สงครามภพชาติกับการภาวนา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฟางว่าน, 8 มิถุนายน 2011.

  1. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ขออณุญาติแสดงธรรมนะครับ ตามความเห็นของผมเราพึงเบื่อไปเสียกับสงครามภพชาติ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ

    ความไม่สมหวังเรื่องต่างๆ ความตายเป็นทุกข์ แม้ในชาติหนึ่งๆการครองขันธุ์ 5 ก็เป็นทุกข์

    มันทุกข์ยังไงถ้าเป็นคนประมาทเลินเล่อไม่รู้ศีลไม่รู้ธรรมก็คงไม่เข้าใจว่าขันธุ์ 5 เป็นทุกข์

    ทีนี้เรารู้ว่ามันทุกข์เราอยากพ้นทุกข์ เช่นตายไปไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมอะไรเงี๊ยะ หรือมาเกิดเป้นคนในสภาพที่ดี

    ท่านก็ว่าเป็นการพักชั่วคราวเท่านั้นเอง ใครที่เคยศึกษาพระธรรมของสมเด็จองค์ปฐม(พระพุทธเจ้าพระองค์แรก)

    ท่านกล่าวว่าเทวดากับพรหมยังมีสิทธิ์ตกนรกได้ ภพภูมิของนรกมันไม่น่าอยู่เลย การเกิดเป้นคนก็ดี

    เทวดาหรือพรหมก็ดี ก็ยังไม่น่าเกิด ที่น่าเกิดคือนิพพานเลย ทีนี้เราจะนิพพานเราก็ต้องละกิเลสตัรหาออกจากใจเราให้หมด

    ทำได้ด้วยการภาวนา(กรรมฐานตามตำราท่านว่ามี 40 กอง) เช่น ใครชอบภาวนาขันธุ์ 5

    เป็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา เราก้จะค่อยๆพัฒณาตนไปตามลำดับ เพราะเมื่อภาวนาย่อมเกิดปัญญา รู้ว่า

    ธรรมทั้งปวงมันเป้นอนัตตา เราจะไม่ยึดในกิเลสตัณหา บอกไม่ถูกหรอกว่ามันละกิเลสได้อย่างไร

    อันนั้นเป้นกลไกในการบรรลุธรรม แต่ถ้าเราไม่ภาวนาเลยเช่นอ่านอย่างเดียวท่านก้เรียกวิปัสสนึก

    ไม่ใช่วิปัสสนา ถ้าเรามีศีลดี สติดี มีศรัทธา มีความเพียร พระนิพพานย่อมอยู่ไม่ไกลเลย ในที่สุดเราย่อม

    นิพพาน................................................................................................
     
  2. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ค่อยๆคิด และพยายามทำไปให้ได้นะ
    เอาให้ใจนิ่งๆ อย่าลังเล แปรเปลี่ยนบ่อยๆ
    ทำใจให้มั่นคง ในพระพุทธศาสนา
    กรรมไม่ดีต่างๆ จะค่อยบรรเทาเบาบางลง
    และที่สำคัญ..อย่าไปสร้างกรรมใหม่อีก
    ต้องอดทนไว้ให้มาก...จึงจะก้าวผ่านไปได้..
     
  3. justonelife

    justonelife เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +190
    อนุโมทนาด้วยครับ และเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ มีแต่ความน่าเบื่อหน่าย
     
  4. พชรไพลิน

    พชรไพลิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +113
    อนุโทธนาด้วยค่ะ ขอบคุณที่เอามาลงนะคะ
     
  5. chocolatess

    chocolatess สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +19
    อนุโมทนาค่ะ ได้ความรู้ใหม่จะไปหาบาตรพลาสติกพระมาหยอดเหรียญบ้าง
     
  6. พณิชพล

    พณิชพล สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +4
    ขออนุโมทนาด้วยคนครับ....แต่ที่ผมอยากรู้เป็นอย่างมากเลยคือ....ใครเป็นคนสร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อินทร์ พรหม หรือสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวงในสากลโลกนี้ มีสิ่งที่สร้างขึ้นมา หรือเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ถ้าถูกสร้างขึ้นมาแล้วสร้างมาด้วยเหตุผลอันใด ท่านผู้สร้างจะรู้หรือไม่ว่าท่านได้ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ท่านได้สร้างสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ให้เกิดมาเพื่อมารับความทุกข์โดยเฉพาะ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ร่างกายต้องการอาหารในการดำรงชีวิต และให้มีชีวิตอยู่รอด ท่านรู้ไหมว่าทุกชีวิตมีทุกข์ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว พอออกจากท้องมาก็ทุกข์มากยิ่งขึ้น ต้องมีการฆ่าฟันห้ำหั่นกันเพื่อแย่งอาหาร นี่ขนาดแค่ทุกข์แค่เรื่องอาหารอย่างเดียวนะ ยังมีเรื่องอื่นๆอีกจิปาถะจนนับไม่ถ้วน ท่านผู้สร้างท่านรู้ไหมว่าท่านทำผิดขนาดใหนที่ท่านทำแบบนี้ ถ้าท่านไม่สร้างขึ้นมาก็ไม่ต้องมีบาป ไม่ต้องมีทุกข์ ไม่ต้องมาคอยควบคุมดูแลความประพฤติของสัตว์โลกทั้งหลายที่ท่านสร้างขึ้นมาด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการ หรือด้วยความสนุกของท่านก็ตาม...และ ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ได้มีการถูกสร้างขึ้นมาล่ะ แต่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แล้วใครล่ะที่ตั้งตัวขึ้นมาคอยควบคุมความประพฤติของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ภพใหน ภูิมิใหนก็ตาม คำถามเหล่านี้ผมอยากรู้คำตอบจริงๆ รบกวนท่านที่มีฌานสามารถหยั่งรู้ได้ช่วยตอบคำถามเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยครับ ขอบพระคุณครับ...
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คุณพณิชพล ผมเป็น ปุถุชนไม่มีญาน หยั่งรู้ ขอตอบตามความเข้าใจของผม จะมีประโยชน์ต่อคุณหรือเปล่าคงแล้วแต่คุณแล้วละครับ เรามาเป็นมนุษย์ก็เพราะ อวิชชา ตัณหา กรรม คือมีเหตุแห่งการเกิด(ตามพระศาสนา) พระองค์ประกาศ อริยสัจ4 เพราะพอเกิดมาก็มีทุกข์อย่างที่คุณพรรณนามาข้างต้น สมุทัยสาเหตุ นิโรธความหลุดพ้น มรรคคือทางพ้นทุกข์ ลองศึกษาดูแล้วอาจจะหมดคำถามเพราะหมดสงสัยก็ได้
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ขอตอบเป็นภาษาโลก ว่าสิ่งที่สร้างทั้งหมดขึ้นมาคือ เรา (รูป-นาม)ของแต่ละคนนี่เองในรูป-นาม รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน รูปกายเป็นปัจจัยของนาม นามเป็นปัจจัยของรูป เกิดขึ้นพร้อมกัน(ตรงนี้ต้องศึกษาเพิ่มเติมเอง) ยกตัวอย่าง มีตา จึงมีการมองเห็นจึงมีการรับรู้ทางตา(วิญญาน) มีใจหรือสมอง จึงมีสัญญาความจำ ไม่ได้เล่นสำนวน แต่โลกและจักรวาลสิิ่งทั้งหลาย ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็เกิด เพราะอย่างนี้ การเชื่ออย่างจริงจริงและบรรลุในความจริงนี้และไม่ยึดถือก่อเป็นความทุกข์ คือ ทำให้เกิดปัญญาวิปัสนาญานด้วยการปฎิบัติเท่านั้น ซึ่ง ผมก็พยายามทำอยู่ครับ
     
  9. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ตอบปัญหาใครเป็นคนสร้าง

    คุณพณิชพลครับ ถ้าเคยศึกษาประวัติศาสตร์พระศาสนา ปัญหาอย่างนี้พระพุทธเจ้าท่านไม่ทรงตอบนะครับ แต่เรื่องเคยมีมาก่อนในสมัยพุทธกาล คือมีผู้ไปถามปัญหากับพระภิกษุณีอรหันต์ ว่ารูปนี้ใครเป็นผู้สร้าง ชีวิตนี้ใครเป็นผู้ทำให้เกิด(หมายถึงชีวิตแรกๆ) พระภิกษุณีอรหันต์ท่านนั้นท่านตอบว่า รูปนี้ไม่มีใครสร้าง ชีวิตนี้ไม่มีใครก่อขึ้นมา แต่เกิดขึ้นเพราะมีเหตุ เมื่อมีเหตุย่อมมีผล เมื่อเหตุดับผลนั้นก็ดับ หมายความว่า เรามีทุกข์คือความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นต้น ถ้าเราไม่อยากเกิดคือนิพพาน เราก็ดับที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ ในอริยสัจจ์สี่ท่านก็เรียกว่าตัณหา ในมรรค 8 คือวิธีในการพ้นทุกข์ คือทาน ศีล ภาวนา พระภิกษุณีรูปหนึ่งท่านก็กล่าวไว้ว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น และทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เพราะทั้งหมดก็คือรูป-นาม นี้แหละมันเป็นทุกข์ เพราะมีอุปาทาน อุปาทานอื่นก็ไม่อื่นไปจากอุปาทานในขุนธุ์ 5 หรือรูปนาม ถอนอุปาทานออกเสียได้ รู้ตามความเป็นจริงว่ารูปนามเป็นอนัตตา คือความไม่ใช่ตัวตน เป็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น เช่นรูปก็คือดิน น้ำ ลม ไฟ มันเป็นอนัตตา คือความไม่ใช่ตัวตน เป็นต้น..........
     
  10. gamemaster

    gamemaster Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +62
    คำถามนี้ ประเด็นคือเรื่องที่ไม่ใช่ทางหลุดพ้น อจินไตย
    คำตอบที่แท้จริงมีให้สำหรับผู้ที่อยากรู้ต้นกำเนิดแห่งระบบสังสารวัฏ คุณต้องบำเพ็ญจนได้เป็น ปัจเจกพระพุทธเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้สิทธินั้น
    - อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม จากการวิเคราะห์และศึกษาไตรปิฏก และนั่งกรรมฐาน จะอธิบายโดยใช้ภาษาที่อ่านง่ายๆ
    ระบบสังสารวัฏทำงานคล้ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีศีล 5 เป็นบรรทัดฐาน เป็นเงื่อนไขในการกำหนดอายุ ของมนุษย์
    - บางจักรวาลระเบิดไป ก็มีจักรวาลใหม่เกิดขึ้น เมื่ออุณหภูมิและสิ่งแวดล้อมพอเหมาะ พรหมชั้นอาภัสสร จะถูกส่งลงมาเกิดเป็นลำดับแรก ลักษณะการเกิดคือ โอปาติกะ เกิดมาโตเต็มวัย ในช่วงแรกลักษณะจะตัวใส ๆ ไม่มีเพศ มีฤทธิ์ เหาะได้ กินอากาศเป็นอาหาร มนุษย์ยุคแรกมีลักษณะเป็นเทพนั่นเอง สิ่งที่ระบบลบออกไป คือ สัญญา นั่นคือความทรงจำนั่นเอง
    - ระบบสังสารวัฏจะสร้างกับดัก ชิ้นแรกออกมาคือ อาหาร ม้นคือง้วนดิน มีกลิ่นหอมน่ากิน ลักษณะนี้เป็นมาเช่นเดิมทุกครั้ง เหมือนโปรแกรมที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลใดก็ตาม อาภัสสรพรหม เมื่อหลงไปกินเข้า กายทิพย์ใสๆ จะหม่นลง ยิ่งกินไปเยอะสีจะยิ่งเข้ม ทำให้สีผิวแต่ละองค์ ไม่เท่ากัน เมื่อมีการกินเกิดขึ้น แต่อาหารมีน้อย ก็เกิดการกักตุน การขโมย และ สงครามนั่นเอง
    เมื่อง้วนดินหมด จะเกิดเป็นต้นข้าวขึ้นมาแทน กายทิพย์จะถูกทำลายเพราะอาหาร ทำให้สภาวะเทพเสื่อมลง ฤทธิ์ไม่มีแล้ว เหาะไม่ได้ ร่างกายวิวัฒนาการจากแบบใส กลายเป็นผิว และเริ่มมีเพศเกิดขึ้น การสมสู่ การสร้างที่อยู่ การสร้างเมือง ผู้นำเป็นกษัตริย์
    - เงื่อนไขของอายุ ถ้ารักษาสภาวะทิพย์แบบอาภัสสรพรหมไว้ได้ อายุมากกว่า แสนปี การกินจะทำให้อายุขัยอยู่ที่ประมาณ 1 แสนปี ตัวตัดทอนอายุขัย คือ ศีล 5 เรื่องทุกอย่างมันเกิดมาจากกิเลสจากอาหาร เมื่อครอบครัวใดผิดศีล เช่นอาหารขาดแคลนบ้านนี้ ก็ไปขโมยมา คือผิดศิลล่ะ ทายาทครอบครัวนี้ อายุขัยรุ่นถัดไปคือกึ่งนึง มันจะหารสองลงไปเรื่อย ๆ จนถึง 100 ปี ทุก 100 ปี อายุขัยจะลดลง 1 ปีโดยอัตโนมัติ จะลดลงจนเหลือแค่ 10 ปี จะเกิดบาปที่ร้ายแรงคือการสมสู่ในครัวเรือนและฆ่ากันกิน มนุษย์จะตัวเล็กมากเกิดมา สองสามปี ก็สมสู่ได้ล่ะ หน้าตา พ่อแม่ลูกไม่ได้ต่างกันเรื่องอายุมาก ก็จะสมสู่กันเอง อาหารหายากเพราะตัวเล็กจิ๋ว ก็จะฆ่ากันกิน ตรงนี้ จะเป็นจุด reset ที่จะบวกอายุขัยด้วยศีล 5 บ้านไหนรักษาศีลได้ อายุขัยก็จะบวกให้คูณสอง ในยุคพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในกัปป์ที่เราอยู่นี้คือเจ้าชายสิทธัตถะ ลงมาเมื่อมนุษย์อายุขัยเฉลี่ย 100 ปี คำนวณดูเองนะครับว่าอายุขัยเฉลี่ยมนุษย์ตอนนี้มันก็แค่ 70 กว่าๆเอง พระพุทธเจ้าองค์ถัดไปมาช่วงมนุษย์อายุขัย 80000 ปี นั่นคือพระศรีอริยะเมตไตรนั่นเอง
    - แล้วพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาได้ไง ? ถ้าระบบนี้เป็นกงล้อหมุนเป็นอนันต์ ก็ไม่น่าจะมีผู้ที่หลุดออกจากระบบได้ ในลักษณะของการทำงานเราเรียกว่ามี bug เกิดจาก error ในบางจุด ระบบสังสารวัฏมีการเก็บข้อมูลของสัญญา คือความทรงจำทุกชีวิตในระบบไว้ที่ใดที่หนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบก็ harddisk ใน server ปริศนาก็คือ องค์ปฐมพระพุทธเจ้าองค์แรก เกิดขึ้นเมื่อ สี่แสนมหากัปป์แรก ซึ่งรูปแบบการเกิดต่างจากพระพุทธเจ้าองค์หลัง ๆ สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญมากกว่า ค่อยสร้างกฏสำหรับพระพุทธเจ้าองค์อื่นตามมา องค์ปฐมเกิดความสงสัย เหมือนที่เราทุกคนเป็นกันนั่นคือ เดจาวู ขึ้นมาก่อน ท่านรู้สึกเหมือนเหตุการณ์บางอย่างเคยทำมาก่อน สถานที่บางที่เหมือนเคยมาทั้งที่เป็นครั้งแรก นั่นคือเหตุการณ์รั่วไหลแห่งสัญญา หรือ ความทรงจำเก่าที่ตกค้างอยู่นั่นเอง เลยมีการนั่งสมาธิจนตรัสรู้ คือ รู้แจ้ง ว่าตัวเองติดอยู่ในระบบนึง ออกไม่ได้ซะทีเกิดมาพันล้านกว่ารอบแล้ว นั่นเอง
    มาว่ากันด้วยเรื่องการอยากเป็นพระพุทธเจ้ากัน เป็นได้ทุกคน แต่จะมีเงื่อนไข เหมือนเราไปเล่นเกมส์แล้วมีเควสให้ทำ ประมาณนั้น พระพุทธเจ้ามีอยู่ สองประเภทใหญ่ และ สามประเภทย่อย มาดูกัน
    แบบแรกเรียกสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ สอนผู้อื่นให้รู้ตามเป็นศาสดานั่นเอง
    ประเภทของพระพุทธเจ้า
    ในพระไตรปิฎกจะแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าไว้ดังนี้ การแบ่งประเภทของพระพุทธเจ้าตามวิธีการสร้างบารมี[1]
    -ปัญญาธิกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 20 อสงไขยกับอีก 100,000 มหากัปป์
    ตั้งความปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในใจ 7 อสงไขย กล่าววาจาปารถนาเป็นพระพุทธเจ้า 9 อสงไขย นับเวลาตั้งแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก 4 อสงไขยกัป กับอีก 100,000 มหากัปป์
    -ศรัทธาธิกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 40 อสงไขยกับอีก 100,000 มหากัปป์
    ตั้งความปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในใจ 14 อสงไขย กล่าววาจาปารถนาเป็นพระพุทธเจ้า 18 อสงไขย นับเวลาตั้งแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก 8 อสงไขยกัป กับอีก 100,000 มหากัปป์
    -วิริยะธิกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ความเพียรเป็นตัวนำ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 80 อสงไขยกับอีก 100,000 มหากัปป์
    ตั้งความปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในใจ 28 อสงไขย กล่าววาจาปารถนาเป็นพระพุทธเจ้า 36 อสงไขย นับเวลาตั้งแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก 16 อสงไขยกัป กับอีก 100,000 มหากัปป์

    อีกประเภทคือ ปัจเจกพระพุทธเจ้า เก็บทุกอย่างแค่ครึ่งเดียว คือเป็นง่ายกว่าแต่ จะไม่ได้สอนคนอื่นรู้ตาม คือ ไม่ได้เป็นศาสดานั่นเอง
    ** จำนวนกัปป์ 1 กัปป์ = การเกิดขึ้นของจักรวาลและแตกดับ 1 ครั้ง ดาวโลกเราตอนนี้ เกิดมา 4500 ล้านปี นี่ยังไม่ครบ 1 กัปป์นะครับต้องแตกไปก่อนถึงจะนับ กัปป์ที่เราอยู่ชื่อว่า ภัทรกัปป์ คือกัปป์ที่มีพระพุทธเจ้า 5 องค์ ผ่านไปแล้ว 4 องค์ เราอยู่ในช่วงศาสนาของสมณโคตมเจ้าชายสิทธัตถะ เลือกเป็นพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ ซึ่งเก็บบารมีน้อยสุดในสามแบบทำให้ศาสนาพระองค์ท่านสั้น ตามจริงอยู่ได้แค่ถึงปี 2500 เท่านั้น ส่วน 2500 ปีหลังเทพและกึ่งเทพ ขอต่ออายุศาสนาเท่านั้น กระแสสงฆ์ช่วงนี้เลยเสื่อมไป กระแสเทพ คนมีองค์จะเข้ามาแทน
    ** แล้วจำนวนอสงไขยล่ะ 1 อสงไขย = 1ตามด้วยเลข 0 อีก 140 ตัว เยอะมาก กว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าเกิดจนเมื่อย สถานที่ผู้ที่รอคิวเป็นพระพุทธเจ้าเราเรียกว่า สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นชั้้นที่สี่ ของสวรรค์ เต็มไปด้วยเหล่าพระโพธิสัตว์ ที่รอมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ผู้ที่ถูกพระพุทธเจ้าทำนายไว้เรียกว่า นิติยะโพธิสัตว์
    - พระโพธิสัตว์แต่ละองค์ต้องผ่านการเจอพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สองล้านพระองค์เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับการเลือกว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าแบบใด ถ้าวิริยะธิกะนี่จะนานโขเลย พระศรีอริยะเมตไตร เก็บแบบนี้ ทำให้ศาสนายุคสุดท้ายของกัปป์นี้ เจริญ และพระองค์สอนมนุษย์ใช้พลังจิต แทนพลังงานเชื้อเพลิงที่มนุษย์ใช้จนหมดสิ้น
    - ภารกิจที่ทำได้ยาก ที่พระโพธิสัตว์ทุกองค์ต้องทำให้ได้คือ การเก็บบารมี เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะเก็บ ในหนังสือพระเจ้าสิบชาติ ตามนั้นเลย เช่นลงมาเกิดเพื่อเก็บภารกิจ ความเพียร อย่างพระมหาชนก ลงมาทำมหาทาน ที่ทานลูกเมีย เหมือนพระเวสสันดรเป็นต้น ข้อที่ยากคือ ตอนเกิดมา ระบบดันลบความทรงจำทิ้ง กว่าจะรู้ว่าลงมาทำไรก็ แก่ล่ะ หรือ ไม่รู้เลยก็มี ทำกรรมตกนรกไปเลยก็มี
    - มีเควสที่ยากสุดๆ อยู่อัน คือต้องทานชีวิตให้พระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง อย่างเรื่องพระศรีอริยเมตไตร ภพชาติเกิดมาเป็นกษัตริย์ เดินตามหาพระพุทธเจ้าเพิื่อฟังธรรม ยกราชสมบัติให้เณรน้อย แล้วเดินจนเท้ามีแต่เลือด พระพุทธเจ้าในยุคนั้นก็วาป มาหา พอได้ฟังทำ เลยเอาเล็บตัวเองปาดคอจนขาดถวายพระพุทธเจ้าเป็นต้น ทำให้พระโพธิสัตว์หลายองค์ที่ติดข้อนี้อยู่ เลยต้องรอคิวต่อไป ใครจะรู้ว่าลงมาเกิดเพื่อมาฆ่าตัวตายถวายเล่า

    - จากทั้งหมดที่ ผมกล่าวไป อ้างอิงจากพระไตรปิฏก ท่านสามารถหามาศึกษาเพิ่มเติมได้ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะเขียนสดไม่ได้เปิดดูเพื่อเช็ครายละเอียดอย่างถี่ถ้วน

    สุดท้าย วิเคราะห์จากระบบสังสารวัฏ ทางออกคือ คุณสามารถออกได้เลยในภพนี้ โดยการเป็นอรหันต์ ก็หลุดได้แล้ว แต่การเป็นอรหันต์ ใช่ว่าจะรู้คำตอบว่าใครสร้างระบบนี้ขึ้นมา เพราะการระลึกชาติของพระอรหันต์มีจำนวนจำกัดอยู่ และท่านว่ารู้ไปก็ไม่ใช่ทางหลุดพ้นนั่นเอง
    ** คนที่อยากรู้มาก ๆ ส่วนใหญ่จะปณิฐานตนเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าเลย หรือ ปัจเจกพระพุุทธเจ้าสำหรับผู้ที่ไม่อยากเก็บบารมีนาน สำหรับผู้ที่ลาออกเพราะทนเก็บนานๆ ไม่ไหว ก็มี เค้าเรียกว่า ลาพุทธภูมิ กรรมจะตามหนัก 7 เท่าด้วย ระวังไว้ด้วย

    ** มาดูกันหลัก ๆ ระบบนี้ มี ศีล 5 เป็นตัวกำหนดเกือบทุกอย่าง มีกรรมเป็นเครื่องบรรทึกและออกตั๋วว่า เราจะไปสวรรค์หรือ นรก มีภพภูมิ 31 เป็นสถานที่รองรับ มีทางออกเรียกว่า แดนนิพพาน ที่แดนนิพพาน ไม่ต้องมาเกิดอีก ไม่มีขันธ์ 5 อาจจะเป็นแค่ ดวงไฟ ลอยไปมาก็ได้ อันนี้ ไม่เคยไป
    แต่จากที่ระบบคัดเอาเฉพาะคนที่มีศีล และ อรหันต์ พระพุทธเจ้า ที่ปฏิบัติดี ให้ออกจากระบบไปได้ เหมือนลักษณะ คุก ที่ขังนักโทษมากกว่า ทำตัวดีมากค่อยปล่อยออกไป หรือระบบคัดสรรบุคคล แต่จะเจตนามาหรือ บังคับอันนี้ไม่รู้
    แล้วจะกักไว้ทำไมเยอะแยะ เกิดแล้วเกิดอีก ลักษณะลูป คือ วนซ้ำๆ เหมือนเรื่องพลังงานนิวเคลีร์ อาจจะนำไปใช้ในการให้พลังงานระบบก็ได้ เราอาจจะเป็นแค่ถ่านไฟฉายในระบบเท่านั้น
    ระบบมีความซับซ้อนมาก แค่ร่างกายมนุษย์ก็ซับซ้อนมากแล้ว เพราะฉนั้นผู้สร้างต้องเก่งด้านวิทยาศาสตร์ขั้นสุดยอด
    เปรียบเทียบแบบรูปธรรมโครงสร้างระบบ เหมือนเกมส์ออนไลน์ ผู้เล่นลงมาเล่นเกมส์ เกมส์นี้มีทางออกเดียว คือ แดนนิพพาน มีเทวดา มีปิศาจ มีกิเลส อยู่ในเกมส์มากมาย มีกับดักที่ระบบสร้างขึ้น คือกิเลส คนที่ตายในเกมส์ เวลามาเกิดใหม่สิ่งที่เสียไป คือ ความทรงจำ ที่ที่ติดมาคือ กรรมและเจ้ากรรมนายเวร พวกนี้จะไม่รู้ว่าติดอยู่ในระบบ เกิดซ้ำไปซ้ำมาจนหนี้กรรมมหาศาลออกไม่ได้ซะที มีผู้ปลดปล่อย เกิดมาเป็นช่วง ๆ คือพระพุทธเจ้า อยากเป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องเก็บเควสให้ได้ตามที่เกมส์กำหนด ผู้เล่นต้องตามหาผู้ปลดปล่อยแล้วจะหาทางออกได้ไวขึ้น คนที่ฟังธรรมกับผู้ปลดปล่อย อย่างน้อยๆ ก็บรรลุโสดาบันล่ะ ฟังแค่ไม่กี่นาที ถ้าฝึกเองทั้งชีวิตอาจจะฝึกไม่ได้เลยก็มี สุดท้ายมนุษย์อาจจะเจตนาลงมาเล่นเกมส์สังสารวัฏนี้เองก็เป็นได้ ด้านนอกแดนนิพพาน อาจจะเต็มไปด้วยเซิฟเวอร์ที่เก็บฐานข้อมูลผู้เล่นก็เป็นได้ -*-
    -------------------------------------------------------
    คุณจะออกจากเกมส์นี้ ในภพนี้เลย หรือ อยากเล่นต่อไปเรื่อยๆ
    ไม่ต้องรู้ระบบแต่ออกเกมส์ได้ มุ่งอรหันต์
    ถ้ารับไม่ได้อยากรู้ทุกอย่างต้องตรัสรู้ ก็ไปเข้าคิวเพื่อรอเป็นพระพุทธเจ้า
    เข้าคิวแล้วรอไม่ไหว ก็ลาพุทธภูมิ
    สุดท้ายระบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน พระพุทธองค์ทุกๆ พระองค์จึงสอนให้เราออกจากระบบสังสารวัฏ -*-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2011
  11. vm

    vm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1
    คุณพณิชพล ขอบคุณในสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด ชั่งเป็นสิ่งที่โดนใจจริง คำพูดและความสงสัยและคำถามมากมายอยู่ในใจมานานและไม่ต่างอะไรกับของคุณเลย แต่แล้วก็ยังคงมีอยุ่ในใจมาตลอด ขอบคุณ ๆ ที่มีเพื่อนร่วมโลกที่มีความรู้สึกเหมือน ๆ กัน..
     
  12. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้โพสกระทู้ และผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ
     
  13. สมบัติธรรม

    สมบัติธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +29
    ขออนุญาตินำไปเผยแพร่นะครับ
    อนุโมธนาด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    [​IMG]
    ขอบุญบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่โพส ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้โพสกระทู้ ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้อ่านกระทู้ และฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ
     
  15. Nanpri

    Nanpri Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +48
    เห็นด้วยกับความสงสัยของคุณพณิชพลค่ะ..ทุกวันนี้ก็เฝ้าถามตัวเองกับคำถามนี้มาตลอด..สงสัยว่าก่อนที่จะให้มาเกิดทีแรกๆน่ะ เคยถามบ้างมั้ย?ว่าอยากมาเกิดหรือไม่ เพราะความรู้สึกโบตอนนี้ไม่ได้อยากมาเกิดแล้วเจอชีวิตแบบที่ผ่านมาซักหน่อย?
     
  16. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ไม่มีผู้สร้าง ในศาสนานาพุธ ที่ถูกจําเพราะ เจาะจงว่า เขาสร้าง มีเเต่ เราสร้าง

    ผู้สร้าง กับ ผู้ถูกสร้างเป็นคน คนเดียวกันเเต่เดิมมา
    เราเป็นผู้สร้างตัวเราขึ้นมาเอง เรากําหนดตัวเราขึ้นมาเองทั้งนั้น

    ส่วนที่บอกว่าเขาคอยควบคุมเรานั้น ก็ไม่จริง เราคุ้มของเราเองมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครคุมอะไรเราได้
    จิตมีความอิสระถาวรณ์
    เเค่เริ่มคิด นั้นก็ถือว่าเป็น องค์ประกอบของการมีตัวตนเเล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2011
  17. gamemaster

    gamemaster Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +62
    ขอสนธนาธรรมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หน่อยนะครับ
    1. ผู้สร้าง กับ ผู้ถูกสร้างเป็นคน คนเดียวกันเเต่เดิมมา
    เราเป็นผู้สร้างตัวเราขึ้นมาเอง เรากําหนดตัวเราขึ้นมาเองทั้งนั้น

    ปุจฉา : แสดงว่าเราจะสร้างตัวเราขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ หรือ สร้างตัวเราขึ้นมาหลายๆ ตัวก็ได้ ถ้าเราเป็นผู้สร้างทุกอย่างเอง เราสร้าง เชื้อโรค และ ภัยธรรมชาติขึ้นมาเพื่ออะไรหรือ เราสร้าง เกิด แก่ เจ็บ ตาม ขึ้นมาเพื่ออะไร

    2. ส่วนที่บอกว่าเขาคอยควบคุมเรานั้น ก็ไม่จริง เราคุมของเราเองมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครคุมอะไรเราได้
    ปุจฉา : ไม่เคยมีใครคุมอะไรเราได้ งั้น เราก็กำหนดวันตายได้เอง หรือ ไม่ยอมตายก็ได้สิ เรื่องกรรมในพระพุทธศาสนาก็เป็นโมฆะด้วย เพราะเราคุมเองได้ เวลาเราป่วยเราคุมเองหรือเปล่า เวลาเราแก่ล่ะ แค่เรื่องเวลาเรายังควบคุมมันไม่ได้เลย

    3.จิตมีความอิสระถาวรณ์

    ปุจฉา : อิสระคือ เราสามารถส่งจิตไปแดนนิพพานได้เลยไหม ไปไม่ได้ก็ไม่อิสระ แล้วใครไม่ยอมให้จิตเราไปที่นั่น แล้วพระพุทธองค์จะตรัสรู้ หรือ บำเพ็ญมายาวนานเพื่ออะไร

    4. เเค่เริ่มคิด นั้นก็ถือว่าเป็น องค์ประกอบของการมีตัวตนเเล้ว
    ปุจฉา : องค์ประกอบของการมีตัวตน คือ ขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ได้มาด้วยกระบวนการคิดหรือ การเกิดก็ไม่จำเป็นสิ แล้วคนที่ตายไปยังคิดได้อีกหรือปล่าว เช่น อุบัติเหตุไฟคลอกตาย เราสร้างตัวตนที่ตายแล้ว ขึ้นมาใหม่ด้วยการคิดได้ใหม ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2011
  18. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    วิสัชนา

    เราสร้างของเราขึ้นมาเองนั้น จริงเเท้เเน่นอน
    กรรมใด บุญไหน ที่ทําให้คุณเกิดขึ้นมา จุติขึ้นมาเป็นมนุษ ใครทําให้คุณเกิดมา

    การควบคุมบังคับมาจากไหน
    ก็มิใช้มาจากผลของการกระทํา เเต่เดิมมาของเราหลอกหรือ

    กรรมเป็นตัว กําหนด วิถีทางเดินให้ตนเอง
    เมื่อกรรมเป็นตัวกําหนด การกระทําเเละ ผลตอบเเทนในลําดับต่อๆมาของการเกิด ดับ เวียนว่าย ตายเเล้วตายอีก ก็มิใช้จากกรรม หลอกหรือ

    จิตมีความอิสระเเบบถาวรณ์
    เเต่เดิมมาจิตเรา ใจเรามันมีอะไรมาปรุงเเต่งหรือค่ะ

    ก็จิตมัน บริสุทธิ์ ของมันมาเเต่เดิมเราเองที่มาปรุงเพิ่ม เเต่งเพิ่ม ดึงนั้น นู้นนี้เข้ามาผสมปนเป จน เเยกไม่ออกเเล้วว่าไหน จริง ใหนไม่จริง จะเกิดกี่ชาติ กี่ภพ เหตุที่เกิด มันก็มาจากใจที่เป็นตัวกําหนดสะสมขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย เเละมีทายาติ ของใจออกมาเป็นกรรม เเละ เจ้ากรรมตัวที่ว่า มันก็มากําหนด มาขีดนั้น วางนี้ จนต้องลงมาจุติ เพื่อใช้ซึ่งกรรม ที่สะสมเอาไว้จากเเรงใจที่เคยอิสระของเราทั้งนั้น มิใช้หรือเจ้าค่ะ

    จะตายจะเจ็บ จะดีจะร้าย จะเป็นนายกเป็นฝ่ายค้าน ก็มาจากใจเราเเต่เดิมกันทั้งนั้น เราเริ่มปรุงใจตนเองกันมานานเเล้ว นานจนเราย้อนไปกันไม่ถึง เเม้ละลึกชาติได้ คุณก็ละลึกได้เเค่ ช่วงของชาติ ภพ ที่ใจมันสะสมเป็นตะบะมีกําลัง พอส่งกลับมาถึงให้ใจ ณ ปจุบัน มันรับรู้ได้ ส่วนไอ้ที่มันย้อนไปไกลๆ ถึง ต้นกําเนิดของจิตเดิมน่ะ มันย้อนไม่ได้หลอก เพราะมันไม่มีอะไรจะให้ย้อน กําลังมันน้อย ภาพมันไม่ชัด ไม่ปะติปะต่อ

    การเกิด การจุติ
    นั้นมันเป็นการเกิดของ จิต หรือ ใช้หรือ
    มิใช้ดํารงค์ จิตมาเเต่เดิมเเล้วดอกหรือ จึง รวมได้เป็นขันห้า
     
  19. ทิ้งสมอ

    ทิ้งสมอ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +77
    อนุโมทนาด้วยครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่หวังจะนิพพานในชาตินี้เพระผมทนขันธ์5ไม่ไหวแล้วผมเบื่อมันมากจนบางครั้งอยากฆ่าตัวตายไปเลย
     
  20. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คุณทิ้ง สมอ ต้องปฎิบัติแล้วละครับ ถ้า อาการขั้นนี้แล้ว ต้องยกกระชับ เอ้ย!!!!ยกจิตตัวเองก่อนเลยครับ อย่าลืมว่า พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...