เมื่อข้าพเจ้า..สัมผัสวิญญาณด้วยพลังจิต จากประสบการณ์ของผมเองครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้มีสติ1, 21 มิถุนายน 2011.

  1. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ณ.ที่ห่างไกลจากบ้านผู้คน สมัยข้าพเจ้าครองสมณะเพศ

    ข้าพเจ้าชอบอาศัยอยู่กลางป่าขุนเขา เป็นที่ซึ้งมีความเป็นธรรมชาติ

    ชาติ แมกไม้นานาพันธ์ ดูแล้วเพลินตา เพลินใจ อากาศก็แสนจะ

    บริสุทธิ์ สถานที่ก็สปายะ วิเวกดี เมื่อสถานที่วิเวก สภาวะจิตของผมก็

    พลอยวิเวกตาม หรือมีความสงบใจตามไปโดยธรรมชาติ ปราศจากสิ่ง

    ปรุงแต่งทางสายตา

    พอนึกถึงอนาคต มองไปข้างหน้าช่างมัน ทิ้งมันก่อน มันยังมาไม่ถึง

    ทำวันนี้ไห้ดีก็พอ อดีตก็ช่างมันผ่านพ้นไปหมดแล้ว

    เราจะไปอาลัยอาวรณ์เพื่อประโยชน์อันใด อยู่กับปัจจุบัน

    อยู่กับลมหายใจนี่แหละ ลมเข้าก็พุทธ ลมออกเราก็นึกในใจว่าโธ

    ฝึกไห้มีสติอยู่กับลมเข้าออก อยู่กับปัจจุบัน

    ความรู้สึกของข้าเจ้าในเวลานั้น มีความสุข มีความเบากาย เบาใจ

    กำหนดลมหายใจได้ง่ายจัง สมาธิรวมตัวได้ง่าย

    อยู่ปฏิบัติธรรม ตามลำพังอยู่นานพอสมควร ทั้งๆที่ไม่มีสิ่งยั้วเย้า

    ก่อไห้เกิดกิเลส จิตใจของข้าพเจ้าเอง เกิดการปรุงแต่ง นึกถึงเพศตรง

    ข้ามอย่างหามรุ่ง หามค่ำ รู้สึกว่าหัวหนักมาก มึนตื้อไปหมด รู้สึก

    รำคาญใจตัวเองเป็นที่สุด

    ก็เลยนึกในใจว่าเฮ้ย!! มันจะปรุงแต่งไปถึงไหนกัน พอที พอบอกกับตัว

    เองพอที

    ข้าพเจ้าสูดลมหายใจเข้า ยังไมทันออก อารมณ์ปรุงแต่ ทีวนเวียน

    อยู่ในหัว หายเป็นปลิดทิ้ง สติแจ่มใส คำภาวนา กำหนดรู้ลมเข้าออก

    ได้อย่างเยือกเย็น ลมหายใจเข้าก็เย็น ลมหายใจออกก็ยังสงบเย็น

    ข้าพเจ้า รำพึงในใจว่า โอ้หนอ อำนาจของสมาธินี่ช่วยเราได้ถึงเพียงนี้

    เชียวหนอ แล้วถ้าเราเอาวิปัสสนาญาณมาไช้ควบคู่ไปด้วย ใจเรา

    ต้องมีความสุข กายเบา ใจเบาอย่างแน่นอน หลังจากนั้น ข้าพเจ้า

    ก็ทำควบไปทั้งสองอย่าง

    การทำสมาธิ ในป่าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดสาย การปฏิบัติเป็น

    ไปอย่างสม่ำเสมอ

    ...มีวันหนึ่ง ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า เอะ เหมือนรู้สึกว่า เทวดากำลัง

    สัญจรผ่านมาทางนี้ พอคิดเท่านั้น ต้มไม้สูงขนาดเมตรกว่า ที่อยู่ตรง

    หน้า เกิดการไหวเหมือนลมพัดแรง ทั้งที่อากาศช่วงนั้นสงบนิ่ง

    ลมโดยรอบมันไม่ได้พัดเลย แต่ต้นไม้ตรงหน้าไหวอย่างแรง

    ตกช่วงเย็น พอทำวัดเส็จแล้ว ข้าพเจ้า ก็ทำกิจวัตรของพระ

    ก็คือ เดินจงกรม ก่อนที่จะนั่งสมาธิ

    ผมเดินอยู่แถวหน้าที่พักนั่นแหละ เดินไป เดินมา

    เดินมาแล้วก็เดินไป ใจก็กำหนดรู้ลมเข้า ลมออก รู้อาการไหวตัวของ

    ร่างกาย ที่ขยับ อยู่ไปมา มีสติกำหนดรู้ตัวอยุ่ทั่วพร้อม

    พอเดินได้สักพัก จิตเบา กายเบา จิตใจปกติดีทุกอย่าง เอาแล้วสิท่าน

    เดินอยู่กลางป่าคนเดียว ไช้คำว่ารูปเดียวและกันนะ เพราะบวชอยู่ตอน

    นั้น ใจก็ปกติ แต่กายสิ มันเต้นไปมา ส่ายสะโพกโยกย้ายเด้งหน้า

    เด้งหลัง แต่พอสังเกตอารมณ์ใจ มันมีปิติ มีความสุข ใจสงบเย็น

    นึกในใจ เรานี่ถ้าจะบ้าซะมั้ง

    เอาว่ะ บ้าก้บ้านึกในใจ มันอยากเต้นก็เต้นไป เอาไห้เต็มที่

    พอเอาเข้าจริงๆ มันก็เลิก พอไม่สนใจมัน ใจอยู่กับคำภาวนา แต่จิตใจ รวมตัว

    สงบ ดิ่งลงไปได้ดีมาก ใกล้จะหนึ่งทุ่ม บรรยากาศในป่า เริ่มมืดสนิท

    แต่ใจข้าพเจ้า เกิดเห็นโอภาส ขาวเหมือนแสงนีออน สว่างไสว ตามขอบ

    ยอดต้นไม้ไปทั่ว โอภาสสำแดง ไห้เห็นสว่างใสวไปทั่วบริเวณ

    ใจข้าพเจ้าชักชอบโอภาส ดูแล้วเพลินดี เป็นอยู่แบบนั้น อย่างนั้น หลายวันอยู่

    สงสัยเราจะติดโอภาสเสียแล้วสิ พอ ไม่สนใจดีกว่า บอกกับตัวเอง

    พอตั้งใจ ทิ้ง ไม่เอาละ ไม่สนใจ จะมา หรือมา หรือมี ก็ช่าง เจ้า

    โอภาสที่ว่านี้ ต่อมาก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อข้าพเจ้าในเวลาต่อมาอีก

    การเดินจงกรมในเวลาเย็นของข้าพเจ้า มีอะไรแปลกๆอยู่เรื่อย

    มีวันหนึ่ง พอเส็จกิจวัตร ทุกสิ่งอย่าง หมดความกังวลใจ วางภาระ

    เสียสิ้น ข้าพเจ้าก็เริ่มเดินจงกรม เดินไป เดินมา เดินอยู่อย่างนั้น

    อยู่ๆขนลุกซู่ ไปทั้งตัว ขนตามแขน ตามขาตั้งชัน ใจเบาหวิวๆ

    นึกในใจช่างมัน มีอะไรแปลกๆอยู่เรื่อย..

    อาการซูซ่า ยังไม่ทันหายเลยครับ ขณะที่เดินจงกรมไปมา อยู่นั้น

    ตัวข้าพเจ้า มันจะลอยท่าเดียว มีอาการเหมือนคนจะเหาะ

    พอเดินๆ กำลังใจดิ่งตกวูบปัป! เท้าลอยจากพื้นเลย พอข้าพเจ้านึก

    เอะ! เฮ้ย! ในใจ กลับมาปกติเหมือนเดิม แต่พอเดินไป เดินมา

    พอจิตวูบดิ่ง กำลังจิตรวมตัว ใจตั้งมั่น เอาอีกแล้ว จะลอยท่าเดียว!

    แบบว่าเท้าหลุดจากพื้นทั้งสองข้างเลยนะ..


    ยังมีต่อนะครับ...มีเวลาจะมาต่อไห้จบนะครับ

    เล่าสู่กันฟัง แลกเปลี่ยนคุยกันในฐานะ นักปฏิบัติกรรมฐานคนหนึ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2011
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เดี๋ยวแวะมาติดตามเรื่อยๆ.นะครับ..ยังไงขอข้อคิดด้วยนะครับ...
    อนุโมทนาครับ..
     
  3. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ...ภูเขา เทือกเขาที่ข้าพเจ้า ได้ไปพำนักอยู่ จะเป็นหุบเขา มีเทือกเขายาวไกล

    และซ้อนกันอยู่ ข้าพเจ้าอาศัยอยู่กลางหุบเขา ซึ้งมีทุ่งโลเตียนเป็นบริเวณกว้าง

    มีไม้ป่า ขึ้นตามธรรมชาติ อย่างสวยงาม ต้นปรง ขึ้นเยอะ ใบปรกเขียวขจีเลย

    ต้นแจงนี่ก็เยอะ พูป่า กล้วยไม้ป่าพอมี เฟิร์นหลากหลายสายพันธุ์ ไม้ฝาง

    ยาง มะข้าโมงก็มี ไม้สักก็ประปรายแซมๆอยู่ บรรยายไหม่ไหว

    ดินอยู่บนเขานี่ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเหมาะแก่การเดินจงกรมนะ มันไม่สากเท้า

    ไม่นุ่มเกิน แบบว่า มีหินละเอียด ปนอยู่กับดิน ผมก็เดินเท้าเปล่าบ้าง ใส่รองเท้ายาง

    บ้างสลับกัน อะไรก็ดีนะ เสียอย่าง งูเยอะไปหน่อย..งูเห่าเยอะมาก

    ... อยู่ป่า อยู่เขาคนเดียว องค์เดียว ความอิสระทางความคิด มีอยู่มาก การ

    ทบทวนชีวิต ก้คิดอย่างมีเหตุ มีผล มองไปโดยรอบ ถึงแม้ข้าพเจ้าจะอยู่ในวัย

    หนุ่ม ทุกข์ที่มองเห็นชัดที่สุด ก็คือกายที่เราอาศัยอยู่นี่เอง ข้าพเจ้าพิจรณากาย

    มองดูกายอยู่เป็นประจำ อสุภกรรมฐาน มรณานุสติ ไช้ได้ดี พิจรณาได้ถึงใจ

    ชัดแจ้ง รู้สึกเกิดการเบื่อหน่าย ในกาย ไม่ชอบร่างกาย อยากไปไห้พ้นจากมัน

    เสียเหลือเกิน พอพิจรณากายหนัก อารมณ์แบบนี้ มันเกิดขึ้นเองนะ จะเรียกว่า

    นิพพิทาญาณก็คงยังไม่ไช่ แต่รู้สึกเบื่อกาย เบื่อร่างกาย

    ...แต่ทางกลับกัน ยิ่งเบื่อกายเท่าไหร่ สมาธิของข้าพเจ้า มันช่างกำหนดง่ายเสีย

    เหลือเกิน พอนึกว่าจะทำสมาธิ นึกจับลม อารมณ์ใจดิ่งวูบ ตั้งมั่น ทันที ทันใดเลย

    สติเร็วมาก รู้เท่าทันสภาวะการปรุงแต่ง พอจิตปรุงแต่ง ตัวสติ เข้าควบคุมทันที

    และเจ้าตัวสตินี่ จะบอกกับจิต ในเสี้ยว ของเสี้ยววินาทีว่า ว่าตัวนี้ คิดแบบนี้ ไม่เอา

    ต้องกำจัด เป็นอกุศลทำร้ายใจ

    อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้าทำสมาธิ ก็เกิดนิมิต เห็นคนโบราณ เป็นผู้ชายร่าง

    กายกำยำ

    ตัดผมสั้นทรงทหาร สูงอย่างน้อย2เมตร นุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียว เดินตรงมาที่

    พำนักของข้าพเจ้า เรียกผมว่า "คุณ คุณ ผมเอาฟักมาไห้ครับ" ผมนึกในใจ

    ทำไมเสียงขัดกับกายที่กำยำสูงใหญ่ดูน่าเกรงขามจัง เสียงช่างเป็นสุภาพบุรุษ

    อะไรเช่นนี้ สุภาพมาก ผมก็ลุกออกไปดู ปรากฏว่า เป็นทองคำ อยู่ในหาบ

    ไม่ไช่ฟักอย่างที่บอก

    หาบแบบ ที่เขาหาบในพิธี วันพืชมงคลแบบนั้นเลย กระบุง หรือภาชนะทั้งสอง

    เต็มไปด้วยทองคำ ที่สุกประกาย เป็นทองคำแท่ง เต็มหาบเลย ข้าพเจ้าดูแล้ว

    ก็เฉยๆนะ ก็เดินกลับมาที่เดิม อามรณ์ใจก็คลายจากสมาธิ ก็นึกในใจ แปลกดี

    มาไง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มิถุนายน 2011
  4. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ขอบคุณทุกๆท่านที่สนใจน อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  5. คุณชัชช์

    คุณชัชช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +725
    กำลังอ่านเพลินเลยครับ อยากอ่านต่อรีบๆมานะครับ ขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  6. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ได้เห็นในมุมของการปฏิบัติ ผสานไปด้วยเรื่องราว บันเทิงธรรมดี

    สอดคล้องลงตัว ว่าแต่เป็นฟักทองแท่ง ใช่ไหมครับ

    อนุโมทนาครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  7. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    ผมอีกคนก็สนใจครับ ได้อะไรดีๆ ผมก็ชอบศาสนาพุทธเป็นทุนอยู่แล้ว

    ดีครับ ถือว่าเป็นความรู้ มุ่งสู่การปฏิบัติครับผม เจอสหายธรรมเพียบเลย
     
  8. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    ผมอีกคนก็สนใจครับ ได้อะไรดีๆ ผมก็ชอบศาสนาพุทธเป็นทุนอยู่แล้ว

    ดีครับ ถือว่าเป็นความรู้ มุ่งสู่การปฏิบัติครับผม เจอสหายธรรมเพียบเลย
     
  9. ตาลเดี่ยว

    ตาลเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +425
    อนุโมทนา สาธุ ครับ อ่านเรื่องของคุณพรานทะเลแล้วน่าสนใจในการปฏิบัติของท่าน ปฏิบัติได้ดีแล้วท่านสึก ออกมาทำไม ทางโลกมีแต่ทุกข์ทั้งนั้น ยังหาสุขที่แท้จริงไม่ได้เลยน่าเสียดายมากๆๆ ข้าพเจ้าเองยังไม่เคยมีโอกาสที่จะปฏิบัติได้อย่างท่าน ทุกวันนี้ก็กำลังพยายามอยู่ แต่งานทางโลกมันมากและวุ่นวายคงสงบได้ยากหน่อย คงต้องทำไปตามกำลังสติปัญญาที่มีอยู่
     
  10. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637

    เป็นทองคำแท่งคำ ก็ลักษณะเหมือนทองคำแท่งที่เราเห็นกันอยู่

    แต่ขนาดใหญ่กว่ามาก ก็แบบนี้นะครับ






    อ้อ ครับ คือตอนนั้น โยมแม่ หรือแม่ผม ได้รับความลำบากมาก

    เดือดร้อนเรื่องการเงิน ไม่มีกิน ไม่มีใช้ อ้ายผมก็สงสาร พอได้ทราบ

    ข่าวเกี่ยวกับแม่

    ก็คราวนี้ เอาเลย ทำสมาธิไป พอจิตสงบ รวมตัว ดีแล้ว

    อธิษฐานเลย ขอไห้ตัวผมสามารถเลี้ยงดูแม่ได้ และก็ขอไห้หาเงินส่งไห้

    แกได้ไช้ทุกๆเดือน..


    ทำอยุ่ประมาณ 3 ครั้ง อาศัยตอนที่จิตสงบเต็มกำลัง อธิษฐาน

    อยู่ 3 ครั้ง

    ..ได้เรื่องเลย ที่นี้สมใจ ได้สมใจตามปรถนา ทุกวันนี้ก็เลย โดนกิเลส

    มันปู้ยี่ ปู้ยำ เอาตามอำเภอใจ บางครั้งหายใจแทบรวยระริน ช่างมัน

    เหอะ ชดไช้กรรมไป.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มิถุนายน 2011
  11. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    (เรื่องต่อไปนี้ เป็นเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ ผมโพสไว้นานแล้ว โพสไว้ก่อน กระทู้นี้ อ่านเล่นๆนะครับ

    เผื่อมีข้อคิดอะไร ก็สุดแล้วแต่ก็แล้วกัน)

    เรื่องนี้ เป็นเรื่องนานมาแล้วนะครับ แต่ข้าพเจ้ายังจำได้ดี

    คือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ในสมัยที่ข้าพเจ้าไช่ชีวิตอยู่ในสมณะเพศ ครั้งหนึ่งกลางป่า กลางหุบเขา แต่ผู้เดียว แต่ก็พอมีเพื่อนที่เป็นสัตว์อยู่บ้าง ก็คือนกนาๆชนิด ที่มีสีสันแปลกตา

    กระรอก กระแต ลิงก็พอเจอบ้างแต่น้อย แล้วตัว ชะมด ที่เกล็ดมันแข็งๆนี่ก็เจอนะ แต่ที่เจอทุกวันก็คืองูพิษ มีหลายพันธ์ หลายชนิดมาก อันนี้เจอประจำเลยนะ เจอจนชิน ถ้า

    โดนกัด ก็เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย เพราะอยู่ห่างจากหมู่บ้านมาก ท่องคาถาคำเดียวไว้ได้เลยนะ ตายแน่ๆ ตายแน่ๆ ไม่รอดแน่ๆ เป็นผีแน่ๆ

    การอยู่กลางป่า กับสัตว์ร้ายนาๆชนิด และการอยู่รูปเดียวหรือคนเดียว สติต้องดีๆนะ และสติกล้าแข็ง (ฝึกไห้มีเกิดขึ้นได้)

    ใจต้องอยู่กับปัจจุบันขณะ(พยายามไห้ใจอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอด 24ชม. ไห้ใจอยู่กับปัจจุบัน เป็นคนตื่นตัว เป็นการฝึกสตินะ)

    หรือแม้แต่ถ้าปล่อยใจฟุ้งซ่าน คิดอยู่คนเดียว ปรุงแต่งอยู่คนเดียว

    หรือที่เรียกกันว่าสมองไหลอาจจะบ้าเอาได้นะครับ เพราะไม่มีใครคอยตัก คอยเตือนเรา

    เช้าถึงเย็น เย็นถึงเช้า ถ้าข้าพเจ้าไม่ทักทายพูดคุยกับโยมที่มาใส่บาต เวลาลงจากเขา เข้าไปในหมู่บ้าน

    วันนั้นทั้งวันไม่ต้องพูดกับ

    ใคร เพราะไม่รู้จะไปคุยกับใคร เพราะอยู่คนเดียว มีแต่ป่าเขานะ

    และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเห็น ได้ยิน หรือรู้สึกสัมผัส...

    อย่างแรกเลยก็คือต้องมีสตินะ ตั้งสติไห้ได้ ความกลัว อาการตื่นเต้น ต้องขจัดออกไปก่อน อย่าไห้ใจเสีย

    อย่าตื่นเต้นจนคุมสติไม่อยู่ ใจต้องเย็น ทำใจเป็นปกติ

    แล้วดูไห้รู้ชัดนะ ว่าอะไร คืออะไรกันแน่ แล้วเราจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เราเห็น

    หรือเกิดขึ้น ในขณะนั้น (เพราะพบห็น สิ่งแปลกๆอยู่เรื่อย)

    ข้าพเจ้าไช้ชีวิตอยู่ในป่า ไม่มีไฟฟ้า ตอนกลางคืนก็อาศัยแสงเทียน แท่งเล็กๆ ช่วยสองแสงยามค่ำคืน

    ที่ผมมีติดตัวอีกอย่างก็คือไฟฉายเก่าๆกระบอก

    เล็กๆ และเครื่องมือสุดไฮเท็คก็แค่

    นาฬิกาดิจิตอลเก่าๆ ที่ไม่มีสายเรือนหนึ่งเท่านั้นเอง ไช้ชีวิตแบบพระที่ไม่ยึดติดจริงๆ อายุผมยี่สิบกว่าๆนะตอนนั้น แต่ใจชอบมาทางนี้ ใจรักทางนี้

    แบบว่าเคยอ่านหนังสือประวัติพระธุดงธงมา ก็อยากลอง ประมาณนี้อะครับ (โดยเฉพาะหลวงปู่คำคะนิงเดินธุดงแถวแม่น้ำโขง เที่ยวเมืองพญานาค นี่ผมชอบมาก) แล้วก็

    หลวงปู่ หลวงพ่อ อีกหลายองค์ด้วยกัน

    มีอยู่วันหนึ่ง ข้าพเจ้า กลับจากบิณทบาต เดินลัดทุ่งไร่ เดินกำหนดสมาธิจิต บางช่วงจิตเข้าสมาธิลึก ต้องถอยกำลังจิตออกมา ขณะกำลังขึ้นเขา ที่พำนักสงฆ์ ข้าพเจ้าได้ยิน

    เสียงลมหายใจใกล้ๆ เหมือนกับอยู่ข้างหู ของใครสักคนบริเวณโขดหินใกล้ๆ แต่ทำไม?มันดังจัง ดังเหมือนขู่ ผมก็เงยหน้าขึ้นไปดู โห! ท่าน ผมจะเอ๋ กับ งูจงอางป่า ขนาด

    ใหญ่ เกล็ดมันดำระยับเมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ ตัวมันเกือบเท่าเสาบ้านเห็นจะได้ มันแลบลิ้น แพลบๆ เห็นในระยะประชั้นชิดติดตัว ได้กลิ่นแม้กระทั่งสาปสางของตัวงู

    (สงสัยเกิดจากการที่กินงูเป็นๆเข้าไป) โห!!หน้าตามันทำไม (ผมรู้สึกนะ) ช่างน่ากลัว ดุร้าย แววตาก็ดุร้ายอะไรเช่นนี้ หาความเป็นมิตรสักนิดไม่มีเลย

    สมาธิ สติ ที่ฝึกมาดี ฝึกมาเป็นประจำ จะเห็นกันได้ รู้กันได้ก็ยามนี้แหละ มันไห้ผลจริงๆ มันรวมตัวโดยอัตโนมัติ แว๊บเดียวที่ใจหาย ใจลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม ใจหายแว๊บบเลย

    ท่านเอ๋ย..

    เท้าสองข้างทำท่าจะโกยแนบ!! แต่แว๊บเดียวจริงๆนะ สติผมฟื้นกลับมาแจ่มใสจิตใจปกติมั่นคงดังเดิม

    เหมือนสปริงที่ดีดตัวขึ้น ในทันทีทันใดในบัดดล ข้าพเจ้าสงบนิ่ง นิ่งจนสงสัยในตัวเอง

    ว่าทำไมเราสงบนิ่ง ได้ดีขนาดนี้ พร้อมกันนั้น สติก็เข้าควบคุม รู้กาล อะไรควร ไม่ควร

    นี่หรือคืออำนาจของสมาธิจิต ที่เราอุตส่าห์ฝึกฝนมา ได้มาแสดงผลระหว่างความเป็นกับความตาย

    ที่ขีดขั้นด้วยเส้นผมบางๆ เส้นเดียวจริงๆ .....

    ผมนึกในใจนะว่า ศีล สมาธิ วิปัสสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงผลถึงปานนี้เชียวหรือนี่ ผู้ปฏิบัติเองย่อมรู้ย่อมเห็นเอง ธรรมะของพระพุทธเจ้า ต้องลงมือทำ

    เท่านั้นจึงจะเห็นผลได้

    ไม่ไช่ภาษาพูด ต้องน้อมนำมาปฏิบัติด้วย

    ผมก็นิ่ง ต่างคน ต่างเผชิญหน้ากัน (ตอนนั้นเป็นพระอยู่นะ)
    งูจงอาง เริ่มก่อนขยับตัว ร่างกายที่ยาวใหญ่ ขดไปมาอยู่บนพื้นกินเนื้อที่เป็นบริเวณกว้าง
    สมาธิที่มีกำลังสูงมันคุมใจอยู่ ใจมั่นคงมาก ใจมันเลยกล้า การที่เราบวชพระ แล้วใจเราก็บวชด้วย
    การคิดที่จะทำร้ายเขาเพื่อป้องกันชีวิตของเรามันไม่มีเลยนะท่าน

    ผมนิ่ง ผมเฉย ผมดูอาการมัน มันดูอาการผม แบบดูเชิงกันอยู่ ถ้ามันคิดจะฉก
    ไม่ต้องตั้งท่า แค่อ้าปากก็กัดได้แล้ว ถ้าโดนมันกัดผมคิดในใจ
    ท่านยมทูตรอยึ้มรับได้เลย

    สักพักเจ้าจงอาง เจ้าแห่งป่าเขาลำเนาไพร ก็ขยับตัวอันยาวใหญ่เลื้อยเฉียด
    ใบหูข้าพเจ้า จากไป ได้ยินเสียงใบไม้ ใบหญ้าแตกเป็นระยะ ระยะ เงียบหายเข้าไปในป่าลึก
    นี่หรือคือชีวิตที่อยู่ในเงื้อมือพยามัจจุราช เป็นเช่นนี้เองหนอ

    .....พระป่าการภาวนา เจริญสมาธิ เจริญสติ วิปัสสนาเป็นของคู่กันทิ้งไม่ได้ และอีกอย่างสำหรับผมแล้วนะ มันไม่มีอะไรจะทำด้วย
    อากาศบนเขาสูง ระหว่างฤดูฝนย่างสู่ฤดูหนาวนี่
    มันดีจริงๆ มันโปร่ง ลมพัดเย็นสดชื่นสบาย ป่าเขียวขจี สดชื่นจริงๆ มองทางไหนก็มีแต่ความสุข

    ทุกวันที่ข้าเจ้าทำเป็นประจำ หรือกิจวัตร ก็คือตี4 ต้องตื่น มาสวดมนต์กราบพระ และเจริญสมณะธรรม

    มีอยู่วันหนึ่งนะ อย่างที่ว่าอากาศดีมากๆ
    ทำไห้ข้าพเจ้านอนหลับแบบไม่อยากลุก ไม่อยากตื่นจากที่นอน เพลิดเพลินกับการนอนเป็นอย่างมาก ขณะที่นอนหลับสบายอุราอยู่ ก็มีเสียงคนเรียกจากด้านนอกอย่างดัง ลอยลมเข้ามาทางหน้าต่างไม้ที่พัก เรียกชื่อเล่นข้าพเจ้าว่า "หนึ่ง" แบบตระโกนเรียก

    เสียงดังมาก เล่นเอาผมตกใจลุกขึ้นนั่งเลย นึกในใจว่าใคร ใครนะ รู้จักชื่อเล่นเราด้วย ผมมองออกไปด้านนอก ก็ไม่เห็นมีอะไรมีแต่ความมืด ความว่างเปล่า แม้แต่เงา ก็ไม่เห็นมีใครเลย

    แล้วผมก็หานาฬิกา เพื่อจะดูเวลา พอหยิบขึ้นมาดูเวลา ปรากฏว่าตี4 พอดิบ พอดีเลย เปะ! ไม่ขาดไม่เกิน ข้าพเจ้านึกในใจ

    ว่า จะนอนสักหน่อย เลยไม่ได้นอนเลย ก็เลยต้องสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนาต่อเลย จนถึงยามเช้าอรุณรุ่ง

    กิจวัตร ที่ไม่เคยว่างเว้น ก็เลยทำไห้ข้าพเจ้าทำได้ทุกวัน ไม่ขาดเลย แม้สักวัน

    นี้ก็เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าได้ประสบพบเจอ...

    อ่านเพลินๆนะครับ

    อนุโมทนาธรรมกับทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มิถุนายน 2011
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณมากๆค่ะที่ได้มาบอกเล่าให้พวกเราฟัง
     
  13. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ขอขอบคุณที่นําประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง จะติดตามอ่านต่อไปนะครับ
     
  14. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    สมัยที่ข้าพเจ้า ครองสมณะเพศอยู่นั้น ก็พยายามฉันหรือกินแค่อิ่ม

    แบบกินน้อย กินแค่ไห้ร่างกายดำรงคงอยู่ เพื่อจะได้ฏิบัติธรรม ค้นหาสัจจะธรรม

    ชีวิต ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่าที่จะทำได้

    ..ผมอยู่ง่าย กินง่าย อย่างเข้าสำนักวัดที่เขามังสะวัติ คืองดเนื้อสัตว์ ผมก็อยู่ได้

    สบาย ไม่รับเงิน ไม่จับตังค์ สำนักไหน วัดไหนเขามีข้อวัตรปฏิบัติแบบใด ผมก็ทำตามโดย

    ไม่ติดขัด หรือยากจนเกินไป ความที่กินไม่เยอะ เป็นระยะเวลานาน เป็นปีๆก็เลย

    ทำไห้ร่ายกาย ผ่ายผอม แต่โดยทั่วไป กำลังวังชา ปกติดี ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ร่างกาย

    ดีสมบูรณ์ทุกอย่าง ใจก็เบา สมองก็โปร่ง..


    มีครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าธุดง ขึ้นไปทางเหนือ กะว่าจะไปวัดแถวเชียงใหม่

    แต่อาศัยว่า มันเย็นมากแล้ว เดินทางสายไปหน่อย ก็เลยไปได้แค่นิดเดียว

    ก็เลยต้องหาวัด ที่พักก่อนที่จะเดินทางต่อไป ก็ไปเจอ วัดมีชื่อแห่งหนึ่ง ในตัว

    จังหวัดอุตารดิตถ์ ผมก็ไปกราบ ท่านเจ้าอาวาส จะขออาศัย พักสักชั่วคืน

    ท่านก็ชวนไห้ผมอยู่เลย เผอิญเขามีงานพอดี ท่านก็อยากไหอยู่เขาจัดงานปริวาสกรรมกัน มีพระ

    เยอะ ตอนที่อยู่บนกุฏิท่านเจ้าอาวาส ผมก็พักผ่อน ตามอัธยาสัย ทำตัวตามสบาย

    เผอิญมีพระ รูปหนึ่ง ท่านมาจากกรุงเทพ แกเล่าไห้ผมฟังอย่างนั้นนะ

    ก็คือ ผมเอาจีวรออก

    เอาตากไว้ที่ราวตากผ้า ก็ใส่แค่อังสะตัวเดียว พอใส่อังสะตัวเดียว ซี่โครงผม

    แหม๋ โชว์ ลายเลย เห็นเป็นซี่ๆเลย แบบว่าซี่โครงสวย พระรูปนั้นเห็นเข้าก็เลยชวนผม

    แกบอกมองแว๊บเดียว รู้เลยทางเดียวกัน อ้ายผมก็งงๆทางเดียวกันอะไร?

    แกชวนผมไปพักอยู่กับแก แกบอกห้องแกกว้างขวาง

    มาพักกับแกเหอะ ผมก็ตอบตกลง ก็ตามแกไป แก็ดูแลอย่างดี

    พอเข้าไปอยู่ สักห้าโมงเย็นเห็นจะได้ พออยู่สอง ต่อสอง แกก็เอา

    ลูกอมหวานๆ

    โยน แล้วก็เอาปากงับ ผมเอะ! ก็ชักแปลกใจ แกทำอาการ อย่างนั้น

    พร้อมกัน แกก็ชี้ ไห้ดูใต้เตียง แกโชว์ไห้ดูเขียง สำหรับหั่นกัญชา แล้วก็ชี้ไห้ดู

    ขวดสุราที่แปลว่าเหล้า พร้อมถ้วยเกาเหลาที่ยังไม่ได้ล้าง

    แกบอก แกพึ่งเล่นไปเมื่อคืนนี้เอง เมาน่าดู พูดแล้วแกก็หัวเราะ

    แต่ที่แกทำเป็นปกติก็คือพลี้กัญชา

    ว่าแล้วเชียวผมนึกในใจ แกถึงได้แห้งสะ เห็นซี่โครงขึ้นเป็นซี่ๆเลย

    ผอมแห้งพอกันกับข้าพเจ้า ซี่โครงสวยพอๆกัน

    สงสัย วันๆแกเอาแต่พลี้กัญชา สูบกัญชา คนสูบกัญนี่ เขาว่ามันเพลิน

    ข้าวปลาไม่กิน...

    แต่แหม๋ การดำเนิน การปฏิบัตินี่สิ มันสวนทางกัน

    ผมนึกในใจ ร่างกายเราสองจะดูคล้ายกันก็จริง แต่แนวทางการดำเนิน

    วิถีประพฤติ ปฏิบัติ ไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆ พอรุ่งเช้า มาเยือน ฉันข้าวเช้า

    เส็จเรียบร้อย ก็ไปกราบลาท่านเจ้าอาวาส เพื่อจะขอเดินทางต่อไป


    เพื่อมุ่งหน้าขึ้นสู่ภาคเหนือ อย่างที่ตั้งใจไว้ แล้วข้าพเจ้าก็ไปบอกกราบลาหลางพี่


    ผมก็บอกศาลา(คิดในใจนะ) ขอลาแล้ว หลวงพี่ นิมนต์ตามสบาย

    ส่วนตัวข้าน้อย

    ขอลาล่ะนะ ไปก่อน

    หวังว่าโอกาสหน้าอย่าได้เจอกันอีกเลย แหะแหะ!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มิถุนายน 2011
  15. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    อนุโมทนาบุญค่ะ คุณพรานทะเล
    ..ชีวิตประสบการณ์ตรง เขียนต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ
     
  16. MaLtA_SuCkS!

    MaLtA_SuCkS! Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +25
    Thank you very much for the great story Karrbbb Saahduuu..:cool:
     
  17. smilelunar

    smilelunar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    846
    ค่าพลัง:
    +963
    สู้ๆค่ะ แฟนคลับรออ่านนะคะ
     
  18. 2516

    2516 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +24
    ขออนุโมทนาพโยคาวจรทุกท่านธรรมใดที่เป็นเครื่องกำจัดทุกข์จงมีแด่ทุกๆท่านครับ สาโร
     
  19. Genial

    Genial Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +82
    รบกวน มาอีกเรื่อยๆครับ ^^
     
  20. สวรรค์ค8

    สวรรค์ค8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +8
    yeah Me too...

    ......................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...