีพระชนมายุ ๑๕ พรรษา ครองราชสมบัติอยู่ได้เพียง ๗ วันพระราเมศวรก็เสด็จยกทัพมาจากเมืองลพบุรีและสำเร็จโทษพระเจ้าทองลั่นด้วยท่อนไม้จันทร์ แล้วขึ้น เป็นกษัตริย์แทน

    ๕.พระรามราชาธิราช

    ทรงเป็นโอรสของพระราเมศวรเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อู่ทอง ครองราชย์เมื่อปี พ.ศ ๑๙๓๘-๑๙๕๒หลังจากถูกชิงราชสมบัติ พระองค์ถูกนำไปจองจำ

    ราชวงศ์สุพรรณบุรี

    ๖.สมเด็จพระนครินทราธิราช
    เป็นกษัตริย์จากราชวงศ์สุพรรณบุรีทรงเป็นพระนัดดาของพระบรมราชาธิราชที่ ๑ พระองค์ทรงมีโอรส ๓ พระองค์ คือ เจ้าอ้าย (องค์โต) เจ้ายี่ (องค์รอง) และเจ้าสามพระยา เมื่อพระองค์สวรรคต โอรสทั้ง ๓ ก็แย่งราชสมบัติกัน โดยที่เจ้าอ้ายกับ เจ้ายี่ ทำการชนช้างกันและสิ้นพระชนย์ทั้งคู่เจ้าสามพระยาขึ้นเป็นกษัตริย์แทน

    ๗.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา)
    พระองค์ทรงครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.๑๙๖๗-๑๙๙๑พระองค์ทรงเป็นผู้ดำเนินนโยบายในการขยายอำนาจของอยุธยาโดยแผ่อำนาจ ไปทางแถบกัมพูชาและที่ราบสูง โคราช ทรงปูทางในการรวมอาณาจักรสุโขทัยเข้ากับอยุธยาและสามารถรวมแว้นแคว้นต่างๆ ให้ อยู่ภายใต้ อำนาจเดียวกัน


    ๘.สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
    ทรงเป็นโอรสของเจ้าสามพระยาขึ้นครองราชสมบัติเมื่ออายุได้เพียง ๑๗ พรรษา และเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ได้นานที่สุดคือ ๔๐ ปี ทรงเป็นผู้รวมอาณาจักรสุโขทัยให้เป็นอันหนึ่งเดียวกับอยุธยาและปฏิรูปการปกครองด้วยการ ตั้งระบบศักดินาและการจัดระบบขุนนาง ให้เป็น ๒ ฝ่ายคือกลาโหมและมหาดไทย

    ๙.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ (อินทราธิราชที่ ๒ )
    ทรงเป็นโอรสของพระบรมไตรโลกนาถครองราชย์เมื่อปี พ.ศ ๑๐๓๑-๒๐๓๔

    ๑๐.สมเด็จพระรามาธิบดีที่
    ทรงเป็นอนุชาของพระบรมราชาธิราชที่ ๓ ครองราชย์เมื่อปี พ.ศ๒๐๓๔-๒๐๗๒

    ๑๑.สมเด็จพระบรมหน่อพุทธางกูร

    ทรงเป็นโอรสของพระรามาธิบดีที่ ๒ ครองราชย์เมื่อปีพ.ศ.๒๐๗๒-๒๐๗๖สิ้นพระชนม์เนื่องจากเป็นไข้ทรพิษ

    ๑๒.พระรัษฎาธิราชกุมาร
    ทรงเป็นโอรสของพระบรมหน่อพุทธางกูรขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุเพียง ๕ พรรษา ถูกพระไชยราชาธิราช ยึดอำนาจหลังการครองราชย์ได้ ๕ เดือน และถูกนำไปสำเร็จโทษ

    ๑๓.สมเด็จพระไชยราชาธิราช

    ทรงเป็นโอรสของพระบรมหน่อพุทธางกูรอันเกิดแต่นางสนม พระองค์ขึ้นครองราชย์โดยการยึดอำนาจจาก พระรัษฎาธิราชกุมารทรงมีพระโอรส ๒ พระองค์คือ พระยอดฟ้าและพระศรีศิลป์ ซึ่งเป็นโอรสอันเกิดแต่นางสนมเอกศรีสุดาจันทร์ สิ้นพระชนม์เพราะถูกลอบวางยาพิษ

    ๑๔.พระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า)

    พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุได้เพียง ๑๑ พรรษาซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ยังทรงพระเยาว์ ครองราชสมบัติโดยมีพระแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์อยู่ในฐานะ"พระชนนีเป็นผู้ช่วยบริหารราชการแผ่นดิน"

    ๑๕.ขุนวรวงศาธิราช
    พระแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ได้ "ราชาภิเษกขุนวรวงศาธิราชขึ้นเป็นเจ้าพิภพ" กษัตริย์องค์ที่ ๑๕ และหลังจากขุนวรวงศา เป็นกษัตริย์แล้วจึงนำเอาพระยอดฟ้าอดีตกษัตริย์ไปประหารชีวิตที่วัดโคกพระยา ขุนวรวงศาเป็นกษัตริย์ได้เพียง ๔๕ วัน คือระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พ.ศ.๒๐๙๑ถูกฝ่ายขุนพิเรนทรเทพและคณะยึดอำนาจฆ่าตาย (พงศาวดารบางเล่มไม่นับขุนวรวงศาเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา )

    ๑๖.สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเทียรราชา)
    ทรงเป็นอนุชาต่างมารดาของพระไชยราชาธิราชทรงขึ้นครองราชย์โดยคณะขุนนางทำการยึดบัลลังค์ จากขุนวรวงศาธิราชและพระแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ คณะขุนนางอัญเชิญ "พระเทียนราชา" ให้ปริวรรตลา พระผนวชขึ้นครองราชโดยปราบดาภิเษก ครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.๒๐๙๑-๒๑๑๑โดยทั่วไปเชื่อกันว่าพระองค์ทรง ครองราชย์ได้ยาวนานถึง ๒๐ ปีจึงสละราชบัลลังก์ให้แก่พระมหินทราธิราชพระโอรส หลังจากนั้น ๘ เดือน จึงเสียกรุงให้แก่พม่า พระหมาจักรพรรดิทรงมีพระโอรสและพระธิดากับพระสุริโยทัยรวม ๔พระองค์คือพระราเมศวร พระมหินทราธิราช พระวิสุทกษัตรีย์และพระเทพกษัตรีย์

    ๑๗.สมเด็จพระมหินทราธิราช

    ทรงเป็นโอรสองค์ที่ ๒ ของพระมหาจักรพรรดิเนื่องจากพระราเมศวรโอรสองค์แรกซึ่งมีสิทธิจะได้ ราชสมบัติย์ต่อจากพระมหาจักรพรรดิในปี พ.ศ.๒๑๐๖ อยุธยาแพ้สงครามพม่า พระราเมศวรจึงถูกจับไป เป็นเชลยพม่าและสิ้นพระชนม์ลงระหว่างทาง ที่เชียงใหม่ตามที่ปรากฏในพงศาวดารฉบับราชหัตถเลขา(เล่ม ๑) พบว่า พระมหินทราธิราชครองราชย์ ๒สมัยด้วยกัน โดยระบุว่า พระมหาจักรพรรดิสมัยครองราชย์ ครั้งแรกหลังสงครามช้างเผือกกับพม่า จึงมอบเวนราชสมบัติแก่พระมหินทราธิราชเมื่อครองราชย์อยู่ ๒ ปี เกิดศึกกับพม่า ครั้งที่ ๓จึงถวายราชสมบัติคืนแก่พระบิดาและหลังจากนั้นไม่นานพระมหาจักรพรรดิก็ประชวรและสวรรคต พระมหินทราธิราชจึงขึ้นครองราชย์ เป็นครั้งที่


    .

    -http://iam.hunsa.com/jiraroje/article/18564-


    ประวัติพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา :: jiraroje @ Hunsa I-AM

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ประวัติพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา

    ราชวงศ์สุโขทัย

    ๑๘.สมเด็จพระมหาธรรมราชา (ขุนพิเรนทรเทพ)
    ทรงเป็นเชื้อสายราชวงศ์สุโขทัยทางพระราชบิดาและเป็นเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณบุรีทางพระราชมารดา พระองค์ปกครองอยุธยาในฐานะเมืองขึ้นของพม่าเป็นเวลา ๑๕ ปี พระมหาธรรมราชาเดิมเป็นขุนนาง มีบรรดาศักดิ์ว่า "ขุนพิเรนทรเทพ" และเมื่อ ขุนวรวงศายึด บัลลังก์จากราชวงศ์สุพรรณบุรีพระมหาธรรมราชา ทรงเป็นกำลังสำคัญร่วมมือกับพระมหาจักรพรรดิทำการยึดอำนาจคืนมาและได้เสก สมรสกับพระราชธิดาของ พระมหาจักรพรรดิคือพระวิสุทธิกษัตริย์ มีโอรส-ธิดา ๓ พระองค์ คือ พระสุพรรณกัลยา พระนเรศวร และพระเอกาทศรถ

    ๑๙.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    พระองค์ทรงเป็นโอรสของพระมหาธรรมราชา และทรงเป็น "วีรกษัตริย์"ผู้กอบกู้เอกราชให้กับอยุธยา ซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นพม่าอยู่ ๑๕ ปี เมื่อพระชนมายุได้๙ พรรษา พระองค์ถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่กรุงหงสาวดีพระองค์ทรงอยู่ในฐานะ"โอรสบุญธรรม" ของกษัตริย์ พม่า ถึง ๗ ปีครั้นเมื่อพม่ายึดอยุธยาได้เมื่อปี พ.ศ.๒๑๑๒พระมหาธรรมราชาขึ้นครองราชย์ในฐานะเมืองขึ้น พระนเรศวรจึงเสด็จ กลับอยุธยาพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ทั้งนี้พระมหาธรรมราชาส่งพระสุพรรณกัลยาไปเป็นตัวประกันแทนพระนเรศวรได้รับสถาปนา ให้เป็นเจ้าเมือง พิษณุโลก มีตำแหน่งเป็น "วังหน้า" และในปีพ.ศ.๒๑๒๔ พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่าสวรรคต ราชวงศ์ตองอู ทำท่าจะแตกสลายพระนเรศวรได้เสด็จไปงานพระศพของกษัตริย์พม่าและทรงทราบดีถึงโอกาสที่อยุธยาจะได้เป็นเอกราช ดังนั้นในปี พ.ศ.๒๑๒๗ พระนเรศวรจึงประกาศ "อิสรภาพ" ของอยุธยาพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.๒๑๓๓ เมื่อพระราชบิดาสวรรคต และทรงแผ่อำนาจออกไปอย่างกว้างขวางพระนเรศวรทรงสวรรคต ที่เมืองหาง รัฐฉานในพม่า เมื่อปีพ.ศ.๒๑๔๘ พระชนม์พรรษาได้ ๕๐ ปี

    ๒๐.สมเด็จพระเอกาทศรถ
    ทรงเป็นพระอนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระเอกาทศรถได้รับยกย่องในฐานะเท่าเทียมกับพระนเรศวร เนื่องจากทรงร่วมรบกับพระนเรศวรมาตลอด ในสมัยพระองค์ ทรงเน้นการค้าขายติดต่อกับต่างประเทศพระเอกาทศรถขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.๒๑๔๘ ทรงครองราชย์ได้เพียง ๕ ปีพระองค์ก็สวรรคต พระชนมายุได้ ๔๕ พรรษา

    ๒๑.พระศรีเสาวภาคย์
    ทรงเป็นโอรสองค์ที่ ๒ของพระเอกาทศรถ ที่เกิดจากพระมเหสี เนื่องจากพระเจ้าฟ้าสุทัศน์ ซึ่งมีสิทธิได้ครองราชสมบัติ ถูกข้อหาขบถต่อพระราชบิดา(พระเอกทศรถ)จึงต้องเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปก่อนพระศรีเสาวภาคย์เป็นเจ้าฟ้าที่มีพระเนตรข้างเดียว พระองค์อยู่ในราชสมบัติเพียง ๑ ปีกับ ๒ เดือน ก็ถูกพระเจ้าทรงธรรมยึดอำนาจและประหารชีวิตในที่สุด

    ๒๒.สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
    ทรงเป็นโอรสของพระเอกาทศรถอันเกิดจากพระสนมในขณะที่พระเอกาทศรถจะเสด็จสวรรคต พระเจ้าทรงธรรมทรงผนวชอยู่ ที่วัดระฆังมีลูกศิษย์ลูกหาและขุนนางข้าราชการชมชื่นอยู่มาก ทำให้สามารถซ่องสุมกำลังเข้ายึดอำนาจได้ พระองค์ครองราชย์อยู่ ๑๘ ปี หลังจากนั้นก็ทรงประชวรและสวรรคตในปี พ.ศ.๒๑๗๑ พระชนมายุได้ ๓๘ พรรษาและปัญหาการสืบราชสมบัติก็คล้ายๆ กับตอนที่ พระองค์ขึ้นครองราชย์

    ๒๓.สมเด็จพระเชษฐาธิราช
    ทรงเป็นโอรสของพระเจ้าทรงธรรม เมื่อพระเจ้าทรงธรรมสวรรคตเกิดปัญหาการสืบราชสมบัติย์ ขุนนางแยกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือ เจ้าพระยามหาเสนาสนับสนุนพระศรีศิลป์(พระอาทิตยวงศ์) อีกฝ่ายหนึ่ง คือเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (เจ้าฟ้าปราสาททอง) สนับสนุน พระเชษฐาธิราช และฝ่ายพระเชษฐาธิราชก็ได้ชัยชนะขึ้นครองราชสมบัติ มีชนมายุ ๑๔ พรรษา และเมื่อครองราชย์ได้ ๑ ปี ๗เดือนเกิดความขัดแย้งกับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ พระองค์ถูกจับสำเร็จโทษ

    ๒๔. พระอาทิตยวงศ์
    ทรงเป็นพระอนุชาของสมเด็จพระเชษฐาธิราช มีพระชนมายุได้ ๑๐ พรรษาได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ได้เพียง ๑ เดือน คือเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนพ.ศ.๒๑๗๒ ถูกเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (เจ้าฟ้าปราสาททอง) ยึดอำนาจ


    -http://iam.hunsa.com/jiraroje/article/18564-


    ประวัติพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา :: jiraroje @ Hunsa I-AM

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...