อย่าติดกับปัจจุบัน "กระแสจิตเหนือกาลเวลา" เร็วกว่าแสง สายฟ้า หรือพายุ (อกาลิโก)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 15 มิถุนายน 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กระแสจิตรวดเร็วกว่าแสงอาทิตย์ เพราะกระแสจิตเป็นพลังงานละเอียด
    เป็นคลื่นที่ละเอียดกว่าแสงอาทิตย์ กระแสจิตเร็วกว่าการเวลา เพราะใน
    การกำหนดกาลเวลานั้น เรากำหนดจาก "จุดหมายที่สังเกตุ" ไว้เป็นจุด
    เริ่ม "จับเวลา" จากนั้น แสงจะเดินทางจากจุดนั้นไป ถ้ากระแสจิตเรามี
    ความเร็วกว่าแสงนั้น จิตเราจะ "เหนือกาลเวลา" ที่ถูกกำหนดไว้นั้น จึง
    จะมีจิตขั้น "อกาลิโก" (เหนือกาลเวลา) ได้ และไม่ถูก "ปัจจุบันขณะ"
    ครอบงำ กักขังไว้ ให้อยู่แต่ในปัจจุบัน ขังแช่อยู่เพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้น


    ดังนี้ กระแสจิตจึงเร็วกว่าแสง, สายฟ้า หรือเร็วกว่าพายุ จงขี่พายุทะลุ
    ฟ้า ยกระดับพลังกระแสจิตให้เหนือกาลเวลา "รู้ตื่นรู้แจ้งได้ในฉับพลัน"
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กระแสจิตเหนือกาลเวลา, เหนืออาณาเขตใดๆ ที่จะกำหนดล้อมรอบได้


    พลังงานละเอียดล้วนเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว เหมือนน้ำทั้งหมดเป็น
    เนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ว่าคลื่นบนน้ำจะยาวหรือสั้น เร็วหรือช้า แต่มันก็เป็นเนื้อ
    หนึ่งเดียวกันอยู่แต่แรกแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าที่ใด, เวลาใด บนผืนน้ำนั้น มันก็คือน้ำ
    เช่นกัน ไม่ว่าพื้นที่ใด, ไกลหรือใกล้, เวลาใด ณ ที่นั้นก็มีพลังงานเชื่อมโยงเรา
    และสรรพสิ่งอยู่ ดังนั้น เราและสรรพสิ่งจึงไม่อาจแยกเป็นตัวตนของตนได้อย่าง
    แท้จริง เมื่อได้เห็นถึงอณูพลังงานอันละเอียดที่เชื่อมโยงกันอยู่นี้ เราจึงเป็นหนึ่ง
    เดียวกัน เหนือกาลเวลา, เหนือภพ, เหนือชาติ, เหนือสถานที่ใดๆ เรามีอยู่และ
    สถิตยือยู่ในทุกที่และทุกเวลา ด้วยอาการอย่างนี้ เราจึงปรากฏและดับสูญพร้อม
    กันในฉับพลันนั้น เฉกเช่นเดียวกับสรรพสิ่งที่ทั้งปรากฏและดับสูญไม่แยกจากกัน


    เราและจักรวาลก็เป็นหนึ่งเดียวกัน, ฉับพลันเหนือกาลเวลา, เหนือขอบเขตใดๆ
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่อาจเข้าถึงธรรมได้อย่างแท้จริง


    เนื่องจาก เป็นการฝึกจิตให้ติดบ่วงอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่อาจยกระดับจิตเข้าสู่
    ระดับธรรม อันเป็นระดับ "อกาลิโก" หรือ "เหนือกาลเวลา" ได้ ดังนี้ จึงไม่
    อาจจะหลุดพ้นจาก ขอบเขตแห่งกาลเวลา, ไม่อาจหลุดพ้น และบรรลุธรรม
    ได้ด้วยวิธีการฝึกจิตแบบนั้น การฝึกจิตแบบนั้น เป็นเพียงมรรคของพราหมณ์
    ฤษีเท่านั้น มิใช่วิถีแห่งพุทธะ ไม่ใช่ "สัมมาสติ" เพราะไม่มีสภาวะเป็นกลาง
    ติดอยู่กับภาวะ "รู้ปัจจุบัน" ในขณะที่ "สัมมาสติ" ขณะตื่นโพล่งขึ้นนั้น ไม่มี
    ภาวะแห่งอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคตเลย พ้นเลย ว่างดับเลยซึ่งกาลเวลาทั้ง
    หลาย บางท่านรู้สึกเหมือนวันเวลาดับไปด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นอาการ "สัมมาสติ"
    อันเป็นสติแท้ที่ทำให้ "ตื่นรู้ ตื่นหลุด ตื่นพ้น" อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่สติ
    ที่เกิดจาก "สติพละ" อันเป็นหนึ่งในพละห้าเท่านั้น (ไม่ใช่สัมมาสติ) ก็หาไม่
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะ คือ การตอกหมุดจิตให้ผูกติดกับปัจจุบัน


    นั่นคือ การผูกมัดจิตอย่างหนาแน่น แม้ว่าจะมีสติพละมากขึ้นจากการฝึกจิตก็ตาม
    แต่ยังไม่อาจหลุดพ้นจาก "ปัจจุบัน" ได้ เพราะได้กระทำมโนกรรมซ้ำๆ ตอกย้ำให้
    จิตถูกตอกตรึง ยึดติดเข้ากับปัจจุบันขณะไปแล้วอย่างต่อเนื่องนั่นเอง แม้ว่าจิตจะ
    มีความสงบสุข มีสติมากขึ้น แบบพราหมณ์ฤษีทั้งหลายล้วนภูมิใจในมรรควิธีของ
    ตนก็ตาม แต่นั่นมิใช่ทางหลุดพ้นที่แท้จริง หากใช้เพื่อฝึกสติเป็นการเบื้องต้นแล้ว
    ดำเนินมรรคตรงสู่มรรคแปด ก็มีทางหลุดพ้นได้ แต่ถ้าจมปลัก, แช่ดองอยู่กับการ
    ฝึกจิตเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่อาจเข้าถึงสภาวะ "อกาลิโก หรือ เหนือกาลเวลา" ได้เลย
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว
    ไม่อาจแยกเป็นตัวใครของใคร
    ที่ใครของใครได้อยู่แล้ว


    กาลเวลาที่แท้จริง "จึงไม่มี" จึงว่างเปล่าไป
    จิตจึงพ้นจากกาลเวลาทั้งสามนั้นในฉับพลัน
     
  6. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    เหตุใด ผมจึงจำอนาคตไม่ได้น่ะ
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    [​IMG]


    "จงขี่พายุทะลุฟ้า เหนือกาลเวลาในฉับพลัน"
     
  8. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    พายุมันจับยาก เลยยากจะขี่มัน
     
  9. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    ไม่ติดกับปัจจุบันพอจะเข้าใจ แต่ จะวางจิตไว้ตรงใหน

    แล้วเหนือกาลเวลา เหนืออย่างไร โปรดอธิบาย
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คราวนี้ ผมเห็นด้วยกับคุณ แต่มันมีมรรควิธี ที่เข้าถึงความไม่ยึดติด ไม่ใช่แค่เวลา แต่เป็นทุกสิ่งที่เกิด จาก ปัจจัย นาม-รูป ไม่ยึดติด( ไม่ใช่ไม่มี หรือ มี ) มรรคนี้อยู่ในอริยมรรคมีองค์8 เพื่อให้ได้ดวงตาเห็นธรรม เห็นความเป็นจริงตามพระศาสนา บางคนบอกว่ามรรค8 เป็นสิ่งปรุงแต่งไม่ควรยึด แต่ ผมมองว่าอาจจะเหมือน ดาบของ ฟงจวิ๋น แรกแรกก็ใช้ดาบอยู่ พอ บรรลุ แล้วอาจใช้ กิ่งไม้ หรือ แค่ ปราณต่อสู้ก็ได้(อุปมา อุปมัย)แต่ต้องเริ่มในมรรค ก่อน
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ท่าทางจะบ้าหนังจีน ไม่ใช่น้อย........?
     
  12. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ผมเข้ามาอนุโมทนา อย่างเดียวครับ ไม่ขอแสดงอะไร พอดีว่าผมชอบแนวนี้อ่ะครับ
     
  13. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    เข้าใจนิดหน่อย ตามสติปัญญา โปรดชี้แนะวิธีทำ ง่ายๆให้ผู้น้อยด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  14. ultimatetruth

    ultimatetruth สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +0
    มรรคนั้นไม่ใช่วิธีการ แต่เป็นเพียงกระบวนการถดถอยจากการหลงเข้าไปยึดติดในสรรพสิ่งต่างๆ ที่่มันไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว สู่ความว่างจากการยึดติดในสิ่งทั้งปวง

    โลกธาตุจริงๆนั้นไร้บัญญัติ ทุกอย่างไม่ใช่อะไร ไม่มีความหมายอะไร นั่นแหละนิพพาน

    ไตรลักษณ์คือการสรุปย่อของเนื้อหาพระนิพพานที่ทุกคนมองข้าม ก็ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ไม่สามารถคงสภาพเดิม และไม่มีอะไรเป็นตัวตนอยู่แล้ว นั่นก็แปลว่า สรรพสิงทั้งปวงล้วนแล้วแต่ "เป็นธรรมโดยธรรมอยู่แล้ว" หรือ "นิพพานอยู่แล้ว" นั่นเอง

    แต่ที่สรรพสัตว์ทั้งหลายยังไม่เข้าสู่เนื้อหาสัจธรรมหรือยังไม่ตรงนิพพาน ก็เพราะยังหลงไปสร้างกรรมซ้อนลงไปบนสภาวะธรรมทั้งหลายอยู่ มันจึงเกิดเป็นส่วนเกิน เกิดเป็นภพเป็นชาติขึ้นมา

    การที่จะเดินมรรคได้นั้น ทุกๆการกระทำก็ให้ "สักแต่ว่า" ไป ไม่ต้องใส่ใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร ทำไปแล้วได้อะไร ทำไปแล้วมีความหมายอะไร ทำไปเปล่าๆ สักแต่ว่าทำ มันก็จะเป็นการละอัตตาที่จะซ้อนลงไปในการทำสิ่งต่างๆ ปล่อยให้ธาตุขันธ์ทั้งหมดทำงานของมันเองอย่างอิสระ โดยปราศจาก "เรา" เข้าไปทำ

    แม้กระทั่งจิตเองก็ไม่ต้องไปทำอะไรมัน ไม่ต้องฝึก ไม่ต้องเจริญอะไร อย่าไหลตามอะไร อย่าไปจดจ่ออยู่กับอะไร ไม่ต้องดิ้นหนี ไม่ต้องดิ้นสู้อะไร ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาก็ช่างมัน รู้หรือไม่รู้ก็ไม่ต้องเอามัน แล้วมันจะค่อยๆคลายออกจากความหลง ความยึดติดในจิตของตนไปเอง เมื่อคลายออกจนสุดแล้ว มันก็จะนิโรธ คือความหลงดับลงก่อน เนื้อหาเดิมแท้หรือที่เรียกกันว่า จิตเดิมแท้จะแจ้งออก กลายเป็น สัมมาทิฏฐิ ไปเอง คือ เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกธาตุนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย สังสารวัฏเป็นเพียงการยึดติดเข้าไปในสมมติบัญญัติทั้งนั้น

    จากนั้นสัมมาสติจะเกิดเอง เป็นเอง คือโพล่งออก สว่างออกไร้ขอบเขต แบบฉับพลัน ไม่จดจ่ออยู่กับสภาวะใด จะเป็นสติที่ไร้เจตนาไปบังคับ มันจึงรู้เปล่าๆ รู้แล้วไม่ปรุง ทุกอย่างจึงไม่มีความหมาย

    ไม่ต้องพูดถึงอริยมรรคที่เหลือ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราไม่ไหลเข้าไปมีความเห็นความหมายกับอะไร นั่นแหละอริยมรรคจะครบองค์โดยฉับพลันโดยไม่ต้องเข้าไปทำเอา

    กาลเวลาก็หมดความหมายลงตรงนี้เอง...เมื่อโมหะจิตดับลง แล้วไม่หลงเข้าไปทำงานเพื่อให้เกิด "เวลา"

    อดีต ก็ไม่มีเพราะมันเป็นเพียงสัญญาความจำได้
    ปัจจุบัน ก็ไม่มี เพราะปัจจุบันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วทุกขณะ (แล้วจะอยู่ตรงไหนของปัจจุบันได้เล่าในเมื่อสภาวะทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นพร้อมๆกัน เลือกลงไปอยู่กับสภาวะเดียวก็คือการยึดติดแล้ว)
    อนาคต ก็ไม่มี เพราะเป็นเพียงการปรุงแต่งเอาเท่านั้น

    ทั้งหมดนี้แสดงว่าเวลาไม่มีจริง

    อริยมรรคนั้น เป็นมรรคแห่งอริยะ จะไปปฏิบัติหรือเข้าไปทำเอาไม่ได้ อริยมรรคนั้นเกิดหลังจากนิโรธ คือต้องคลายออกจากความหลง ความยึดติดก่อนจนสุด แล้ว พอคลายออกจนสุดแล้ว จิตที่มีโมหะก็จะดับลง เมื่อนั้นทุกขันธ์ก็จะถูกวางไปเอง นิโรธคือวาง ว่างจากความยึดติดทั้งปวง

    นิโรธครั้งแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอริยมรรค เพราะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ อริยมรรคเป็นเหมือนกระบวนการถดถอยของความเป็นปุถุชน เป็นกระบวนการที่ถอดถอนอัตตาตัวตนจากความยึดติดทีละขั้นๆ โดยมีสัมมาทิฏฐิเป็นตัวนำในการกลั่นกรอง และละวางส่ิงที่ยึดติดไปทีละอย่างๆ ปัญญาที่เกิดในขณะที่ "ว่าง" จากการยึดติดนี้คือ โลกุตรปัญญา ที่แท้จริง ปัญญาลักษณะนี้ทำหน้าที่อย่างเดียวคือการวาง การละจากการยึดติดทั้งปวง ไม่ใช่ปัญญาในการพิจารณาหาเหตุผลในการวาง เพราะธรรมนั้นไปพิจารณาไม่ได้ มันเป็นธรรมกันอยู่แล้วทุกอย่าง

    เมื่อละวางจากสิ่งต่างๆได้มากขึ้น จิตก็จะ "เกิด" น้อยลงเอง เพราะมันหมดความห่วงหาอาวรณ์ในสภาวะต่างๆลง พอจิตเกิดน้อยลง ก็จะไปบดบังเนื้อหาเดิมแท้ที่มันสว่างประภัสสรอยู่แล้วน้อยลง เนื้อหาสัจธรรม(อริยะ)ก็จะค่อยๆแจ้งออกมาขึ้น ย่ิงสว่างมากขึ้น

    ส่วนสติที่ฝึกเอานั้น เมื่อหมดกำลังในการทรงสติ ผู้ปฏิบัติก็จะกลับมาหลงอีก เพราะการฝึกสตินั้นคือการวางขันธ์อื่นๆ แต่ไปเป็นตัณหาอุปาทานยึดลงในจิตแทน ซึ่งผู้ที่ฝึกจนกำลังดีแล้ว มันจะคล้ายๆสติของอริยะเลยครับ เพียงแต่อริยะนั้นไม่ต้องนั่งสมาธิก็เป็นสมาธิอยู่แล้ว ไม่ต้องเจริญสติก็มีสติอยู่แล้ว เพราะมันว่าง มันวางจากการเกาะเกี่ยว(ด้วยตัณหา)กับสภาวะธรรมอันเป็นอนิจจัง มันจึงไม่มีอะไรให้กระเพื่อมอีกเลย
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เรื่องอย่างนี้ให้ปุถุชนอย่างผมยืนยันก็เปล่าประโยชน์ต้องให้ผู้ศึกษาศึกษาจาก อริยสัจจากพระโอษฐ์เอาเองแล้วก็พิจารณาเอาเองนะครับ...........
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722


    งั้นลองทดลองทำอย่างนี้นะ


    คนลองนึกถึงตัวคุณเอง ณ ขณะนี้ กำลังทำอะไร
    และวันพรุ่งนี้ ณ เวลาเดียวกัน ทำอะไร พร้อมๆ
    กับเมื่อวาน ณ เวลาเดียวกันนี้ ทำอะไร


    พอนึกออกใช่ไหม? ไม่ยากเกินไปนะ


    จากนั้น ลองนึกน้อมกระแสจิตไป ถึงวันข้างหน้าอย่างหาที่สุดไม่ได้
    พร้อมกับลองนึกย้อนถอยหลังกลับไปอดีตอันหาที่สุดไม่ได้ พร้อมๆ
    กับนึกถึง เวลา ณ ปัจจุบันที่ละเอียดที่สุด เป็น ๐.๐๐๐๐๐๐๐๐๐....
    วินาที ย่อยลงไปเรื่อยๆ ให้ละเอียดที่สุด


    คุณ "เห็นตัวคุณเป็นอย่างไร" ?
     
  17. kountee

    kountee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +166
    แก่นสารไม่มี หรือ ไม่มีแก่นสาร หาหลักไม่มี หรือว่าผมโง่และงงผสมกันไปเลยอยู่กับปัจจุบันลมหายใจเข้าออกทุกวันไม่เคยคิดถึงอนาคตไม่วางทางเดินและกำหนดอะไรแต่อยู่กับมันแบบโคตรสุขทุกข์ก็แค่ อย่าไปคิด โมโหไม่ชอบก็อย่าไปปะทะวิ่งหนีทุกครั้ง...แม่งโคตร Happy
    .....สาธุแค่นี้ละครับ
     
  18. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณค่ะ หนูจะลองทำดูค่ะ

    จากฺ..... แก้วก้นรั่ว ที่เติมไม่เต็ม ซักที
     
  19. babyworld

    babyworld สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +3


    โมทนา สาธุ ค่ะ ขอให้จิตหนูวาง ในสิ่งที่- ได้ เห็น
    - ได้ ยิน
    - กำลังคิด
    - กำลังรู้สึก
    ให้ เป็น " สักแต่ว่า " เถิด
     
  20. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    วู้ว ว ลองใช้ความรู้สึก 55 5

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=8cqf7_OyI_Q&feature=related]YouTube - ‪ผ่าน slotmachine (Acoustic).wmv‬‏[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...