เกร็ด ตำนาน เรื่องเล่า จาก เขาวงพระจันทร์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 1 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,239
    วัดเขาวงพระจันทร์
    [​IMG]


    เมืองละโว้ ในอดีตหรือลพบุรีในวันนี้นั้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ยังมีเกจิอาจารย์อยู่หลายองค์ ซึ่งช่วงเวลาไม่กี่ปีก็มรณภาพไปหลายองค์เช่นหลวงพ่อมัง วัดพรหมมาสตร์ พระพุทธวรญาน วัดกวิศ ฯ หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุฯ ยังมีอีกหลายองค์ผมจำชื่อไม่ได้ เวลานี้เท่าที่ทราบก็มี หลวงพ่อถม วัดเชิงท่าปีนี้ท่านก็อายุ ๙๐ ปี และบอกว่าจะละสังขาร พึ่งฉลองอายุ ๙๐ ปี เมื่อเร็วๆ นี้เอง เหลือหลวงพ่อฟัก วัดเขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง และหลวงพ่อเพี้ยนวัดเกริ่นกฐิน อำเภอบ้านหมี่ ผมทราบว่าเหลือกันอยู่เท่านี้
    วันนี้เลยอยากพาไปวัดเขาวงพระจันทร์ ซึ่งมักจะทราบกันว่ามียักษ์อยู่บนถ้ำยอดเขาแต่บางท่านอาจจะไม่ทราบว่ามี "รอยพระพุทธพระบาทบบนยอดเขาวงพระจันทร์" และการจะขึ้นไปยังยอดเขาวงพระจันทร์นั้นไม่ใช่ขึ้นกันง่าย ๆ แต่หากวัยหนุ่มสาวก็คงไม่เหนื่อยนัก ผมจำไม่ได้ว่ามีบันไดกี่ขั้นแต่เกินกว่า๒,๕๐๐ ขั้นแน่นอน
    การไปเขาวงพระจันทร์ ต้องไปให้ถึงวงเวียนราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสียก่อน(มีหนังสือดีอยู่เล่มหนึ่ง นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเขียนโดย รศ. คึกเดช กันตามะระ เรื่องท้าวทองกีบม้า อยากให้อนุชนรุ่นใหม่ได้อ่านกันสนุกได้ความรู้ ) เมื่อถึงวงเวียนสมเด็จ ฯ แล้วเลี้ยวขวาไปทางจะไปโคกสำโรงวิ่งเรื่อยไป ถนนหักเหไปทางไหนก็ตามไปจนถึงหลัก กม.๑๖๕ ตรงนี้จะมีเพิงขายอาหารอยู่หน้าสวนศรัณพันธุ์ไม้ ซึ่งสวนนี้เคยแนะนำไปแล้วว่า ขายต้นไม้พันธุ์ไทย นักเลงชอบปลูกไม้ผลต้องระวังปลูกอยู่หลายปี ออกลูกมากกลายเป็นพันธุ์อะไรไปก็ไม่ทราบ แก่งหินเพิงที่ อ.นาดีจ.ปราจีนบุรี ถึงขั้นยกกระท้อนทั้งสวน ให้นักท่องเที่ยวที่มาล่องแก่งหินเพิงกินฟรีไปเลยเพราะกระท้อนที่ปลูกแล้วออกลูกมาไม่ใช่พันธุ์ที่เขานิยมกัน คนซื้อดูไม่เป็นโดนคนขายหลอกเอา ที่สวนตรง กม. ๑๖๕ นี้ เขาขายพันธุ์แท้และที่เพิงที่เขามาตั้งขายอาหาร ของอร่อยและอร่อยมากๆ ด้วยคือ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นหม้อดิน ราคาชามละ ๑๐ บาท พิเศษก็ ๑๕ บาท และยังมียำเอ็นตุ๋นหมูตุ๋นอีก ๒๐ บาท ราคาถูก มีราดหน้าหมูหมัก ๑๕ บาท จะแวะกินเสียก่อนไปเที่ยวเขาวงพระจันทร์ก็ได้เที่ยวแล้วไปกินปลาตะเพียนไร้ก้างต่อเป็นมื้อเที่ยงอีกที
    [SIZE=-1]ผ่าน กม.๑๖๕ ไปแล้ว ไปอีกนิดเดียวก็จะมีทางแยกขวาไปสัก ๕๐๐ เมตร จะถึงวัดเขาพระงามความจริงชื่อว่า วัดสิริจันทรนิมิตรเป็นพระอารามหลวง แต่เนื่องจากบนเขามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สร้างมาเกือบ ๑๐๐ ปีแล้ว ชาวลพบุรีนับถือมาก เลยเรียกว่า พ่อใหญ่หรือพระงาม พลอยติดปากเรียกนามวัดไปด้วย
    หากไม่เลี้ยวขวาเข้าไปยังวัดเขาพระงาม ก็ตรงไปอีกสัก ๕๐๐ เมตร ถึงสามแยก ให้เลี้ยวขวาตรงนี้ไปจนถึงหลัก กม.๑๗๙.๒๐๐ เลี้ยวขวาไปอีก ๕ กม. จะถึงวัดเขาวงพระจันทร์ซึ่งวัดนี้มีหลวงพ่อฟัก หรือพระครูสมถวิกรม เป็นเจ้าอาวาส ท่านอายุ ๘๕ ปีแล้วยังแข็งแรง และเคยเป็นครูมาก่อนที่จะมาบวช
    วัดเขาวงพระจันทร์ ไม่ทราบประวัติของวัด แต่มี ตำนานที่เล่าขานกันมา๒ เรื่อง
    เรื่องแรก ตำนานของยักษ์ไปอย่างไรมาอย่างไรจึงเล่ากันว่า มาสถิตอยู่บนถ้ำยอดเขาวงพระจันทร์นี้ ซึ่งผมเองก็ไม่เคยเห็นฟังมาแต่ตำนาน และเมื่อสมัยผมยังหนุ่ม ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาวงพระจันทร์แถมเป็นครูสอนวิชาแผนที่ปืนใหญ่ด้วย สมัยนั้นผมวิ่งขึ้นเขาวงพระจันทร์ที่มีบันไดร่วม๓,๐๐๐ ขั้น ได้ภายในเวลาไม่เกิน ๓๐ นาที เพราะอยากไปดูยักษ์ ขึ้นไปแล้วก็ไม่เห็นยักษ์เพราะเขาบอกว่าอยู่ในถ้ำและปิดปากถ้ำไว้
    [SIZE=-1]ยักษ์ที่ว่านี้คือ ท้าว"กกขนาก" ยักษ์ตนสุดท้ายที่ไม่ยอมแพ้พระรามพระรามที่อยู่ในเรื่องรามเกียรติ์ จึงถูกพระรามแผลงศร โดนยักษ์กระเด็นลอยละลิ่วข้ามมหาสมุทรอินเดียมาตกที่ยอดเขาลูกนี้ แล้วพระรามก็สาปให้ศรปักอกเอาไว้หากวันใดที่ศรเขยื้อนให้หนุมานลูกพระพาย(ลูกลม ถ้าตายเมื่อต้องลมพัดผ่าน จะกลับฟื้นคืนชีพ หนุมานจึงไม่รู้จักตาย) เอาฆ้อนมาตอกย้ำลูกศร ให้ปักอกไว้เช่นเดิม แต่ยักษ์โดนเข้าขนาดนี้ก็ยังไม่ตายนอนรอความตาย ฝ่ายนางนงประจันทร์ลูกสาวยักษ์ก็เหาะตามพ่อมา เพื่อปฎิบัติพ่อ เพราะพ่อยังไม่ตาย นอนแอ้งแม้งอยู่ในถ้ำยอดเขานางพระจันทร์นี้และนางทราบว่าหากได้น้ำส้มสายชูมารดที่โคนศรแล้วศรจะเขยื้อนหลุดออกมาได้ แต่หากศรเขยื้อน ไก่แก้วก็จะขันเรียกหนุมานเอาฆ้อนมาตอกศร ตำนานนี้เป็นผลให้ลพบุรีไม่มีน้ำส้มสายชูขายมานาน
    [SIZE=-1]แต่ไม่ทราบว่านานสักกี่ปีเพราะบิดาของผมรับราชการที่โคกกระเทียมเมื่อ ๕๐ ปีกว่าที่แล้ว ก็เห็นมีน้ำส้มสายชูขายกันเกลื่อนไปเมื่อนางนงประจันทร์ช่วยพ่อยักษ์ไม่ได้ ก็ตรอมใจตาย ฝ่ายยักษ์กกขนากเมื่อลูกสาวตายก็เลยตายตามไปด้วย จากตำนานนี้จึงเรียกเขาลูกนี้ว่า เขานงประจันต์หรือ[COLOR=#cc0000]นางพระจันทร์[/COLOR][COLOR=#000099] ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ หลวงพ่อโอภาสี ได้ขึ้นมาบนเขานี้ และเห็นว่าบริเวณเขาทั้ง๔ ด้าน เป็นรูปเขาโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า "[COLOR=#cc0000]เขาวงพระจันทร์[/COLOR][COLOR=#000099]"[/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=#000099]แต่เนื่องจากบนยอดเขาก็มีรอยพระพุทธบาทเก่าแก่ ไม่ทราบว่าค้นพบกันเมื่อใดแต่ก็มีตำนานซึ่งตำนานนี้เล่าโดย หลวงพ่อองค์หนึ่ง (น่าจะเป็นหลวงพ่อโอภาสี) ท่านได้เล่าให้หลวงพ่อฟักเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ทราบ[/COLOR]
    [COLOR=#000099]เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ มีหลวงพ่อองค์หนึ่งมาขึ้นเขาและมีลูกศิษย์ติดตามมาหลายคนหลวงพ่อฟักก็ตามขึ้นไปด้วย จนเวลาประมาณสี่ทุ่ม ลูกศิษย์ของท่านก็ขอให้ทุกคนที่ตามมาเพื่อหาหลวงพ่อองค์นั้นกลับไปพักผ่อนหลวงพ่อจะได้จำวัดบ้าง แต่พอหลวงพ่อฟักจะลงไปบ้าง หลวงพ่อก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปมีเรื่องจะคุยด้วย เริ่มแรกท่านบอกกับหลวงพ่อฟักว่า เขานางประจันต์นี่สูงต้องคนมีความเพียรจึงจะขึ้นมาได้(ผมขึ้นครั้งหลังเมื่อ ๓ - ๔ ปี มานี้ ได้ใช้ความเพียรตะกายขึ้นมาได้ในเวลา๒ ชั่วโมง) ต้องมีความมานะอดทนจึงจะขึ้นได้ แต่หากตั้งใจและศรัทธาจริง ถึงจะเหนื่อยสักปานใดก็ต้องขึ้นให้ถึง[/COLOR]
    [COLOR=#000099]แล้วหลวงพ่อก็เล่าต่อไปว่า สมัยพุทธกาลมีพ่อค้าคนหนึ่งนำสินค้าไปขายต่างแดนโดยไปทางเรือ คราวหนึ่งเกิดเดินเรือผิดทางจนไปพบเกาะเข้าเกาะหนึ่ง จึงแวะขึ้นำไปบนเกาะเห็นว่าไม่มีผู้คนอยู่อาศัยแต่มองเห็นต้นไม้จันทร์หอมเต็มไปทั้งเกาะ และไม้จันทร์หอมนี้เป็นไม้ราคาแพงมากพ่อค้าเลยคิดว่าหากขนสินค้าลงจากเรือ ทิ้งเอาไว้บนเกาะนี้ แล้วตัดไม้จันทร์หอมบรรทุกกลับบ้านแทนจะขายได้ราคาสูงกว่าสินค้าที่ขนมาจึงทำตามความคิด[/COLOR]
    [COLOR=#000099]ฝ่ายภูติปีศาจที่อยู่บนเกาะต่างโกรธแค้นที่มาตัดไม้โดยไม่บอกเจ้าที่เจ้าทางจึงพากันติดตามเรือไปกระทำฤทธิ์ ให้เกิดคลื่นลมให้เรือล่ม จะได้เป็นผีเฝ้าทะเลให้จงได้[/COLOR]
    [COLOR=#000099]พ่อค้าตกใจมาก ทันใดนั้นก็คิดถึงพี่ชายซึ่งบวชเป็นพระอยู่ กล่าวคำรำลึกถึงพี่ชายว่าขอให้บารมีของหลวงพี่ช่วยให้รอดตายจากภัยครั้งนี้ด้วยเถิด[/COLOR]
    [COLOR=#000099]หากรอดแล้วหลวงพี่ต้องการสิ่งใดก็จะถวายให้ดังประสงค์ขอให้หลวงพี่บันดาลให้คลื่นลมสงบด้วย พระพี่ชายซึ่งจะต้องมีญานสูงมาก จึงทราบคำรำลึกของพ่อค้าน้องชายก็คิดว่าหากไม่ช่วยน้องม้วยแน่ พระพี่ชายจึงมาปรากฏให้ภูตผีได้เห็นตัว และชี้แจงโดยดีพวกผีเห็นพระท่านมาดีก็เลยได้สติพากันกลับไปยังเกาะไม้จันทร์หอม คลื่นลมที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ผีก็สงบลงน้องชายก็นำเรือพร้อมทั้งไม้หอมกลับไปยังบ้านเมืองได้ เมื่อไปถึงก็รีบไปหาพระพี่ชายพระพี่ชายจึงสอนว่าจะทำอะไร ให้คิดถึงจิตใจของผู้อื่นด้วย อย่าทำเอาแต่ใจอย่างนี้อีก[/COLOR]
    [COLOR=#000099]พระพี่ชายถามว่า จะถวายอะไร พ่อค้าบอกว่าถวายทุกอย่างที่หลวงพี่ปรารถนา หลวงพี่จึงบอกว่า"เจ้าเสียสละไม้จันทร์หอมที่ขนมา" แล้วเลื่อยไม้จันทร์หอม ปลูกเป็นปราสาททั้งหลังให้สำเร็จเมื่อสำเร็จเรียบร้อยเมื่อใด พระพี่ชายจะไปอัญเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประทับในปราสาทไม้จันทร์หอมที่พ่อค้าสร้างขึ้น พ่อค้าก็เร่งสร้างปราสาทจนสำเร็จ เมื่อเสร็จแล้วไปบอกพระพี่ชายพระพี่ชายจึงไปเฝ้าพระพุทธองค์ ขอให้เสด็จไปประทับที่ปราสาทไม้จันทร์หอม และโปรดน้องชายด้วยพระพุทธองค์ก็รับว่าจะไปและมีพระดำริว่า การเดินทางครั้งนี้เราจะไปทางอากาศและจะต้องผ่านที่อยู่ของพระ "[COLOR=#cc0000]สัจจพรรณฤาษี[/COLOR][COLOR=#000099]"ซึ่งเป็นฤาษีที่กระทำกิจได้ดีแล้ว แต่ยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ เราจะแนะนำให้ตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิซึ่งก็คงไม่ยากเพราะกิเลสบางเบามากแล้ว[/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปยังปราสาท จึงเสด็จโดยทางอากาศ เมื่อถึงยอดเขานางพระจันทร์(นางพระจันทร์, นางประจันต์ คนเดียวกัน) พระองค์ก็เสด็จลงยอดเขาทันทีฝ่ายสัจจพรรณฤาษีเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาจนถึงที่จึงเข้าไปกราบพระบาทและทูลถามว่าพระองค์เสด็จไปแห่งใด พระองค์ตรัสตอบว่าเรามาครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับที่นี่ด้วยพระพุทธองค์จึงเทศนาให้สัจจพรรณฤาษีได้เข้าใจ ในเรื่องมิจฉาทิฐิและควรตั้งตนอยู่ในทิฐิประเภทไหนสัจจพรรณฤาษีสดับเทศนาแล้ว ก็มีสติระลึกชอบด้วยสัมมาทิฐิว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อตนเองเมื่อเทศนาโปรดแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จต่อไป เพื่อไปยังปราสาทของพ่อค้า สัจจพรรณฤาษีก็ขอตามเสด็จเมื่อไปประทับที่ปราสาทตามคำอัญเชิญแล้ว ก็เทศนาให้น้องชายพระได้ฟังธรรม[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]เมื่อเสร็จกิจที่ได้รับนิมนต์มาแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนินกลับ ฤาษียังตามเสด็จมาด้วยเมื่อถึงยอดเขานางประจันต์ ฤาษีก็ขอตามต่อไปอีก พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเรารู้จักกันใกล้ชิดแล้วไม่ต้องตามไปแม้อยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้ พระฤาษีจึงอาราธนาขอให้พระพุทธองค์ประทับรอยฝ่าพระบาทไว้บนยอดเขาเมื่อยามคิดถึงพระองค์จะได้มากราบไหว้บูชาเป็นกิจประจำวัน[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]พระพุทธองค์จึงผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกแล้วแยกพระบาทเหยียบบนยอดหินที่สูงที่สุดของเขานางพระจันทร์ เกิดเป็นรอยพระบาทที่ได้เห็นอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]รอยพระพุทธบาทนี้ พระบาทยาว ๑.๖๒ เมตร กว้าง ส่วนกลาง ๖๒ ซม.[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]เมื่อเข้าไปในวัดเขาวงพระจันทร์แล้ว ทางซ้ายจะเห็นศาลารูปเหมือนของเกจิอาจารย์หลายองค์ประทับนั่งอยู่ในศาลา ศาลาพระพุทธรูป และศาลาแม่ชี ฟากตรงกันข้ามกำลังสร้างศาลา เพื่อระบายสิ่งของในพิพิธภัณฑ์ที่มีมากเหลือเกินมาไว้โดยเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๕[/COLOR][/FONT]
    [​IMG]
    [COLOR=#000099][SIZE=3]ดังนั้นเมื่อมายังวัดนี้ขอให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ของหลวงพ่อฟักให้ได้ ไปถึงวัดแล้วเดินเลยศาลแม่ชีไปแล้วก็จะถึงบันไดขึ้นกุฎิหลวงพ่อ ขึ้นไปได้เลยไม่ต้องกลัวสุนัข หลวงพ่อเลี้ยงสุนัขจรจัดเอาไว้สัก๓๐๐ ตัว ป่านนี้อาจจะมากกว่านี้แล้ว แจ้งพระลูกวัดขอนมัสการหลวงพ่อหากท่านไม่จำวัดก็เข้านมัสการได้[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=#000099][SIZE=3]เมื่อนมัสการหลวงพ่อแล้วให้ขออนุญาตไปสักการบูชา [COLOR=#cc0000]พระบรมธาตุ[/COLOR][COLOR=#000099]ซึ่งเป็น[COLOR=#cc0000]พระทันตธาตุ[/COLOR][COLOR=#000099]ของพระพุทธองค์ ประดิษฐานอยู่ในพานแก้ว ในครอบแก้วในห้อง ตรงกันข้ามกับกุฎิหลวงพ่อและในห้องนี้หากได้เข้าไปแล้ว จะรู้สึกทันทีว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในห้องนี้[/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]พระบรมธาตุองค์นี้หลวงพ่อได้พาผมเข้านมัสการเมื่อสัก ๑๒ ปีผ่านมาแล้ว แต่พอได้มาเห็นในวันนี้องค์ใหญ่กว่าเดิมร่วมสองเท่าขอให้เชื่อเถอะว่าพระบรมธาตุคือ อัฐิของพระพุทธองค์ พระธาตุคือ อัฐิของพระอรหันต์เช่น ของหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร เป็นต้น พระบรมธาตุ, อัฐิธาตุจะขยายโตได้ เกิดเพิ่มขึ้นได้และหายไปเองก็ได้ หากคนชั่วไม่รู้จักสักการบูชาทำแต่ความเลวท่านก็หนีหายไปได้ และกลับมาเองก็ได้ ผมขอยืนยันความจริงข้อนี้เพราะประสบมากับตนเอง[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]จากห้องประดิษฐานพระบรมธาตุ ก็เดินเลี้ยวซ้ายไปยังห้องพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะผ่านแท่นพระพิฆเนตรผ่านแท่นบูชาเทวดา ซึ่งบนแท่นประดิษฐาน พระนารายณ์ พระยม พระกาฬ พระอิศวรผ่านต่อไประหว่างเทวรูปที่สร้างใหม่ประดับไว้สองข้างทางเดินไปจนถึงทางเข้าห้องพิพิธภัณฑ์ชั้นล่าง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด๓ ชั้น ทางเข้าชั้นแรกมีรากไม้สีดำ จากยอดดอยอินทนนท์ ที่เจ้าอินทนนท์ณ เชียงใหม่ ประทานไว้ และยังมีจระเข้ผัวเมีย จากวัดสามปลื้ม ซึ่งสตาฟเอาไว้ตัวเบ้อเริ่มเลยทีเดียวทั้ง ๓ ชั้นของพิพิธภัณฑ์คุ้มค่าต่อการเข้าชม โดยเฉพาะนักเลงพระแค่เห็นสมเด็จทั้งพิมพ์วัดระฆังบางขุนพรหม วัดไชโย ก็คงจะคลั่งตาย เพราะหลวงพ่อเลี่ยมทองใส่จานวางไว้ในตู้และยังมีของโบราณอีกมากมาย แม้แต่ไม้เท้าของเกจิอาจารย์ดัง ๆ หลวงพ่อฟักก็ไปหามาไว้บานประตู บานหน้าต่างของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า เป็นบาย่อขนาดแกะสลักสวยมีค่ามากหลวงพ่อก็มีไว้ ชั้นที่ ๓ เป็นชั้นที่สะสมพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๕เอาไว้มากที่สุด เห็นตื่นเต้น เพราะไม่เคยเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่๕ มีที่ไหนมากเท่าที่พิพิธภัณฑ์ของหลวงพ่อฟักเลย[/COLOR][/FONT]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][SIZE=3][COLOR=#000099]วัดเขาวงพระจันทร์ มี[COLOR=#cc0000]งานไหว้พระบาท[/COLOR][COLOR=#000099]ประจำปีในเดือนกุมภาพันธ์ประมาณใกล้ ๆ ตรุษจีน ซึ่งยังมีลมหนาวพัดพา ไปเที่ยววัดเสียก่อน แล้วไปกินอาหาร ที่ผมกำลังจะพาไป ตกค่ำมาขึ้นเขาวงพระจันทร์ กว่าจะขึ้นไปถึงและกลับลงมาก็ตกประมาณตี๓ ตี ๔ ซึ่งเมื่อถึงเวลานี้ทางวัดจะนิมนต์พระสงฆ์และนางชี จากวัดต่างๆ ให้หมุนเวียนกันมารับบาตร ซื้ออาหารใส่บาตรได้[/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ทีนี้จะพาไปชิมอาหารหลังจากพากินก๋วยเตี๋ยวรองท้องที่ กม. ๑๖๕ มาแล้ว ไปกินปลาตะเพียนไร้ก้างซึ่งผมชิมมาทั่วยังไม่เจอร้านไหนที่ทอดปลาตะเพียน รวมทั้งมีน้ำจิ้มปลาตะเพียนที่เด็ดเหมือนที่ร้านนี้แต่แม่ครัวเอก ชื่ออะไรไม่เคยถามกันสักที[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ออกจากวัดเขาวงพระจันทร์ ให้เลี้ยวขวาไปตามถนนที่จะไปยังอำเภอโคกสำโรงจนถึงหลัก กม. ๑๘๘.๒๐๐ ทางซ้ายมือคือปั๊ม ปตท. ทางขวาคือร้าน[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ปลาตะเพียนไร้ก้าง ไม่มีร้านไหนทอดได้เหมือน เขาจะดึงก้างฝอยออกหมดจนเหลือแต่ก้างใหญ่ ซึ่งโอกาสจะติดคอ ติดลิ้นมีน้อยมาก ๒ คนต่อหนึ่งตัวเป็นสูตรที่ควรสั่งและจะให้ดีก่อนไปถึงร้านของเขา ทรสั่งอาหารสั่งจองเสียก่อน ๐๓๖ ๖๒๔๘๑๐ จะได้ไม่เกิดโมโหหิว เพราะทอดปลาตะเพียนให้กรอบไร้ก้างนั้น เร่งไม่ได้ต้องทอดด้วยไฟพอเหมาะพอดี เพื่อให้ปลาออกมาสีเหลือง โรยกระเทียมเจียวสีเหลืองอ่อนหอมฟุ้งกลิ่นจะไม่ติด บรรจงตักปลา โรยด้วยน้ำจิ้ม จะกินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือกินเปล่าๆ ก็วิเศษนัก ไปเกิน ๓ คน ต้องสั่งสัก ๒ ตัว ไม่งั้นแย่งกัน สั่งใหม่ก็หมดอร่อยเพราะต้องรอนาน[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ต้มยำปลาตะเพียน ต้องสั่งเช่นกัน ยากที่จะหาใครต้มยำได้เหมือนรสของยายเมคอมเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ กลมกล่อม[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ปลาช่อนผัดคื่นฉ่ายมีขิงโรย ผัดมีน้ำขลุกขลิก น้ำผัดเข้าเนื้อปลาทำให้เนื้อปลามีรสซดน้ำผัดยังได้[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ใครชอบปลาไหล เจ้านี้ผัดเผ็ดปลาไหลเก่งนัก[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ผมไปกับเขาทีไรไม่ต้องเปิดเมนู สั่งเป็นกับเขาอยู่แค่นี้ อิ่มแล้วจะเลยไปวัดคลองเกตุที่เลยตัวอำเภอไปหน่อยหนึ่งไปไหว้รูปเหมือนของหลวงปู่ บุญตา ก็ได้ ท่านมรณภาพไป ๕ ปีแล้ว ของหวาน ไม่มีแต่หากเย็น ๆ รถเข็นไอศกรีมกะทิแถว ๆ วงเวียนโคกสำโรงอร่อยนัก[/COLOR][/FONT][/SIZE]
    [/FONT][/COLOR]
    [/SIZE]
    [/SIZE]
    [/SIZE]

    [SIZE=-1][SIZE=-1][SIZE=-1][COLOR=#000099][FONT=MS Sans Serif][B][FONT=FreesiaUPC][SIZE=5][COLOR=#cc0000]รอยฝ่าพระบาทบนยอดเขาวงพระจันทร์[/COLOR][/SIZE][/FONT][/B][SIZE=3][COLOR=#000000] [/COLOR][/SIZE]
    [IMG]http://203.144.136.10/service/mod/heritage/nation/tour/khaovongprachan03.jpg[/IMG][/FONT][/COLOR]
    [/SIZE]
    [/SIZE]
    [/SIZE]

    [SIZE=-1][SIZE=-1][SIZE=-1][COLOR=#000099][FONT=MS Sans Serif][/FONT][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=-1][SIZE=-1][SIZE=-1][COLOR=#000099][FONT=MS Sans Serif]<TABLE class=tborder id=post8922 cellSpacing=0 cellPadding=9 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_8922 style="BORDER-RIGHT: 1px solid">[FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=3]ชื่อเรื่องของผมวันนี้ยาวเหยียด เพราะมีความจำเป็นต้องการให้เห็นเด่นชัดว่ามี พระพุทธบาทบนเขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนักเพราะไปรู้จักแต่ประวัติของเขาวงพระจันทร์ในเรื่องยักษ์ คือท้าวกกขนาก ผมจึงอยากให้ท่านได้มีโอกาสทดลองพละกำลังของตนเองด้วยการไปขึ้นเขาวงพระจันทร์ หรือเดิมเรียกว่าเขานางประจันทร์ดูสักครั้ง เพราะนี่ก็ใกล้เทศกาลไหว้รอยฝ่าพระบาทของพระพุทธองค์ที่เขาวงพระจันทร์กันแล้ว ซึ่งจะมีการไหว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี[/SIZE][/COLOR][/FONT][SIZE=3]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][SIZE=3][COLOR=#000099]วัดเขาวงพระจันทร์นี้หากไปตามถนนพหลโยธิน ผ่านสระบุรี ผ่านพุแค ที่เดี๋ยวนี้ตรง[COLOR=#cc0000]สวนพฤกษศาสตร์สระบุรี[/COLOR][COLOR=#000099] ประมาณกิโลเมตร ๑๒๒ กิโลเมตร นั้นสวยนัก สวยทั้งสองฟากเลยทีเดียว ทางซ้ายเวลาไปตรงที่ทำการเขาก็จะตกแต่งสวนไม้ดอก ไม้ประดับเสียสวยงาม ทำให้เกิดวิวที่น่าลงไปถ่ายภาพ ส่วนทางฝั่งขวาคือสวนพฤกษศาสตร์ และแปลงเพาะพันธุ์ไม้ ไปขอเพื่อไปปลูกได้ สวนทางด้านขวาก็เป็นสถานที่พักผ่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อเลยสวนพฤกษศาสตร์พุแคไปแล้วก็ไปผ่าน หน้าพระลาน ระวังรถบรรทุกหินที่วิ่งข้างหน้าเรา เขามีอภิสิทธิ์พิเศษไม่ต้องปิดท้ายวิ่งก็ได้ เวลาเขาเลี้ยวกลับรถเขาต้องตีวงและเลี้ยวกันเร็ว รถตามหลังเขาต้องระวัง อย่าเข้าไปใกล้ ๆ เป็นอันขาด หินจะตกใส่อันตรายมาก ผมถือโอกาสเตือนมาเพราะ โดนเข้ากับตัวเองเมื่อไม่ช้าไม่นานมานี้เอง ใครไปพระพุทธบาทสระบุรี ไปลพบุรี ตอนนี้กำลังฤดูดอกทานตะวันบานแล้ว ลพบุรีพฤศจิกายนไปจนถึงต้นกุมภาพันธ์ ส่วนอำเภอวังม่วง สระบุรีตั้งแต่พฤศจิกายน ไปจนถึงเมษายน ที่สระบุรีมีนานกว่าลพบุรี เพราะเขาควบคุมการปลูกและคุมปริมาณออกสู่ตลาดด้วย และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสไปชมทุ่งทานตะวันเป็นระยะเวลานาน แต่การชมทุ่งทานตะวันของสองวิธีการนี้ผมว่าไม่เหมือนกัน เพราะลพบุรีนั้นปลูกมากนับแสนไร่ และดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเพราะกว้าง ยาวลึกสุดลูกหูลูกตาไปเลยทีเดียว แต่สระบุรีแม้จะควบคุมหรือเรียกว่าเฉลี่ยพื้นที่ปลูกให้มีไปทั่ว ๆ พื้นที่ ก็เป็นไร่ที่ไม่เล็กนัก แต่ดูแล้วไม่กว้างใหญ่เป็นทุ่งมหึมาเหมือนที่ปลูกในเขตอำเภอเมืองลพบุรี และอำเภอพัฒนานิคม[/COLOR][/COLOR]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1][SIZE=3]ผ่าน[COLOR=#cc0000]พุแค[/COLOR][/SIZE][COLOR=#000099][SIZE=3] ผ่าน[COLOR=#cc0000]หน้าพระลาน[/COLOR][/SIZE][COLOR=#000099][SIZE=3] ไปผ่าน[COLOR=#cc0000]พระพุทธบาทสระบุรี[/COLOR][/SIZE][COLOR=#000099][SIZE=3] ก็จะถึง[COLOR=#cc0000]วงเวียนสมเด็จพระนารายณ์[/COLOR][COLOR=#000099]ลพบุรีให้เลี้ยวขวา (อ้อมวงเวียน)ไปทางโคกสำโรง ผ่าน[COLOR=#cc0000]สี่แยกเอราวัณ[/COLOR][COLOR=#000099]ที่เลี้ยวขวาไป ๕๐๐ เมตร ก็มีร้านอาหารใต้ แก้วเจ้าจอม หรือเลยไปอีกก็มีข้าวมันไก่ต้นตำรับ วิ่งต่อไปก็จะไปผ่านกองพลบิน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ แล้วหักซ้ายไปตามถนนซึ่งเดี๋ยวนี้ตรงทางเข้าศูนย์การทหารปืนใหญ่ที่เรียกว่า "[COLOR=#cc0000]เสาธง[/COLOR][COLOR=#000099]" นั้นกลายเป็นถนนขนาด ๖ เลนไปแล้ว แต่ยังสร้างได้ไม่ไกลนัก เลยเสาธงไปตรงหลักกิโลเมตร ๑๖๕ สวนศรัณพันธุ์ไม้ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง มีพันธุ์ไม้แท้ ๆ จำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น น้อยหน่า พุทราจัมโบ้ ฯ แต่พืชหลักที่ผมเชียร์คือขนุนนามพระราชทาน "ไพศาลทักษิณ" แท้แน่นอนยังคงจำหน่าย พันธุ์ไม้ที่สวนนี้ของแท้ ราคาถูกเพราะฝีมือขยายพันธุ์ของแม่บ้านทหารปืนใหญ่ช่วยกัน และที่หน้าสวนตอนนี้เขาตั้ง "เพิง" ขายก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นหม้อดิน "๑๐ บาท" อร่อยมาก ราคาถูกมาก ขนมจีนน้ำเงี้ยว ฝีมือเชียงใหม่แท้ เพราะคนทำขายชาวเชียงใหม่มาอยู่ลพบุรี เหมือนร้านแก้วเจ้าจอม คนนครศรีธรรมราชแท้มาตั้งรกรากที่ลพบุรี แล้วจะเถียงได้อย่างไรว่าไม่ใช่อาหารใต้หรือขนมจีนน้ำเงี้ยวเชียงใหม่ ผมยังแนะเขาว่าทำข้าวซอยขายเสียเลย แกงฮังเลก็ดี ของอร่อยตรงเพิงนี้คือ น้ำผลไม้สดที่ปลอดสารพิษทำกันวันต่อวัน ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ราดหน้าหมูหมัก อร่อย ราคาถูกมาก ปริมาณพออิ่ม ใครเจอหมูตุ๋นเข้าไป ๒ ชาม ก็หนักกะเพาะแล้ว[/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1][SIZE=3]ผ่านศรัณพันธุ์ไม้ไปแล้ว ก็จะมาผ่านทางแยกขวาเข้าไปยัง[COLOR=#cc0000]วัดสิริจันทรนิมิต[/COLOR][/SIZE][COLOR=#000099][SIZE=3] ซึ่งเป็นพระอารามหลวง บอกอย่างนี้คนไม่ค่อยรู้จัก ต้องบอกว่า[COLOR=#cc0000]วัดหลวงพ่อเขาพระงาม[/COLOR][/SIZE][COLOR=#000099][SIZE=3] อย่างนี้ร้องอ๋อกันทันที หลวงพ่อเขาพระงามหรือ "พระพุทธปฏิมาคมัธยมพุทธกาล" สร้างอยู่บนไหล่เขาหลังวัด แต่นำรถขึ้นไปได้ถึงหน้าหลวงพ่อ ชาวบ้านเรียกว่า "[COLOR=#cc0000]หลวงพ่อใหญ่[/COLOR][/SIZE][COLOR=#000099][SIZE=3]" สร้างเมื่อปีชวด พ.ศ.๒๔๕๔ หน้าตักกว้าง ๑๑ วา ๑ ศอก สูงจากหน้าตักถึงเกศ ๑๘ วา ผมกราบไหว้มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๑ ซึ่งเป็นปีที่บิดาย้ายไปรับราชการอยู่ที่กองบินน้อยที่ ๔ โคกกระเทียม ลพบุรี และที่วัดมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อใหญ่ด้วย คือพระสมเด็จหลวงพ่อพระงาม รุ่นพิเศษ มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ และเหรียญหลวงพ่อพระงาม รุ่นสร้างศาลาการเปรียญ สนในโทรไปที่วัด ๐๓๖ ๔๘๖๒๐๑ ประวัติโดยย่อของวัดนี้ เป็นวัดโบราณที่สร้างมานานแล้ว ต่อมากลายเป็นวัดร้างเรียกกันว่า "วัดเขาบ่งาม" หรือ วัดเขาบัวงาม จนปี พ.ศ.๒๔๕๕ [COLOR=#cc0000]พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ [/COLOR][COLOR=#000099]([COLOR=#cc0000]สิริจนโท จันทร์[/COLOR][COLOR=#000099])จากวัดบรมนิวาส กรุงเทพ ฯ ได้มาบูรณะวัดเขาบ่งาม และสร้างพระพุทธรูปพ่อใหญ่ เรียกนามใหม่ว่า [COLOR=#cc0000]วัดเขาพระงาม[/COLOR][COLOR=#000099] และเปลี่ยนเป็นวัดสิริจันทรนิมิตวรวิหาร เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๖ นามนี้เป็นนามพระราชทานจากรัชกาลที่ ๖ ที่เสด็จมาประกอบพิธีผูกพัทธสีมาของวัดนี้ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในนามวัดเขาพระงาม เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๔๖๖ ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหารนับตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๔๙๙ เมื่อผ่านทางเข้าวัดผมจึงถือโอกาสแนะนำวัดเก่าแก่นี้ไว้ด้วย[/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][SIZE=3][COLOR=#000099]ผ่านทางเข้าวัดเขาพระงามไปแล้วก็จะถึงทางแยกขวาไปยังอำเภอโคกสำโรง วิ่งไปหน่อยเดียวประมาณ หลักกิโลเมตร ๑๗๙.๒ จะเห็นประตู[COLOR=#cc0000]วัดเขาวงพระจันทร์[/COLOR][COLOR=#000099] เลี้ยวขวาเข้าประตูไปอีก ๕ กิโลเมตร จะถึงบริเวณวัดเขาวงพระจันทร์ที่อยู่เชิงเขา และเมื่อเดินผ่านกุฏิเจ้าอาวาสไปแล้วก็จะถึงทางขึ้นยังยอดเขาวงพระจันทร์ที่ประดิษฐาน รอยฝ่าพระบาท ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันมาดังนี้[/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ท่านเจ้าอาวาสวัดเขาวงพระจันทร์ ผมเรียกท่านว่า หลวงพ่อฟัก พระครูสมถวิกรม อายุท่าน ๘๕ ปีแล้ว (๒๕๔๕) เป็นเกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่งของลพบุรี ซึ่งเวลานี้ผมเข้าใจว่ามีหลวงพ่อถม วัดเชิงท่าในอำเภอเมือง หลวงพ่อฟัก วัดเขาวงพระจันทร์ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน อำเภอบ้านหมี่ ผมว่าลพบุรีเหลือเกจิอาจารย์อยู่แค่นั้น นอกนั้นท่านไปสวรรค์หมดแล้ว ท่านเล่าไว้ว่า[/COLOR][/FONT]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][SIZE=3][COLOR=#000099]เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ มีพระรูปหนึ่งท่านมาขึ้นเขาและมีลูกศิษย์ลูกหาติดตามมาด้วย หลวงพ่อก็ติดตามพระองค์นั้นขึ้นไปบนยอดเขาวงพระจันทร์ด้วย และผู้ติดตามขึ้นไปพากันไปกราบไหว้พระองค์นั้น จนประมาณสี่ทุ่มลูกศิษย์ของท่านก็ขอให้กลับกันได้แล้วท่านจะได้ทำกิจ แต่พระรูปนั้นกลับบอกให้หลวงพ่อฟักอยู่ก่อนจะเล่าอะไรให้ฟัง พระรูปนั้นท่านก็เริ่มเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า "[COLOR=#cc0000]เขานางพระจันทร์[/COLOR][COLOR=#000099]" (ชื่อเดิม) นี่นะสูง ยากที่คนธรรมดาจะขึ้นถึงได้ (เมื่อผมยังหนุ่ม ยศร้อยตรีเป็นครูแผนที่ทหารปืนใหญ่เดินขึ้นเขาลูกนี้ได้ ตอนนั้นยังไม่มีบันไดถาวรอย่างปัจจุบันนี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อ ๒ - ๓ ปีมานี้ กลับไปขึ้นใหม่มีบันไดราวเกาะอย่างดี ใช้เวลา ๒ ชั่วโมง จึงจะขึ้นถึง) หลวงพ่อเล่าต่อว่า จะขึ้นเขาได้ต้องเป็นคนที่มีความมานะอดทนจริง ๆ หากตั้งใจจริงและศรัทธาจริงแล้วถึงจะเหนื่อยปานใดก็ต้องขึ้นให้ถึง[/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]พระองค์นั้นเริ่มเล่าให้หลวงพ่อฟังต่อไปว่า เมื่อสมัยพุทธกาลมีพ่อค้าคนหนึ่งไปค้าขายต่างแดน ไปทางเรือ วันหนึ่งก็จัดสินค้าลงเรือออกเดินทาง คราวนี้เรือเกิดเดินทางผิดทิศจนไปเจอเกาะเข้าเกาะหนึ่ง ไม่เห็นมีผู้คนอยู่เห็นแต่ต้นไม้จันทน์หอมเต็มไปทั้งเกาะ พ่อค้าจึงคิดว่าไม้จันทน์หอมนี้ราคาแพงนัก สูงกว่าสินค้าที่เรานำมา พ่อค้าจึงขนเอาสินค้าลงจากเรือแล้วตัดเอาไม้จันทน์หอมลงบรรทุกในเรือแทน ตัดฟันโดยไม่ได้ขอขมา ขอต่อเจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าเกาะเสียก่อน แล้วหันหัวเรือกลับบ้านเลยไม่ไปค้าขายอะไรอีกแล้ว ฝ่ายพวกผีปีศาจที่อยู่ที่เกาะนั้น ก็พากันโกรธแค้นที่มาตัดฟืนไม้จันทน์หอมเอาไปโดยไม่ขออนุญาต จึงพากันติดตามเรือไปกระทำฤทธิ์ ให้เกิดคลื่นลมจะเอาให้เรือล่มให้จงได้ ฝ่ายพ่อค้าก็ตกใจเพราะไม่รู้สาเหตุจึงระลึกถึงพี่ชายที่บวชเป็นพระอยู่ ยกมือประณมแล้วระลึกขอให้พระพี่มาช่วย "ถ้าพระหลวงพี่ช่วยให้รอดกลับบ้านได้แล้ว หากหลวงพี่จะประสงค์สิ่งใดก็จะจัดถวายให้" พระผู้พี่ซึ่งจะต้องมีญาณสูงมากก็ทราบคำขอของพ่อค้าน้องชาย รู้ว่าน้องชายทำผิดสิ่งใดจึงได้รับผลเลวร้ายเช่นนี้ พระพี่จึงมาให้ปีศาจเห็นตัวแล้วชี้แจงปรับความเข้าใจโดยสุภาพ พวกภูตผีปีศาจทั้งหลายเห็นพระพี่พ่อค้าเจรจาอ่อนน้อมเช่นนั้น ผีปีศาจทั้งหลายก็ให้อภัยแล้วกลับไปยังเกาะที่มากไปด้วยไม้จันทน์หอมเช่นเดิม ทันใดนั้นคลื่นลมก็สงบ พ่อค้าน้องชายพระก็เดินทางกลับบ้านได้โดยปลอดภัย เมื่อไปถึงก็ไปหาพระพี่ชายกราบขอบพระคุณ เล่าให้พระพี่ชายฟัง พระพี่ชายจึงบอกว่า "จงจำไว้ว่าจะทำอะไรให้คิดถึงจิตใจคนอื่นเขาบ้าง อย่าทำอะไรเอาแต่ใจตนเอง" น้องชายก็กราบขอโทษแล้วพระพี่ชายจึงถามว่าจะเอาอะไรถวายที่บนบานไว้ ผู้น้องก็ตอบว่าถวายทุกสิ่งที่ปรารถนา พระพี่ชายจึงบอกให้พ่อค้าจงเสียสละไม้จันทน์หอมให้เลื่อยไม้จันทน์หอมที่นำเอามาแล้วปลูกเป็นปราสาททั้งหลัง ให้สำเร็จเมื่อเสร็จแล้ว ท่านจะไปทูลเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประทับในปราสาทที่น้องสร้าง ให้จงได้[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]พ่อค้าน้องชายพระก็รับคำแล้วไปจัดการเลื่อยไม้จันทน์หอม นำไปสร้างปราสาทจนสำเร็จเรียบร้อย เมื่อพระพี่ชายทราบว่าปราสาทเสร็จแล้ว จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ทูลเชิญให้พระองค์เสด็จไปประทับในปราสาทที่น้องชายได้สร้างถวาย เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทราบแล้วก็รับว่าจะไป แต่ทรงดิริว่า การไปครั้งนี้เราจะไปทางอากาศจึงจำเป็นต้องผ่านที่อยู่ของพระฤาษี ณ ยอดเขานางพระจันทร์ด้วย เราจะแวะโปรด[COLOR=#cc0000]ฤาษีสัจจพรรณ[/COLOR] เพราะกระทำกิจได้ดีแล้ว แต่ยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ จำเราจะแนะให้ตั้งตนอยู่ในสัมมาทิฐิ ครั้งเมื่อพระองค์เสด็จถึงเขานางพระจันทร์ พระองค์ก็เสด็จลงที่ยอดเขา เมื่อสัจจพรรณฤาษีได้เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา จึงเข้าไปกราบพระพุทธเจ้าแล้วถามว่าพระองค์จะเสด็จไปแห่งใดด้วยกิจอะไร พระพุทธเจ้าจึงเทศน์โปรดฤาษี เมื่อสัจจพรรณฤาษีได้สดับแล้ว ก็มีสติระลึกชอบด้วยสัมมาทิฐิ และขอตามเสด็จไปยังปราสาทที่พ่อค้าสร้าง พระพุทธองค์ก็เสด็จต่อไปยังปราสาท เมื่อพบพระพี่ชายพ่อค้าแล้ว ก็เทศน์โปรดจนได้สำเร็จสมความปรารถนา เมื่อเสร็จกิจแล้วก็เสด็จกลับ เมื่อถึงเขานางพระจันทร์ พระพุทธเจ้าก็ให้ฤาษีหยุดการติดตาม ให้อยู่ ณ ที่เดิมที่เขานางพระจันทร์ ฤาษีสัจจพรรณจึงอาราธนา ขอให้พระพุทธเจ้าประทับรอยฝ่าพระบาทไว้บนยอดเขา เพื่อตนจะได้ไว้มากราบไหว้บูชา พระพุทธองค์จึงเสด็จลงจากอากาศผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก แล้วแยกเท้าเหยียบบนยอดหินที่สูงสุดของเขาพระนางพระจันทร์ เป็นรอยพระบาทที่ปรากฏมาจนตราบเท่าทุกวันนี้[/COLOR][/FONT]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][SIZE=3][COLOR=#000099]เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ หลวงพ่อโอภาสี ท่านได้มานมัสการรอยฝ่าพระบาทพระพุทธองค์ ท่านจึงให้เปลี่ยนนามจาก "นาง เป็น วง" เพราะเหตุว่าบริเวณภูเขาทั้ง ๔ ด้าน เป็นเขารูปโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า [COLOR=#cc0000]เขาวงพระจันทร์[/COLOR][COLOR=#000099] พระภิกษุองค์ที่เล่าให้หลวงพ่อฟังจึงน่าจะเป็นหลวงพ่อโอภาสีนั่นเอง พระคาถาสำคัญของหลวงพ่อโอภาสี คือ "ติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา นะมามิหัง"[/COLOR][/COLOR][/SIZE]
    [IMG]http://203.144.136.10/service/mod/heritage/nation/tour/khaovongprachan04.jpg[/IMG]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=3]ส่วนประวัติของยักษ์บนเขานั้น เมื่อขึ้นไปบนเขา ระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร บันไดประมาณ ๓,๐๐๐ ขั้น ขึ้นไปแล้วหายักษ์ไม่เจอเพราะเขาบอกว่าอยู่ในถ้ำ ปิดปากถ้ำเสีย การเดินขึ้นเขาไปนมัสการพระพุทธบาทนั้น จะต้องเดินขึ้นในเวลากลางคืนประมาณสัก ๕ ทุ่ม ขึ้นไปแล้วมีข้าวต้มเลี้ยง หมายถึงขึ้นในเทศกาลเดือนไหว้พระบาท จะรู้สึกว่าเป็นข้าวต้มที่ร้อน ๆ และอร่อยที่สุดในโลก เพราะความเหนื่อยนั่นเอง ข้าวต้มกับเกี๊ยมฉ่ายแค่นั้นแหละอร่อยเหลือประมาณ บนเขาเดือนนี้หนาวต้องใส่เสื้อหนาวขึ้นไปด้วย ขึ้นไปแล้วหายเหนื่อย เที่ยวกลับใช้เวลาไม่นานผมขึ้นตอนปูนนี้ใช้เวลา ๒ ชั่วโมง ตอนลงประมาณชั่วโมงเดียว[/SIZE][/COLOR][/FONT][SIZE=3]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=3]ประวัติยักษ์มีว่า [COLOR=#cc0000]ท้าวกกขนาก[/COLOR][COLOR=#000099]ถูกพระรามแผลงศรปักอก ปลิวข้ามมหาสมุทรอินเดียมาตกลงที่เขานางพระจันทร์นี้ และสาปให้ติดแน่นอยู่ที่นี่ หากศรเขยื้อนเมื่อไร หนุมานลูกพระพายที่ไม่รู้จักตาย (ตายเมื่อไรลมพัดก็จะฟื้นทันที) หนุมานก็จะแบกค้นมาตอกศรย้ำดังเดิม ฝ่ายนางนงประจันทร์ลูกสาวยักษ์ ก็ติดตามบิดามาด้วย และทราบว่าหากได้[COLOR=#cc0000]น้ำส้มสายชู[/COLOR][COLOR=#000099]มาเทราดที่โคนศร ศรจะเขยื้อน จึงแปลงกายเป็นสาวสวยไปหาซื้อน้ำส้มในเมืองลพบุรี ก็ไม่มีใครขายให้ นางจึงตรอมใจตาย ท้าวกกขนากที่ยังไม่ตายพอลูกสาวตายไม่มีใครดูแลก็เลยตายตามไปด้วย เขาว่าลพบุรีไม่มีน้ำส้มขายมานานพึ่งมาขายกันเมื่อตอนที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่านพัฒนาเมืองลพบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ ชาวเมืองจึงกล้าขายน้ำส้มกัน ผมตามบิดาไปอยู่ลพบุรีที่โคกกระเทียมตั้งแต่ปี ๒๔๘๑ ไม่ทราบว่าไม่มีน้ำส้มขายจริงหรือไม่[/COLOR][/COLOR]
    [/SIZE][FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=3]เขาวงพระจันทร์ นั้นยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกคือ [COLOR=#cc0000]พระทันต์ธาตุ[/COLOR][COLOR=#000099]ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางขึ้นกุฏิหลวงพ่อฟักนั้นมีกลุ่มพระเกจิอาจารย์ที่ท่านสร้างไว้ มีกลุ่มพระพุทธรูป มี "ศาลแม่ชีสรรพยัง" ที่ศักดิ์สิทธิ์นัก มียักษ์ ๒ ตนยืนเฝ้าหัวบันได คือกุมภัณฑ์เทพฤทธา กับ กุมภาเทพฤทธี วัดนี้เลี้ยงสุนัขไว้ประมาณ ๓๐๐ ตัว บนกุฏิก็มี ขึ้นไปแล้วไปกราบนมัสการหลวงพ่อฟักแล้วขอนมัสการพระทันต์ธาตุ ผมเห็นครั้งแรกเมื่อ ๑๒ ปีที่แล้ว มาเห็นปีนี้โตกว่าเดิมสักเท่าตัว ในห้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ออกจากห้องนี้แล้วขอชม[COLOR=#cc0000]พิพิธภัณฑ์[/COLOR][COLOR=#000099]ของหลวงพ่อที่มีค่าควรแก่การเข้าชมอย่างยิ่ง ผมจะไม่จารไนให้ ทราบว่ามีอะไรบ้าง แต่คุ้มค่าสุดที่จะพรรณา หลวงพ่อฟักท่านสะสมมานานปี อาคารพิพิธภัณฑ์มี ๓ ชั้น ของแน่นเต็ม โดยเฉพาะพระพุทธรูปและพระเครื่องมีมากมาย จรเข้วัดสามปลื้มมาสตาฟไว้ก็มี งาช้างสีดำสนิทยิ่งกว่าที่ จังหวัดน่าน ก็มี พระบรมฉายาลักษณ์ใส่กรอบทองมากมายหลายสิบภาพ บางภาพผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ไม้เท้าเกจิอาจารย์ก็มากมายของหลายองค์[/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ที่กุฏิหลวงพ่อ มีพระเครื่องสำคัญ พระลพบุรีย้อนยุค สร้างด้วยกระเบื้องหลังคาโบสถ์จากวัดทั่วประเทศ ๑๒๐ วัด พระเกจิอาจารย์หลายสิบองค์จากทั่วประเทศมาปลุกเศก มีให้เช่าชุดละ ๕ องค์ ๑๒๐ บาท เข้าชมพิพิธภัณฑ์ของหลวงพ่อ อย่าลืมหยอดตู้ช่วยค่าไฟฟ้าหลวงพ่อบ้างก็แล้วกันเพราะท่านให้ชมฟรี[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ไปกินปลาตะเพียนไร้ก้าง ออกจากวัดเขาวงพระจันทร์ขึ้นถนนพหลโยธินแล้วให้เลี้ยวขวา วิ่งต่อไปอีกสัก ๙ กิโลเมตร จนถึงกิโลเมตร ๑๘๘.๒ พบปั๊ม ปตท.ทางขวามือ ทางฝั่งขวาคือร้าน "ตาเม็ค" ขายปลาตะเพียนไร้ก้างที่น้ำจิ้มของตาเม็คนั้นไม่มีใครเหมือน โทรสั่งล่วงหน้าก็ดีเพราะทอดใช้เวลา ๐๓๖ ๖๒๔๘๑๐[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]สั่งอาหาร ปลาตะเพียนไร้ก้าง ๓ คน ต่อ ๑ ตัว แหละเหมาะ เขาจะทอดมากรอบนอกนุ่มใน ก่อนทอดต้องดึงเอาก้างง่ามหนังสติ๊คออกให้หมดเสียก่อน ดังนั้นปลาจึงไม่มีก้างฝอยมาติดคอ ติดลิ้น มีแต่ก้างใหญ่ บรรจงตักเนื้อปลาวางบนข้าวแล้วเหยาะเสียด้วยน้ำจิ้มสูตรพิเศษของร้านที่ไม่เหมือนใครอร่อยสุด ๆ[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ปลาไหลผัดเผ็ด ใครชอบปลาไหลจะไม่ผิดหวัง[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ปลาช่อนผัดคึ่นฉ่าย น้ำผัดซึมเข้าเนื้อปลาได้รส ซดน้ำยังได้เพราะมีน้ำขลุกขลิก[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ต้มยำปลาตะเพียน รสอมเปรี้ยว อมหวาน กลมกล่อมไม่เหมือนใคร ซดร้อน ๆ ชื่นใจ[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ราคาถูก ไม่มีของหวานมาปิดท้าย วิ่งไปกินไอสกรีมรถเข็นแถว ๆ วงเวียนน้ำพุโคกสำโรงก็แล้วกัน แต่ต้องไปกินตอนเย็น อิ่มแล้วทั้งคาวหวานกลับมาปีนขึ้นเขาวงพระจันทร์ ลงจากเขาตอนตี ๓ ตี ๔ หลวงพ่อฟักท่านจะนิมนต์พระสงฆ์และแม่ชี มาคอยรับบาตร ยืนสงบนิ่งเป็นแถวน่าเลื่อมใสนัก[/COLOR][/FONT] [/SIZE]<CENTER>
    [FONT=MS Sans Serif][SIZE=3][COLOR=#000099]...........................................[/COLOR][/SIZE][/FONT]</CENTER>[SIZE=3][B][FONT=FreesiaUPC][COLOR=#cc0000]หมายเหตุจากผู้จัดทำ[/COLOR][/FONT][/B]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]ขอเพิ่มเติมจากที่ท่าน พล.อ.โอภาส ฯ ได้ให้ข้อมูลต่าง ๆ ไว้ เนื่องจากผู้จัดทำเป็นนายทหารปืนใหญ่ รุ่นหลังท่านชนิดเห็นหลังกันไว ๆ และทหารปืนใหญ่กับลพบุรีเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออกเนื่องจาก ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อยู่ที่จังหวัดลพบุรี และนายทหารปืนใหญ่ทุกคนจะต้องเข้าไปรับการศึกษาหลักสูตรนายทหารปืนใหญ่ภาคบังคับ ในหลักสูตรหลักหลายครั้ง[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]เมื่อผู้จัดทำจบจากโรงเรียนนายร้อย และเข้ารับการศึกษาที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ในหลักสูตรชั้นผู้บังคับหมวดทหารปืนใหญ่ ก็ได้มีโอกาสสำรวจลพบุรีด้วยรถจักรยานสองล้อในรัสมี ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร และเขาวงพระจันทร์ก็เป็นจุดมุ่งหมายหลักที่จะต้องไป เป็นลำดับสองรองจากเขาพระงาม นอกจากนั้นยังมีอีกหลายแห่งในลพบุรีที่ผมได้ไปสำรวจมาในครั้งนั้น เช่น เขาสะพานนาค ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขาพระงามกับเขาวงพระจันทร์ เขาพุคา ซึ่งอยู่ใกล้เขาพระงาม อยู่ในเขตสนามยิงปืนของศูนย์การทหารปืนใหญ่ และแหล่งมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ที่ขุดพบในเขตศูนย์การทหารปืนใหญ่ ซึ่งท่าน พล.อ.โอภาส ฯ คงจะได้นำมาเล่าให้ท่านฟังในอันดับต่อ ๆ ไป[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]สำหรับเรื่อง ท้าวกกขนากที่ท่าน พล.อ.โอภาส ฯ ได้เล่าประวัติเอาไว้ ผมได้เคยทราบประวัติยักษ์ตนหนึ่งในเรื่อง รามเกียรติตอนท้าย ๆ มีว่า ท้าวอุณาราช ซึ่งมีประวัติว่าต้องศรกกของพระรามคล้ายกับท้าวกกขนากในพากย์ไทย มีความว่า เมื่อพระรามแผลงศรไปต้องอกอุณาราชแต่ อุณาราชไม่ตาย ฤาษีโคศกจึงทูลพระรามว่า อุณาราชนี้ไม่มีอาวุธใดฆ่าได้ ต้องใช้วิธีเอาต้นกก ทำเป็นลูกศรแล้วแผลงไปปักอก อุณาราชตรึงไว้กับหินเป็นเวลาแสนโกฏิปี พระรามจึงทำตาม[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]"พระจักราจึงซ้ำสาปไป ให้เกิดไก่แก้วอลงการ์ กับนนทรีถือค้อนเหล็กใหญ่[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]รักษาอสุรานี้ไว้ ให้ได้ถึงแสนโกฏิปี ถ้าแม้นกกนี้เลื่อนเคลื่อนคลาด[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]จากอกอุณาราชยักษี ไก่นั้นจงขันขึ้นทันที อสุรี เร่ง เอาพะเนินรัน"[/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099]รายละเอียดดูได้จากเรื่องรามเกียรติ ตอนศึกท้าวอุณาราช ใน หอมรดกไทย กลุ่มชาติ[/COLOR][/FONT][/SIZE]

    ที่มา... [URL="http://203.144.136.10/service/mod/heritage/nation/tour/khaovongprachan2.htm"]http://203.144.136.10/service/mod/he...ngprachan2.htm[/URL]
    [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/FONT]
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 0px solid; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 1px solid"> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 0px solid; BORDER-LEFT: 0px solid; BORDER-BOTTOM: 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [/FONT][/COLOR]
    [/SIZE]
    [/SIZE]
    [/SIZE]
    <!-- / message -->
     
  2. หล่อลำน้ำ

    หล่อลำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +40
    เคยไปขึ้นเขานี้แล้ว สูงมากๆ เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนจะมองเห็นวิวในเบื้องล่าง สวยจริงๆ
    ตอนขึ้นผมใช้เวลาประมาณ 3 ชม. (พักตลอดทาง ) แต่ตอนลงนี่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง

    อ้อ .. ร้านปลาตะเพียนไร้ก้าง นี่เขาจะปิดไวมาก ก็เลยซื้อไม่ทัน อดกินของอร่อยเลย!
     
  3. konngaam

    konngaam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมขึ้นได้แค่ถึงจุดพักที่3เอง -*-
    ดันขึ้นตอน 11 โมง
     
  4. kwamawauyo

    kwamawauyo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +64
    ยังไม่เคยไปเลยค่ะ ว่าจะลองหาโอกาสไปดู ขอบคุณมากค่ะ
     
  5. สุขและทุกข์

    สุขและทุกข์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +55
    น่าสนใจดี มีโอกาสคงได้ขึ้นไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขา
     
  6. investor2golds

    investor2golds สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +21
    ได้ขึ้นไปการบรอยพระพุทธบาทมาแล้วครับ
    สุดยอดมากเลยครับ
     
  7. ควายเผือก

    ควายเผือก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +48
    ไม่ใกลเท่าไร มีโอกาสจะแวะไปครับ เดี๋ยวต้องฟิตร่างกายก่อน มากกว่า 2500 ขัน ต้องขึ้นแต่เช้าหน่อย ไม่งั้น ไม่ถึงแน่ ครับ :mad:
     

แชร์หน้านี้

Loading...